Vampire Bangkok แวมไพร์ แบงค็อก

8.3

เขียนโดย justin

วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.33 น.

  23 ตอน
  1 วิจารณ์
  29.39K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556 13.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) นักข่าวแวมไพร์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

            รุ่งอรุณ ของเช้าวันใหม่ มีสายลมพัดเบาๆ ผ่านเล็ดลอดมาทางประกระจกด้านนอกระเบียง แสงแดดอ่อนๆ สาดเข้ามากระทบกับใบหน้าและร่างกายของนัท นัทยกมือขึ้นป้องแสงแดด พลันหันไปมองนาฬิกา เจ็ดโมงเช้ากว่าเล็กน้อย ร่างกายนัทเคลื่อนตัวเอนลุกขึ้นตั้งตรง มันเป็นเรื่องปรกติวิสัยของแวมไพร์ เมื่อลุกขึ้นจากการนอน

 

หลังจากอาบน้ำเสร็จนัทหยิบเลือดสังเคราะห์ขึ้นมาดื่ม

 

“ต้องมีชีวิตด้วยสิ่งนี้ตลอดไปซินะ”

 

        มันคืออาหารเช้าสำหรับนัท การดื่มครั้งหนึงก็สามารถอยู่ได้เป็นอาทิตย์ อาหารเช้าที่ผสมผสานกับสารป้องกันแสงยูวีจากแสงแดด ถ้าขาดมันไปนัทก็ไม่สามารถใช้ชีวิตในเวลากลางวันได้

 

ส่วนความหิวแวมไพร์สามารถอดทนได้นานนับหลายเดือน ฉะนั้นการเตือนตัวเองจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแวมไพร์ที่มีอายุไม่นานอย่างนัทจึงสำคัญมาก

 

แต่สิ่งทีรบกวนใจนัทอีกอย่างหนึงก็คือ ถ้ามนุษย์คนใดได้ล่วงรู้ความลับของนัท ไม่ว่าจะโดยบังเอิญหรือตั้งใจก็ตาม เขาไม่อาจจะปล่อยให้มนุษย์คนนั้นให้รอดไปได้ อาร์ทเคยบอกกับนัทถึงเรื่องนี้ไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว

 

“นัท นายต้องระวังอย่าให้มนุษย์ผู้ใดล่วงรู้ถึงสิ่งที่เราเป็นได้นะ เพราะมันสำคัญมาก”

 

“เราเข้าใจอาร์ท แต่ถ้าครั้งหนึงครั้งใดเราพราดไป เราต้องทำอย่างไร”

 

“สิ่งที่พวกเราทำคือต้องไม่ปล่อยให้มนุษย์คนนั้นมีชีวิตรอด หรือมีอีกสองทางคือเปลี่ยนให้เป็นทาสของพวกเรา หรือไม่ก็เปลี่ยนมนุษย์ผู้นั้นให้เป็นแบบเรา ไม่ว่ามนุษย์ผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม”

 

“รวมถึงพ่อแม่พี่น้องหรือเพื่อนของเราด้วยหรือเปล่า”

 

“ใช่แล้วนัท เราจะไม่เว้นแม้เป็นคนสนิทกับเรา เพราะการที่จะเปิดเผยตัวตนให้ผู้คนรับรู้ เป็นสิ่งอันตรายสำหรับพวกเรามาก นั่นคือเราจะไม่สามารถแฝงตัวหรือใช้ชีวิตปะปนอยู่กับมนุษย์อีกต่อไปได้ เรื่องนี้ถือว่าเป็นกฎเหล็กสำหรับแวมไพร์ทุกตน”

 

 

         นัทขับรถไปทำงานเหมือนคนปรกติทั่วไป ถึงแม้รถจะติดจนเป็นความน่าเบื่อรำคาญก็ตาม จริงๆ แล้วแวมไพร์สามารถเดินทางได้เป็นหลายร้อยกิโลโดยไม่ต้องอาศัยยานพาหนะด้วยความรวดเร็ว แต่การกระทำแบบนั้นจะเป็นการเปิดเผยตัวตนของตนเอง มันเด่นชัดเกินไป นอกเสียจากว่าในยามวิกาลที่สายตามนุษย์ทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้

 

 

“สวัสดีครับทุกคน”

นัททักทายเพื่อนๆ นักข่าวในทีมงานข่าวอาชญากรรม

“อ้าว นัท หวัดดีๆ เป็นไงบ้างสบายดีนะ”

นนท์เพื่อนนักข่าวทักทายตอบอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีค่ะนัท”

แอนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานอยู่แล้ว หันมาทักทาย

“สบายดีครับ”

นัทยิ้มตอบกลับให้กับแอนก่อนที่จะหันไปตอบนนท์และเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

 

“วันนี้รู้สึกว่าคุณศักดิ์ชัยจะมีข่าวให้พวกเราออกไปทำกันนะ”

กายเพื่อนนักข่าวอีกคนเอ่ยขึ้นเหมือนจะรู้ล่วงหน้าจากสายข่าวเมื่อคืนนี้

“ดีเลย วันนี้จะได้ใช้น้องใหม่ให้ออกไปลองของสักหน่อย”

นนท์พูดเชิงหยอกกระเซ้าน้องใหม่อย่างนัท

“ได้ซิครับนนท์ ฮ่าๆๆ ผมเตรียมพร้อมอยู่แล้วครับ”

 

 

          นัทก้มลงหยิบกระเป๋าขึ้นมาวางบนตักก่อนจะเปิดมันออก หยิบอุปกรณ์กล้องถ่ายรูป เครื่องอัดเสียงมาวางเรียงรายบนโต๊ะที่ทำงาน ในขณะที่คุณศักดิ์ชัยเดินเข้ามาด้านหน้าพอดี

 

“เป็นไงบ้างนัท”

“สวัสดีครับคุณศักดิ์ชัย”

นัทกล่าวพร้อมยกมือขึ้นไหว้

“อืมม ครับ”

ศักดิ์ชัยยกมือรับไหว้จากพนักงานใหม่ในทีม

“วันนี้พี่จะให้ นัท กับ แอน และนนท์ออกไปทำข่าวฆาตกรรมที่ฆ่ากันตายเมื่อใกล้รุ่งนะ”

“แถวลาดพร้าวใช่เปล่าครับคุณศักดิ์ชัย”

“ใช่แล้วนนท์ งานนี้เอานัทไปกับเราด้วยนะ นัทจะได้ออกไปเรียนรู้การทำงานภาคสนามของทีมข่าวของเราด้วย”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวแอนกับนนท์จะเป็นพี่เลี้ยงสอนให้กับนัทเองค่ะ”

“ดีครับ ช่วยๆ กันทีมงานของเรา”

ศักดิ์ชัยพยักหน้ารับพร้อมกับเดินไปตบไหล่นัทเบาๆ

“นัทมีอะไรที่ไม่เข้าใจ หรือสงสัยก็ถามสองคนนี้ได้นะ”

“ครับคุณศักดิ์ชัย”

นัทพูดจบพร้อมหันตัวกลับไปเตรียมอุปกรณ์ในการทำข่าว

แอนและนนท์ก็กำลังเตรียมตัวเช่นกัน

 

“เดี๋ยวเราเอารถของทีมงานข่าวอาชญากรรมไปก็แล้วกันนะจะได้นั่งไปพร้อมกัน” นนท์พูดพร้อมกับคว้ากุญแจรถ แล้วทั้งสามก็พากันออกไปในสถานที่เกิดเหตุ

 

 

 

         นนท์ขับรถพาทั้งแอนและนัทมาที่สถานที่ทำข่าวจากสายข่าวรายงานมาเมื่อคืน ทั้งสามลงจากรถเดินตรงไปที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นซอยเปลี่ยวและเป็นถนนลูกรัง สองข้างทางมีเรือนพักคนงานก่อสร้าง และร้านขายของชำร้านเล็กๆ สองร้านในบริเวณนั้น

 

       รอบๆ บริเวณมีป่าหญ้ารกร้าง ลึกไปประมาณ 300 เมตร พบศพผู้หญิง ไม่ทราบชื่อ รูปร่างท้วม ผิวขาว สูงประมาณ 165 เซนติเมตร อายุประมาณ 21-25 ปี นอนอยู่ในป่าหญ้าเปลือยท่อนล่าง สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้า เสื้อชั้นในสีนวล และมีรอยสักเป็นรูปดอกไม้ที่แผ่นหลังด้านช้าย ที่หน้าผากและดั้งจมูกถูกตีจนหักเป็นแผลลึก

 

      ที่ลำคอมีรอยถูกบีบ หน้าอกมีรอยรองเท้า น่องขวามีรอยเหมือนถูกท่อไอเสียรถจักรยานยนต์นาบเป็นทางยาว และมีร่องรอยคล้ายถูกข่มขืน ขณะที่มือขวายังกำหญ้าไว้จนแน่น

 

“งานแรกก็เจอหนักหน่อยนะนัท ต้องทำงานกับศพผู้เสียชีวิต นัทกลัวคนตายหรือกลัวผีเปล่า”

 

นนท์เอ่ยถามนัทด้วยความเป็นห่วงว่าน้องใหม่จะรับไม่ได้กับสภาพที่เกิดขึ้น เพราะเคยมีหลายคนที่มาทำข่าวอาชญากรรมแล้วทนกับสิ่งที่เห็นไม่ได้ บางคนก็ขอย้ายแผนกข่าวไป บางคนถึงกับลาออกไปเลยก็มี

 

“ไม่หรอกนนท์ ผมไม่กลัวเรื่องพวกนี้” นัทมองไปที่ใบหน้าของนนท์ รับรู้ได้ถึงความกังวลของนนท์

 

“ดีละที่นัทไม่กลัว แอนกลัวนิดหน่อยแต่ก็พอทนได้ ไม่ค่อยมีผู้หญิงมาทำข่าวฆาตกรรมแบบนี้เท่าไร เดี๋ยวแอนขอไปสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจกับคนแถวๆนี้หน่อยนะ”

 

“ได้ซิแอน เดี๋ยวผมกับนัทจะเก็บภาพศพกับบริเวณใกล้เคียงเอง”

 

        นัทมองดูแอนและนนท์ พร้อมกับครุ่นคิดในใจ เราไม่ได้กลัวสิ่งเหล่านี้หรอก เพราะเราก็เป็นคนตายเช่นกัน แต่เป็นคนตายที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าแอนและนนท์รู้สิ่งในที่เราเป็นมันจะน่ากลัวกว่าสิ่งที่อยู่ข้างหน้านั่นเสียอีก มันแปลกดีมั๊ยละคนตายกำลังทำข่าวคนตายอยู่ในขณะนี้

 

“นัทๆ มาถ่ายรูปตรงนี้ไว้นะ มุมกล้องและระยะห่างที่เก็บภาพทำตามนี้นะ”

 

“ครับนนท์”

นนท์เป็นพี่เลี้ยงคอยสอนนัทในเรื่องการถ่ายภาพสำหรับทำการทำข่าว มันไม่ได้เป็นเรื่องแปลกใหม่อะไรสำหรับนัท แต่เพื่อความเป็นมิตรและเป็นรุ่นน้องที่ดี จึงทำตามคำแนะนำของนนท์

 

         ขณะที่นัทกำลังถ่ายภาพอยู่ นัทก็ครุ่นคิดถึงความโชคร้ายของหญิงสาวที่ถูกกระทำอย่างทารุณ นี่แหละนะในบางครั้งมนุษย์ที่ทำกับมนุษย์ด้วยกันเองก็น่ากลัวกว่าสิ่งอื่นใด จนบางครั้งก็รู้สึกได้ว่ามันน่ากลัวกว่าแวมไพร์ใดๆ ทั้งสิ้นเสียอีก

 

“อยากจะรู้จริงๆ ใครกันนะที่กระทำการโหดร้ายได้ถึงขนาดนี้”

นัทลำพึงกับตนเอง

 

“เป็นอย่างไรบ้างคุณนักข่าว”

ร.ต.อ.วุฒิพงศ์กล่าวทักนนท์อย่างคนคุ้นเคยกัน

 

“ครับผมพี่ พอดีพาน้องทีมงานข่าวคนใหม่ออกมาทำข่าวด้วยครับพี่วุฒิ”

 

“เหรอ อืมม ดีๆ มีคนมาช่วยอีกแรง”

 

“สวัสดีครับ เหตุการณ์เป็นมาอย่างไรครับท่าน”

 

นัทยกมือขึ้นไหว้ ร.ต.อ.วุฒิพงศ์ พร้อมกับเอ่ยถามถึงเหตุการณ์อย่างน้อยก็เผื่อได้ข่าวเพิ่มเติมบ้าง

 

“ก็จากการสอบถามชาวบ้านและคนงานก่อสร้างในที่เกิดเหตุ ไม่มีใครรู้จักผู้ตายมาก่อน แต่มีคนงานก่อสร้างคนหนึ่งให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ 2 คัน ขี่มาบริเวณที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้เอะใจอะไร”

 

“ครับ”

 

นัทกับนนท์ตอบรับจนเกือบพร้อมกัน

 

“คดีนี้ถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์อย่างมาก พี่ก็ได้รับคำสั่งกำชับให้ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากสร้างความเดือดร้อนให้กับสตรี แต่ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร มาจากไหน ใช่คนในพื้นที่หรือไม่ เพราะไม่มีเอกสารยืนยันหรือใครรู้จัก มีเพียงรอยสักรูปผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังเท่านั้น รวมทั้งกลุ่มคนร้ายด้วยซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นใคร และกลุ่มไหน แต่เชื่อว่ามีมากกว่า 1 คนขึ้นไป”

 

“ครับ”

นนท์พยักหน้าได้รับรู้เหตุการณ์คร่าวๆ

“พี่วุฒิครับ ท่านมาครับ”

เสียงร้อยเวรคนหนึงมากระซิบบอก ร.ต.อ.วุฒิพงศ์

“นนท์ เดี๋ยวพี่ไปรับท่านปกรณ์ก่อน ทางนี้เรากับน้องก็ถ่ายรูปเก็บหลักฐานกันไปก่อนนะ”

“ได้ครับพี่วุฒิ ขอบคุณครับ”

นนท์หันมามองที่ผมพยักหน้าให้ทำงานต่อไป

“เป็นไงไหวเปล่านัท”

“อ๋อ ไหวครับ”

“ถ่ายรูปเสร็จแล้วเดี๋ยวตามผมไปตรงที่แอนนะ ผมไปดูแอนก่อนว่าได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า”

“ได้ครับนนท์”

นัทก้มลงถ่ายภาพเพิ่มเติมก่อนที่จะเดินตามนนท์ไป

 

 

                        ........................... * ......................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา