รวมผลงานชุด วิวาห์ชำระแค้น

-

เขียนโดย ploythara

วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.03 น.

  13 ตอน
  0 วิจารณ์
  18.03K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 19.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) บทที่ 6

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
6
จวนตากอากาศจินอ๋อง ริมแม่น้ำชิงเจียง เมืองชิงหลง
ยาน้ำที่มีส่วนผสมของ ‘บัวสวรรค์หมื่นปี’ ถูกนำมากรอกใส่ริมฝีปากอมชมพูของร่างที่ยังคงสลบไสลมิได้สติอยู่ จินอ๋องกลับมาดูแลพระชายารองด้วยตนเองอีกคราหลังจากได้พบกับเสวี่ยไป๋ที่เป็นบรรพบุรุษข้างแม่ของนางที่ใจกลางอาณาจักรลิ่วกั๋วเมื่อห้าเดือนก่อน ตอนนั้นที่เขาพบเสวี่ยไป๋เขาคิดว่าเสวี่ยไป๋เป็น “นาง” เพราะทั้งคู่มีใบหน้าเหมือนกันราวกับเป็นพิมพ์เดียว ต่อมาเขาจึงได้ทราบว่าเขากับนางนั้นมีบุญวาสนาต่อกันมาหลายภพชาติอีกทั้งระลึกอดีตชาติของทั้งสองได้ การที่เขาสามารถระลึกชาติได้ในครานี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจมาก จากที่เขาเริ่มมองนางใหม่มาสักระยะหนึ่งแล้วทำให้เขายิ่งคะนึงหานางมากขึ้นไปอีกหลายสิบเท่า ต้องการให้นางเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวตลอดไป
“เสวียเสวี่ยเจ้าฟื้นขึ้นมาเถิด ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนักชายารองผู้กล้าหาญของข้า” เขากล่าวขึ้นหลังจากป้อนยานางเสร็จ
……เมฆาทะมึนคลุมไปทั่วท้องฟ้า “ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ท่านอยู่ที่ใดข้าหนาวเหน็บยิ่งนัก ท่านมาช่วยข้าด้วยเถิด” สตรีในชุดสีขาวนางหนึ่งร้องเพรียกหาบุรุษที่นางรักสุดหัวใจ “กงซุนเสวี่ยเหมย เจ้าอยู่ระหว่างหนทางสู่แดนจุติพบ” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านข้างนาง ไม่! ข้ายังมิตาย ข้าจะกลับไปหาคนรักของข้า นางกู่ร้องด้วยเสียงอันแหบแห้ง สังเกตเห็นว่าตนเองไร้น้ำหนักดั่งปุยนุ่น “เจ้าหมดอายุไขยในภพภูมินี้แล้ว มิอาจพบพานคนรักของเจ้าได้อีก หักใจแล้วดื่มน้ำแกงลืมชาติชามนี้เสียเถิด” เสียงนั้นดังขึ้นอีก
 
คราพร้อมกับร่างของสตรีสูงวัยนางหนึ่งผู้ที่ทั้งหกภพภูมิต่างก็รู้จักนางเป็นอย่างดี นางคือ ‘เมิ่งผอ’ หรือ ‘ท่านยายเมิ่ง’ แห่งแดนจุติภพนั่นเอง ……..
เฮือก….กกก
ร่างสูงที่บัดนี้นอนราบอยู่บนเตียงสะดุ้งตื่นขึ้น เขารู้สึกได้ว่าเสวียเสวี่ยของเขากำลังลำบาก น้ำตาบุรุษที่มิอาจไหลได้ง่ายไหลลงจากนัยน์ตาคมดุจเหยี่ยวของเขา (เสวียเสวี่ยตอนนี้เจ้าอยู่ที่ใดกัน เหตุใดจึงกู่ร้องด้วยน้ำเสียงแหบแห้งเช่นนั้น เจ้าอยากข้าช่วยเจ้าเช่นไร) เขาคิดในใจ
ยามเฉินวันรุ่งขึ้น
เขาไปทำบุญที่วัดไท่ซว่าง วัดประจำราชวงศ์เป่ยมู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองชิงหลง ได้พบกับเหอปิงไต้ซือที่เป็นสหายเรียนวิชายุทธ์มาด้วยกัน แต่โชคร้ายที่ครอบครัวของเหอปิงไต้ซือในแคว้นหนานมู่ถูกอดีตฮ่องเต้ขี้ระแวงสั่งประหารล้างโคตร จึงเหลือเหอปิงไต้ซือที่บวชเป็นหลวงจีนกับน้องสาวของเขาเพียงสองคน น้องสาวของเหอปิงไต้ซือเป็นนางสนองพระโอษฐ์ของจี้ไทเฮา เสด็จแม่ของฮ่องเต้นั่นเอง เหอปิงไต้ซือบอกกับเขาว่า “ตอนนี้วิญญาณของชายารองอยู่ในแดนจุติภพกับท่านยายเมิ่ง ท่านยายเมิ่งต้องการให้นางกลับชาติไปเกิดอีกครา แต่จะกล่าวเช่นไรนางก็มิยอมดื่มน้ำแกงลืมชาติแล้วไปเกิดใหม่ดังเช่นวิญญาณดวงอื่น ท่านยายเมิ่งจึงทำได้เพียงให้นางรอพบท่านเท่านั้น ”
 
 
 
เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกดีใจระคนเสียใจที่นางมีใจมั่นคงต่อเขาถึงกับละเมิดกฎแดนจุติภพเพื่อรอพบตน เขาจึงขอให้เหอปิงไต้ซือหาวิธีพาเขาไปพบนางในแดนจุติภพเหอปิงไต้ซือบอกว่าเขาต้องยอมลดอายุไขยของตนลงสิบปีเพื่อให้ได้พบนาง ด้วย
อานุภาพแห่งความรักแลความคะนึงหาที่เขามีต่อนางเขาจึงยอมลดอายุไขยของตนลงสิบปีตามคำชี้แนะของเหอปิงไต้ซือ
แดนปรภพ
   วิญญาณของจินอ๋องเพิ่งเดินทางลงมาในปรภพเมื่อชั่วอึดใจที่ผ่านมา สมุหนายกของปรภพทราบดีว่าเขาเป็นผู้ใดในอดีตกาลจึงให้การต้อนรับเป็นอย่างดีจากนั้นก็พาเขาไปพบจงขุย เทพพญายมผู้เป็นใหญ่ในปรภพ
“เชิญท่านอ๋องแดนมนุษย์เข้ามาได้” เทพพญายมกล่าวเชิญ
“ขอบคุณท่านเทพพญายมมากที่ให้เราเข้ามาโดยสะดวก” เขากล่าว
“มิเป็นไรหรอก ท่านต้องการให้ข้าช่วยอันใด” เทพพญายมกล่าวเข้าประเด็นทันที
“ข้าต้องการนำวิญญาณของหญิงคนรักกลับไปคืนในร่างนาง ให้นางฟื้นมาอยู่ข้างกายข้าอีก” เขาบอกจุดประสงค์แก่เทพพญายม
“มิได้ มันผิดกฎแดนปรภพของเราข้าทำได้เพียงให้พวกท่านพบกันเท่านั้น หาไม่แล้วกฎก็จะมิเป็นกฎอีกต่อไป” เทพพญายมตอบ
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอพบนางสักคราได้หรือไม่ท่านเทพพญายม ข้ายอมทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้พบนาง แม้ลดอายุไขยอีกเท่าใดก็ทำได้” เขาถาม
“ดี ตอนนี้ท่านเหลืออายุไขยอีกเจ็ดสิบปี ข้าขอลดอายุไขยท่านอีกยี่สิบปีหากท่านยังยืนยันที่จะนำวิญญาณของคนรักกลับเข้าร่างของนาง ข้าจะมอบภารกิจให้ท่านหนึ่งภารกิจนั่นคือการช่วยเหลือดวงวิญญาณห้าสิบดวงให้หลุดพ้นบ่วงกรรมของตนที่เคยทำไว้เมื่อครายังอยู่ในมนุษยโลก ทุกคราที่การช่วยเหลือของท่านสัมฤทธิ์ผลเทียนที่ข้าจุดไว้หนึ่งเล่มจะส่องแสงเรืองรอง หากท่านช่วยมิสัมฤทธิ์ผลสุนัขนรกจะเห่าสามคราเป็นการเตือนว่าท่านต้องเริ่มภารกิจใหม่ทั้งหมด ข้าให้เวลาท่านสองเดือนนรก” เทพพญายมกล่าว
“ข้ายังยืนยันเช่นเดิม ข้ายินดีปฏิบัติภารกิจที่ท่านมอบหมายด้วยความเต็มใจ” เขากล่าว
เมื่อตกลงกับเทพพญายมเสร็จเขาก็เริ่มปฎิบัติภารกิจทันที เขาสามารถช่วยเหลือดวงวิญญาณในมหานรกขุมแรกได้สองดวงในเวลาเพียงสามวันนรก ผ่านไปหนึ่งเดือนนรกเขาช่วยเหลือดวงวิญญาณได้ยี่สิบดวง ดวงวิญญาณทุกดวงที่เขาช่วยเหลือต่างขอบคุณเขาที่ทำให้ตนหลุดพ้นจากบ่วงกรรม คืนนี้เขาพักกับนายนิรยบาลในมหานรกขุมที่สาม เขาได้ยินเสียงเพรียกหาอันเศร้าสร้อยของนางผู้เป็นที่รักอีกคราหลังจากเสียงนี้เงียบหายไปนานแรมเดือน
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ท่านอยู่แถวนี้ใช่หรือไม่ ท่านกำลังจะนำวิญญาณข้ากลับไปเข้าร่างใช่หรือไม่ ข้าจะได้ฟื้นคืนชีวิตแลอยู่กับท่านตลอดไปใช่หรือไม่”
ยามนี้ทำให้เขาหวนคิดถึงเรื่องระหว่างทั้งสองตั้งแต่พบกันคราแรกที่ร้านผ้า ‘ไหมมิ่งมิตร’ แท้จริงเขาหาได้ไม่สนใจนางเพราะตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาเห็นบุรุษอื่นยืนล้อมรอบนางใจของเขาก็ปั่นป่วนยิ่งนัก คิดอยากฆ่าบุรุษที่ยืนล้อมรอบนางให้ตายเสีย
ตรงนั้น นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาวางท่าเมินเฉยเย็นชากับนางเรื่อยมาจนเกิดเรื่องเหตุการณ์นี้ขึ้น
“เสวียเสวี่ยข้าอยู่ตรงนี้ รอข้านะเราจะกลับไปด้วยกัน” ได้ยินตนตอบไปเช่นนี้ร่างสูงชะงักครู่หนึ่งแล้วจึงพลิกตัวไปด้านข้างจากนั้นเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเขาก็ดังขึ้นเป็นการบอกว่าร่างสูงเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์เรียบร้อยแล้ว
อีกฟากฝั่งของปรภพ
ท่านยายเมิ่งยังคงทำหน้าที่ของนางอย่างขยันขันแข็งเช่นเดิม นางมีลูกมือเป็นวิญญาณสาวตนหนึ่งนั่นคือวิญญาณของ ‘กงซุนเสวี่ยเหมย’ นั่นเอง
“ท่านยายให้ข้าช่วยหรือไม่เจ้าคะ” วิญญาณสาวถามขึ้น
“มิต้องหรอก เจ้าไปพักผ่อนเถิดวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ท่านยายเมิ่งบอก
“ท่านยายเจ้าคะ ดาวคืนนี้สวยมากเรานั่งชมด้วยกันหรือไม่” วิญญาณสาวถาม
“เสวี่ยเอ๋อร์ปรโลกมีดาวที่ใดกันล่ะ มีแต่ดวงวิญญาณที่พ้นกรรมแล้วไปจุติใหม่กับดวงวิญญาณที่ยังรอรับผลกรรม” ท่านยายเมิ่งตอบพลางยีผมวิญญาณสาวด้วยความเอ็นดู
“ก็ดวงวิญญาณที่แตกดับแล้วเช่นไรล่ะเจ้าคะท่านยาย” ดวงวิญญาณสาวกล่าว
 
 
 
“เจ้านี่ช่างเพ้อฝันเสียจริง ดวงวิญญาณพวกนั้นเมื่อแตกดับแล้วบางดวงไปเสวยสุขในแดนสวรรค์บางดวงก็ไปเกิดมิสามารถอยู่ในแดนปรภพแลแดนจุติภพได้อีก” ท่านยายเมิ่งกล่าว
เช้าวันต่อมาดวงวิญญาณสาวตื่นแต่เช้ามาช่วยท่านยายเมิ่งทำงานเช่นเดิม อีกทั้งลงมือทำอาหารกลางวันด้วยตนเอง แม้จะอยู่ในแดนจุติภพแต่ปากท้องก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน ท่านยายเมิ่งชมวิญญาณสาวมิขาดปาก
“เจ้านี่ทำอาหารรสชาติดีนัก ช่างมีพรสวรรค์เสียจริง”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านยาย” วิญญาณสาวกล่าว
เมื่อทานอาหารเสร็จวิญญาณสาวก็ไปนั่งเล่นที่สะพานจุติภพอันเป็นทางผ่านของดวงวิญญาณที่ได้รับการพิจารณาให้ไปเกิดในภพภูมิต่างๆหลังจากผ่านเรือนชมอดีตชาติแลดื่มน้ำแกงลืมชาติแล้ว สายน้ำภายใต้สะพานนั้นแม้จะเป็นสีแดงดังโลหิตมนุษย์แต่ก็ดูสดชื่นราวกับน้ำทิพย์ของแดนปรภพ คราแรกที่วิญญาณสาวเห็นธารโลหิตสายนี้นางรู้สึกขนลุกขนพองยิ่งนัก ท่านยายเมิ่งบอกกับนางว่า
“ดวงวิญญาณทุกดวงในปรภพล้วนต้องใช้น้ำจากธารโลหิตสายนี้ทั้งนั้นเจ้าอย่าได้กลัวไปเลย”
“ข้าไม่อยากใช้น้ำจากธารสายนี้” นั่นเป็นคำกล่าวของนางหลังจากได้ทราบว่าตนต้องใช้ธารสายนี้เมื่อคราแรกที่มาถึงแดนจุติภพ
 
 
ในคืนนั้นขณะที่ทั้งสองทานอาหารเย็น
“เสวี่ยเอ๋อร์ข้าได้ยินมาว่าบัดนี้จินอ๋องได้ช่วยเหลือดวงวิญญาณให้หลุดจากบ่วงกรรมในปรโลกได้สำเร็จแล้วยี่สิบดวง เหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนนรกเขาก็สามารถนำดวงวิญญาณของเจ้ากลับสู่ร่างในมนุษยโลกได้แล้ว” ท่านยายเมิ่งกล่าวกับวิญญาณสาว
“เช่นนั้นก็ดีสิเจ้าคะท่านยาย ข้าจะได้พบเขาอีกคราหลังจากที่พรากจากกันมานาน” วิญญาณสาวตอบ
“ดีหรือ มิเห็นจะดีเลยถ้าเจ้ามิอยู่แล้วผู้ใดจะช่วยแลทำอาหารอร่อยๆให้ข้าทานเล่าเสวี่ยเอ๋อร์” ท่านยายเมิ่งกล่าว
“ท่านยายอย่ากล่าวเช่นนั้นสิเจ้าคะ ข้ายังมิได้กลับไปเสียหน่อยช่วงเวลานี้ข้าจะทำอาหารให้ท่านทานทุกวันเลยเจ้าค่ะ” วิญญาณสาวกล่าวพลางยื่นถ้วยน้ำแกงลืมชาติให้ดวงวิญญาณที่ต่อแถวรับอย่างยาวเหยียดเบื้องหน้าตน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา