Blood Moon รัติกาลใหม่
1) บัดดี้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความในรั้วที่แสนสงบที่มีชื่อว่าคานาเรีย เด็กหนุ่มสาวมัธยมปลายต่างก็หมั่นศึกษาไขว่ขว้าหาความรู้เฉพาะด้านตามสาขาที่ตนไดเลือกและ... ต่อไปนี้พวกเขาอาจจะต้องเรียนสาขาบังคับของโรงเรียนซึ่งเป็นโปรแกรมใหม่ที่เพิ่งคิดออกมาเป็นรูปเป็นร่างได้ไม่นาน และสาขานั้นก็คือ...
สาขาวิชาการต่อสู้และเอาชีวิตรอด ซึ่งผู้อำนวยการเป็นผู้ก่อต้องขึ้นเนื่องจากลูกสาวของท่านถูกอันธพาลที่ดัดแปลงร่างกายฆ่าตาย ท่านจึงจัดตั้งมันขึ้นมาเพื่อสอนให้นักศึกษาทุกคนเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวได้ และนั่นยังเป็นผลพลอยได้ที่มันทำให้นักศึกษามีรายได้จากการทำภารกิจที่มีคนมอบหมายให้ทางโรงเรียนส่งต่อ
ตึกๆ เสียงส้นรองเท้ากระทบกับพื้นทางเดินหินของโรงเรียนอย่างแผ่วเบา แต่ด้วยรูปร่างและใบหน้าอันโดดเด่นของผู้เป็นเจ้าของทำให้หญิงสาวน้อยใหญ่ในชุดยูนิฟอร์มสีต่างๆ ต่างก็เคลิบเคลิ้มไปตามๆกัน และยังทำให้ผู้ชายหลายคนรู้สึกคันไม้คันมือและเส้นกระตุกขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน
เด็กหนุ่มผิวขาวละเอียด ร่างสูงโปร่ง เจ้าของเส้นผมสีทองยาวประบ่าพริ้วพัดไปตามสายลมหนาว ดวงตาเรียบคมรับกับนัยน์ตาสีฟ้าเย็นยะเยือกมองตรงไปด้านหน้าโดยไม่สนใจสิ่งเร้ารอบตัว คิ้วเรียวได้รูปและริมฝีปากที่ไม่เคยแย้มยิ้มทำให้เขาดุมีเสน่ห์และน่าค้นหายิ่งนักสำหรับเหล่าหญิงสาวผู้อาจหาญ
เขาสวมเสื้อโค้ทสีครีมทับยูนิฟอร์มสีน้ำเงินเข้มของโรงเรียนซึ่งนั้นก็ยิ่งทำให้เขาดูเท่ห์เข้าไปใหญ่
ฉันไม่ได้เรียนนิเทศสักหน่อยมองกันอยู่ได้ เขาคิดอย่างเหนื่อหน่ายในขณะที่เดินตรงไปยังอาคารซึ่งเป็นจุดนักหมายในเช้าวันนี้ของนักเรียนทั้งหมด เห็นว่าผู้อำนวยการจะประกาศรูปแบบการศึกษาแบบใหม่... ซึ่งมันไม่ใช่อะไรที่ดีเลยเวลาตาแก่หัวเถิกนั่นออกมาขอแก้ไขรูปแบบการศึกษา นอกจากพูดพล่ามจนน้ำลายจะทั่วหอประชุมกับประกาศอุดมการณ์แล้วก็ไม่ทำอะไรอีกเลย... เรียกได้ว่าน่าเบื่อเกินบรรยาย
ถ้าไม่ใช่เพราะนี้เกี่ยวกับคณะศิลปะการต่อสู้ ฉันไม่มีวันเข้าไปนั่งฟังหมอนั่นบ่นอีกแน่ แค่ตอนปฐมนิเทศน์ก็เกินพอแล้ว!... นึกถึงก็สยองไม่หาย ฮึย! เขาขมวดคิ้วนิดและแสดงออกถึงความไม่พอใจทางสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดินเข้าไปยังที่ประชุมอันคับแน่นไปด้วยนักศึกษาผู้ไม่รู้จักเข็ดหลาบ
"เอาหละ ที่มาประกาศวันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันแค่อยากจะให้พวกเธอได้เรียนรู้ในรูปแบบใหม่ โดย..." ชายหัวโล้นจนแทบเรียกได้ว่าล้านยืนอยู่หลังแท่นบรรยายบนพื้นที่ยกระดับ เขาสวมสูทเป็นทางการสีดำ... เสียอย่างที่ว่าเขาเอาเน็คไทมาผูกเป็นหูกระต่าย แถมยังเป็นสีชมพูลายจุดสีน้ำเงินอีกด้วย ซึ่งมันทำเอานักศึกษาที่นั่งแถวหน้ากัดปากกลั้นหัวเราะกันจนห้อเลือดเลยที่เดียว ส่วนพวกนิเทศก็ดีหน่อยเพราะว่าทักษะการแสดงช่วยเอาไว้มาก
"...เราจะจัดให้มีการทำภารกิจ แน่นอนว่าเงินรางวัลและประสบการณ์เป็นของพวกเธอ แต่ว่าพวกเธอจะต้องมีบัดดี้ ซึ่งห้ามเป็นคนในระดับชั้นเดียวกันเพราะเดี๋ยวพวกปี1จะเดือดร้อน..." แล้วตาแก่หัวเกือบล้านก็ยังคงพูดพล่ามต่อไปจนนักศึกษาบางคนก็กลั้นหัวเราะจนท้องแข็งใกล้ตาย หรือบางคนที่เมาน้ำลายเข้าขั้นอาการโคม่าแล้ว
ติ้งหน่อง... เวลาผ่านไป2ชั่วโมง30นาที
"...ขอจบการอธิบายเพียงเท่านี้ ไปไป ไปหาบัดดี้ของตัวเองแล้วไปลงทะเบียนซะ"
นี่ช่างเป็นประโยคที่ช่างชีวิตหลายร้อยชีวิตการตายที่อนาถาที่สุดในโลกเอาไว้จริงๆ...
หลังจากจบการบรรยาย เหล่าหนุ่ยสาวก็รีบปฏิบัติตามคำสั่งทันทีเนื่องจากเกรงว่าช่วงเย็นจะต้องมานั่งฟังผู้อำนวยการเทศนาเรื่องดำเนินการล่าช้าอีก
แต่ถึงจะเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งแต่มันก็ทำให้โรงเรียนคึกครื้นขึ้นมาถนัดตาเมื่อเหล่าพวกคลั่งคนดังของโรงเรียนต่างก็รวมตัวกันเพื่อขอเป็นบัดดี้กับคนดังเหล่านั้น และมันก็คึกคักขึ้นเรื่อยๆซะด้วย... จนนี่ก็กลายเป็นการเกิดจราจลขยายย่อมแล้วเห็นจะได้
"คุณเบลฟูล! ได้โปรดมาเป็นบัดดี้ให้กับผมเถอะครับ!"
"ไม่ใช่แก ต้องฉันสิ ฉันเก่งกว่าแกเห็นๆ"
"มาเป็นบัดดี้กับผมดีกว่า"
และอีกสารพัดคำเชิญชวนที่ไม่ได้เรื่องของเหล่าชายหนุ่มที่ยืนมุงกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ซึ่งพวกเขาก็ล้วนแต่สวมยูนิฟอร์มสีน้ำเงิน... ชายหนุ่มของคณะอื่นๆหนะหรือ? ตอนนี้นอนกองอยู่รอบๆแล้วหละ อย่างว่าหละนะ พวกคระศิลปะการต่อสู้นั้นขึ้นชื่อเรื่องพละกำลังและความเถื่อนโหดโฉด
ส่วนคณะอื่นๆ เช่น แพทย์ก็ขึ้นชื่อเรื่องหนอนหนังสือ นิเทศก็รักสวยรักงาม วิศวะก้ความคิดสร้างสรรค์พิลึกกึกกือ เป็นต้น
"ไม่!" เสียงหวานใสดั่งกระดิ่งเงินอันเต็มไปด้วยความเด็ดขาดดังขึ้นพร้อมกับร่างเพรียวเล็กในชุดยูนิฟอร์มสีขาวที่เดินกระแทกส้นรองเท้าออกมาอย่างไม่พอใจสุด เธอมีผมสีเงินหยักศกสั้นประบ่าอันและนัยน์ตาสีแดงฉานอันเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยบัดนี้กลับมีอารมณ็ร้อนกรุ่นปรากฏขึ้นเล็กๆ แต่นั่นก็มิอาจทำให้ใบหน้าหวานสวยนั้นหมดประกายไปได้
ฉึกๆๆๆๆๆ เสียงแทงใจดำดังติดต่อกันหลายต่อหลายครั้งจนนับไม่ถ้วนในขณะที่เหล่าเด็กหนุ่มจากคณะศิลปะการต่อสู้ก็ล้มลงกองกับพื้นอย่างหมดอาลับตายอยากเมื่อถูกปฏิเสธเสียงแข็งอย่างไร้เยื่อใย
ตัวใหญ่ ใจปลาหางนกยูง(?)จริงๆ! เด็กสาวคิดในใจในขณะที่เดินไปนั่งอ่านหนังสือที่ใต้ร่มไม้ใหญ่ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุนัก
เบลฟูล... เธอเป็นเด็กสาวปี1จากคณะแพทย์ที่เพิ่งเข้ามาเรียนก็มีผลงานและกลายเป็นคนดังของโรงเรียน เนื่องจากใบหน้าที่น่ารักและน่าพิศวงในเวลาเีดียวกันกับการที่ไม่มีใครกล้าฮือกล้าอือกับเธอทั้งๆที่เธอเป็นแค่นักเรียนแพทย์ไร้ฝีมือทางด้านการต่อสู้... ซึ่งมันทำให้เธอกลายเป็นคนที่ดังเอามากๆของคณะศิลปะการต่อสู้โดยปริยาย
"ไงรุ่นน้อง คนในคณะของฉันมันไม่สบอารมณืเธอขนาดนั้นเชียว?" เสียงทุ้มนุ่มลึกดังขึ้นปลุกเด็กสาวที่ตกอยู่ห้วงคำนึงที่มีแต่ตัวอักษรลอยเต็มไปหมดให้ตื่นขึ้น
เธอเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่เข้ามาทักทายก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อยและปิดหนังสือในมืออย่างเซ็งๆ "ไม่ค่ะรุ่นพี่ชิลล์ ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันแต่ไม่ชอบพวกจิตใจอ่อนแอเท่านั้นเองค่ะ แล้วรุ่นพี่หละค่ะ พวกสาวสวยของคณะนิเทศศาสตร์มันไม่ตรงสเปคสักคนเลยหรือค่ะ? ฉันคิดว่าคุณชอบผู้หญิงสวยๆซะอีก" เบลฟูลพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบในขณะที่เหลือบมองพวกที่ยังคงนอนชักอยู่กับพื้นอย่างเย็นชา
รุ่นพี่ผมทองผู้สวมชุดยูนิฟอร์มสีน้ำเงินหัวเราะเบาๆในลำคอแลวพูดออกมาว่า "ถ้าถูกใจแล้วจะมาขอให้เธอเป็นบัดดี้ทำไมกันหละ อีกอย่างนักศึกษาแพทย์ก็ยังเป็นหน่วยสนับสนุนที่ดีกว่านิเทศเยอะเลย" เขาพูดแล้วเดินไปกอดคอเด็กสาวจากด้านหลังอย่างถือวิสาสะ ก็รุ่นน้องเขา ใครจะทำไม?
"ก็ดีค่ะ แต่ว่ารุ่นพี่ต้องรับประกันว่าพวกผู้หญิงในฮาเร็มกับแฟนคลับจะไม่มาช่วยกันฆ่าปิดปากฉัน" เบลฟูลโต้ตอบทันที่พรางเอามือของรุ่นพี่หนุ่มออก
"ฮาเร็ม? พูดเป็นเล่นไป ใครบอก ฉันถือว่าเธอตกลงแล้วกันเพราะฉันลงทะบียนเรียบร้อยแล้ว" ชิลล์พูดอย่างไม่ใส่ใจในขณะที่ล้วงของบางอย่างจากระเป๋าเสื้อโค้ทตัวนอกแล้วโยนมันให้รุ่นน้องผู้แสนน่ารัก
เอาแต่ใจไม่เปลี่ยน...
หมับ เด็กสาวคว้ามันเอาไว้อย่างคล่องแคล่วแล้วมองดูด้วยความฉงน กำไลสีเงินที่มีสัญลักษร์เรืองแสงสีฟ้าน้ำทะเลเป็นรูปขนนก "อะไรหละนั่น? ของฝากจากต่างแดนเหรอ?"
"เครื่องมือสื่อสาร กดตรงนั้นแล้วมันจะแสดงแผนภารกิจและงานที่ต้องทำ แสดงรายละเอียดของเป้าหมาย" เด็กหนุ่มชี้ไปที่รูปขนนกตรงกำไลข้อมือแล้วกดสาธิตให้ดู แสงสีฟ้าปรากฏเป็นภาพโฮโลแกรมที่แสงตัวอักษรและคำสั่งต่างๆ "ทั้งหมดนี่สั่งการด้วยเสียง เธอคงจะใช้เป็นนะรุ่นน้อง" เขาพูดในขณะเหลือบมองโทรศัพท์รุ่นปุ่มกดที่เขาเลิกใช้กันไปนานแสนนานแล้วซึ่งอยู่ในมือรุ่นน้องของเขา มีเธอคนเดียวนั่นแหละที่ยังใช้รุ่นนั่นอยู่ เก่าโคตรขนาดพ่อยังไม่รู้จัก
"เป็น"เด็กสาวตอบกลับอย่างฉุนๆทันทีก่อนจะเดินผละจากไป
เด็กสาวผมเงินเดินออกมาจากความชุลมุนวุ่นวายจนมาถึงสวนน้ำพุของโรงเรียนซึ่งบัดนี้ร้างและไร้ผู้คน ตามรูปปั้นนางพรายทั้ง5ซึ่งยื่นมือขวาไปยังบ่อน้ำตรงกลางต่างก้มีตะไคร่สีเขียวๆขึ้นเต็มไปหมดจนแทบไม่เหลือความงาม
"จะตาม... ฉันไม่ถึงเมื่อไหร่?" เธอเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงราบเรียบโดยที่สายตายังคงมองไปยังรูปปั้นนางพรายที่บัดนี้ไม่มีน้ำไหลออกมาจากฝ่ามืออีกต่อไป บ่งบอถึงความปล่อยปละละเลยของนักศึกษาคระนิเทศศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลส่วนนี้
"รู้ตัวด้วยเหรอ? แต่ก็ดี พวกฉันจะได้จัดการง่ายๆหน่อย" เสียงแหลมสูงชวนปวดหัวดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของเสียงซึ่งเป็นเด็กสาวชาวพังค์ผู้ย้อมผมสีชมพูแปร๊ดและมีนัยน์ตาสีฟ้าซีด ยูนิฟอร์มสีน้ำเงินของเธอบอกชัดถึงสัญชาติอันป่าเถื่อน ส่วนเพื่อนๆของเธอนั้นสวมชุดยูนิฟอร์มสีแตกต่างกันไป
ทั้งสีเขียวของวิศวะ สีเทาของคณะนิเทศและสีชมพูของพวกเลดี้คลับ
"บังอาจมากมายุ่งกับคุณชิลล์แบบนี้ ยกโทษให้ไม่ได้!" นักศึกษาคนเดิมตะคอกใส่เธอด้วยเสียงแปดหลอดที่ชวนแก้วหูแตก
"เอ้า! ก็รุ่นพี่ฉันนี่" เบลฟูลพูดพรางเลิกคิ้วในขณะที่หันไปมองพวกนั้นอย่างจริงๆจังๆ ฉันรำคาญเสียงยายนี่จริงๆ "หรือว่าเธอมีปัญหา?" เธอพูดในขณะที่เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อนอก เอายังไงดี? ทำอย่างไรถึงจะเข้ากับสถานการณ์
"แต่เธอไม่...!!!" เด็กสาวคนนั้นหยุดปากเข้าไว้แล้วบังคับให้มันปิดสนิททันทีที่มองเห็นบางคนซึ่งโผล่มาจากด้านหลังของเด็กสาว
"มีปัญหาอะไรหรือไงอลิซ? เธอเป็นนักรบนะ ไม่ควรจะเอาเปรียบผู้ที่ไร้ทางสู้และอาวุธ และอีกอย่างการที่นำพวกมาตีผู้ที่อ่อนแอกว่าแบบนี้มันช่างไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดีเลย เธอไม่มีศักดิ์ศรีความเป็นนักรบหญิงแล้วหรือไง?" เสียงทุ้มต่ำแกมตำหนิดังขึ้นพร้อมกับเสียงส้นรองเท้าหระทบพื้นหินปูนอย่างเป็นจังหวะ
"แต่ฉันยังไม่ได้..." เด็กสาวนามอลิซเอ่ยปากดต้เถียงด้วยเสียงที่อ่อนทุ้มลงบ่งบอกถึงความเกรงอกเกรงใจต่อกันและกัน เธอหยุดประโยคนั้นไว้กลางอากาศแล้วหันเหลียวหลังไปมองพวกที่ตามเธอมา ในมือของพวกนั้นมีอาวุธหลากหลายชนิดด้วยกันตั้งแต่ไม่จิ้มฟันยันยานUFO(?) ซึ่งนั่นทำเอาเธอหมดสิทธิ์ในการแก้ตัวไปโดยปริยาย
เด็กสาวผมเงินก็มองเช่นกัน คิ้วของเธอขมวดเข้าหากันทันที มีบางอย่างผิดปกติ... เธอใช้ความสามารถในการสังเกตระบุสิ่งที่ผิดแปลกไปจากปกติแล้วเอ่ยปากออกไปด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า "ถอยออกมา รุ่นพี่อลิซ!" เมื่อสิ้นเสียงอันตื่นตระหนกของเด็กสาว วัตถุสีเงินวาวก็ถูกขว้างออกไปโดยมือซ้ายของเธอ
เคร้ง! มีดสั้นในมือนักศึกษาชุดเทาคนหนึ่งตกลงบนพื้นพร้อมกับมีดเปิดซองจดหมายที่บิ่นจนผิดรูป
อลิซรีบไถลตัวหลบมายังข้างกายของเด็กหนุ่มผมทองทันทีด้วยเหตุจะหาที่พึ่งอันไว้ใจได้ นี่มันอะไรกัน แววหวาดวิตกจนเกินเหตุปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอและนั่นก้มาพร้อมกับดาบสั้น2เล่มซึ่งทำจากโลหะที่มีความทนทานยืดหยุ่นเป้นพิเศษ ตัวดาบสีเงินวาวสะท้อนแสง
"นี่มันอะไร?" ชิลล์ถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดในขณะที่ดึงดาบออกมาจากเสื้อโค้ทสีครีมตัวใหญ่ เขาไม่ได้ถามอลิซแต่เขากำลังถามฝ่ายสนับสนุนอย่างเบลฟูลที่มีหน้าที่วิเคราะห์และสนับสนุน
"พวกเขาไม่ใช่นักเรียนของที่นี่..." เบลฟูลพูดในขณะที่ค่อยๆถอยไปยืนเป็นแนวหลัง ใบหน้าหวานสวยดูโหดเหี้ยมขึ้นมาอยู่ชั่วครุ่ก่อนจะเลือนหายไปทันทีเช่นกัน ความรู้สึกี่มันอะไรกัน... เธอสามารถได้ยินเสียงหัวใจได้ชัดเจนขึ้นจนน่าแปลกราวกับว่ามีใครควักมันออกมาจากอกแล้วนาบไว้ที่ข้างหูเธอ "ปีศาจ..." น้ำเสียงของเธอฟังดูราวกับคนนอนละเมอเพ้อพูดออกมา
แต่ว่ามันก็มีสิ่งหนึ่งที่ยืนยันคำพูดของเธอได้... ก็พวหนักศึกษาพวกนั้นนั่นแหละ
นัยน์ตาเหลือกขึ้นจนขาวโพลน เอ็นและเส้นเลือดปูดโปนจนเห้นได้ชัดราวกับจะทะลุผิวหนังออกมาพูดคุยกับผู้คน(?) เล็กมือกลายเป็นสีดำยาว... ไม่มีคำอื่นที่จะเหมาะไปกว่าคำนี้อีกแล้ว
นี่มันตัวอะไรกันวะเนี่ย! ชิลล์แสยะยิ้มเย็นแล้วเตรียมจะเข้าฟาดฟันทันทีที่สมโอกาสหรือมีการประเดิมเปิดฉากนองเลือดนี้... และเขาก็ฉลาดพอที่จะรู้ได้ว่าไม่ควรเป็นคนประเดิมเนื่องจากไม่มีผลดีเลยสำหรับการที่จะลองของเป็นคนบ้าเลือดร้อนกระโจนเข้าหาคู่ต่อสู้ที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางจำนวนเป็นสิบ
"พูดเป็นเล่น ไม่ใช่พวกมนุษย์กลายพันธุ์ในห้องทดลองของพวกเธอหรือไง ยัยพวกบ้าการทดลอง" อลิซรีบพูดถึงความเป็นไปได้ที่สูงที่สุดในโรงเรียน(?) ก็แหงหละพวกนักศึกษาแพทย์โรงเรียนนี้ยิ่งชอบสร้างสัตว์แปลกอยู่ ไม่แน่นะนี่อาจจะเป็นหนึ่งในผลงานผิดพลาดที่หลุดออกมาก็ได้
"ไม่ใช่..."เบลฟูลพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง มือขวาของเธอกุมหน้าอกซ้ายแน่นและมีอาการหอบหายใจ ทำไม... ทำไมหัวใจถึงได้เต้นเร็วอย่างกับ... จะหลุดออกมาแบบนี้... เธอพยายามแบมือซ้ายที่ตอนนี้เกร็งจนเอ็นตึงไปหมด "พวกนี้... ไม่ใช่แน่นอน"
"เธอเป็นอะไร?" อลิซถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงความกันวนในขณะที่มองพวกที่อยุ่รอบๆซึ่งค่อยๆตีวงกันเข้ามาจนแทบไม่เหลือทางออก "อุ้มยายนั่นซะแล้วฝ่าออกไป ชิลล์นายก็รุ้ที่เป้นทางที่ไม่เสี่ยงที่สุดแล้ว" ถึงฉันจะไม่ชอบแต่การจะปล่อยให้ใครตายต่อหน้ามันเสียศักดิ์ศรีสุดๆเลย
"ไม่ได้หรอกอลิซ... พวกนั้นหนะนะ" ชิลล์ส่ายหน้าเบาๆในขณะที่หยุดคำพูดเอาไว้อย่างลังเลไม่กล้าพูดต่อก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป "ฉันเคยสู้กับพวกมัน พวกมันตายเบลฟูลมา เป็นปีศาจ"
"รุ่นพี่... พวกมันไม่ถูกกับน้ำ" เด็กสาวผมเงินฝืนพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าราวคนแก่ มือของเธอก็ชี้ไปยังในบ่อน้ำด้านหลังของเธอ "ฟัน... หัวน้ำพุ" เธอเค้นเสียงพูดออกมาก่อนที่จะทรุดลงข้างๆขอบหินของบ่อ อะไรกัน...
เด็กหนุ่มผมทองพยักหน้า เขาขว้าเอวเด็กสาวทั้งสองแล้วกระโดดขึ้นใช้มือของรุปปั้นนางพรายเป็นแท่นกระโดด ในขณะที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ ดาบในมือของเขาก็ถูกขว้างลงไปยังในกลางบ่ออย่างแรง เสียงเคร้งดังขึ้นพร้อมกับสายน้ำที่พวยพุ่งและกระเซ็นออกข้างอย่างแรง
ปีศาจที่ถูกหยดน้ำกระเซ็นใส่เริ่มร้องโหยหวนด้วยเสียงแสนจะชวนเอามีดทิ่มแก้วหูให้แตก ตามร่างกายของพวกมันมีแผลเหมือนน้ำร้อนลวก บางตนที่โดนไปเต็มๆก็จะสลายกลายเป้นฝุ่นหรือธุลีเถ้า
ชิลล์ทิ้งตัวลงบนเสาสูงเสาหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆ ในอ้อมแขนของเขาตอนนี้เหลือเพียงเบลฟูลเพียงคนเดียว ส่วนอลิซเธอกระโดไปอยุ่ที่อีกเสาหนึ่งเนื่องจากไม่ค่อยชอบเล่นบทเจ้าหญิงให้เจ้าชายมาช่วย เพราะอะไรหนะเหรอ? เพราะมันดูอ่อนแอหนะสิ!
ตัวเย็นและเบามาก... ชิลล์มองรุ่นน้องในอ้อมแขนซึ่งสลบไร้สติสลับกับพวกปีศาจที่บัดนี้สลายหายไปเกือบหมดสิ้นแล้ว "อลิซ ห้องพยาบาลไปทางไหน?"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ