Vampire Bangkok แวมไพร์ แบงค็อก
เขียนโดย justin
วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.33 น.
แก้ไขเมื่อ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556 13.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) การเริ่มต้นวิถีแวมไพร์
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
2 ปีต่อมา......
ที่สำนักข่าวนิวส์โพ้ส
“เอาละครับ วันผมจะแนะนำนักข่าวน้องใหม่ให้ได้รู้จักกันนะครับ”
เสียง บก. เอ่ยบอกกับนักข่าวและเพื่อนๆ พนักงานในอ๊อฟฟิตนิวส์โพ้ส ก่อนที่จะปรบมือเรียกเป็นสัญญาน
ให้ทุกคนสนใจหันมามอง
“แหม พี่เอกค่ะ มีนักข่าวรูปหล่อหน้าตาดีมาแบบนี้ไม่บอกกับจอยล่วงหน้าก่อนละค่ะ จอยจะได้เตรียมของรับน้องใหม่ด้วย”
จอยนักข่าวรุ่นพี่พูดเชิงหยอกเล่นกับ บก. ก่อนที่จะหันหน้ามายิ้มให้กับน้องพนักงานคนใหม่
“อ่า งั้นพี่แนะนำให้เลยก็แล้วกันนะ นี่น้องนัทพงศ์ จะเข้ามาเป็นนักข่าวของทีมข่าวอาชญากรรมคนใหม่ของเรา
วันนี้น้องเพิ่งมาทำงานเป็นวันแรก ยังงัยพี่ก็ฝากน้องเขาไว้ด้วยแล้วกัน มีอะไรก็แนะนำน้องเขาด้วยนะ”
บก. พูดพร้อมกับกวาดสายตาไปรอบๆ ทีมงานที่กำลังนั่งฟังกันอยู่
“ส่วนคนนี้”
บก. พูดพร้อมผายมือชี้ไปที่จอย
“คุณจอย คนนี้เป็นรุ่นพี่ใหญ่สุด เป็นหัวหน้าฝ่ายข่าวทั้งหมด นัทก็ฝากเนื้อฝากตัวกับพี่เขาไว้ได้นะ มีอะไรไม่เข้าใจ
ก็ถามพี่จอยเขาได้”
“ครับ คุณพงศ์ศักดิ์”
นัทตอบรับคำแนะนำพร้อมกับยิ้มให้ บก. อย่างคลายใจ
“สวัสดีครับ ผมนัทพงศ์ เรียกสั้นๆ ว่านัทนะครับ ขอฝากเนื้อฝากตัวในทีมงานด้วยนะครับ”
“จ้าๆ ยินดีต้อนรับนะ แหม มาได้จังหวะเชียว ทีมงานข่าวอาชญากรรมขาดคนพอดี”
จอยหัวหน้าฝ่ายข่าวกล่าวต้อนรับพอเป็นพิธี
“ครับ ขอบคุณมากครับคุณจอย”
ในทีมงานข่าวอาชญากรรม
“นัทค่ะ ตรงนี้เป็นที่ทำงานของนัทนะค่ะ”
แอนทีมงานข่าวอาชญากรรมพานัทมาที่โต๊ะทำงาน
“ครับ ขอบคุณมากครับ”
“ค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ เราชื่อแอนนะค่ะ อยู่ทีมข่าวอาชญากรรมทีมเดียวกันมีอะไรก็ถามแอนได้นะค่ะ”
แอนพูดพร้อมกับยิ้มให้กับนัทอย่างเป็นกันเอง
“ครับคุณแอน”
“อ้าว น้องทีมงานคนใหม่เหรอครับ ยินดีต้อนรับนะครับ เออ..ชื่อนัทใช่เปล่า”
“ครับพี่ เรียกผมว่านัทครับ”
“อืมม เราน่าจะรุ่นเดียวกันไม่ต้องเรียกพี่หรอกนัท เราชื่อนนท์ ยินดีที่ได้รู้จักนะนัท”
“อ่ะ ครับ”
นัทพยักหน้ารับคำทักทายอย่างเป็นมิตรของทีมงาน
“ในทีมงานของเราก็มีกันหกคนรวมทั้งนัทด้วย นัท นนท์ แอน แล้วก็กาย จะอยู่ในส่วนที่ออกไปทำข่าวภาคสนาม
ข้างนอกเวลามีสายข่าวแจ้งข่าวเรามา นัทคงทำได้นะ ถ้าชอบโลดโพนออกไปข้างนอก”
ศักดิ์ชัยหัวหน้าทีมข่าวอาชญากรรมเอ่ยขึ้น
“ครับพี่ ผมถนัดออกไปข้างนอกอยู่แล้วครับ เรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไรครับ”
“อืมม ดีแล้ว เพราะช่วงนี้ข่าวก็ค่อนข้างเยอะพอควร ช่วยๆ กันนะนัท”
“ครับพี่”
“นัทเป็นลูกครึ่งเหรอค่ะ ดูหน้าตาคล้ายกับฝรั่งปนไทย”
แอนถามด้วยความสงสัยนิดหน่อย
“ครับ ผมเป็นลูกครึ่งครับ เป็นไทย-อเมริกัน”
“คุณพ่อหรือคุณแม่ค่ะ”
“คุณพ่อครับ คุณพ่อผมเป็นชาวอเมริกัน แต่เสียไปตั้งแต่ผมได้สามขวบ ส่วนคุณแม่ก็แต่งงานใหม่กับคุณพ่อที่อยู่ปัจจุบัน”
“อ่า เสียใจด้วยนะค่ะนัท”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก มันนานมากแล้วผมเองก็ยังจำความไม่ได้เลยในตอนนั้น”
“ค่ะ”
แอนตอบรับพร้อมกับยิ้มให้ด้วยความเป็นมิตร
นัทเริ่มต้นทำงานที่สำนักข่าวนิวส์โพส์หลังจากคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตแบบมนุษย์อมตะมาช่วงระยะสองปี
นัทได้เรียนรู้หลายอย่างกับชีวิตใหม่ที่ผมมอบให้ และได้เรียนรู้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์ในแบบมนุษย์ปรกติทั้งกลางวันและกลางคืน
นัทเรียนรู้การใช้เทคนิคต่างๆ ของการเอาตัวรอดยุทธวิธีการต่อสู้ การอดกลั้นใจที่จะไม่ดื่มกินเลือดมนุษย์และสัตว์
เรียนรู้ที่จะติดต่อกับกลุ่มแวมไพร์ด้วยกัน เรียนรู้ที่จะปกปิดสถานะของตัวเองและการใช้ชีวิตแบบไม่ให้ใครสงสัย
เริ่มจากครอบครัวของนัท เพื่อนฝูง คนรัก หรือผู้ติดต่อปฏิสัมพันธ์ด้วย บางครั้งนัทก็ฉายแววเป็นนักฆ่าเลือดเย็น
แต่ก็ใจกว้างที่พร้อมจะปล่อยเหยื่อให้มีชีวิตรอดไปได้
“เป็นงัยบ้างนัท กับงานใหม่ที่เป็นนักข่าว”
ผมเผยตัวออกมาจากเงามืดที่ระเบียงด้านนอกคอนโดของนัท
“ดีอ่ะอาร์ท ความคุ้นเคยที่นายสอนให้เรามันใช้ได้ดีเยี่ยมเลยละ ไม่มีใครสงสัย หรือมีพิรุธอะไร”
“อืม ถ้านายคุ้นเคยและทำตัวเป็นธรรมชาติเหมือนกับตอนที่นายยังเป็นมนุษย์ปรกติ จะไม่มีใครล่วงรู้ถึงสิ่งที่เราเป็นได้
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้พวกเราสามารถอยู่ท่ามกลางมนุษย์ได้”
“ใช่อาร์ท นายพูดถูกต้อง ตอนแรกเราก็ประหม่าเหมือนกัน ระแวงว่าคนรอบข้างจะสงสัยบุคลิกของเราได้”
“ฮ่าๆๆ สองปีที่ผ่านมานายได้ฝึกฝนได้อย่างเยี่ยมยอดมาก จนบางครั้งเรายังรู้สึกเหมือนกับว่า นายล้ำหน้าไปเลยทีเดียว”
นัทเหลือบตาขึ้นมามองที่ผม ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย
“ขอบใจนายมากอาร์ท นายเป็นเจ้าชีวิตของเรา เป็นผู้ที่สร้างเรามา และสอนเราในทุกสิ่ง เราเป็นหนี้นายอยู่มาก”
“อืมม ไม่เป็นไรหรอกนัท ไม่เป็นไร”
ผมเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ กับนัทบนโซฟา ผมยกมือขึ้นไปตบไหล่นัทเบาๆ ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นไป
“ไปก่อนนะนัท ถ้ามีอะไรที่จะให้เราช่วยเหลือก็ส่งจิตมาที่เรา เราจะมาช่วยนายทันที”
นัทหันมามองที่ผมพยักหน้าและยิ้มให้ก่อนที่ผมจะเคลื่อนตัวลอยหายไปในความมืดทางระเบียงด้านนอก
คงมีเหลือแต่สายลมพัดผ่านเบาๆ ปลิวไหว จนทำให้ผ้าม่านตรงระเบียงเคลื่อนตัวไหวไปมา นัทมองผ้าม่านนั่นพลันคิดไปว่า นี่เป็นยุคใหม่ของแวมไพร์ เป็นยุคที่แวมไพร์ไม่ต้องหลบเข้าไปในเงามืดยามรัตติกาล ไม่ต้องคอยกลัวหลบแสงแดดที่สามารถจะแผดเผาร่างกายให้มอดไหม้เป็นจุลไปได้ ไม่ต้องดื่มกินเลือดของมนุษย์หรือสัตว์เพื่อดำรงชีวิตให้รอด ไม่ต้องหวาดกลัวมนุษย์จะล่วงรู้และตามล่าพวกแวมไพร์อีก
แต่มันมีความวิเศษ แวมไพร์จะมีอายุไปอีกนานแสนนาน ร่างกายไม่แปลเปลี่ยนเหมือนมนุษย์ทั่วไป การเคลื่อนไหวรวดเร็วดุจสายลม มีสายตาดุจเหยี่ยวที่สามารถมองเหยื่อได้เป็นหลายกิโล มีหูที่ได้ยินเสียงที่แม้แต่เสียงเบาดุจเสียงกระพือปีกของนก สามารถกระโดนได้ไกลหลายร้อยเมตร มีพละกำลังดุจมนุษย์ยี่สิบคน และคงทนต่อความตายทุกชนิด
ยกเว้นเสียแต่ตรงหัวใจถ้าไม่ถูกทำลาย ความตายก็ไม่สามารถมาพรากแวมไพร์ได้ หรือวิธีสุดท้ายก็คือการตัดคอแวมไพร์ตนนั้นเสีย ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกเสียจากเหล่าพวกเหล่าแวมไพร์ด้วยกัน
นัทมองไปที่นาฬิกาก่อนที่จะเอนตัวลงนอน ไม่ใช่เพื่อพักผ่อนเอาแรงไปทำงานสำหรับวันพรุ่งนี้ แต่เพื่อให้เป็นปรกติวิสัยของมนุษย์ทั่วไป “ หึ ๆ ๆ ” นัทกรนเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ
ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องน่าตลก ที่นัทต้องพยามทำตัวให้เหมือนมนุษย์ทั่วไป
ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนหน้านั้น นัทก็เป็นมนุษย์คนหนึงเหมือนกัน
..................................... *..........................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ