Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน

7.3

เขียนโดย LanzaDeLuZ

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.

  67 chapter
  7 วิจารณ์
  64.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

63)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
 
 
======================================================
 
 
 
       " ว่าไงนะ?!! "  สิ้นเสียงร่ายเวทย์แปลกๆของเรย์ลาลีน คาสซานดร้าที่กำลังตั้งท่าร่ายเวทย์เพื่อซัพพอร์ตอยู่ถึงกับอุทานลั่นจนปล่อยให้เวทย์ที่กำลังร่ายค้างอยู่สลายกลายเป็นธาตุอากาศไปเลย ทำเอาราชินีปิศาจสาวที่ยืนอยู่ข้างๆหันกลับมามองอย่างแปลกใจ
 
       " หือ? มีอะไรรึเปล่า น้องด้า? "  
 
         คาสซานดร้าหันไปมองเรย์ลาลีนและเซลรีเนียสลับกันด้วยคิ้วที่ขมวดแน่นและริมฝีปากที่เม้มบางเฉียบจนแทบจะเป็นเส้นตรง
 
       " เวทย์นั่น... "
 
       " หืม? "
 
       " ถ้าเขาร่ายเวทย์นั่นออกมาได้ ซึ่งบอกตรงๆว่าไม่มีทางทำได้แน่ ...ถ้าเขาทำได้ ...มันจะเป็นสิ่งรับรองอย่างไร้ข้อกังขาเลยว่าเขาคือผู้สืบสายเลือดผู้วิเศษของท่านเชรีน่าแน่นอนจริงๆ "
 
         สำหรับผู้ที่ไม่ใช่ผู้ใช้เวทย์มนตร์อย่างเซลรีเนียอาจจะยังต้องขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก  แต่สำหรับผู้ใช้เวทย์แต่กำเนิดอย่างคาสซานดร้าจะรู้ได้ทันทีเลยว่าเวทย์ที่เรย์ลาลีนพึ่งร่ายไป ไม่ใช่เวทย์ที่จอมเวทย์ปกติ หรือแม้แต่จอมเวทย์ชั้นสูงจะสามารถร่ายออกมาได้เลย...การร่ายเวทย์แบบร่าย 3 ชั้นหรือ Triple spells นั้นจะไม่สามารถทำได้เลยหากผู้ใช้ยังไม่ได้บรรลุเพดานขีดจำกัดทางเวทย์มนตร์อย่าง ความเร่าร้อนแห่งธารหิมะ  หรือ ห้วงคำนึงแห่งสายลม  และต่อให้บรรลุจริงๆ ก็ใช่ว่าจะทำได้ซะทุกคนอีกต่างหาก 
 
       " เธอเองก็พอจะรู้ใช้ไหมว่าถ้าไม่นับมหาเวทย์ Hi Anciant  การร่ายเวทย์และเวทย์ที่ร่ายออกมาจะแบ่งออกเป็น 10 ระดับ และแต่ละระดับก็แสดงผลต่างกัน "
 
       " อธิบายไวๆหน่อยสิยะ  อ๊ะ! แต่อย่าสปอยล์เชียวนะ เดี๋ยวฉันดูไม่สนุก "  
 
       " เธอนี่มัน... "  จอมเวทย์สาวถอนหายใจเฮือกก่อนจะพูดต่อโดยพยายามจะย่อให้สั้นที่สุด  " การร่ายเวทย์แบบ 3 ชั้นสิ้นเปลืองขีดจำกัดเวทย์ในคราวเดียวมากเกินไป ถ้าเรย์ลาลีนสามารถร่ายเวทย์ระดับ 9 ออกมาเป็นเวทย์ 3 ชั้นได้จริงๆโดยที่ไม่ถูกพลังตีกลับจนตัวระเบิดตายเสียก่อน ก็แปลว่าเขาจะเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์นอกจากท่านเชรีน่าและทันทารอสของเธอ ที่จะสามารถร่ายเวทย์ในระดับ 27 หรือเกินกว่าระดับ 10 เกือบ 3 เท่าออกมาได้เลยยังไงล่ะ! "
 
         ย้อนกลับมาที่เรย์ลาลีนซึ่งตอนนี้เขาไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้นอีกต่อไป...หูของเขาบัดนี้อื้ออึงจนเหมือนกับดับไปชั่วขณะจากการร่ายเวทย์ไปเสียแล้ว ถึงเขาจะทำการ โกง  ด้วยการดึงด้านมืดระดับสูงมาช่วยในการร่ายเวทย์แทนเพื่อไม่ให้ร่างกายของตัวเองรับภาระจากการร่ายเวทย์โดยตรงแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่ต้องจ่ายจากการร่ายเวทย์ระดับที่เกือบจะสูงสุดออกมาถึง 3 ชั้นไม่ใช่สิ่งที่ การร่ายเวทย์แทน  จะสามารถรับภาระแทนได้ทั้งหมด
 
         เปรี๊ยะ !!
 
       " อ...อึก! "  การสั่นสะท้านของเส้นเดินพลังทำเอาเขาถึงกับเข่าอ่อนจนทรุดลงกับพื้น กระอักเลือดออกมาทางปากทันที แต่ก่อนที่เส้นเดินพลังที่เสียหายนั่นจะระเบิดออกและฆ่าเขา ราชศาสตราของเขาก็พุ่งขึ้นไปจนเห็นเป็นเส้นเลือดสีเงินเข้าทำการผสานและซ่อมแซมเส้นโคจรพลังที่เสียหายนั้นทันทีด้วยความเร็วสูงทันที 
 
       ' ท่านเรย์ลาลีน!! '  หญิงสาวในหัวของเขาตะโกนเตือนทันทีด้วยนำเสียงเป็นห่วงเพราะเธอรู้ดีว่าชายหนุ่มกำลังจะถึงขีดจำกัดของตัวเองแล้ว
 
       " ตูไม่ยอมมาตายที่นี่หรอกเฟ้ย!!  "  จอมเวทย์หนุ่มตวาดลั่นทั้งๆที่มีคราบเลือดอยู่เต็มปาก พร้อมๆกับที่เขาชูกำปั้นด้านที่สวมแหวนนำเวทย์ขึ้น ก่อนจะชกไปที่พื้นวงเวทย์อย่างรุนแรงทันที
 
       " ข้าขอถวายแหวนวงนี้ของข้าเป็นบรรณาการแก่ท่าน!  จงออกมาสิฟะ เสาลมค้ำฟ้า 3 ชั้น !!! "  
 
         เพล้งงงง !!!
 
         แหวนนำเวทย์หยกขาวแห่งอลันดอร่า สุดยอดแหวนนำเวทย์จากมือของจอมเวทย์ชั้นสูงระดับตำนาน ภูติขาวอลันดอร่า  สั่นสะท้านก่อนจะร้าวและแตกหักออกเป็นเสี่ยงๆในชั่วพริบตา พร้อมๆกับที่สายลมหมุนสีดำรูปมนุษย์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขาเปล่งแสงสว่างวาบพร้อมกับระเบืดออกในชั่วพริบตา!!
 
 
         ครืนนนนนนนน !!!   ครืนนนนนนนน !!!   ครืนนนนนนนน !!!
 
 
       " ม...ไม่น่าเชื่อ...ไม่สิ ถึงตอนนี้ก็ยังไม่อยากจะเชื่อ! นี่ใช้เวทย์บ้าๆที่ควรจะมีอยู่แต่ในจินตนาการออกมาได้จริงๆเหรอเนี่ย?! "  พริสซิลล่าอุทานพร้อมกับทำตาโตอย่างไม่อยากจะเชื่อตามที่พูดไว้จริงๆ เพราะเสี้ยววินาทีหลังจากที่แหวนหยกขาวแตกกระจาย เวลาที่เดินอยู่ก็เหมือนกับหยุดนิ่งลงไปในทันที! พลังเวทย์ที่ทะลักทลายออกมาจากร่างของจอมเวทย์หนุ่มตอนนี้เหมือนกับน้ำป่าที่เขื่อนใดๆก็ไม่อาจจะกันอยู่ ลำพังแค่พลังที่ว่าอย่างเดียวก็กดดันพวกเธอทุกคนจนไม่อาจมีใครขยับตัวได้อีกต่อไปแล้ว!!
 
         ฉับพลันทันใดนั้นเอง วงแหวนอักขระเวทย์โบราณขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 7-8 เมตร สามวงก็ปรากฎสว่างวาบขึ้นบนพื้น โดยไม่มีวงแหวนเวทย์วงใดที่ทับกันเลย เพราะแต่ละวงมีเส้นรอบวงติดกันกับอีกสองวงที่เหลือ ทำให้วงเวทย์เรียงกันเป็นรูป 3 เหลี่ยมด้านเท่า โดยมีแลนซ์และหอกของเขาอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างขอบวงเวทย์ทั้ง 3 นั่น
 

         แลนซ์หันซ้ายหันขวาพร้อมกับใบหน้าที่หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ หอกของเขาบอกเขาทันทีที่วงเวทย์เริ่มปรากฎว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ควรจะอวดเก่งรับตรงๆแน่ แต่เขาก็ไม่ยอมงอมืองอเท้านั่งรอให้อีกฝ่ายร่ายเวทย์ออกมาจนจบเช่นกัน ชายหนุ่มในร่างอวตารเทพพุ่งเข้าทุบ โลงศพมาร  ที่ผนึกหอกแห่งแสงอยู่ด้วยมือเปล่าแต่พลังกลับทำให้โลงสีดำอันแข็งแกร่งนั่นแตกร้าวในชั่วพริบตา ถึงแม้จะยังชาร์จพลังได้อย่างไม่สมบูรณ์แต่เมื่อโลงแตกออกและพลังรั่วไหลออกมา ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าพลังของหอกในตอนนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายเกาะแห่งนี้รวมทั้ง นาวาสวรรค์  ของเหล่านักเรียนจอมเวทย์ให้เป็นผุยผงได้ในพริบตาเดียว!
 
       " จงล้างผลาญศัตรูข้าด้วยแสงแห่งการชำระล้างแห่งทวยเทพ !!  จบกันเสียที !!  The LastLight !! (พลัง 75%) "
 
         หอกแห่งแสงเปล่งแสงสว่างวาบระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาพร้อมกับลอยเข้ามาอยู่ในมือของแลนซ์ในชั่วพริบตาที่เขาพูดจบ เขาเงื้อหกขึ้นเหนือหัวพร้อมแยกเขี้ยววับ สัญชาตญาณของทุกคนบอกกับตัวเองทันทีว่าถ้าหากหอกเล่มนั้นปักพื้นเมื่อไหร่ ทุกๆอย่างของทุกๆคนก็เป็นอันจบทันที!
 
         พริสซิลล่าเป็นคนแรกที่ขยับตัว สัญชาตญาณของราชศาสตราและของเธอพูดตรงกันว่าแลนซ์เป็นภัยคุกคามที่เกินการควบคุมไปแล้วและต้องถูกกำจัดเดี๋ยวนี้ พริบตาที่เธอตัดสินใจ ราชศาสตราดาบภูติอาถรรพ์ของเธอก็ครางลั่นพร้อมกับเปล่งพลังอาถรรพ์อันน่าขนลุกออกมาทันที
 
       " ถอดฝักดาบ! "  หญิงสาวใช้นิ้วเรียวยาวลูบไล่ไปบนสันดาบวูบ ทันทีที่นิ้วของเธอแตะและลูบ จากสีเงินอันงดงามที่ทุกคนเข้าใจว่าเป็นตัวดาบก็เปล่งประกายกลายเป็นละอองแสงสลายออก เหลือไว้แต่เพียงใบดาบที่แท้จริงซึ่งเป็นสีดำสนิทยิ่งกว่ารัตติกาลที่ไร้แสงดาว พลังอาถรรพ์ที่พุ่งออกมาน่าขนลุกกว่าตอนที่ดาบยังเป็นสีเงินขนาดเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว!!
 
         แต่ก่อนที่เธอจะได้ใช้พลังที่ปลดผนึกออกมา คาสซานดร้าที่ยืนเยื้องๆกับเธอก็ยกมือขึ้นขวางไว้เสียก่อน
 
       " อ...อะไรของเธอยะ ยัยด้า! ไม่เห็นรึไงว่าเจ้าบ้านั่นมันจะฆ่าพวกเราทั้งหมดอยู่แล้ว!! "
 
       " ไม่ต้องแล้วล่ะ... "
 
        " ??? "
 
        " ม...ไม่อยากจะเชื่อ...ถึงจะบอกว่าโกง แต่เวทย์ระดับนี้ยังอุตส่าห์ร่ายออกมาได้ ...เรย์ เมโอ คริสตัล...ฉันยอมรับนายจากใจจริงเลย!! "
 
        
          วงเวทย์ทั้งสามเปล่งประกายสว่างจ้า สร้างพายุหมุนสีเขียวที่มีความเร็วลมสูงยิ่งกว่าพายุใดๆที่เคยเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ขึ้นมา แต่พายุนั่นกลับไม่ล้ำออกมานอกวงเวทย์ที่กำหนดเลยแม้แต่น้อยจึงทำให้แลนซ์ที่อยู่ตรงจุดบอดกลางวงเวทย์ทั้ง 3 ไม่ได้รับความเสียหายใดๆจากพายุทั้ง 3 เลยแม้แต่นิดเดียว
 
        " นี่มัน? "  พริสซิลล่าซึ่งยืนอยู่ในตำแหน่งที่เห็นเหตุการณ์ชัดที่สุดหันมามองเรย์ลาลีนอย่างตกใจเพราะเธอคิดว่าเขาเล็งพลาด แต่เธอก็ต้องขมวดคิ้วอีกครั้งเพราะสีหน้าของจอมเวทย์หนุ่มในตอนนี้แม้จะซีดเผือดเพราะการฝืนตัวเองจนเกือบจะเกินขีดจำกัด แต่ความมั่นใจในสีหน้ากลับไม่พร่องลงเลยแม้แต่น้อย
 
          ในขณะที่แลนซ์ซึ่งอยู่ตรงตำแหน่งจุดบอดกลางวงเวทย์สายลมทั้ง 3 วงที่แรกก็ขมวดคิ้วอย่างงงๆเหมือนกัน แต่เพียงเสี้ยววินาทีต่อมาดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้างจนแทบถลนออกมานอกเบ้าอีกครั้ง เพราะพายุหมุนที่กำลังหมุนวนไปในทิศทางเดียวกันอยู่นี่กำลังร่วมกันดูดเอาอากาศและอณูพลังธาตุสายลมทั้งหมดออกจากบริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมจุดอับตรงกลางนี่ออกไปอย่างรวดเร็ว
 
        " ตอนนี้แหละ! พริส!! "  
 
         " เอาไปอีกที! ผนึกมาร 5 วิถี โลงศพมาร!! "  หญิงสาวใช้ท่าโลงศพมารใส่แลนซ์อีกครั้ง แต่คราวนี้เปล่งพลังออกมาได้เพียง 30% จากปกติก่อนจะทรุดลงไปกระอักเลือดทันทีเพราะอาการบาดเจ็บตกค้างและการใช้พลังแบบไม่บันยะบันยังจนเกินขีดจำกัดของตัวเอง แต่แค่ 30% ก็เพียงพอแล้วสำหรับแผนของเรย์ลาลีน
 
           ผนึกโลงศพมารแบบรีดเร้นพลังจนหยดสุดท้ายถูกใช้ออกมาอีกครั้ง พริบตาเดียวใต้เท้าของแลนซ์ก็ปรากฎอักขระมารดาว 5 แฉกสร้างรยางค์หนามแหลมพุ่งยึดร่างกายและหอกของเขาให้ตรึงอยู่กับที่แม้ว่าพลังที่ใช้มันไม่เพียงพอจะสร้างโลงไออ้อนเมเด้นสีดำมาผนึกอีกีกชั้นได้ แต่แค่รยางค์หนามสีดำก็เพียงพอจะสร้างความลำบากจนเขาไม่อาจหนีออกจากพื้นที่ที่เป็นเหมือนลานประหารนี่ได้แล้ว  แลนซ์กัดฟันกรอดพร้อมกับเตรียมจะชาร์จพลังเพื่อกระชากรยางห์หนามที่แทงยึดเขาอยู่ออก แต่เข่าของเขากลับอ่อนวูบจนเขาถึงกับทรุดลงบนพื้น หอกในมือที่เคยเบาราวกับถือขนนกกลับรู้สึกหนักอึ้งในพริบตา  
 
       " ม...มัน ดูดพลังของเรา?!!! "  จิตใต้สำนึกของหอกที่ครอบงำร่างของแลนซ์อยู่ถึงกับอุทานผ่านร่างของแลนซ์ออกมาดังลั่น
 
         สายลมจากวงเวทย์ทั้ง 3 ของเรย์ลาลีนทำหน้าที่ราวกับพัดลมดูดอากาศที่ดูดเอาอณูทุกสิ่งทุกอย่างออกไป เมื่อแลนซ์ทำการชาร์จพลังร่างกายของเขาจำเป็นต้องทำการเปิดจุดเดินพลังเพื่อเร่งพลัง แต่เมื่ออยู่ในพื้นที่ทีถูกดูดเอาอากาศออกไปจนแทบจะเป็นสุญญากาศ นั่นกลับทำพลังที่เขามีอยู่ในร่างถูกดูดออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่เขา แต่แม้แต่หอกแห่งแสงที่ชาร์จพลังไว้เกือบจะเต็มเปี่ยมยังถูกดูดพลังออกไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งฉัพพรรณรังสีเทพหมองแสงลงไปเรื่อยๆ ชนิดที่ถ้าหากเขาไม่ทำอะไรซักอย่าง ทั้งเขาและหอกมีหวังได้ถูกดูดพลังจนกลายเป็นมัมมี่ตั้งแต่ยังหนุ่มแน่!!
 
        " อ...เอาจริงดิ? นี่คิดจะช่วยทั้งเกาะแห่งนี้และทั้งแลนซ์ไว้ทั้งคู่จริงๆเหรอเนี่ย? " พริสซิลล่าที่นั่งกองอยู่กับพื้นครางออกมาเบาๆ ...ทั้งๆที่เมื่อเรย์ลาลีนร่ายเวทย์ระดับนี้ออกมาได้แล้วแท้ๆ  เขาจะใช้เวทย์ที่เขาร่ายออกมาโจมตีใส่แลนซ์และหอกโดยตรงเลยก็ได้โดยที่ไม่มีใครจะถือโทษอะไรเขาได้เลย แต่เขากลับยังคงยืนยันในความเชื่อของตัวเองด้วยการช่วยทุกคนให้ได้ โดยไม่สนว่าการกระทำของเขาจะส่งผลย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองเพียงใดก็ตาม...เธอเองก็ไม่อาจจะตัดสินได้ว่าการกระทำของเขาควรจะใช้คำจำกัดความว่า กล้าหาญ  หรือ โง่เขลา  ดี แต่ที่เธอบอกได้เลยคือเธอยิ่งเลื่อมใสและอยากได้ตัวของเรย์ลาลีนมาเป็นพวกมากยิ่งขึ้นไปอีก
 
       
          ในขณะเดียวกัน ทางด้านของเซลรีเนียและคาสซานดร้า
 
        " ส...สุญญากาศ? "  คาสซานดร้าอ้าปากพะงาบๆ พูดออกมาโดยแทบไม่มีเสียง
 
        " ว่าไงนะ? "
 
        " เรย์ลาลีน...เขาไม่ได้ใช้พลังและความคมของเวทย์ระดับ 9 ที่เขาพึ่งร่ายออกมาโดยตรง แต่ใช้ผลข้างเคียงหรือ side effect ของเวทย์ให้เป็นประโยชน์แทน พายุหมุนนั่นจะดูดเอาอากาศรอบตัวเข้าไปเสริมพลังให้กับตัวมัน ซึ่งปกติจะสร้างสุญญากาศรัศมีเล็กๆรอบตัวเท่านั้น แต่เรย์ลาลีนใช้การร่ายแบบ triple spells สร้างพายุออกมาพร้อมกันถึง 3 ลูก แถมยังวางตำแหน่งไว้อย่างเหมาะสม... "
 
        " ทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนของ side effect ที่ว่านั่น?! "  พริสซิลล่าอุทานอย่างเริ่มเข้าใจเหตุการณ์อย่างลางๆแล้ว ซึ่งคาสซานดร้าก็พยักหน้ารับเบาๆ
 
        " ...เขาสร้างพื้นที่สุญญากาศแบบยิ่งยวดที่จุดกึ่งกลางที่แลนซ์ยืนอยู่นั่น ตามกฎของการแพร่ (law of diffusion) อณูสารจะแพร่จากบริเวณที่มีสารมากไปสู่บริเวณสารน้อยเสมอ ยิ่งบริเวณที่เป็นสุญญากาศที่ไม่มีอณูสายลมที่เขาต้องการแม้แต่น้อยยิ่งไม่ต้องพูดถึง...ความรู้สึกที่อณูธาตุลมไหลแพร่ออกจากร่างกายของเขาด้วยความเร็วสูงสุดคงดูเหมือนเขาถูกดูดพลังออกไปจากร่างในพริบตาทีเดียวล่ะ! "
 
 
          ย้อนกลับมาที่เรย์ลาลีน เขากำลังเขม้นมองไปที่จุดกึ่งกลางระหว่างพายุทั้ง 3 อันเป็นจุดที่แลนซ์ยืนอยู่พร้อมกับพยายามควบคุมพลังของพายุเวทย์ระดับ 9 ทั้ง 3 ลูกให้คงที่เพื่อไม่ให้พลังลั่นไปทำร้ายแลนซ์ที่บัดนี้แทบจะไร้การป้องกันได้ เพียงไม่ถึงกึ่งอึดใจต่อมาพอคะเนได้ว่าพลังของแลนซ์เหลืออยู่ก้นหลอดพอดีเขาก็พุ่งวูบเข้าไปพร้อมกับเอ่ยคีย์เวิร์ดเพื่อสลายเวทย์พายุหมุนทั้ง 3 ลูกที่ขวางแลนซ์กับเขาอยู่ทันที
 
          ก่อนที่แลนซ์และหอกของเขาซึ่งบัดนี้ไร้ซึ่งพลังใดๆจะได้ตั้งตัว เรย์ลาลีนก็พุ่งเข้ามาประชิดตัวเสียแล้ว
 
        " แก !!! "
 
        " เวลาของแกหมดลงแล้ว กลับไปในที่ของแกซะ!! ผนึกเหล็กไหลราชันย์มังกร!! "  เรย์ลาลีนตวาดลั่น พร้อมกับใช้มือด้านหนึ่งตะครุบเข้าเต็มหน้าผากของแลนซ์ทันที
 
          เสี้ยววินาทีต่อมาแขนข้างนั้นก็กระตุกวูบ ราชศาสตราเหล็กไหล-อินิกม่าอันมีลักษณะเป็นเส้นเลือดสีเงินที่แผ่กระจายเต็มแขนของเขาสว่างวาบพร้อมกับที่แลนซ์ร้องเสียงหลงราวกับหมูถูกเชือด!!
 
        " อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก !!!!!!! "
 
          ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดลงโดยดุษฎี พร้อมๆกับที่ร่างของแลนซ์ชักกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงและและทิ้งตัวลงพื้นราวกับหุ่นกระบอกที่ถูกตัดเชือก พร้อมๆกับที่หอกแห่งแสงที่วางอยู่ข้างๆ จะค่อยๆสลายกลายเป็นละอองแสงตลอดทั้งด้ามและสลายหายไปในเวลาไม่นาน
 
          เรย์ลาลีนทรุดลงนั่งข้างๆร่างของแลนซ์อย่างหมดแรงก่อนจะเป่าปากถอนหายใจเฮือก
 
        ' ...หวังว่าผนึกของเธอจะได้ผลนะ อินิกม่า '
 
        ' ข้า...ฉันก็ไม่อาจจะรับประกันอะไรได้มากนักหรอกนะ '  เสียงที่ไม่แสดงความรู้สึกยินดียินร้ายอะไรของหญิงสาวนามว่าอินิกม่าตอบกลับเขามาในหัวเบาๆ ทำให้เรย์ลาลีนขมวดคิ้วอีกครั้ง
 
        ' อ้าว? แล้วที่... '
 
         ' ถ้าเป็นคู่ต่อสู้ปกติ ผนึกนี่คงจะแสดงผลร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่หรอก แต่เด็กหนุ่มคนนี้เป็นถึงผู้ครอบครองราชศาสตราสายขาวอันดับหนึ่งเชียวนะ  ถึงแม้จะไม่ใช่การครอบครองแบบสมบูรณ์และราชศาสตราก็ยังไม่ยอมรับผู้ครอบครอง แต่เขาก็ยังมีศักดิ์เป็นผู้ครอบครองอยู่ดี ...ผนึกที่ฉันใช้ไปเมื่อครู่อาจจะพอกันไม่ให้หอกเข้าครอบงำเด็กหนุ่มนี่ได้ ...แต่... '
 
        ' แต่? '
 
        ' แต่ถ้าวันใดที่แลนซ์เป็นฝ่ายเรียกหาราชศาสตราเอง วินาทีนั้นต่อให้มีผนังทองแดงกำแพงเหล็กมาขวางก็ไม่อาจจะกั้นและแยกทั้งสองออกจากกันได้อีกต่อไป ...ตลอดกาล '
 
          คำตอบของหญิงสาวทำให้เรย์ลาลีนมีสีหน้าหนักอึ้งอีกครั้ง ก่อนที่เหตุการณ์อีกเหตุการณ์ที่แทรกเข้ามาอย่างกะทันหันจะทำให้เขาถึงกับถอนหายใจเฮือก
 
       ...เหตุการณ์ที่แทรกเข้ามานั่นก็คือจิตสังหารอันเข้มข้นของหญิงสาวเพื่อนร่วมงานจำเป็นของเขาอย่างพริสซิลล่า ที่ส่งตรงมาที่เขาอย่างไม่ยอมปิดบังเลย...
 
        " หึ...ศัตรูของศัตรูของข้าคือมิตรข้า...แต่เมื่อศัตรูของข้าหมดสิ้นไปแล้ว มิตรของข้าก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป...งั้นสินะ พริส? "  เขาพูดพลางกลั้วหัวเราะเบาๆ 
 
         " ... "
 
          ถึงแม้ว่าพริสซิลล่าจะยังคงนิ่งอยู่ แต่สมองของเธอก็กำลังทำงานอย่างรวดเร็วแม้ว่าจะเหนื่อยล้าเพียงใดก็ตาม...เธอยอมรับอย่างใจจริงว่าเรย์ลาลีนเป็นชายคนเดียวที่เธออยากจะให้มาเป็นพรรคพวกมากที่สุด อาจเป็นเพราะเขามีอดีต และทัศนคติที่เกือบจะเหมือนกับเธอไม่มีผิดเพี้ยน แต่จุดแข็งที่สุดของจอมเวทย์หนุ่มที่เธอชื่นชอบจนถึงขั้นโปรดปรานเลยก็คือความสามารถในการวางแผนเฉพาะหน้าได้อย่างล้ำลึกพิศดาร และความใจสู้ไม่ยอมแพ้ทั้งๆที่สถานการณ์เข้าขั้นสิ้นหวังขนาดไหนก็ตาม
 
          แต่หากมองในมุมกลับกัน จนถึงตอนนี้เรย์ลาลีนได้กลายเป็นศัตรูคนสำคัญที่สุดของแผนของเธอไปแล้ว ถึงใจนึงจะอยากได้เขามาเป็นกำลังสำคัญ แต่อีกใจนึงเธอก็อยากจะกำจัด ก้าง  ชิ้นเขื่องนี่ไปให้พ้นๆไม่แพ้กัน ทำตอนนี้เหมือนกับมีคนสองคนกำลังถกเถียงกันอย่างบ้าคลั่งภายในหัวของเธอไม่มีผิด
 
        " ...ฟู่ "  สิ่งที่หญิงสาวทำเป็นเพียงการถอนหายใจเฮือก แต่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดจนไม่มีใครกล้าขยับเช่นนี้ การถอนหายใจเบาๆก็เป็นเหมือนสัญญาณให้ทุกคนขยับทันที
 
          คาสซานดร้าพุ่งวูบเข้ามาพร้อมกับดาบน้ำแข็งในมือที่สร้างขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ พริบตาต่อมาดาบนำ้แข็งอันเย็นเฉียบและแหลมคมของเธอก็พาดไปที่คอของพริสซิลล่าทันที แต่จอมเวทย์สาวก็ต้องชะงัก ตัวแข็งทื่อ เพราะราชศาสตราดาบภูติอาถรรพ์-เอ็กโซซิสที่ถอดฝักแล้วในมือของเซลรีเนียก็วาดมาจ่อคอหอยเธอด้วยความเร็วที่เท่าเทียมกัน...มีเพียงแต่เรย์ลาลีนและพริสซิลล่าเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งโดยไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ราวกับแรงกดดันของบรรยากาศที่หนักอึ้งนี้ไม่มีผลกับเขาทั้งคู่เลย
 
        " ...คืนวันตติยบริมาส (คืนที่ดวงจันทร์ทั้งสามเต็มดวง) "  อยู่ๆ พริสซิลล่าก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุย ทั้งๆที่ยังคงมีดาบน้ำแข็งจ่ออยู่ที่คอแท้ๆ
 
        " ??? "
 
        " วันนี้ในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า...วันเลี้ยงอำลาของทั้งสองสถาบัน เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงหมดทั้ง 3 ดวง...รัศมีพลังของดวงจันทร์เต็มดวงจะช่วยทำให้ นาฬิกาทรายแห่งดาราลาน  ทรงพลังมากที่สุด...เที่ยงคืนของคืนนั้นฉันจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง และคืนนั้นไม่ว่าจะเป็นเทพเป็นมารมาจากไหน ก็ไม่อาจจะหยุดฉันได้อีกแล้ว... "
 
        " คิดจะเล่นลูกไม้อะไรอีก พริสซิลล่า? "  เรย์ลาลีนขมวดคิ้วและถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
 
        " เราทั้งคู่ต่างก็แทบจะไม่มีแรงยืนกันอยู่แล้ว เรย์ฯ ถึงเราจะพยายามสร้างภาพให้ดูเป็นปกติแค่ไหนก็ตาม...ถ้าฉันกับนายคิดจะแตกหักกันตรงนี้เวลานี้จริงๆ ฉันบอกได้เลยว่าต่อให้ตอนจบใครจะเป็นฝ่ายชนะ แต่ผลสุดท้ายพลังของเราก็จะถูกใช้เกินขีดจนตายทั้งคู่อยู่ดี....ซึ่งบอกตามตรงว่ามันเป็นการตายที่ห่วยแตกและไร้สาระที่สุดเท่าที่ฉันคิดได้เลย...ว่าไหม? "
 
        " ... "
 
        " เพราะงั้นเราต่างฝ่ายต่างถอยกันคนละก้าวดีกว่า ตอนนี้นายควรจะภูมิใจที่นายพึ่งจะช่วยชีวิตคนที่ฉันคิดว่ายังไงก็ต้องตายได้ก็พอแล้ว... "  พริสซิลล่าพูดพร้อมกับปัดดาบน้ำแข็งออกจากคอของเธออย่างง่ายๆ โดยที่คาสซานดร้าก็ไม่ได้ว่าอะไร พร้อมๆกับที่ดาบเอ็กโซซิสของเซลรีเนียถูกเก็บลงสู่ฝักอีกครั้ง
 
        " ...พริสฯ ...ฉันลองถามเล่นๆนะ ...จะไม่มีอะไรหยุดไม่ให้เธอแย่งชิงไอ้...นาฬิกาทรายบ้านี่เลยงั้นเหรอ? "
 
          คำถามแบบ เล่นๆ ของเรย์ลาลีนกลับทำให้พริสซิลล่าที่หันหลังกลับเตรียมจะจากไปถึงกับชะงักกึก ดวงตาหม่นแสงลงพร้อมกับกรามที่ถูกขบจนนูนเป็นสัน ก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะสลายหายไปราวกับโกหกพร้อมกับที่เธอพูดตอบกลับมาเรียบๆ
 
        " ...ไม่มี "
 
        " พริสฯ... "
 
        " ...ฟังนะ เรย์ลาลีน เหตุการณ์ในคืนนั้นจะเป็นไปเพียง 2 ทางเท่านั้น...คือฉันได้นาฬิกาทรายแห่งดาราลานมาครอบครอง...หรือไม่...ร่างของฉันก็ต้องถูกฝังไว้คู่กับนาฬิกาทรายนี่ ...และแม้แต่นายก็ไม่อาจเปลี่ยนมันได้ "  เธอพูดอย่างไร้เยื่อใย ทำราวกับว่าการร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่นเมื่อครู่เป็นเพียงแค่เรื่องโกหกเท่านั้น แต่ก่อนที่เธอกับเซลรีเนียจะจากไป พริสซิลล่าก็หันกลับมาหาเรย์ลาลีนอีกครั้ง พร้อมกับรอยยิ้มหวานที่ที่แรกเขาคิดว่าตาฝาดไป พร้อมกับที่เธอพูดขึ้นอีกครั้ง
 
        " วันนี้สนุกมากเลยนะ เรย์ฯ...และฉันขอบอกซ้ำอีกครั้ง "
 
        " ??? "
 
        " ...จนกว่าจะถึงคืนนั้น...ที่สำหรับนายยังคงมีอยู่เสมอ...ลองคิดดูดีๆนะ ว่าสิ่งที่ใจนายต้องการจริงๆ คืออะไร "
 
        " เธอ! "
 
        " ลาก่อน...เรย์ฯ โปรดถนอมตัวไว้ให้ดีจนกว่าเราจะได้พบกันใหม่อีกครั้ง "  ก่อนที่เธอและเคียวค่ในมือจะกลายเป็นเงาดำและสลายไปในอากาศอย่างกับโกหกไม่ผิด
 
          ในขณะที่เซลรีเนียที่กำลังจะสลายกลายเป็นหมอกดำถอนตัวตามไปหันกลับมามองคาสซานดร้าอีกครั้งพร้อมกับพูดเบาๆ
 
        " ...หวังว่าเจอกันครั้งหน้าสิ่งที่กั้นเราอยู่จะเป็นเพียงกระดานหมากรุกเหมือนเดิมนะ น้องด้า...ตลอดชีวิตของฉันมีเพื่อนไม่มาก และฉันก็ไม่อยากจะเสียเพื่อนที่น่ารักแบบเธอเร็วเกินไปนัก... "
 
        " นี่ใจคอจะไม่คิดว่าฉันจะเป็นฝ่ายชนะเธอเลยใช่ไหมเนี่ย? "  คาสซานดร้าสลายดาบน้ำแข็งในมือพร้อมกับพูดตอบกลับไปแบบทีเล่นทีจริงเบาๆ
 
        " คิกๆๆๆๆ เธอก็ชนะไปแล้วไง ครั้งหน้าฉันต้องแก้แค้นหมากเกมนั้นให้ได้เลย...เพราะงั้นจนกว่าจะถึงวันนั้น "  เซลรีเนียก้มหัวให้เล็กน้อยพร้อมกับยิ้มพราย  " ถนอมตัวไว้ให้ดี...คาสซานดร้า...เพราะเราได้เจอกันใหม่ในเร็ววันนี้แน่ "  ก่อนที่เธอจะสลายตัวเป็นหมอกดำกลืนหายไปกับอากาศไป
 
        " แล้วเจอกัน...เนียฯ "  คาสซานดร้าพึมพำตอบกลับไปเบาๆ ก่อนที่เธอจะหันกลับมาหาเรย์ลาลีนที่ยังคงมีคดีให้เคลียร์กันอีกครั้ง
 
        " ...จบแล้วสินะ "
 
        " อืม... "  จอมเวทย์หนุ่มครางเบาๆ พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนพื้นหินอ่อนที่บัดนี้แตกละเอียดจนแทบจะเป็นเม็ดทรายอยู่แล้ว ก่อนที่เขาจะเลิกคิ้วอย่างนึกขึ้นได้พร้อมกับผงกหัวขึ้นมาหาหญิงสาวอีกครั้ง
 
        " นี่ คาสซานดร้า "
 
        " หืม? "
 
        " ถ้าคราวหน้าฉันพูดว่า หนักกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้ว  ช่วยเตือนฉันทีว่าฉันหมายถึงวันนี้นะ "  ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงและปิดสวิตซ์สลบยาวไปเลย
 
        " ............ "
 
 
 
 
 
........................................................
 
 
 
 
 
       ...ณ แนวป่าที่ใดที่หนึ่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลจากอาคารเรียนกลางมากนัก...
 
          หญิงสาวผิวซีดเหลือบหันหลังกลับไปมอง ณ ตำแหน่งอาคารเรียนกลางพร้อมทั้งขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจนักจนแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน
 
        " คำสั่งถอนตัวงั้นเหรอ...ตอนนี้เนี่ยนะ? "  เธอพึมพำเบาๆ พร้อมกับถอนหายใจเฮือกอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้าขืนไปลองดีขัดคำสั่งมีหวังได้โดนอาญาฐานขบถศึกแน่ เธอจึงหันมาหาชายหนุ่มตรงหน้าพร้อมกับพูดขึ้นเรียบๆ
 
        " ช่วยไม่ได้...งั้นวันนี้เราถือว่าเสมอกันก็แล้วกันนะ "  ก่อนที่ร่างของเธอจะสลายกลายเป็นหมอกสีดำสนิทหายไปกับสายลม เหลือไว้แต่เพียงคำพูดส่งท้ายที่ก้องกังวานไปโดยรอบราวกับภูติผีว่า
 
        " ถนอมตัวให้ดี โนอาห์ ซี. วูล์ฟแฟนธ่อม...เจอกันครั้งหน้าจะเป็นวันตายของนาย...ผู้ชายคนเดียวของฉัน... "
 
          โนอาห์ที่ตลอดเวลาเขายืนนิ่งราวกับรูปปั้นหินขยับริมฝีปากเป็นรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะพูดปานเสียงกระซิบเบาๆ
 
        " ...เสมอ ...งั้นเหรอ?...ช่างเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดีงามจริงๆ "  
 
          สิ้นคำกระซิบ ร่างทั้งร่างของเขาก็ปรากฎรอยแผลที่มีลักษณะคล้ายโดนมีดโกนหรือมีดผ่าตัดบาดขึ้นทั่วทั้งร่าง ก่อนที่เลือดสดๆจะพุ่งออกจากบาดแผลทุกบาดแผลราวกับน้ำพุเลือดอันน่าสยดสยองไม่มีผิด!!
 
        " ช่างเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีจริงๆ ...ฉันคิดไม่ผิดจริงๆที่ได้รักเธอ...ไดแอนฯ "
 
          ก่อนที่เขาจะทรุดจมลงบนกองเลือดตัวเอง ที่แทบจะย้อมแนวหญ้าให้กลายเป็นสีแดงสด พร้อมๆกับสติสัมปชัญญะที่หลุดลอยไปโดยสิ้นเชิง...
           
        
 
 
 
 ...........................................................
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา