Vampire Heart
9.3
เขียนโดย BlueberuS
วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 00.33 น.
6 บท
11 วิจารณ์
15.16K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2560 16.15 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) สิ่งเตือนใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 6
สิ่งเตือนใจ
ตะวันคล้อยลงต่ำเป็นสัญญาณถึงยามเย็น ภายในห้องอันเงียบสงัดและมืดครึ้ม ม่านผืนหนากั้นแสงสว่างจากหน้าต่างไว้มิดชิด เมลโล่ว์ตื่นขึ้นอีกครั้งบนเตียงนอน ความมืดรอบกายทำให้มองเห็นอะไรได้น้อย และความอ่อนเพลียของร่างกายทำให้ขยับตัวลำบาก เธอพลิกตัวไปอีกข้างอย่างช้าๆ
“อึก...” เธอเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะเมื่อพลิกตัวมาแล้วชนกับร่างของใครอีกคนนอนอยู่ข้างๆ ลมหายใจของเขาสัมผัสกับใบหน้าเธอจางๆ ภายในความมืด เมื่อไม่มีท่าทีว่าเขาจะขยับเธอจึงผ่อนลมหายใจออกเบาๆอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าเขายังคงหลับอยู่ เธอพลิกตัวกลับไปอีกข้างแล้วค่อยๆลุกจากเตียงแล้วเดินไปที่หน้าต่างก่อนที่จะเลื่อนผ้าม่านออกอย่างเบามือ แสงในยามเย็นสีทองส่องประกายเข้ามาภายในห้อง เธอหันกลับไปมองร่างของคนที่กำลังหลับอยู่ก่อนที่จะเดินเข้าไปหา เธอจ้องมองใบหน้าในตอนหลับของเขาใกล้ๆพลางนึกในใจ
[ผิวเนียนจัง...นึกว่าพวกแวมไพร์จะตัวซีด เขี้ยวยาวน่าเกลียดน่ากลัวซะอีก ที่จริงก็ดูไม่ต่างอะไรกับมนุษย์เลยนี่นา...แต่ทำไมพวกเขาถึงไม่ปรากฏตัวแล้วซ่อนตัวอยู่ที่นี่กันล่ะ?]
เมลโล่ว์ตั้งคำถามในใจแล้วเอื้อมมือเข้าไปใกล้กับใบหน้าของเบลนด์เนสก่อนที่จะใช้ปลายนิ้วแตะสัมผัสผิวแก้มของเขาแล้วลูบคลำเบาๆจึงค่อยเอามือออก
หมับ!
“เฮือก!!!” ร่างบางสะดุ้งตกใจทันทีที่ละมือจากใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม ฝ่ามือหน้าคว้าเข้าที่ข้อมือของเธออย่างรวดเร็วแล้วเจ้าของร่างก็ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ
“ฉันคงลืมบอกเธอสินะว่าอย่าทำให้ฉันตื่น...” เขาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆพร้อมกับเหลือบสายตามองมาที่เธอ
“...ขอโทษฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่...”
“มีอะไรติดที่หน้าของฉันอย่างนั้นหรอ?” เขาเอ่ยถามแทรกคำพูดแก้ตัวของเธอ
“เปล่านะ ฉัน...อ๊ะ!”
พรึ่บ!
เบลนด์เนสออกแรงดึงให้คนตัวเล็กกว่าล้มลงนอนบนเตียงก่อนที่จะพลิกตัวขึ้นมากดร่างของเธอเอาไว้ และจ้องหน้าเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจแล้วพูดต่อ
“จากนี้ก็รู้เอาไว้ซะ ตอนที่ฉันกำลังหลับอย่ารบกวนหรือทำให้ฉันตื่น ถ้าฉันถูกปลุกก่อนเวลาฉันจะโกรธและหงุดหงิดมาก และก็คงจะมองหาที่ระบาย เธอคงไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของฉันหรอก” เขาบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่ขัดกับสีหน้าอันดุดันของเขา เมลโล่ว์พยายามข่มความกลัวที่มีต่อเขาเอาไว้แต่ก็ทำได้ยาก เธอมองดูเขาพลางหอบหายใจติดขัดเพราะชีพจรที่เต้นรัว ดูเหมือนเขาจะพึงพอใจที่เห็นความเกรงกลัวของเธอที่มีต่อตน
เบลนด์เนสนึกสนุกขึ้นมาได้ เขาโน้มกายลงแล้วซุกไซ้ไปตามร่างกายของเมลโล่ว์ ฝ่ามือหนาเริ่มลูบคลำเรียวขาขาวเนียนของเธอก่อนจะค่อยๆเลื่อนขึ้นมาที่ละน้อย ทำให้ร่างบางผวามากยิ่งขึ้น
“จะทำอะไรน่ะ?” เธอถามอย่างกล้าๆกลัวๆพลางเอื้อมมือไปจับชายชุดที่สวมอยู่แล้วปิดร่างกายส่วนที่หวงแหนเอาไว้ให้พ้นจากมือเขา
“เธอยังเป็นแค่เด็กไร้เดียงสาสินะ...ไม่รู้หรอว่าผู้ชายมักต้องการที่จะทำแบบนี้กันทั้งนั้น”
“อึก! อย่านะ...” เธอรู้ความหมายถึงสิ่งที่เขาบอกดี เธอเริ่มรู้ตัวแล้วว่าการอยู่กับเขาตามลำพังนั้นไม่ปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางเลือก
“วางใจได้ ฉันไม่สมสู่กับมนุษย์...แต่มันก็ไม่แน่ ฉันแนะนำให้เธอเชื่อฟังและอย่าแตะต้องตัวฉันอีกถ้าฉันไม่อนุญาต เข้าใจแล้วใช่ไหม?”
“เข้าใจแล้ว...” เมลโล่ว์ตอบรับสั้นๆเพราะรู้ดีว่าขัดขืนเขาไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมปล่อยมือ
“นี่จะเป็นสิ่งช่วยเตือนใจเธอ...” พูดจบเขาก็เลื่อนมือลงไปจับที่ต้นขาข้างหนึ่งของเธอแล้วยกขึ้นก่อนที่จะก้มหน้าลงเพื่อให้ริมฝีปากบรรจบกับผิวเนียน
“อ๊ะ!” ร่างบางเผลอร้องครางออกมาเมื่อร่างกายสัมผัสกับความรู้สึกแปลกๆที่สอดแทรกด้วยความเจ็บปวดจากคมเขี้ยวของเขา มือทั้งสองที่สั่นเกร็งปิดร่างกายส่วนที่หวงแหนเอาไว้เมื่อเขาเข้าใกล้มัน บริเวณใกล้กับข้อพับต้นขามีเส้นเลือดใหญ่ที่สามารถให้เลือดได้มากพอๆกับที่คอ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสกับเขี้ยวของเขา แม้เขาจะรู้ว่าเลือดของเธอนั้นรสชาติเกินห้ามใจแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะดื่มเลือดของเธอในตอนนี้ เขาเพียงแค่ทำให้เธอกลัวและยำเกรงตนเท่านั้น และไม่ได้กัดเธอเต็มแรงเสียด้วยซ้ำไป
แกร่ก!
เสียงลูกบิดประตูดังขัดจังหวะก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดเข้ามาโดยที่ทั้งสองยังไม่ทันตั้งตัว ทำให้เขาต้องถอนเขี้ยวออกจากขาของเมลโล่ว์ไปในที่สุด
“ท่านเบลนด์เนสคะ ขออนุญาตค่ะ....” หญิงคนใช้เดินเข้ามาพร้อมกล่าวขออนุญาตแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า หญิงคนใช้อีกสามคนเดินตามเข้ามาติดๆ แต่ละคนพร้อมใจกันยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองที่เกือบจะตะโกนร้องออกมาเพราะความตกใจ
“สั่งแล้วไม่ใช่หรอ ว่าให้เคาะประตูก่อน” เขาจ้องมองสาวใช้ด้วยสายตาดุดันจนพวกหล่อนถึงกับผวา
“ข..ขออภัยค่ะท่าน พระอาทิตย์ตกดินแล้วพวกเราเลยเข้ามาเตรียมน้ำให้ท่านอาบเหมือนอย่างเคย” ได้ยินเช่นนั้นเบลนด์เนสจึงหันมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นว่าพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว เขาละมือจากร่างบางตรงหน้าแล้วใช้หลังมือเช็ดคราบเลือดที่เลอะอยู่รอบๆปากออกแบบลวกๆก่อนที่จะลุกจากเตียงไป
“ก็ดี...มาได้จังหวะ อาบน้ำแต่งตัวให้เด็กนี่ด้วยล่ะ” เขาพูดกับหญิงคนใช้
“อะไรนะ?” เมลโล่ว์ถามขึ้นเบาๆแต่ก็ไม่มีใครตอบหรือสนใจคำถามของเธอ
“ท..ทราบแล้วค่ะ” สาวใช้ทั้งสี่คนก้มหน้าก้มตารีบทำตามหน้าที่ของตัวเองทันทีที่เบลนด์เนสออกคำสั่ง พวกหล่อนตรงมาหาร่างบางที่เตียงแล้วพาตัวไปที่ห้องน้ำโดยที่เธอไม่ทันได้ปฏิเสธ
“ลืมบอกไป...ถ้าใครกล้าแอบกินเหยื่อของฉันล่ะก็ ฉันจับฉีกเป็นชิ้นๆแน่” เขาพูดทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นก็ทำให้พวกหล่อนกลัวจนหัวหด ไม่มีเสียงตอบรับอะไรนอกจากท่าทีกระสับกระส่ายของพวกเธอบ่งบอกว่ารับรู้เป็นอย่างดีแล้วก่อนที่จะพาเมลโล่ว์เข้าห้องน้ำไป
“จะทำอะไรน่ะ?...อย่านะ ฉันถอดเองได้ ฉันอาบน้ำเองเป็นไม่ต้องทำให้..ว้าย!” เมลโล่ว์ไม่คุ้นชินกับการมีคนคอยอาบน้ำให้มาก่อนทำให้เธอตกใจและส่งเสียงโวยวายดังออกมาถึงในห้องนอน เบลนด์เนสนั่งรออยู่ที่โซฟาได้ยินเสียงของเธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากกุมขมับเล็กน้อยรอจนกว่าเธอจะอาบน้ำเสร็จ
ผ่านไปพักใหญ่ร่างบางกลับออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับสาวใช้คนอื่นๆ เนื้อตัวเธอเปียกชุ่มและถูกห่อเอาไว้ด้วยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ ไหล่อันบอบบางห่อเกร็งเมื่ออยู่ต่อหน้าเบลนด์เนส เธอกำผ้าเช็ดตัวเอาไว้แน่นแล้วยืนขมวดคิ้วไม่ยอมพูดจาก่อนจะถูกพาไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง
“แต่งตัวให้เธอด้วยล่ะ หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยหลังจากฉันกลับออกมาแล้วนะ” เขาพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ
ร่างบางที่ถูกจับให้ยืนนิ่งราวกับเป็นหุ่นลองชุดที่กำลังถูกบรรดาแวมไพร์สวมชุดและแต่งตัวให้ พวกหล่อนสี่คนแบ่งหน้าที่กันทำ สองคนจัดการกับผมอันยุ่งเหยิงนั่นจนเรียบร้อย และอีกสองคนที่เหลือจัดหาเสื้อผ้าให้เธอใส่ เมลโล่ว์ไม่ได้ใส่ใจกับเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับเหล่านั้นเสียเท่าไหร่ เธอกำลังหวาดระแวงเหล่าสาวใช้พวกนี้มากกว่า เพราะทุกครั้งที่สบตาพวกหล่อนสิ่งเดียวที่มองเห็นจากแววตานั่นคือความหิวกระหายและโหยหาในเลือดของมนุษย์แต่พวกหล่อนก็พยายามอดกลั้นตัวเองไม่ให้พลั้งมือ เพราะคำพูดของเบลนด์เนส อำนาจของเขายังคงควบคุมพวกหล่อนเอาไว้ได้อย่างน่าแปลก
ฉึบ!
“โอ๊ย!?” เมลโล่ว์อุทานออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ เป็นเพราะชุดที่จัดมาหลวมเกินไปจึงต้องทำการเย็บเข้ารูปเองเสียใหม่ทำให้กรรไกรตัดด้ายเผลอขูดผิวของเธอจนเลือดไหลซึมออกมา
“ขอโทษที ฉันไม่ได้...เฮือก!” สาวใช้ที่ทำให้เธอเป็นแผลรีบเอ่ยขอโทษแต่ยังไม่ทันได้พูดจบ ท่าทีของหล่อนก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอและคนอื่นๆต่างก็พากันจดจ้องไปที่เลือดซึ่งกำลังไหลซึมออกมาทีละนิดจากข้อมือเรียวของร่างบาง สำหรับแวมไพร์อย่างพวกหล่อนแล้วกลิ่นเลือดนั้นกระตุ้นความกระหายให้เพิ่มมากขึ้นเกินกว่าจะอดใจได้ เมลโล่ว์รู้ตัวทันทีเมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของพวกหล่อน อันตรายประชิดอยู่รอบตัวเธอและเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที
ปึง!
เสียงประตูดังแทรกบรรยากาศตรงหน้าขึ้น เมื่อเจ้าของห้องกลับออกมาจากห้องน้ำ กลิ่นเลือดของเมลโล่ว์ทำให้เขารู้ตัวเช่นกัน พวกสาวใช้ต่างก็รีบพากันเดินถอยห่างจากเมลโล่ว์ในทันที
“พวกเธอบังอาจมากที่ขัดขืนคำสั่ง บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าห้ามแตะต้องเหยื่อของฉัน” เบลนด์เนสบอกกับพวกหล่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม “ฉันต้องทำให้เห็นเป็นตัวอย่างสินะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าขัดขืนคำสั่ง...” เขามุ่งหน้าตรงเข้าไปหาบรรดาหญิงคนใช้ที่ยืนสั่นเทาไปด้วยความกลัว หมายจะทำร้ายพวกหล่อนเป็นการลงโทษ
“เดี๋ยวก่อนเบลนด์เนส...” เมลโล่ว์หยุดร่างสูงเอาไว้ก่อนที่จะพูดต่อ
“พวกเขาไม่ได้ทำอะไรฉัน มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันแค่ถูกกรรไกรบาดนิดเดียว ยังไม่มีใครทำอะไรฉันเลยนะ” เมลโล่ว์รีบอธิบายทันที เพราะเธอไม่อยากให้เกิดการลงไม้ลงมืออีก เบลนด์เนสหยุดยืนอยู่กับที่แล้วหันกลับมาหาเจ้าของเสียงห้ามนั้น เขาไม่ได้พูดอะไรแต่คว้าข้อมือข้างที่มีแผลของเธอยกขึ้นก่อนที่จะใช้ปลายลิ้นเกลี่ยคราบเลือดที่เลอะมือของเธออยู่ออกแทน
“ให้ตายสิ...กลิ่นเลือดของเธอมันเตะจมูกมากว่าคนอื่น ฉันไม่มีเวลามาคอยเฝ้าไม่ให้ใครยุ่งกับเหยื่อของฉันด้วยสิ” เขาพูดคล้ายว่ากำลังหงุดหงิด แต่ก็ราวกับแฝงไปด้วยความพึงพอใจ เขาวางแผนบางอย่างเตรียมเอาไว้ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาชอบใจไม่น้อยเลยทีเดียว
..........................
สิ่งเตือนใจ
ตะวันคล้อยลงต่ำเป็นสัญญาณถึงยามเย็น ภายในห้องอันเงียบสงัดและมืดครึ้ม ม่านผืนหนากั้นแสงสว่างจากหน้าต่างไว้มิดชิด เมลโล่ว์ตื่นขึ้นอีกครั้งบนเตียงนอน ความมืดรอบกายทำให้มองเห็นอะไรได้น้อย และความอ่อนเพลียของร่างกายทำให้ขยับตัวลำบาก เธอพลิกตัวไปอีกข้างอย่างช้าๆ
“อึก...” เธอเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะเมื่อพลิกตัวมาแล้วชนกับร่างของใครอีกคนนอนอยู่ข้างๆ ลมหายใจของเขาสัมผัสกับใบหน้าเธอจางๆ ภายในความมืด เมื่อไม่มีท่าทีว่าเขาจะขยับเธอจึงผ่อนลมหายใจออกเบาๆอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าเขายังคงหลับอยู่ เธอพลิกตัวกลับไปอีกข้างแล้วค่อยๆลุกจากเตียงแล้วเดินไปที่หน้าต่างก่อนที่จะเลื่อนผ้าม่านออกอย่างเบามือ แสงในยามเย็นสีทองส่องประกายเข้ามาภายในห้อง เธอหันกลับไปมองร่างของคนที่กำลังหลับอยู่ก่อนที่จะเดินเข้าไปหา เธอจ้องมองใบหน้าในตอนหลับของเขาใกล้ๆพลางนึกในใจ
[ผิวเนียนจัง...นึกว่าพวกแวมไพร์จะตัวซีด เขี้ยวยาวน่าเกลียดน่ากลัวซะอีก ที่จริงก็ดูไม่ต่างอะไรกับมนุษย์เลยนี่นา...แต่ทำไมพวกเขาถึงไม่ปรากฏตัวแล้วซ่อนตัวอยู่ที่นี่กันล่ะ?]
เมลโล่ว์ตั้งคำถามในใจแล้วเอื้อมมือเข้าไปใกล้กับใบหน้าของเบลนด์เนสก่อนที่จะใช้ปลายนิ้วแตะสัมผัสผิวแก้มของเขาแล้วลูบคลำเบาๆจึงค่อยเอามือออก
หมับ!
“เฮือก!!!” ร่างบางสะดุ้งตกใจทันทีที่ละมือจากใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม ฝ่ามือหน้าคว้าเข้าที่ข้อมือของเธออย่างรวดเร็วแล้วเจ้าของร่างก็ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ
“ฉันคงลืมบอกเธอสินะว่าอย่าทำให้ฉันตื่น...” เขาเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆพร้อมกับเหลือบสายตามองมาที่เธอ
“...ขอโทษฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่...”
“มีอะไรติดที่หน้าของฉันอย่างนั้นหรอ?” เขาเอ่ยถามแทรกคำพูดแก้ตัวของเธอ
“เปล่านะ ฉัน...อ๊ะ!”
พรึ่บ!
เบลนด์เนสออกแรงดึงให้คนตัวเล็กกว่าล้มลงนอนบนเตียงก่อนที่จะพลิกตัวขึ้นมากดร่างของเธอเอาไว้ และจ้องหน้าเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจแล้วพูดต่อ
“จากนี้ก็รู้เอาไว้ซะ ตอนที่ฉันกำลังหลับอย่ารบกวนหรือทำให้ฉันตื่น ถ้าฉันถูกปลุกก่อนเวลาฉันจะโกรธและหงุดหงิดมาก และก็คงจะมองหาที่ระบาย เธอคงไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของฉันหรอก” เขาบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่ขัดกับสีหน้าอันดุดันของเขา เมลโล่ว์พยายามข่มความกลัวที่มีต่อเขาเอาไว้แต่ก็ทำได้ยาก เธอมองดูเขาพลางหอบหายใจติดขัดเพราะชีพจรที่เต้นรัว ดูเหมือนเขาจะพึงพอใจที่เห็นความเกรงกลัวของเธอที่มีต่อตน
เบลนด์เนสนึกสนุกขึ้นมาได้ เขาโน้มกายลงแล้วซุกไซ้ไปตามร่างกายของเมลโล่ว์ ฝ่ามือหนาเริ่มลูบคลำเรียวขาขาวเนียนของเธอก่อนจะค่อยๆเลื่อนขึ้นมาที่ละน้อย ทำให้ร่างบางผวามากยิ่งขึ้น
“จะทำอะไรน่ะ?” เธอถามอย่างกล้าๆกลัวๆพลางเอื้อมมือไปจับชายชุดที่สวมอยู่แล้วปิดร่างกายส่วนที่หวงแหนเอาไว้ให้พ้นจากมือเขา
“เธอยังเป็นแค่เด็กไร้เดียงสาสินะ...ไม่รู้หรอว่าผู้ชายมักต้องการที่จะทำแบบนี้กันทั้งนั้น”
“อึก! อย่านะ...” เธอรู้ความหมายถึงสิ่งที่เขาบอกดี เธอเริ่มรู้ตัวแล้วว่าการอยู่กับเขาตามลำพังนั้นไม่ปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางเลือก
“วางใจได้ ฉันไม่สมสู่กับมนุษย์...แต่มันก็ไม่แน่ ฉันแนะนำให้เธอเชื่อฟังและอย่าแตะต้องตัวฉันอีกถ้าฉันไม่อนุญาต เข้าใจแล้วใช่ไหม?”
“เข้าใจแล้ว...” เมลโล่ว์ตอบรับสั้นๆเพราะรู้ดีว่าขัดขืนเขาไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมปล่อยมือ
“นี่จะเป็นสิ่งช่วยเตือนใจเธอ...” พูดจบเขาก็เลื่อนมือลงไปจับที่ต้นขาข้างหนึ่งของเธอแล้วยกขึ้นก่อนที่จะก้มหน้าลงเพื่อให้ริมฝีปากบรรจบกับผิวเนียน
“อ๊ะ!” ร่างบางเผลอร้องครางออกมาเมื่อร่างกายสัมผัสกับความรู้สึกแปลกๆที่สอดแทรกด้วยความเจ็บปวดจากคมเขี้ยวของเขา มือทั้งสองที่สั่นเกร็งปิดร่างกายส่วนที่หวงแหนเอาไว้เมื่อเขาเข้าใกล้มัน บริเวณใกล้กับข้อพับต้นขามีเส้นเลือดใหญ่ที่สามารถให้เลือดได้มากพอๆกับที่คอ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสกับเขี้ยวของเขา แม้เขาจะรู้ว่าเลือดของเธอนั้นรสชาติเกินห้ามใจแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะดื่มเลือดของเธอในตอนนี้ เขาเพียงแค่ทำให้เธอกลัวและยำเกรงตนเท่านั้น และไม่ได้กัดเธอเต็มแรงเสียด้วยซ้ำไป
แกร่ก!
เสียงลูกบิดประตูดังขัดจังหวะก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดเข้ามาโดยที่ทั้งสองยังไม่ทันตั้งตัว ทำให้เขาต้องถอนเขี้ยวออกจากขาของเมลโล่ว์ไปในที่สุด
“ท่านเบลนด์เนสคะ ขออนุญาตค่ะ....” หญิงคนใช้เดินเข้ามาพร้อมกล่าวขออนุญาตแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า หญิงคนใช้อีกสามคนเดินตามเข้ามาติดๆ แต่ละคนพร้อมใจกันยกมือขึ้นปิดปากของตัวเองที่เกือบจะตะโกนร้องออกมาเพราะความตกใจ
“สั่งแล้วไม่ใช่หรอ ว่าให้เคาะประตูก่อน” เขาจ้องมองสาวใช้ด้วยสายตาดุดันจนพวกหล่อนถึงกับผวา
“ข..ขออภัยค่ะท่าน พระอาทิตย์ตกดินแล้วพวกเราเลยเข้ามาเตรียมน้ำให้ท่านอาบเหมือนอย่างเคย” ได้ยินเช่นนั้นเบลนด์เนสจึงหันมองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นว่าพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว เขาละมือจากร่างบางตรงหน้าแล้วใช้หลังมือเช็ดคราบเลือดที่เลอะอยู่รอบๆปากออกแบบลวกๆก่อนที่จะลุกจากเตียงไป
“ก็ดี...มาได้จังหวะ อาบน้ำแต่งตัวให้เด็กนี่ด้วยล่ะ” เขาพูดกับหญิงคนใช้
“อะไรนะ?” เมลโล่ว์ถามขึ้นเบาๆแต่ก็ไม่มีใครตอบหรือสนใจคำถามของเธอ
“ท..ทราบแล้วค่ะ” สาวใช้ทั้งสี่คนก้มหน้าก้มตารีบทำตามหน้าที่ของตัวเองทันทีที่เบลนด์เนสออกคำสั่ง พวกหล่อนตรงมาหาร่างบางที่เตียงแล้วพาตัวไปที่ห้องน้ำโดยที่เธอไม่ทันได้ปฏิเสธ
“ลืมบอกไป...ถ้าใครกล้าแอบกินเหยื่อของฉันล่ะก็ ฉันจับฉีกเป็นชิ้นๆแน่” เขาพูดทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นก็ทำให้พวกหล่อนกลัวจนหัวหด ไม่มีเสียงตอบรับอะไรนอกจากท่าทีกระสับกระส่ายของพวกเธอบ่งบอกว่ารับรู้เป็นอย่างดีแล้วก่อนที่จะพาเมลโล่ว์เข้าห้องน้ำไป
“จะทำอะไรน่ะ?...อย่านะ ฉันถอดเองได้ ฉันอาบน้ำเองเป็นไม่ต้องทำให้..ว้าย!” เมลโล่ว์ไม่คุ้นชินกับการมีคนคอยอาบน้ำให้มาก่อนทำให้เธอตกใจและส่งเสียงโวยวายดังออกมาถึงในห้องนอน เบลนด์เนสนั่งรออยู่ที่โซฟาได้ยินเสียงของเธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากกุมขมับเล็กน้อยรอจนกว่าเธอจะอาบน้ำเสร็จ
ผ่านไปพักใหญ่ร่างบางกลับออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับสาวใช้คนอื่นๆ เนื้อตัวเธอเปียกชุ่มและถูกห่อเอาไว้ด้วยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ ไหล่อันบอบบางห่อเกร็งเมื่ออยู่ต่อหน้าเบลนด์เนส เธอกำผ้าเช็ดตัวเอาไว้แน่นแล้วยืนขมวดคิ้วไม่ยอมพูดจาก่อนจะถูกพาไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง
“แต่งตัวให้เธอด้วยล่ะ หวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยหลังจากฉันกลับออกมาแล้วนะ” เขาพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ
ร่างบางที่ถูกจับให้ยืนนิ่งราวกับเป็นหุ่นลองชุดที่กำลังถูกบรรดาแวมไพร์สวมชุดและแต่งตัวให้ พวกหล่อนสี่คนแบ่งหน้าที่กันทำ สองคนจัดการกับผมอันยุ่งเหยิงนั่นจนเรียบร้อย และอีกสองคนที่เหลือจัดหาเสื้อผ้าให้เธอใส่ เมลโล่ว์ไม่ได้ใส่ใจกับเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับเหล่านั้นเสียเท่าไหร่ เธอกำลังหวาดระแวงเหล่าสาวใช้พวกนี้มากกว่า เพราะทุกครั้งที่สบตาพวกหล่อนสิ่งเดียวที่มองเห็นจากแววตานั่นคือความหิวกระหายและโหยหาในเลือดของมนุษย์แต่พวกหล่อนก็พยายามอดกลั้นตัวเองไม่ให้พลั้งมือ เพราะคำพูดของเบลนด์เนส อำนาจของเขายังคงควบคุมพวกหล่อนเอาไว้ได้อย่างน่าแปลก
ฉึบ!
“โอ๊ย!?” เมลโล่ว์อุทานออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ เป็นเพราะชุดที่จัดมาหลวมเกินไปจึงต้องทำการเย็บเข้ารูปเองเสียใหม่ทำให้กรรไกรตัดด้ายเผลอขูดผิวของเธอจนเลือดไหลซึมออกมา
“ขอโทษที ฉันไม่ได้...เฮือก!” สาวใช้ที่ทำให้เธอเป็นแผลรีบเอ่ยขอโทษแต่ยังไม่ทันได้พูดจบ ท่าทีของหล่อนก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอและคนอื่นๆต่างก็พากันจดจ้องไปที่เลือดซึ่งกำลังไหลซึมออกมาทีละนิดจากข้อมือเรียวของร่างบาง สำหรับแวมไพร์อย่างพวกหล่อนแล้วกลิ่นเลือดนั้นกระตุ้นความกระหายให้เพิ่มมากขึ้นเกินกว่าจะอดใจได้ เมลโล่ว์รู้ตัวทันทีเมื่อเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของพวกหล่อน อันตรายประชิดอยู่รอบตัวเธอและเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที
ปึง!
เสียงประตูดังแทรกบรรยากาศตรงหน้าขึ้น เมื่อเจ้าของห้องกลับออกมาจากห้องน้ำ กลิ่นเลือดของเมลโล่ว์ทำให้เขารู้ตัวเช่นกัน พวกสาวใช้ต่างก็รีบพากันเดินถอยห่างจากเมลโล่ว์ในทันที
“พวกเธอบังอาจมากที่ขัดขืนคำสั่ง บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าห้ามแตะต้องเหยื่อของฉัน” เบลนด์เนสบอกกับพวกหล่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม “ฉันต้องทำให้เห็นเป็นตัวอย่างสินะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าขัดขืนคำสั่ง...” เขามุ่งหน้าตรงเข้าไปหาบรรดาหญิงคนใช้ที่ยืนสั่นเทาไปด้วยความกลัว หมายจะทำร้ายพวกหล่อนเป็นการลงโทษ
“เดี๋ยวก่อนเบลนด์เนส...” เมลโล่ว์หยุดร่างสูงเอาไว้ก่อนที่จะพูดต่อ
“พวกเขาไม่ได้ทำอะไรฉัน มันเป็นอุบัติเหตุ ฉันแค่ถูกกรรไกรบาดนิดเดียว ยังไม่มีใครทำอะไรฉันเลยนะ” เมลโล่ว์รีบอธิบายทันที เพราะเธอไม่อยากให้เกิดการลงไม้ลงมืออีก เบลนด์เนสหยุดยืนอยู่กับที่แล้วหันกลับมาหาเจ้าของเสียงห้ามนั้น เขาไม่ได้พูดอะไรแต่คว้าข้อมือข้างที่มีแผลของเธอยกขึ้นก่อนที่จะใช้ปลายลิ้นเกลี่ยคราบเลือดที่เลอะมือของเธออยู่ออกแทน
“ให้ตายสิ...กลิ่นเลือดของเธอมันเตะจมูกมากว่าคนอื่น ฉันไม่มีเวลามาคอยเฝ้าไม่ให้ใครยุ่งกับเหยื่อของฉันด้วยสิ” เขาพูดคล้ายว่ากำลังหงุดหงิด แต่ก็ราวกับแฝงไปด้วยความพึงพอใจ เขาวางแผนบางอย่างเตรียมเอาไว้ และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาชอบใจไม่น้อยเลยทีเดียว
..........................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ