ซวยฉิบหาย! ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก
10.0
เขียนโดย DPR_Fox
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.59 น.
15 ตอน
5 วิจารณ์
38.86K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 22.17 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) Chapter 03 : ยอม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ08/01/13 edit : 30/07/13
Chapter03 : สมยอม ลุกซ์ : "กินเด็กไปแล้วครับ"
พอเรียนเสร็จไอ้พี่ลุกซ์ก็ออกไปข้างนอก ผมเองก็เบื่อ กิจกรรมก็ขี้เกียจไปร่วมกับเพื่อนๆ จะให้ไปนั่งเม้าธ์กับพวกติวเตอร์ก็แม่งเซ็ง พอไม่มีพี่ลุกซ์แล้วเบื่อฉิบหาย!
RRRRRR
ผมมองโทรศัพท์ข้างกายก่อนจะหยิบขึ้นมารับเพราะเพื่อนที่โรงเรียนโทรมา
“ว่าไง” ผมทักเสียงเซ็งๆ
“เฮ้ยมึง ทำไมช่วงนี้ไม่เห็นออกมาเที่ยวบ้างวะ พวกสาวๆ แม่งเรียกหามึงกันตั้งหลายคนแน่ะ” ไอ้พัดเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผมถาม เพื่อนในกลุ่มผมก็เยอะอยู่หรอกแต่ที่ผมไว้ใจและวางใจที่สุดก็คือไอ้พัดเพราะกับคนอื่นๆ ผมก็คบเพราะเป็นแค่เพื่อนเที่ยวเท่านั้น พวกนั้นมันไม่ได้มีความจริงใจอะไรหรอก แต่ไอ้พัดเป็นเพื่อนกับผมมานานผมจึงสนิทกับมันมาก
“กูถูกไอ้พี่ถังลากมาเรียนพิเศษอะดิ มึงอย่าไปบอกใครนะ” ผมพูด กับไอ้พัดผมไม่มีความลับหรอกแต่กับคนอื่นๆ ผมไม่อยากบอกอะไรเพราะพวกมันชอบเอาไปแฉ ถ้ารู้ว่าเอามาเรียนพิเศษล่ะก็พวกนั้นคงจะพูดแหย่และดูถูกหาว่าผมสิ้นลายแน่
“เออๆ ว่าแต่วันนี้มึงจะออกมาที่ผับใหม่ไหม?” ไอ้พัดถาม ไอ้หมอนี่ชอบกินเหล้ามากแต่ไม่ค่อยยุ่งเรื่องผู้หญิงเหมือนผม ก็จะมีนัวเนียบ้างแต่ไม่ลากเข้าห้องเพราะมันบอกว่าครั้งแรกมันอยากทำกับคนที่มันรักซึ่งตอนนี้มันก็ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน
“เดี๋ยวกูลองขอไอ้พี่ถังก่อนแล้วจะโทรไปบอกนะ” ผมนิ่งคิดก่อนจะบอกออกไป ผมอดทนไม่ไปผับมาตั้งแต่อาทิตย์กว่าๆ แล้วนะ ขอปลดปล่อยหน่อยเถอะ
“โอเค” ไอ้พัดพูดก่อนจะวางสายซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้พี่ถังเปิดประตูเข้ามาในห้อง ช่วงนี้ไอ้พี่ถังต้องเข้าบริษัทไปช่วยพ่อทำงานจนแทบไม่มีเวลามาบริหารงานส่วนนี้เลยแต่ว่ามันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะสต๊าฟส่วนหนึ่งเป็นผู้ช่วยของพี่ถังซึ่งจะคอยจัดการทุกอย่างแทนพี่ถังทั้งหมด
“เป็นไรวะ ดูเครียดๆ นะ” ผมถาม ไอ้พี่ถังมันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าซึมๆ มึนๆ เหมือนไม่ใช่พี่ถังผู้แสนกวนตีน สงสัยจะเหนื่อยจากงานมั้ง
“นี่ไอ้เตี้ย...” ไอ้พี่ถังถอนหายใจก่อนจะเดินมานั่งปลายเตียง ผมคิ้วกระตุกหงึกๆ ที่ได้ยินพี่มันเรียกว่าเตี้ย ตัวเองสูงกว่าผมแค่(??) 10 เซนทำเป็นพูด ชิ!
“เรียกเตี้ยอีกคำเดียวกูโดดกัดหูจริงๆ ด้วย” ผมพูดขู่ ตั้งแต่ทะเลาะกันตอนนั้นผมก็ติดพูดคำหยาบเลยแฮะ
“ถ้ากูไม่อยู่มึงจะดูแลตัวเองได้ไหม?” ไอ้พี่ถังมองตรงไปข้างหน้าก่อนจะถามเสียงเรียบ อะไรวะ มันจะมาดราม่าอะไรใส่ผมเนี่ย?
“พูดเหมือนกำลังจะตาย ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะขำๆ แต่พอพี่มันหันมามองผมด้วยสีหน้าจริงจังผมก็หุบปากแล้วถามขึ้น“ทำไมวะ?”
“กูสัญญากับพ่อไว้ว่าถ้ากูเรียนจบกูจะออกมาทำงานหนึ่งปีแล้วจะกลับไปเรียนต่อ ตอนนี้กูก็ออกมาทำงานได้หนึ่งปีตามที่พูดไว้แล้วเพราะฉะนั้นกูก็ต้องกลับไปเรียนต่อตามสัญญา” ไอ้พี่ถังพูด
“ก็เรียนไปสิวะ กูไม่รบกวนมึงบ่อยก็ได้แต่นานๆ ทีขอโทรตามให้มารับกูที่ร้านเหล้าบ้างนะ ฮ่าๆๆ” ผมพูดเล่นๆ พี่มันเรียนต่อแล้วจะทำไมล่ะ? ก็ตอนที่มันเรียนมหาวิทยาลัยมันยังมีเวลาให้ผมเลย ตอนนี้มันอาจจะเรียนหนักกว่าเดิมแต่ก็ไม่ได้อยู่ไกลกันจนไปหากันไม่ได้นี่
“ไม่ได้” ไอ้พี่ถังบอก
“ทำไมวะ มึงเซ็งกูอีกแล้วเหรอ?” ผมถามงอนๆ
“กูต้องไปเรียนที่อเมริกา” พี่ถังพูด ผมอึ้งพูดอะไรไม่ออก ไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าพี่มันไปแล้วผมจะเหลือใครล่ะ?
“ฮ่าๆๆ ก็ดีแล้วนี่ อนาคตก้าวไกลนะเนี่ย ฮ่าๆ” ผมหัวเราะก่อนจะเบือนหน้าหลบตาไอ้พี่ถัง หัวเราะฝืดๆ แบบนี้พี่มันรู้แน่เลยว่าผมแม่งเศร้า
“กูไม่อยากทิ้งมึงให้อยู่คนเดียว” ไอ้พี่ถังลูบหัวผมเบาๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า กูอยู่ได้อยู่แล้ว ชิลล์ๆ ไป” ผมหันมาหาพี่มันก่อนจะยิ้มจนตาหยีเพื่อปิดบังแววตาที่แท้จริงของตัวเอง
“ถ้ามึงเมาใครจะไปลากมึงกลับ?”
“ถัง...”
“ถ้ารถมึงชนใครจะไปเคลียร์เรื่องให้มึง?”
“ถัง...รถกูมีประกัน...”
“ถ้ามึงสอบตกใครจะช่วยติวหนังสือ?”
“ถัง...”
“ถ้ามึงฝันร้ายมึงจะโทรหาใคร?”
“กู...”
“ถ้ามึงไม่สบายใครจะมาอยู่ดูแลมึง?”
“แม่บ้านไง...”
“ในวันเทศกาลใครจะพามึงไปฉลอง?”
“ถัง...กู....”
“ถ้าถึงวันเกิดมึง ใครจะให้ของขวัญ?”
“ถังมึงกำลังทำให้กูอยากร้องไห้” ผมเม้มปากแน่น ตอนแรกก็กะจะทำใจให้สบายและอวยพรให้พี่มันเจริญก้าวหน้า แต่มันบิวท์ผมขนาดนี้ผมจะอยากให้มันไปเหรอ?
“ถ้ากูไปกูจะกลับมาหามึงบ่อยๆ ไม่ได้ ถ้ามึงยังทำตัวให้กูห่วงแบบนี้กูจะไปได้ยังไง?” พี่มันขมวดคิ้ว
“มึงเอาแต่ดูแลกูจนกูดูแลตัวเองไม่ค่อยจะเป็น ถ้ามึงไม่อยู่กูอาจจะดูแลตัวเองได้ใครจะรู้” ผมพูดยิ้มๆ ไม่อยากจะให้ความห่วงใยที่พี่มันมีต่อผมทำร้ายอนาคตของตัวมันเองเลย
“ก็ดูมึงทำตัวสิ เที่ยวแต่ผับ แดกแต่เหล้า เอาแต่สาว เรียนก็ไม่ได้เรื่องจะไม่ให้กูห่วงได้ไง” เกือบจะซึ้งแล้วนะมึง ถ้ามึงไม่สาธยายความเลวของกูล่ะก็กูคงซึ้งไปแล้ว
“เอางี้ไหม เดี๋ยวคืนนี้มึงไปเที่ยวผับกับกู กูจะแสดงให้มึงดูว่าความจริงกูดูแลตัวเองได้ ต่อไปนี้กูจะไม่ดื่มจนเมาอ้วกแตกแล้ว ตกลงไหม?” ผมเสนอ แฮะๆ ก็แบบ...วันนี้เขาอยากไปเที่ยวไง
“กูเพิ่งบ่นไปแหมบๆ ยังจะมีหน้ามาชวนเข้าผับ มึงนี่ยังไงวะไอ้เปอร์” ไอ้พี่ถังขมวดคิ้วมองผมดุๆ
“เพราะว่ามีมึงอยู่กูถึงไม่เคยกังวลไง ถึงกูยังเมาแค่ไหนกูก็เชื่อว่ามึงจะมาหากู แต่ถ้ามึงไม่อยู่กูคิดว่ากูสามารถดูแลตัวเองได้ วันนี้มึงกินให้เมา กูจะพามึงกลับมาที่นี่เอง” ผมเสนอด้วยสีหน้าจริงจังแต่ในใจแอบลุ้นสุดตีนว่าพี่มันจะโอเคไหม?
“เฮ้อ มึงแม่ง...” พี่ถังถอนหายใจก่อนจะยอมพยักหน้าเบาๆ พอได้คำตอบผมก็ลิงโลดสิครับ มือรีบกดโทรศัพท์นัดแนะไอ้พัดอย่างด่วน ไอ้พี่ถังมองผมอย่างระอาและมันคงกำลังคิดว่า กูพลาดแล้วที่อนุญาต ฮ่าๆๆ
ผมลากไอ้พี่ถังเข้าไปหาเพื่อนๆ ที่โต๊ะอย่างร่าเริง พวกเพื่อนๆ ของผมรู้จักพี่ถังเพราะผมพาพี่มันมากินเหล้าด้วยบ่อยๆ
“สวัสดีครับพี่” พวกเพื่อนๆ ยกมือขึ้นไหว้พี่มันจึงต้องรับไหว้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ดูเหมือนมันไม่ค่อยอยากมาสักเท่าไหร่แฮะ สงสัยไม่มีเพื่อนนั่งดื่มเพราะเดิมทีพี่มันก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมายกับเพื่อนๆ ของผม ที่พอคุยกันได้ก็มีแค่ไอ้พัด ที่จริงไอ้พี่ถังไม่อยากให้ผมคบกับเพื่อนกลุ่มนี้หรอกเพราะพวกมันมีแต่พวกเสเพลทั้งนั้นแต่กับไอ้พัดพี่มันโอเคเพราะที่จริงแล้วไอ้พัดมันเป็นคนดีและเรียนเก่ง
พอจัดแจงที่นั่งกันเรียบร้อยไอ้พัดก็ชงเหล้าให้ผมกับพี่ถังทันที
“เออ เดี๋ยวกูไปรับไอ้ลุกซ์มานั่งด้วยละกัน เห็นวันนี้มันบอกว่าจะออกมาเที่ยว” พี่ถังบอก ผมยิ้มแป้นอย่างดีใจ อยากมอมเหล้าไอ้พี่ลุกซ์จังเลย ฮึๆๆ
“บ้านพี่ลุกซ์อยู่แถวนี้เหรอ?” ผมถาม
“ถัดไปอีกสามซอย” พี่ถังพูดก่อนจะจิบเหล้า
“ให้กูไปรับได้ป่ะ?” ผมทำท่าเขินๆ ก่อนจะขอ ไอ้พี่ถังมองผมด้วยสายตาเหมือนจะรังเกียจก่อนจะพยักหน้านิดๆ นี่มึงรังเกียจน้องชายสุดหล่อแสนน่ารักอย่างกูเหรอถัง!
พี่มันอธิบายลักษณะบ้านของไอ้พี่ลุกซ์ให้ฟังและบอกว่าจะโทรให้ไอ้พี่ลุกซ์ออกมารอหน้าบ้าน ผมไม่รอช้ารีบขับรถของไอ้พี่ถังไปหาพี่ลุกซ์ที่บ้านทันที
พอผมไปถึงผมก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านที่มีลักษณะตรงกับที่พี่ถังบอกเอาไว้ จะบอกว่าบ้านคงไม่ถูกเพราะที่นี่แม่ง...คฤหาสน์อย่างใหญ่เลย บ้านรวยฉิบหาย กูว่ากูรวยแล้วนะแต่ท่าทางธุรกิจบ้านนี้จะใหญ่กว่าธุรกิจบ้านผมแบบสุดๆ เลยล่ะครับ
“พี่ลุกซ์! ทางนี้ครับ” ผมเปิดกระจกก่อนจะโผล่หน้าออกไปเรียกไอ้พี่ลุกซ์ที่เดินดุ่มๆ ออกมาจากบ้าน
“อย่าเอ่ยชื่อนั้นให้กูได้ยินไม่อย่างนั้นกูเชือดคอมึงแน่ไอ้หน้าอ่อน!!” ผู้ชายคนที่เดินออกมาจากบ้านแล้วผมคิดว่าเป็นไอ้พี่ลุกซ์เดินมาที่รถของผมก่อนจะขู่ด้วยสีหน้าโกรธแค้น ผู้ชายคนนี้...หล่อเหี้ย!!! มองเผินๆ เหมือนไอ้พี่ลุกซ์แต่พอมองใกล้ๆ กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“เอื๊อก!” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างตกใจ เฮียแกเป็นเครื่องจักรฆ่าคนหรือเปล่าครับ น่ากลัวกว่าไอ้พี่ลุกซ์เวลาโมโหอีก
“ไอ้ลัน! ไอ้ลัน!!!” เสียงคุ้นๆ ดังขึ้นก่อนที่เจ้าของเสียงจะวิ่งเดินออกมาด้วยท่าทางรีบร้อน
“ชิ! อย่าตามกูมาเพราะกูไม่อยากเป็นฆาตกร” ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างรถผมพูดเสียงเย็นเฉียบกับคนที่เพิ่งวิ่งออกมาก่อนจะโบกแท็กซี่ที่บังเอิญวิ่งผ่านมาทันที เอ่อ...ผมกลัวเฮียแกฆ่าแท็กซี่เหลือเกินครับ โชคดีนะแท็กซี่
“ลุกซ์! ลันล่ะ?” เฮียหล่อโหดขึ้นรถไปได้เพียงชั่วครู่ผู้หญิงคนหนึ่งก็วิ่งตามออกมาด้วยสภาพการแต่งตัวที่ไม่เรียบร้อยสักเท่าไหร่ ผมงงกับสถานการณ์ตรงหน้ามากครับ ใครก็ได้บอกผมทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เธอ...กลับไปซะ!!” ไอ้พี่ลุกซ์ถอนหายใจพยายามข่มอารมณ์โมโหเอาไว้
“แต่ว่า...”
“กูบอกให้มึงกลับไปไง! และไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก!” ไอ้พี่ลุกซ์ตะคอกใส่ผู้หญิงคนเดิม ผมสะดุ้งตกใจไม่คิดว่าพี่ลุกซ์จะพูดกับผู้หญิงแบบนี้ ที่จริงผมก็พูดถ้าโมโหจริงๆ อ่ะนะ
“ลุกซ์ น้ำเป็นแฟนลันนะ!” ผู้หญิงวีนใส่พี่ลุกซ์บ้าง
“เฮอะ! เป็นแฟนน้องแต่มานอนกับพี่ ริจะเอาทั้งพี่ทั้งน้องเป็นผัวว่างั้นเถอะ?” ไอ้พี่ลุกซ์แสยะยิ้มสมเพชจนผู้หญิงน้ำตาคลอ พี่ลุกซ์แรงว่ะ
“ทำไมลุกซ์พูดแบบนี้ น้ำเป็นเพื่อนลุกซ์นะ!”
“เพราะเคยรู้จักหรอกกูถึงไม่ตบมึงให้หน้าแหก รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้และอย่าเข้ามายุ่งกับชีวิตไอ้ลันอีก อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วกูจะไม่กล้าทำอะไร” ไอ้พี่ลุกซ์ถลึงตาพูดด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด ก็พอจะดูออกว่าพี่ลุกซ์เป็นคนที่โหดได้โดยไม่แคร์ห่าอะไรรอบข้างเลย แต่ไม่คิดเลยว่าจะโหดกับผู้หญิงได้ถึงขนาดนี้ และที่สำคัญ...มันจะไม่เลวเกินไปหน่อยเหรอ ถึงขั้นยอมนอนกับผู้หญิงทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นผู้หญิงของน้อง
ผู้หญิงคนนั้นวิ่งเข้าไปในบ้านก่อนจะขับรถออกมา ไอ้พี่ลุกซ์มองตามอย่างฉุนเฉียว เมื่ออารมณ์เย็นลงนิดหน่อยพี่แกก็หันมาเห็นรถของผม ผมว่ารถผมไม่ได้จอดแอบสายตาเลยนะ ทำไมเพิ่งมาเห็นเนี่ย?
“พี่ลุกซ์! พี่ถังให้มารับครับ” ผมพูดเสียงจ๋อยๆ ตอนนี้พี่มันยังโมโหขืนยิ้มแย้มกวนตีนไปตีนพี่แกคงลอยมาประทับหน้าผม
“มึงมาทำเหี้ยอะไร!?!” อ้าว...แล้วเมื่อกี้มึงไม่ได้ฟังเหรอว่ากูมาทำอะไร?
“มารับไปผับครับ” ผมบอก
“กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ไป!” ไอ้พี่ลุกซ์พูดเหวี่ยงๆ
“อ้าว...ก็พี่ถังบอกให้มารับ” ผมค้านงงๆ
“ตอนมึงออกมากูคุยกับพี่ถังเสร็จหรือยัง!?! ไสหัวกับไป กูกำลังโมโห!” ไอ้พี่ลุกซ์โบกมือไล่ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน ผมเดินตาม
“เครียดๆ แบบนี้ออกไปดื่มซักนิดดีกว่านะครับ อยู่บ้านเครียดๆ ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ไปกับผมดีกว่าเนอะ” ผมพยายามยิ้มให้ดูจริงใจที่สุดแต่เพราะฝืนยิ้มมันก็เลยออกมาเป็นรอยยิ้มกวนโมโห
“มึงอย่ามากวนตีนกูได้ไหม เดี๋ยวแม่งเตะไส้แตกเลยนี่!!” ไอ้พี่ลุกซ์หันมาตั้งท่าจะเตะผมรีบกระโดดหลบตามสัญชาตญาณ
“ผมไม่ได้กวนตีนนะครับ ผมเป็นห่วงกลัวพี่จะคิดมาก” ผมพูดออกมาอย่างจริงจัง ผมชอบเห็นพี่ลุกซ์ตอนโมโหเรื่องของผมซะมากกว่า
“มึงเป็นใคร? อย่าสะเออะมาพูดว่าห่วงกู” ไอ้พี่ลุกซ์ตวัดสายตาคมๆ มองเล่นเอาผมขนลุกพรึ่บไปทั้งตัว สายตาน่ากลัวมากพี่ เหมือนสายตาพี่กำลังจะบอกผมว่า...ถ้าไม่หุบปากกูจะฆ่ามึง
“ผมรักพี่นะครับ” ผมพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่ได้กวนตีนเหมือนครั้งก่อนๆ ตอนนี้อาจจะเป็นโอกาสของผมก็ได้ ต้องรีบสารภาพ ในเวลาแบบนี้จิตใจของพี่ลุกซ์ไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวเพราะงั้นพี่ลุกซ์อาจจะหันมามองผมบ้าง
ไอ้พี่ลุกซ์ชะงัก หรี่ตามองผมนิดๆ ก่อนจะเดินต่อเพื่อเข้าไปในบ้าน
“ผมรักพี่นะ คบกับผมเถอะ!” ผมยืนนิ่งไม่ได้เดินตามเข้าไปก่อนจะตะโกนบอกอย่างไม่อาย รักใครชอบใครก็ควรบอกออกไปก่อนจะสาย แม้จะไม่ได้รับความรักตอบกลับมาแต่อย่างน้อยก็ได้บอก
“ฮึ! แต่กูเกลียดเด็กอย่างมึงว่ะ!” พี่ลุกซ์หันมาแสยะยิ้มสมเพชก่อนจะเดินลิ่วๆ ไม่สนใจผมที่ยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม อ่า...ความรักของผมพังทลายลงไปแล้วสินะ ทำไมถึงปฏิเสธกันด้วยท่าทางและคำพูดที่ใจร้ายแบบนั้นล่ะ ผมอุตส่าห์สารภาพอย่างจริงจังแล้วนะครับ ผมจริงจังกับพี่จริงๆ นะ ต่อให้เป็นฝ่ายไหนผมก็ยอมเพื่อพี่นะไอ้พี่ลุกซ์บ้า!! คนใจร้าย!!
“ผมจะทำทุกอย่างให้พี่รับรักผม!!” ผมตะโกนบอกอีกครั้ง
“ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู” พี่ลุกซ์พูดแค่นั้นจากนั้นก็ไม่สนใจผมอีกเลย
แต่ขณะที่ผมกำลังจะหันหลังกลับไอ้พี่ลุกซ์ก็หันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ขนลุกพรึ่บพรั่บอย่างไม่อาจควบคุม เป็นรอยยิ้มที่...ทำให้ผมรู้สึกกลัวจนอยากจะวิ่งหนี
แต่สุดท้ายผมก็หนีไปไหนไม่ได้เมื่อพี่ลุกซ์ชวนขึ้นห้อง ไอ้กลัวก็กลัวอยู่หรอกแต่ถูกชวนแบบนี้ผมจะปฏิเสธได้เหรอครับ? ผมชอบพี่ลุกซ์จนอยากจะได้มาครอบครอง ถึงจะเริ่มต้นด้วยการขึ้นเตียงโดยปราศจากความรักจากอีกฝ่ายก็ตามที
“หันก้นมาสิ” ไอ้พี่ลุกซ์สั่งเมื่อพาผมเดินเข้าไปในห้องนอนกว้างแล้วเรียบร้อย ผมตกใจกับคำพูดของไอ้พี่ลุกซ์
“เอ่อ...” ผมอึกอัก เริ่มอะไรไม่ถูก ก่อนขึ้นเตียงเขาต้องลูบๆ ไล้ๆ จูบกันให้มีอารมณ์ก่อนไม่ใช่หรือไง จู่ๆ มาบอกให้หันก้นไปหาแบบนี้ได้ไงฟะ!
“มึงเห็นผู้หญิงเมื่อกี้ไหม? กูกำลังจะได้กับมันแต่น้องมาซะก่อน ตอนนี้อารมณ์กูมันค้าง ถอดกางเกงแล้วหันมา! อย่าให้กูต้องพูดมาก!” ไอ้พี่ลุกซ์ตะคอกจนผมสะดุ้ง
“ฮะๆ พี่นี่ดุจัง ก่อนขึ้นเตียงเขาต้องเล้าโลมกันก่อนสิครับ ป่าเถื่อนแบบนี้ไม่ได้นะ คิกๆ” ผมแกล้งหัวเราะตามแบบฉบับของตัวเอง ก็ผมไม่อยากเครียดนี่
“มึงหยุดหัวเราะเสแสร้งแบบนั้นได้แล้ว หัวเราะทำไม? คิดว่ามึงยิ้มแล้วคนอื่นจะยิ้มตามเหรอ? เสแสร้งแบบนั้นมันยิ่งกวนโมโหว่ะ!! ต่อหน้ากูมึงไม่ต้องยิ้ม ไม่ต้องหัวเราะ!” ไอ้พี่ลุกซ์สั่ง หน้าผมเจื่อนลงทันที พี่แกพูดถูกเรื่องที่ผมไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจ ก็รอยยิ้มนั้นมันเป็นแค่เกราะกำบังความอ่อนแอในใจผมนี่ครับ ผมก็แค่อยากทำตัวให้คนอื่นเห็นว่าร่าเริง คนอื่นๆ เขาจะได้รักผมมากๆ เพราะผมไม่เคยได้รับความรักจากพ่อแม่เลย
“อึก” ผมชะงักหลบสายตา รอยยิ้มของผมเลือนหายไปแทบจะทันทีที่ถูกพูดอย่างนั้น
“ถ้ามึงเล่นตัวนักก็ออกไป! กูไม่ชอบ” ไอ้พี่ลุกซ์พูดก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟากลางห้อง
“เอ่อ...ผม...ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย ผมไม่รู้หรอกครับว่ามันต้องเริ่มอย่างไร” ผมพูดเสียงอ่อย ก็ดูพี่แกบอกสิ เปิดก้นมา! ใครเขาจะทำตาม
“ก็ไม่ยาก แค่ของกูพร้อมกูก็ยัดเข้าไปในก้นมึงไง” ไอ้พี่ลุกซ์พูดเหวี่ยงๆ นายคนนี้ไม่มีความโรแมนติกอยู่ในตัวเลยว่ะ
“เอ่อ...ผมยังไม่มีอารมณ์เลยนะครับ อย่างน้อยก็น่าจะมีอารมณ์ก่อนค่อยทำ” ผมพูดพลางหลบสายตาคมดุที่จ้องมองมา ถึงผมจะหน้าด้านหน้าทนแต่ให้ทำแบบนั้นผมก็อายเป็นเหมือนกันนะ
ไอ้พี่ลุกซ์แสยะปากนิดๆ ก่อนจะปลดเข็มขัดของตัวเองแล้วจับเจ้าลุกซ์น้อยออกมา ผมอึ้ง...ขนาดยังไม่แข็งนะเนี่ย ฉิบหายแล้วกู “ใช้ปากทำให้กู” ไอ้พี่ลุกซ์สั่ง ผมอึ้ง ผมไม่เคยแม้แต่ใช้มือทำให้ผู้ชายด้วยกันเลยสักครั้งและผมก็ไม่เคยใช้ปากทำให้ใครด้วย ทำไมพี่ลุกซ์ถึงสั่งให้ทำอะไรที่ใจร้ายแบบนี้ด้วยนะ กูคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ยที่ตามพี่มันขึ้นมา
“ผมไม่เคยทำ” ผมพูดอึกอัก
“งั้นก็เคยซะสิ!” ไอ้พี่ลุกซ์ตะคอกก่อนจะพยักพเยิดให้ผมไปนั่งทำให้ตัวเอง
“งั้นก็เคยซะสิ!” ไอ้พี่ลุกซ์ตะคอกก่อนจะพยักพเยิดให้ผมไปนั่งทำให้ตัวเอง
ผมกัดริมฝีปากก่อนจะเดินไปนั่งคุกเข่าลงตรงกลางระหว่างขาของพี่ลุกซ์ มือสั่นๆ ถูกเอื้อมไปจับที่ลุกซ์น้อย(?)ก่อนจะค่อยๆ เล้าโลมให้พี่มันมีอารมณ์อย่างช้าๆ แต่เพราะผมใช้มือรูดทำให้พี่มันไม่พอใจ มือใหญ่เอื้อมมาบีบแก้มผมก่อนจะกดให้หน้าผมซุกลงที่เป้ากางเกงของตัวเอง ผมขืนตัวไว้ก่อนจะยอมใช้ปากครอบครองแท่งร้อนแต่โดยดี
ผมพยายามดูดดุนและไล้เลียเพื่อให้พี่มันแข็งขึ้นมาซึ่งก็ได้ผล ผมไม่เคยทำมาก่อนผมไม่รู้ว่ามันดีหรือเปล่าแต่ผมก็พยายามที่จะทำให้พี่แกพอใจที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พอเห็นพี่มันเริ่มมีอารมณ์น้องของผมก็เริ่มดันกางเกงอย่างช่วยไม่ได้ แค่นี้กูก็มีอารมณ์ร่วมแล้วเหรอเนี่ย อ่อนหัดจังเปอร์เอ๊ย!
มือหนาจับศีรษะผมก่อนจะโยกในจังหวะที่รุนแรงกว่าเดิม ผมหลับตาปี๋ ส่วนความเป็นชายของพี่มันแน่นคับปากและยาวจนแทบล้วงเข้ามาในคอทำเอาผมเกือบอ้วก ผมไม่สามารถที่จะครอบครองของของพี่มันเข้ามาในปากได้ทั้งหมดเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่ผมน่าจะชาชินกับเรื่องแบบนี้ ทั้งๆ ที่ผมน่าจะสนุกกับเรื่องแบบนี้แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นมือใหม่และรู้สึกเสียใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา
ไอ้พี่ลุกซ์จับหัวผมออกก่อนจะเหวี่ยงผมขึ้นมาบนโซฟา หน้าผมกระแทกกับพนักพิงอย่างแรงก่อนร่างกายผมจะถูกจับพลิกคว่ำ มือหนากดหัวผมให้แนบชิดติดกับเบาะนุ่มๆ
“ตั้งเข่าขึ้น! ไอ้พี่ลุกซ์สั่งก่อนจะบีบเอวผมแรงๆ จนผมสะท้านวาบทั้งตัว
ผมค่อยๆ ตั้งเข่าขึ้นในท่าคลานทั้งๆ ที่หน้ายังถูกกดแนบพื้น มือหนากดหลังผมลงนิดหน่อยจนก้นผมโด่งขึ้นอย่างน่าอาย เคยเห็นแต่คนอื่นทำพอตัวเองทำแล้วกลับรู้สึกอายจนอยากหนีกลับบ้าน พวกผู้หญิงที่ผมเคยให้ทำท่านี้จะรู้สึกอายเหมือนผมไหมนะ? หรือพวกนั้นอาจจะชินแล้วจึงไม่อายอะไรมากมายเหมือนผม
กางเกงลายสก็อตขาสั้นเท่าเข่าของผมถูกดึงลงพร้อมบ็อกเซอร์และชั้นในทำให้มันตกลงไปกองที่เข่า ผมตกใจเมื่อรู้สึกเย็นวาบที่ก้น อึก...ผมคิดผิดแน่ๆ ที่ยอมตามพี่มันขึ้นมา ผมกลัว...กลัวมากจริงๆ
“พี่ลุกซ์อย่า!” เมื่อตัดสินใจที่จะหนีผมจึงรีบดิ้นและร้องห้าม รู้สึกว่ามีอะไรแข็งๆ ร้อนๆ เสียดสีกับร่องบั้นท้าย
“กว่ามึงจะคิดได้ว่าไม่ควรมายุ่งกับกูมันก็สายเกินไปแล้วครับ ฮึๆ” ไอ้พี่ลุกซ์หัวเราะเย็นๆ ก่อนอะไรบางอย่างจะแทรกเข้ามาในตัวของผม
“อ๊าก!!” ผมร้องลั่นเมื่อรู้สึกเจ็บ ร่างกายกระตุกเกร็งอัตโนมัติ พี่ลุกซ์ดันกายเข้ามาได้แค่นิดหน่อยเท่านั้นผมก็รู้สึกแสบและอึดอัดทรมาน
“ซี้ดดดด แม่ง...” ไอ้พี่ลุกซ์ครางในลำคออย่างพอใจทั้งๆ ที่ยังขยับไม่ได้แท้ๆ
“พี่ลุกซ์ผมเจ็บ! เอาออกไปได้ไหม? ผมขอร้อง” ผมพยายามขอร้องอ้อนวอนเพราะรู้สึกเจ็บแสบทรมาน ทั้งๆ ที่รู้ว่าผมเป็นผู้ชายแต่พี่ลุกซ์ไม่คิดที่จะใช้สารหล่อลื่นเลย
“แม่ง...ลืมใส่ถุงยาง” ไอ้พี่ลุกซ์พูดออกมาอย่างนึกขึ้นได้แต่ไม่คิดที่จะถอดถอนกายตัวเองออกไปซ้ำยังฝืนยัดเข้ามาจนมิดด้าม
“อ๊ากกกก อึก อือออ พี่ลุกซ์ผมเจ็บ อ๊ะ” ผมร้องออกมาลั่น รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังแบ่งส่วน ผมกระตุกเกร็งด้วยความเจ็บและจุก มันเป็นครั้งแรกที่ผมถูกรุกล้ำเข้ามาและเป็นครั้งแรกของผมกับผู้ชาย “ยะ...อย่าขยับ...ผมเจ็บ อือออ” ผมบอกเมื่อไอ้พี่ลุกซ์ฝืนขยับทั้งๆ ที่ผมยังรัดแน่น พี่ลุกซ์ไม่ฟังคำขอของผมและฝืนขยับเข้าออก ผมรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองกำลังฉีกขาด
“ซี้ดดดด แน่นดีฉิบหาย” ไอ้พี่ลุกซ์ใช้มือประคองสะโพกของผมก่อนจะกระแทกเข้ามาด้วยจังหวะรุนแรง ผมร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
เย็นชา...สัมผัสของพี่ลุกซ์ไม่มีคำว่าอ่อนโยนเลยสักนิด มีแต่ความเย็นชาจนหัวใจผมบีบรัด เจ็บ...เจ็บทั้งกายและใจ เหมือนถูกคนรักหักหลังทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมรัก...แต่พี่ลุกซ์เกลียด... ที่พี่แกทำกับผมแบบนี้ก็เพียงเพราะอารมณ์มันค้างมาจากผู้หญิงที่พี่ลุกซ์แย่งน้องมา พี่ลุกซ์ใจร้าย...ทั้งกับน้องชายแท้ๆ และกับผม ทำไมถึงโหดได้ขนาดนี้? พี่ตอบแทนความรักของผมด้วยการทำอย่างเย็นชาอย่างนั้นหรือ
“ฮึก!!” ผมสะอื้นเบาๆ อย่างห้ามไม่อยู่ ทำไมล่ะ? ทำไมผมถึงร้องไห้ล่ะ? กับเรื่องหัวใจผมไม่เคยคิดจะร้องไห้เลยสักครั้งแล้วทำไมครั้งนี้ผมถึง...?
“อย่าทำเป็นสำออย น้ำตาของมึงไม่ได้ทำให้กูซาบซึ้งหรอกนะ ฮึ!!” ไอ้พี่ลุกซ์พูดดูถูกก่อนจะเร่งจังหวะจนตัวผมโยกและสั่นคลอนอย่างรุนแรง
ผมยอมรับ...ถึงตอนแรกจะเจ็บปวดทรมานพอนานเข้าผมกลับรู้สึกมีอารมณ์และเสียวมากจนต้องใช้มือจับน้องของตัวเองเพื่อปลดปล่อยอารมณ์
ผมคิด...คิดว่าทำไมตัวเองถึงรักพี่ลุกซ์จนเกลียดพี่มันไม่ลงทั้งๆ ที่พี่มันทำกับผมถึงขนาดนี้ เหตุผลที่ทำให้ผมเกลียดมันมีเยอะแยะมากมายแต่เหตุผลที่ผมรักกลับไม่ปรากฏเลย เจอกันครั้งแรกก็ไม่มีอะไรน่าประทับใจ พี่มันไม่เคยยิ้มให้ผมหรือพูดดีๆ กับผมสักครั้ง มีแต่ตะคอกและด่า แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับรู้สึกรักจนกล้าที่จะยอมทำทุกอย่างตามที่พี่แกต้องการแม้เรื่องนั้นจะฝืนใจผมก็ตามที
RRRRRR
ของบางอย่างสั่นอย่างรุนแรงอยู่ที่หัวเข่าก่อนเสียงริงโทนจะดังขึ้นมา อึก! พี่ถัง! ต้องเป็นพี่ถังแน่ๆ
“พี่ลุกซ์หยุดเถอะครับ อึก อา! พี่ถังโทรมา อ๊ะ!” ผมบอกเสียงสั่นก่อนจะพยายามเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ พี่ถัง...ช่วยผมด้วย!!
“ก็ลองรับดูสิ อยากให้พี่ชายมึงได้ยินเสียงครางของตัวเองนักก็รับเลยสิ ฮึๆๆ” ไอ้พี่ลุกซ์หัวเราะเย็นๆ ก่อนจะตบแก้มก้นของผมจนผมสะดุ้ง ไอ้พี่นี่แม่งโรคจิต
“พี่ลุกซ์ ฮือ! ผมขอร้อง!” ผมพยายามอ้อนวอน ยิ่งอ้อนวอนมากเท่าไหร่น้ำตาของผมก็ยิ่งไหลมากเท่านั้น
“กูห้ามมึงเหรอ? อยากรับก็รับไปสิ” ไอ้พี่ลุกซ์พูดแต่ก็ยังขยับเอวถี่รัวจนผมหายใจไม่ทัน
“พี่ลุกซ์...เอาออกก่อนนะ อ๊ะ อา...นะครับ ฮึก...ผมขอร้อง...” ผมทั้งสะอื้นทั้งครางอย่างอดไม่อยู่ มืออีกมือของผมก็ช่วยตัวเองอยู่เพราะอยากรีบๆ ปลดปล่อยเสียที
“กูไม่เอาออก อา...แม่ง...มึงรัดกูดีขนาดนี้ยังจะบอกให้กูเอาออกอีกเหรอ? ฮึๆๆ” ไอ้พี่ลุกซ์พูดไปครางเสียงต่ำไปและยังคงกระแทกเข้ามาด้วยจังหวะที่หนักหน่วง
ผมกัดริมฝีปากปล่อยน้ำตาออกมา มือก็กำโทรศัพท์เอาไว้แน่น พี่ถัง...ช่วยผมด้วย!
พี่มันกระแทกเข้ามาอีกนับครั้งไม่ถ้วนก่อนจะหยุดนิ่ง บางอย่างในกายของผมกระตุกก่อนน้ำอุ่นๆ จะฉีดสู่ช่องทางซึ่งผมเองก็ฉีดน้ำออกมาจนเลอะมือและโซฟา พี่มันถอนกายออกไปก่อนจะใส่กางเกงตัวเองให้เรียบร้อย ผมทิ้งกายนอนคว่ำลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน ผมรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆ ที่กำลังไหลออกมาเลอะง่ามขา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วโซฟา ก็ครั้งแรกนี่เนอะ...อีกทั้งยังไม่มีการเล้าโลมเบิกทางหรือใช้สารหล่อลื่นจะมีเลือดออกก็ไม่แปลกอะไร
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ตอนนี้อิพี่ลุกซ์โหดร้ายมากกกกกก ทำให้ทำอย่างนั้นและพี่ลุกซ์ อ่อนโยนหน่อยได้ป่ะ?? เปอร์ลูก...บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปกวนตีนหรือไปยั่วโมโหพี่เขา โดนเลยเห็นไหม? ว่าแต่...พี่ถังอ่ะพี่ถัง!! ทำไมจะไปแล้วล่ะ เปิดตัวมาเด่นๆ ก็ทิ้งบทไปแบบนี้ได้ไงฮะ!! กระซิกๆ
Chapter03 : สมยอม ลุกซ์ : "กินเด็กไปแล้วครับ"
พอเรียนเสร็จไอ้พี่ลุกซ์ก็ออกไปข้างนอก ผมเองก็เบื่อ กิจกรรมก็ขี้เกียจไปร่วมกับเพื่อนๆ จะให้ไปนั่งเม้าธ์กับพวกติวเตอร์ก็แม่งเซ็ง พอไม่มีพี่ลุกซ์แล้วเบื่อฉิบหาย!
RRRRRR
ผมมองโทรศัพท์ข้างกายก่อนจะหยิบขึ้นมารับเพราะเพื่อนที่โรงเรียนโทรมา
“ว่าไง” ผมทักเสียงเซ็งๆ
“เฮ้ยมึง ทำไมช่วงนี้ไม่เห็นออกมาเที่ยวบ้างวะ พวกสาวๆ แม่งเรียกหามึงกันตั้งหลายคนแน่ะ” ไอ้พัดเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของผมถาม เพื่อนในกลุ่มผมก็เยอะอยู่หรอกแต่ที่ผมไว้ใจและวางใจที่สุดก็คือไอ้พัดเพราะกับคนอื่นๆ ผมก็คบเพราะเป็นแค่เพื่อนเที่ยวเท่านั้น พวกนั้นมันไม่ได้มีความจริงใจอะไรหรอก แต่ไอ้พัดเป็นเพื่อนกับผมมานานผมจึงสนิทกับมันมาก
“กูถูกไอ้พี่ถังลากมาเรียนพิเศษอะดิ มึงอย่าไปบอกใครนะ” ผมพูด กับไอ้พัดผมไม่มีความลับหรอกแต่กับคนอื่นๆ ผมไม่อยากบอกอะไรเพราะพวกมันชอบเอาไปแฉ ถ้ารู้ว่าเอามาเรียนพิเศษล่ะก็พวกนั้นคงจะพูดแหย่และดูถูกหาว่าผมสิ้นลายแน่
“เออๆ ว่าแต่วันนี้มึงจะออกมาที่ผับใหม่ไหม?” ไอ้พัดถาม ไอ้หมอนี่ชอบกินเหล้ามากแต่ไม่ค่อยยุ่งเรื่องผู้หญิงเหมือนผม ก็จะมีนัวเนียบ้างแต่ไม่ลากเข้าห้องเพราะมันบอกว่าครั้งแรกมันอยากทำกับคนที่มันรักซึ่งตอนนี้มันก็ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน
“เดี๋ยวกูลองขอไอ้พี่ถังก่อนแล้วจะโทรไปบอกนะ” ผมนิ่งคิดก่อนจะบอกออกไป ผมอดทนไม่ไปผับมาตั้งแต่อาทิตย์กว่าๆ แล้วนะ ขอปลดปล่อยหน่อยเถอะ
“โอเค” ไอ้พัดพูดก่อนจะวางสายซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้พี่ถังเปิดประตูเข้ามาในห้อง ช่วงนี้ไอ้พี่ถังต้องเข้าบริษัทไปช่วยพ่อทำงานจนแทบไม่มีเวลามาบริหารงานส่วนนี้เลยแต่ว่ามันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพราะสต๊าฟส่วนหนึ่งเป็นผู้ช่วยของพี่ถังซึ่งจะคอยจัดการทุกอย่างแทนพี่ถังทั้งหมด
“เป็นไรวะ ดูเครียดๆ นะ” ผมถาม ไอ้พี่ถังมันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าซึมๆ มึนๆ เหมือนไม่ใช่พี่ถังผู้แสนกวนตีน สงสัยจะเหนื่อยจากงานมั้ง
“นี่ไอ้เตี้ย...” ไอ้พี่ถังถอนหายใจก่อนจะเดินมานั่งปลายเตียง ผมคิ้วกระตุกหงึกๆ ที่ได้ยินพี่มันเรียกว่าเตี้ย ตัวเองสูงกว่าผมแค่(??) 10 เซนทำเป็นพูด ชิ!
“เรียกเตี้ยอีกคำเดียวกูโดดกัดหูจริงๆ ด้วย” ผมพูดขู่ ตั้งแต่ทะเลาะกันตอนนั้นผมก็ติดพูดคำหยาบเลยแฮะ
“ถ้ากูไม่อยู่มึงจะดูแลตัวเองได้ไหม?” ไอ้พี่ถังมองตรงไปข้างหน้าก่อนจะถามเสียงเรียบ อะไรวะ มันจะมาดราม่าอะไรใส่ผมเนี่ย?
“พูดเหมือนกำลังจะตาย ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะขำๆ แต่พอพี่มันหันมามองผมด้วยสีหน้าจริงจังผมก็หุบปากแล้วถามขึ้น“ทำไมวะ?”
“กูสัญญากับพ่อไว้ว่าถ้ากูเรียนจบกูจะออกมาทำงานหนึ่งปีแล้วจะกลับไปเรียนต่อ ตอนนี้กูก็ออกมาทำงานได้หนึ่งปีตามที่พูดไว้แล้วเพราะฉะนั้นกูก็ต้องกลับไปเรียนต่อตามสัญญา” ไอ้พี่ถังพูด
“ก็เรียนไปสิวะ กูไม่รบกวนมึงบ่อยก็ได้แต่นานๆ ทีขอโทรตามให้มารับกูที่ร้านเหล้าบ้างนะ ฮ่าๆๆ” ผมพูดเล่นๆ พี่มันเรียนต่อแล้วจะทำไมล่ะ? ก็ตอนที่มันเรียนมหาวิทยาลัยมันยังมีเวลาให้ผมเลย ตอนนี้มันอาจจะเรียนหนักกว่าเดิมแต่ก็ไม่ได้อยู่ไกลกันจนไปหากันไม่ได้นี่
“ไม่ได้” ไอ้พี่ถังบอก
“ทำไมวะ มึงเซ็งกูอีกแล้วเหรอ?” ผมถามงอนๆ
“กูต้องไปเรียนที่อเมริกา” พี่ถังพูด ผมอึ้งพูดอะไรไม่ออก ไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าพี่มันไปแล้วผมจะเหลือใครล่ะ?
“ฮ่าๆๆ ก็ดีแล้วนี่ อนาคตก้าวไกลนะเนี่ย ฮ่าๆ” ผมหัวเราะก่อนจะเบือนหน้าหลบตาไอ้พี่ถัง หัวเราะฝืดๆ แบบนี้พี่มันรู้แน่เลยว่าผมแม่งเศร้า
“กูไม่อยากทิ้งมึงให้อยู่คนเดียว” ไอ้พี่ถังลูบหัวผมเบาๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า กูอยู่ได้อยู่แล้ว ชิลล์ๆ ไป” ผมหันมาหาพี่มันก่อนจะยิ้มจนตาหยีเพื่อปิดบังแววตาที่แท้จริงของตัวเอง
“ถ้ามึงเมาใครจะไปลากมึงกลับ?”
“ถัง...”
“ถ้ารถมึงชนใครจะไปเคลียร์เรื่องให้มึง?”
“ถัง...รถกูมีประกัน...”
“ถ้ามึงสอบตกใครจะช่วยติวหนังสือ?”
“ถัง...”
“ถ้ามึงฝันร้ายมึงจะโทรหาใคร?”
“กู...”
“ถ้ามึงไม่สบายใครจะมาอยู่ดูแลมึง?”
“แม่บ้านไง...”
“ในวันเทศกาลใครจะพามึงไปฉลอง?”
“ถัง...กู....”
“ถ้าถึงวันเกิดมึง ใครจะให้ของขวัญ?”
“ถังมึงกำลังทำให้กูอยากร้องไห้” ผมเม้มปากแน่น ตอนแรกก็กะจะทำใจให้สบายและอวยพรให้พี่มันเจริญก้าวหน้า แต่มันบิวท์ผมขนาดนี้ผมจะอยากให้มันไปเหรอ?
“ถ้ากูไปกูจะกลับมาหามึงบ่อยๆ ไม่ได้ ถ้ามึงยังทำตัวให้กูห่วงแบบนี้กูจะไปได้ยังไง?” พี่มันขมวดคิ้ว
“มึงเอาแต่ดูแลกูจนกูดูแลตัวเองไม่ค่อยจะเป็น ถ้ามึงไม่อยู่กูอาจจะดูแลตัวเองได้ใครจะรู้” ผมพูดยิ้มๆ ไม่อยากจะให้ความห่วงใยที่พี่มันมีต่อผมทำร้ายอนาคตของตัวมันเองเลย
“ก็ดูมึงทำตัวสิ เที่ยวแต่ผับ แดกแต่เหล้า เอาแต่สาว เรียนก็ไม่ได้เรื่องจะไม่ให้กูห่วงได้ไง” เกือบจะซึ้งแล้วนะมึง ถ้ามึงไม่สาธยายความเลวของกูล่ะก็กูคงซึ้งไปแล้ว
“เอางี้ไหม เดี๋ยวคืนนี้มึงไปเที่ยวผับกับกู กูจะแสดงให้มึงดูว่าความจริงกูดูแลตัวเองได้ ต่อไปนี้กูจะไม่ดื่มจนเมาอ้วกแตกแล้ว ตกลงไหม?” ผมเสนอ แฮะๆ ก็แบบ...วันนี้เขาอยากไปเที่ยวไง
“กูเพิ่งบ่นไปแหมบๆ ยังจะมีหน้ามาชวนเข้าผับ มึงนี่ยังไงวะไอ้เปอร์” ไอ้พี่ถังขมวดคิ้วมองผมดุๆ
“เพราะว่ามีมึงอยู่กูถึงไม่เคยกังวลไง ถึงกูยังเมาแค่ไหนกูก็เชื่อว่ามึงจะมาหากู แต่ถ้ามึงไม่อยู่กูคิดว่ากูสามารถดูแลตัวเองได้ วันนี้มึงกินให้เมา กูจะพามึงกลับมาที่นี่เอง” ผมเสนอด้วยสีหน้าจริงจังแต่ในใจแอบลุ้นสุดตีนว่าพี่มันจะโอเคไหม?
“เฮ้อ มึงแม่ง...” พี่ถังถอนหายใจก่อนจะยอมพยักหน้าเบาๆ พอได้คำตอบผมก็ลิงโลดสิครับ มือรีบกดโทรศัพท์นัดแนะไอ้พัดอย่างด่วน ไอ้พี่ถังมองผมอย่างระอาและมันคงกำลังคิดว่า กูพลาดแล้วที่อนุญาต ฮ่าๆๆ
ผมลากไอ้พี่ถังเข้าไปหาเพื่อนๆ ที่โต๊ะอย่างร่าเริง พวกเพื่อนๆ ของผมรู้จักพี่ถังเพราะผมพาพี่มันมากินเหล้าด้วยบ่อยๆ
“สวัสดีครับพี่” พวกเพื่อนๆ ยกมือขึ้นไหว้พี่มันจึงต้องรับไหว้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ดูเหมือนมันไม่ค่อยอยากมาสักเท่าไหร่แฮะ สงสัยไม่มีเพื่อนนั่งดื่มเพราะเดิมทีพี่มันก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมายกับเพื่อนๆ ของผม ที่พอคุยกันได้ก็มีแค่ไอ้พัด ที่จริงไอ้พี่ถังไม่อยากให้ผมคบกับเพื่อนกลุ่มนี้หรอกเพราะพวกมันมีแต่พวกเสเพลทั้งนั้นแต่กับไอ้พัดพี่มันโอเคเพราะที่จริงแล้วไอ้พัดมันเป็นคนดีและเรียนเก่ง
พอจัดแจงที่นั่งกันเรียบร้อยไอ้พัดก็ชงเหล้าให้ผมกับพี่ถังทันที
“เออ เดี๋ยวกูไปรับไอ้ลุกซ์มานั่งด้วยละกัน เห็นวันนี้มันบอกว่าจะออกมาเที่ยว” พี่ถังบอก ผมยิ้มแป้นอย่างดีใจ อยากมอมเหล้าไอ้พี่ลุกซ์จังเลย ฮึๆๆ
“บ้านพี่ลุกซ์อยู่แถวนี้เหรอ?” ผมถาม
“ถัดไปอีกสามซอย” พี่ถังพูดก่อนจะจิบเหล้า
“ให้กูไปรับได้ป่ะ?” ผมทำท่าเขินๆ ก่อนจะขอ ไอ้พี่ถังมองผมด้วยสายตาเหมือนจะรังเกียจก่อนจะพยักหน้านิดๆ นี่มึงรังเกียจน้องชายสุดหล่อแสนน่ารักอย่างกูเหรอถัง!
พี่มันอธิบายลักษณะบ้านของไอ้พี่ลุกซ์ให้ฟังและบอกว่าจะโทรให้ไอ้พี่ลุกซ์ออกมารอหน้าบ้าน ผมไม่รอช้ารีบขับรถของไอ้พี่ถังไปหาพี่ลุกซ์ที่บ้านทันที
พอผมไปถึงผมก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากบ้านที่มีลักษณะตรงกับที่พี่ถังบอกเอาไว้ จะบอกว่าบ้านคงไม่ถูกเพราะที่นี่แม่ง...คฤหาสน์อย่างใหญ่เลย บ้านรวยฉิบหาย กูว่ากูรวยแล้วนะแต่ท่าทางธุรกิจบ้านนี้จะใหญ่กว่าธุรกิจบ้านผมแบบสุดๆ เลยล่ะครับ
“พี่ลุกซ์! ทางนี้ครับ” ผมเปิดกระจกก่อนจะโผล่หน้าออกไปเรียกไอ้พี่ลุกซ์ที่เดินดุ่มๆ ออกมาจากบ้าน
“อย่าเอ่ยชื่อนั้นให้กูได้ยินไม่อย่างนั้นกูเชือดคอมึงแน่ไอ้หน้าอ่อน!!” ผู้ชายคนที่เดินออกมาจากบ้านแล้วผมคิดว่าเป็นไอ้พี่ลุกซ์เดินมาที่รถของผมก่อนจะขู่ด้วยสีหน้าโกรธแค้น ผู้ชายคนนี้...หล่อเหี้ย!!! มองเผินๆ เหมือนไอ้พี่ลุกซ์แต่พอมองใกล้ๆ กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“เอื๊อก!” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างตกใจ เฮียแกเป็นเครื่องจักรฆ่าคนหรือเปล่าครับ น่ากลัวกว่าไอ้พี่ลุกซ์เวลาโมโหอีก
“ไอ้ลัน! ไอ้ลัน!!!” เสียงคุ้นๆ ดังขึ้นก่อนที่เจ้าของเสียงจะวิ่งเดินออกมาด้วยท่าทางรีบร้อน
“ชิ! อย่าตามกูมาเพราะกูไม่อยากเป็นฆาตกร” ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างรถผมพูดเสียงเย็นเฉียบกับคนที่เพิ่งวิ่งออกมาก่อนจะโบกแท็กซี่ที่บังเอิญวิ่งผ่านมาทันที เอ่อ...ผมกลัวเฮียแกฆ่าแท็กซี่เหลือเกินครับ โชคดีนะแท็กซี่
“ลุกซ์! ลันล่ะ?” เฮียหล่อโหดขึ้นรถไปได้เพียงชั่วครู่ผู้หญิงคนหนึ่งก็วิ่งตามออกมาด้วยสภาพการแต่งตัวที่ไม่เรียบร้อยสักเท่าไหร่ ผมงงกับสถานการณ์ตรงหน้ามากครับ ใครก็ได้บอกผมทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“เธอ...กลับไปซะ!!” ไอ้พี่ลุกซ์ถอนหายใจพยายามข่มอารมณ์โมโหเอาไว้
“แต่ว่า...”
“กูบอกให้มึงกลับไปไง! และไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก!” ไอ้พี่ลุกซ์ตะคอกใส่ผู้หญิงคนเดิม ผมสะดุ้งตกใจไม่คิดว่าพี่ลุกซ์จะพูดกับผู้หญิงแบบนี้ ที่จริงผมก็พูดถ้าโมโหจริงๆ อ่ะนะ
“ลุกซ์ น้ำเป็นแฟนลันนะ!” ผู้หญิงวีนใส่พี่ลุกซ์บ้าง
“เฮอะ! เป็นแฟนน้องแต่มานอนกับพี่ ริจะเอาทั้งพี่ทั้งน้องเป็นผัวว่างั้นเถอะ?” ไอ้พี่ลุกซ์แสยะยิ้มสมเพชจนผู้หญิงน้ำตาคลอ พี่ลุกซ์แรงว่ะ
“ทำไมลุกซ์พูดแบบนี้ น้ำเป็นเพื่อนลุกซ์นะ!”
“เพราะเคยรู้จักหรอกกูถึงไม่ตบมึงให้หน้าแหก รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้และอย่าเข้ามายุ่งกับชีวิตไอ้ลันอีก อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วกูจะไม่กล้าทำอะไร” ไอ้พี่ลุกซ์ถลึงตาพูดด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด ก็พอจะดูออกว่าพี่ลุกซ์เป็นคนที่โหดได้โดยไม่แคร์ห่าอะไรรอบข้างเลย แต่ไม่คิดเลยว่าจะโหดกับผู้หญิงได้ถึงขนาดนี้ และที่สำคัญ...มันจะไม่เลวเกินไปหน่อยเหรอ ถึงขั้นยอมนอนกับผู้หญิงทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นผู้หญิงของน้อง
ผู้หญิงคนนั้นวิ่งเข้าไปในบ้านก่อนจะขับรถออกมา ไอ้พี่ลุกซ์มองตามอย่างฉุนเฉียว เมื่ออารมณ์เย็นลงนิดหน่อยพี่แกก็หันมาเห็นรถของผม ผมว่ารถผมไม่ได้จอดแอบสายตาเลยนะ ทำไมเพิ่งมาเห็นเนี่ย?
“พี่ลุกซ์! พี่ถังให้มารับครับ” ผมพูดเสียงจ๋อยๆ ตอนนี้พี่มันยังโมโหขืนยิ้มแย้มกวนตีนไปตีนพี่แกคงลอยมาประทับหน้าผม
“มึงมาทำเหี้ยอะไร!?!” อ้าว...แล้วเมื่อกี้มึงไม่ได้ฟังเหรอว่ากูมาทำอะไร?
“มารับไปผับครับ” ผมบอก
“กูบอกแล้วไงว่ากูไม่ไป!” ไอ้พี่ลุกซ์พูดเหวี่ยงๆ
“อ้าว...ก็พี่ถังบอกให้มารับ” ผมค้านงงๆ
“ตอนมึงออกมากูคุยกับพี่ถังเสร็จหรือยัง!?! ไสหัวกับไป กูกำลังโมโห!” ไอ้พี่ลุกซ์โบกมือไล่ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในบ้าน ผมเดินตาม
“เครียดๆ แบบนี้ออกไปดื่มซักนิดดีกว่านะครับ อยู่บ้านเครียดๆ ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ไปกับผมดีกว่าเนอะ” ผมพยายามยิ้มให้ดูจริงใจที่สุดแต่เพราะฝืนยิ้มมันก็เลยออกมาเป็นรอยยิ้มกวนโมโห
“มึงอย่ามากวนตีนกูได้ไหม เดี๋ยวแม่งเตะไส้แตกเลยนี่!!” ไอ้พี่ลุกซ์หันมาตั้งท่าจะเตะผมรีบกระโดดหลบตามสัญชาตญาณ
“ผมไม่ได้กวนตีนนะครับ ผมเป็นห่วงกลัวพี่จะคิดมาก” ผมพูดออกมาอย่างจริงจัง ผมชอบเห็นพี่ลุกซ์ตอนโมโหเรื่องของผมซะมากกว่า
“มึงเป็นใคร? อย่าสะเออะมาพูดว่าห่วงกู” ไอ้พี่ลุกซ์ตวัดสายตาคมๆ มองเล่นเอาผมขนลุกพรึ่บไปทั้งตัว สายตาน่ากลัวมากพี่ เหมือนสายตาพี่กำลังจะบอกผมว่า...ถ้าไม่หุบปากกูจะฆ่ามึง
“ผมรักพี่นะครับ” ผมพูดด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่ได้กวนตีนเหมือนครั้งก่อนๆ ตอนนี้อาจจะเป็นโอกาสของผมก็ได้ ต้องรีบสารภาพ ในเวลาแบบนี้จิตใจของพี่ลุกซ์ไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัวเพราะงั้นพี่ลุกซ์อาจจะหันมามองผมบ้าง
ไอ้พี่ลุกซ์ชะงัก หรี่ตามองผมนิดๆ ก่อนจะเดินต่อเพื่อเข้าไปในบ้าน
“ผมรักพี่นะ คบกับผมเถอะ!” ผมยืนนิ่งไม่ได้เดินตามเข้าไปก่อนจะตะโกนบอกอย่างไม่อาย รักใครชอบใครก็ควรบอกออกไปก่อนจะสาย แม้จะไม่ได้รับความรักตอบกลับมาแต่อย่างน้อยก็ได้บอก
“ฮึ! แต่กูเกลียดเด็กอย่างมึงว่ะ!” พี่ลุกซ์หันมาแสยะยิ้มสมเพชก่อนจะเดินลิ่วๆ ไม่สนใจผมที่ยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิม อ่า...ความรักของผมพังทลายลงไปแล้วสินะ ทำไมถึงปฏิเสธกันด้วยท่าทางและคำพูดที่ใจร้ายแบบนั้นล่ะ ผมอุตส่าห์สารภาพอย่างจริงจังแล้วนะครับ ผมจริงจังกับพี่จริงๆ นะ ต่อให้เป็นฝ่ายไหนผมก็ยอมเพื่อพี่นะไอ้พี่ลุกซ์บ้า!! คนใจร้าย!!
“ผมจะทำทุกอย่างให้พี่รับรักผม!!” ผมตะโกนบอกอีกครั้ง
“ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู” พี่ลุกซ์พูดแค่นั้นจากนั้นก็ไม่สนใจผมอีกเลย
แต่ขณะที่ผมกำลังจะหันหลังกลับไอ้พี่ลุกซ์ก็หันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ขนลุกพรึ่บพรั่บอย่างไม่อาจควบคุม เป็นรอยยิ้มที่...ทำให้ผมรู้สึกกลัวจนอยากจะวิ่งหนี
แต่สุดท้ายผมก็หนีไปไหนไม่ได้เมื่อพี่ลุกซ์ชวนขึ้นห้อง ไอ้กลัวก็กลัวอยู่หรอกแต่ถูกชวนแบบนี้ผมจะปฏิเสธได้เหรอครับ? ผมชอบพี่ลุกซ์จนอยากจะได้มาครอบครอง ถึงจะเริ่มต้นด้วยการขึ้นเตียงโดยปราศจากความรักจากอีกฝ่ายก็ตามที
“หันก้นมาสิ” ไอ้พี่ลุกซ์สั่งเมื่อพาผมเดินเข้าไปในห้องนอนกว้างแล้วเรียบร้อย ผมตกใจกับคำพูดของไอ้พี่ลุกซ์
“เอ่อ...” ผมอึกอัก เริ่มอะไรไม่ถูก ก่อนขึ้นเตียงเขาต้องลูบๆ ไล้ๆ จูบกันให้มีอารมณ์ก่อนไม่ใช่หรือไง จู่ๆ มาบอกให้หันก้นไปหาแบบนี้ได้ไงฟะ!
“มึงเห็นผู้หญิงเมื่อกี้ไหม? กูกำลังจะได้กับมันแต่น้องมาซะก่อน ตอนนี้อารมณ์กูมันค้าง ถอดกางเกงแล้วหันมา! อย่าให้กูต้องพูดมาก!” ไอ้พี่ลุกซ์ตะคอกจนผมสะดุ้ง
“ฮะๆ พี่นี่ดุจัง ก่อนขึ้นเตียงเขาต้องเล้าโลมกันก่อนสิครับ ป่าเถื่อนแบบนี้ไม่ได้นะ คิกๆ” ผมแกล้งหัวเราะตามแบบฉบับของตัวเอง ก็ผมไม่อยากเครียดนี่
“มึงหยุดหัวเราะเสแสร้งแบบนั้นได้แล้ว หัวเราะทำไม? คิดว่ามึงยิ้มแล้วคนอื่นจะยิ้มตามเหรอ? เสแสร้งแบบนั้นมันยิ่งกวนโมโหว่ะ!! ต่อหน้ากูมึงไม่ต้องยิ้ม ไม่ต้องหัวเราะ!” ไอ้พี่ลุกซ์สั่ง หน้าผมเจื่อนลงทันที พี่แกพูดถูกเรื่องที่ผมไม่ได้ยิ้มออกมาจากใจ ก็รอยยิ้มนั้นมันเป็นแค่เกราะกำบังความอ่อนแอในใจผมนี่ครับ ผมก็แค่อยากทำตัวให้คนอื่นเห็นว่าร่าเริง คนอื่นๆ เขาจะได้รักผมมากๆ เพราะผมไม่เคยได้รับความรักจากพ่อแม่เลย
“อึก” ผมชะงักหลบสายตา รอยยิ้มของผมเลือนหายไปแทบจะทันทีที่ถูกพูดอย่างนั้น
“ถ้ามึงเล่นตัวนักก็ออกไป! กูไม่ชอบ” ไอ้พี่ลุกซ์พูดก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟากลางห้อง
“เอ่อ...ผม...ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย ผมไม่รู้หรอกครับว่ามันต้องเริ่มอย่างไร” ผมพูดเสียงอ่อย ก็ดูพี่แกบอกสิ เปิดก้นมา! ใครเขาจะทำตาม
“ก็ไม่ยาก แค่ของกูพร้อมกูก็ยัดเข้าไปในก้นมึงไง” ไอ้พี่ลุกซ์พูดเหวี่ยงๆ นายคนนี้ไม่มีความโรแมนติกอยู่ในตัวเลยว่ะ
“เอ่อ...ผมยังไม่มีอารมณ์เลยนะครับ อย่างน้อยก็น่าจะมีอารมณ์ก่อนค่อยทำ” ผมพูดพลางหลบสายตาคมดุที่จ้องมองมา ถึงผมจะหน้าด้านหน้าทนแต่ให้ทำแบบนั้นผมก็อายเป็นเหมือนกันนะ
ไอ้พี่ลุกซ์แสยะปากนิดๆ ก่อนจะปลดเข็มขัดของตัวเองแล้วจับเจ้าลุกซ์น้อยออกมา ผมอึ้ง...ขนาดยังไม่แข็งนะเนี่ย ฉิบหายแล้วกู “ใช้ปากทำให้กู” ไอ้พี่ลุกซ์สั่ง ผมอึ้ง ผมไม่เคยแม้แต่ใช้มือทำให้ผู้ชายด้วยกันเลยสักครั้งและผมก็ไม่เคยใช้ปากทำให้ใครด้วย ทำไมพี่ลุกซ์ถึงสั่งให้ทำอะไรที่ใจร้ายแบบนี้ด้วยนะ กูคิดถูกหรือคิดผิดเนี่ยที่ตามพี่มันขึ้นมา
“ผมไม่เคยทำ” ผมพูดอึกอัก
“งั้นก็เคยซะสิ!” ไอ้พี่ลุกซ์ตะคอกก่อนจะพยักพเยิดให้ผมไปนั่งทำให้ตัวเอง
“งั้นก็เคยซะสิ!” ไอ้พี่ลุกซ์ตะคอกก่อนจะพยักพเยิดให้ผมไปนั่งทำให้ตัวเอง
ผมกัดริมฝีปากก่อนจะเดินไปนั่งคุกเข่าลงตรงกลางระหว่างขาของพี่ลุกซ์ มือสั่นๆ ถูกเอื้อมไปจับที่ลุกซ์น้อย(?)ก่อนจะค่อยๆ เล้าโลมให้พี่มันมีอารมณ์อย่างช้าๆ แต่เพราะผมใช้มือรูดทำให้พี่มันไม่พอใจ มือใหญ่เอื้อมมาบีบแก้มผมก่อนจะกดให้หน้าผมซุกลงที่เป้ากางเกงของตัวเอง ผมขืนตัวไว้ก่อนจะยอมใช้ปากครอบครองแท่งร้อนแต่โดยดี
ผมพยายามดูดดุนและไล้เลียเพื่อให้พี่มันแข็งขึ้นมาซึ่งก็ได้ผล ผมไม่เคยทำมาก่อนผมไม่รู้ว่ามันดีหรือเปล่าแต่ผมก็พยายามที่จะทำให้พี่แกพอใจที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พอเห็นพี่มันเริ่มมีอารมณ์น้องของผมก็เริ่มดันกางเกงอย่างช่วยไม่ได้ แค่นี้กูก็มีอารมณ์ร่วมแล้วเหรอเนี่ย อ่อนหัดจังเปอร์เอ๊ย!
มือหนาจับศีรษะผมก่อนจะโยกในจังหวะที่รุนแรงกว่าเดิม ผมหลับตาปี๋ ส่วนความเป็นชายของพี่มันแน่นคับปากและยาวจนแทบล้วงเข้ามาในคอทำเอาผมเกือบอ้วก ผมไม่สามารถที่จะครอบครองของของพี่มันเข้ามาในปากได้ทั้งหมดเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่ผมน่าจะชาชินกับเรื่องแบบนี้ ทั้งๆ ที่ผมน่าจะสนุกกับเรื่องแบบนี้แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นมือใหม่และรู้สึกเสียใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา
ไอ้พี่ลุกซ์จับหัวผมออกก่อนจะเหวี่ยงผมขึ้นมาบนโซฟา หน้าผมกระแทกกับพนักพิงอย่างแรงก่อนร่างกายผมจะถูกจับพลิกคว่ำ มือหนากดหัวผมให้แนบชิดติดกับเบาะนุ่มๆ
“ตั้งเข่าขึ้น! ไอ้พี่ลุกซ์สั่งก่อนจะบีบเอวผมแรงๆ จนผมสะท้านวาบทั้งตัว
ผมค่อยๆ ตั้งเข่าขึ้นในท่าคลานทั้งๆ ที่หน้ายังถูกกดแนบพื้น มือหนากดหลังผมลงนิดหน่อยจนก้นผมโด่งขึ้นอย่างน่าอาย เคยเห็นแต่คนอื่นทำพอตัวเองทำแล้วกลับรู้สึกอายจนอยากหนีกลับบ้าน พวกผู้หญิงที่ผมเคยให้ทำท่านี้จะรู้สึกอายเหมือนผมไหมนะ? หรือพวกนั้นอาจจะชินแล้วจึงไม่อายอะไรมากมายเหมือนผม
กางเกงลายสก็อตขาสั้นเท่าเข่าของผมถูกดึงลงพร้อมบ็อกเซอร์และชั้นในทำให้มันตกลงไปกองที่เข่า ผมตกใจเมื่อรู้สึกเย็นวาบที่ก้น อึก...ผมคิดผิดแน่ๆ ที่ยอมตามพี่มันขึ้นมา ผมกลัว...กลัวมากจริงๆ
“พี่ลุกซ์อย่า!” เมื่อตัดสินใจที่จะหนีผมจึงรีบดิ้นและร้องห้าม รู้สึกว่ามีอะไรแข็งๆ ร้อนๆ เสียดสีกับร่องบั้นท้าย
“กว่ามึงจะคิดได้ว่าไม่ควรมายุ่งกับกูมันก็สายเกินไปแล้วครับ ฮึๆ” ไอ้พี่ลุกซ์หัวเราะเย็นๆ ก่อนอะไรบางอย่างจะแทรกเข้ามาในตัวของผม
“อ๊าก!!” ผมร้องลั่นเมื่อรู้สึกเจ็บ ร่างกายกระตุกเกร็งอัตโนมัติ พี่ลุกซ์ดันกายเข้ามาได้แค่นิดหน่อยเท่านั้นผมก็รู้สึกแสบและอึดอัดทรมาน
“ซี้ดดดด แม่ง...” ไอ้พี่ลุกซ์ครางในลำคออย่างพอใจทั้งๆ ที่ยังขยับไม่ได้แท้ๆ
“พี่ลุกซ์ผมเจ็บ! เอาออกไปได้ไหม? ผมขอร้อง” ผมพยายามขอร้องอ้อนวอนเพราะรู้สึกเจ็บแสบทรมาน ทั้งๆ ที่รู้ว่าผมเป็นผู้ชายแต่พี่ลุกซ์ไม่คิดที่จะใช้สารหล่อลื่นเลย
“แม่ง...ลืมใส่ถุงยาง” ไอ้พี่ลุกซ์พูดออกมาอย่างนึกขึ้นได้แต่ไม่คิดที่จะถอดถอนกายตัวเองออกไปซ้ำยังฝืนยัดเข้ามาจนมิดด้าม
“อ๊ากกกก อึก อือออ พี่ลุกซ์ผมเจ็บ อ๊ะ” ผมร้องออกมาลั่น รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังแบ่งส่วน ผมกระตุกเกร็งด้วยความเจ็บและจุก มันเป็นครั้งแรกที่ผมถูกรุกล้ำเข้ามาและเป็นครั้งแรกของผมกับผู้ชาย “ยะ...อย่าขยับ...ผมเจ็บ อือออ” ผมบอกเมื่อไอ้พี่ลุกซ์ฝืนขยับทั้งๆ ที่ผมยังรัดแน่น พี่ลุกซ์ไม่ฟังคำขอของผมและฝืนขยับเข้าออก ผมรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองกำลังฉีกขาด
“ซี้ดดดด แน่นดีฉิบหาย” ไอ้พี่ลุกซ์ใช้มือประคองสะโพกของผมก่อนจะกระแทกเข้ามาด้วยจังหวะรุนแรง ผมร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
เย็นชา...สัมผัสของพี่ลุกซ์ไม่มีคำว่าอ่อนโยนเลยสักนิด มีแต่ความเย็นชาจนหัวใจผมบีบรัด เจ็บ...เจ็บทั้งกายและใจ เหมือนถูกคนรักหักหลังทั้งๆ ที่เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมรัก...แต่พี่ลุกซ์เกลียด... ที่พี่แกทำกับผมแบบนี้ก็เพียงเพราะอารมณ์มันค้างมาจากผู้หญิงที่พี่ลุกซ์แย่งน้องมา พี่ลุกซ์ใจร้าย...ทั้งกับน้องชายแท้ๆ และกับผม ทำไมถึงโหดได้ขนาดนี้? พี่ตอบแทนความรักของผมด้วยการทำอย่างเย็นชาอย่างนั้นหรือ
“ฮึก!!” ผมสะอื้นเบาๆ อย่างห้ามไม่อยู่ ทำไมล่ะ? ทำไมผมถึงร้องไห้ล่ะ? กับเรื่องหัวใจผมไม่เคยคิดจะร้องไห้เลยสักครั้งแล้วทำไมครั้งนี้ผมถึง...?
“อย่าทำเป็นสำออย น้ำตาของมึงไม่ได้ทำให้กูซาบซึ้งหรอกนะ ฮึ!!” ไอ้พี่ลุกซ์พูดดูถูกก่อนจะเร่งจังหวะจนตัวผมโยกและสั่นคลอนอย่างรุนแรง
ผมยอมรับ...ถึงตอนแรกจะเจ็บปวดทรมานพอนานเข้าผมกลับรู้สึกมีอารมณ์และเสียวมากจนต้องใช้มือจับน้องของตัวเองเพื่อปลดปล่อยอารมณ์
ผมคิด...คิดว่าทำไมตัวเองถึงรักพี่ลุกซ์จนเกลียดพี่มันไม่ลงทั้งๆ ที่พี่มันทำกับผมถึงขนาดนี้ เหตุผลที่ทำให้ผมเกลียดมันมีเยอะแยะมากมายแต่เหตุผลที่ผมรักกลับไม่ปรากฏเลย เจอกันครั้งแรกก็ไม่มีอะไรน่าประทับใจ พี่มันไม่เคยยิ้มให้ผมหรือพูดดีๆ กับผมสักครั้ง มีแต่ตะคอกและด่า แต่ถึงอย่างนั้นผมกลับรู้สึกรักจนกล้าที่จะยอมทำทุกอย่างตามที่พี่แกต้องการแม้เรื่องนั้นจะฝืนใจผมก็ตามที
RRRRRR
ของบางอย่างสั่นอย่างรุนแรงอยู่ที่หัวเข่าก่อนเสียงริงโทนจะดังขึ้นมา อึก! พี่ถัง! ต้องเป็นพี่ถังแน่ๆ
“พี่ลุกซ์หยุดเถอะครับ อึก อา! พี่ถังโทรมา อ๊ะ!” ผมบอกเสียงสั่นก่อนจะพยายามเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ พี่ถัง...ช่วยผมด้วย!!
“ก็ลองรับดูสิ อยากให้พี่ชายมึงได้ยินเสียงครางของตัวเองนักก็รับเลยสิ ฮึๆๆ” ไอ้พี่ลุกซ์หัวเราะเย็นๆ ก่อนจะตบแก้มก้นของผมจนผมสะดุ้ง ไอ้พี่นี่แม่งโรคจิต
“พี่ลุกซ์ ฮือ! ผมขอร้อง!” ผมพยายามอ้อนวอน ยิ่งอ้อนวอนมากเท่าไหร่น้ำตาของผมก็ยิ่งไหลมากเท่านั้น
“กูห้ามมึงเหรอ? อยากรับก็รับไปสิ” ไอ้พี่ลุกซ์พูดแต่ก็ยังขยับเอวถี่รัวจนผมหายใจไม่ทัน
“พี่ลุกซ์...เอาออกก่อนนะ อ๊ะ อา...นะครับ ฮึก...ผมขอร้อง...” ผมทั้งสะอื้นทั้งครางอย่างอดไม่อยู่ มืออีกมือของผมก็ช่วยตัวเองอยู่เพราะอยากรีบๆ ปลดปล่อยเสียที
“กูไม่เอาออก อา...แม่ง...มึงรัดกูดีขนาดนี้ยังจะบอกให้กูเอาออกอีกเหรอ? ฮึๆๆ” ไอ้พี่ลุกซ์พูดไปครางเสียงต่ำไปและยังคงกระแทกเข้ามาด้วยจังหวะที่หนักหน่วง
ผมกัดริมฝีปากปล่อยน้ำตาออกมา มือก็กำโทรศัพท์เอาไว้แน่น พี่ถัง...ช่วยผมด้วย!
พี่มันกระแทกเข้ามาอีกนับครั้งไม่ถ้วนก่อนจะหยุดนิ่ง บางอย่างในกายของผมกระตุกก่อนน้ำอุ่นๆ จะฉีดสู่ช่องทางซึ่งผมเองก็ฉีดน้ำออกมาจนเลอะมือและโซฟา พี่มันถอนกายออกไปก่อนจะใส่กางเกงตัวเองให้เรียบร้อย ผมทิ้งกายนอนคว่ำลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน ผมรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆ ที่กำลังไหลออกมาเลอะง่ามขา กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วโซฟา ก็ครั้งแรกนี่เนอะ...อีกทั้งยังไม่มีการเล้าโลมเบิกทางหรือใช้สารหล่อลื่นจะมีเลือดออกก็ไม่แปลกอะไร
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ตอนนี้อิพี่ลุกซ์โหดร้ายมากกกกกก ทำให้ทำอย่างนั้นและพี่ลุกซ์ อ่อนโยนหน่อยได้ป่ะ?? เปอร์ลูก...บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปกวนตีนหรือไปยั่วโมโหพี่เขา โดนเลยเห็นไหม? ว่าแต่...พี่ถังอ่ะพี่ถัง!! ทำไมจะไปแล้วล่ะ เปิดตัวมาเด่นๆ ก็ทิ้งบทไปแบบนี้ได้ไงฮะ!! กระซิกๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ