รวมผลงานชุด วิวาห์ชำระแค้น

-

เขียนโดย ploythara

วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.03 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  18.05K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 19.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) บทที่ 8

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

8

ในที่สุดเขาก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการในมหานรกทั้งแปดขุมได้สำเร็จ พรุ่งนี้เขาก็จะได้ไปยังแดนจุติภพเพื่อนำดวงวิญญาณของนางอันเป็นที่รักกลับไปใส่ร่างที่นอนสลบไสลในมนุษยโลกตามความตั้งใจแล้ว

แดนจุติภพ    

ดวงวิญญาณสาวนั่งอยู่นั่งหน้าเรือนพักของท่านยายเมิ่งมองดูจันทร์สีเลือดดวงเดียวกับที่กายทิพย์ของจินอ๋องมองเมื่อครู่ คืนนี้จันทร์สีเลือดดูสุกสกาวยิ่งนักคงเป็นเพราะเทพีจันทราฉางเอ๋อร์อยากให้ทั้งสองได้พบกันโดยเร็วเป็นแน่จึงส่องแสงเจิดจรัสทั่วแดนปรภพแลแดนจุติภพเช่นนี้ ท่านยายเมิ่งเดินออกมาตามนางที่หน้าเรือนบอกนางว่า

“เจ้าสมควรเข้านอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่งามนะ”

“ขอชมจันทร์สีเลือดอีกสักครู่เจ้าค่ะท่านยาย” ดวงวิญญาณสาวกล่าว

“เสวี่ยเอ๋อร์เจ้ายังจำได้หรือไม่ วันแรกที่เจ้ามา เจ้าเสียใจยิ่งนักที่ต้องจากเขามาโดยมิได้อำลาทั้งยังยืนกรานว่าตนยังมิตายมิต้องการไปเกิดใหม่ คืนนี้ก่อนจากท่านยายมีของสิ่งหนึ่งมอบให้เจ้าแทนคำขอบใจในความช่วยเหลือของเจ้า” ท่านยายเมิ่งกล่าว

“สิ่งใดกันหรือเจ้าคะ?” ดวงวิญญาณสาวถาม

“นี่เป็นหางจิ้งจอกประกาศิตของยายทวดของยายทวดของเจ้า นางเป็นเพื่อนรักของข้าบัดนี้ได้บำเพ็ญตนสำเร็จเป็นเซียนอยู่บนสวรรค์แล้ว มันมีสรรพคุณหลายหลากยิ่งนัก

 

 

เจ้าจงรักษามันไว้ให้ดี” ท่านยายเมิ่งยื่นหางจิ้งจอกประกาศิตที่มัดรวมกันอย่างเรียบร้อย

ให้วิญญาณสาว

“ขอบคุณเจ้าค่ะ ข้าจะรักษามันให้ดี” ดวงวิญญาณสาวรับมาแล้วลูบมันอย่างทนุถนอม

เช้าวันรุ่งขึ้น

ประตูแดนจุติภพเปิดรอรับจินอ๋องตั้งแต่ยามอิ๋นแต่เขามาถึงในอีกสองชั่วยามต่อมา เมื่อมาถึงนายนิรยบาลอเวจีมหานรกก็เห็นดวงวิญญาณสาวรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้วจึงนั่งพักสักครู่แล้วขอกลับไปปฏิบัติภารกิจของตนซึ่งก็คือรายงานให้เทพพญายมทราบว่าพวกเขาทั้งสองได้พบกันแล้ว

ตำหนักพรากจาก ใจกลางนรก

“ท่านเทพพญายม พวกเขาทั้งสองได้พบกันแล้วพะยะค่ะ” นายนิรยบาลอเวจีมหานรกทูลเทพพญายมผู้เปรียบดังฮ่องเต้ของแดนปรภพ

“ดียิ่งนัก ท่านจงพาพวกเขาไปส่งยังมนุษยโลกโดยเร็ว” เทพพญายมกล่าว

“พะยะค่ะ” นายนิรยบาลอเวจีมหานรกรับคำแล้วรีบกลับมายังแดนจุติภพทันที

มนุษยโลก

 

 

 

 

จวนตากอากาศจินอ๋อง ริมแม่น้ำชิงเจียง เมืองชิงหลง

บัดนี้หน้าจวนเต็มไปด้วยทหารม้าแลองครักษ์จากวังหลวงมาเป็นเวลาเกือบสามเดือนแล้วด้วยเทียนอวี้ฮ่องเต้คิดว่าจินอ๋องพระเชษฐาสิ้นชีพแล้วจึงวางกำลังป้องกันจวนตากอากาศไว้โดยมิได้เคลื่อนย้ายร่างของพระเชษฐาแลชายารองไปที่อื่นเลย ต้นเหตุมาจาก

เสี่ยวฟู่บ่าวในจวนตากอากาศเห็นท่านอ๋องนอนหลับอยู่บนเตียงกับพระชายารองเป็นเวลายาวนานเกินไปจึงเดินเข้าไปดูพบว่าท่านอ๋องยังมิตื่น เป็นเช่นนี้สองสัปดาห์เสี่ยวฟู่เป็นห่วงท่านอ๋องมากจึงนำความไปทูลเทียนอวี้ฮ่องเต้ในวัง

ห้องบรรทมจินอ๋อง

ร่างสูงที่นอนมานานเริ่มขยับกายเขามองไปยังร่างบางข้างกายตนแล้วปลุกนางขึ้นมา ร่างบางขยับเปลือกตาที่มีแพขนตางอนยาวแล้วกล่าวออกมาอย่างยินดีว่า

“ข้าฟื้นแล้ว ข้าฟื้นแล้ว….ฟื้นแล้วจริงๆขอบคุณท่านที่เสี่ยงชีวิตไปช่วยข้า” ไม่เพียงกล่าวร่างบางยังเขยิบไปใกล้เขาแล้วยื่นมือไปกอดร่างสูงอีกด้วย จากนั้นทำนบน้ำตาของนางก้แตกลง นางซบอกแกร่งของเขาร้องไห้ด้วยความตื้นตันใจ

“เสวียเสวี่ยในที่สุดเจ้าก็ฟื้นขึ้นมาอยู่กับข้า ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดีมิให้เจ้าต้องเป็นอันใดไปอีก เจ้าเชื่อใจข้าได้หรือไม่” เขากล่าวแล้วกระชับร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด

“ข้าเชื่อใจท่าน ท่านอ๋อง ข้าเชื่อว่าท่านจะไม่ทอดทิ้งข้า แม้ท่านจะยังมิรักข้าอย่างหมดใจในตอนนี้แต่ข้าจะทำให้ท่านรักข้าอย่างหมดใจให้ได้” นางกล่าว

“อย่าเรียกห่างเหินเช่นนั้น เรียกข้าว่า พี่จินหยวนสิ” เขากล่าว

“พี่จินหยวน….”เสียงหวานเอ่ยเรียกนามตามที่เขาต้องการ

“เราไปข้างนอกกันเถิด อยู่ในนี้มานานข้าเบื่อยิ่งนัก” เขากล่าว

“เจ้าค่ะพี่จินหยวน” นางรับคำอย่างว่าง่ายแล้วยื่นมือให้เขาจูงนางเดินไปด้วยกัน

ทั้งสองเดินออกจากห้องไปยังห้องโถงใหญ่ บ่าวแลสาวใช้ที่เห็นพวกเขาต่างก็หวาดกลัวคิดว่าเป็นวิญญาณ แต่เสี่ยวฟู่บ่าวผู้ภักดีมิได้หวาดกลัวนายท่านแลพระชายารองแม้แต่น้อยกลับเดินเข้าไปหาร่างสองร่างที่ยืนอยู่ที่สะพานหิน

“นายท่าน นายหญิงในที่สุดพวกท่านก็ฟื้นเสียทีฝ่าบาททรงวางกำลังคุ้มกันจวนตากอากาศไว้สามเดือนมานี้มิมีผู้ใดกล้าเยื้องกายเข้ามาที่นี่เลย ฝ่าบาทมาที่นี่หลายคราแล้วพระองค์ทรงให้เก็บร่างทั้งสองไว้อย่างดีเพราะเชื่อว่าท่านทั้งสองยังมิตาย” เสี่ยวฟู่กล่าว

“เสี่ยวฟู่มีจดหมายถึงข้าบ้างหรือไม่” จินอ๋องถาม

“มีขอรับนายท่าน จดหมายจากเมืองไผ่เขียวแจ้งว่านายหญิงสามตายโดยกะทันหัน ยังมิทราบสาเหตุที่แท้จริง” เสี่ยวฟู่กล่าว

“เป่าเอ๋อร์ตายแล้วหรือ แล้วเวี่ยงผิงเป็นอย่างไรบ้างล่ะ” เขาถาม

“นายหญิงใหญ่ยังสุขสบายดีขอรับ นางเพิ่งคลอดคุณชายน้อยให้ท่านเมื่ออาทิตย์ก่อน”เสี่ยวฟู่กล่าว

“เจ้าบอกว่านางมีลูกให้ข้าหรือจะเป็นไปได้อย่างไรข้ายังมิเคยมีสัมพันธ์กับนางนะ” เขารู้สึกแปลกใจยิ่งนัก

 

 

“บ่าวมิทราบขอรับ ทราบแต่เพียงว่าคุณชายรองหนันกงมักจะมาอยู่กับนางเสมอในช่วงวันหยุดนอกจากนี้ยังพักในห้องของท่านด้วย” เสี่ยวฟู่กล่าว

“หนันกงเลี่ยงเจ้าบังอาจเข้าบ้านข้าโดยพลการ ข้าจะให้เจ้ารับกรรมอย่างสาสมแน่” เขากล่าวเสียงลอดไรฟันพลางกัดฟันกรอด

“เสี่ยวฟู่ไปบอกทหารม้าแลองครักษ์ที่อยู่ข้างนอกให้กลับไปได้แล้ว ฝากทูลฮ่องเต้ด้วยว่าพรุ่งนี้ข้าแลพระชายารองจะไปเข้าเฝ้าพระองค์” เขากล่าว

“ขอรับนายท่าน” เสี่ยวฟู่รับคำ

ยามเฉิน วันต่อมา

รถม้าจากจวนตากอากาศจินอ๋องจอดลงหน้าประตูวังหลวงด้านเหนือ ร่างสองร่างเดินจูงมือกันเข้าไปยังท้องพระโรง ระหว่างทางทหารแลนางกำนัลต่างก็ตกใจที่เห็นพวกเขาทั้งสอง

“กลางวันแสกๆยังเห็นวิญญาณอีกหรือ จินอ๋องแลพระชายารองช่างเฮี้ยนยิ่งนัก” เขาแลนางได้ยินเสียงนี้ไปจนถึงหน้าท้องพระโรง

ท้องพระโรง

“ถวายบังคมท่านอ๋อง พระชายารองขอทั้งสองพระทรงเกษมสำราญ”         หลิวกงกงซึ่งรู้ความลับที่พวกเขายังมิตายดีที่สุดถวายคำนับแล้วนำทั้งเข้าไปในท้องพระโรง

“ถวายบังคมฝ่าบาท” ทั้งสามถวายคำนับ

 

 

“พวกท่านลุกขึ้นได้ พี่สาม พี่สะใภ้รองสามพวกท่านเป็นเช่นไรบ้าง” ฮ่องเต้ตรัสถาม

“กระหม่อมทั้งสองสบายดีพะยะค่ะ/เพคะ”ทั้งสองตอบพร้อมกัน

“พี่สามข้าเขียนราชโองการสองฉบับนี้ไว้นานแล้ว ท่านรับไปเถิด ฉบับหนึ่งข้าฝากให้ท่านนำไปให้ต้าเกอด้วย ส่วนอีกฉบับล้วนเป็นของท่าน” ฮ่องเต้รับสั่ง

“พะยะค่ะฝ่าบาท” เขารับคำ

สามวันต่อมา

จวนต้ามู่อ๋อง แคว้นเป่ยมู่ เมืองไผ่แดง

“ต้าเกอท่านอย่าแกล้งข้าเลย” กงซุนอิงอิงว่าที่นายหญิงของจวนต้ามู่อ่องกล่าว

“แกล้งอย่างไร ข้ากำลังบอกรักเจ้าต่างหากอิงเอ๋อร์” ต้าเกอกล่าว

“ต้ามู่อ๋องพะยะค่ะ จินอ๋องแลพระชายารองรออยู่ที่ห้องโถงใหญ่” อาหลงกล่าว

“น้องสามหรือ บอกให้เขารอสักครู่อิงเอ๋อร์ไปกับข้า” เขากล่าวแล้วดึงมือของคนที่นั่งข้างกายตนมาจูง

สิบนาทีต่อมา

พี่น้องสองคู่นั่งสนทนากันอย่างออกรสหลังจากที่จินอ๋องมอบราชโองการให้ต้า

เกอซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของเขาแล้ว อาหารมากมายจากห้องต้นเครื่องถูกวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบเป็นเวลานานแล้วแต่มิมีทีท่าที่ทั้งสี่จะหยุดสนทนาแล้วมานั่งทานอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะเลย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา