The door puzzle มหัศจรรย์ภายใต้ประตูปริศนา

7.3

เขียนโดย แง่มแง่ม

วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 21.21 น.

  3 chapter
  1 วิจารณ์
  6,082 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.33 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) Chapter 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก

          หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง ก็ได้ถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย โดยรินรินได้บอกพ่อขอตัวขึ้นไปนอนพักที่ห้องนอน โดยมีลูกปัดเพื่อนเกลอในวัยเยาว์ขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“คุณรินรินจะนอนพักหรือจะอาบน้ำก่อนดีคะ”ลูกปัดถาม
“ฉันจะแก้ไขข้อข้องใจฉันก่อน”รินรินพูดพร้อมกับเปิดโน๊ตบุ๊คของเธอขึ้นท่ามกลางความสงสัยของลูกปัด
“ข้อข้องใจอะไรเหรอคะ”ลูกปัดถามด้วยความสงสัยพรางกับเดินเข้าไปนั่งพับเพียบข้างๆรินริน
“เกี่ยวกับคำพูดคำสุดท้ายของคุณแม่ไง”
“ของคุณหญิงเจนจิราเหรอคะ”ลูกปัดเงยหน้าขึ้นไปอย่างสนใจ
ซึ่งหัวข้อที่เธอกำลังพิมพ์หาในอินเตอร์เน็ตนั้นก็คือ
“ประตูบานใหญ่ปริศนาเหรอคะ”ปัดพูดขึ้น
“ใช่ ดูกล่องบนโต๊ะหน้ากระจกสิ”รินรินเอ่ยโดยตายังไม่ละจากโน๊ตบุ๊ค
ลูกปัดค่อยๆคลานไปหยิบกล่องนั้นจากหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งแล้วก็เปิดออก ซึ่งข้างในก็เผยให้เห็นกับกุญแจที่ประดับไปด้วยอัญมณีหลากหลายสีอย่างลงตัว โดยถึงแม้ว่ากุญแจดอกไม้จะทำมาเนื้อไม้ แต่ท่าทางจะเป็นเนื้อไม้อย่างดี ซึ่งพอได้เห็นกุญแจดอกนี้แล้วลูกปัดก็นึกขึ้นได้ถึงประตูใบใหญ่ปริศนาที่อยู่หลังบ้าน ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมา 10 ปี เธอก็คอยเฝ้ามองประตูบานนั้นอย่างสนใจปนสงสัยไม่เคยหาย ซึ่งพอเธอถามแม่ของเธอหรือแม่ของรินริน ก็ไม่เคยให้คำตอบนอกจากเลี่ยงไปเรื่องอื่นหรือว่าเงียบไปเลย
          “อ๋อ หรือนี่จะเป็น..”
          “ใช่ มันคือกุญแจที่ไขประตูใบใหญ่หลังบ้านอันนั้นไง”รินรินตอบซึ่งทำเอาลูกปัดรู้สึกทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะดีใจ ตกใจ หรืออะไรดี เพราะนี่ก็เป็นความลับที่เธออยากรู้มานานแล้ว ซึ่งเช่นเดียวกับรินริน ที่เธอเองก็สงสัยไม่ขาดเหมือนกัน แต่สิ่งที่ลูกปัดสงสัยอย่างเดียว
          “แล้ว...ทำไมคุณรินรินต้องไปค้นหาในอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับประตูบานปริศนาด้วยล่ะคะ ถ้าอยากรู้ทำไมไม่เอากุญแจบานนั้นไปไขที่ประตูเลยล่ะคะ”ลูกปัดถามอย่างไม่เข้าใจซึ่งรินรินไม่พูดอะไรได้แต่เงียบแล้วตั้งใจหาต่อไป ซึ่งลูกปัดเห็นท่าว่าจะนาน จึงขอตัวลงไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วขึ้นมาจะหยิบน้ำมาให้ ซึ่งรินรินก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้าเช่นเดียวกัน
 
          ทางด้านลูกปัด
          ซ่า.....
          ลูกปัดถอดเสื้อผ้าพร้อมกับนำตัวเองลงไปในอ่างอาบน้ำ ที่ติดมากับฝักบัวที่ห้องของเธอ ซึ่งเคยเป็นห้องนอนเก่าของแม่เธอ แต่ตอนนี้แม่ของเธอก็ได้กลับไปอยู่ที่บ้านของญาติของเธอเรียบร้อยแล้ว จึงเหลือเพียงแต่เธอและพ่อแค่สองคนที่ยังทำงานอยู่ในบ้านหลังนี้ในครอบครัว
          “ประตูปริศนางั้นเหรอ”ลูกปัดพูดกับตัวเอง
นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาลูกปัดก็คอยสอดส่องว่าประตูบานนั้นมีอะไรผิดปกติหรือไม่ แม้แต่เธอจะเคยปีนข้ามฝั่งไป ก็มีอุปสรรคขัดขวางทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นแม่ของเธอ หรือเหล่าสรรพสัตว์ที่คอยทำให้เธอตกจากกำแพงนั้นเรื่อยมา หรือพอเธอจะลองพังประตูเข้าไป แต่เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กเพียงคนเดียว คงไม่อาจมีพลังเยอะพอที่จะถล่มประตูบานใหญ่ได้ทั้งบาน หรือแม้แต่จะลองเปิดประตูนั้นดูเอาเผื่อมันจะฟลุ๊คเปิดออกได้เอง ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้เข้าไปทำความสะอาดที่ห้องนอนของเจนจิราเธอก็พบกล่องกล่องหนึ่ง กล่องใบขนาดเล็กเหมาะมือที่ห่อด้วยผ้าลูกไม้สีขาวซึ่งลักษณะก็คล้ายกับที่รินรินได้รับมา เธอคิดจะเปิดมัน แต่เจนจิราก็ได้เข้ามาในห้องแล้วเธอจึงไม่มีโอกาส จนกระทั่งล่าสุดก่อนที่รินรินจะมาถึงที่ประเทศไทยประมาณหนึ่งอาทิตย์ เธอขึ้นคิดจะขึ้นไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้กับห้องของรินริน เธอก็ได้ยินเสียงของเจนจิราดังลอดออกมา เธอค่อยๆเดินเข้าไปดู แล้วสอดสายตาเข้าไป ก็เห็นว่าเธอนั้นกำลังคุยกับใครก็ไม่รู้แต่เธอแน่ใจว่าไม่ใช่มนุษย์เป็นแน่ เธอได้แต่ซ่อนความตกใจนั้นไว้ข้างในแล้วก็ฟังต่อ แต่เสียงที่พูดคุยนั้นช่างเบาราวกับเสียงกระซิบ เธอจึงได้ยินเพียงแค่ว่า
          “ทายาท....”
          “กุญแจ...”
          “เฟลโอแลนติก...”
เธอฟังยังไม่ทันจะจบดี ก็มีฝ่ายหนึ่งหันมามองเธอ เธอจึงตกใจรีบวิ่งหนีลงไปข้างล่างทันควัน นี่คือข้อมูลที่เธอได้รับมา ซึ่งเธอก็คิดว่า ทายาทน่าจะคือ รินริน กุญแจน่าจะคือกุญแจที่รินรินนั้นได้รับมาจากเจนจิรา และเฟลโอแลนติก น่าจะคือสถานที่อะไรสักอย่างที่อยู่หลังประตูบานนั้นเป็นแน่แท้ ซึ่งเธอคิดว่าเรื่องนี้เธอต้องเล่าให้รินรินฟัง.........
 
          ตัดมาทางด้านของรินริน
          “อืม...”รินรินกำลังหาด้วยหน้าคร่ำเครียดคิ้วขมวดพันกันเป็นเชือกเงื่อน เพราะข้อมูลที่เธอได้นั้น ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับเธอเลย เพราะมันมีแต่ประตูบานยักษ์ที่เป็นรูปภาพประตูตกแต่งบ้านเพียงเท่านั้น เธอเริ่มรู้สึกล้า จึงไปอาบน้ำเพื่อให้สบายตัวก่อนที่จะไปศึกษาหาต่อ
          หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง
ก๊อกๆ
          “เชิญ”รินริน
ลูกปัดค่อยๆเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับน้ำที่รินไว้เต็มแก้ว
          “เป็นยังไงบ้างเหรอคะคุณรินริน”ลูกปัดถามพร้อมกับวางแก้วไว้ข้างๆรินริน
รินรินไม่ตอบเช่นเคยได้แต่ส่ายหน้าไปมาด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ ลูกปัดรู้สึกเครียดแทนรินรินเล็กน้อยแล้วก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่เธอคิดว่าจะเล่าให้รินรินฟังในวันนี้
          “เอ้อคุณรินรินคะ ปัดมีเรื่องจะเล่าให้ฟังค่ะ”
          “หืม..?”
หลังจากนั้นลูกปัดก็เล่าทุกอย่างที่เธอเห็นที่เธอได้ยินบทสนทนาของเจนจิราและบุคคลปริศนา และรินรินก็ได้มาสะกิดใจตรงประโยค เฟลโอแลนติก
          “เฟลโอแลนติกเหรอ”
          “ค่ะ ปัดได้ยินมาแบบนั้นน่ะค่ะ เป็นคำที่ปัดแน่ใจที่สุดเลยค่ะ”ลูกปัดยืนยัน
รินรินหันหน้าเข้ามาหาโน๊ตบุ๊คของเธออีกครั้งพร้อมกับพิมพ์ค้นหา เฟลโอแลนติก แล้วกดค้นหา ซึ่งผลลัพธ์ก็มีเว็บหนึ่งที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เธอต้องการจะรู้พอดี
          “เจอแล้ว”รินรินเอ่ยขึ้นพร้อมกับมีรอยยิ้มเล็กๆบนหน้า ความพยายามของเธอไม่สูญเปล่าแล้ว
แต่ว่าข้อมูลที่เธอได้นั้นมันจะมีแต่ใกล้เคียงหรือไม่ใช่หัวข้อที่เธอต้องการเลยด้วยซ้ำ เธอคลิกหาไปตั้งนานก็หาในหัวข้อเว็บนั้นไม่เจอเสียที รอยยิ้มบนใบหน้าที่มีก็ค่อยๆหุบลงพร้อมกับความหวังที่ริบหรี่เต็มที
          “เจอละ ข้อมูลที่ใช่!”รินรินเอ่ยด้วยรอยยิ้มอีกครั้งนึง
          “เฟลโอแลนติก เป็นดินแดนที่เต็มไปอารยธรรมแห่งหนึ่ง แต่ก็เป็นดินแดนที่ไม่มีใครค้นพบ เป็นสิ่งที่คนเฒ่าคนแก่ต่างเล่าขาน แล้วก็ดัดแปลงหายไป กล่าวว่าเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยเหล่านักสู้ทั้งชายหญิง บ้างก็กล่าวว่าเป็นดินแดนที่มีสถานที่อันสวยงาม แต่ที่กล่าวมานั้นไม่มีใครได้เคยพบเห็น แต่มีบุคคลหนึ่งกล่าวว่าเคยได้ไปดินแดนนั้นจริงๆ แต่จำไม่ได้ว่าเคยไปในตอนไหน เหมือนทุกอย่างมันอยู่เวลาแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ถึงจะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีแต่ในเวลาที่อยู่ที่นั้นช่างยาวนาน ถึงจะครุมเครือจนเลือนลาง แต่สิ่งที่จำได้นั้นก็คือการดำรงชีวิตอยู่ก็เหมือนกับคนเรา มีกินมีอยู่เหมือนกัน เว้นแต่เพียงการแต่งตัวนั้นไม่ใช่เหมือนคนเราสมัยนี้ มีพวกอยู่สามประเภท นั้นก็คือ นักสู้ ทาส และคนธรรมดา นักสู้นั้นจะแตกต่างจากคนธรรมดานั้นก็คือ จะมีทางด้านการต่อสู้หรือการแพทย์และจะมีเลือดเยอะมากกว่าคนธรรมดาและแข็งแรงกว่า จะมีอาวุธประจำกาย ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆก็เปรียบเหมือนนินจาที่คอยรับภารกิจต่างๆคอยช่วยผู้คนที่เดือดร้อนตามเมืองตามๆซึ่งแต่ละเมืองก็จะมีนักสู้แตกต่างกันไป หรือจะเปรียบเหมือนตำรวจหรือทหาร ที่คอยดูแลทุกข์สุขของประชาชน ทาส เปรียบเสมือนผู้รับใช้ของนักสู้ เมื่อนักสู้ทุกคนอายุครบสิบห้าปีก็จะได้รับทาสโดยการไปยังสถานที่ต่างๆส่วนวิธีการทำนั้นยังไม่แน่ใจชัดเจน ส่วนคนธรรมดาก็คือบุคคลธรรมดาทั่วไปเหมือนคนเราในปัจจุบัน มีสัตว์ที่ไม่เหมือนบ้านเรา สัตว์แต่ละตัวนั้นจำได้ไม่ชัดเจน แต่จำได้คล้ายๆกับเป็นตัว มกร หรือ เหรา สัตว์ในวรรณคดีบ้านเรา แต่นั้นก็เป็นเพียงคนพูดของบุคคลหนึ่ง จึงยังไม่มีคนเชื่อหรือถ้าเชื่อก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าจะหาทางไหนในการไป ตำนานของเมืองเฟลโอติกแลนจึงยังคงลึกลับและเป็นปริศนามาจวบจนปัจจุบันนี้”รินรินอ่านให้กับลูกปัดฟัง
          “อืม งั้นก็แปลว่าสิ่งที่อยู่ในเฟสโอแลนติกเนี่ยก็คือสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้สินะคะ”ลูกปัดเอ่ย
          “ใช่ เรื่องเหล่านักสู้หรืออะไรยังพอถมเถได้ แต่เรื่องสัตว์เลี้ยงที่คล้ายๆกับสัตว์ในวรรณคดี มันจะนิยายไปหน่อยไหม”รินรินพูดอย่างไม่เชื่อ
          “แต่ไม่แน่นะคะ สิ่งที่อยู่ที่นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้อยู่แล้วก็ได้นะคะคุณรินริน สิ่งที่เราทำคือการที่เรานำกุญแจที่คุณหญิงเจนจิรานั้นมอบให้กับคุณรินรินไปไขที่ประตูตรงนั้นนะคะ”ลูกปัดพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
          “มันก็ใช่นะ แต่ฉันไม่เข้าใจว่าจุดประสงค์ของคุณแม่คืออะไร เป็นแค่ที่ฉันสงสัยก็ไม่ใช่ เพราะคุณแม่ก็พูดเองว่าถึงฉันจะไม่ได้พูดก็จะมอบให้ฉันอยู่แล้ว”รินรินเริ่มคิ้วขมวด
          “อาจจะเป็นเพราะว่าคุณรินรินต้องอยู่ที่บ้านหลังเป็นมรดกอย่างเดียวที่จะให้กับคุณรินรินหรือเปล่าคะ”ลูกปัดออกความคิดเห็น รินรินเริ่มคิ้วขมวด ถึงเธออยากตัดประเด็นนี้ออกไปจากหัว แต่เธอก็เป็นพวกประเภทต้องรู้ว่าหัวข้อที่แท้จริงเป็นอะไรเสียด้วยสิ
          “ดึกแล้ว”รินรินปิดหน้าจอโน๊ตบุ๊ค แล้วก็ลุกขึ้นกระทันหันจนลูกปัดตกใจ
          “นอนเถอะ”รินรินเดินตรงไปยังหน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งแล้วก็หยิบมาแปรงมาแปรงที่ผมอย่างเป็นกิจวัตร เมื่อลูกปัดได้ยินดังนั้นแล้วจึงลุกขึ้นแล้วก็เดินไปที่ประตูเพื่อที่จะไปนอนบ้างเช่นกัน
          “ราตรีสวัสดิ์นะคะคุณรินริน”ลูกปัดทิ้งท้ายแล้วก็ออกไป
รินรินเมื่อเห็นลูกปัดออกไปแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรจึงแปรงผมต่อไป แต่ในหัวนั้นก็ยังคิดเรื่องนี้ไม่ส่าง เธอหยิบกล่องกุญแจที่แม่เธอมอบให้เธอก่อนสิ้นใจแล้วเปิดดูอีกครั้งหนึ่งก็ยังคงเห็นกุญแจนั้นยังอยู่ที่เดิม เธอหยิบมันออกมาดู
          “คุณแม่ต้องการจะบอกอะไรรินรินกันแน่คะ..?”เธอถามกับบุคคลในรูปที่เธอใส่กรอบมันอย่างดี ในมือก็มีกุญแจอยู่ด้วยโดยที่เธอกำมันแน่น ถึงแม้ปากจะถาม แต่รูปภาพก็ไม่สามารถตอบอะไรได้ สิ่งเดียวที่เธอทำได้ คือการเผชิญกับสิ่งๆนั้นเท่านั้น...
         

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา