รวมผลงานชุด วิวาห์ชำระแค้น
เขียนโดย ploythara
วันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 12.03 น.
แก้ไขเมื่อ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 19.16 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) บทที่10
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ10
หลังจากแยกกับเถ้าแก่แลเสี่ยวเอ้อร์ของโรงเตี๊ยมที่ป่าไผ่แดงแล้วเขาก็นั่งรอองครักษ์ที่นำคนเหล่านั้นกลับไปส่งในตัวเมือง มันน่าโมโหนักที่ถูกพวกหนันกงเลี่ยงตลบหลังเอาตัวนางไปเขาจะต้องคิดบัญชีกับหนันกงเลี่ยงอย่างสาสม สองชั่วยามผ่านไปองครักษ์กลับถึงป่าไผ่แดงแล้วแต่พวกเขาดูเหน็ดเหนื่อยมากประกอบกับเป็นเวลาเย็นมากแล้วจินอ๋องจึงตกลงปลงใจที่จะค้างแรมในป่าไผ่แดงก่อน
ยามโหย่ว
องครักษ์ทั้งสามที่ติดตามจินอ๋องมาด้วยเดินออกหาเนื้อสัตว์ น้ำ แลท่อนไม้มาประกอบอาหารมาเกือบชั่วยามแล้ว พวกเขาได้ปลามาสามตัว กระต่ายสองตัว กวางหนึ่งตัวแลน้ำสองกระติกสำหรับคืนนี้แลการเดินทางในวันรุ่งขึ้น ท่ามกลางเสียงร้องของสัตว์ป่าแลอากาศที่หนาวเย็นบุรุษสี่คนกำลังนั่งทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย คืนนี้แม้อากาศจะหนาวเย็นแต่ดวงจันทร์ยังคงสุกสกาวเช่นเดิม จินอ๋องมองดวงจันทร์แล้วคิดถึงดวงหน้านวลของ “นาง” ผู้ดื้อรั้นยิ่งนัก
เช้าวันรุ่งขึ้น
ร่างขององครักษ์ประจำอยู่ที่หน้ารถม้าส่วนจินอ๋องผู้รักความสะอาดนั้นขอไปชำระร่างกายที่ลำธารซึ่งอยู่ห่างพวกเขาไม่ไกล เมื่อจินอ๋องกลับมาถึงก็เดินทางต่อทันที ชั่วยามผ่านไปคณะเดินทางเริ่มหิวจึงหยุดพักที่ศาลาหลังหนึ่งซึ่งถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหาร
“เสี่ยวเอ้อร์พวกข้าขอชาหนึ่งกา ซาเปาถัวดำสองจาน” มู่จินหยวนสั่ง
“ขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์รับคำแล้วเดินไปทำอาหารทันที
สิบนาทีต่อมาอาหารถูกนำมาวางบนโต๊ะเบื้องหน้าคณะเดินทางผู้หิวโหยทั้งสี่ พวกเขาทานอย่างรวดเร็ว มู่จินหยวนถามเสี่ยวเอ้อร์ว่า
“มีผู้ใดผ่านมาทางนี้บ้างหรือไม่”
“เมื่อหลายชั่วยามก่อนมีบุรุษท่าทางไม่น่านับถือกลุ่มหนึ่งผ่านมา ข้าเห็นพวกเขานำสตรีที่สลบไสลนางหนึ่งมาด้วยขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์ตอบ
“แล้วสตรีนางนั้นเป็นเช่นไรบ้าง” มู่จินหยวนถาม
“นางงามราวนางสวรรค์แต่เสียดายที่ยังมิรู้ลึกตัว ท่าจะถูกวางยาสลบร้ายแรงขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์ตอบ
“บุรุษที่ร่างดูสง่าที่สุดในกลุ่มยุ่งกับนางหรือไม่” มู่จินหยวนถาม
“ถ้าท่านหมายถึงคุณชายหนันกงล่ะก็ เขาดึงนางมากอดแน่นราวกับเป็นคนรักเลยขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์ตอบ
“ขอบใจเจ้ามากเก็บเงินด้วยเสี่ยวเอ้อร์” มู่จินหยวนสั่ง
“ทั้งหมดสามตำลึงเงินกับหนึ่งอีแปะขอรับ” เสี่ยวเอ้อร์กล่าว
“สี่ตำลึง มิต้องทอน” เขายื่นเงินให้เสี่ยวเอ้อร์
บังอาจ! มากหนันกงเลี่ยงข้าจะให้เจ้ารู้จักพลังยุทธที่แท้จริงของข้า ข้าจะมิยอมให้เจ้าพรากเสวียเสวี่ยไปจากข้าอีกคราโดยที่ข้าไม่ใส่ใจหรอก เขากล่าวประโยคนี้ลอดไรฟันด้วยโทสะอันมหาศาลที่กำลังก่อตัวในจิตใจ
ตำหนักจินอ๋อง แคว้นเป่ยมู่ เมืองไผ่เขียว
พระชายาเอกกำลังต้อนรับพวกของหนันกงเลี่ยงที่เดินทางมาถึงเมื่อสองชั่วยามที่แล้วด้วยความดีใจที่จะได้กำจัดกงซุนเสวี่ยเหมยผู้ที่รอดจากแดนปรโลกมาแล้วคราหนึ่งให้กลับไปสู่แดนปรโลกอีกครา แต่นางมิค่อยยินดีนักที่เห็นบุรุษที่ตนรักอีกคนอุ้มกงซุนเสวี่ยเหมยอย่างทนุถนอม
“ไยท่านต้องอุ้มนางเอง” พระชายาเอกกล่าว
“เจ้าไม่ต้องยุ่งกับข้าไปดูลูกเราเถิดเซี่ยงผิง” หนันกงเลี่ยงกล่าว
“ข้ามิชอบให้ท่านอุ้มนาง ปล่อยนางลงซะแล้วให้ลูกน้องท่านอุ้มแทน” นางกล่าว
“ข้าบอกว่ามิต้องยุ่งกับข้า ข้าจะจัดการทุกสิ่งเอง” หนันกงเลี่ยงกล่าว
“มิได้ ปล่อยนางนะ ปล่อยนางไอ้ผู้ชายหลายใจ” นางสบถ
“คำนี้น่าจะเหมาะกับเจ้ามากกว่านะเซี่ยงผิง เป็นผู้ดีแท้ๆแต่ทำตัวเยี่ยงคนไร้การศึกษา” เขาตำหนิกลับ
“เจ้าก็ไม่ต่างกับข้าเท่าไรหรอกท่านพี่คนที่สอง” นางกล่าว
“อย่าเรียกข้าเช่นนั้น ข้ายังมิได้แต่งเจ้าเข้าสกุล” หนันกงเลี่ยงกล่าว
ทั้งสองเถียงกันไปเถียงกันมาจนกงซุนเสวี่ยเหมยรู้สึกตัว นางพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของหนันกงเลี่ยงแต่ไม่เป็นผลเพราะยิ่งนางดิ้นเขาก็ยิ่งกระชับอ้อมแขนมากขึ้น
“หนันกงเลี่ยงปล่อยข้าลงนะ” นางทุบเข้าที่แผงอกของเขา
“เสวียเสวี่ยรู้สึกตัวแล้วหรือเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง” เขาถามนาง
“ข้ามิเป็นไร จับข้ามาทำไมพี่จินหยวนต้องตามมาช่วยข้าอย่างแน่นอน” นางกล่าว
“ข้าจะแต่งเข้าสกุลหนันกงของข้า เจ้าสาวที่งดงามของข้า ถึงเวลานั้นเจ้าก็เป็นของข้าแล้วเสวียเสวี่ย” เขากล่าว
“มิมีทางข้ามิยอมแต่งเข้าสกุลหนันกง สามีเพียงผู้เดียวแลตลอดไปของข้าคือพี่จินหยวนมิมีผู้ใดแทนที่เขาได้” นางตอบ
ฮ่า ๆๆๆ นางอยากขำเขาให้ฟันหักยิ่งนัก เขาได้ยินอยู่เต็มสองหูแต่กลับทำเสมือนหูทวนลมมิสนใจวาจาของกงซุนเสวี่ยเหมย (พระชายาเอกคิดในใจ)
“ข้าบอกให้ปล่อยข้าลง ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้” กงซุนเสวี่ยเหมยทั้งทุบทั้งตีเขาแต่เขาก็ยังอุ้มนาง สุดท้ายนางจึงเตะเข้าไปยังจุดหวงห้ามของบุรุษ
“โอ๊ย!” เขาร้องลั่นแล้วคลายอ้อมกอดทันที
จูเก๋อเซี่ยงผิงหัวร่องอหงายกับอาการของหนันกงเลี่ยงอีกคราจนเขาถลึงตาสีนิลกาฬใส่นาง นางจึงเดินไปช่วยพยุงให้เขาลุกขึ้นยืน
“เสวียเสวี่ยเจ้าจะไปที่ใด” หนันกงเลี่ยงถาม
“นี่เป็นบ้านอีกหลังของข้า ข้าจะไปที่ใดก็ได้ท่านอย่ามาแตะต้องข้าอีกหนันกงเลี่ยง” กงซุนเสวี่ยเหมยกล่าวแล้วเดินเลี่ยงไป
อีกด้านหนึ่งมู่จินหยวนแลองตรักษ์ทั้งสามก็เดินทางมาถึงเมืองไผ่เขียวแล้วเช่นกัน แต่เนื่องจากเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้วพวกเขาจึงพักในโรงเตี๊ยมก่อน
วันรุ่งขึ้น
มู่จินหยวนพร้อมด้วยองครักษ์ทั้งสามไปยังจวนของเขาแล้วเคาะประตูที่หน้าจวน พ่อบ้านดีใจมากที่เห็นนายท่านกลับมาอีกคราจึงต้อนรับเป็นอย่างดี
ห้องโถงใหญ่
หนันกงเลี่ยงผู้ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธานที่เป็นของจินอ๋อง พระชายาเอกนั่งอยู่ทางด้านขวา ส่วนกงซุนเสวี่ยเหมยนั้นนางคงอยู่ที่เรือนส่วนตัวเหมือนเมื่อนานมาแล้ว
“ท่านพี่ยินดีต้อนรับกลับจวนเจ้าค่ะ” พระชายาเอกกล่าว
“หนันกงเลี่ยงลงมาจากที่นั่งข้าเดี๋ยวนี้” เขามิได้ทักทายพระชายาเอกแต่กลับหันไปสนใจหนันกงเลี่ยงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตัวของตนแทน
“มู่จินหยวนวันนี้ข้าชนะเจ้าอีกคราแล้ว ภรรยาเอกของเจ้าข้าก็ได้นางมาเป็นภรรยา เก้าอี้ตัวนี้เหมาะกับข้ามากกว่า” หนันกงเลี่ยงกล่าว
“เจ้ามิได้ชนะข้าหรอก เจ้ากำลังจะพ่ายแพ้ข้าอีกคราต่างหาก จูเก๋อเซี่ยงผิงเก็บของออกจากจวนข้าเดี๋ยวนี้พาลูกเจ้าออกไปด้วย ต่อแต่นี้เจ้ามิใช้พระชายาเอกของข้าอีก” เขาหันไปบอกพระชายาเอกซึ่งบัดนี้กำลังยืนตกตะลึงตาค้างในวาจาของเขา
“มิได้นะท่านพี่ เขาป็นลูกชายท่าน” นางแก้ตัวน้ำขุ่นๆทำให้เขายิ่งมีโทสะมากขึ้น
“เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขามิใช่ลูกชายข้า ยังจะแก้ตัวอีกหรือ นังแพศยา! ออกไปซะแล้วพาเขาออกไปด้วย” เขาหันไปสั่งจูเก๋อเซี่ยงผิงพลางชี้ให้นางพาหนันกงเลี่ยงออกไปด้วย
“ได้ ข้าจะออกไป ท่านจงจำไว้จินอ๋อง พวกข้าจะตามราวีท่านไม่เลิกราแน่” นางกล่าว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ