[SHAM] รักนี้ไม่มีลวง
8.4
เขียนโดย หมาน้อยพิทักษ์ดวงดาว
วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 08.17 น.
12 ตอน
1 วิจารณ์
18.06K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556 08.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) [SHAM] รักนี้ไม่มีลวง #03
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ[3]
คอลล์ลืมตาขึ้นช้าๆ ปรับสายตาให้คุ้นชินกับภาพเพดานลายก้อนเมฆเบื้องหน้า เธอมองมันอยู่อึดใจแล้วเหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าตอนนี้ตัวเธอนอนอยู่ภายในห้องชุดกว้างขวางที่กินเนื้อที่กว่าครึ่งของชั้นสามสิบนี้ เธอลุกจากเตียงเดินไปที่ม่านบางที่ปิดบังผนังกระจกไว้ เปิดมันออกและทอดสายตาไปที่แสงสว่างตรงขอบฟ้า รู้สึกพอใจกับทิวทัศน์ตรงหน้า
เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้น ทำให้คอลล์ต้องละสายตาไปจากแสงระยิบระยับบนน้ำทะเล เธอเสยผมตัวเอง แปลกใจเล็กน้อยที่มันสั้นกว่าทุกครั้ง
โจลันไขประตูห้องเข้ามาพอดีกับที่คอลล์เดินไปถึง คนเป็นพี่ยิ้มกว้างทักทาย
“ไง ฉันนึกว่าแกยังไม่ตื่นก็เลยไขเข้ามา...” เขาถอดรองเท้าหนังและดึงเอารองเท้าแตะนุ่มๆ รูปกระต่ายสีขาวจากตู้รองเท้ามาใส่
คอลล์มองแขยงไปที่รองเท้าแตะบนเท้าของพี่ชาย ก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่พวงกุญแจที่โจลันกำลังหมุนเล่นที่นิ้ว เธอคว้ามันมาอย่างเร็วไม่ทันให้ชายหนุ่มตั้งตัว
“เฮ้ย!”
“นายยกห้องนี้ให้ฉันแล้ว ดังนั้นห้ามเข้ามาโดยพละการ” คอลล์โยนกุญแจห้องลงบนโต๊ะกาแฟหน้าโซฟา
โจลันทำเสียงชิชะเบาๆ แต่ไม่กล้าโวยวาย จึงได้แต่ส่งสายตาดุๆ ใส่ด้านหลังน้องสาวที่เดินเข้าไปในมุมครัวแล้ว
“แล้วมาทำไมแต่เช้า?” คอลล์เปิดตู้เย็นและดึงกล่องอาหารสำเร็จรูปออกมาสองกล่อง จับมันยัดใส่ไมโครเวฟ
“เช้าที่ไหนเล่า นี่มันจะสิบโมงแล้วนะ” โจลันเคาะนิ้วลงบนนาฬิกาข้อมือ มองดูคอลล์ตรวจนู้นนี่นั้นในตู้ต่างๆ
คนน้องกระโดดขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์และมองคนพี่อย่างเบื่อๆ “ขอโทษนะที่ลืมไปว่าเวลาที่นี่มันไม่เหมือนกับที่ฝรั่งเศส...” คอลล์ฉีกยิ้มสยอง
“แกนี่มันยังไม่ยอมเลิกนิสัยประชดประชันอีกนะ” โจลันนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ของโต๊ะอาหาร “ฉันรึอุตสาห์มานี่เพราะเป็นห่วงกลัวว่าแกจะลืม”
“ลืมอะไร?”
“ก็วันนี้แกต้องไปสถานที่ก่อสร้างโรงแรมของลุงเบนเพื่อคุยงานน่ะสิ”
“ไม่เห็นจะรู้เรื่อง” คอลล์หันไปมองไมโครเวฟตามเสียงเรียกของมัน
“ไม่แปลก เพราะพ่อเพิ่งบอกฉันก่อนออกจากบ้านมาเนี่ย” โจลันบอกหน้าตาย
คอลล์วางกล่องอาหารสำเร็จรูปบนจานและช้อนสายตาเคืองๆ ขึ้นมองชายหนุ่มที่ยิ้มทะเล้นอย่างหาเรื่อง “นี่นายอยากเจ็บตัวแต่เช้ารึไง”
โจลันส่ายหน้าเร็วๆ “โน โน โน...นี่มันจะสิบโมงแล้วต่างหาก”
แฝดคนน้องที่อยู่ในชุดนอนลายทางยิ้มมุมปากให้พี่ชาย “งั้นสงสัยฉันต้องโทรศัพท์หน่อยล่ะ”
“โทรทำไม” เป็นโจลันซะเองที่งงกับมุกของคอลล์
คอลล์เปิดฝากล่องอาหารกล่องหนึ่งและส่งไปให้พี่ชายที่รับไว้งงๆ “...ก็โทรไปจองตั๋วเครื่องบินกลับฝรั่งเศสไงล่ะ ดีมั้ยพี่ชาย” เธอยิ้มเดือดๆ อีกครั้ง
โจลันสะดุ้งเฮือก เขาส่งยิ้มแหยๆ ให้น้องสาว “ขอโทษจ้ะ พี่จะไม่หยอกน้องอีกแล้ว”
“ให้มันรู้บ้างว่าใครเป็นใคร...งั้นทานข้าวกันเหอะ” คอลล์นั่งลงตรงข้ามกับโจลันที่ดูหงุดหงิดเพราะมาแพ้น้องสาวง่ายๆ ด้วยเหตุผลนี้
“คราวหน้าฉันไม่แพ้หรอก”คอลล์หัวเราะคิกกับนิสัยของแฝดพี่ที่ทำให้เธอแปลกใจได้ทุกครั้ง.....
โจลันดับเครื่องสาวสวยของเขาเมื่อจอดสนิทห่างจากจุดก่อสร้างของโรงแรมเล็กน้อย “ฉันรอนี่นะ” เขาหันไปจัดทรงผมให้น้อง “อย่านานนักล่ะ ขี้เกียจคอย”
“นายก็ไปหาอะไรทำก่อนดิ เข้าบริษัทก็ได้” คอลล์มองสำรวจตัวเองอีกครั้ง
“บ้ารึไง ความได้แตกพอดี” โจลันมองรอบตัว “งั้นฉันไปหากาแฟดื่มก่อนล่ะกัน ยังไงก็อย่านานมากล่ะ”
คอลล์พยักหน้ารับส่งๆ
“คุณโจลัน...” เสียงหวานนั้นดังขึ้น
คอลล์รีบนั่งลงหลบที่ข้างรถทันทีที่จำเสียงนั้นได้ เธอขยับไปที่ท้ายรถและแอบมองหญิงสาวหน้าหวานในชุดทำงานเรียบร้อยสีเหลืองอ่อนสดใสที่กำลังเดินเข้ามาใกล้
“สวัสดีค่ะคุณโจลัน ทำไมมาจอดไกลอย่างนี้ล่ะคะ” เอวีน่าส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มที่ดูจะทั้งงง ทั้งตะลึงในความน่ารักของคนตรงหน้า
“เอ่อ...” โจลันหันรอบตัวแต่ไม่เห็นวี่แววของน้องสาวแล้ว
“งั้นเราเข้าไปด้วยกันเลยมั้ยค่ะ?”
โจลันยิ้มหวานตอบ “ครับ แน่นอนครับ” ดูเหมือนต่อมเจ้าชู้จะทำงานเต็มกำลังซะแล้ว
คอลล์มองพี่ชายที่เดินตัวลอยเคียงข้างไปกับเอวีน่าจนลับสายตาก่อนจะยืนขึ้นอย่างเซ็งๆ “ถ้าความแตกอย่ามาโทษฉันล่ะกัน”
โจลันเดินตามหญิงสาวที่เพิ่งตกหลุมรักตั้งแต่พบกันครั้งแรกไปต้อยๆ เขาสะดุดถุงปูนไปสองครั้งเพราะมัวแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับใบหน้ารูปไข่ที่รับกับเรือนผมสีอ่อนหยักศกอย่างธรรมชาติกับริมฝีปากบางที่ขยับไปตามคำพูดที่เธอกำลังอธิบาย
“...นี่เป็นตัวอย่างห้องค่ะ” เอวีน่าหยุดหน้าช่องประตูหนึ่ง
ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์และมองห้องพักที่ยังเป็นสีปูนอยู่ เริ่มกังวลขึ้นมาเพราะคนที่ควรมายืนอยู่ตรงนี้ควรเป็นน้องสาวฝาแฝดของเขามากกว่า
“เป็นอะไรรึเปล่าค่ะ หน้าคุณดูซีดๆ นะ” หญิงสาวมองคนข้างตัวอย่างห่วงใย
“เอ่อ ผมขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นะครับ” โจลันบอกแล้วรีบเดินหนีมาจากตรงนั้นทันที ทิ้งให้เอวีน่ามองตามอย่างสงสัย
คอลล์นั่งกอดอกนิ่งอยู่ในรถสปอร์ตสีแดงเพลิงและทำเสียงในคอเมื่อเห็นพี่ชายกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับมาที่รถหน้าตาตื่น ชายหนุ่มเลื่อนตัวลงนั่งบนเบาะคนขับ เขายิ้มฝันๆ ให้พวงมาลัย
“สาวสวยคนนั้นคือใคร...” เขาถามลอยๆ
“คุณเอวีน่า ลูกสาวของลุงเบน เป็นคนที่รับผิดชอบโครงการนี้” คนบนเบาะข้างคนขับบอกเรียบหน้าตาไร้อารมณ์
โจลันหัวเราะเบากับตัวเอง “สงสัยฉันจะปิ๊งเอวีน่าซะแล้ว” เขากอดพวงมาลัยและจุ๊บมันอย่างดูดดื่ม
คอลล์ยิ้มไม่ออก“งั้น...นายก็ไปทำงานกับเธอซะสิ ฉันจะได้กลับไปทำงานของฉัน...”
“สต๊อป หยุดพูดคำหยาบคายนั่นซะ ยังไงแกก็ต้องอยู่ทำงานนี้ให้สำเร็จก่อน และต้องทำให้ดีที่สุดในชีวิตแกด้วย ไม่งั้นฉันตายแน่” โจลันเปลี่ยนอารมณ์รวดเร็ว ก่อนจะเริ่มถอดชุดตัวเอง “เอ้าเปลี่ยนชุดกัน”
แฝดน้องมองพี่ชายนิ่ง ความรู้สึกบางอย่างคล้ายจะตื่นอยู่ภายในจิตใจ “ถ้ามันง่าย เหมือนเปลี่ยนชุด...”
“แกว่าไรนะ” โจลันมัวแต่ปลดกระดุมเสื้ออยู่
คอลล์ส่ายหน้า “เปล่า...” เธอถอดชุดตัวเองบ้าง
คนน้องลงจากรถไปจัดชุดใหม่ให้เข้าที่ โจลันโผล่หน้าออกมา “อย่าให้ความแตกนะเว้ย” เขาขู่
คอลล์ถอนหายใจ ...แล้วใครกันที่หน้าระรื่นเดินตามผู้หญิงไปกันล่ะ “เออ”
“อ้อ...” โจลันส่งเสียงเรียกน้องสาวไว้ก่อนที่ขายาวๆ นั้นจะก้าวไปจากบริเวณรถ “ถ้าเป็นไปได้ แกช่วยชวนเอวีน่าไปทานมื้อค่ำกันหน่อยได้เปล่า?” เขาเกยคางบนขอบประตูอย่างน่าเอ็นดู
คนร่างสูงในสูทสีอ่อนของพี่ชายชะงักไปอึดใจก่อนจะพยักหน้ารับส่งๆ “จะลองดู”
โจลันร้องไชโยแบบไร้เสียงแล้วหันไปยิ้มกว้างให้น้องสาว “สู้ๆ!” เขาบอกดีใจ
คอลล์เดินเกร็งๆ ไปหาหญิงสาวในชุดสีเหลืองอ่อนที่กำลังตรวจดูขอบหน้าต่าง รู้สึกพิกลที่จะต้องมาสวมบทพี่ชายที่เอวีน่าเพิ่งคุยไปเมื่อครู่
เอวีน่าหันกลับมาเมื่อรู้สึกว่ามีคนเดินเข้าใกล้ เธอมองคอลล์และยิ้มหวานเหมือนทุกครั้ง “กลับมาแล้วหรอค่ะ”
“คะ..ครับ...” คนที่ต้องปลอมตัวแอบถอนหายใจโล่งอก
ดูเหมือนเอวีน่าจะไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร แต่ก็นั่นเหละ ใครจะไปคิดว่าจะมีคนที่เล่นพิเรนท์ปลอมตัวกันขนาดนี้ล่ะ...
เจ้าของโครงการสาวพาคอลล์เดินดูทั่วๆ พร้อมทั้งอธิบายถึงจุดเด่นของโรงแรม รวมถึงแนวความชอบของลุงเบนและตัวเธอเอง คอลล์จดรายละเอียดต่างๆ อย่างสนใจ บางครั้งก็หยุดดูทิวทัศน์รอบๆ เอวีน่าเดินเคียงข้างไปเงียบๆ และไม่ได้พูดแทรกอะไรเมื่อคอลล์หยุดชื่นชมบรรยากาศบนชั้นยี่สิบซึ่งถูกวางแปลนไว้เป็นห้องสวีท
“ข้างบนนี้บรรยากาศดีนะครับ” คอลล์หยุดที่ช่องหน้าต่างโล่งๆ ยิ้มกับทะเลกว้างเบื้องหน้า “ด้านนี้มองเห็นทะเล...” เธอหันหลัง “...ด้านนั้นมองเห็นตัวเมืองกับภูเขา” พร้อมเดินไปที่ห้องฝั่งตรงข้ามที่ยังไม่มีกำแพงกั้น
“ใช่ค่ะ คุณพ่อเลือกซื้อที่ตรงนี้เพราะเป็นทำเลที่มีวิวดีมาก เราคาดว่าห้องสวีทของเราจะต้องมีลูกค้าสนใจมากกว่าที่โรงแรมอื่นๆ แน่...”
“ผมก็คิดอย่างนั้นครับ...” คอลล์พิจารณารอบๆ ห้องอีกครั้ง “ถ้าอย่างนั้นเราออกแบบห้องฝั่งซ้ายและฝั่งขวาไม่เหมือนกันดีมั้ยครับ”
เอวีน่าใช้สายตาถามคอลล์อย่างสุภาพ
“เมืองนี้เป็นเมืองที่อยู่กับธรรมชาติ มีความสงบราบเรียบ แต่ในขณะเดียวกันอีกด้านก็มีสีสันของชีวิตความเป็นเมืองใหญ่อยู่ นักท่องเที่ยวต่างก็ชอบเมืองนี้เพราะได้สัมผัสประสบการณ์ทั้งสองแบบ ...และโรงแรมของคุณเอวีน่าก็มีมุมมองทั้งสองแบบไว้ให้บริการ ดังนั้นถ้าเราออกแบบห้องทั้งสองฝั่งคนละแบบ น่าจะเป็นจุดเด่นอีกหนึ่งอย่างที่เชิญชวนให้คนอยากกลับมาพักกับเรานะครับ...”
เอวีน่าค่อยๆ เผยยิ้มกว้าง “ฟังดูน่าสนุกนะคะ งั้นนอกจากจะมีจุดขายอยู่ที่ความสะดวกสบาย บรรยากาศดีแล้ว เราก็ดึงเอาทิวทัศน์สองแบบกับห้องพักสองสไตล์มาเป็นจุดเด่นอีกอย่างได้ด้วยใช่มั้ยค่ะ” คราวนี้เป็นเอวีน่าที่ต้องบันทึกความคิดลงในสมุดบ้าง “แล้วห้องสเตนดาร์ดล่ะค่ะ?”
“ผมว่าเราน่าจะทำแบบห้องสวีทครับ แต่อาจจะแตกต่างกันตรงที่ว่าห้องสวีทจะมีพวกเครื่องเรือนกับของประดับที่พิเศษกว่า ได้บรรยากาศมากกว่า...” คอลล์เดินไปตรงที่ว่างด้านหนึ่ง “อย่างเตียงก็สั่งทำพิเศษเป็นรูปทรงที่เข้ากับความเป็นทะเล อีกชุดก็เป็นรูปแบบทันสมัยที่เข้ากับทิวทัศน์ฝั่งเมือง...”
เอวีน่านิ่งไปอึดใจ
“...คงต้องใช้งบประมาณมากขึ้นสินะครับ” คอลล์หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาวตัวเล็ก
แต่เอวีน่ากลับยิ้ม “เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้คิดเรื่องนั้น แต่ฉันรู้สึกทึ่งมากกว่าค่ะที่คุณโจลันมีความคิดดีๆ แบบนี้” เธอคว้ามือคนตัวสูงไปจับอย่างดีใจ “คุณพ่อต้องชอบมากแน่ๆ เลยค่ะ...”
“..อะแฮ่ม..” เสียงกวนประสาทนั้นดังขึ้นที่หน้าประตู
สองคนที่ดีใจกันอยู่หันไปมองคนต้นเสียง
เซน่าเดินเร็วๆ เท่าที่ชุดสายเดี่ยวรัดรูปลายเสือตัวสั้นของเธอจะอำนวย เข้ามาดึงมือพี่สาวของเธอออกจากคอลล์
“อย่ามาเข้าใกล้พี่ของฉันนะ ไอโรคจิต!” ไม่พูดเปล่า เด็กสาวก็แตะเข้าที่น่องของคอลล์อย่างหมั่นไส้
“ไม่เอานะเซน่า ไปว่าคุณโจลันแบบนั้นได้ยังไง ไม่น่ารักเลย” เอวีน่าตีต้นแขนน้องสาวเบาจนเด็กสาวหน้าตาเอาเรื่องไม่ได้สะดุ้งสะเทือน แถมยังแลบลิ้นใส่คนที่เธอเหม็นหน้าได้อีกชุด
“พี่นั่นเหละต้องระวังตัวให้มาก หนูไปสืบมาแล้ว เจ้าหมอนี่เป็นประเภทเจ้าชู้ตัวพ่อ เจ้าเล่ห์ เสเพล คบผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า มือไวใจเร็ว แถมยังลามกอีก” เซน่าใส่ไฟเต็มที่
คอลล์ได้แต่หัวเราะในใจ และรู้สึกเห็นด้วยกับเด็กสาวที่แต่งหน้าจัดตรงหน้าเหลือเกินที่สามารถบอกคุณสมบัติของพี่ชายเธอได้ถูกต้องขนาดนี้ อาจจะยกเว้นเรื่องลามกหนึ่งเรื่องที่คนเป็นน้องอย่างเธอกล้ารับรองว่าโจลันคงไม่ใช่แบบนั้นแน่
“ยังไม่หยุดอีก พี่ไม่เห็นคุณโจลันจะเป็นแบบที่น้องพูดเลย แล้วเขาก็ให้เกียรติพี่ตลอดด้วย” เอวีน่าทั้งหัวเสีย และดูจะเสียหน้ามาก “...อีกอย่างพี่ต้องทำงานกับเขา ก็ต้องอยู่ด้วยกันเป็นธรรมดา”
เซน่าทำกระทืบเท้าอย่างเด็กเอาแต่ใจ ท่าทางจะขัดเคืองกับคำพูดพี่สาวมาก “ยังไงพี่ก็อย่าไว้ใจเจ้านี่ง่ายๆ ล่ะ ไม่นาน เดี๋ยวลายก็ออกมาเอง”
พี่สาวหยิก (เบา) เข้าที่สีข้างของคนน้อง “อย่าทำนิสัยไม่ดีนะ... น้องลงไปรอพี่ข้างล่างก่อน เดี๋ยวพี่คุยงานเสร็จแล้วจะรีบตามไป ดีมั้ย?” เอวีน่าลองเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“ไม่เอาอ่ะ หนูไม่ไว้ใจเจ้าหมอนี่ หนูจะอยู่ที่นี่ด้วย” เซน่าหันมาเขม่นคอลล์ “หนูไม่กวนพี่หรอก...” เธอพูดเสร็จก็หามุมเสาให้ตัวเอง
เอวีน่าหันมาหาคอลล์ ท่าทางสำนึกผิด “ต้องขอโทษแทนน้องของฉันด้วยนะคะ...เรามาคุยงานกันต่อเถอะค่ะ”
คอลล์เหลือบไปมองเด็กสาวข้างเสาแล้วถอนหายใจ “กลับไปก่อนเถอะครับ เซน่าจะได้สบายใจ ยังไงวันนี้เราก็ได้ความคิดดีๆ แล้ว คุณเอวีน่าลองเอาไปเสนอคุณพ่อก่อนแล้วผลเป็นยังไงค่อยมาคุยกันต่อดีมั้ยครับ”
หญิงสาวพยักหน้าเห็นด้วย “วันนี้ต้องขอบคุณมากนะคะ ที่เสียเวลามาถึงนี่”
“ไม่เป็นไรครับ...” คอลล์ส่งยิ้มที่คิดว่าเหมือนโจลันที่สุดให้คนสวยตรงหน้า “เอ่อ...” เธอขยับเข้าไปใกล้เอวีน่าอีกนิด “ไม่ทราบว่าคืนนี้ คุณเอวีน่าจะให้เกียรติไปทานมื้อค่ำกับผมได้มั้ยครับ” หัวใจของคนถามเต้นรุนแรงอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากคนตรงหน้า
เอวีน่ามองอย่างสงสัย
“คือ ผมอยากเลี้ยงขอบคุณคุณเอวีน่าที่มาช่วยอธิบายงานวันนี้ และขอบคุณที่ให้โอกาสบริษัทของผมครับ...” คอลล์พยายามเก็บอาการประหม่า
เอวีน่าอมยิ้มและพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็ยินดีค่ะ”
คอลล์เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มแห่งความดีใจ แต่ก็รีบชักยิ้มเก็บทันทีที่เห็นสายตาดุๆ ของเด็กสาวที่จ้องเธอเขม็ง แต่เซน่าไม่ได้ทำอะไรไปมากกว่าชกมือตัวเองเชิงขู่
คอลล์แยกกับสองสาวที่หน้าตึกและกลับไปที่รถสปอร์ตสีแดงโดดเด่น เธอยืนอยู่ที่ประตูข้างคนขับมองไปรอบตัวก่อนที่จะเปิดประตูและนั่งลงที่ข้างคนขับ โจลันยิ้มกว้างรออยู่แล้ว
“เป็นไงมั่ง?” เขาทำตาหวานและจับมือน้องสาวอย่างลุ้นระทึก
“อืม ก็ราบรื่นดี ฉันกับคุณเอวีน่าตกลงกันได้แล้วว่าจะออกแบบห้องแบบไหน ที่เหลือก็...” คอลล์เปิดดูสมุดบันทึกของตัวเองไปด้วย
“ไม่ใช่โว้ย” โจลันทิ้งมือน้องสาวอย่างเสียอารมณ์ “ฉันหมายถึงเรื่องที่ขอให้แกชวนเอวีน่าไปทานมื้อค่ำต่างหาก”
คนเป็นน้องทำค้อนพี่ชาย “นึกว่าจะห่วงงาน ที่แท้ก็ห่วงสาว”
“เฮ้ย อย่ามองฉันแบบนั้นดิ ก็ฉันรู้ว่าแกเก่ง งานต้องราบรื่นอยู่แล้ว” ดูเหมือนโจลันจะแก้ตัวช้าไปนิด
คอลล์กรอกตาอย่างเบื่อหน่าย “เออ ฉันบอกให้แล้ว คุณเอวีน่าเขาก็ตกลง นายก็โทรฯไปนัดสถานที่กับเธอล่ะกัน”
โจลันร้องเฮลั่นพร้อมตบพวงมาลัยชอบใจ ก่อนจะรีบออกรถ
“ฉันไปส่งแกก่อนแล้วจะรีบกลับไปอาบน้ำ แต่งตัวให้หล่อเฟี้ยว” แฝดพี่ดูจะมีความสุขมากตรงข้ามกับคนน้องที่มองทะเลไร้คลื่นท่าทางเซ็ง
ความรู้สึกประหม่าก่อนหน้านี้หายไปหมดแล้ว เมื่อคอลล์คิดได้ว่า ถึงแม้เธอจะชวนเอวีน่าไปทานมื้อค่ำได้สำเร็จ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นพี่ชายของเธอต่างหากที่จะได้ไปนั่งที่โต๊ะกลมในร้านอาหาร ละเลียดของอร่อยพร้อมหัวเราะและสนุกสนานกับหญิงสาวน่ารักคนนั้น...
.......................................................................................................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ