รวมผลงานชุด วิวาห์ชำระแค้น
เขียนโดย ploythara
วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.03 น.
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 19.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) บทที่ 9
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ9
รุ่งเช้าวันต่อมาจินอ๋องแลพระชายรองก็ขอตัวเดินทางกลับบ้านที่เมืองไผ่เขียว ก่อนไปพวกเขาได้อาหารเช้าร่วมกันอีกคราหนึ่ง
เมืองเบญจมาศ
เมืองเบญจมาศเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองไผ่แดงไปทางตอนเหนือห้าสิบลี้ บรรยากาศในยามเย็นของเมืองนี้ดีมากไม่หนาวเย็นเกินไป รถม้าที่เพิ่งเดินทางเข้าเมืองมาถูกจอดลงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งซึ่งหากเทียบกับโรงเตี๊ยมในเมืองหลวงแล้วคงจะบอกได้ว่าเป็นโรงเตี๊ยมที่เงียบเหงามาก บุรุษแลสตรีที่นั่งอยู่บนรถม้าเดินลงมาจากรถแล้วก้าวเข้าไปโรงเตี๊ยม
“เสี่ยวเอ้อร์มีห้องว่างให้ข้ากับฮูหยินพักสักสองสามคืนหรือไม่” มู่จินหยวนถาม
“ด้านบนเลยขอรับคุณชาย” เสี่ยวเอ้อร์ตอบแล้วนำพวกเขาขึ้นไปด้านบน
“ข้าขอแยกห้องกับคุณชายนะ” กงซุนเสวี่ยเหมยกล่าว
“ไม่ ข้าจะนอนข้างล่างเอง ส่วนเจ้านอนบนเตียงห้ามแยกห้องเด็ดขาดเสวียเสวี่ยที่นี่มิปลอดภัย หากเจ้าถูกจับตัวไปแล้วจะทำเช่นไร” มู่จินหยวนกล่าว
“ข้าพอมีวรยุทธ์อยู่บ้างสามารถป้องกันตนเองได้ ไม่ต้องการให้ท่านปกป้องเพราะรู้ว่าท่านเหนื่อยกับข้ามามากแล้ว ดังนั้นอนุญาตให้ข้าแยกห้องเถิดนะเจ้าคะพี่จินหยวน” นางกล่าวกับบุรุษข้างกายแล้วส่งสายตาอ้อนวอน
“เจ้าเป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า เสวียเสวี่ยขี้อ้อนจริง ข้ายอมเจ้าก็ได้ เสี่ยวเอ้อร์ขอห้องข้างๆอีกห้องนะ” เขากล่าว
“ขอรับคุณชาย ฮูหยิน” เสี่ยวเอ้อร์รับคำ
ด้านล่างของโรงเตี๊ยม
ลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในโรงเตี๊ยม ร้องเรียกเสี่ยวเอ้อร์เพื่อสั่งอาหาร เสี่ยวเอ้อร์ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้านล่างกุลีกุจอเข้าไปจดรายการอาหารของลูกค้าโต๊ะนั้นทันที
“เสี่ยวเอ้อร์เมื่อครู่มีคนเข้ามาพักบ้างไหม” บุรุษคนหนึ่งในกลุ่มถาม
“ขออภัยขอรับ เมื่อครู่ข้าอยู่โรงครัวจึงมิทราบว่ามีผู้ใดมาบ้างหรือไม่” เสี่ยวเอ้อร์ตอบ
“เช่นนั้นหรือ เช่นนั้นพวกข้าขอเส้าซิงสองกา เสี่ยวหลงเปาหนึ่งจาน ขนมซูหางหนึ่งจาน หมูพันอ้อยหนึ่งจาน ปลาหิมะนึ่งมะนาวหนึ่งจาน” เขาสั่ง
“กรุณารอสักครู่ขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์กล่าว
สิบห้านาทีต่อมา
อาหารและสุราที่สังถูกยกมาวางบนโต๊ะ พวกเขาทานกันอย่างเอร็ดอร่อยแล้วบุรุษคนเดิมก็ถามเสี่ยวเอ้อร์ด้วยคำถามเดิมอีกครา แต่เสี่ยวเอ้อร์ก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบทำให้เขาที่เริ่มเมาด้วยฤทธิ์สุราบันดาลโทสะขว้างปาเครื่องมืในการกินบนโต๊ะจนแตกละเอียด เถ้าแก่เห็นเช่นนั้นก็เรียกให้เสี่ยวเอ้อร์มาไล่ลูกค้ากลุ่มนั้นออกไป
ยามโหย่ว
“เสี่ยวเอ้อร์เดี๋ยวยกอาหารขึ้นไปด้านบนด้วย ฮุหยินไม่ค่อยสบายไม่สะดวกลงมาทานด้านล่าง” มู่จินหยวนกล่าว
“มิต้อง ข้าลงมาทานเองแล้วไม่รบกวนเวลาพี่เสี่ยวเอ้อร์หรอก” เสียงหวานกล่าวไล่หลังสามีแล้วเดินลงมานั่งลงตรงข้ามเขา
“เสวียเสวี่ยเจ้าไม่เชื่อข้าเลยหรือไร” เขากล่าว
“ท่านพี่ช่างมากเรื่องยิ่งนัก ข้าแค่ไม่สบายนิดหน่อยเท่านั้นมิเห็นต้องมากเรื่องเช่นนี้” นางกล่าว
หน้าต่างด้านข้างโรงเตี๊ยมเป็นจุดที่กลุ่มลูกค้าเมื่อครู่สิงสถิตอยู่นะตอนนี้ หัวหน้าของคนกลุ่มนี้คือหนังกงเลี่ยงผู้มีข่าวอื้อฉาวกับพระชายาเอกของจินอ๋องนั่นเอง เมื่อพวกเขาได้ยินทั้งสองคนที่อยู่ด้านในคุยกันแผนอันแสนร้ายกาจก็โผล่เข้ามาในหัวสมองทันใด
“อาเยิ่นเจ้าจงปีนไปงัดหน้าต่างห้องกงซุนเสวี่ยเหมยไว้”
“อาเฟินเจ้าจงไปแอบในห้องนาง เมื่อนางมาจงผ้าผืนนี้โปะจมูกของนาง”
“อู่หลอ อู่ไท่ อู่เสียน พวกเจ้าจงไปประจำยังหน้าต่างบานที่ถูกงัดไว้”
หนันกงเลี่ยงออกคำสั่ง
“ขอรับ/ ขอรับ/ขอรับ/ขอรับ/ขอรับ” ทั้งห้าตอบรับอย่างพร้อมเพรียงแล้วไปปฏิบัติหน้าที่ของตนทันที
เมื่อทานอาหารแลชำระร่างกายเสร็จกงซุนเสวี่ยเหมยก็กลับห้องพักของตน ที่นั่นพวกของหนันกงเลี่ยงกำลังซุ่มรอจับตัวนางอยู่ เมื่อนางเดินเข้าห้องอาเฟินที่หลบอยู่ด้านข้างก็เดินเข้ามาหานางแล้วนำผ้าที่เตรียมมาโปะลงที่จมูกนางโดยมิเปิดโอกาสให้เอ่ยวาจาใด จากนั้นพวกเขาก็ดับไฟในห้องแล้วลงไปทางหน้าต่างซึ่งมีคนรอรับอยู่แล้ว ฝ่ายมู่จินหยวนเมื่อขึ้นมาถึงห้องพักก็เห็นห้องของนางมืดจึงคิดว่านางนอนหลับแล้วด้วยไม่อยากรบกวนนางในยามดึกสงัดเช่นนี้เขาเลยกลับไปห้องของตน
….. (ในฝัน) พี่จินหยวนช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย ท่านต้องมาช่วยข้านะ พวกคนเลวจับข้ามาตอนนี้อยู่ระหว่างเดินทางไปหนานหลี่ พวกมันกำลังอ่อนเพลียจากการเดินทาง ข้าไม่อยากไปกับพวกมัน เสวียเสวี่ยในฝันกล่าวด้วยน้ำตานองหน้า…..
เฮือก…กกก
ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวเหงื่อเย็นไหลโทรมกาย เขานั่งบนเตียงสักครู่แล้วจึงเดินไปหยิบเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวหนามาใส่จากนั้นก็เปิดประตูแล้วเดินไปห้องข้างๆ ซึ่งไร้แสงสว่างตั้งแต่ตอนที่ตนขึ้นมาด้านบน เขาเห็นดังนั้นจึงถือวิสาสะใช้แรงของตนทั้งหมดดันให้ประตูเปิดแล้วเดินเข้าไปในห้องของนาง เมื่อเข้าไปในห้องกลับมิพบร่างบางที่บัดนี้น่าจะนอนหลับอยู่บนเตียง
“เสี่ยวเอ้อร์ เสี่ยวเอ้อร์” เขาตะโกน
“ฮ้าวๆๆ ตะโกนอะไรยามนี้ขอรับคุณชาย” เสี่ยวเอ้อร์ทั้งหมดที่ถูกปลุกให้ตื่นสะลึมสะลือกล่าว
“ฮูหยินของข้าหายไป พวกท่านช่วยข้าหานางหน่อย” เขากล่าว
“ข้าเห็นนางกลับขึ้นมานานแล้วนี่” เสี่ยวเอ้อร์คนหนึ่งกล่าว
“ข้าเห็นนางถูกอุ้มโดยบุรุษผู้หนึ่ง นางถูกพาดไว้บนบ่าของเขา บุรุษผู้นั้นข้าจำได้ว่าเป็นลูกค้เมื่อตอนเย็น เขามากับสหายอีกสี่คน” เสี่ยวเอ้อร์อีกคนกล่าว
“พวกเรายินดีจะช่วยท่านแต่มิใช่ในยามนี้ พรุ่งนี้เราจะช่วยกันออกตามหานาง” เถ้าแก่ที่มาเป็นคนสุดท้ายกล่าว
“ข้าขอโทษที่รบกวนพวกท่าน เช่นพรุ่งนี้เราค่อยตามหานางกัน” เขากล่าว
ป่าไผ่แดง ทางเหนือ
คืนนี้พวกมันพาร่างบางที่สลบไสลมาพักแรมที่นี่ก่อนจะเดินทางขึ้นเหนือเพื่อขึ้นเรือที่ท่าน้ำในวันรุ่งขึ้น หนันกงเลี่ยงผู้เป็นนายใหญ่กำลังนั่งผิงไฟอยู่หน้ากองไฟให้ร่างกายอบอุ่น มันจ้องร่างบางที่ตนหมายปองตาไม่กระพิบ
“เสวี่ยเหมยพรุ่งนี้ก็จะเป็นของข้าแล้ว ข้าจะดูแลเจ้าให้ดีที่สุดดียิ่งกว่าจินอ๋องของเจ้าเป็นร้อยเป็นพันเท่า” หนันกงเลี่ยงกล่าวเบาๆ
“พี่เลี่ยง ถ้าท่านราชครูรู้จะทำเช่นไร” ลูกน้องถามเป็นเสียงเดียว
“พี่ใหญ่ มิมีเวลามาสนใจเรื่องเพียงนิดเช่นนี้หรอก เขาต้องดูแลสตรีความจำเสื่อมนางนั้น ไหนจะต้องเตรียมตัวสอนเหล่าองค์หญิงองค์ชายในวังอีก ” หนันกงเลี่ยงกล่าว
“ถ้าท่านราชครูถามท่านว่านางเป็นผู้ใด ท่านจะตอบเช่นไร” อาเยิ่นถาม
“ข้าจะตอบว่านางเป็นคนรักของข้าที่มาจากเป่ยมู่” เขากล่าว
เมื่อจบประโยคนี้พวกมันก็แยกย้ายกันไปนอนพัก เช้าวันรุ่งขึ้นเถ้าแก่ เสี่ยวเอ้อร์ แล มู่จินหยวนเดีนทางออกตามหากงซุนเสวี่ยเหมยตามที่ตกลงกันไว้โดยตลอดการเดินทางมู่จินหยวนเป็นผู้ออกเงินค่าอาหารให้พวกเขา พวกเขาเดินทางมาจนกระทั่งถึงป่าไผ่แดงจึงพบร่องรอยของพวกทั้งห้า เถ้าแก่แลเสี่ยวเอ้อร์เป็นห่วงโรงเตี๊ยมมากเขาจึงให้องครักษ์ที่ตามาด้วยนำกลับไปส่งที่โรงเตี๊ยม
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ