ซวยฉิบหาย! ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก

10.0

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.59 น.

  15 ตอน
  5 วิจารณ์
  38.77K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 22.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) Chapter11 : พี่รหัส

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter11 : พี่รหัสสาวๆ ในคลังของลุกซ์

 

                ผมอยู่ร่วมงานเลี้ยงต้อนรับไอ้พี่ถังได้ไม่นานพ่อก็โทรตามไปเก็บของเพื่อย้ายออกจากบ้านเนื่องจากผมขอออกไปอยู่ที่คอนโดใกล้ๆ มหาวิทยาลัยเพราะอยากจะหัดดูแลตัวเองดูสักครั้งซึ่งแน่นอนว่าตอนแรกพ่อกับแม่ไม่ยอมอย่างเด็ดขาดแต่พอผมดื้อจะเอาให้ได้ในที่สุดทั้งสองก็ต้องตกลงและหาเช่าคอนโดให้ผมเนื่องจากคอนโดที่พ่อไปจองไว้หวังจะซื้อยังสร้างไม่เสร็จ

                แต่คอนโดที่พ่อเช่าให้มันทำให้ผมไม่อยากอยู่เพราะมันเป็นคอนโดเดียวกับพี่ลุกซ์และห้องของผมดันอยู่ตรงข้ามกับห้องของพี่มันเสียอย่างนั้น  ถ้าพี่มันรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ผมจะต้องถูกหาว่าตามพี่มันมาแน่ๆ  แต่เสียใจนะที่ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น  แต่ถ้าผมไม่อยู่ที่นี่พ่อก็จะให้กลับบ้าน  เห็นว่าคนรู้จักแนะนำให้มาอยู่ที่นี่ก่อน

                ตั้งแต่พ่อกับแม่มาส่งผมเข้าคอนโดพวกท่านก็บ่นไม่หยุด  ทั้งดราม่าทั้งดุด่าเพราะไม่อยากให้ผมไปอยู่ไกลหูไกลตาแต่ที่จริงก็ไม่ได้ไกลอะไรมากมาย  อยากมาหาก็มาตอนไหนก็ได้นี่นา

                หลังจากที่พ่อแม่กลับไปแล้วเจ้าของห้องตรงข้ามก็กลับมาผมจึงรีบผลุบเข้าไปในห้องของตัวเอง  ภาพที่เห็นทำให้ผมปวดใจเมื่อพี่มันเดินเซๆ ไปที่ห้องโดยมีหญิงสาวรูปร่างอวบอัดน่าจับน่าไซร้พยุงตัวกลับมา  ท่าทางพี่มันจะไปต่อกับสาวๆ หลังงานเลี้ยงไอ้พี่ถังสินะ

                ผมถอนหายใจก่อนจะปิดประตูให้สนิท  ผมเองก็เหนื่อยเพราะเพิ่งจัดของเสร็จก่อนพี่มันจะมาแป๊บเดียวเอง  ผมไม่ควรจะคิดมากเรื่องพี่ลุกซ์อีกแล้วเพราะมันจะทำให้ผมจมปลักอยู่กับวังวนเดิมๆ  ผมว่าการที่ผมได้มาอยู่ใกล้ๆ พี่ลุกซ์มันอาจจะส่งผลดีต่อผมก็ได้เพราะมันจะทำให้หัวใจของผมด้านชาเพราะความเจ็บซ้ำๆ มันจะทำให้ผมรู้สึกชินไปเอง

 

                พี่ถังกลับมาได้สองวันผมก็ต้องไปมหาวิทยาลัย  พี่มันถูกพวกพี่ปีสามที่เป็นเจ้างานจัดงานรับน้องเชิญไปแนะแนวน้องใหม่อย่างพวกผมในฐานะรุ่นพี่ที่จบไปแล้วและประสบความสำเร็จจนได้งานดีๆ ทำและได้ไปศึกษาต่อต่างประเทศ

                หลังจากที่หลายๆ คนให้โอวาทและเปิดงานรับน้องอย่างเป็นทางการแล้ว พวกน้องใหม่อย่างผมก็ถูกพี่สต๊าฟทั้งหลายพาไปเข้าฐานโดยแบ่งกลุ่มกันเพื่อไปด้วยกันและปิดตาจับมือกันเดินตามการชักจูงของพี่สต๊าฟอย่างระแวดระวังเพราะกลัวจะเจออะไรแปลกๆ เข้า

                เนื่องจากตาถูกปิดเอาไว้ทำให้ผมไม่อาจจะรู้ได้ว่าสิ่งที่ตัวเองเดินเข้าไปหานั้นคืออะไร  พี่สต๊าฟบอกให้ทำอะไรก็ต้องทำ  อย่างเช่นบอกให้คลานก็ต้องคลานทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะคลานทำไม  กว่าจะหลุดออกมาได้แต่ละฐานตัวผมก็ถูกชโลมไปด้วยน้ำหวานเหนียวๆ และดินโคลนที่ตัวเองมุดไปเกลือกกลิ้งเพราะเป็นคำสั่งของสต๊าฟและเราก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเลี่ยงไม่ได้  ไอ้ผมก็อุตส่าห์ภาวนาให้พี่ถังมาช่วยไม่ให้ผมถูกแกล้งแต่ที่ไหนได้ไอ้พี่ถังนั่นแหละตัวดีวิ่งมาแกล้งผมซะทุกฐาน  ผมรู้ได้จากเสียงของพี่มันนั่นแหละ  เสียงแหบทุ้มๆ เป็นเอกลักษณ์แบบนั้นทำไมผมจะจำไม่ได้

                เวลาล่วงเลยไปจนถึงบ่ายแก่ๆ พวกโหดๆ ก็ยิ่งออกมาว้ากใส่และนั่นทำให้ผมต้องเจอกับพี่ลุกซ์อย่างเสียไม่ได้เพราะพี่มันเป็นประธานปกครองปีสามและน่าแปลกตรงที่น้องชายของพี่ลุกซ์นั้นเป็นประธานปกครองปีสอง  นี่กะจะโหดทั้งพี่ทั้งน้องหรือไง  ไม่รู้ว่าผมคิดผิดหรือคิดถูกที่เคยรู้สึกว่าคนหน้านิ่งๆ อย่างพี่ลันน่าจะเป็นคนใจดี  พอมาเจอโหมดว้ากเท่านั้นแหละผมไปไม่เป็นเลยทีเดียว

                ขั้นสุดท้ายของการรับน้องครั้งนี้ก็คือตามหาพี่รหัสโดยตามหาจากชื่อของคนคนนั้น  ผมมองกระดาษที่เขียนชื่อพี่รหัสของผมก่อนจะถอนหายใจ  ผมจะไปหาไอ้พี่ที่ชื่อรุจิกรจากไหนล่ะเนี่ย?

                “ถัง...กูไม่รู้จักพี่รหัสว่ะ” ผมเดินไปหาไอ้พี่ถังที่นั่งคุยกับรุ่นน้องของตัวเองอย่างออกรสก่อนจะถาม  ไอ้พี่ถังมันมานั่งรอผมตั้งแต่เช้าถึงเย็นเลยล่ะครับ  แต่ถึงอยากกลับมันก็กลับไม่ได้อยู่ดีเพราะถูกรุ่นน้องดึงตัวเอาไว้  ท่าทางจะเป็นคนดังนะเนี่ยพี่ชายผม

                “พวกมึง! ช่วยน้องกูหน่อย” ไอ้พี่ถังมองผมก่อนจะหันไปพูดกับน้องๆ ของตัวเองที่พร้อมใจกันหันมามองผมเป็นตาเดียว  ถามว่าผมอายไหมที่ถูกสายตาหลายคู่มอง...ผมตอบได้อย่างชัดเจนครับว่าไม่อายเพราะผมหน้าด้านไง  วะฮะฮ่า!

                “ผมจำชื่อเด็กปีสองไม่ได้ซักคน” พี่ผู้ชายหน้าโหดคนหนึ่งพูดขึ้นทำให้เสียงของคนอื่นๆ ดังตามมาด้วยประโยคที่คล้ายคลึงกัน

                “ไอ้ลุกซ์! มึงจำชื่อน้องๆ ได้ตั้งหลายคนไม่ใช่หรือไง  ช่วยน้องเฮียหน่อยดิวะ” ประโยคของรุ่นพี่คนหนึ่งทำให้ผมสะดุ้งก่อนจะกวาดสายตามองรอบๆ ให้ชัดๆ อีกครั้งก่อนที่พี่ลุกซ์ที่นอนราบอยู่บนม้านั่งตัวยาวจะลุกขึ้นนั่งทำให้ผมรู้ว่าพี่ลุกซ์เองก็อยู่รวมกับคนพวกนี้เหมือนกัน  และคนที่นั่งหลบมุมอยู่ข้างๆ ม้านั่งที่พี่ลุกซ์นอนนั้นก็คือพี่กีร์กับพี่บัมพ์ที่เป็นเพื่อนในกลุ่มของพี่ลุกซ์กับพี่เคย์นั่นเอง  ผมไม่ทันสังเกตเห็นคนพวกนี้เลยเพราะพวกเขานั่งหลบอยู่ที่มุมทำให้คนอื่นๆ นั่งบังเอาไว้

                “ไม่ช่วย” พี่ลุกซ์ตอบนิ่งๆ ทำให้คนอื่นๆ หันไปมองพี่แกอย่างสงสัย

                “ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้มรับกับคำตอบนั้น  ผมไม่เสียใจที่พี่มันไม่ช่วยเพราะผมก็ไม่ได้คาดหวังไว้ตั้งแต่แรกว่าจะได้รับความเมตตาจากพี่มัน

                “พี่รหัสชื่ออะไรล่ะ?” พี่กีร์ถามขึ้นพี่ลุกซ์จึงหันไปมองเพื่อนด้วยสายตาเซ็งๆ

                “รุจิกรครับ” ผมตอบพร้อมรอยยิ้ม

                พี่กีร์ชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะหันไปมองพี่ลุกซ์ซึ่งดูท่าทางพี่มันจะเซ็งหนักกว่าเดิม  ทำไมล่ะ? หรือว่ารุจิกรคือชื่อของพี่ลุกซ์?  แต่จะเป็นได้ไงเมื่อพี่รหัสของผมต้องอยู่ปีสองแต่พี่ลุกซ์น่ะอยู่ปีสามต่างหาก

                “อยู่ในกลุ่มนั้นน่ะ  ไปหาเองละกัน” ไอ้พี่กีร์มองซ้ายขวาหน้าหลังก่อนจะชี้ไปที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ที่มีผู้ชายตัวสูงๆ นั่งรวมกันอยู่ 3คนผมจึงรีบดิ่งเข้าไปหาพี่รหัสของตัวเองทันที

 

                “ขอโทษนะครับ  คือว่าพี่คนไหนชื่อรุจิกรเหรอครับ? ผมชื่อปริณเป็นน้องรหัส” ผมพูดพลางไล่มองหน้าคนสามคนในกลุ่มนั้น  ตอนแรกผมมองเห็นแค่สองคนที่นั่งหันห้าเข้ามาหาผมแต่พอเสียงผมดังขึ้นคนที่นั่งหันหลังก็หันมาซึ่งนั่นทำให้ผมตกใจจนเผลอก้าวถอยหลัง

                “กูเอง” ไอ้พี่ลันตอบหน้านิ่ง  ผมยิ้ม  รู้สึกดีใจที่อย่างน้อยพี่รหัสของผมดูจะไม่ใช่คนเลวร้ายเหมือนพี่ชายของเขา

                “ไง โชคร้ายหน่อยนะที่ได้ไอ้นี่เป็นพี่รหัส ฮ่าๆ” ผู้ชายตัวดำที่นั่งรวมอยู่กับคนขาวสองคนพูดขึ้น  ผมมองหน้าพี่แกนิดๆ ก่อนจะยิ้มให้เพื่อเป็นการผูกมิตร  ขืนทำอะไรให้ไม่พอใจขึ้นมาผมอาจจะถูกผู้ชายหน้าโหดฉิบหายคนนี้ฆ่าหมกส้วมมหาลัยจนกลายเป็นเรื่องเล่าสยองขวัญก็ได้

                แต่พอมองหน้าเพื่อนอีกสองคนพี่ลันดีๆ ผมกลับรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา

                “อ้า! กูจำได้แล้ว!” จู่ๆ ไอ้พี่หน้าหล่อเทียบเคียงพี่ลันแต่หล่อคนละแบบก็ตะโกนขึ้นมาก่อนจะชี้หน้าผมเหมือนกับนึกอะไรออก  ผมชี้หน้าตัวเองก่อนจะยิ้มปัญญาอ่อนเพื่อเป็นการเร่งให้พี่มันพูดออกมาว่าพี่มันจำอะไรเกี่ยวกับผมได้ “ไอ้เด็กที่ไปช่วยมึงที่โกดังไง ใช่ป่ะ?” พี่คนเดิมหันไปถามพี่ลัน  พี่ลันพยักหน้าหงึกหงัก  ผมยิ้มแต้อย่างดีใจที่การกระทำโง่ๆ ของผมถือว่าเป็นการช่วยเหลือคนอื่น

                “อ๋อ ไอ้คนที่มาช่วยมึงแต่ถูกอัดซะเองน่ะเหรอ? กูก็มองๆ อยู่แต่เข้าไปช่วยไม่ได้เพราะรอบข้างกูศัตรูเยอะเกิ๊น” ไอ้พี่ดำพูด  อ้อ...ผมคุ้นหน้าคุ้นตาพวกพี่มันจากเรื่องตอนอยู่ที่โกดังนั่นเอง

                “มึงไปที่นั่นได้ไง?” ไอ้พี่ลันถามเสียงเย็นเหมือนกับสงสัยมานานว่าผมสลอนไปอยู่ที่นั่นได้ไง

                “ผม...ไปกับพี่ชายพี่ครับ” ผมบอกก่อนจะยิ้มนิดๆ แต่อาจจะเป็นรอยยิ้มฝืนๆ เพราะเรื่องที่โกดังนั่นแหละที่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดที่สุด  จะขับไสไล่ส่งผมอย่างไรผมพอทนแต่ปล่อยให้ผมถูกตำรวจจับทั้งๆ ที่รู้ว่าผมออกจากบ้านไม่มีอะไรติดตัวสักอย่างแบบนั้นผมรับไม่ได้จริงๆ

                “ชิ! มึงเป็นลูกน้องมันเหรอ? ถ้างั้นไม่ต้องมายุ่งกับกู” ไอ้พี่ลันทำหน้าอารมณ์เสียจนผมตกใจกลัว  เวลาเห็นหน้าโมโหของพี่มันแล้วผมรู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณของผมมันกำลังถูกสูบออกจากร่าง  ทำหน้าโมโหได้น่ากลัวฉิบหาย  สมกับเป็นประธานปกครองปีสองจริงๆ

                “เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นลูกน้องของเขาหรอก  ก็เป็นแค่...คนรู้จัก” ผมพูดยิ้มๆ ใช่...เป็นแค่คนรู้จักเท่านั้นเพราะผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพี่ลุกซ์เลยนอกจากความใจร้ายใจดำและพี่ลุกซ์เองก็คงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผมนอกเลยนอกจากความหน้าด้านหน้าทนเหมือนกัน  ใช่แล้วเปอร์...กับคนที่ไม่รู้จักมึงรู้สึกรักได้ไง?

                “ก็ดี  รู้ไว้ซะว่ากูกับมันไม่ถูกกัน” ไอ้พี่ลันกดเสียงให้ต่ำลงจนผมหนาวสะท้าน

                “คระ...ครับ” ผมพยักหน้าอย่างรวดเร็ว  ผมพอจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับพี่น้องคู่นี้เพราะผมอยู่ในเหตุการณ์ที่เขาทะเลาะกันขั้นรุนแรง  ตอนนั้นสีหน้าของพี่ลันมันดูแย่มาก  เหมือนคนที่ถูกหักหลังซ้ำร้ายคนที่หักหลังกลับเป็นพี่น้องที่คลานตามกันออกมา

                ขนาดกับน้องแท้ๆ ที่พี่ลุกซ์รักยังทำได้ถึงขนาดนี้  แล้วกับคนที่ไม่รู้จักแถมยังเกลียดอย่างผมพี่มันจะทำถึงขนาดไหน  แค่ระหว่างที่ผมอยู่กับพี่มันผมก็แทบตาย  ถ้ายิ่งได้อยู่ใกล้ชิดกันผมคงจะยิ่งเจ็บหนักมากกว่าเดิม  แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนไปแล้วไง  ผมอาจจะยังรักพี่มันอยู่แต่ผมคงไม่หาเรื่องให้ตัวเองเจ็บกายเจ็บใจอีกแล้วล่ะ  ผมเหนื่อย

                พอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองโง่จนยอมให้พี่ลุกซ์ทำร้ายผมก็เผลอกำมือแน่น  แผลเป็นที่มือข้างขวาเป็นเครื่องเตือนใจให้ผมไม่คิดจะทำอะไรโง่ๆ อีก  แผลเป็นนี้ทำให้มือข้างขวาของผมขยับไม่ได้ดั่งใจเหมือนเคยเพราะมันไม่ได้รับการรักษาอย่างดีเท่าที่ควร  เวลาต้องเขียนหรือจดอะไรก็ตามผมจะเขียนได้ช้าลงมากเพราะมันรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่

                “งั้นวันนี้ผมกลับได้แล้วใช่ไหมครับ?” ผมถาม

                “ยัง คืนนี้มีนัดเลี้ยงเหล้าที่ร้านหลังมอ  มึงเป็นน้องของประธานปกครองปีสอง มันเป็นมารยาทที่จะต้องไป” ไอ้พี่ดำพูด  ผมขมวดคิ้ว  ดูจากหน้ากวนตีนๆ ของเพื่อนทั้งสองคนของพี่ลันแล้วผมรู้สึกหวั่นๆ ยังไงชอบกล  จะถูกแกล้งไหมกู?

                “ว่าแต่มึงชื่ออะไร?” พี่อีกคนถาม

                “เปอร์ครับ...คูเปอร์” ผมตอบ  พวกพี่มันพยักหน้าขึ้นลงก่อนจะบอกชื่อบ้างทำให้ผมรู้ว่าไอ้พี่ดำชื่อไทส่วนพี่หล่ออีกคนชื่อขลุ่ย  ไอ้พี่ไทน่ะไม่ใช่ว่าไม่หล่อนะครับ  แต่ดูพี่มันทำตัวสิ ตัดสกินเฮดไว้เคราแถมยังชอบทำหน้าโหดอีกต่างหาก  ถึงแม้ว่าเวลายิ้มหน้าพี่มันจะดูรั่วๆ ก็เหอะแต่อย่างไรผมก็แอบหวั่นๆ อยู่ดี  ผมกลัวพี่มันเป็นคนนิสัยเลวร้ายที่ชอบแกล้งเด็กใหม่จริงๆ

 

                และก็เป็นดังคาดเมื่อไอ้สามซี้คู่หูนั่นบังคับให้ผมกินเหล้าที่ตัวเองผลัดกันชงซึ่งมันเข้มมาก  คนที่ดูจะมีความปรานีหน่อยนี่คงจะเป็นพี่ขลุ่ยเพราะพี่มันสงสารผมจึงชงเหล้าอ่อนๆ ให้  ผมต้องกินเหล้าเข้มสลับอ่อนไปมาจนเริ่มมึน  ผมชอบกินเหล้าก็จริงแต่ให้กินแบบกล้ำกลืนมันก็ไม่ไหวนะครับ

                “เฮ้ยพวกมึง  หยุดมอมเหล้าน้องกูได้แล้วมั้ง” เสียงคุ้นหูดังขึ้นด้านหลังผมจึงหันไปมองก็พบว่าเป็นไอ้พี่ถังกับพี่เคย์ที่เดินมาช่วยผมเอาไว้  พวกมึงมาช้าไปปะวะ? กูแดกจนมึนจนเห็นดาวหมุนวิ้งๆ อยู่บนหัวแล้วเนี่ย

                ตอนที่มาร้านเหล้าไอ้พี่ถังกับพี่เคย์ก็มาด้วย  พี่ถังน่ะถูกรุ่นน้องลากมาส่วนพี่เคย์ก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับพี่ลุกซ์เพียงแต่เรียนคนละคณะ  ถึงพวกพี่มันจะมาที่นี่เพื่อดูแลผมไปด้วยแต่พวกพี่มันก็ถูกดึงตัวเอาไว้จนต้องนั่งแยกโต๊ะกับผม  ผมน่ะได้มานั่งร่วมโต๊ะกับพี่ลันขลุ่ยเสือโดยมีสาวๆ นมอึ๋มมาให้ลวนลามเป็นระยะๆ  สาวๆ พวกนั้นส่วนมากจะเป็นเด็กพี่ลัน  เห็นนิ่งๆ แบบนี้แต่ดูเจ้าชู้ไม่หยอกเลยแฮะต่างจากไอ้พี่ขลุ่ยที่ท่าทางเจ้าชู้แต่กลับไม่ได้เล่นหูเล่นตากับสาวเท่าที่ควร  ส่วนพี่ไทอย่าพูดถึง  ถึงจะเป็นเด็กของเพื่อนพี่มันก็เอาครับ

                “หือ? ไอ้นี่เป็นน้องพี่ถังเหรอครับ?” ไอ้พี่ไทชี้มาที่ผม

                “เออสิ เดี๋ยวกูเอามันไปนั่งด้วยละกัน  เกิดมันเมาอ้วกแตกขึ้นมาจะลำบากพวกมึงซะเปล่าๆ” ไอ้พี่ถังพูดผมจึงลุกขึ้นเดินเซๆ ไปหาพี่มันโดยอัตโนมัติ  ผมฟุบหน้าลงที่ไหล่หนาก่อนจะทิ้งน้ำหนักไปหาพี่มันจนพี่มันต้องยกมือขึ้นพยุงผมเอาไว้

                พี่ถังกับพี่เคย์พาผมมานั่งที่โต๊ะของพวกพี่มันที่มีคนไม่เยอะอย่างที่คิดไว้แต่มีคนแวะมาชนแก้วกันเยอะพอสมควร  ที่โต๊ะนี้มีแค่พี่ถังกับทีมติวเตอร์อีกสี่คนที่ผมคุ้นหน้ากันดีและพี่เคย์  ผมนั่งโซฟาเดียวกันกับพี่เคย์เพราะพี่ถังมันนั่งโซฟาตัวเดี่ยวที่มีที่ว่างสำหรับคนเดียวเท่านั้น  ผมหลับตาเอนตัวพิงไหล่พี่เคย์เพราะผมไม่สามารถทรงตัวได้ด้วยตัวเอง

                ปกติผมไม่ชอบอ้อนใครแต่พอมาเจอกับพี่ลุกซ์ผมก็รู้สึกอยากอ้อนทันที  ไม่ได้อยากอ้อนพี่ลุกซ์แต่อยากอ้อนพี่ชายเพราะผมอยากจะมีที่พึ่งพิง  ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว

                “พี่เคย์...อยากกินเหล้า” ผมพูดเสียงยานคางพลางยื่นมือออกไปหวังจะเอาแก้วเหล้าที่จ่ออยู่ที่ปากบางสีส้มๆ นั่นทั้งๆ ที่หน้าของผมยังซบอยู่ที่ไหล่แกร่ง

                “เมาแล้วนะเราน่ะ” พี่เคย์พูดก่อนจะเบี่ยงแก้วเหล้าไปในทิศที่ผมเอื้อมไม่ถึง

               

                ร่างสูงโปร่งเอนตัวซบไหล่แกร่งก่อนจะเอ่ยปากขอเหล้าพลางพยายามตะเกียกตะกายจะเอาแก้วเหล้าในมือหนาทำให้เจ้าของมือต้องเบี่ยงแก้วเหล้าหลบ

                “ไม่มาววว” ร่างโปร่งเบียดตัวไซร้หนุ่มนายแบบที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างออดอ้อนโดยที่ตัวเองคงไม่รู้เลยว่าหน้าแดงๆ นั่นทำให้คนเดินแวะเวียนมาอดไม่ได้ที่จะจ้องมอง

                “อย่าดื้อน่า” เคย์ยกแขนขึ้นล็อคคอเพรียวไว้เพื่อไม่ให้ร่างโปร่งดิ้นไปมา

                “เคย์ มึงมานั่งนี่  เดี๋ยวกูจัดการเอง” ถังพูดเมื่อเห็นว่าน้องชายเริ่มจะไปกันใหญ่  หลังจากที่รู้ว่าน้องตัวเองเคยมีอะไรกับลุกซ์มาก่อนเขาก็เริ่มไม่อยากให้น้องใกล้ชิดผู้ชายเพราะกลัวว่าความน่ารักของน้องจะทำให้พวกผู้ชายคิดอะไรไม่ดีด้วย  แม้จะไว้ใจเคย์มากแต่ก็กลัวเพราะขนาดลุกซ์ที่เป็นรุ่นน้องคนโปรดยังกล้าทำกับน้องที่เขารักมากได้

                “เปอร์  ถ้าดื้อมากเดี๋ยวพี่ถังดุนะ” เคย์พูดดุๆ ก่อนจะดันร่างเปอร์ให้พิงกับพนักพิงเพื่อจะลุกให้ถังมานั่งแทนที่แต่เปอร์ดันไม่ยอมนั่งดีๆ แล้วเอนตัวลงนอนซบตักแกร่ง  เคย์อ้าปากค้างอย่างตะลึงก่อนจะหัวเราะออกมาขำๆ กับท่าทางของเปอร์  ถังเองก็ยิ้มออกมา  ถึงเปอร์จะสร้างปัญหามาให้เขาตลอดแต่เด็กคนนี้ก็ทำให้เขามีความสุข  ชีวิตของเขามีสีสันขึ้นก็เพราะน้องชายจอมป่วนอย่างเปอร์นี่แหละ

                ปึก!

                เสียงแก้วเหล้ากระแทกลงบนโต๊ะไม้เนื้อดีทำให้คนที่ยิ้มอยู่หันไปมองอย่างสงสัย  เป็นลุกซ์นั่นเองที่เป็นคนทำลายบรรยากาศที่ดูอบอุ่น  คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแสดงความหงุดหงิดออกมาอย่างชัดเจนจนคนร่วมโต๊ะนั่งเงียบ

                “ไปสูบบุหรี่” ลุกซ์พูดเสียงเรียบผิดกับหน้าตาที่ยุ่งเหยิงก่อนจะลุกเดินออกไปนอกร้าน

                “อะไรของมัน? สูบในร้านก็ได้นี่หว่า” กีร์เพื่อนผู้ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของลุกซ์และเปอร์พูดออกมาอย่างงงๆ

                เคย์กับถังมองหน้ากันเหมือนจะถามแต่ต่างคนต่างก็ไม่รู้ว่าลุกซ์เป็นอะไรจึงได้แต่ส่ายหน้า

 

                ลุกซ์กลับเข้ามานั่งที่โต๊ะโดยมีสาวสวยอวบอัดนุ่งน้อยห่มน้อยควงแขนเข้ามาด้วย  พวกเพื่อนๆ ต่างก็ส่ายหน้าอย่างระอากับความมักมากของเพื่อน  ไม่รู้ว่ามันมีความต้องการทางเพศมากแค่ไหนแต่เท่าที่เห็นมันแทบไม่เคยขาดผู้หญิงข้างกาย

                “มึงไปสูบบุหรี่ท่าไหนวะเนี่ย” เคย์ถามพลางขมวดคิ้วนิดๆ  ระหว่างที่ลุกซ์ไปสูบบุหรี่ข้างนอกเปอร์ก็เริ่มสร่างเมานิดๆ หลังจากได้เข้าห้องน้ำและตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังนั่งมองหน้าลุกซ์นิ่งๆ เหมือนคนเหม่อ  สักพักปากที่แดงสดก็เม้มเข้าหากัน  หางคิ้วลู่ลงเหมือนกำลังเศร้า

                “ฮึ!” ลุกซ์กระตุกยิ้มนิดๆ ไม่ตอบคำถามของเคย์ก่อนขายาวๆ จะขยับยกขึ้นไขว้กันพร้อมกับแผ่นหลังกว้างที่แนบลงกับพนักพิง

                เคย์ไม่ได้พูดอะไรต่อ  ผ่านไปสักพักร่างโปร่งบางข้างๆ ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินเซๆ ไปที่นั่งฝั่งของลุกซ์

                “ลุกออกไปเด๊ะ!” มือเรียวดึงข้อมือของหญิงสาวที่กำลังนัวเนียกับลุกซ์โดยไม่สนใจรอบข้างก่อนจะออกแรงฉุดให้เจ้าหล่อนลุกออกไป

                “อ๊าย! อะไรกันเนี่ย!?!” หญิงสาวตวาดอย่างไม่พอใจที่ถูกกระชากให้ออกห่างจากชายหนุ่มรูปหล่อที่หล่อนหวังจะนอนด้วย

                “อะไรเจ๊! คนนี้ของกูโว้ย!” เปอร์พูดออกมาจากจิตใต้สำนึกโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัวพลางเดินไปนั่งลงบนตักของลุกซ์พร้อมกับยกแขนขึ้นโอบรอบคอร่างสูง  หญิงสาวกรีดร้องอย่างเจ็บใจก่อนจะเดินกระแทกส้นจากไปอย่างโมโห

                ลุกซ์มองตามหญิงสาวไปก่อนจะหันกลับมามองหน้าแดงก่ำที่แสนจะเชิญชวนของคนบนตัก  เขาทำหน้ายุ่งก่อนจะผลักร่างโปร่งบางออกให้ห่างจากกายตัวเองอย่างไม่แยแสจนร่างนั้นเซล้มลงกองกับพื้นและฟุบหมอบอยู่อย่างนั้นเพราะลุกขึ้นมาไม่ไหว  ถังที่อยู่ใกล้ๆ รีบลุกไปพยุงน้องของตัวเองทันทีก่อนจะหันไปมองหน้ารุ่นน้องอย่างไม่ชอบใจ

                “ทำไมมึงต้องรุนแรงกับไอ้เปอร์ด้วยวะ!?” ถังกอดน้องชายที่ตัวสั่นสะท้านไว้แนบอก  ถึงจะเมามายจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแต่เปอร์ก็รับรู้ได้ถึงความใจร้ายของคนที่ตัวเองรักอย่างหมดใจ

                “มันดื้อดึง  ถ้าใจดีด้วยก็จะได้ใจ” ลุกซ์พูดนิ่งๆ  ถึงจะเกรงใจถังมากแต่ถ้าไม่ชอบก็คือไม่ชอบ  จะให้เขาใจดีด้วยน่ะหรือ? อย่าหวังเลยจะดีกว่า  เขารู้ว่าถ้าใจดีด้วยไอ้เด็กนี่ก็จะมาสร้างความรำคาญให้เขาตลอดเวลาแน่ๆ  ขนาดใจร้ายใจดำใส่ขนาดนั้นยังจะทนอยู่ได้

                “ตอนนี้น้องกูพยายามตัดใจ  เป็นไปได้มึงอย่ามาให้มันเห็นหน้าเลยจะดีกว่า  ตอนนี้มันอาจจะยังรักมึงอยู่แต่ต่อไปมันจะต้องหาคนที่ดีกับมันได้แน่ๆ” ถังพูดอย่างเคืองๆ ก่อนจะพาน้องเดินออกไปนอกร้าน  เคย์มองตามอยากจะออกไปด้วยแต่ติดตรงที่ต้องสั่งสอนเพื่อนหัวดื้อเสียก่อน

                “กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงทำร้ายเปอร์เพราะอะไรแต่มึงหยุดได้ไหม?  แค่นี้น้องมันก็เจ็บและเข็ดหลาบกับการไปตกหลุมรักคนใจร้ายอย่างมึงแล้ว  ทุกครั้งที่เห็นหน้ามึงเปอร์มันฝืนยิ้มมากแค่ไหนมึงรู้บ้างหรือเปล่า?” เคย์จ้องหน้าลุกซ์นิ่งๆ อย่างไม่เข้าใจ  ปกติเขากับลุกซ์จะสนิทกันมากแค่มองตากันก็รู้ว่าคิดอะไรแต่ตอนนี้เขาไม่รู้อะไรเลย  ลุกซ์เป็นคนที่ชอบเก็บเรื่องลำบากใจทุกอย่างไว้กับตัวเองไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น  เขาจะเก็บความอ่อนแอเหล่านั้นไว้ในส่วนลึกของจิตใจเพื่อที่จะสามารถดูแลน้องๆ และตัวเองไปให้ถึงที่สุด

                “กูเกลียดรอยยิ้มเสแสร้งของมัน  ที่สำคัญ...กูไม่ได้ชอบผู้ชาย” ลุกซ์พูดเสียงแข็ง  เคย์ถอนหายใจยาว

                “มีผู้ชายมาอ่อยมึงตั้งเยอะแต่กูไม่เคยเห็นมึงทำเลวใส่ขนาดนี้นี่หว่า” เคย์กุมขมับ  ในเวลานี้เขาไม่อาจเข้าใจความรู้สึกของลุกซ์ได้เลยจริงๆ  โครงสร้างความคิดของไอ้หมอนี่มันเป็นอย่างไรกันแน่นะ  คิดว่าเข้าใจแต่สุดท้ายก็ไม่ใช่

                “พวกนั้นน่ะแค่ถูกกูด่าครั้งเดียวก็เตลิดหนีไปแล้วส่วนไอ้เด็กนี่มันดื้อด้าน  ถ้าไม่ทำให้หลาบจำก็ไม่สำนึก  และคนอย่างกูก็ไม่คิดจะมีความรัก” ลุกซ์พูดเสียงเย็น  สิ่งที่ทำให้ลุกซ์เป็นคนเย็นชาขนาดนี้ก็คงไม่พ้นความกดดันของพ่อที่มีต่อเขา

                ดูเหมือนลุกซ์จะเข้ากันได้ดีกับพ่อแต่ที่จริงไม่ใช่เลยสักนิด  เขาถูกพ่อบังคับให้ทำนั่นทำนี่มาตั้งแต่เด็กโดยที่เขาไม่สามารถขัดได้  อยากจะทำอะไรอยากจะเป็นอะไรเขาก็ไม่สามารถทำหรือเป็นได้หากพ่อไม่ต้องการ  ลุกซ์เป็นลูกคนแรกทำให้พ่อเข้มงวดกับเขามากเป็นพิเศษ  เขาเกิดมาตัวคนเดียวจนกระทั่งมีน้องน่ารักๆ ทั้งสองมาเป็นกำลังใจให้สู้กับความกดดันต่อไป  เพราะต้องเก็บกดมาตลอดตั้งแต่เด็กลุกซ์จึงเป็นคนที่ชอบคิดอะไรคนเดียวและเป็นคนเด็ดขาด  ถึงภายนอกจะดูโหดบ้างร่าเริงบ้างผิดกับลันที่ดูเย็นชาแต่ความเย็นชาไร้ความปรานีในใจนั้นลันเทียบพี่ชายไม่ได้เลย

                ลุกซ์นับถือลันมากที่ลันมีความกล้าที่จะต่อต้านพ่อและทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการซึ่งลุกซ์ทำอย่างลันไม่ได้  เขาเป็นลูกคนโต ภาระหน้าที่ทุกอย่างตกอยู่ที่เขาทั้งหมด  น้องทะเลาะกับพ่อเขาก็มักจะไปเคลียร์กับพ่อให้แม้จะเกรงใจไม่กล้าเถียงพ่อก็ตาม  พ่อโมโหน้องๆ มาคนที่คอยรับอารมณ์ของพ่อก็มีเพียงลุกซ์เท่านั้น  เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากตัวของลุกซ์เอง

                “ความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้หรอกนะเว้ย  ถ้ามึงได้รักใครสักคนเข้าจริงๆ มึงก็จะเข้าใจ” เคย์พูดพลางจ้องหน้าลุกซ์ตรงๆ  ถ้าลุกซ์รักเปอร์บ้างมันอาจจะทำให้ลุกซ์รู้จักลดกำแพงที่ปิดกั้นใจลง

                “กูไม่อยากเข้าใจ” ลุกซ์แสยะปาก  รู้สึกเลี่ยนกับคำพูดน้ำเน่าที่ไม่ว่าละครเรื่องไหนๆ ก็มีให้เห็นกันมากมายโดยเฉพาะละครที่พระเอกเลว  แต่เขาไม่ใช่พระเอก...ความรักที่ฉาบฉวยมันไม่มีจริงในโลกของเขา

                “พวกมึงพูดเรื่องอะไรกันอยู่วะเนี่ย? กูแม่งงง  คนหนึ่งก็ศิลปินจ๋า อีกคนก็แม่งไม่รับรู้ห่าอะไร ฮู้!” กีร์ที่นั่งมองอยู่นานแล้วพูดขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนนั่งจ้องหน้ากัน

                “เออน่า  แล้วนี่ไอ้สองตัวนั้นมันไปไหนแล้วล่ะ?” เคย์บอกปัดๆ ก่อนจะหันไปมองหาเพื่อนในกลุ่มอีกสองคนที่เคยนั่งร่วมโต๊ะ

                “กลับไปตั้งแต่พวกมึงจ้องตากันแล้วโว้ย!” กีร์โวย

                “งั้นเราก็กลับกันบ้างดีกว่า  กูชักจะง่วง” ลุกซ์สะบัดศีรษะนิดๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน

                “เออ เดี๋ยวกูไปสอยเหยื่อก่อนค่อยกลับ  พวกมึงกลับไปก่อนเลย” กีร์พูดก่อนจะยิ้มหวาน

                “ไอ้หื่น เดี๋ยวเอดส์ก็แดกหรอกมึง” เคย์ตบหัวเพื่อนที่ยิ้มแป้นแล้นอย่างหมั่นไส้

                “เฮอะ! ไอ้กีร์มันเอาแค่ผู้หญิงแต่มึงเอาทั้งหญิงทั้งชาย  น่าห่วงกว่าเยอะ” ลุกซ์หรี่ตามองเพื่อน  เขาไม่ได้รังเกียจที่เคย์จะวางไข่เรี่ยราดไม่ว่ากับเพศไหนก็ตาม  เขาเข้าใจความรู้สึกของความต้องการทางเพศ  ไม่ว่าจะกับใครก็ได้ทั้งนั้นเพราะมันก็แค่คู่นอนคืนเดียว  อีกอย่าง...เขาเองก็เคยนอนกับผู้ชายมาแล้ว  ถ้าจะพูดให้ถูกน่าจะเป็นการข่มเหงน้ำใจของคนรองรับอารมณ์เสียมากกว่า

                “ฮึๆ แล้วรู้ไหมว่าผู้ชายน่ะมันกว่าเยอะ  อึดดี กูชอบ ฮ่าๆ” เคย์พูดพลางหัวเราะเจ้าเล่ห์ทำให้กีร์ต้องรีบกระโดดไปหลบอยู่หลังลุกซ์พลางแกล้งทำท่าหวาดกลัวเคย์จึงยื่นขายาวๆ ไปเตะกีร์อย่างหมั่นไส้

                ลุกซ์ยืนนิ่ง  นึกถึงเจ้าคนอวดเก่งที่เสนอตัวให้เขาทั้งๆ ที่ตัวเองกลัวจนตัวสั่นระริก   เขากระตุกยิ้มนิดๆ อย่างนึกสมเพชที่เด็กหนุ่มอวดดีคนนั้นหลงเขาจนยอมทุกอย่างแม้กระทั่งศักดิ์ศรีของตัวเอง  กับคนแบบนั้นจะรักเขาจริงๆ น่ะหรือ  ไม่มีทาง

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา