Love Never Die

-

เขียนโดย Wondergirl

วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 22.48 น.

  3 chapter
  0 วิจารณ์
  6,435 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) งานเต้นรำใต้แสงจันทร์สีเลือด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     นี่ก็2อาทิตย์แล้วที่ข้ามาพังอาศัยชั่วคราวอยู่กับมนุษย์หญิงผู้แปลกประหลาดคนหนึ่งซึ่งเลี้ยงปีศาจะเอาไป666ตนแถมยังได้รับความภักดีจากพวกมันอย่างแท้จริง  ซึ่งข้าก็อาจจะเป็นหนึ่งในนั้นด้วยเพราะข้าก็คอยดูแลและทำงานต่างๆตามที่นางสั่ง

     นางมีฐานะเป็นเจ้าหญิงรองรัชทายาทและเคยเป็นปราชญ์ทำนายผู้โด่งดัง แต่เมื่อไม่นานมานี้นางถูกปลดและเปิดให้รับตำแหน่งขุนนางเฉพาะกิจควบกันไป

     และเมื่อไม่กี่วันก่อนก่อนหน้านี่ข้าก็เพิ่งรู้ว่าข้าอยู่ในหอคอยข้างทะเลสาบในป่าที่พวกมนุษย์ใช้ชื่อว่า "ป่ามนต์ดำ" หรือ "อาณาจักรพฤกษา"

     ว่าแต่สมัยนี้สตรีเป็นขุนนางได้แล้วหรือนี่?

     (และนั่นก็จงเป็นคำถามต่อไปเพราะข้าพเจ้าผู้แต่งก็หารู้ไม่ว่ามีหรือเปล่า)

     ตอบตามตรงนะขอรับอยู่กับนางมาเป็นเวลาหลายชั่วโมงหลายนาทีแล้วข้ายังไม่รู้จักนิสัยใจคอนางดีเลย

     

     ก๊อกๆ  เสียงเคาะประตูดังขึ้น2ครั้งก่อนจะเปิดออกโดยไม่รอเสียงร้องอนุญาตจากบุคคลในห้องซึ่งกำลังนั่งจมกองเอกสารที่กระจัดกระจาย  

     ภายในห้องทำงานมืดสลัวมีแต่ชั้นหนังสือ  กองหนังสือและเอกสารอีกเป็นกองภูเขาที่คาดว่าน่าจะเอาไปถมคลองหรือสร้างเขื่อนได้สบายๆ

     "ซีเรฟ  พี่บอกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าไม่ต้องไปแย่งงานเจ้าพวกขี้ประจบนั่นทำ"เสียงเอะอะเอ็ดตะโรที่ฟังดูไม่น่ากลัวเลยสักนิดดังขึ้นพร้อมกับร่างเพียวลมของหญิงสูงศักดิ์ที่มียศเป็นเจ้าหญิงรัชทายาท  เธอไม่ได้เดินเข้ามาบ่นน้องสาวด้วยมือเปล่า  ในมือของเธอมีถ้วยชาที่ยีงมีไออุ่นลอยคลุ้งอยู่ "พี่ว่าเจ้าควรจะใช้หนังสือเกะกะบนพื้นนี่ไปจุดดยนใส่เตาผิงเสียนะ  ห้องนี่เย็นจริงๆ!"

     "ท่านพี่นั่นแหละอย่ามาแย่งงานของข้า  ข้าเป็นขุนนางเฉพาะกิจ  คดีหรืองานที่มีปัญหาหนักก็ควรเป็นของข้า  ท่านควรจะไปบอกฝ่ายคัดกรองงานให้ดูให้รอบคอบหน่อยนะ  ข้าหละสงสัยจริงๆว่าทำไมงานของข้ามีใบขอเบิกงบประมาณ  แผนงานรับสมัครทหารที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์  ใบของเบิกยุทธภัณฑ์ทางการสงคราม  ใบขอลาหยุดพักผ่อน  แฟ้มงานคดีที่ปิดแล้วรออนุมัติ  แผนงานการเกณฑ์แรงงานและทหารเพิ่ม  ข้าไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาตรงไหน" เสียงบ่นอู้อี้ดังมาจากใต้กองเอกสารที่ขยับยุกยิกไปมา

     "ฝ่ายคัดกรองเอกสารมีปัญหา  และนั่นข้าจะไปเฉ่งฝ่ายการทหาร  ฝ่ายงบประมาณ  ฝ่ายบุคลากร  ศาลหลวง  เจ้าพวกบ้านี่เริ่มออกอาการไม่เห้นหัวน้งข้า..." แล้วนางก็บ่นพึมพำไม่หยุดปากเหมือนป้าแก่ๆก่อนจะทำจดหมายฉบับหนึ่งมาวางลงบนกองเอกสารกองหนึ่ง "งั้นก็เอาคดีนี้ไปทำ  นี่เป็นงานอย่างเดี๋ยวที่ควรมาถึงมือเจ้าในช่วงสองสามวันนี้  ส่วนเรื่องพวกคนด้อยคุณภาพ..."

     "ไม่เป็นไรหรอกท่านพี่  ข้าจัดการเองได้  ข้าแค่ต้องการคำยืนยัน" เด็กสาวผมดำโผล่หัวออกมากองเอกสารแล้วคว้าซองจดหมายมาเสียบในแฟ้มงานเปล่าๆเล่มหนึ่งซึ่งเขียนหน้าแฟ้มาว่า "งานที่ต้องสะสาง"

     "ซีเรฟ  ถึงเวลาทานยาและทานอาหารเที่ยงแล้ว" ชายหนุ่มผมเงินในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับเด็กหนุ่มผมดำอีกคน

     "ท่านแม่ครับ  ข้าบอกแล้วว่างานพวกนั้นไม่ใช่งานของท่าน  อย่าดื้อมากนักสิครับ" คาโน่กล่าวอย่างอ่อนโยนในขณะที่เอาเอกสารไร้สาระทั้งหมดโยนใส่เตาผิงและเผามันให้อุณหภูมิในห้องสูงขึ้น  เขาไม่แคร์เลยว่าพวกเจ้าของเอกสารจะมีชะตากรรมอย่างไร้  แต่ที่แน่ๆคือเขาสะใจที่ได้ทำให้คนที่ทำให้ซีเรฟลำบากใจต้องรันทดอดสูยิ่งกว่า

     เด็กสาวผมดำมองเปลวเพลิงในเตาผิงก่อนที่จะหันมามองรอบๆตัวที่สะอาดเรียบร้อยขึ้นเยอะแถมยังมีโต๊ะกับโซฟาซึ่งเธอเคยเอาไปยัดไว้ที่ไหนสักแห่งในหอคอย  ที่จริงมันเป็นชุดรับแขกที่อยู่ในห้องเอกสารแต่เธอไม่ชอบและรำคาญเวลามีพวกคลั่งลัทธิมานั่งบ่นในห้องและลูบไล้สิ่งของของเธอ  เธอจึงเอาชุดรับแขกไปซ่อนและลืมเองว่าเอาไปซ่อนไว้ที่ไหน

     "ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  ทานไปคุยไปก็แล้วกันนะครับ  เดี๋ยวผมกับเดธจะไปยกอาหารเข้ามา  คุยกันตามสบายนะครับ" พูดจบคาโน่ก็ลากชายหนุ่มผมเงินออกไปจากห้องเกสารอย่างรู้หน้าที่

     หลังจากประตูไม้ปิดลงจนมั่นใจว่าไม่มีใครแอบฟัง  เด็กสาวผมดำใช้มีดเปิดซองจดหมายอย่างนิ่มนวลแล้วดึงขึ้นมาอ่านอย่างใจเย็น  เนื้อความในจดหมายไม่มีอะไรสำคัญเท่าหัวข้อเรื่องและภารกิจที่ได้รับมอบหมายซึ่งมีเนื้อความแค่2บรรทัดบนสุดเท่านั้น

     "เป็นคดีฆาตรกรรมที่เกิดขึ้นในเมืองทางเหนือหนะ  ในช่วง2อาทิตย์ที่ผ่านมามีหญิงสาวเสียชีวิตไป14คน  ทั้งหมดเป็นพลเรือนธรรมดา  หน้าตาดี  แต่เสื้อผ้าและทรัพย์สินที่ติดตัวก่อนตายกลับไม่สอดคล้องกับฐานะ  ทุกคนสวมชุดทรงแบบที่พวกอวดรวยชอบใส่" เมอรี่อธิบายอย่างคร่าวๆแล้วยกถ้วยชาขึ้นดื่มในขณะที่ทองน้องสาวสุดที่รักกำลังจุดไฟเผาจดหมายของทางการอย่างไม่ใบดี

     "สภาพศพถูกควักลูกตาออก  ถูกกรีดแทงด้วยของมีคมทั่วทั้งร่างและโรยด้วยกลีบกุหลาบมีขาว  นับวันมนุษย์จะยิ่งวิปริตขึ้นทุกวันจริงๆ" ซีเรฟพึมพำเบาๆในขณะที่มองบัตรที่แนบมากับจดหมายซึ่งเธอไม่ได้เผาทิ้ง 'บัตรเข้างานเต้นรำ'  เธอเก็บมันเข้าไปในกระเป๋าแล้วเอ่ยถาม "ข้าต้องไปจริงๆหรือท่านพี่  ปกติแล้วเขาจะเชิญทายาทที่มีชื่อตามหลังว่าเดอะไลธ์มิใช่หรือ"

     "ฆาตรกรส่งสารเตือนมาว่าจะฆ่าหญิงสวที่สวยที่สุดในงานและสร้างศิลปะสีแดงฉานบนกำแพงห้องโถงงานเลี้ยงให้เป็นขวัญตา  ที่จริงข้าจะไปเองแต่ท่านพ่อส่งคดีอื่นให้ข้าทำแทนหนะ  อ้อ  เวลาอยุ่ในงานอย่าใช้ภาษาโบราณแบบที่เราสนทนากันอยู่เป็นอันขาด" เมอรี่เอ่ยเตือนก่อนจะกล่าวเบาๆว่า "เชิญ"

     คาโน่และเดธเดินกลับเข้ามาพร้อมกับถาดเงิน2ถาดที่เต็มไปด้วยจานอาหารที่ส่งกลิ่นหอมโชยมายั่วน้ำลาย  พวกเขาวางจานอาหารลงบนโต๊ะแล้วทำท่าจะเดินผละออกไปจากห้องเนื่องจากไม่อยากรบกวนเด็กสาว2พี่น้องที่นานทีจะได้เจอหน้ากันและอีกเหตุผลคือมันไม่เกี่ยวกับพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว  ถ้าอยากบอกพวกนั้นคงบอกเองแหละนะ

     "อยู่ทานข้าวด้วยกันเลยสิ  เดธ  คาโน่  ฉันว่าคืนนี้เราได้ไปเที่ยวงานเต้นรำนะ" 

 

     "ท่านแม่  ผมไม่ชอบงานแบบนี้เลยจริงครับ" เด็กหนุ่มผมดำในชุดขุนนางกล่่าวอย่างหัวเสียง  เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวแต่งลูกไม้สีขาว  เสื้อกั๊ก  กางเกงขาสั้นสีดำ  ถุงเท้าสีขาวและรองเท้าหนังรัดส้นสีดำ  ซึ่งทำให้เขาดูสูงศัหดิ์และน่ารักไปอีกแบบหนึ่ง

     "เราก็ไม่ชอบเหมือนกันแหละ" เด็กสาวผมดำในชุดราตรีสีครามประดับลูกไม้สีดำ  ไหล่และคอของเธอถูกหุ้มด้วยผ้าไหมแก้วโปร่งแสง  เอวของเธอถูกรัดเข้ารูปด้วยแผ่นหนังสีดำผูกโบว์สลับไขว้กัน  บนลำคอยาวระหงส์ของเธอมีสร้อยเงินห้อยจี้รูปปีกสีดำนิล  เส้นผมสีดำเป็นมันวาวยาวสยายถึงกลางหลัง  ใบหน้าขาวเนียนของเธอยังคงงดงามและเรียบเฉยยากจะหาใครเปรียบได้แต่  ดวงตาสีแดงฉานดั่งกุหลาบแย้มบานของเธอดูน่าหวาดหวั่นนักสำหรับมนุษย์ธรรมดา

     "ซีเรฟ  ดวงตาของคุณจะไม่เด่นไปหน่อยหรือไง" และสุดท้าย  ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง  หน้าตาดีเจ้าของผมสีเงิน  เขาพูดโดยไม่ดูตัวเองเลย  ทั้งสีผมและสีตาของเขาล้วนโดดเด่นเสียจนน่ากลัว  ผมสีเงินตรงยาวประบ่าที่ทิ้งตัวเรียบไม่มีชี้ฟู  นัยน์ตาสีเงินที่ดูราวกับดวงตาที่พร่าบอด  เขาสวมเสื้อเชิ๊ตแต่งลูกไม้สีขาว  เสื้อโค้ตยาวสีน้ำเงินขอบดำแบบติดกระดุมข้าง  กางเกงขายาวและรองเท้าหนังสีดำ

     "ว่าแต่ท่านแม่  นายก็เหมือนกันแหละน่า!" คาโน่หันไปแขวะก่อนจะเดินไปยื่นบัตรให้ชายสวมสูทร่างยักษ์ตรงประตู

     ว่าแต่ข้า  พวกเจ้าสิแปลก!  ซีเรฟและเดธต่างประท้วงในใจก่อนจะเิดินควงกันเข้างานไปตามมารยาทโดยมีคาโน่เดินตามอยุ่ข้างๆแบบที่ครอบครัวขุนนางอื่นทำกัน (ถึงแม้นี่จะเป็นครอบครัวที่ไม่มีอะไรจริงสักอย่างก็ตาม)

     ทำตามแผนที่วางไว้ซะ  ซีเรฟ  อย่าออกนอกแผนเด็ดขาด  มองหาผู้ต้องสงสัยที่ว่าแล้วจัดการซะ!  ซีเรฟเตือนตัวเองในขณะที่โปรยยิ้มบางๆให้กับชายที่ยกแก้วไวน์ชวนเธอดื่ม  ข้าต้องยิ้มไปอีกนานไหม!  ตะคริวจะกินหน้าอยู่แล้วเนี่ยให้ตายเถอะ!

     "คุณผู้หญิงครับ  รู้ไหมว่าคุณดูงดงามที่สุดในงานนี้เลย..." เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังเด็กสาวทำให้เธอต้องหันไปมอง

     ใบหน้าของเธอเกือบจะชนเข้ากับแผ่นอกกว้างของชายร่างสูงตรงหน้าทำให้เขาต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่งเพื่อที่จะไห้ยลโฉมของเด็กสาวได้ถนัดตา  เขามีเส้นผมสีดำยาวรวบเป็นหางม้าและนัยน์ตาสีเขียวมรกตราวกับว่ามีมนตราที่สามารถสะกดให้หญิงสาวทั้งหลายหลงไหลไปกับคำพูดหวานหูและสายตาเล้าโลมนั้น...

     ใช้ไม่ได้กับข้าหรอกย่ะ!...  แต่หมอนี่...  อาร์ค  ซามูเอล  พี่ชายขององครักษ์ของพี่ข้านี่หน่า  แต่ทำไมข้าถึงได้รู้สึกว่าเขาน่าสงสับแปลกๆยังไงไม่รู้

     "ขอบคุณค่ะ  ดิฉันว่าคุณคงทราบชื่อฉันดี  แล้วคุณอาร์คมากับใครหรือค่ะ?" ซีเรฟแสร้งส่งยิ้มให้เขาแบบที่เธอทำจนหน้าจะเป็นตะคริวในงานนี้ "คุณคงไม่คิดจะัชวนเด็กสาวที่เลี้ยงลูกอย่างฉันเต้นรำหรอกนะคะ" เธอพูดในขณะที่โอบคอคาโน่ซึ่งจับแขนเสื้อเธอไม่ยอมปล่อย  แหงหละมีพวกคุณนายป้าจ้องเขาด้วยสีหน้าท่าทางเหมือนหมาในเห้นชิ้นเนื้อซะขนาดนั้นใครจะกล้าอยู่ห่างเกราะคุ้มภัยเล่า!

     "ครับ  คุณผู้หญิงสีดำ  ผมทราบชื่อคุณดี  แค่อยากจะคุณเรื่องคดีหนะครับ" อาร์คกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น  เขาเป็นฝาแฝดกับอาเธอร์เพียงแต่ว่าสีตาและสีผมต่างกันเท่านั้นเอง  

     ดีจริงที่หมอนี่ไม่รู้ว่าขุนนางใหม่  เจ้าหญิงและผู้พยากรณืเป็นคนเดียวกัน

     "ไม่ได้" เดธเดินเข้ามาแทรกกลางด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชาแข็งกร้าวจนผิดวิสัย  นัยน์ตาสีเงินของเขาวาวโรยจนดูน่ากลัวเสียยิ่งกว่านัยน์ตาสีเลือดของเด็กสาวเป้นไหนๆทำเอาหญิงโสดในงานที่แอบมองเขาถึงกับผงะและเป็นลมกันไป

     ทำตามแผน  เดธ  เสียงของเด็กสาวดังขึ้นในโสตประสาทของชายหนุ่มทันทีที่เขากล่าวปฏิเสธอย่างก้าวร้าว  เขาส่งเสียงอย่างไม่พอใจแล้วพึมพำเบาๆว่า "รู้แล้วน่า  คุณต้องกลับมาในอีก15นาทีนะครับ  ผมเป็นห่วง" ก่อนจะหลีกถอยออกไปปล่อยให้เด็กสาวผมดำเดินไปกับชายหนุ่มไม่น่าไว้ใจคนนั้น

     สังหรณ์ไม่ดีเลยจริงๆ  เดธถอนหายใจเบาๆในขณะที่พยายามเล่นไปตามบทคุณพ่อที่ดีต่อไป

 

     "ผมว่างานเลี้ยงนี้เริ่มจะน่าเบื่อแล้วนะครับ" อาร์คกล่าวในขณะที่มือขวาก้พยายามจะโอบเอวบางของเด็กสาวให้ชิดกับตัวมากที่สุด  รอยยิ้มล่อลวงปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเขาซึ่งนั่นทำให้เด้กสาวนึกสะอิดสะเอียนอยากจะฆ่าปิดปากคนขึ้นมากระทันหัน  

     "ก็ว่างั้นแหละค่ะ  ไปหาอะไร 'สนุกๆ' ทำกันดีกว่าค่ะ"  เด็กสาวแกล้งทำเป็นเป็นคล้อยตามในขณะที่มองเขาจากด้านล่งด้วยสายตาหว่านล้อมหวานหยดนั้น  ทั้งๆที่ในใจเธอ  เธออยากจะกระโดดหักคอไอ้หมอนี่จะตายอยู่แล้ว

     รอยยิ้มพรั่งพรายบนเรียวปากของชายหนุ่มยิ่งชัดเจนและแย้มขึ้นจนแทบจะเรียกว่าปากฉีกก็เป็นได้  ในขณะที่กลิ่นหอมเย็นๆของผงปีกภูตน้ำแข็งเริ่มอบอวลไปทั่วทั้งห้อง

     "งั้นก็หลับซะนะครับ" อาร์คพูดจบร่างของเด้กสาวก็อ่อนยวบลงอย่างไร้ทางขัดขืน

     พลาดท่า...  จนได้

 

     คาโน่  เดธ  อย่ามา... 

 

     อย่ามา...  

     เดธรู้สึกเหมือนร่างทั้งร่างแข็งทื่อไปเมื่อได้ยินเสียงอ่อนระโหยโรยแรงของเด็กสาวจากจากสื่อสารจิตทางไกล  

     ซีเรฟ  ซีเ้รฟ  เฮ้ย  เจ้ามนุษย์ประหลาด  ไหนบอกว่าไม่เป็นไรไง  แต่ไม่ว่าชายหนุ่มจะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับมาจากเด็กสาวเลย    

     เคร้ง   เสียงโลหะกระทบพื้นดังขึ้น  คาโน่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ราวกับว่าลืมสิ้นทุกสิ่งว่ากำลังทำอะไรอยู่  เขาก้มลงเก็บดาบโบราณผุพังที่ตนทำตก  รอบตัวของเขามีกลิ่นไอของบางสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์และมันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อความรู้สึกและหน้าที่ขัดแย้งกัน

     "คาโน่  เจ้าจัดการตรงนี้แล้วกันเดี๋ยวข้าจะไปดูเอง  ยมทูตไปมาสะดวกกว่าและไม่มีมนุษย์หรือปีศาจจับได้ด้วย" เดธลูบหัวเด็กหนุ่มร่างเล็กอย่างอ่อนโยน  ใบหน้าเรียบเฉยของเขาพลั้นแสดงความอ่อนโยนออกมาราวกับพ่อลูกกันจริงๆ "ข้าเชื่อว่านางอยากให้เจ้าปลอดภัย" เขาขยี้หัวเด็กน้อยเบาๆแล้วหายวับไปจากที่ตรงนั้นราวกับหมอกมายาที่หาตัวจับไม่ได้

 

     เสียงโหวกเหวกตะโกนโวยวายและเสียงโหยหวนดังขึ้นในโสตประสาทที่พร่าเลือนของเด็กสาวทำให้เธอรู้สึกตัวและลืมตาตื่น  แต่เมื่อพยายามจะลุกกลับลุกไม่ขึ้นเมื่อเธอถูกพันธนาการแขนทั้ง2ให้ติดผนังและให้อยู่ในท่านั่งที่ไม่ค่อยสบายนัก  ตรงหน้าเธอมีซี่ลูกกรงและผ้าเนื้อดีสีแดงสด

     "คาเลีย!  และนี่ก็ถึงกาลที่สมควรที่จะแสดงศิลปะอันวิจิต  ดวงตาที่หายากที่สุดบนพิภพแห่งนี้  ดวงเนตรลูซิเฟอร์  ว่ากันว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเลิศและให้พลังอำนาจแก่ผู้ครอบครองเชียว  และตอนนี้คุณผู้หญิงสีดำได้อยู่ในมือผมแล้ว!" เสียงป่าวประกาศของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นซึ่งเธอก็จำเสียงนั้นไำด้ดี...  อาร์ค  

     ผ้าคลุมกรงถูกดึงออกทำให้มองเห้นทัศนียภาพโดยรอบซึ่งข้างเธอมีกรงใส่หญิงสาว2กรงซึ่งมีศพอันไร้ชีวิตและดวงตาถูกพันธนาการไว้เช่นเดียวกับเธอ  ตรงหน้าของเธอมีเพียงชายหนุ่มที่เธอตามมาเท่านั้นนอกจากนั้นยังมีตุ๊กตาเลียนแบบคนตัวเท่าคนจริงๆอีกหนึ่งตัว  มันมีผมสีดำลอนยาวถึงกลางหลังและนัยน์ตาสีฟ้าซึ่งทำจากลูกแก้ว  มันสวมชุดแต่งงานงามสง่า

     "พวกผู้หญิงโสโครกที่มีครอบครัวแล้วแต่ยังจะไปมีคนอื่นมันต้องได้รับบทเรียน  ฮึๆๆๆๆ  ดูสิคาเลียนางพวกนี้ใช้ชีวิตที่เธอปรารถนาที่จะมีอย่างสูญเปล่าทิ้งขว้าง!" อาร์คเอ่ยอย่างคนเสียสติแล้วใช้กริชเล่มหนึ่งที่มีคราบเลือดเกรอะกรังชี้ไปยังเด็กสาวด้วยท่าทางเหมือนคนบ้า  ดวงตาเบิกโพลนและรอยยิ้มน่าสะอิดสะเอียนที่ฉีกไปจนจะถึงหู "ฉันจะทำให้พวกแกไม่ได้มองเห็น  และไม่มีลมหายใจ!"

     "ฮึ!  ทำได้ก็เอาสิ" ซีเรฟเอ่ยท้าไปอย่างไม่เกรงกลัว

     อาร์คซัดกริชเล่มนั้นใส่เธอหมายจะขว้างให้โดนดวงตาสีเลือดอันเย่อหยิ่งทะนงและไม่เกรงกลัวนั้น

     เด็กสาวหลับตาลงเตรียมรอรับมือกับความเจ็บปวด  แต่ถ้าเป้นไปได้เะอหวังเหลือเกินว่าเธอจะสามารถใช้เวทย์ได้เร็วพอที่จะป้องกันกริชนั่นได้ทันกาล

     ฉึก!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา