[SHAM] รักนี้ไม่มีลวง
8.4
เขียนโดย หมาน้อยพิทักษ์ดวงดาว
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 08.17 น.
12 ตอน
1 วิจารณ์
18.05K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 08.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) [SHAM] รักนี้ไม่มีลวง #07
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ[7]
คอลล์กำลังเสก็ตภาพทะเลและจิบชาแอปเปิ้ลอุ่นๆ ยามบ่ายอยู่ที่ระเบียง เมื่อโจลันหุนหันเข้ามาโดยไม่เคาะประตู เธอวางสมุดเสก็ตภาพลงข้างตัวและหันไปหาชายหนุ่มที่หอบแฮ่ก เตรียมจะจัดการพี่ชายตัวแสบ
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งบ่น” โจลันสำลักคำพูดและยกมือห้ามปากน้องสาวไว้ “ไปแต่งตัวก่อน” เขาทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วหอบเอาอากาศเข้าปอด
“งานเข้าล่ะสิ” คอลล์เก็บคำพูดต่อว่าลงคอ แล้วเดินหายไปทางห้องนอน สักพักจึงออกมาในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสเล็กสีดำ “ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนล่ะ ฉันจะได้แต่งตัวคอย”
โจลันเบิกตากว้าง “เออ ฉันลืมไปเลยว่ะ” เขาส่งเสื้อสูทที่เขาสวมอยู่ให้คอลล์
“ให้มันได้อย่างนี้สิพี่ชาย...” คอลล์มองเยาะโจลัน “แล้วเรื่องเป็นไงมาไง?”
แต่ก่อนจะตอบอะไรโจลันก็ลากคอลล์ให้ออกเดินก่อน เขารัวนิ้วลงบนปุ่มลูกศรลงอย่างเร่งรีบ ดูหัวเสียนิดๆ ที่ลิฟท์เลื่อนขึ้นมารับช้า
“พ่อน่ะดิ...” โจลันเริ่มเรื่องเมื่อทั้งคู่เข้ามายืนด้วยกันในห้องสี่เหลี่ยมเหล็กเล็กๆ ได้แล้ว “...บอกให้นำเสนองานที่แกทำให้โรงแรมลุงเบน ให้ลูกค้าที่เกิดมาติดอกติดใจงานของแกเข้า นี่ฉันก็บอกพ่อว่าจะมาเตรียมตัว เลยปลีกตัวมาได้”
“ทำไมนายไม่นำเสนอเองซะเลยล่ะ นายก็รู้เรื่องดีนี่” คอลล์แกล้งหยอกคนหัวเสีย
“ประชดได้ก็ประชดไปนะไอน้อง ไอฉันน่ะถ้าแค่นำเสนอเฉยๆ น่ะสบาย แต่นี่ลูกค้าที่ตาบอดมาชอบงานแกเนี่ยอยากให้แกเป็นคนออกแบบเฟอร์นิเจอร์คอลแลคชั่นใหม่ให้เขาหน่อย ฉันบอกพ่อไปแล้วว่าบริษัทเราทำแต่เสื้อผ้า พ่อก็ไม่ฟังฉันเลย มัวแต่บอกว่าจะได้เป็นช่องทางใหม่ของบริษัท” โจลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ทิ้งท้าย
คอลล์พยักหน้าเข้าใจ
“ช่วยพี่หน่อยละกันนะน้องรัก นำเสนองานดีๆ บริษัทเราจะได้เจริญรุ่งเรืองด้วย” โจลันทำเสียงหวาน ดวงตาปิ๊งปั๊งจนคนที่โดนแสงปิ๊งปั๊งนั้นสาดเข้าใส่ถึงกับทำท่าแขยง
“เออ รู้น่า”
โจลันส่งกระเป๋าเอกสารให้น้องสาวเมื่อเขาขับมาส่งคอลล์ที่ใกล้ๆ บริษัทไม่ลืมกำชับจริงจังว่าตอนนี้คอลล์คือเขา
แฝดคนน้องทำหน้าเอือมแต่ไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป เพราะกำลังรีบเร่งไปให้ถึงห้องประชุมให้ทันเวลา ในห้องนั้นมีชายแปลกหน้ารุ่นคุณลุงอยู่สามคนและประธานคาร์ลนั่งคุยกันอย่างถูกคอ พวกลุงๆ หันมามองคนที่เพิ่งเข้าไป คอลล์จึงส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตรก่อนจะเริ่มนำเสนอสิ่งที่คุณลุงทั้งสามคนต้องการจะดู
“โจลัน...” คาร์ลเรียกลูกชายไว้เมื่อเสร็จสิ้นการนำเสนอและลูกค้ากิตติมาศักดิ์ทั้งสามคนดูจะพอใจมาก
“ครับ” คอลล์หยุดมือที่กำลังเก็บข้าวของ
คาร์ลยืนนิ่งและมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง สายตาออกแนวจับผิดนั้นทำเอาคนที่ปลอมตัวอยู่เหงื่อแตกพลั่กทั้งที่ในห้องเย็นจัด
“แก ทำได้ดีมาก” ชายสูงวัยยิ้มออกมาในที่สุด เขาตบหลังลูกอย่างพอใจ
“เอ่อ ครับ” ไม่รู้ว่าคอลล์จะคิดมากไปมั้ย แต่สายตาคู่นั้นของพ่อเธอเหมือนกับจะมองเห็นคนที่อยู่ใต้ชุดสูทตามความเป็นจริงซะแล้ว “ผมนัดกับสาวไว้ ผมไปก่อนนะครับ”
คาร์ลยกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้าง “ไปเถอะๆ”
คอลล์รีบโกยข้าวของเข้ากระเป๋าเอกสารแล้วรีบออกมาจากห้องประชุม หาทางออกอย่างรวดเร็ว พอออกจากตึกมาได้ก็ให้ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
“คุณโจลัน” เสียงหวานนั้นแสดงความดีใจอย่างไม่ปิดบัง
“คุณเอวีน่า” คอลล์หันไปตามเสียงและส่งยิ้มให้หญิงสาวที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเธอมา
“โชคดีจังค่ะที่ตามมาทัน” เอวีน่าถอนหายใจเล็กน้อย “คือฉันอยากรบกวนคุณหน่อย”
“มีอะไรหรอครับ”
“คือฉันไม่แน่ใจน่ะคะ ว่าควรจะเปลี่ยนสีกับวอลเปเปอร์ดีมั้ย เพราะการออกแบบของคุณมันน่ารักมาก ถ้าไม่เป็นการรบกวนเวลาคุณเกินไป ช่วยไปเลือกสีกับฉันหน่อยได้มั้ยคะ” หญิงสาวทำตาวิ๊งเหมือนที่คอลล์โดนโจลันทำใส่ แต่เอวีน่าทำแบบนี้แล้วดูน่ารักกว่ามาก
“ได้สิครับ ผมยินดีเสมอ” คอลล์ยิ้มตอบ
“ขอบคุณมากนะคะ งั้นไปตอนนี้เลยได้มั้ยคะ”
“เอ่อ...ผมขอโทรศัพท์สักครู่ได้มั้ยครับ”
“ค่ะ งั้นฉันไปรอที่รถนะคะ” เอวีน่าเดินยิ้มแก้มแทบปริไปทางลานจอดรถ
โจลันเบาเสียงเพลงในรถลงเมื่อเห็นสายเรียกเข้าจากน้องสาว ใจตุ้มๆ ต๋อมๆ ตอนที่สไลด์ปุ่มตอบรับสายเรียกเข้า
“เป็นไงบ้าง...” เขากรอกเสียงลงไป “ความแตกรึเปล่า”
“เปล่า...” คอลล์บอกรำคาญ “ฉันโทรมาบอกว่าคุณเอวีน่าชวนไปเลือกสีที่จะใช้กับโรงแรม นายจะเอาไง จะไปเองมั้ย...”
“ไป...” โจลันหยุดเสียงไปอึดใจ “ไม่ไป แกไปเลือกเองแล้วกัน ถ้าฉันไปเดี๋ยวก็ไม่ถูกใจแกอีก”
“เป็นไร?” คำพูดของพี่ชายชวนให้คอลล์สงสัย
“เปล่านี่ แกไปเหอะ พอดีฉันนึกขึ้นได้ว่านัดสปาเอาไว้จะไปนวดคลายเครียดหน่อย” โจลันอ้างแล้วตัดสายไปเลย ทำเอาคอลล์ได้แต่งง
คอลล์มองหารถของเอวีน่าอยู่ครู่หนึ่งจึงเห็นหญิงสาวกำลังเลือกเพลงอยู่ที่เบาะข้างคนขับในรถคันหนึ่ง เมื่อเธอเดินเข้าไปใกล้ เอวีน่าก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มค้างที่เห็นคอลล์ยืนนิ่ง
“คุณโจลันเป็นอะไรไปค่ะ?”
“เปล่า..เปล่าครับ” ใจของคอลล์ไม่ได้สั่นหรอก เธอไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นมากมายอะไรที่จะได้อยู่กับเอวีน่าแบบสองต่อสอง จะว่าไปเธอเองก็บอกไม่ค่อยถูกเหมือนกันว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร...
“คุณโจลันจะขับเองมั้ยคะ” เอวีน่าถามอย่างไม่แน่ใจ
คอลล์ลังเล ไม่ใช่ว่าเธอขับรถไม่เป็นนะ แต่เธอไม่รู้ว่าเส้นทางในเมืองนี้มันเปลี่ยนไปขนาดไหนแล้ว เกิดทำเปิ่นให้เอวีน่าเห็นคงได้อายมุดดินหนีแทบไม่ทัน “คือผมเจ็บข้อมืออยู่น่ะครับ ยังไงให้คุณขับดีกว่า”
เอวีน่ามีสีหน้าสงสัยแต่เธอก็แค่ย้ายจากที่นั่งด้านข้างคนขับมาประจำที่ด้านหลังพวงมาลัย
“วันนี้ดูคุณโจลันเงียบๆ นะคะ” คนขับรถถามขึ้นเมื่อรถแล่นออกมาได้สักพักแล้ว “หรือว่าทำงานหนักจนไม่ได้พัก”
“คงงั้น..มั่งครับ” คอลล์ไม่ได้หันไปมองเอวีน่าแต่ก็รับรู้ได้ว่าหญิงสาวข้างตัวนั้นกำลังแอบมองกลับมาอย่างแปลกใจ ทำไมกันนะ...คอลล์ได้แต่คิดอยู่คนเดียว ทั้งที่เธอรู้สึกชอบเอวีน่า เรียกได้ว่าตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ ทั้งที่เธอควรจะตื่นเต้นดีใจที่ในที่สุดโอกาสที่จะได้อยู่กับคนที่เธอชอบก็มาถึง แต่ทำไมกันนะในใจของเธอจึงไม่มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษ หรือเพราะเธอรู้ว่ายังไงซะเอวีน่าก็ไม่ได้ชอบเธอแต่ชอบพี่ชายของเธอมากกว่า ...จะเป็นไปได้ยังไง คอลล์เถียงตัวเอง เอวีน่าไม่รู้สักหน่อยว่าเธอเป็นใคร...
แต่...ถ้าวันหนึ่งเอวีน่าได้รู้ล่ะว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นใคร? เธอจะกล้ามองหน้าหญิงสาวแสนดีคนนี้อีกมั้ย ...แล้วยัยตัวแสบล่ะจะคิดยังไง เฮ้ย ทำไมต้องคิดถึงยัยตัวเปี๊ยกจอมแสบนั่นด้วยล่ะ ยัยนั้นจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ ตอนนี้ต้องเอาเรื่องของเธอกับเอวีน่าให้รอดก่อน
“เอ่อ วันนี้อากาศดีนะครับ” พูดไปแล้วคอลล์ก็ได้แต่แอบถอนหายใจ ต่อว่าตัวเองในใจที่ทำไมวันนี้สมองของเธอถึงตื้อตัน แม้กระทั่งจะคิดเรื่องคุยสนุกๆ ก็คิดไม่ออก
คอลล์เห็นเอวีน่าที่หางตา หญิงสาวดูจะแปลกใจในท่าทีของคนข้างตัว แต่เอวีน่าก็ยังคงรักษามารยาทไว้อย่างดี “จริงด้วยค่ะ.. เอ่องั้นเดี๋ยวเราหากาแฟอร่อยๆ ดื่มด้วยกันนะคะ และขอฉันเป็นคนเลี้ยงเองเพราะฉันรบกวนเวลาของคุณแบบนี้”
“ครับ ได้ครับ”
“คุณโจลันมีร้านอร่อยที่อยากแนะนำรึเปล่าคะ?” เอวีน่าชวนคุย
“อืม..ไม่มีครับ ผมยังไงก็ได้...” คอลล์ตอบเรียบๆ แล้วเพิ่งรู้สึกตัวว่าท่าทางแบบนี้ไม่ใช่ปกติวิสัยของพี่ชายเธอ แต่เธอกลับคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรต่อดี
เอวีน่าหันมายิ้มจาง “สงสัยคุณจะทำงานหนักมากจริงๆ นะคะ ดูคุณไม่ร่าเริงเหมือนทุกทีเลย พักผ่อนเยอะๆ นะคะ เดี๋ยวล้มป่วยไป”
ถ้าเป็นโจลันคงตอบแกมหยอกไปแล้วว่า คุณเอวีน่าก็เป็นห่วงผมด้วยหรอครับ แหมปลื้มใจจัง ประมาณนั้น แต่คอลล์ไม่ยักอยากพูดมันออกไปเท่าไหร่... ตายล่ะหว่า ถ้าเกิดพี่ชายตัวดีของเธอมาพาลว่าเธอเป็นคนที่ทำให้เอวีน่าปลื้มในตัวเขาน้อยลง เธอต้องโดนด่าเละแน่
คอลล์จึงหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความ
“คุณโจลันพิมพ์แมสเซจเร็วจังนะคะ” เอวีน่าทักขึ้นเมื่อเห็นคอลล์รัวนิ้วโป้งทั้งสองข้างลงบนหน้าจอระบบสัมผัส
“ตอนอยู่ฝรั่ง...” คอลล์ชะงักและแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน “เอ่อ ผมพิมพ์บ่อยน่ะครับ”
“ฉันเห็นเซน่าเองก็พิมพ์เร็วแบบนี้เลยล่ะคะ แต่รายนั้นเขาแชทกับเพื่อนๆ ทุกวันเห็นบอกว่าได้อารมณ์กว่าโทรคุยกัน” เอวีน่าหัวเราะอย่างน่ามอง แต่คอลล์กลับรู้สึกเพียงแค่ความว่างเปล่า
พอถึงร้านเกี่ยวกับการก่อสร้างขนาดใหญ่แล้ว คอลล์ก็แสร้งทำเป็นขอคุยโทรศัพท์ก่อน ให้เอวีน่าล่วงหน้าเข้าไปเดินดูสีพลางๆ สักพักรถสปอร์ตสีแดงสดก็มาจอดเทียบใกล้ๆ จุดที่คอลล์ยืนอยู่
“ทำไมไม่ไปเลือกสีกับเอวีน่า” เป็นคำทักทายของโจลัน
คอลล์เข้ามานั่งในรถ “ไม่รู้”
“อะไรที่ว่าไม่รู้”
“...ฉันไม่รู้จะคุยอะไรกับคุณเอวีน่า” คอลล์ถอดสูทคืนให้โจลัน “ฉันไม่ใช่นายนี่ที่มีเรื่องตลกชวนให้อารมณ์ดีเก็บเป็นสต๊อก”
“แกหงุดหงิดอะไรเนี่ย”
“หงุดหงิดที่ไม่รู้จะพูดยังไงให้สมองทึบอย่างนายเข้าใจนี่ไง”
“อ้าวไอนี่ ฉันถามดีๆ นะโว้ย” โจลันแต่งตัวให้ตัวเองเสร็จแล้ว เขาเองก็หงุดหงิดเหมือนกันที่ไม่เข้าใจว่าน้องของเขาเป็นอะไร “กลับถึงบ้านแล้วค่อยเคลียร์ เตรียมตัวตอบคำถามไว้เลยนะแก”
โจลันมองซ้ายมองขวาแล้วออกไปจากรถ คอลล์เปลี่ยนไปนั่งที่คนขับ ถอนหายใจยาว ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องส่งข้อความไปเรียกพี่ชายมารับหน้าที่นี้แทนด้วย แต่ที่รู้ตอนนี้คือเธอเบาใจไปเยอะ...
คอลล์ล๊อครถของโจลันเมื่อเข้าจอดในลานจอดรถของคอนโด เธอมองรถคันนั้นอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจเลยว่าทำไมโจลันถึงรักและหวงเจ้าคันนี้มากทั้งที่ก็ไม่ได้สวยขนาดนั้น แถมยังเป็นสีแดงแบบแดงจริงๆ อีก ขับไปไหนมาไหนเป็นจุดเด่นจะตาย... ถ้าเธอจะเลือกรถสักคัน เธออยากได้รถคันเล็กๆ ขนาดกะทัดรัด สีเทาเข้มก็ดี สีดำก็ใช้ได้ ไม่ต้องมีเครื่องแรงๆ ไว้ดริฟท์ เพราะเธอชอบกินลมชมวิวมากกว่า คิดไปคิดมาเธอก็หัวเราะกับตัวเอง นี่สินะความแตกต่างระหว่างเธอและแฝดพี่ ถึงแม้ว่าหลายๆ อย่างระหว่างเธอกับโจลันจะเหมือนกัน ไม่ว่ารูปร่าง หน้าตา อาหารการกินและอีกหลายๆ อย่าง แต่จริงๆ แล้ว เธอก็คือเธอ และโจลันก็คือโจลัน...
คอลล์ก้าวออกจากลิฟท์ที่ชั้นสามสิบของดอนโด กำลังจะเลี้ยวขวาไปที่ห้องก็เห็นอะไรบางอย่างขยับอยู่ตรงหลังต้นไม้ปลอมที่มุมทางเดิน เธอเก็บหัวเราะไว้เมื่อจำได้ว่ากระโปรงลายทางกับเส้นผมดัดลอนใหญ่นั้นเป็นของใคร เธอทำเป็นไม่สนใจคนที่แอบอยู่และไขประตูเข้าไป ปิดประตูลงเบาๆ และแอบเงี่ยหูฟังสิ่งที่เกิดขึ้นข้างนอกนั่น มีเสียงบ่นหงุงหงิงดังพอได้ยิน...
คอลล์เปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็ว เซน่าตกใจสุดตัวและพยายามจะเข้าไปแอบที่หลังต้นไม้ต่อ
“จะแอบทำไม?” คอลล์ไปดึงแขนเด็กสาวออกมาจากต้นไม้ปลอม “นึกว่าตัวอย่างเธอเนี่ยต้นไม้จะบังมิดหรอ”
“หยาบคายที่สุด มาพูดกับผู้หญิงแบบนี้ แล้วอีกอย่างใครใช้ให้นายมาเห็นฉันล่ะ...” เด็กสาวทำงอนแก้มป่อง ไม่ได้ดิ้นหนีจากมือคอลล์จริงจังนัก
“แล้วทำไมถึงไม่อยากให้ฉันเห็นล่ะ”
เซน่าหน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะกลบเกลื่อนด้วยการทำท่าขึงขัง “ฉันก็มาจับผิดนายน่ะสิ ยังไม่รู้ตัวอีก...” เธอเอาแขนตัวเองคืนจนได้ “ฉันมาจับตาดูนายว่าแอบพาผู้หญิงอื่นนอกจากพี่มาที่นี่รึเปล่า”
“แล้วเป็นไงบ้างล่ะ” คอลล์ทำมองไปรอบๆ “ฉันก็มาคนเดียวนี่ไง”
“ฉันรู้แล้วล่ะย่ะ ไม่ได้ตาบอดซะหน่อย”
คอลล์เก็บขำไว้อย่างสุดความสามารถ
เซน่าหน้าแดงหูแดงไปหมดแล้ว “งั้น กลับล่ะ...”
คอลล์คว้ามือเล็กนั้นไว้และดึงเซน่าเบาๆ ฝ่ายที่โดนจับมือนั้นดิ้นพราดๆ แค่แป๊บเดียวก็สงบลง
“ทานอะไรด้วยกันหน่อยมั้ย” คอลล์ดูนาฬิกาข้อมือ “นี่ก็เย็นแล้ว หิวรึยัง?”
“ไม่หิว..” เสียงท้องของเซน่าดังขึ้นพอดิบพอดี “..ซะหน่อย” เด็กสาวก้มหน้างุดด้วยความอาย
คอลล์จูงมือของเซน่าที่ทำตัวว่าง่ายเข้ามาในห้อง ส่งเด็กสาวให้นั่งที่โซฟา
“รอแป๊บนะ จะทำอะไรให้ทาน” พูดเสร็จคอลล์ก็คลายกระดุมที่คอสองเม็ด ปลดกระดุมข้อมือและพับแขนเสื้อขึ้น ก่อนจะไปสำรวจตู้เย็น
“นายทำอะไรแบบนี้เป็นด้วยหรอ” เด็กสาวลุกจากโซฟามาเกาะเคาน์เตอร์ดูคนตัวสูงจับนู้นจับนี่อย่างคล่องแคล้ว มือใหญ่นั้นจับมีดอย่างทะมัดทะแมงและหั่นมะเขือเทศเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าอย่างรวดเร็ว
คอลล์ยิ้มให้เซน่าที่เท้าคางมองเธอ “เห็นอย่างนี้ฉันก็ทำอะไรๆ ได้เยอะกว่าเธอแล้วกัน”
“หรอย่ะ คนขี้คุย” เด็กสาวกัดเข้าให้ แต่เป็นที่ชอบใจของคนที่โดนกัด
บนใบหน้าเล็กที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางนั้นดูจะมีสีแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อยที่พวงแก้มขาว เซน่าเบนหน้าหนีรอยยิ้มขำที่คอลล์กำลังทำอยู่ไปมองดูตะกร้าผลไม้ปลอมที่ตกแต่งอยู่บนเคาน์เตอร์ หัวใจที่อยู่ๆ ก็เต้นแรงขึ้นอย่างประหลาดทำให้เธอไม่กล้าแม้จะหายใจ เธอกำลังเป็นอะไรไป หัวใจที่ไม่สมควรรู้สึกอะไรกับแฟนของพี่สาวกลับเต้นระรัวอยู่ในอก แค่ได้เห็นรอยยิ้มที่กำลังขำเพราะสิ่งที่เธอพูดก็ทำเอาเลือดลมในร่างกายปั่นป่วน
“หยุด..หยุดหัวเราะได้แล้ว” เซน่าบอกออกไป “นายน่ะยิ้มแบบคนขี้เก๊กก็พอแล้ว ไม่ต้องมายิ้มแบบนี้”
“เป็นยังไงล่ะ ไอยิ้มแบบคนขี้เก๊กนั่นน่ะ” คอลล์แกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าพี่ชายของเธอชอบยิ้มวางมาดแค่ไหน
เซน่าทำปากพะงาบๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้อธิบายคำจำกัดความของยิ้มแบบคนขี้เก๊กให้คอลล์ฟัง แต่เด็กสาวเดินปั้นปึงหนีไปนั่งกอดหมอนอิงดูโทรทัศน์แทน
“เสร็จแล้ว มานี่เร็ว” คอลล์วางจานสองใบไว้บนโต๊ะอาหารแล้วหันไปกวักมือเรียกคนหน้าบูดตรงโซฟา
เซน่าเดินเชิดๆ มาที่โต๊ะอาหารแล้วชายตามองของบนโต๊ะ “อี๋ ข้าวผัด ธรรมดาจัง”
“ถึงจะธรรมดาแบบนี้ แต่รับรองอร่อย ลองชิมดูสิ” คอลล์ดันหลังเซน่าให้นั่งลง ส่วนเธออ้อมไปนั่งที่อีกฝั่งของโต๊ะ
เซน่าตักคำแรกเข้าปากแล้วดิ้นพราด คว้าน้ำมาดื่มแทบไม่ทัน
“ฉันทำอาหารบนไฟนะไม่ใช่บนน้ำแข็ง จำไว้ว่าต้องเป่าให้อุ่นก่อน” พูดอย่างนั้นแต่คอลล์ก็เอาทิชชูมาเช็ดปากให้เด็กสาวที่แลบลิ้นแก้ร้อนอยู่ “อย่างกับเด็กอนุบาล”
เซน่าเตะหน้าแข้งของคอลล์ที่ใต้โต๊ะ แล้วทำหน้าสะใจที่เห็นคนตัวสูงฝั่งตรงข้ามออกอาการเจ็บ
คอลล์ทำปากเป็นคำว่าฝากไว้ก่อนพร้อมกับลูบขาตัวเองไล่ความเจ็บ
เด็กสาวหัวเราะคิกแล้วกลับไปตักข้าวผัดสีแดงอ่อนๆ นั้นขึ้นมา คราวนี้ไม่ลืมเป่าให้มันอุ่น สีหน้าบ่งบอกว่าพอใจไม่น้อยกับรสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ของข้าวผัด
“อร่อยใช่มั้ยล่ะ...” คอลล์ยิ้มอย่างรู้ทัน
“ก็ งั้นๆ เหละ พ่อครัวที่บ้านฉันทำอร่อยกว่านี้ตั้งเยอะ” พูดแล้วก็ตักอีกคำเข้าปากเคี้ยวแก้มป่อง ชวนให้คนที่นั่งตรงข้ามอดแอบยิ้มกับท่าทางปากไม่ตรงกับใจนี้ไม่ได้
“ทานผักด้วยสิ” คอลล์พูดขึ้นเมื่อเห็นเซน่าเอาแต่เลือกทานข้าวแล้วเขี่ยผักหลากสีไว้ข้างจาน
เซน่าส่ายหน้า “ไม่เอาอะ ไม่เห็นจะอร่อย”
“แล้วจะโตทันคนอื่นได้ไง ทานให้หมดเลยนะ”
ใบหน้าของเด็กสาวแดงซ่านทั้งด้วยความอายและโกรธ “นายเป็นใครถึงกล้ามาสั่งฉัน... ฉันบอกว่าไม่ทานก็คือไม่ทาน” เซน่าชักสีหน้า
“จะทานไม่ทาน” คอลล์ถามนิ่งในสายตามีแววเอาเรื่อง
“ไม่!” เซน่าตอบกลับชัดเจนแบบไม่ต้องคิด
คอลล์ผุดลุกขึ้นและเดินอ้อมไปข้างหลังเซน่าอย่างรวดเร็วก่อนจะจับคางของเด็กสาวไว้และออกแรงบีบเล็กน้อยให้ปากเล็กนั้นเปิดออก
“ไอบ้า จะทำอะไรน่ะ” เซน่าดิ้น พยายามดึงมือของคอลล์ออกแต่อีกฝ่ายแข็งแรงกว่า
“ก็จะป้อนผักน่ากินพวกนี้ให้เธอไง” คอลล์ตักผักขึ้นมาและพยายามยัดเข้าปากของเซน่าอย่างทุลักทุเล
พอผักช้อนนั้นเข้าไปในปากของเซน่าได้ คอลล์ก็ใช้มือปิดปากของเด็กสาวไว้แน่น
“เอ้า อ้า อ่อย อะ...” (เจ้าบ้าปล่อยนะ) เซน่าดิ้นพรวดๆ มือเธอรัวไปบนตัวของคอลล์เท่าที่จะทำได้
“กลืนรึยัง...” คอลล์ใช้อีกมือที่ว่างอยู่รวบแขนทั้งสองข้างของเซน่าไว้ “กลืนแล้วจะปล่อย”
เซน่าทำตาดุใส่คอลล์ แต่ยอมเคี้ยวผักในปากอย่างกล้ำกลืนฝืนทน และเมื่อในปากว่างแล้ว เธอก็เลยกัดมือคนตัวสูงเข้าให้เต็มเปา คอลล์ร้องและรีบปล่อยเซน่าให้เป็นอิสระ
“เจ้าบ้า โรคจิต ซาดิสม์” เซน่าใส่เป็นชุด มือก็ลูบลิ้นด้วยแขยงรสชาติผัก
“เธอก็ยัยตัวแสบล่ะ กัดมาได้ เจ็บนะเนี่ย” คอลล์ดูมือตัวเองที่แม้จะไม่มีเลือดซึมแต่รอยฟันแดงๆ นั้นก็คงอยู่กับเธอไปอีกสักพัก
“สมน้ำหน้า” เซน่าลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเพราะเธอกำลังหัวเราะอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า เธอจึงไม่ทันระวังขอบพรมขนสัตว์ที่บังเอิญเผยอขึ้นมา
“ระวัง!” คอลล์รีบเข้าไปคว้าตัวเซน่าที่สะดุดล้ม
คอลล์รับตัวเซน่าไว้ได้ก่อนที่เด็กสาวจะกระแทกพื้น แต่เป็นเธอเองที่เอาหัวไปโหม่งพื้นไม้แทน เซน่าดูตื่นตกใจ เด็กสาวช่วยพยุงคอลล์ให้ลุกขึ้นนั่งและมือไม้สั่นเมื่อจะตรวจดูอาการของคอลล์ เรียกเสียงหัวเราะให้คนเจ็บตัวได้
“ยังจะหัวเราะอีก” เซน่าแหวใส่ แล้วทำหน้าสลดอีกครั้งเมื่อเห็นคอลล์ลูบหัวตัวเอง “เป็นไงบ้าง?” เธอคุกเข่าอยู่ข้างๆ อย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรมากหรอก ไม่ได้กระแทกแรงสักหน่อย” คอลล์ลูบหัวตรงที่กระแทกไปเมื่อครู่ “ก็แค่หัวโนนิดหน่อย”
“ฮือ..ฮือ..” เซน่าร้องไห้ น้ำตาไหลพราก แบบไม่ให้คนเจ็บตั้งตัว ครั้งนี้คอลล์แน่ใจว่าเด็กสาวไม่ได้แกล้งร้อง
“ร้องไห้ทำไมเนี่ย...ยัยเตี้ย” คอลล์ลูบหัวคนขี้แยอย่างปลอบใจ
“ก็..นายเจ็บตัว..ฮึก..เพราะฉันนี่” เซน่าสะอึกสะอื้น แล้วใช้มือปาดน้ำตาเร็วๆ
คอลล์โยกหัวเซน่าเบาๆ “อย่าคิดมากสิ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย” เธอยิ้มกึ่งขำเมื่อเห็นเซน่าทำหน้างอ “ดูสิหน้าตามอมแมมน่าเกลียดเชียว”
เซน่าตีแขนของอีกฝ่าย “ฉันไม่ได้น่าเกลียดนะ” เธอกลั้นน้ำตาไว้จนได้
“ไม่น่าเกลียดได้ไง ดูสิมาสคาร่าเลอะหมดแล้ว นี่ล่ะนะชอบแต่งหน้าเข้มดีนัก” พูดแล้วคอลล์ก็ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ดึงมือของเซน่าที่เช็ดน้ำตาอยู่ออก ก่อนจะถ่ายรูปเด็กสาวไว้
“ทำอะไรน่ะ?” เซน่าจะคว้าโทรศัพท์ไว้แต่คอลล์เร็วกว่า
“หน้าตาเธอตอนนี้ตลกดี ฉันจะเอารูปไปโพสให้คนอื่นได้เห็นบ้าง” คอลล์ยกยิ้มอย่างผู้ชนะ
“ลบเดี๋ยวนี้เลยนะ” เซน่าตะโกนใส่หูคอลล์
คอลล์ลุกขึ้นหนีมือปลาหมึกของเด็กสาว “ไม่ลบ ก็คือไม่ลบ”
เซน่าที่ตอนนี้ไม่มีส้นสูงหลายนิ้วอยู่กับเท้าจึงได้แต่ทำเสียงขู่ฟ่อ ฟึดฟัดและรัวมัดใส่ท้องคนตัวสูงอย่างหงุดหงิดที่พลาดท่าครั้งใหญ่ พร้อมทั้งส่งสายตาอาฆาตให้คอลล์อีกชุดใหญ่
“ไปล้างหน้าซะไป หน้าตาอย่างกับลูกหมาตกน้ำ” คอลล์หันรูปที่ถ่ายไว้ให้เจ้าตัวดู
เซน่ากระทืบเท้าขัดใจก่อนจะเดินปึงปังไปทางห้องน้ำ คอลล์ดูรูปอีกครั้งแล้วหัวเราะคนเดียว เธอเซฟรูปไว้และเก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากางเกง หันกลับไปที่จานข้าวผัดที่ยังทานกันไม่ถึงไหน
“ยัยเด็กอนุบาล...” คอลล์ยิ้มกับข้าวผัดในจานของเซน่า ก่อนจะยกเข้าไปที่ครัว จัดการหั่นผักหลากสีให้เป็นชิ้นเล็กๆ ไม่แพ้อาหารเด็กหนึ่งขวบ
............................................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ