คุณหนูหน้าร้ายกับสาวใช้หน้าปลวก(yuri)
-
เขียนโดย rinjung
วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.10 น.
8 chapter
0 วิจารณ์
18.45K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556 22.04 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) การกลับมา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ การกลับมา“อ่ะค่อก แค่ก คุณแม่ลองพูดอีกทีซิค่ะ “บุษบาสำลักน้ำอย่างกะทันหัน ต้นเหตุก็มาจากคำพูดของมารดานั่นเอง
“คุณแม่ต้องล้อบุษเล่นแน่ๆ”กลอยแก้วส่ายหน้าไปมาช้าๆ ใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้มที่ชี้ชะตาชีวิตของเธอ
“หน้าแม่ดูเหมือนคนล้อเล่นอย่างนั้นเหรอ”บุษบากระพริบตาถี่ๆ นี่เธอไม่ได้หูฝากไปจริงๆ สิ่งที่แม่พูดมาเป็นความจริงทุกอย่างจริง
“ทำไมบุษต้องปลอมตัวด้วยละคะ ไปในแบบบุษบาแบบนี้ไม่ได้เหรอคะ ลองคิดดูถ้าพิมพ์รู้ว่าเราร่วมมือกันหลอก พิมพ์ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คนที่จะซวยก็เป็นบุษอยู่ดี"บุษบาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาคว้าหมอนใบเล็กมากอดอย่างครุ่นคิด
“ขืนลูกไปแบบนี้จะได้ถูกพิมพ์ปล้ำเอานะซิ แม่ไม่อยากให้ลูกของแม่เสียตัวให้กับผู้หญิงหรอกนะ ลูกก็โตเป็นสาวแล้วไม่ใช่เด็กน้อยแบบแต่ก่อนแล้ว กว่าลูกจะปราบมือกับพิมพ์ได้ คงจะ..”
“เอาเถอะค่ะ บุษจะลองเก็บเอาไปคิดแล้วกัน”บุษบาถอนหายใจพลางคิดถึงภาพวันก่าๆ เด็กหน้าตามอมแมมกะโปโล ชอบไล่ตีเด็กผู้ชายที่ชอบมารังแกเธออยู่บ่อยๆ จนได้แผลกลับบ้านแถบทุกวัน ป่านนี้เด็กคนนั้นหน้าตาจะเป็นยังไงบ้างนะ คงโตเป็นสาวสะพรั่ง คงจะสวยไม่เบา แล้วทิ้งมาดเด็กเกเรไปแล้วหรือยังนะ แค่เพียงคิดว่าจะได้เจอก็ดีใจจนเนื้อเต้น แต่การพบเจอกลับเปิดเผยตัวตนไม่ได้
“ว้าย คุณหนู จะทำอะไรคะ ปล่อยนะคะ”มุรินดาร้องลั่นเมื่อเสื้อผ้าของตัวเองถูกกระชากออกจากร่างอย่างรวดเร็วเหลือเพียงชุดชั้นในสีขาวบริสุทธิ์ที่ปกปิดร่างกายส่วนบนเอาไว้เท่านั้น สองแขนของสาวใช้ที่ปัดป้องคุณหนูตัวแสบรีบกอดปกป้องตัวเองโดยอัตโนมัติ
“คุณหนูค่ะ อย่าทำอะไรดาวเลยนะคะ”หญิงสาวร่างบางเอ่ยปากอ้อนวอนน้ำตาซึมตาคู่สวยเต็มไปด้วยความกลัว
“หยุดนะ ยัยพิมพ์”เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงขู่ของมารดารินลดาหยุดชะงักทันที รีบผละออกจากสาวน้อยร่างบาง
“คุณแม่”รินดลาเรียกชื่อมารดาเบาๆ ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาดุของมารดาที่กำลังจ้องมาทางเธอ
“ทำอะไรของแก แกทำบ้าอะไรของแก”รินลดาจ้องมองหญิงสาวที่หนีออกไปจากห้องอย่างเสียดาย อุตส่าห์วางแผนงาบตอนที่มารดาไม่อยู่ ไหงกลับมาเร็วอย่างนี้ เหยื่ออันโอชะกำลังเข้าปากแล้วเชียว
“เปล่าค่ะ พิมพ์ก็แค่หยอกเขาเล่นๆ แต่เขาทำเป็นตีโพยตีพายไปเอง”
“เมื่อไหร่ลูกจะเลิกทำตัวแบบนี้สักที แม่เบื่อเต็มทีแล้ว ลูกก็เห็นอยู่ว่าเขาไม่ชอบแต่ทำไมยังจะทำอีก ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะ แม่ชักจะทนลูกไม่ไหวแล้วจริงๆ”เดือนหยาดระอาใจที่ต้องตักเตือนอะไรซ้ำๆ อยู่เป็นประจำ และก็ไม่ได้ทำให้ลูกสาวของเธอเปลี่ยนแปลงเลย
“ทีคุณพ่อทำไมยังทำได้ แต่ทำไมหนูถึงทำไม่ได้”รินลดาพูดทั้งน้ำตาคลอ
เพี้ยะ!!! ฝ่ามือเดือนหยาดฟาดลงใบหน้าสวยอย่างไม่ตั้งใจ รู้สึกตกใจไม่น้อยเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยถึงขั้นลงไม้ลงมือขนาดนี้
“คุณแม่ใจร้าย คุณแม่ใจร้าย ฮือ ฮือ”รินลดาร้องให้โฮหนีออกไป เดือนหยาดเหมือนหมดแรงทรุดลงตรงนั้น
“คุณผู้หญิง เป็นอะไรไปคะ มาคะ นั่งตรงนี้ก่อน ส้วมจะไปหายาดมมาให้นะคะ”สาวใช้รีบเข้ามาพยุงให้ไปนั่งปลายเตียงก่อนจะหายไปสักพักและกลับมาพร้อมยาดม
“ดาวไปไหนซะแล้วละ อย่าบอกนะว่าเก็บกระเป๋าหนีไปอีกแล้ว”เดือนหยาดสูดยาดมเข้าเต็มแรงราวกับจะสูดดมกลิ่นหอมให้หมดในคราวเดียวกัน
“ค่ะ คุณนาย บอกว่าให้รอก่อนก็ไม่ยอมค่ะ จะไปท่าเดียว”
“มะรืนนี้จะมีคนเข้ามาทำงานใหม่ เก็บกวาดห้องให้เรียบร้อย”ถึงเวลาที่เดือนหยาดจะลงมือดัดนิสัยแสนดื้อดึงของบุตรสาวสักที หากปล่อยนานเกินไปรังแต่จะเป็นปัญหา
ช่วงบ่ายของวันต่อมา…
เสียงโวยวายเฮฮาครึกครื้นดังลั่นมาจากริมสระน้ำหลังบ้าน แข่งกับเสียงร้องเพลงจังหวะสนุกสนานที่ดังสนั่นไม่แพ้กัน แม้ห้องรับแขกจะอยู่ห่างจากสระว่ายน้ำแต่ก็สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ส้วมสาวใช้ประจำบ้านนั่งปรนนิบัติพัดวีเดือนหยาดที่ลมจับครั้งแล้วครั้งเล่ากับความโกลาหลวุ่นวายภายในบ้าน ตอนนี้บ้านหลังนี้ไม่ต่างอะไรกับสวนสนุก หญิงสาวมากหน้าหลายตาวิ่งเข้าวิ่งออกไม่คิดจะเกรงใจตนเลยสักนิด มิหนำซ้ำแต่ละคนยังสาละวนอยู่กับตู้เย็นหยิบจับของกินได้ตามใจชอบ จนพื้นบ้านเปียกแชะไปทั่วจากในตัวบ้านไปจนถึงริมสระน้ำและยังมีขวดบรรจุแอลกอฮอล์วางเกะกะอยู่บนพื้น
“พี่พิมพ์ขา หวานว่าเราขึ้นห้องกันดีกว่านะคะ”เสียงแหบพร่าของสาวสวยที่อยู่ข้างกายรินลดากระซิบประโยคดังกล่าวลงเข้าที่หูด้วยน้ำเสียงที่เซ็กซี่ ทำนิ้วปูไต่ไล่ไปตามแขนขาสะเปะสะปะ
“ขึ้นหลังพี่ซิค่ะ”รินลดากระซิบตอบยืนขึ้นหันหลังให้สาวเซ็กซี่กระโดดขึ้นขี่หลังในอาการมึนเมาขาอ่อนปวกเปียกพันกันจนผลักดันให้ตัวเซไปเซมาจนสุดท้ายต้องหล่นลงไปในสระน้ำ สาวสวยที่มาร่วมงานหันมามองกันเป็นตาเดียวก่อนจะเสียงหัวเราะดังขึ้นเกรียวกราว
“โธ่ พิมพ์ขา ไม่ทันเท่าไหร่ ก็ป๊อดซะแล้ว”รินลดาผุดขึ้นมาจากสระน้ำว่ายมายังขอบสระเอื่อยช้า แนบหน้าพิงกับขอบสระ
รินลดาหญิงสาวร่างโปร่งบางอยู่ในชุดว่ายน้ำสีฟ้าอ่อนแนบไปกับเรือนร่างสวยสมบูรณ์ ดูสวยเฉี่ยวเปรี้ยวจี๊ดดวงตากลมโตราวไข่ห่าน ใบหน้าเกลี้ยงเกลาเป็นธรรมชาติ คิ้วโก่งดกดำ จมูกโด่งเชิดรั้นอย่างคนเอาแต่ใจ ริมฝีปากเรียวบางได้รูปรับกับใบหน้าเรียวเล็ก ผมประบาคลอเคลียไหล่สวยแม้เธอจะอยู่เหมือนกับลูกแมวน้อยตกน้ำแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยยิ่งหย่อนแต่อย่างใด
รินลดาเงยหน้าขึ้นมองบางคนที่ยืนกอดอกมองเธออยู่กระพริบตาสามครั้งเพื่อปรับม่านตาที่พร่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ใบหน้าบูดเบี้ยวของคนที่มองจ้องเธออย่างกับเกลียดชังมาแต่ชาติปางไหน ทำให้เธอต้องเงยหน้าหัวเราะร่วน
“แกนะแก สภาพดูไม่ได้เลย โตจนป่านนี้แล้วทำไมชอบทำให้แม่แกปวดหัวอยู่เรื่อยเลย”สายป่านกระชากแขนเรียวโผล่พ้นจากน้ำแล้วออกแรงลากขึ้นจากสระ
“ฉันไม่ได้จุดธูปเชิญแกมาสักหน่อย โผล่มาหลอกมาหลอนทำไม”เสียงบ่นอ้อแอ้ดังอยู่เพียงแค่ลำคอแต่คนฟังพอจับประเด็นได้
“เพี้ย!!”มือเรียวของผู้มาเยือนฟาดลงกับต้นขาขาวของเพื่อนสาวตัวแสบอย่างแรง
“อุ๊บ๊ะ เห็นขาฉันเป็นอะไรเนี๊ยะ ถ้าจะตีแบบนี้ไปเลย ไปดวลกันที่สนามหน้าบ้าน”รินลดาพลิกตัวนอนหงายมองท้องฟ้าโปร่งการมองเห็นของเธอเรือนลางลงทุกที เปลือกตาหนักอึ้งถูกทับให้หลับสนิทไม่นานสมองปิดโหมดการใช้งาน
“ไอ้พิมพ์ เฮ้ย ตื่นซิ โธ่เอ๊ย ดูซิ แล้วจะแบกยังไงไหวละ”สายป่านส่องสายตาตามสาวๆมาช่วยพาตัวรินลดาเข้าบ้าน แต่มองดูแล้วทุกคนต่างอยู่ในอาการเดียวกันจะไปหวังพึ่งใครให้มาช่วยแบกพาเพื่อนตัวแสบเข้าห้องได้
“ปล่อยให้นอนอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ต้องแบกไปไหนทั้งนั้น”เดือนหยาดทอดสายตามองลูกสาวที่เมาไม่ได้สติอย่างเวทนา
“แต่ว่า...มันจะดีเหรอคะ”สายป่านท้วง
“ดีที่สุดแล้วละ มาหาพิมพ์มีอะไรหรือเปล่า หรือแม่ลูกสาวตัวดีไปก่อเรื่องอะไรไว้อีก”เดือนหยาดทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้มองดูสาวสวยในชุดว่ายน้ำวางสายตาไล่จนสาวสวยเหล่านั้นเดินหายไปทีละคน
“ไม่มีอะไรหรอกคะ คุณป้า วันนี้พิมพ์ไม่ได้ไปเรียน น้ำก็เลยมาดูว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ก็เป็นอย่างที่เห็นละ ตั้งแต่โตมาไม่เคยทำอะไรให้ป้าภูมิใจสักเรื่องเลย”เดือนหยาดพูดแล้วถอนหายใจ ตนจะแบกรับเรื่องราวแย่ๆ แบบนี้ไปได้อีกนานสักเท่าไหร่ วงเวียนของปัญหามันวนซ้ำไปซ้ำมาจนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ปัญหานี้หลุดปัญหานั้นก็รุมเร้าสับเปลี่ยนไปมา
“คุณป้าใจเย็นเถอะค่ะ น้ำว่าเราคงจะต้องหาทางออกที่ดีได้อย่างแน่นอน”สายป่านเริ่มประโยคด้วยการให้กำลังใจเดือนหยาดพยักหน้ารับเบาๆ
“อึ้มมมมมมมม”นัยน์ตาปรือขึ้นช้าๆ ปวดเนื้อปวดตัวราวกับว่ามีของหนักหลายชิ้นกำลังสุมหัวกันทับตัว เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วสติสัมปชัญญะถูกเรียกให้กลับมา อาการปวดร้าวที่หัวศีรษะลาดไปถึงหัวไหล่ รับรู้ได้สิ่งรอบๆกาย แต่นี่มันไม่ใช่ในห้องนอนของเธอนี่ ตาคู่หวานเบิกโพล่ง ก้มลงสำรวจตัวเองที่ยังอยู่ในสภาพเดิม บรรยากาศที่เงียบสงบเหมือนกับป่าช้า ทุกคนหนีกลับกันหมดแล้วทิ้งเธอไว้ให้นอนอยู่ริมสระคนเดียวทั้งคืนทำแบบนี้ได้อย่างไร ระหว่างนั้นสายตาของเธอสังเกตไปตามตัว เจ้ายุงตัวดีคงจะเจาะเลือดของเธอไปกินจนอิ่มท้องทิ้งรอยแดงเป็นตุ่มอยู่ทั่วตัว
“ตื่นแล้วเหรอ รู้สึกได้บุญขึ้นมาบ้างไหม นอนบริจาคเลือดให้ยุงมันกินทั้งคืน”สายป่านเอ่ยขึ้นมาจากทางด้านหลังดวงตาสั่นระริกกำลังเพ่งเล็งเพื่อนสาวที่พูดจาทำให้อารมณ์เสีย
“ไอ้เพื่อนทรยศ ทำไมไม่พาฉันไปนอนข้างบน จะรอให้ยุงมันมาหามฉันลงโลงหรือไง”เสียงดังขึ้นตามอารมณ์เอ่ยหน้าตาขึงขังใส่อารมณ์เต็มที่
“ไปอาบน้ำซะเถอะ ทนไม่ได้กับหน้าตาแกตอนนี้”สภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าตาซีดโทรม ริมฝีปากซีดเซียว เห็นแล้วก็น่าตกใจถ้าไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนคงจะนึกว่าผีเดินได้ตอนกลางวัน
“จำไว้เลยนะ คราวหน้าแกถูกผู้ชายตามจีบ จะบอกว่าแกโสด จีบได้ คอยดูเถอะ”
“อ้าว แบบนี้เขาเรียกว่าคนพาล เกี่ยวอะไรกันด้วยละ เรื่องนั้นกับเรื่องนี้”สายป่านถลาตามหลังรินลดาไปติดๆ เพื่อเอาใจเพื่อนสนิทให้ทำตัวติดกับเธอเป็นปาทองโก๋จะได้กีดกันพวกผู้ชายที่ตามจีบเธอไม่เว้นแม้แต่ระยะห่างให้ได้มีเวลาส่วนตัว
“นี่ ขอเข้าไปหน่อยซิ เค้าไม่ได้ตั้งใจนะ เมื่อคืนแม่ตัวอ่า บอกเขาว่าไม่ต้องพาตัวเองกลับห้อง ให้นอนอยู่ตรงสระน้ำ มันไม่ใช่ความผิดเค้าสักหน่อย”สายป่านเคาะประตูเรียกขณะที่หูยังแนบฟังเสียงจากด้านใน
“เดี๋ยวหูแกจะเน่า”สายป่านได้ยินแล้วหน้าเหวอรีบผละตัวออกจากประตู
“เข้ามาเลย เชิญตามสบาย อ้อ ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยจัดห้องให้หน่อยนะ มันรก ไม่มีที่นอน”
“ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะ”สายป่านทำบ่นปากอุบอิบลงมือทำความสะอาดอย่างไม่เต็มใจนัก ตาข้างหนึ่งชายไปมองเจ้าของห้องที่กำลังนั่งอ่านหนังสือสบายใจแกล้งเดินเอาขนไก่ไปปัดไล่ที่
“หลบหน่อยซิ ตรงนี้ฝุ่นเยอะ”รินลดาขยับตัวนิดหน่อยแต่สายป่านก็ปัดขนไก่มาเรื่อยๆจนสังเกตได้ว่าถูกเพื่อนรักแกล้ง
“แกล้งฉันเหรอ พรุ่งนี้ฉันจะให้สาวๆของฉันจับแกแก้ผ้า”รินลดาวิ่งไล่จับจนหอบเข่าพับนั่งอยู่กับที่
“ที่เหลือจัดการเองนะ ฉันกลับละ”สายป่านรื้อข้างของที่จัดเก็บเอากองไว้ที่เดิม ยิ้มกริ่มเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
“เพื่อนบ้า ไว้ใจไม่ได้เลย สั่งให้ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง เชอะ ฝากไว้ก่อนเถอะ”รินลดาเก็บกวาดของในห้องด้วยตัวเองแต่ระหว่างนั้นสายตาต้องหยุดนิ่งกับสิ่งหนึ่งที่เธอไม่ได้หยิบมันขึ้นมากอดนานจนจำไม่ได้ว่าครั้งล่าสุดได้กอดมันเมื่อไหร่
เมื่อสิบปีก่อน…
“แงๆ ฮือๆ”เด็กหญิงวัยห้าขวบกำลังร้องให้อยู่สนามเด็กเล่นของโรงเรียน เด็กน้อยคนนั้นร้องให้โยเย น้ำตาใสๆไหลออกจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อน อาบเต็มแก้มสองข้างผมเปียที่ถูกถักไว้ยุ่งเหยิงเหมือนถูกดึง เด็กน้อยนั่งร้องให้ท่ามกลางเด็กชายสองสามคนที่ยืนหัวเราะอย่างชอบใจ แถมยิ้มอย่างภูมิใจที่แย่งตุ๊กตาหมีพูห์สีฟ้ามาได้ แต่ก็ไม่ได้ชอบใจอะไรมันหรอกแต่เพราะอยากแกล้งเล่นสนุกๆเท่านั้น
“ร้องให้เลย ร้องให้เยอะๆ ไม่มีใครมาช่วยหรอก ไอ้ลูกไม่มีพ่อ”เด็กชายผมจุกเยาะเย้ยเด็กหญิงตัวน้อยอย่างสนุกปาก
“ฉันจะฟ้องหมูอ้วน ว่าพวกนายแย่งตุ๊กตาฉัน”เด็กน้อยปาดน้ำตาของตัวเองพูดไปสะอื้นไป รีบวิ่งไปหาเด็กน้อยตัวมอมแมมที่กำลังวิ่งเข้ามาหาและไปยืนแอบอยู่ด้านหลัง
“พวกนายทำอะไรเพื่อนฉัน”เสียงดังก้องจากเด็กหญิงหน้าตามอมแมมวัยเดียวกันจะโกนใส่พวกเด็กชายจอมเกเรด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโห
“ฮา ฮา นี่เหรอวะ หมูอ้วน แห้งยังกับนาผี”เด็กชายตัวโตที่สุดของกลุ่มถามขึ้น
“…”เด็กหน้าตามอมแมมไม่ตอบอะไรกระชากแขนเด็กชายตัวใหญ่กว่าและเหวี่ยงให้ล้มลงแล้วชี้หน้าเด็กชายตัวแห้งสองคนที่อยู่ข้างๆจนวิ่งแจ้นหนีไปคนละทิศทาง
“ฮือ ฮือ แกต่อยฉัน ฉันจะไปฟ้องแม่ ไอ้นาผี ฮือ ฮือ แม่จ๋า”เด็กชายตัวใหญ่ร้องให้เสียงดังและวิ่งหนีไปด้วยความกลัว เด็กหน้าตามอมแมมจึงเดินไปหยิบตุ๊กตาและยื่นให้
“รักหมูอ้วนจัง ขอบคุณนะที่ช่วย บุษให้ตุ๊กตาตัวนี้นะ”เด็กหน้ามอมแมมกระโดดด้วยท่าทางดีใจกอดตุ๊กตาเอาไว้แน่น
เพียงแค่ย้อนเวลาไปเมื่อวันวาน ยิ่งทำให้ยิ่งคิดถึงคิดถึงเด็กน้อยช่างงอแงร้องให้วันละหลายเวลา แต่ว่าช่างเป็นเด็กที่ออดอ้อนและมีน้ำใจ แค่เพียงคิดไปน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม แม้แต่วันที่จากกันก็จากกันอย่างกะทันหันไม่ได้ร่ำลา อยากจะรู้ว่าเด็กขี้งอแงคนนั้นจะคิดถึงกันบ้างหรือเปล่า หรือว่าลืมกันไปแล้ว
“บุษ บุษอยู่ที่ไหน คิดถึงพิมบ้างหรือเปล่า”รินลดาเพ้อถึงเพื่อนที่เธอรักที่สุดในวัยเด็กเสียงแผ่วน้ำตาเริ่มเอ่อริมขอบตารอเวลาร่วงออกมาพลางกระชับตุ๊กตาหมีพูตัวสีฟ้ามากอดไว้กับอกแน่น
ตื๊ด ตื๊ด เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำให้รินลดาต้องกลบกลืนน้ำตา
“คุณแม่อยู่ที่ไหนคะ”รินลดาพูดขึ้นเสียงเบาๆ ทั้งที่น้ำตากำลังไหล
“เสียงอู้อี้ เป็นอะไรหรือเปล่า”เดือนหยาดขมวดคิ้วนิดๆเพราะคนปลายสายน้ำเสียงผิดปกติ
“หนูเพิ่งตื่นนะคะ”รินลดาใช้หลังมือเช็ดน้ำตาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล แค่เพียงคิดถึงคนคนเดียวทำให้เธอต้องมีน้ำตาขนาดนี้เชียวหรือ
“แม่หาคนใช้ใหม่ให้แกได้แล้ว อย่าสร้างปัญหาอีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นแม่จะส่งแกไปขี่หลังควายที่บ้านนอก“
“แต่หนู.....”รินลดาดันร่างลุกขึ้นยืนอย่างเร็วกำลังจะประท้วงแต่ปลายสายกลับตัดสายทิ้งไปก่อน
“คุณแม่นะคุณแม่ ทำไมต้องหาสาวใช้มาเพิ่ม แค่ส้วมคนเดียวก็พอแล้ว”รินลดาทุบมือลงหมอนอย่างแรงตามประสาคุณหนูเอาแต่ใจ
“ว้าย เดี๋ยวก็ตีหัวแตกเลย เข้ามาไม่ให้สุ่มให้เสียง”รินลดายกมือขึ้นเขกหัวส้วมเบาๆ แต่ส้วมรู้ทันเบี่ยงตัวหลบทันที
“ก็เห็นคุณหนูมองหาอะไรก็ไม่รู้ เลยอยากจะช่วยนะคะ”
“อยากช่วยใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น ช่วยไปเก็บกระเป๋าของแกออกไปจากบ้านฉัน”
“อูย ไม่ช่วยแล้วถ้าเป็นแบบนี้ ไปดีฟ่า ฟิ้ววว”ส้วมพูดพลางวิ่งหนีไปอย่างเร็วกลัวจะถูกไล่ออกจริงๆ
“คอยดูนะ ถ้าอีกคราวนี้จะจับปล้ำให้หนีแทบไม่ทันเลย คอยดู”รินลดากัดฟันกรอดๆ นอกจากส้วมที่เป็นลูกของป้าอิ่มคนเก่าคนแก่ของบ้านแล้วเธอไม่อยากได้สาวใช้หน้าไหนทั้งนั้น ไม่อยากเห็นไม่อยากเจอ เกลียด เกลียดคำว่าคนใช้ เพราะคำว่า สาวใช้ บิดาเลยต้องทอดทิ้งเธอและมารดาไป ไปกับสาวใช้หน้าสวยคนนั้น
รุ่งเช้าของวันใหม่...
"คุณหนูค่ะ อาหารเช้าค่ะ"เสียงหวานนุ่มกระซิบเบาๆ รินลดาลืมตาโพล่งเบิกตาเจ้าเล่ห์ แสยะยิ้มที่มุมปาก
"ชื่ออะไรละเธอนะ"รินลดาถามเสียงไม่เป็นมิตรนัก ดันตัวลุกขึ้นช้าๆ ตะปมเข้ากอดด้านหลังของสาวใช้คนใหม่ให้ตกใจเล่น
"แก้วค่ะ คุณหนู"บุษบายิ้มร้าย ยังไม่เห็นหน้าเธอละซิ ถ้าเห็นขึ้นมาคงร้องดังเป็นนกหวีด
“ชื่อเพราะจัง”รินลดากระซิบลงต้นหูนุ่มและงับเบาๆ หยอกล้อ ประกายตาคู่สวยส่องแพรวพราว
"คะ คุณหนูค่ะ"แก้มขาวเหมือนหยวกร้อนผ่าวตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกำลังพยายามเรียกสติกลับคืนมาเพราะยังต้องเปิดศึกกับหมูอ้วนไปอีกนาน ตอนนี้ชักจะเชื่อคำที่แม่ของเธอพูดขึ้นมาแล้วละซิ
“หมูอ้วนตัวแสบ คอยดูนะจะทำให้เป็นหมูปิ้งเลย”บุษบาพูดกับตัวเองลอบยิ้มเบาๆ
รินลดาทำหน้าตาเล็กๆ เหมือนคนเจ้าเล่ห์ จับไหล่บุษบาให้หมุนมาหาแต่แล้ว เมื่อได้เห็นหน้าบุษบาถึงกับ..
"เหว๋อ คะ คนหรือผีวะเนี่ย"รินลดาหมุนตัวบุษบาให้หันมาหาแต่แล้วก็รีบถอยหนีทั้งที่ไม่ทันตั้งหลักเลยล้มลงไปกับพื้นทันที หน้าตาที่ดูหวาดกลัวเหมือนแก้วหน้าม้าหลุดออกจากจอไม่มีผิดเพี้ยน บุษบาอยากจะหัวเราะออกมาเสียงดังๆ ตะกี้นี้ยังกอดเธออยู่เลย พอได้เห็นหน้าเท่านั้น ทุกอย่างเปลี่ยนในแวบตาเดียว ขนาดตอนที่เธอตัดสินใจแต่งหน้าตาให้เป็นแบบนี้ก็ยังกลัวตัวเองเหมือนกัน แล้วคนอื่นจะขนาดไหน
"หมูอ้วน เอ้ย คุณหนูเป็นอะไรไหมค่ะ ให้บุษ เอ่อ ให้แก้วช่วยนะคะ"บุษบาหลุดปากเรียกออกมา แต่ตอนนี้รินลดาไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะกำลังตั้งหน้าตั้งตากลัวบุษบา เอามือปิดปากตัวเองเกือบจะหลุดปากพูดชื่อจริงของตัวเอง
"ยัยปลวก อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ ออกไปให้พ้นนะ ผู้หญิงอะไร หาความสวยไม่ได้เลย ขี้เหร่ที่สุดของที่สุด ยัยแก้วหน้าม้า ยัยอัปลักษณ์ คุณแม่ไปเอาเธอขึ้นมาจากหลุมไหนกันเนี่ย"ริลดาขดตัวนั่งสั่นอยู่ข้างเตียงพลางตะโกนด่าคลานไปแอบริมเตียงชะงักหน้าขึ้นไปมองบุษบาสีหน้าส่อแววหวาดกลัวยิ่งทำให้บุษบาชอบใจ ไม่เปลี่ยนเลยยัยหมูอ้วนของเธอ ยิ่งตอนโกรธยิ่งมีมาดนักเลงเหมือนวัยเด็กไม่มีผิด น่ารักชะมัด!!!
“คุณแม่ต้องล้อบุษเล่นแน่ๆ”กลอยแก้วส่ายหน้าไปมาช้าๆ ใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้มที่ชี้ชะตาชีวิตของเธอ
“หน้าแม่ดูเหมือนคนล้อเล่นอย่างนั้นเหรอ”บุษบากระพริบตาถี่ๆ นี่เธอไม่ได้หูฝากไปจริงๆ สิ่งที่แม่พูดมาเป็นความจริงทุกอย่างจริง
“ทำไมบุษต้องปลอมตัวด้วยละคะ ไปในแบบบุษบาแบบนี้ไม่ได้เหรอคะ ลองคิดดูถ้าพิมพ์รู้ว่าเราร่วมมือกันหลอก พิมพ์ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ คนที่จะซวยก็เป็นบุษอยู่ดี"บุษบาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาคว้าหมอนใบเล็กมากอดอย่างครุ่นคิด
“ขืนลูกไปแบบนี้จะได้ถูกพิมพ์ปล้ำเอานะซิ แม่ไม่อยากให้ลูกของแม่เสียตัวให้กับผู้หญิงหรอกนะ ลูกก็โตเป็นสาวแล้วไม่ใช่เด็กน้อยแบบแต่ก่อนแล้ว กว่าลูกจะปราบมือกับพิมพ์ได้ คงจะ..”
“เอาเถอะค่ะ บุษจะลองเก็บเอาไปคิดแล้วกัน”บุษบาถอนหายใจพลางคิดถึงภาพวันก่าๆ เด็กหน้าตามอมแมมกะโปโล ชอบไล่ตีเด็กผู้ชายที่ชอบมารังแกเธออยู่บ่อยๆ จนได้แผลกลับบ้านแถบทุกวัน ป่านนี้เด็กคนนั้นหน้าตาจะเป็นยังไงบ้างนะ คงโตเป็นสาวสะพรั่ง คงจะสวยไม่เบา แล้วทิ้งมาดเด็กเกเรไปแล้วหรือยังนะ แค่เพียงคิดว่าจะได้เจอก็ดีใจจนเนื้อเต้น แต่การพบเจอกลับเปิดเผยตัวตนไม่ได้
“ว้าย คุณหนู จะทำอะไรคะ ปล่อยนะคะ”มุรินดาร้องลั่นเมื่อเสื้อผ้าของตัวเองถูกกระชากออกจากร่างอย่างรวดเร็วเหลือเพียงชุดชั้นในสีขาวบริสุทธิ์ที่ปกปิดร่างกายส่วนบนเอาไว้เท่านั้น สองแขนของสาวใช้ที่ปัดป้องคุณหนูตัวแสบรีบกอดปกป้องตัวเองโดยอัตโนมัติ
“คุณหนูค่ะ อย่าทำอะไรดาวเลยนะคะ”หญิงสาวร่างบางเอ่ยปากอ้อนวอนน้ำตาซึมตาคู่สวยเต็มไปด้วยความกลัว
“หยุดนะ ยัยพิมพ์”เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงขู่ของมารดารินลดาหยุดชะงักทันที รีบผละออกจากสาวน้อยร่างบาง
“คุณแม่”รินดลาเรียกชื่อมารดาเบาๆ ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาดุของมารดาที่กำลังจ้องมาทางเธอ
“ทำอะไรของแก แกทำบ้าอะไรของแก”รินลดาจ้องมองหญิงสาวที่หนีออกไปจากห้องอย่างเสียดาย อุตส่าห์วางแผนงาบตอนที่มารดาไม่อยู่ ไหงกลับมาเร็วอย่างนี้ เหยื่ออันโอชะกำลังเข้าปากแล้วเชียว
“เปล่าค่ะ พิมพ์ก็แค่หยอกเขาเล่นๆ แต่เขาทำเป็นตีโพยตีพายไปเอง”
“เมื่อไหร่ลูกจะเลิกทำตัวแบบนี้สักที แม่เบื่อเต็มทีแล้ว ลูกก็เห็นอยู่ว่าเขาไม่ชอบแต่ทำไมยังจะทำอีก ขอให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะ แม่ชักจะทนลูกไม่ไหวแล้วจริงๆ”เดือนหยาดระอาใจที่ต้องตักเตือนอะไรซ้ำๆ อยู่เป็นประจำ และก็ไม่ได้ทำให้ลูกสาวของเธอเปลี่ยนแปลงเลย
“ทีคุณพ่อทำไมยังทำได้ แต่ทำไมหนูถึงทำไม่ได้”รินลดาพูดทั้งน้ำตาคลอ
เพี้ยะ!!! ฝ่ามือเดือนหยาดฟาดลงใบหน้าสวยอย่างไม่ตั้งใจ รู้สึกตกใจไม่น้อยเพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยถึงขั้นลงไม้ลงมือขนาดนี้
“คุณแม่ใจร้าย คุณแม่ใจร้าย ฮือ ฮือ”รินลดาร้องให้โฮหนีออกไป เดือนหยาดเหมือนหมดแรงทรุดลงตรงนั้น
“คุณผู้หญิง เป็นอะไรไปคะ มาคะ นั่งตรงนี้ก่อน ส้วมจะไปหายาดมมาให้นะคะ”สาวใช้รีบเข้ามาพยุงให้ไปนั่งปลายเตียงก่อนจะหายไปสักพักและกลับมาพร้อมยาดม
“ดาวไปไหนซะแล้วละ อย่าบอกนะว่าเก็บกระเป๋าหนีไปอีกแล้ว”เดือนหยาดสูดยาดมเข้าเต็มแรงราวกับจะสูดดมกลิ่นหอมให้หมดในคราวเดียวกัน
“ค่ะ คุณนาย บอกว่าให้รอก่อนก็ไม่ยอมค่ะ จะไปท่าเดียว”
“มะรืนนี้จะมีคนเข้ามาทำงานใหม่ เก็บกวาดห้องให้เรียบร้อย”ถึงเวลาที่เดือนหยาดจะลงมือดัดนิสัยแสนดื้อดึงของบุตรสาวสักที หากปล่อยนานเกินไปรังแต่จะเป็นปัญหา
ช่วงบ่ายของวันต่อมา…
เสียงโวยวายเฮฮาครึกครื้นดังลั่นมาจากริมสระน้ำหลังบ้าน แข่งกับเสียงร้องเพลงจังหวะสนุกสนานที่ดังสนั่นไม่แพ้กัน แม้ห้องรับแขกจะอยู่ห่างจากสระว่ายน้ำแต่ก็สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ส้วมสาวใช้ประจำบ้านนั่งปรนนิบัติพัดวีเดือนหยาดที่ลมจับครั้งแล้วครั้งเล่ากับความโกลาหลวุ่นวายภายในบ้าน ตอนนี้บ้านหลังนี้ไม่ต่างอะไรกับสวนสนุก หญิงสาวมากหน้าหลายตาวิ่งเข้าวิ่งออกไม่คิดจะเกรงใจตนเลยสักนิด มิหนำซ้ำแต่ละคนยังสาละวนอยู่กับตู้เย็นหยิบจับของกินได้ตามใจชอบ จนพื้นบ้านเปียกแชะไปทั่วจากในตัวบ้านไปจนถึงริมสระน้ำและยังมีขวดบรรจุแอลกอฮอล์วางเกะกะอยู่บนพื้น
“พี่พิมพ์ขา หวานว่าเราขึ้นห้องกันดีกว่านะคะ”เสียงแหบพร่าของสาวสวยที่อยู่ข้างกายรินลดากระซิบประโยคดังกล่าวลงเข้าที่หูด้วยน้ำเสียงที่เซ็กซี่ ทำนิ้วปูไต่ไล่ไปตามแขนขาสะเปะสะปะ
“ขึ้นหลังพี่ซิค่ะ”รินลดากระซิบตอบยืนขึ้นหันหลังให้สาวเซ็กซี่กระโดดขึ้นขี่หลังในอาการมึนเมาขาอ่อนปวกเปียกพันกันจนผลักดันให้ตัวเซไปเซมาจนสุดท้ายต้องหล่นลงไปในสระน้ำ สาวสวยที่มาร่วมงานหันมามองกันเป็นตาเดียวก่อนจะเสียงหัวเราะดังขึ้นเกรียวกราว
“โธ่ พิมพ์ขา ไม่ทันเท่าไหร่ ก็ป๊อดซะแล้ว”รินลดาผุดขึ้นมาจากสระน้ำว่ายมายังขอบสระเอื่อยช้า แนบหน้าพิงกับขอบสระ
รินลดาหญิงสาวร่างโปร่งบางอยู่ในชุดว่ายน้ำสีฟ้าอ่อนแนบไปกับเรือนร่างสวยสมบูรณ์ ดูสวยเฉี่ยวเปรี้ยวจี๊ดดวงตากลมโตราวไข่ห่าน ใบหน้าเกลี้ยงเกลาเป็นธรรมชาติ คิ้วโก่งดกดำ จมูกโด่งเชิดรั้นอย่างคนเอาแต่ใจ ริมฝีปากเรียวบางได้รูปรับกับใบหน้าเรียวเล็ก ผมประบาคลอเคลียไหล่สวยแม้เธอจะอยู่เหมือนกับลูกแมวน้อยตกน้ำแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยยิ่งหย่อนแต่อย่างใด
รินลดาเงยหน้าขึ้นมองบางคนที่ยืนกอดอกมองเธออยู่กระพริบตาสามครั้งเพื่อปรับม่านตาที่พร่าเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ใบหน้าบูดเบี้ยวของคนที่มองจ้องเธออย่างกับเกลียดชังมาแต่ชาติปางไหน ทำให้เธอต้องเงยหน้าหัวเราะร่วน
“แกนะแก สภาพดูไม่ได้เลย โตจนป่านนี้แล้วทำไมชอบทำให้แม่แกปวดหัวอยู่เรื่อยเลย”สายป่านกระชากแขนเรียวโผล่พ้นจากน้ำแล้วออกแรงลากขึ้นจากสระ
“ฉันไม่ได้จุดธูปเชิญแกมาสักหน่อย โผล่มาหลอกมาหลอนทำไม”เสียงบ่นอ้อแอ้ดังอยู่เพียงแค่ลำคอแต่คนฟังพอจับประเด็นได้
“เพี้ย!!”มือเรียวของผู้มาเยือนฟาดลงกับต้นขาขาวของเพื่อนสาวตัวแสบอย่างแรง
“อุ๊บ๊ะ เห็นขาฉันเป็นอะไรเนี๊ยะ ถ้าจะตีแบบนี้ไปเลย ไปดวลกันที่สนามหน้าบ้าน”รินลดาพลิกตัวนอนหงายมองท้องฟ้าโปร่งการมองเห็นของเธอเรือนลางลงทุกที เปลือกตาหนักอึ้งถูกทับให้หลับสนิทไม่นานสมองปิดโหมดการใช้งาน
“ไอ้พิมพ์ เฮ้ย ตื่นซิ โธ่เอ๊ย ดูซิ แล้วจะแบกยังไงไหวละ”สายป่านส่องสายตาตามสาวๆมาช่วยพาตัวรินลดาเข้าบ้าน แต่มองดูแล้วทุกคนต่างอยู่ในอาการเดียวกันจะไปหวังพึ่งใครให้มาช่วยแบกพาเพื่อนตัวแสบเข้าห้องได้
“ปล่อยให้นอนอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ต้องแบกไปไหนทั้งนั้น”เดือนหยาดทอดสายตามองลูกสาวที่เมาไม่ได้สติอย่างเวทนา
“แต่ว่า...มันจะดีเหรอคะ”สายป่านท้วง
“ดีที่สุดแล้วละ มาหาพิมพ์มีอะไรหรือเปล่า หรือแม่ลูกสาวตัวดีไปก่อเรื่องอะไรไว้อีก”เดือนหยาดทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้มองดูสาวสวยในชุดว่ายน้ำวางสายตาไล่จนสาวสวยเหล่านั้นเดินหายไปทีละคน
“ไม่มีอะไรหรอกคะ คุณป้า วันนี้พิมพ์ไม่ได้ไปเรียน น้ำก็เลยมาดูว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ก็เป็นอย่างที่เห็นละ ตั้งแต่โตมาไม่เคยทำอะไรให้ป้าภูมิใจสักเรื่องเลย”เดือนหยาดพูดแล้วถอนหายใจ ตนจะแบกรับเรื่องราวแย่ๆ แบบนี้ไปได้อีกนานสักเท่าไหร่ วงเวียนของปัญหามันวนซ้ำไปซ้ำมาจนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ปัญหานี้หลุดปัญหานั้นก็รุมเร้าสับเปลี่ยนไปมา
“คุณป้าใจเย็นเถอะค่ะ น้ำว่าเราคงจะต้องหาทางออกที่ดีได้อย่างแน่นอน”สายป่านเริ่มประโยคด้วยการให้กำลังใจเดือนหยาดพยักหน้ารับเบาๆ
“อึ้มมมมมมมม”นัยน์ตาปรือขึ้นช้าๆ ปวดเนื้อปวดตัวราวกับว่ามีของหนักหลายชิ้นกำลังสุมหัวกันทับตัว เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วสติสัมปชัญญะถูกเรียกให้กลับมา อาการปวดร้าวที่หัวศีรษะลาดไปถึงหัวไหล่ รับรู้ได้สิ่งรอบๆกาย แต่นี่มันไม่ใช่ในห้องนอนของเธอนี่ ตาคู่หวานเบิกโพล่ง ก้มลงสำรวจตัวเองที่ยังอยู่ในสภาพเดิม บรรยากาศที่เงียบสงบเหมือนกับป่าช้า ทุกคนหนีกลับกันหมดแล้วทิ้งเธอไว้ให้นอนอยู่ริมสระคนเดียวทั้งคืนทำแบบนี้ได้อย่างไร ระหว่างนั้นสายตาของเธอสังเกตไปตามตัว เจ้ายุงตัวดีคงจะเจาะเลือดของเธอไปกินจนอิ่มท้องทิ้งรอยแดงเป็นตุ่มอยู่ทั่วตัว
“ตื่นแล้วเหรอ รู้สึกได้บุญขึ้นมาบ้างไหม นอนบริจาคเลือดให้ยุงมันกินทั้งคืน”สายป่านเอ่ยขึ้นมาจากทางด้านหลังดวงตาสั่นระริกกำลังเพ่งเล็งเพื่อนสาวที่พูดจาทำให้อารมณ์เสีย
“ไอ้เพื่อนทรยศ ทำไมไม่พาฉันไปนอนข้างบน จะรอให้ยุงมันมาหามฉันลงโลงหรือไง”เสียงดังขึ้นตามอารมณ์เอ่ยหน้าตาขึงขังใส่อารมณ์เต็มที่
“ไปอาบน้ำซะเถอะ ทนไม่ได้กับหน้าตาแกตอนนี้”สภาพผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าตาซีดโทรม ริมฝีปากซีดเซียว เห็นแล้วก็น่าตกใจถ้าไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนคงจะนึกว่าผีเดินได้ตอนกลางวัน
“จำไว้เลยนะ คราวหน้าแกถูกผู้ชายตามจีบ จะบอกว่าแกโสด จีบได้ คอยดูเถอะ”
“อ้าว แบบนี้เขาเรียกว่าคนพาล เกี่ยวอะไรกันด้วยละ เรื่องนั้นกับเรื่องนี้”สายป่านถลาตามหลังรินลดาไปติดๆ เพื่อเอาใจเพื่อนสนิทให้ทำตัวติดกับเธอเป็นปาทองโก๋จะได้กีดกันพวกผู้ชายที่ตามจีบเธอไม่เว้นแม้แต่ระยะห่างให้ได้มีเวลาส่วนตัว
“นี่ ขอเข้าไปหน่อยซิ เค้าไม่ได้ตั้งใจนะ เมื่อคืนแม่ตัวอ่า บอกเขาว่าไม่ต้องพาตัวเองกลับห้อง ให้นอนอยู่ตรงสระน้ำ มันไม่ใช่ความผิดเค้าสักหน่อย”สายป่านเคาะประตูเรียกขณะที่หูยังแนบฟังเสียงจากด้านใน
“เดี๋ยวหูแกจะเน่า”สายป่านได้ยินแล้วหน้าเหวอรีบผละตัวออกจากประตู
“เข้ามาเลย เชิญตามสบาย อ้อ ถ้าไม่เป็นการรบกวน ช่วยจัดห้องให้หน่อยนะ มันรก ไม่มีที่นอน”
“ได้ทีแล้วเอาใหญ่เลยนะ”สายป่านทำบ่นปากอุบอิบลงมือทำความสะอาดอย่างไม่เต็มใจนัก ตาข้างหนึ่งชายไปมองเจ้าของห้องที่กำลังนั่งอ่านหนังสือสบายใจแกล้งเดินเอาขนไก่ไปปัดไล่ที่
“หลบหน่อยซิ ตรงนี้ฝุ่นเยอะ”รินลดาขยับตัวนิดหน่อยแต่สายป่านก็ปัดขนไก่มาเรื่อยๆจนสังเกตได้ว่าถูกเพื่อนรักแกล้ง
“แกล้งฉันเหรอ พรุ่งนี้ฉันจะให้สาวๆของฉันจับแกแก้ผ้า”รินลดาวิ่งไล่จับจนหอบเข่าพับนั่งอยู่กับที่
“ที่เหลือจัดการเองนะ ฉันกลับละ”สายป่านรื้อข้างของที่จัดเก็บเอากองไว้ที่เดิม ยิ้มกริ่มเดินจากไปอย่างอารมณ์ดี
“เพื่อนบ้า ไว้ใจไม่ได้เลย สั่งให้ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องสักอย่าง เชอะ ฝากไว้ก่อนเถอะ”รินลดาเก็บกวาดของในห้องด้วยตัวเองแต่ระหว่างนั้นสายตาต้องหยุดนิ่งกับสิ่งหนึ่งที่เธอไม่ได้หยิบมันขึ้นมากอดนานจนจำไม่ได้ว่าครั้งล่าสุดได้กอดมันเมื่อไหร่
เมื่อสิบปีก่อน…
“แงๆ ฮือๆ”เด็กหญิงวัยห้าขวบกำลังร้องให้อยู่สนามเด็กเล่นของโรงเรียน เด็กน้อยคนนั้นร้องให้โยเย น้ำตาใสๆไหลออกจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อน อาบเต็มแก้มสองข้างผมเปียที่ถูกถักไว้ยุ่งเหยิงเหมือนถูกดึง เด็กน้อยนั่งร้องให้ท่ามกลางเด็กชายสองสามคนที่ยืนหัวเราะอย่างชอบใจ แถมยิ้มอย่างภูมิใจที่แย่งตุ๊กตาหมีพูห์สีฟ้ามาได้ แต่ก็ไม่ได้ชอบใจอะไรมันหรอกแต่เพราะอยากแกล้งเล่นสนุกๆเท่านั้น
“ร้องให้เลย ร้องให้เยอะๆ ไม่มีใครมาช่วยหรอก ไอ้ลูกไม่มีพ่อ”เด็กชายผมจุกเยาะเย้ยเด็กหญิงตัวน้อยอย่างสนุกปาก
“ฉันจะฟ้องหมูอ้วน ว่าพวกนายแย่งตุ๊กตาฉัน”เด็กน้อยปาดน้ำตาของตัวเองพูดไปสะอื้นไป รีบวิ่งไปหาเด็กน้อยตัวมอมแมมที่กำลังวิ่งเข้ามาหาและไปยืนแอบอยู่ด้านหลัง
“พวกนายทำอะไรเพื่อนฉัน”เสียงดังก้องจากเด็กหญิงหน้าตามอมแมมวัยเดียวกันจะโกนใส่พวกเด็กชายจอมเกเรด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโห
“ฮา ฮา นี่เหรอวะ หมูอ้วน แห้งยังกับนาผี”เด็กชายตัวโตที่สุดของกลุ่มถามขึ้น
“…”เด็กหน้าตามอมแมมไม่ตอบอะไรกระชากแขนเด็กชายตัวใหญ่กว่าและเหวี่ยงให้ล้มลงแล้วชี้หน้าเด็กชายตัวแห้งสองคนที่อยู่ข้างๆจนวิ่งแจ้นหนีไปคนละทิศทาง
“ฮือ ฮือ แกต่อยฉัน ฉันจะไปฟ้องแม่ ไอ้นาผี ฮือ ฮือ แม่จ๋า”เด็กชายตัวใหญ่ร้องให้เสียงดังและวิ่งหนีไปด้วยความกลัว เด็กหน้าตามอมแมมจึงเดินไปหยิบตุ๊กตาและยื่นให้
“รักหมูอ้วนจัง ขอบคุณนะที่ช่วย บุษให้ตุ๊กตาตัวนี้นะ”เด็กหน้ามอมแมมกระโดดด้วยท่าทางดีใจกอดตุ๊กตาเอาไว้แน่น
เพียงแค่ย้อนเวลาไปเมื่อวันวาน ยิ่งทำให้ยิ่งคิดถึงคิดถึงเด็กน้อยช่างงอแงร้องให้วันละหลายเวลา แต่ว่าช่างเป็นเด็กที่ออดอ้อนและมีน้ำใจ แค่เพียงคิดไปน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม แม้แต่วันที่จากกันก็จากกันอย่างกะทันหันไม่ได้ร่ำลา อยากจะรู้ว่าเด็กขี้งอแงคนนั้นจะคิดถึงกันบ้างหรือเปล่า หรือว่าลืมกันไปแล้ว
“บุษ บุษอยู่ที่ไหน คิดถึงพิมบ้างหรือเปล่า”รินลดาเพ้อถึงเพื่อนที่เธอรักที่สุดในวัยเด็กเสียงแผ่วน้ำตาเริ่มเอ่อริมขอบตารอเวลาร่วงออกมาพลางกระชับตุ๊กตาหมีพูตัวสีฟ้ามากอดไว้กับอกแน่น
ตื๊ด ตื๊ด เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำให้รินลดาต้องกลบกลืนน้ำตา
“คุณแม่อยู่ที่ไหนคะ”รินลดาพูดขึ้นเสียงเบาๆ ทั้งที่น้ำตากำลังไหล
“เสียงอู้อี้ เป็นอะไรหรือเปล่า”เดือนหยาดขมวดคิ้วนิดๆเพราะคนปลายสายน้ำเสียงผิดปกติ
“หนูเพิ่งตื่นนะคะ”รินลดาใช้หลังมือเช็ดน้ำตาพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล แค่เพียงคิดถึงคนคนเดียวทำให้เธอต้องมีน้ำตาขนาดนี้เชียวหรือ
“แม่หาคนใช้ใหม่ให้แกได้แล้ว อย่าสร้างปัญหาอีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นแม่จะส่งแกไปขี่หลังควายที่บ้านนอก“
“แต่หนู.....”รินลดาดันร่างลุกขึ้นยืนอย่างเร็วกำลังจะประท้วงแต่ปลายสายกลับตัดสายทิ้งไปก่อน
“คุณแม่นะคุณแม่ ทำไมต้องหาสาวใช้มาเพิ่ม แค่ส้วมคนเดียวก็พอแล้ว”รินลดาทุบมือลงหมอนอย่างแรงตามประสาคุณหนูเอาแต่ใจ
“ว้าย เดี๋ยวก็ตีหัวแตกเลย เข้ามาไม่ให้สุ่มให้เสียง”รินลดายกมือขึ้นเขกหัวส้วมเบาๆ แต่ส้วมรู้ทันเบี่ยงตัวหลบทันที
“ก็เห็นคุณหนูมองหาอะไรก็ไม่รู้ เลยอยากจะช่วยนะคะ”
“อยากช่วยใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น ช่วยไปเก็บกระเป๋าของแกออกไปจากบ้านฉัน”
“อูย ไม่ช่วยแล้วถ้าเป็นแบบนี้ ไปดีฟ่า ฟิ้ววว”ส้วมพูดพลางวิ่งหนีไปอย่างเร็วกลัวจะถูกไล่ออกจริงๆ
“คอยดูนะ ถ้าอีกคราวนี้จะจับปล้ำให้หนีแทบไม่ทันเลย คอยดู”รินลดากัดฟันกรอดๆ นอกจากส้วมที่เป็นลูกของป้าอิ่มคนเก่าคนแก่ของบ้านแล้วเธอไม่อยากได้สาวใช้หน้าไหนทั้งนั้น ไม่อยากเห็นไม่อยากเจอ เกลียด เกลียดคำว่าคนใช้ เพราะคำว่า สาวใช้ บิดาเลยต้องทอดทิ้งเธอและมารดาไป ไปกับสาวใช้หน้าสวยคนนั้น
รุ่งเช้าของวันใหม่...
"คุณหนูค่ะ อาหารเช้าค่ะ"เสียงหวานนุ่มกระซิบเบาๆ รินลดาลืมตาโพล่งเบิกตาเจ้าเล่ห์ แสยะยิ้มที่มุมปาก
"ชื่ออะไรละเธอนะ"รินลดาถามเสียงไม่เป็นมิตรนัก ดันตัวลุกขึ้นช้าๆ ตะปมเข้ากอดด้านหลังของสาวใช้คนใหม่ให้ตกใจเล่น
"แก้วค่ะ คุณหนู"บุษบายิ้มร้าย ยังไม่เห็นหน้าเธอละซิ ถ้าเห็นขึ้นมาคงร้องดังเป็นนกหวีด
“ชื่อเพราะจัง”รินลดากระซิบลงต้นหูนุ่มและงับเบาๆ หยอกล้อ ประกายตาคู่สวยส่องแพรวพราว
"คะ คุณหนูค่ะ"แก้มขาวเหมือนหยวกร้อนผ่าวตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกำลังพยายามเรียกสติกลับคืนมาเพราะยังต้องเปิดศึกกับหมูอ้วนไปอีกนาน ตอนนี้ชักจะเชื่อคำที่แม่ของเธอพูดขึ้นมาแล้วละซิ
“หมูอ้วนตัวแสบ คอยดูนะจะทำให้เป็นหมูปิ้งเลย”บุษบาพูดกับตัวเองลอบยิ้มเบาๆ
รินลดาทำหน้าตาเล็กๆ เหมือนคนเจ้าเล่ห์ จับไหล่บุษบาให้หมุนมาหาแต่แล้ว เมื่อได้เห็นหน้าบุษบาถึงกับ..
"เหว๋อ คะ คนหรือผีวะเนี่ย"รินลดาหมุนตัวบุษบาให้หันมาหาแต่แล้วก็รีบถอยหนีทั้งที่ไม่ทันตั้งหลักเลยล้มลงไปกับพื้นทันที หน้าตาที่ดูหวาดกลัวเหมือนแก้วหน้าม้าหลุดออกจากจอไม่มีผิดเพี้ยน บุษบาอยากจะหัวเราะออกมาเสียงดังๆ ตะกี้นี้ยังกอดเธออยู่เลย พอได้เห็นหน้าเท่านั้น ทุกอย่างเปลี่ยนในแวบตาเดียว ขนาดตอนที่เธอตัดสินใจแต่งหน้าตาให้เป็นแบบนี้ก็ยังกลัวตัวเองเหมือนกัน แล้วคนอื่นจะขนาดไหน
"หมูอ้วน เอ้ย คุณหนูเป็นอะไรไหมค่ะ ให้บุษ เอ่อ ให้แก้วช่วยนะคะ"บุษบาหลุดปากเรียกออกมา แต่ตอนนี้รินลดาไม่ได้ใส่ใจอะไรเพราะกำลังตั้งหน้าตั้งตากลัวบุษบา เอามือปิดปากตัวเองเกือบจะหลุดปากพูดชื่อจริงของตัวเอง
"ยัยปลวก อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ ออกไปให้พ้นนะ ผู้หญิงอะไร หาความสวยไม่ได้เลย ขี้เหร่ที่สุดของที่สุด ยัยแก้วหน้าม้า ยัยอัปลักษณ์ คุณแม่ไปเอาเธอขึ้นมาจากหลุมไหนกันเนี่ย"ริลดาขดตัวนั่งสั่นอยู่ข้างเตียงพลางตะโกนด่าคลานไปแอบริมเตียงชะงักหน้าขึ้นไปมองบุษบาสีหน้าส่อแววหวาดกลัวยิ่งทำให้บุษบาชอบใจ ไม่เปลี่ยนเลยยัยหมูอ้วนของเธอ ยิ่งตอนโกรธยิ่งมีมาดนักเลงเหมือนวัยเด็กไม่มีผิด น่ารักชะมัด!!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ