Thank For Your Smile...น้ำตา...ความฝัน...ความหวัง
เขียนโดย MightySoul
วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 19.50 น.
แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน พ.ศ. 2557 11.57 น. โดย เจ้าของนิยาย
12) บทที่ 11 เหตุป่วนในรถตู้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 11
เหตุป่วนในรถตู้
เส้นผมที่ยาวสลวยดุจดั่งใยไหมชั้นดีที่รอวันถูกทักถอโดยช่างฝีมือชั้นสูง ผิวที่ขาวดุจดั่งทรายที่ใสสะอาดคู่กับทะเลสีครามสะท้อนสีของท้องฟ้าโปร่ง ดวงตาคำสนิทแต่กลับสะท้อนแสงเปล่งประกายใส่ผู้ที่พบเห็น ยิ่งผสมรวมกับเสื้อยืดสีส้มและกระโปรงสีเขียวถึงแม้จะดูประหลาดตา แต่กลับเข้ากันกับฮานะอย่างบอกไม่ถูก
ดอกไม้ใดที่ว่างาม ก็ยังไม่อาจเทียบรัศมีความเปล่งประกายของเธอคนนี้ได้แม้แต่น้อย
ผมไม่กล้าที่จะสบตาหรือแม้แต่เฉียดเข้าไปมองใบหน้าของเธอเลย หลังจากที่รถออกตัว ผมพยายามข่มตาหลับเพื่อที่จะตัดขาดจากโลกภายนอก แน่นอนรวมถึงผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญ
ความรู้สึกบริเวณใบหน้าค่อยๆร้อนขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใบหน้าของผมตอนนี้เป็นสีอะไรไปไม่ได้ นอกจากสีแดง
ใจของผมเต้นแรงจนเริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ อย่าว่าแต่พยายามข่มตาหลับเลย ตอนนี้แม้แต่จะขยับตัวก็ยังเป็นเรื่องยาก
ถึงแม้จะไม่ต้องหันไปมอง แต่ผมก็รู้ได้เลยว่านาโอะคงกำลังสะใจ และหัวเราะกับอาการของผมที่ดันไปเข้าทางแผนการแกล้งของเธออย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่รู้สิ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ปกติแล้วผมไม่เคยมีความรู้สึกที่อยากจะอยู่เหนือ หรือชนะคนอื่นเลย แต่ทำไม กับผู้หญิงคนนี้ คนเดียวเท่านั้นที่ไม่อยากจะเดินตามสิ่งที่เธอคิดไว้อย่างเด็ดขาด
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดพูดทักทายฮานะที่นั่งมองวิวทิวทัศน์อยู่ข้างๆด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือขาดความมั่นใจ ถึงแม้จะพยายามควบคุมความตื่นเต้นที่อยู่ในใจแล้วก็ตาม
“ฮานะซัง...” เหมือนนึกบทสนทนาต่อจากนี้ไม่ออก
“ฮือ ฟีลซัง มีอะไรเหรอ”
ผมนิ่งไปสักพัก “ปะ...เปล่า ไม่มีอะไรครับ”
ถึงแม้จะพยายามแค่ไหน แต่การอยู่ต่อหน้าฮานะก็คล้ายจะเป็นสิ่งที่หนักเกินไปสำหรับผมจริงๆ
ฮานะเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเป็นพิเศษ เธอจึงหันไปมองวิวทิวทัศน์ตามเดิม ทิ้งผมให้หน้าแดงขึ้นเรื่อยๆอยู่เบื้องหลัง
ในตอนนี้หัวของผมคิดถึงแต่ใบหน้าที่กำลังสะใจแบบสุดๆของริกะ ถึงแม้จะไม่อยากจะแพ้ก็เถอะ แต่หนนี้ต้องยอมรับเลยว่าผมแพ้อย่างหมดรูปจริงๆ
“โอ๊ย” อยู่ดีๆผมก็ร้องเสียงดังลั่น จนคนทั่วทั้งรถหันมาจับตามองผมเป็นตาเดียว
ผมรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กระเด็นเข้ากระแทกที่หัว สายตาพยายามไคว่คว้าหาสิ่งที่เป็นอุปกรณ์ก่อเหตุที่น่าจะตกอยู่แถวๆที่นั่ง
ในที่สุดสายตาก็บังเอิญไปกระทบกับห่อสีแดงห่อหนึ่ง ที่ตกอยู่ไม่ไกลจากที่นั่งที่น่าจะกระเด็นออกไปจากแรงปะทะ
ถึงแม้ไม่มีใครบอก แต่ผมก็พอจะรู้ได้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นฝีมือของใคร ผมจึงหันหลังกลับไปมองโดยที่ไม่ต้องเสียเวลานั่งกวาดเสียตามให้เสียเวลา
“พี่สาว เล่นอะไรครับเนี้ย”
นาโอะไม่ตอบ แต่กลับเขวี้ยงห่อสีแดงอีกห่อนหนึ่งเข้ากระแทกที่กลางหน้าผาก ซึ่งรุนแรงจนหัวของผมกระเด็นไปตามทิศทางของแรงและปรากฏรอยช้ำขึ้นบนหน้าผากที่ให้ความรู้สึกน่าตลกขบขัน
“พี่สาว เล่นแบบนี้ถ้าผมเกิดความจำเสื่อมขึ้นมาใครจะรับผิดชอบครับ”
“เฮอะ ถ้านายจะความจำเสื่อมเพราะช๊อกโกแลตแท่งแค่นี้ ก็ให้มันเสื่อมๆไปเถอะ”
“เชอะ พี่สาวนี่ไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาซะเลย”
“อ้อ งั้นขอโทษด้วยก็แล้วกันที่ดูท่าทางฉันจะเป็นกุลสตรีเหมือนฮานะซังเขาไม่ได้ล่ะนะ”
และแล้วการสนทนาของเราทั้งคู่ก็เป็นจุดสนใจของคนโดยรอบไปในทันที
“แหงล่ะ ใครจะไปโหดแบบพี่สาวได้ล่ะ” ผมรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ตัวผมเอาซะเลย คล้ายกับความอยากเอาชนะมันมีสูงกว่าสิ่งที่ผมคิดจริงๆในใจ ทั้งๆที่ในใจคิดอีกอย่างแต่กลับพูดออกมาอีกอย่าง แต่ในตอนนั้น...ผมยอมรับเลยว่าผมไม่อาจชนะมันได้เลยจริงๆ
ฮานะเมื่อเห็นว่าเราทั้งสองคนมีเรื่องกันเธอจึงละความสนใจจากทิวทัศน์ภายนอกแล้วหันมามองนาโอะที่กำลังเถียงกับผมอย่างไม่ลดละคล้ายคนอารมณ์เสีย
“นี่พวกเธอสองคนน่ะ จะเล่นกันอีกนานมั้ย รบกวนคนอื่นเขาหมดแล้วเนี้ย”
“ฮานะ เธอไม่ต้องพูดอะไรเลย นี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับเด็กคนนี้” นาโอะหยิบช๊อกโกแลตอีกแท่งโยนเข้ากระแทกกับใบหน้าของผมอย่างจัง
“เอาไปกินเยอะๆ เผื่อน้ำตาลจะไปช่วยเพิ่มการทำงานของสมองขึ้นมาบ้าง”
“พี่สาว พี่เป็นอะไรของพี่เนี้ย อยู่ดีๆก็มาหาเรื่องผมซะงั้น” เมื่อเห็นว่าไม่มีประโยชน์ที่จะต่อล้อต่อเถียง ผมจึงพยายามหาทางยุติบทสนทนาก่อนที่คนทั้งรถจะรุมประนามพวกเราทั้งสองคน
“เฮอะ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่เห็นท่าทีของนายแล้วมันเกะกะลูกตา ก็แค่นั้นเอง”
คราวนี้นาโอะไม่ใช่แค่โยนช๊อกโกแลตมาเพิ่มแค่แท่งสองแท่ง แต่เธอคล้ายจะล้วงออกมาจากกระเป๋ากำใหญ่
“หยุดๆ พี่สาว ถ้าพี่สาวโยนกองนั้นมีหวังมีคนโดนลูกหลงแน่ๆ”
“นายจะบ้าเหรอ ใครจะยอมเสียช๊อกโกแลตกับเด็กอย่างนายไปมากกว่านี้เล่า ฉันเอาออกมากินเองต่างหาก”
“เออๆ กินเข้าไปให้เบาหวานขึ้นตายเลยก็แล้วกัน ผมไม่สนแล้ว” ผมตัดจบบทสนทนาก่อนที่จะหันหลังกลับคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ทำไมผมถึงรู้สึกเจ็บปวดที่ใจอย่างไร้ซึ่งเหตุผล
ผมเก็บช๊อกโกแลตทุกชิ้นที่นาโอะโยนมาทุกชิ้นเพื่อหวังที่จะกินแข่งกับหญิงสาวด้านหลัง ผมพยายามแกะเสียงดังเพื่อที่จะกลบเสียงของเธอ แต่แล้วเมื่อผมแกะถึงชิ้นที่สาม ก็กลับมีเศษกระดาษเล็กๆใบหนึ่งหล่นออกมา
ด้วยความสงสัยผมจึงรีบคว้ากระดาษแผ่นนั้นก่อนที่มันจะร่วงหล่นลงไปกับพื้น
ทันที่ผมอ่านข้อความที่ถูกเขียนอยู่บนกระดาษแผ่นนั้นจบ ช๊อกโกแลตชิ้นสุดท้ายก็ค่อยๆละลายในปาก แผ่ความหวานไปทั่วทั้งปาก
“ขอบคุณนะ....พี่สาว” ผมพูดทั้งๆที่ยังไม่หันไปมอง
“ขอบคุณอะไรของนาย? บ้าเหรอเปล่า”
“ก็ขอบคุณสำหรับช๊อกโกแลตหวานๆนี่ไง อร่อยดีนะ”
ในขณะที่ผมกับนาโอะกำลังสนทนากันอยู่นั้น ไม่มีใครรู้เลยว่าฮานะที่นั่งอยู่ข้างๆกำลังอมยิ้มขณะที่กำลังอ่านเศษกระดาษใบเล็กๆใบหนึ่งที่ฟีลได้เผลอวางไว้บนเบาะขณะที่กำลังเบนความสนใจไปที่นาโอะที่นั่งอยู่ด้านหลังของรถ
‘พยายามเข้านะ ขี้อายแบบนั้น...มันไม่ค่อยเหมาะกับนายเท่าไหร่เลย’
“เฮ้อ พวกเธอสองคนนี่มันนิสัยเหมือนเด็กๆจริงๆ”
“เอ๊ะ ว่าไงนะครับ” ฮานะรีบเก็บกระดาษลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับปั่นหน้าจากอมยิ้มให้นิ่งเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
“ปะ...เปล่า ไม่มีอะไร”
“วันนี้อากาศดีจังเลยนะครับ ฮานะซัง”
“อะ...อืม นั้นสินะ”
ทันทีที่ฮานะตอบกลับมา หน้าของผมก็แดงขึ้นอีกครั้ง ใจค่อยๆเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างน้อย ผมก็กล้าที่จะพูดโต้ตอบกับเธอได้แล้ว
ขอบคุณนะครับ นาโอะซัง แล้วก็คุณด้วยนะครับ ริกะซัง ที่คอยให้กำลังใจผม มอบความกล้าให้ผมเสมอมา ไม่ว่าจะในอดีต ปัจจุบัน อนาคต หรือแม้แต่ตลอดไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ