Thank For Your Smile...น้ำตา...ความฝัน...ความหวัง
-
เขียนโดย MightySoul
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.50 น.
26 บท
0 วิจารณ์
30.08K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 11.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) บทที่ 14 เพื่อนใหม่ (เพิ่มเนื้อหา)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 14
เพื่อนใหม่...
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ถึงเวลาที่รถจะออกเดินทางต่อ ฉันและฮานะรวมถึงฟีล ยังคงนั่งที่รถตู้คนเดิม ยกเว้นว่ามีสมาชิกใหม่มาเพิ่มอีกหนึ่งตัว ก็คือแมวสีดำตัวน้อยๆที่เอาแต่นอนซุกในอ้อมแขนไม่ยอมหนีห่างไปไหน
แต่ทันทีที่ขาของฉันกำลังจะก้าวขึ้นรถ ก็คล้ายเจ้าแมวจะรู้งาน รีบกระโดดออกจากอ้อมแขนไปนั่งผึ่งพุงอยู่บริเวณที่นั่งเก่าของฮานะข้างๆฟีล แถมดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมขยับไปไหนนอกจากเก้าอี้ตัวนี้ ถึงแม้ว่าฉันจะพยายามทั้งอุ้ม หรือหลอกล่อมันสักเท่าไหร่ก็ตาม
“นาโอะเธอนั่งตรงนี้ไปเถอะ เดี๋ยวฉันไปนั่งที่เก่าเธอเอง ท่าทางเจ้าแมวนี้จะอยากให้เธอนั่งตรงนี้แฮะ”
“อะ อืม ขอโทษด้วยนะ”
ฮานะเดินตรงดิ่งไปนั่งบริเวณเบาะทางด้านหลังข้างๆพนักงานที่เป็นหัวหน้าควบคุมการจัดเวทีที่เธอรู้จักคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่ง ทำให้ตลอดการเดินทางของเธอคงจะไม่เงียบเหงาเกินไปนัก
ทันทีที่ฉันเดินเข้าไปนั่ง เจ้าแมวก็รีบกระโดดขึ้นมาบนไหล่ แถมร้องเหมียวๆเป็นเชิงคำสั่งให้รีบนั่งลงไป จนฉันอดไม่ได้ที่จะเอานิ้วไปจักจี้บริเวณจมูกมันซึ่งรู้สึกว่ามันจะชอบไม่น้อย จึงร้องเหมียวๆเป็นการใหญ่
แน่นอนฟีลนั่งติดฉัน และเขาก็เดินขึ้นมานั่งต่อจากฉันในเวลาไล่เลี่ยไม่ถึงสิบวินาที
“พี่สาว? ทำไมมานั่งตรงนี้อ่ะ” เป็นคำทักทายที่ให้ความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าซะเหลือเกิน
“ทำไมล่ะ เสียใจล่ะสิ ที่ไม่ใช่ฮานะแสนหวาน แต่กลับเป็นสาวโหดอย่างฉันแทน”
“รู้ตัวก็ดีแล้วนี่ครับ”
“นายนี่มัน...” บอกตามตรงเลยว่า ความเป็นสุภาพบุรุษที่ฮานะบอกมานั้น ทำไมมันถึงช่างเลือนลางสำหรับฉันซะเหลือเกิน
เจ้าแมวดำกระโดดลงมายังที่ประจำ หรือก็คือในอ้อมแขน แต่คราวนี้มันกลับไม่เอาหัวซุกลงไปนอนเหมือนปกติ มันกลับเอาแต่จ้องมองฟีลตาเขม็งราวกับกลัวว่าชายคนตรงหน้าจะหายไปไหน
“พี่สาว แล้วพี่ตั้งชื่อให้แมวตัวนี้รึยังล่ะ จะได้เรียกมันได้ง่ายๆ”
“นั้นสินะ ยังไม่ได้คิดเลยเหมือนกันนะเนี้ย”
ทันทีที่ฟีลพยายามที่จะเข้าใกล้มัน ก็คล้ายว่าเจ้าแมวจะร้องขู่ให้ฟีลรักษาระยะห่างระหว่างฟีลและมันเอาไว้ ไม่ให้ใกล้กว่าที่เป็นอยู่
“เจ้าแมวตัวนี้ไม่เป็นมิตรเลยจริงๆ อืม...ให้ชื่อว่าเจ้าดำก็แล้วกัน”
“ไม่” ฉันตอบอย่างไม่ต้องคิด กับชื่อไร้รสนิยมที่ฟีลเสนอ
เขาทำท่าคิดเล็กน้อยก่อนที่จะเสนอใหม่ “งั้นเจ้าทมิฬดีมั้ยล่ะ”
ฉันแทบอยากจะเอาหัวไปโขกกับกระจกรถ เมื่อเจอชื่อที่คล้ายว่าฟีลจะพยายามคิดกลั่นออกมาจากสมอง
“พอเลยๆ เดี๋ยวฉันคิดเอง”
“ชื่อทมิฬก็ดีไม่ใช่เหรอ ดูเข้มแข็งจะตาย”
“แมวฉันเป็นผู้หญิงย่ะ”
“ห๊ะ เพศเมียหรอกเหรอ” ฟีลทำหน้างง เขาทำหน้างงกับเพศของแมวที่เขาเพิ่งจะเจ็บตัวช่วยมา
“แอนนา...ชื่อแอนนาดีไหม”
“เชยสุดๆ” ฟีลพูดโดยที่ไม่ดูแต่ล่ะชื่อสุดยอดความทันสมัยที่เขาคิดมาให้ก่อนหน้า
“หยุด นี่แมวฉัน มันชื่อแอนนา จบ” ฉันตัดบทเพราะกลัวว่าชายตรงหน้าที่คิดชื่ออะไรพิสดาร พิลึกกึกกือ ออกมาอีก
“เชอะ จะใช้ชื่ออะไรก็ตามใจ เพราะยังไงแมวสุดโหดของพี่สาว ก็สู้คริสโตเฟอร์ของผมไม่ได้หรอก”
“คริสโตเฟอร์?”
“ใช่ เป็นชื่อของนกพวงกุณแจที่พี่ให้มาไง” ทันทีที่ฟีลหยิบพวงกุญแจนกสีขาวออกมา เจ้าแอนนาก็ใช้อุ้มมือเล็กๆของมันพยายามคว้าพวงกุญแจนั้นเอาไว้
“นี่นายตั้งชื่อให้พวงกุญแจเนี้ยนะ”
“ทำไมเหรอพี่สาว ตั้งไม่ได้เหรอ”
“ปะ...เปล่าหรอก แค่แปลกๆน่ะ”
แต่แล้วรถตู้ก็เกิดเบรกกะทันหันเพราะสาเหตุอะไรบางอย่าง จนทำให้พวงกุญแจกระเด็นหลุดจากมือฟีลไปลงที่เบาะด้านหน้าที่มีคนนั่งอยู่
ขะ...ขอโทษครับ” ฟีลพูดในขณะที่ค่อยๆเอี้ยวตัวไปด้านหน้าเพื่อหมายจะขอพวงกุญแจคืน
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร ชายที่นั่งอยู่บริเวณเบาะด้านหน้าก็หันหลังมาโดยที่ยังคงกำพวงกุญแจไว้ในมือ ซึ่งใบหน้าของชายคนนั้นก็ทำให้ฉันต้องระมัดระวังขึ้นในอีกระดับ เพื่อไม่ให้เรื่องนาโอะแดงขึ้นมา
“พวงกุญแจของนายเหรอ” ใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตร น้ำเสียงที่คมคายดั่งคมมีดที่สามารถเฉือดเฉือนจิตใจทุกนางที่พบเห็น คือลักษณะเด่นของชายอายุราวๆยี่สิบห้าที่ฉันคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี
“ครับ ขอบคุณที่เก็บให้”
“ไม่เป็นไรหรอก” ชายหนุ่มส่งพวงกุญแจคืนกลับไปให้ฟีล ถึงแม้เรื่องทุกอย่างดูคล้ายจะจบลง แต่มันกลับเป็นจุดเรื่มต้นของเรื่องวุ่นๆต่อจากนี้
“พวกเธอสองคนเป็นเพื่อนของฮานะเหรอ”
“ครับ” ฟีลตอบอย่างไม่ลังเล ผิดกับฉันที่ได้แต่นิ่ง ไม่พูดอะไร
และดูเหมือนสิ่งนั้นจะทำให้เขาหันมาสนใจฉันมากกว่าปกติ “แมวน่ารักจังเลยนะครับ คุณผู้หญิง”
ฉันยังพยายามทำทีเป็นไม่สนใจต่อไป เพื่อหมายว่าเขาจะท้อและเลิกยุ่งกับฉันไปเอง
ถ้าฉันพูด เขาต้องจำเสียงฉันได้แน่ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันมั่นใจในตอนนี้
แต่แล้วก็คล้ายมีเสียงสวรรค์มาช่วยอีกครั้ง เป็นเสียงสวรรค์ที่เคยช่วยฉันให้หลุดจากสถานการณ์อันตรายมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
“ยูกิ เลิกยุ่งกับเพื่อนฉันสักทีเถอะ เธอเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยพูดน่ะ” ฮานะส่งเสียงมาจากด้านหลัง
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอสักหน่อย มันเป็นเรื่องระหว่างฉันกับแม่นางคนนี้แค่สองคนต่างหาก”
เมื่อฉันเห็นว่าฮานะคงไม่อาจช่วยฉันไปได้มากกว่านี้ ฉันจึงโบกมือขึ้นคล้ายเป็นสัญลักษณ์ให้เธอหยุด ถึงแม้ว่าฮานะเป็นห่วงฉันถึงขนาดไหน แต่ถ้านี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ เธอก็คงจะขืนใจอะไรไม่ได้
ชายหนุ่มตรงหน้าส่งสายตาอันแสนหวานผสานกับใบหน้าที่หล่อเหลาจ้องมองเข้ามาผ่านทะลุแว่นตากันแดดคล้ายกับชาวประมงที่รอคอยการกินเหยื่อหลังจากที่เขาหย่อนเบ็ดลงไปในน้ำ
“ว่าไงคุณผู้หญิง จะพูดกับฉันได้รึยังล่ะ” เขาถือวิสาสะลูบหัวเจ้าแอนนา แต่แน่แปลกที่มันกลับไม่แสดงอาการขัดขืนเหมือนตอนที่ฟีลพยายามเอามือไปจับมัน
“หึๆๆๆ ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็เป็นสุภาพบุรุษที่ไม่อยากทำให้หญิงสาวต้องเจ็บช้ำใจอยู่แล้ว”
และเรื่องที่กำลังจะเกิดต่อไปนี้ ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากจะย้อนเวลากลับไปและหยุดไม่ให้มันเกิดขึ้น ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
“ไม่ทราบว่า คุณช่วยหุบปากเน่าๆของคุณ แล้วก็กลับไปอยู่ในที่ที่คุณควรอยู่ได้ไหมครับ ผมกลัวว่าถ้าเพื่อนของผมคลุกคลีกับคุณนานๆแล้ว เธอจะติดกลิ่นไม่ดีแล้วพลอยเสียเกียรติลงไปด้วย” ฟีลที่เงียบไปนานพูดขึ้นด้วยคำพูดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากคนอย่างเขา
“ฟีล อย่า...” ฉันพูดไม่ออกเมื่อเห็นสายตาที่จริงจังและดุดันแต่ยังคงแฝงไว้ด้วยความขี้เล่นตามลักษณะนิสัยเดิม ฟีลในตอนนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงแน่ๆ...ถ้าคนที่เขาเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ ยูกิ
“หึ เมื่อกี้นายพูดกับฉันว่ายังไงนะ” ยูกิหันมามองฟีลโดยละความสนใจไปจากฉัน
“อ้อ นี่คุณหูหนวกด้วยเหรอครับเนี้ย ช่างน่าสงสารจริงๆเลย”
“แก!!! กล้าพูดอย่างนี้กับฉันงั้นเหรอ”
“เปล่านะครับๆ ผมไม่ได้พูด คริสโตเฟอร์เขาฝากผมมาพูดต่างหาก” ฟีลไม่พูดเปล่า เขาทำท่าเอาพวงกุญแจรูปนกแนบไว้ที่หู พลางพยักหน้าคล้ายรับคำสั่งจากนกตัวนั้น ซึ่งมันทำให้ฉันอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“อ้อๆ คริสโตเฟอร์ฝากมาบอกอีกว่า ถึงมันจะเป็นแค่นก แต่อย่างน้อยมันก็รู้ว่าคนที่เป็นสุภาพบุรุษ เขาจะไม่ทำแบบคุณแน่นอน อย่าเรียกตัวเองว่าสุภาพบุรุษเลยครับ กระดากปากเปล่าๆ”
ยูกิเริ่มทนไม่ไหวเมื่อฟีลใช้คำพูดที่เต็มไปด้วยคำแดกดัน และคำด่า และด้วยใบหน้าที่นิ่งสนิทปราศจากความกลัว ก็ยิ่งทำให้ยากที่จะอดกลั้นอารมณ์เอาไว้ไหว
“แล้วก็นะครับๆ การที่คุณทำให้ใครสักคนต้องเสียรอยยิ้มไปล่ะก็...ผมคงปล่อยคุณไว้ไม่ได้แน่ๆ ประโยคนี้คริสโตเฟอร์ไม่ได้บอกนะ แต่มาจากผมเองเลยต่างหาก”
ทันทีที่พูดจบ เสื้อของฟีลก็ถูกกระชากด้วยแรงมหาศาล แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงนิ่ง ไม่ไหวติง ผิดกับยูกิที่แสดงสีหน้าของความโกรธออกมาอย่างชัดเจน
ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำแบบนี้ไปเพราะรู้สึกไม่ชอบในตัวยูกิหรืออะไร แต่คงไม่ใช่เหมือนในนิทาน ที่เขาจะทำเพื่อปกป้องฉันหรอกมั้ง ก็ไม่รู้เหมือนกันสิ แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันรู้ คือฉันรู้สึกดีใจแปลกๆที่ฟีลทำอย่างนี้ ราวกับใจของฉันหมายจะรอความช่วยเหลือจากเขามาตั้งแต่แรก ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำก็ตาม...
เพื่อนใหม่...
หลังจากนั้นไม่นาน ก็ถึงเวลาที่รถจะออกเดินทางต่อ ฉันและฮานะรวมถึงฟีล ยังคงนั่งที่รถตู้คนเดิม ยกเว้นว่ามีสมาชิกใหม่มาเพิ่มอีกหนึ่งตัว ก็คือแมวสีดำตัวน้อยๆที่เอาแต่นอนซุกในอ้อมแขนไม่ยอมหนีห่างไปไหน
แต่ทันทีที่ขาของฉันกำลังจะก้าวขึ้นรถ ก็คล้ายเจ้าแมวจะรู้งาน รีบกระโดดออกจากอ้อมแขนไปนั่งผึ่งพุงอยู่บริเวณที่นั่งเก่าของฮานะข้างๆฟีล แถมดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมขยับไปไหนนอกจากเก้าอี้ตัวนี้ ถึงแม้ว่าฉันจะพยายามทั้งอุ้ม หรือหลอกล่อมันสักเท่าไหร่ก็ตาม
“นาโอะเธอนั่งตรงนี้ไปเถอะ เดี๋ยวฉันไปนั่งที่เก่าเธอเอง ท่าทางเจ้าแมวนี้จะอยากให้เธอนั่งตรงนี้แฮะ”
“อะ อืม ขอโทษด้วยนะ”
ฮานะเดินตรงดิ่งไปนั่งบริเวณเบาะทางด้านหลังข้างๆพนักงานที่เป็นหัวหน้าควบคุมการจัดเวทีที่เธอรู้จักคุ้นเคยกับเขาในระดับหนึ่ง ทำให้ตลอดการเดินทางของเธอคงจะไม่เงียบเหงาเกินไปนัก
ทันทีที่ฉันเดินเข้าไปนั่ง เจ้าแมวก็รีบกระโดดขึ้นมาบนไหล่ แถมร้องเหมียวๆเป็นเชิงคำสั่งให้รีบนั่งลงไป จนฉันอดไม่ได้ที่จะเอานิ้วไปจักจี้บริเวณจมูกมันซึ่งรู้สึกว่ามันจะชอบไม่น้อย จึงร้องเหมียวๆเป็นการใหญ่
แน่นอนฟีลนั่งติดฉัน และเขาก็เดินขึ้นมานั่งต่อจากฉันในเวลาไล่เลี่ยไม่ถึงสิบวินาที
“พี่สาว? ทำไมมานั่งตรงนี้อ่ะ” เป็นคำทักทายที่ให้ความรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าซะเหลือเกิน
“ทำไมล่ะ เสียใจล่ะสิ ที่ไม่ใช่ฮานะแสนหวาน แต่กลับเป็นสาวโหดอย่างฉันแทน”
“รู้ตัวก็ดีแล้วนี่ครับ”
“นายนี่มัน...” บอกตามตรงเลยว่า ความเป็นสุภาพบุรุษที่ฮานะบอกมานั้น ทำไมมันถึงช่างเลือนลางสำหรับฉันซะเหลือเกิน
เจ้าแมวดำกระโดดลงมายังที่ประจำ หรือก็คือในอ้อมแขน แต่คราวนี้มันกลับไม่เอาหัวซุกลงไปนอนเหมือนปกติ มันกลับเอาแต่จ้องมองฟีลตาเขม็งราวกับกลัวว่าชายคนตรงหน้าจะหายไปไหน
“พี่สาว แล้วพี่ตั้งชื่อให้แมวตัวนี้รึยังล่ะ จะได้เรียกมันได้ง่ายๆ”
“นั้นสินะ ยังไม่ได้คิดเลยเหมือนกันนะเนี้ย”
ทันทีที่ฟีลพยายามที่จะเข้าใกล้มัน ก็คล้ายว่าเจ้าแมวจะร้องขู่ให้ฟีลรักษาระยะห่างระหว่างฟีลและมันเอาไว้ ไม่ให้ใกล้กว่าที่เป็นอยู่
“เจ้าแมวตัวนี้ไม่เป็นมิตรเลยจริงๆ อืม...ให้ชื่อว่าเจ้าดำก็แล้วกัน”
“ไม่” ฉันตอบอย่างไม่ต้องคิด กับชื่อไร้รสนิยมที่ฟีลเสนอ
เขาทำท่าคิดเล็กน้อยก่อนที่จะเสนอใหม่ “งั้นเจ้าทมิฬดีมั้ยล่ะ”
ฉันแทบอยากจะเอาหัวไปโขกกับกระจกรถ เมื่อเจอชื่อที่คล้ายว่าฟีลจะพยายามคิดกลั่นออกมาจากสมอง
“พอเลยๆ เดี๋ยวฉันคิดเอง”
“ชื่อทมิฬก็ดีไม่ใช่เหรอ ดูเข้มแข็งจะตาย”
“แมวฉันเป็นผู้หญิงย่ะ”
“ห๊ะ เพศเมียหรอกเหรอ” ฟีลทำหน้างง เขาทำหน้างงกับเพศของแมวที่เขาเพิ่งจะเจ็บตัวช่วยมา
“แอนนา...ชื่อแอนนาดีไหม”
“เชยสุดๆ” ฟีลพูดโดยที่ไม่ดูแต่ล่ะชื่อสุดยอดความทันสมัยที่เขาคิดมาให้ก่อนหน้า
“หยุด นี่แมวฉัน มันชื่อแอนนา จบ” ฉันตัดบทเพราะกลัวว่าชายตรงหน้าที่คิดชื่ออะไรพิสดาร พิลึกกึกกือ ออกมาอีก
“เชอะ จะใช้ชื่ออะไรก็ตามใจ เพราะยังไงแมวสุดโหดของพี่สาว ก็สู้คริสโตเฟอร์ของผมไม่ได้หรอก”
“คริสโตเฟอร์?”
“ใช่ เป็นชื่อของนกพวงกุณแจที่พี่ให้มาไง” ทันทีที่ฟีลหยิบพวงกุญแจนกสีขาวออกมา เจ้าแอนนาก็ใช้อุ้มมือเล็กๆของมันพยายามคว้าพวงกุญแจนั้นเอาไว้
“นี่นายตั้งชื่อให้พวงกุญแจเนี้ยนะ”
“ทำไมเหรอพี่สาว ตั้งไม่ได้เหรอ”
“ปะ...เปล่าหรอก แค่แปลกๆน่ะ”
แต่แล้วรถตู้ก็เกิดเบรกกะทันหันเพราะสาเหตุอะไรบางอย่าง จนทำให้พวงกุญแจกระเด็นหลุดจากมือฟีลไปลงที่เบาะด้านหน้าที่มีคนนั่งอยู่
ขะ...ขอโทษครับ” ฟีลพูดในขณะที่ค่อยๆเอี้ยวตัวไปด้านหน้าเพื่อหมายจะขอพวงกุญแจคืน
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไร ชายที่นั่งอยู่บริเวณเบาะด้านหน้าก็หันหลังมาโดยที่ยังคงกำพวงกุญแจไว้ในมือ ซึ่งใบหน้าของชายคนนั้นก็ทำให้ฉันต้องระมัดระวังขึ้นในอีกระดับ เพื่อไม่ให้เรื่องนาโอะแดงขึ้นมา
“พวงกุญแจของนายเหรอ” ใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับเทพบุตร น้ำเสียงที่คมคายดั่งคมมีดที่สามารถเฉือดเฉือนจิตใจทุกนางที่พบเห็น คือลักษณะเด่นของชายอายุราวๆยี่สิบห้าที่ฉันคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี
“ครับ ขอบคุณที่เก็บให้”
“ไม่เป็นไรหรอก” ชายหนุ่มส่งพวงกุญแจคืนกลับไปให้ฟีล ถึงแม้เรื่องทุกอย่างดูคล้ายจะจบลง แต่มันกลับเป็นจุดเรื่มต้นของเรื่องวุ่นๆต่อจากนี้
“พวกเธอสองคนเป็นเพื่อนของฮานะเหรอ”
“ครับ” ฟีลตอบอย่างไม่ลังเล ผิดกับฉันที่ได้แต่นิ่ง ไม่พูดอะไร
และดูเหมือนสิ่งนั้นจะทำให้เขาหันมาสนใจฉันมากกว่าปกติ “แมวน่ารักจังเลยนะครับ คุณผู้หญิง”
ฉันยังพยายามทำทีเป็นไม่สนใจต่อไป เพื่อหมายว่าเขาจะท้อและเลิกยุ่งกับฉันไปเอง
ถ้าฉันพูด เขาต้องจำเสียงฉันได้แน่ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันมั่นใจในตอนนี้
แต่แล้วก็คล้ายมีเสียงสวรรค์มาช่วยอีกครั้ง เป็นเสียงสวรรค์ที่เคยช่วยฉันให้หลุดจากสถานการณ์อันตรายมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
“ยูกิ เลิกยุ่งกับเพื่อนฉันสักทีเถอะ เธอเป็นคนขี้อาย ไม่ค่อยพูดน่ะ” ฮานะส่งเสียงมาจากด้านหลัง
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอสักหน่อย มันเป็นเรื่องระหว่างฉันกับแม่นางคนนี้แค่สองคนต่างหาก”
เมื่อฉันเห็นว่าฮานะคงไม่อาจช่วยฉันไปได้มากกว่านี้ ฉันจึงโบกมือขึ้นคล้ายเป็นสัญลักษณ์ให้เธอหยุด ถึงแม้ว่าฮานะเป็นห่วงฉันถึงขนาดไหน แต่ถ้านี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ เธอก็คงจะขืนใจอะไรไม่ได้
ชายหนุ่มตรงหน้าส่งสายตาอันแสนหวานผสานกับใบหน้าที่หล่อเหลาจ้องมองเข้ามาผ่านทะลุแว่นตากันแดดคล้ายกับชาวประมงที่รอคอยการกินเหยื่อหลังจากที่เขาหย่อนเบ็ดลงไปในน้ำ
“ว่าไงคุณผู้หญิง จะพูดกับฉันได้รึยังล่ะ” เขาถือวิสาสะลูบหัวเจ้าแอนนา แต่แน่แปลกที่มันกลับไม่แสดงอาการขัดขืนเหมือนตอนที่ฟีลพยายามเอามือไปจับมัน
“หึๆๆๆ ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็เป็นสุภาพบุรุษที่ไม่อยากทำให้หญิงสาวต้องเจ็บช้ำใจอยู่แล้ว”
และเรื่องที่กำลังจะเกิดต่อไปนี้ ถ้าเป็นไปได้ ฉันอยากจะย้อนเวลากลับไปและหยุดไม่ให้มันเกิดขึ้น ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
“ไม่ทราบว่า คุณช่วยหุบปากเน่าๆของคุณ แล้วก็กลับไปอยู่ในที่ที่คุณควรอยู่ได้ไหมครับ ผมกลัวว่าถ้าเพื่อนของผมคลุกคลีกับคุณนานๆแล้ว เธอจะติดกลิ่นไม่ดีแล้วพลอยเสียเกียรติลงไปด้วย” ฟีลที่เงียบไปนานพูดขึ้นด้วยคำพูดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากคนอย่างเขา
“ฟีล อย่า...” ฉันพูดไม่ออกเมื่อเห็นสายตาที่จริงจังและดุดันแต่ยังคงแฝงไว้ด้วยความขี้เล่นตามลักษณะนิสัยเดิม ฟีลในตอนนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงแน่ๆ...ถ้าคนที่เขาเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ ยูกิ
“หึ เมื่อกี้นายพูดกับฉันว่ายังไงนะ” ยูกิหันมามองฟีลโดยละความสนใจไปจากฉัน
“อ้อ นี่คุณหูหนวกด้วยเหรอครับเนี้ย ช่างน่าสงสารจริงๆเลย”
“แก!!! กล้าพูดอย่างนี้กับฉันงั้นเหรอ”
“เปล่านะครับๆ ผมไม่ได้พูด คริสโตเฟอร์เขาฝากผมมาพูดต่างหาก” ฟีลไม่พูดเปล่า เขาทำท่าเอาพวงกุญแจรูปนกแนบไว้ที่หู พลางพยักหน้าคล้ายรับคำสั่งจากนกตัวนั้น ซึ่งมันทำให้ฉันอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“อ้อๆ คริสโตเฟอร์ฝากมาบอกอีกว่า ถึงมันจะเป็นแค่นก แต่อย่างน้อยมันก็รู้ว่าคนที่เป็นสุภาพบุรุษ เขาจะไม่ทำแบบคุณแน่นอน อย่าเรียกตัวเองว่าสุภาพบุรุษเลยครับ กระดากปากเปล่าๆ”
ยูกิเริ่มทนไม่ไหวเมื่อฟีลใช้คำพูดที่เต็มไปด้วยคำแดกดัน และคำด่า และด้วยใบหน้าที่นิ่งสนิทปราศจากความกลัว ก็ยิ่งทำให้ยากที่จะอดกลั้นอารมณ์เอาไว้ไหว
“แล้วก็นะครับๆ การที่คุณทำให้ใครสักคนต้องเสียรอยยิ้มไปล่ะก็...ผมคงปล่อยคุณไว้ไม่ได้แน่ๆ ประโยคนี้คริสโตเฟอร์ไม่ได้บอกนะ แต่มาจากผมเองเลยต่างหาก”
ทันทีที่พูดจบ เสื้อของฟีลก็ถูกกระชากด้วยแรงมหาศาล แต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงนิ่ง ไม่ไหวติง ผิดกับยูกิที่แสดงสีหน้าของความโกรธออกมาอย่างชัดเจน
ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเขาทำแบบนี้ไปเพราะรู้สึกไม่ชอบในตัวยูกิหรืออะไร แต่คงไม่ใช่เหมือนในนิทาน ที่เขาจะทำเพื่อปกป้องฉันหรอกมั้ง ก็ไม่รู้เหมือนกันสิ แต่ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันรู้ คือฉันรู้สึกดีใจแปลกๆที่ฟีลทำอย่างนี้ ราวกับใจของฉันหมายจะรอความช่วยเหลือจากเขามาตั้งแต่แรก ถึงแม้มันจะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำก็ตาม...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ