Thank For Your Smile...น้ำตา...ความฝัน...ความหวัง
-
เขียนโดย MightySoul
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.50 น.
26 บท
0 วิจารณ์
29.40K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 11.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) บทที่ 11 เหตุป่วนในรถตู้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 11
เหตุป่วนในรถตู้
เส้นผมที่ยาวสลวยดุจดั่งใยไหมชั้นดีที่รอวันถูกทักถอโดยช่างฝีมือชั้นสูง ผิวที่ขาวดุจดั่งทรายที่ใสสะอาดคู่กับทะเลสีครามสะท้อนสีของท้องฟ้าโปร่ง ดวงตาคำสนิทแต่กลับสะท้อนแสงเปล่งประกายใส่ผู้ที่พบเห็น ยิ่งผสมรวมกับเสื้อยืดสีส้มและกระโปรงสีเขียวถึงแม้จะดูประหลาดตา แต่กลับเข้ากันกับฮานะอย่างบอกไม่ถูก
ดอกไม้ใดที่ว่างาม ก็ยังไม่อาจเทียบรัศมีความเปล่งประกายของเธอคนนี้ได้แม้แต่น้อย
ผมไม่กล้าที่จะสบตาหรือแม้แต่เฉียดเข้าไปมองใบหน้าของเธอเลย หลังจากที่รถออกตัว ผมพยายามข่มตาหลับเพื่อที่จะตัดขาดจากโลกภายนอก แน่นอนรวมถึงผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ
ความรู้สึกบริเวณใบหน้าค่อยๆร้อนขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใบหน้าของผมตอนนี้เป็นสีอะไรไปไม่ได้ นอกจากสีแดง
ใจของผมเต้นแรงจนเริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ อย่าว่าแต่พยายามข่มตาหลับเลย ตอนนี้แม้แต่จะขยับตัวก็ยังเป็นเรื่องยาก
ถึงแม้จะไม่ต้องหันไปมอง แต่ผมก็รู้ได้เลยว่านาโอะคงกำลังสะใจ และหัวเราะกับอาการของผมที่ดันไปเข้าทางแผนการแกล้งของเธออย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่รู้สิ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ปกติแล้วผมไม่เคยมีความรู้สึกที่อยากจะอยู่เหนือ หรือชนะคนอื่นเลย แต่ทำไม กับผู้หญิงคนนี้ คนเดียวเท่านั้นที่ไม่อยากจะเดินตามสิ่งที่เธอคิดไว้อย่างเด็ดขาด
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดพูดทักทายฮานะที่นั่งมองวิวทิวทัศน์อยู่ข้างๆด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือขาดความมั่นใจ ถึงแม้จะพยายามควบคุมความตื่นเต้นที่อยู่ในใจแล้วก็ตาม
“ฮานะซัง...” เหมือนนึกบทสนทนาต่อจากนี้ไม่ออก
“ฮือ ฟีลซัง มีอะไรเหรอ”
ผมนิ่งไปสักพัก “ปะ...เปล่า ไม่มีอะไรครับ”
ถึงแม้จะพยายามแค่ไหน แต่การอยู่ต่อหน้าฮานะก็คล้ายจะเป็นสิ่งที่หนักเกินไปสำหรับผมจริงๆ
ฮานะเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เธอจึงหันไปมองวิวทิวทัศน์ตามเดิม ทิ้งผมให้หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆอยู่เบื้องหลัง
ในตอนนี้หัวของผมคิดถึงแต่ใบหน้าที่กำลังสะใจแบบสุดๆของริกะ ถึงแม้จะไม่อยากจะแพ้ก็เถอะ แต่หนนี้ต้องยอมรับเลยว่าผมแพ้อย่างหมดรูปจริงๆ
“โอ๊ย” อยู่ดีๆผมก็ร้องเสียงดังลั่น จนคนทั่วทั้งรถหันมาจับตามองผมเป็นตาเดียว
ผมรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กระเด็นเข้ากระแทกที่หัว สายตาพยายามไคว่คว้าหาสิ่งที่เป็นอุปกรณ์ก่อเหตุที่น่าจะตกอยู่แถวๆที่นั่ง
ในที่สุดสายตาก็บังเอิญไปกระทบกับห่อสีแดงห่อหนึ่ง ที่ตกอยู่ไม่ไกลจากที่นั่งที่น่าจะกระเด็นออกไปจากแรงปะทะ
ถึงแม้ไม่มีใครบอก แต่ผมก็พอจะรู้ได้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นฝีมือของใคร ผมจึงหันหลังกลับไปมองโดยที่ไม่ต้องเสียเวลานั่งกวาดเสียตามให้เสียเวลา
“พี่สาว เล่นอะไรครับเนี้ย”
นาโอะไม่ตอบ แต่กลับเขวี้ยงห่อสีแดงอีกห่อนหนึ่งเข้ากระแทกที่กลางหน้าผาก ซึ่งรุนแรงจนหัวของผมกระเด็นไปตามทิศทางของแรงและปรากฏรอยช้ำขึ้นบนหน้าผากที่ให้ความรู้สึกน่าตลกขบขัน
“พี่สาว เล่นแบบนี้ถ้าผมเกิดความจำเสื่อมขึ้นมาใครจะรับผิดชอบครับ”
“เฮอะ ถ้านายจะความจำเสื่อมเพราะช๊อกโกแลตแท่งแค่นี้ ก็ให้มันเสื่อมๆไปเถอะ”
“เชอะ พี่สาวนี่ไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาซะเลย”
“อ้อ งั้นขอโทษด้วยก็แล้วกันที่ดูท่าทางฉันจะเป็นกุลสตรีเหมือนฮานะซังเขาไม่ได้ล่ะนะ”
และแล้วการสนทนาของเราทั้งคู่ก็เป็นจุดสนใจของคนโดยรอบไปในทันที
“แหงล่ะ ใครจะไปโหดแบบพี่สาวได้ล่ะ” ผมรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ตัวผมเอาซะเลย คล้ายกับความอยากเอาชนะมันมีสูงกว่าสิ่งที่ผมคิดจริงๆในใจ ทั้งๆที่ในใจคิดอีกอย่างแต่กลับพูดออกมาอีกอย่าง แต่ในตอนนั้น...ผมยอมรับเลยว่าผมไม่อาจชนะมันได้เลยจริงๆ
ฮานะเมื่อเห็นว่าเราทั้งสองคนมีเรื่องกันเธอจึงละความสนใจจากทิวทัศน์ภายนอกแล้วหันมามองนาโอะที่กำลังเถียงกับผมอย่างไม่ลดละคล้ายคนอารมณ์เสีย
“นี่พวกเธอสองคนน่ะ จะเล่นกันอีกนานมั้ย รบกวนคนอื่นเขาหมดแล้วเนี้ย”
“ฮานะ เธอไม่ต้องพูดอะไรเลย นี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับเด็กคนนี้” นาโอะหยิบช๊อกโกแลตอีกแท่งโยนเข้ากระแทกกับใบหน้าของผมอย่างจัง
“เอาไปกินเยอะๆ เผื่อน้ำตาลจะไปช่วยเพิ่มการทำงานของสมองขึ้นมาบ้าง”
“พี่สาว พี่เป็นอะไรของพี่เนี้ย อยู่ดีๆก็มาหาเรื่องผมซะงั้น” เมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อล้อต่อเถียง ผมจึงพยายามหาทางยุติบทสนทนาก่อนที่คนทั้งรถจะรุมประนามพวกเราทั้งสองคน
“เฮอะ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่เห็นท่าทีของนายแล้วมันเกะกะลูกตา ก็แค่นั้นเอง”
คราวนี้นาโอะไม่ใช่แค่โยนช๊อกโกแลตมาเพิ่มแค่แท่งสองแท่ง แต่เธอคล้ายจะล้วงออกมาจากกระเป๋ากำใหญ่
“หยุดๆ พี่สาว ถ้าพี่สาวโยนกองนั้นมีหวังมีคนโดนลูกหลงแน่ๆ”
“นายจะบ้าเหรอ ใครจะยอมเสียช๊อกโกแลตกับเด็กอย่างนายไปมากกว่านี้เล่า ฉันเอาออกมากินเองต่างหาก”
“เออๆ กินเข้าไปให้เบาหวานขึ้นตายเลยก็แล้วกัน ผมไม่สนแล้ว” ผมตัดจบบทสนทนาก่อนที่จะหันหลังกลับคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บปวดที่ใจอย่างไร้ซึ่งเหตุผล
ผมเก็บช๊อกโกแลตทุกชิ้นที่นาโอะโยนมาทุกชิ้นเพื่อหวังที่จะกินแข่งกับหญิงสาวด้านหลัง ผมพยายามแกะเสียงดังเพื่อที่จะกลบเสียงของเธอ แต่แล้วเมื่อผมแกะถึงชิ้นที่สาม ก็กลับมีเศษกระดาษเล็กๆใบหนึ่งหล่นออกมา
ด้วยความสงสัยผมจึงรีบคว้ากระดาษแผ่นนั้นก่อนที่มันจะร่วงหล่นลงไปกับพื้น
ทันที่ผมอ่านข้อความที่ถูกเขียนอยู่บนกระดาษแผ่นนั้นจบ ช๊อกโกแลตชิ้นสุดท้ายก็ค่อยๆละลายในปาก แผ่ความหวานไปทั่วทั้งปาก
“ขอบคุณนะ....พี่สาว” ผมพูดทั้งๆที่ยังไม่หันไปมอง
“ขอบคุณอะไรของนาย? บ้าเหรอเปล่า”
“ก็ขอบคุณสำหรับช๊อกโกแลตหวานๆนี่ไง อร่อยดีนะ”
ในขณะที่ผมกับนาโอะกำลังสนทนากันอยู่นั้น ไม่มีใครรู้เลยว่าฮานะที่นั่งอยู่ข้างๆกำลังอมยิ้มขณะที่กำลังอ่านเศษกระดาษใบเล็กๆใบหนึ่งที่ฟีลได้เผลอวางไว้บนเบาะขณะที่กำลังเบนความสนใจไปที่นาโอะที่นั่งอยู่ด้านหลังของรถ
‘พยายามเข้านะ ขี้อายแบบนั้น...มันไม่ค่อยเหมาะกับนายเท่าไหร่เลย’
“เฮ้อ พวกเธอสองคนนี่มันนิสัยเหมือนเด็กๆจริงๆ”
“เอ๊ะ ว่าไงนะครับ” ฮานะรีบเก็บกระดาษลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปั่นหน้าจากอมยิ้มให้นิ่งเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
“ปะ...เปล่า ไม่มีอะไร”
“วันนี้อากาศดีจังเลยนะครับ ฮานะซัง”
“อะ...อืม นั้นสินะ”
ทันทีที่ฮานะตอบกลับมา หน้าของผมก็แดงขึ้นอีกครั้ง ใจค่อยๆเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างน้อย ผมก็กล้าที่จะพูดโต้ตอบกับเธอได้แล้ว
ขอบคุณนะครับ นาโอะซัง แล้วก็คุณด้วยนะครับ ริกะซัง ที่คอยให้กำลังใจผม มอบความกล้าให้ผมเสมอมา ไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบัน อนาคต หรือแม้แต่ตลอดไป
เหตุป่วนในรถตู้
เส้นผมที่ยาวสลวยดุจดั่งใยไหมชั้นดีที่รอวันถูกทักถอโดยช่างฝีมือชั้นสูง ผิวที่ขาวดุจดั่งทรายที่ใสสะอาดคู่กับทะเลสีครามสะท้อนสีของท้องฟ้าโปร่ง ดวงตาคำสนิทแต่กลับสะท้อนแสงเปล่งประกายใส่ผู้ที่พบเห็น ยิ่งผสมรวมกับเสื้อยืดสีส้มและกระโปรงสีเขียวถึงแม้จะดูประหลาดตา แต่กลับเข้ากันกับฮานะอย่างบอกไม่ถูก
ดอกไม้ใดที่ว่างาม ก็ยังไม่อาจเทียบรัศมีความเปล่งประกายของเธอคนนี้ได้แม้แต่น้อย
ผมไม่กล้าที่จะสบตาหรือแม้แต่เฉียดเข้าไปมองใบหน้าของเธอเลย หลังจากที่รถออกตัว ผมพยายามข่มตาหลับเพื่อที่จะตัดขาดจากโลกภายนอก แน่นอนรวมถึงผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ
ความรู้สึกบริเวณใบหน้าค่อยๆร้อนขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใบหน้าของผมตอนนี้เป็นสีอะไรไปไม่ได้ นอกจากสีแดง
ใจของผมเต้นแรงจนเริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ อย่าว่าแต่พยายามข่มตาหลับเลย ตอนนี้แม้แต่จะขยับตัวก็ยังเป็นเรื่องยาก
ถึงแม้จะไม่ต้องหันไปมอง แต่ผมก็รู้ได้เลยว่านาโอะคงกำลังสะใจ และหัวเราะกับอาการของผมที่ดันไปเข้าทางแผนการแกล้งของเธออย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่รู้สิ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ปกติแล้วผมไม่เคยมีความรู้สึกที่อยากจะอยู่เหนือ หรือชนะคนอื่นเลย แต่ทำไม กับผู้หญิงคนนี้ คนเดียวเท่านั้นที่ไม่อยากจะเดินตามสิ่งที่เธอคิดไว้อย่างเด็ดขาด
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดพูดทักทายฮานะที่นั่งมองวิวทิวทัศน์อยู่ข้างๆด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือขาดความมั่นใจ ถึงแม้จะพยายามควบคุมความตื่นเต้นที่อยู่ในใจแล้วก็ตาม
“ฮานะซัง...” เหมือนนึกบทสนทนาต่อจากนี้ไม่ออก
“ฮือ ฟีลซัง มีอะไรเหรอ”
ผมนิ่งไปสักพัก “ปะ...เปล่า ไม่มีอะไรครับ”
ถึงแม้จะพยายามแค่ไหน แต่การอยู่ต่อหน้าฮานะก็คล้ายจะเป็นสิ่งที่หนักเกินไปสำหรับผมจริงๆ
ฮานะเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เธอจึงหันไปมองวิวทิวทัศน์ตามเดิม ทิ้งผมให้หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆอยู่เบื้องหลัง
ในตอนนี้หัวของผมคิดถึงแต่ใบหน้าที่กำลังสะใจแบบสุดๆของริกะ ถึงแม้จะไม่อยากจะแพ้ก็เถอะ แต่หนนี้ต้องยอมรับเลยว่าผมแพ้อย่างหมดรูปจริงๆ
“โอ๊ย” อยู่ดีๆผมก็ร้องเสียงดังลั่น จนคนทั่วทั้งรถหันมาจับตามองผมเป็นตาเดียว
ผมรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กระเด็นเข้ากระแทกที่หัว สายตาพยายามไคว่คว้าหาสิ่งที่เป็นอุปกรณ์ก่อเหตุที่น่าจะตกอยู่แถวๆที่นั่ง
ในที่สุดสายตาก็บังเอิญไปกระทบกับห่อสีแดงห่อหนึ่ง ที่ตกอยู่ไม่ไกลจากที่นั่งที่น่าจะกระเด็นออกไปจากแรงปะทะ
ถึงแม้ไม่มีใครบอก แต่ผมก็พอจะรู้ได้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นฝีมือของใคร ผมจึงหันหลังกลับไปมองโดยที่ไม่ต้องเสียเวลานั่งกวาดเสียตามให้เสียเวลา
“พี่สาว เล่นอะไรครับเนี้ย”
นาโอะไม่ตอบ แต่กลับเขวี้ยงห่อสีแดงอีกห่อนหนึ่งเข้ากระแทกที่กลางหน้าผาก ซึ่งรุนแรงจนหัวของผมกระเด็นไปตามทิศทางของแรงและปรากฏรอยช้ำขึ้นบนหน้าผากที่ให้ความรู้สึกน่าตลกขบขัน
“พี่สาว เล่นแบบนี้ถ้าผมเกิดความจำเสื่อมขึ้นมาใครจะรับผิดชอบครับ”
“เฮอะ ถ้านายจะความจำเสื่อมเพราะช๊อกโกแลตแท่งแค่นี้ ก็ให้มันเสื่อมๆไปเถอะ”
“เชอะ พี่สาวนี่ไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาซะเลย”
“อ้อ งั้นขอโทษด้วยก็แล้วกันที่ดูท่าทางฉันจะเป็นกุลสตรีเหมือนฮานะซังเขาไม่ได้ล่ะนะ”
และแล้วการสนทนาของเราทั้งคู่ก็เป็นจุดสนใจของคนโดยรอบไปในทันที
“แหงล่ะ ใครจะไปโหดแบบพี่สาวได้ล่ะ” ผมรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ตัวผมเอาซะเลย คล้ายกับความอยากเอาชนะมันมีสูงกว่าสิ่งที่ผมคิดจริงๆในใจ ทั้งๆที่ในใจคิดอีกอย่างแต่กลับพูดออกมาอีกอย่าง แต่ในตอนนั้น...ผมยอมรับเลยว่าผมไม่อาจชนะมันได้เลยจริงๆ
ฮานะเมื่อเห็นว่าเราทั้งสองคนมีเรื่องกันเธอจึงละความสนใจจากทิวทัศน์ภายนอกแล้วหันมามองนาโอะที่กำลังเถียงกับผมอย่างไม่ลดละคล้ายคนอารมณ์เสีย
“นี่พวกเธอสองคนน่ะ จะเล่นกันอีกนานมั้ย รบกวนคนอื่นเขาหมดแล้วเนี้ย”
“ฮานะ เธอไม่ต้องพูดอะไรเลย นี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับเด็กคนนี้” นาโอะหยิบช๊อกโกแลตอีกแท่งโยนเข้ากระแทกกับใบหน้าของผมอย่างจัง
“เอาไปกินเยอะๆ เผื่อน้ำตาลจะไปช่วยเพิ่มการทำงานของสมองขึ้นมาบ้าง”
“พี่สาว พี่เป็นอะไรของพี่เนี้ย อยู่ดีๆก็มาหาเรื่องผมซะงั้น” เมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อล้อต่อเถียง ผมจึงพยายามหาทางยุติบทสนทนาก่อนที่คนทั้งรถจะรุมประนามพวกเราทั้งสองคน
“เฮอะ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่เห็นท่าทีของนายแล้วมันเกะกะลูกตา ก็แค่นั้นเอง”
คราวนี้นาโอะไม่ใช่แค่โยนช๊อกโกแลตมาเพิ่มแค่แท่งสองแท่ง แต่เธอคล้ายจะล้วงออกมาจากกระเป๋ากำใหญ่
“หยุดๆ พี่สาว ถ้าพี่สาวโยนกองนั้นมีหวังมีคนโดนลูกหลงแน่ๆ”
“นายจะบ้าเหรอ ใครจะยอมเสียช๊อกโกแลตกับเด็กอย่างนายไปมากกว่านี้เล่า ฉันเอาออกมากินเองต่างหาก”
“เออๆ กินเข้าไปให้เบาหวานขึ้นตายเลยก็แล้วกัน ผมไม่สนแล้ว” ผมตัดจบบทสนทนาก่อนที่จะหันหลังกลับคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บปวดที่ใจอย่างไร้ซึ่งเหตุผล
ผมเก็บช๊อกโกแลตทุกชิ้นที่นาโอะโยนมาทุกชิ้นเพื่อหวังที่จะกินแข่งกับหญิงสาวด้านหลัง ผมพยายามแกะเสียงดังเพื่อที่จะกลบเสียงของเธอ แต่แล้วเมื่อผมแกะถึงชิ้นที่สาม ก็กลับมีเศษกระดาษเล็กๆใบหนึ่งหล่นออกมา
ด้วยความสงสัยผมจึงรีบคว้ากระดาษแผ่นนั้นก่อนที่มันจะร่วงหล่นลงไปกับพื้น
ทันที่ผมอ่านข้อความที่ถูกเขียนอยู่บนกระดาษแผ่นนั้นจบ ช๊อกโกแลตชิ้นสุดท้ายก็ค่อยๆละลายในปาก แผ่ความหวานไปทั่วทั้งปาก
“ขอบคุณนะ....พี่สาว” ผมพูดทั้งๆที่ยังไม่หันไปมอง
“ขอบคุณอะไรของนาย? บ้าเหรอเปล่า”
“ก็ขอบคุณสำหรับช๊อกโกแลตหวานๆนี่ไง อร่อยดีนะ”
ในขณะที่ผมกับนาโอะกำลังสนทนากันอยู่นั้น ไม่มีใครรู้เลยว่าฮานะที่นั่งอยู่ข้างๆกำลังอมยิ้มขณะที่กำลังอ่านเศษกระดาษใบเล็กๆใบหนึ่งที่ฟีลได้เผลอวางไว้บนเบาะขณะที่กำลังเบนความสนใจไปที่นาโอะที่นั่งอยู่ด้านหลังของรถ
‘พยายามเข้านะ ขี้อายแบบนั้น...มันไม่ค่อยเหมาะกับนายเท่าไหร่เลย’
“เฮ้อ พวกเธอสองคนนี่มันนิสัยเหมือนเด็กๆจริงๆ”
“เอ๊ะ ว่าไงนะครับ” ฮานะรีบเก็บกระดาษลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปั่นหน้าจากอมยิ้มให้นิ่งเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
“ปะ...เปล่า ไม่มีอะไร”
“วันนี้อากาศดีจังเลยนะครับ ฮานะซัง”
“อะ...อืม นั้นสินะ”
ทันทีที่ฮานะตอบกลับมา หน้าของผมก็แดงขึ้นอีกครั้ง ใจค่อยๆเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างน้อย ผมก็กล้าที่จะพูดโต้ตอบกับเธอได้แล้ว
ขอบคุณนะครับ นาโอะซัง แล้วก็คุณด้วยนะครับ ริกะซัง ที่คอยให้กำลังใจผม มอบความกล้าให้ผมเสมอมา ไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบัน อนาคต หรือแม้แต่ตลอดไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ