Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน
7.3
เขียนโดย LanzaDeLuZ
วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.
67 chapter
7 วิจารณ์
64.12K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
53) ...ชิ้นที่ 4 ...(2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ================================================
...สำหรับผู้ใช้ธาตุธรรมชาตุระดับสูงทุกคน...ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้พลังจิตหรือจอมเวทย์...แม้ว่าจะรู้ว่ามันไม่ใช่เวลา แต่ทุกคนก็อดหันไปมองหอกสายลมสีเขียวสดในมือของแลนซ์ไม่ได้...แม้ว่ารูปร่างมันไม่ได้ต่างจากหอกสายลมที่เป็นรูปแบบพลังจิตเดิมของเขา แต่กลิ่นอายที่แผ่พุ่งออกมาจากหอกเล่มนั้น กลับสร้างความกดดันแผ่พุ่งไปรอบๆ ราวกับเป็นการเตือนครั้งสุดท้ายให้ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าหอกเล่มนี้ถอยไปยังไงยังงั้น...
" เรย์ฯ! " เซลรีเนียผู้ซึ่งเดาออกเป็นเลาๆ แล้วว่านี่เป็นหอกที่มาจากคำแนะนำของเรย์ลาลีนหันมาถามผู้เป็นน้องชายเสียงเข้ม ในขณะที่ตัวต้นเหตุได้แต่ยักไหล่โดยที่ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธอะไร
" นายท่า--- ท่านเชรีน่า?...นั่นมัน? " คาสซานดร้าหันมาเหมือนจะถามเพราะเห็นว่าเชรีน่าเป็นคนที่น่าจะแก้ข้อสงสัยได้ดีที่สุดในที่นี้ โดยรีบเป็นคำนำหน้าทันทีที่เห็นสายตาของผู้อำนวยการสาวของตน
" ฉันเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากกว่าที่เธอรู้หรอกนะ...ไอ้คนที่รู้มันก็ดันปิดปากเงียบซะอีก...แต่ถ้าสัญชาตญาณของพวกเราไม่ผิด หอกนั่นไม่ใช่สิ่งที่ชาร์ลควรจะรับตรงๆ แน่ "
ภายในลานประลองที่เสียงภายนอกไม่อาจจะแทรกเข้ามาได้ ...
ชาร์ล...จอมเวทย์หนุ่มผู้ใช้พลังเพลิงสีดำสนิทมองที่หอกสายลมที่แลนซ์กำลังใช้พลังเกือบทั้งหมดประคองให้เป็นรูปเป็นร่างอยู่นิ่ง...ใช่ว่าเขาไม่อยากจะฉวยโอกาสโจมตีอีกฝ่ายในขณะที่กำลังรวบรวมพลังอยู่ แต่ความจองหองบางอย่างที่ดูเหมือนจะมีอยู่เต็มจิตใจของเขาบอกเขาว่ามันคงเป็นเหมือนหอกธาตุสายลมเล่มก่อนๆ หรือหากจะต่างก็คงต่างกันไม่มากพอจะพลิกสถานการณ์ได้แน่ๆ
" นั่นมัน... "
" อ้าว? ไอ้ความมั่นใจเมื่อครู่นี้มันหายไปไหนหมดซะล่ะ " คำพูดของชายหนุ่มคูประลองตรงหน้าทำเอาชาร์ลถึงกับคิ้วกระตุก...โดยไม่จำเป็นต้องร่ายเวทย์ เพลิงสีดำสนิมที่ไหลเวียนอยู่รอบตัวเขาหนุนควงไปบนอากาศอย่างรวดเร็วก่อนจะควบแน่นกลายเป็นมังกรสีดำขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาแลนซ์อย่างประสงค์ร้ายด้วยไอความร้อนชนิดที่กะจะเอาให้อีกฝ่ายระเหิดไปกับตาเลยทีเดียว!
" การประลองจบลงตรงนี่! แลนซ์!! "
" ใช่แล้ว! การประลองจบลงตรงนี้!! ชาร์ล!!! " แลนซ์ตวาดลั่นพร้อมกับปาหอกสวนมังกรเพลิงสีดำตัวนั้น...ทั้งๆ ที่หอกเล่มนั้นควรจะถูกธาตุไฟของมังกรกลืนกินไปอย่างง่ายๆ แท้ๆ แต่การณ์กลับเป็นไปในทางตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง...หอกสายลมสีเขียวเล่มนั้นพุ่งทะลุและฉีกกระชากมังกรไฟสีดำตัวนั้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พร้อมกับพุ่งอย่างช้าๆ เข้าใส่ชาร์ลแถมยังตามติดแม้ว่าชาร์ลจะกระโดดหลบไปรอบๆ แล้วก็ตามจนความอดทนของชาร์ลสิ้นสุดลง
" กะอีแค่หอกต๊อกต๋อย! มันจะอะไรกันนักกันหนาวะ!! คันฉ่องราชันย์อัคคี!! " ชาร์ลตวาดลั่นพร้อมกับร่ายเวทย์สร้างเกราะเพลิงระดับ 8 ที่คล้ายคลึงกับสุดยอดเวทย์สายป้องกันบทเก่งของเรย์ลาลีนเพียงแต่เป็นธาตุไฟออกมา...จากที่เห็นด้วยตาเปล่า เวทย์บทนี้สามารถกันได้แม้แต่เวทย์ระดับ 9 ด้วยซ้ำ!
" นั่นมัน?! ไม่อยากจะเชื่อเลย! ชาร์ลใช้เวทย์บทนี้ได้ทั้งๆ ที่ยังไม่สำเร็จ ลมหายใจแห่งเปลวเพลิง ด้วยซ้ำงั้นเหรอเนี่ย?! " คาสซานดร้าอุทานลั่น เพราะขนาดเธอซึ่งเป็นนักเรียนเวทย์คนเดียวในมหาลัยหมื่นเวทย์ที่ใช้เวทย์ระดับ 8 ได้ยังไม่สามารถบรรลุ ความเร่าร้อนแห่งธารหิมะ ซึ่งเป็นชื่อเรียกระดับเพดานของจอมเวทย์เพือให้ได้รับพลังพิเศษอย่าง กระจกเวทย์ ได้เลยด้วยซ้ำ แต่เชรีน่าที่ยืนอยู่ข้างเธอกลับส่ายหน้าช้าๆ
" นั่นเป็นแค่การเพิ่มพลังแบบหลอกๆ ชั่วคราวซึ่งเป็นความสามารถพื้นฐานของด้านมืด...มันก็ไม่ต่างอะไรจากการโด๊ปยานั่นแหละ...แถม...หอกเล่มนั้นไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ถูกป้องกันได้ซะด้วย...ใช่ไหม? เรย์ฯ? "
เรย์ลาลีน นีโอ คอบร้าที่ยืนกอดอกดูการประลองอยู่ไม่ไกลจากเชรีน่านัก เพราะทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้หัวเราะในลำคอเบาๆ แต่ดวงตาของเขากลับไม่ได้บ่งบอกถึงความขบขันเลยแม้แต่น้อย...สมองที่อ่อนล้าของเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง...มันมีบางอย่างที่สัญชาตญาณของเขาพยายามบอกว่าเขามองข้ามไป...ตอนนี้เขาต้องคิดเพียงแต่ว่า...อะไร...คือสิ่งที่เขามองข้ามไปเท่านั้น...
' ...คิดสิคิด...เรย์ลาลีน...แกไม่ใช่คนโง่ ...อะไรที่เรามองข้ามไป ...บางอย่างที่เหมือนจะไม่สำคัญแต่มีความสำคัญยิ่งยวด ...คิดสิ '
ทันทีที่สุดยอดหอกที่เป็นหนึ่งในไม้ตายที่แลนซ์เรียนรู้มาจากอาจารย์ของเขากระทบกับสุดยอดเวทย์สายป้องกัน คันฉ่องราชันย์อัคคี หอกเล่มนั้นกลับแตกสลายกลายเป็นฝุ่นละอองสีเขียวสดขนาดเล็กนับไม่ถ้วน พุ่งเข้าสู่ร่างของชาร์ลโดยที่เขาไม่อาจจะหยุดยั้งได้!
" น...นี่มัน?! " ชาร์ลยกมือข้างที่ไม่ได้ถือไม้เท้าเวทย์ขึ้นมามอง ในเวลาเดียวกับที่มือข้างนั้นเกิดไฟลุกท่วมขึ้นทันที...แม้ว่ามันจะไม่ได้รู้สึกร้อนอะไรเมื่ออยู่มือของเขา แต่ชาร์ลรับรู้ได้ในทันทีว่าพลังเวทย์ของเขาถูกเผาผลาญไปเรื่อยๆ อย่างไม่อาจควบคุมได้ เหมือนกับเขากำลังร่ายเวทย์บทใหญ่อยู่ตลอดเวลา...ซึ่งถ้าหากเขายังคงไม่ยอมทำอะไรอีกเพียงไม่ถึงนาที มีหวังร่างกายของเขาได้ระเบิดเป็นชิ้นๆ เพราะเขาเผาผลาญอณูเวทย์ถึง ขีดจำกัดพลังเวทย์ ของตัวเองแน่
" เรย์ฯ นายสอนอะไรเด็กคนนั้นกันเนี่ย?!! " เป็นครั้งแรกที่เชรีน่าหันมาร้องเสียงหลง เพราะนอกจากเรย์ลาลีนซึ่งเป็นเจ้าของต้นแบบหอกเล่มนั่นแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นเดียวที่เข้าใจหลักการทำงานของหอกเล่มนั้นแล้ว ในขณะที่ผู้เป็นน้องชายของเธอได้แต่เกาหัวแกรกๆ ด้วยสีหน้าเริ่มปั้นยาก เพราะเขาเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าหอกนั่นจะมีอานุภาพร้ายแรงขึ้นขนาดนี้เมื่ออยู่ในมือของลูกศิษย์ของเขา
" สงสัย...หอกที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังจิตน่าจะทรงอานุภาพมากกว่าสร้างจากอณูเวทย์แฮะ...พึ่งจะรู้นะเนี่ย "
" อย่าพูดอะไรไร้ความรับผิดชอบอย่างนั้นสิย้าาาา!!! "
" โห ประโยคโคตรคุ้นเลย...ละอายใจบ้างไหมที่พี่พูดคำนี้ออกมาเนี่ย? "
" ท่านเชรีน่า? " เหล่า Challengers ฝ่ายจอมเวทย์อดรนทนไม่ได้จนต้องขัดจังหวะเธอเพื่อถามขึ้น เพราะหอกเล่มนั้นเหมือนจะสร้างแรงกดดันกับเหล่าผู้ใช้เวทย์มนตร์โดยเฉพาะ จนเชรีน่าถอนหายใจเฮือก
" ฉันจะพยายามอธิบายหลักการทำงานของหอกนั่นให้ง่ายที่สุดก็แล้วกันนะ หอกเล่มนั้นเป็นเหมือนกับการใช้จุดอ่อนของธาตุสายลมที่มีต่อธาตุไฟเปลี่ยนให้กลายเป็นจุดแข็งที่สุด...อย่างที่อาจารย์วิชา ความสัมพันธ์ของธาตุธรรมชาติทั้ง 8 ได้สอนเธอไปแล้ว ธาตุลมจะถูกดูดกลืนไปเสริมพลังให้แก่ธาตุไฟซึ่งมีฐานันดรธาตุข่มกัน...ดังนั้นถ้าหากผู้ใช้ธาตุลมไม่เหนือกว่าชนิดสุดๆ จริงๆ ต่อให้ทุ่มพลังใส่เท่าไหร่ ธาตุลมก็ถูกดูดกลืนและเผาผลาญเป็นเหมือนเชื้อฟืนชั้นดีสำหรับธาตุไฟเท่านั้น
หอกเล่มนั้นอาศัยกฎที่ฉันว่ามา เขารวบรวมพลังธาตุสายลมไว้ในหอกด้วยความหนาแน่นยิ่งยวดแต่เล็กละเอียดยิ่งกว่าฝุ่นผง แล้วส่งเข้าสู่ร่างของชาร์ลโดยตรง...ถ้าจะให้จินตนาการก็คงจะเหมือนกับการเอาแอลกอฮอล์ชั้นไปดีราดลงบนกองเพลิงแบบไม่อั้น...ลองคิดดูสิว่ามันจะเป็นยังไง "
" เกิดการลุกไหม้ที่ไม่สามารถควบคุมได้ " คาสซานดร้าที่หัวดีกว่าทุกคนพูดเหมือนกับครางออกมาดังๆ
" ใช่แล้ว...พูดกันตามความจรืง...ชาร์ลเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้วล่ะ...แค่ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไหร่เท่านั้น " เชรีน่าพูดเรียบๆ ...อันที่จริงแล้วเธอก็อดโล่งใจไม่ได้เหมือนกันที่ผลออกมาในรูปนี้ แต่เธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสีหน้าของเรย์ลาลีน เพราะผู้เป็นน้องชายของเขาทำหน้าเครียดมากขึ้นในขณะที่ดวงตายังคงจ้องมองไปที่ลานประลองนั้นไม่วางตา
" ไม่หรอก...การประลองไม่ได้จบแบบแฮ้ปปี่ เอ็นดิ้งแบบนี้แน่...เจ้าหนุ่มนั่น...ชาร์ลคนนั้นก้าวข้ามจากขั้นต้นของด้านมืดไปสู่ขั้นที่ 2 แล้ว " เรย์ลาลีนที่เหมือนจะเป็นผู้ที่เคยสัมผัสด้านมืดมากที่สุดบนเกาะแห่งนี้จากการใช้ ร่างทรงทรราชย์วายุทมิฬ ครางเบาๆ
" ว่าไงนะ?! " เชรีน่าหันขวับไปมองเพราะว่าถึงเธอจะไม่เคยสัมผัสด้านมืดมาก่อนเลยในชีวิต แต่ความรอบรู้ของเธอก็มีมากพอจะทำให้เธอทราบว่าระดับของความเสี่ยงอันตรายทั้งต่อตัวชาร์ลเองและทั้งคู่ประลองของเขาเพิ่มมากขึ้นไปทุกที...แต่สำหรับเรย์ลาลีน สิ่งที่ชาร์ลพึ่งทำมันเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้...ขั้นที่ 2 ของด้านมืดเป็นอะไรที่แม้ว่าเขาจะอยู่ในภาวะอับจนสุดขีดแค่ไหน เขาก็ไม่เคยคิดจะไปสัมผัสมันเลย...
...เพราะมันเป็นการก้าวผ่านจากการร่ายเวทย์โดยใช้อณูพลังเวทย์ที่มีอยู่รอบตัว...ไปเป็นการร่ายเวทย์...จากพลังชีวิตของตัวเอง!!...
บนลานประลอง ชาร์ลตวาดลั่นพร้อมกับใช้เข่าหักไม้เท้าเวทย์ระดับสูงที่แทบจะประเมินค่าไม่ได้ของตนทิ้งเป็น 2 ท่อนราวกับหักกิ่งไม้แห้งที่ไร้ค่า เขากระทืบเท้าตูมด้วยพลังเกินมนุษย์จนกระทั่งพื้นหินแกร่งถึงกับแตกร้าวอย่างน่ากลัวพร้อมกับผลักดันอณูเวทย์ธาตุลมซึ่งเป็นสิ่งแปลกปลอมในร่างกายให้กระเด็นออกมา...สิ่งที่หมุนวนรอบตัวของเขาไม่ใช่เพลิงสีดำอีกแล้ว แต่มันเป็นกระแสโลหิตสีแดงสดที่กำลังลุกเป็นไฟจากร่างกายของเขา...ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง และส่วนเนื้อตาขาวถูกกระแสที่คล้ายกับเส้นเลือดฝอยสีดำสนิทครอบคลุมจนดูไม่เหมือนเป็นดวงตาของมนุษย์อีกต่อไป!!
" การ ...ประลอง ...ที่แท้จริง ...เริ่มจากจุดนี้ !!! " ชาร์ลคำรามขึ้นด้วยเสียงที่เปลี่ยนไปเป็นเหมือนกับอสูรร้าย ราวกับถูกอะไรบางอย่างที่มีอำนาจเหนือกว่าเข้าครอบงำ
พริบตาเดียวที่แลนซ์ตกอยู่ในอาการตะลึงกับภาพที่เห็น ชาร์ลก้มลงวูบ พร้อมกับพุ่งด้วยความเร็วที่เหนือกว่าความเร็วทั่วไปของผู้ใช้ธาตุสายลมซะอีก พริบตาเดียวเขาก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าของแลนซ์ชนิดหายใจรดต้นคอ...ก่อนที่แลนซ์จะได้ทันโต้ตอบหรือแม้แต่ได้ทันเอ่ยอุทานอะไรออกมา กรงเล็บที่ถูกล้อมด้วยเลือดติดไฟที่ร้อนระอุคว้าหมับเข้าที่กำไลโลหะที่เป็นเกจ์วัดพลังชีวิตที่ข้อมือของแลนซ์พร้อมกับกระชากวูบ พริบตาเดียวกำไลข้อมือนั้นก็ถูกหลอมละลายจนกลายเป็นเป็นแค่เศษโลหะร้อนเหลวๆ ที่แลนซ์ต้องรีบสะบัดทิ้งทันทีพร้อมกับกระโดดถอยห่างออกมา แต่ชาร์ลไม่ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายถอยไปตั้งหลัก...พริบตาเดียว เขาก็พุ่งเข้ามายืนตรงหน้าแลนซ์อีกครั้งพร้อมกับฝ่ามือที่ควบแน่นไว้ด้วยพลังเพลิงที่เทียบเท่าสเกลเวทย์ระดับ 10 ซัดเข้าเต็มหน้าอกของอีกฝ่ายจนแลนซ์ปลิวกระเด็นไปกระแทกฝนังม่านพลังงานพลั่กลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น!!
" และ ...รอบนี้ ...ไม่ตาย ไม่เลิก !!! "
ถึงจุดนี้ อันนาเทียน่าไม่สามารถทนยืนดูอยู่เฉยๆ ได้อีกแล้ว เธอใช้พลังจิตที่แก่กล้าของตนประคองตัวเองตัวเองให้ลอยขึ้นจากรถเข็นพร้อมกับตะโกนสั่งเฮเลนดังลั่น
" ดูมาพอเกินแล้ว!! เฮเลน! ปลดผนึกดาบเป็น The Ultimate Warrior แล้วทำลายม่านพลังบ้านี่ซะ!! " ก่อนจะดึงดาบสีทองอร่ามประจำตัวของเธอ ดาบเทพพันทัพ ออกมาจากที่ไหนก็ไม่อาจทราบได้ ก่อนจะโยนไปให้คู่แฝดของเธอ อเล็กซานดร้า พร้อมกับตะโกนสั่งทันที
" ซานดร้า! โจมตีที่คนละด้านกับเฮเลน...ลำพังพลังของเธอสองคนน่าจะพอทำลายม่านพลังนี่ได้ พวกฉันจะหยุดชาร์ลเอง! "
ซานดร้ารับดาบสีทองอร่ามลงมาพร้อมกับพยักหน้าไปที่เฮเลน...ในชั่วเสี้ยววินาทีเดียว ดาบเทพพันทัพของเธอก็เรืองแสงขึ้นพร้อมๆ กับดาบเอ็กโซดัสของเฮเลนกะเทาะเปลือกภายนอกออกเหลือแต่ใบดาบที่แท้จริง พริบตาเดียว ทั้งสองก็ลอยขึ้นไปกลางอากาศเตรียมลงดาบด้วยพลังชนิดที่กะเอาให้ทั้งม่านพลังทั้งสนามแหลกไปพร้อมกันเลย แต่ก่อนที่คนอื่นจะตะโกนบอกให้เพลามือลงหน่อย หญิงสาวสองคนนั้นกลับถูกพลังลึกลับบางอย่างกระแทกจนกระเด็นเป็นลงมา
" อะไรกัน?!! "
ก่อนที่ใครจะได้ทันว่าอะไร เรย์ลาลีนที่ยืนอยู่ห่างจากลานประลองที่สุดลืมตาโพลงราวกับพึ่งคิดอะไรบางอย่างได้ พร้อมกับกระชากคอโนอาห์ที่ยืนอยู่ข้างๆ กับข้อมือของใครซักคนที่ยืนอยู่อีกข้างนึง ก่อนจะร่ายเวทย์เร็วปรื๋อใช้ธาตุสายลมระดับสูงสุดที่เขาสร้างได้เสริมความเร็วของตัวเองพร้อมกับก้มตัวลงต่ำ พริบตาเดียวเขาก็พุ่งออกมาจากอาณาเขตลานประลองด้วยความเร็วที่แทบจะไม่มีใครมองทัน
" อ...แอ๊ก!! ก...แกทำบ้าอะไรฟะเนี่ย?!! ตูเกือบจะขาดอากาศหายใจตายแล้วนะเฟ้ยยย!!! " โนอาห์โวยลั่นทันทีที่ก้นของเขาแตะพื้นอีกครั้ง แต่เขาก็อ้าปากค้างทันทีที่เขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับอัฒจันทร์ขนาดยักษ์นั้นชัดๆ
...อัฒจันทร์หินขนาดใหญ่ยักษ์สูงหลายสิบเมตรกำลังถูกโดมแสงสีขาวขุ่นขนาดยักษ์ที่ใหญ่โตแทบจะครอบคลุมได้ถึง 1 ใน 10 ของพื้นที่ของเกาะ ค่อยๆ กางลงมาจรดพื้นโดยรอบอัฒจันทร์เพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีหลังจากที่พวกเขาออกมา โดยจากที่โนอาห์สัมผัสได้ ระดับความแข็งแกร่งของโดมแสงนี้อาจจะแข็งแกร่งกว่าม่านพลังงานบนเวทีประลองด้วยซ้ำ!...
ภายในอัฒจันทร์ เหนือลานประลองขึ้นไปบนอากาศ ดาร์คเอล์ฟหนุ่มในชุดคลุมยาวอย่างจอมเวทย์สีขาวบริสุทธิ์ค่อยๆ ลอยลงมาจากฟ้า...นิ้วมือเรียวยาวทั้ง 10 ที่เผยออกมาจากแขนเสื้อยาวเป็นครั้งแรกประดับดั้วยแหวนนำเวทย์ระดับสูงที่ส่องแสงเรืองๆ ครบทั้ง 10 นิ้ว ทั้งๆ ที่ปกติแล้วจอมเวทย์ทั่วไปสามารถใช้อุปกรณ์นำเวทย์ได้คนละไม่เกิน 2-3 อย่างเท่านั้น...เขาลอยลงมายืนอยู่บนม่านพลังช้าๆ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเบาบางแต่กลับก้องกังวานไปทั่วทั้งอัฒจันทร์ว่า
" ข้าต้องขออภัยทุกๆ ท่าน ณ ที่นี้ในความไม่สะดวกบางประการจริงๆ...แต่นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป...จะไม่มีผู้ใดออกจากสถานที่แห่งนี้ได้อีกแล้ว!! ...พวกเรามาชมการประลองนี้อย่างสนุกสนานกันดีกว่า "
พริบตาที่ดาร์คเอล์ฟหนุ่มนามว่าทันทารอสเอ่ยจบ หนึ่งใน Challengers ฝ่ายจอมเวทย์คนหนึ่งคำรามลั่นพร้อมกับพุ่งเข้าใส่ทันทารอสด้วยความเร็วสูงพร้อมกับเวทย์สายลมระดับ 7 ชนิดกะให้อีกฝ่ายคว่ำไปในเวทย์บทเดียว แต่ทันทารอสกลับโยกตัวหลบเพียงเล็กน้อย ปล่อยให้การโจมตีของอีกฝ่ายวืดไปอย่างง่ายดายจนเหลือเชื่อ เพียงพริบตาที่นักเรียนจอมเวทย์คนนั้นกำลังพุ่งผ่านไป แหวนนำเวทย์ 1 ใน 10 วงบนนิ้วมือของทันทารอสก็สว่างวาบ สร้างหอกเล่มงามสีขาวบริสุทธิ์ราวกับถูกถักทอขึ้นจากเส้นใยแสง พุ่งเสียบทะลุนักเรียนจอมเวทย์เคราะห์ร้ายคนนั้นไปปักค้างอยู่ที่กำแพงหินแน่นิ่งไปเลย
" ส่วน...ผู้ใดที่ไม่พอใจในคำพูดของของข้า...ข้าจะเป็นคู่มือให้เอง!!! "
.................................................
...เสียงระเบิดพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ดังสนั่นด้วยกระแสเสียงต่างจากเดิมที่ลอยมาตามสายลมอดที่จะทำให้ชาโดว์...คลาเดีย สตรอมการ์ด หันกลับไปมองที่อัฒจันทร์ด้วยแววตาแปลกๆ ...แต่แววตานั้นก็สูญสลายหายไปทันทีที่เธอได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ราวกับเย้ยหยันจากหญิงสาวที่เดินมาเคียงข้าง เหลือเพียงแววที่สงบเยือกเย็นจนน่ากลัว...
" มี...อะไรน่าขำงั้นเหรอ? "
" คิกๆ อ้อ...เปล่าค่ะ...ฉันแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย " คำพูดที่กวนต่อมโมโหที่สุดตามความคิดของเธอทำเอาเธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะคลายออกพร้อมกับถอนหายใจเฮือกอย่างปลงตกโดยเห็นแก่การณ์ใหญ่ตรงหน้า
" ช่างเถอะ...เธอแน่ใจแล้วนะ ว่า คนของเธอ จะสามารถต่อกรกับพวกนั้นได้...ฉันไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่อีกฝ่ายล้วนแล้วแต่มีความสามารถอยู่ในระดับต้นๆ ของทวีป...ไม่นับผู้อำนวยการเชรีน่าและคู่แฝดเทียน่า-ซานดร้า ...ทั้งราชินีน้ำแข็ง - คาสซานดร้า เฮเลนรวมทั้งคนอื่นๆ ต่างก็เป็นผู้มีฝีมือระดับสูงทั้งนั้น...ลำพังแค่คนของเธอคนเดียว ฉันคิดว่า--- "
" คิกๆๆๆ "
" ถ้าฉันตบเธอตอนนี้ก็อย่าโกรธฉันนะ--- "
" อ๊ะ!...ขอโทษทีค่ะ มันเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายไปแล้ว...แต่ที่ท่านกำลังพูดถึงอยู่น่ะ คือ ท่านทันทารอส ซานดาเรีย เชียวนะ "
" หือ? เขาเป็นคนเด่นคนดังอะไรขนาดนั้นเชียวเหรอ? "
" เฮ้อ...เอาเถอะ...ท่านไม่ใช่คนของทวีปนี้และอยู่แต่ในเกาะ คงจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตำนานต่างๆ ของทวีปนี้มากนัก "
" ตำนาน? ให้ตาย!...นี่เธอกำลังจะพูดเรื่องอะไรของเธอ? "
" ตำนานของชายผู้เป็นเหมือนประวัติศาสตร์ที่มีชีวิตอยู่ยังไงล่ะ เขาเป็น 1 ใน 2 ผู้วิเศษแห่งยุคของทวีปของเราร่วมกับเชรีน่า เมโอ ตริสตัล...แต่ระดับพลังที่แท้จริงของเขาสูงส่งเหนือกว่าเชรีน่า หรือแม้แต่พวกเรา ซึ่งฉันหมายถึงฉันและท่านรวมกันเสียอีก...เขาเป็นจอมเวทย์เพียงคนเดียวที่เป็นเจ้าของธาตุในตำนานที่พิเศษที่สุด ธาตุแสง ...เป็นเรื่องตลกที่ร้ายกาจดีจริงๆ เลยใช่ไหมล่ะ...จอมเวทย์ผู้ครอบครองธาตุธรรมชาติที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด กลับต้องมาเป็นผู้ชี้นำราชอาณาจักรที่เต็มไปด้วยปิศาจที่ชั่วร้ายที่สุดมากว่าหลายร้อยปี...ราชอาณาจักรของฉัน "
" หมายความว่า? "
" ใช่แล้วล่ะ...อย่าว่าแต่เหล่านักเรียนหรืออาจารย์ของทั้งสองสถาบันนี้เลย...ต่อให้เป็นเหล่าทหารปิศาจที่เก่งกาจที่สุดในอาณาจักรของฉันทั้งกองทัพ ก็ไม่แน่ว่าจะล้มเขาลงได้เลยด้วยซ้ำ "
คลาเดียมองลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านิ่ง...ในฐานะที่เธอเป็นฝ่ายเข้าไปขอร้องเอง เธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเรื่องมากมากนัก...แต่เธอก็ได้ขอร้องดาร์คเอล์ฟนามว่าทันทารอส ซานดาเรียไว้แล้วว่าขอให้เขาเพลามือที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้...สำหรับเธอแล้ว แผนการนี้ถือเป็นแผนที่ปลอดภัยที่สุด ต่อทั้งคนของเธอเองและทั้งเหล่านักเรียนบนเกาะนี้
' ใช่แล้วล่ะ ...แบบนี้แหละดีแล้ว ...เราแค่เอาของมา แล้วก็ออกไปจากเกาะแห่งนี้อย่างเงียบๆ ...แม้จะผิดจากแผนที่วางไว้ไปบ้าง แต่แบบนี้แหละ ...ดีแล้ว ... ' หญิงสาวคิดในใจอย่างเงียบๆ ก่อนจะหันไปมองทิวทัศน์ที่คุ้นตารอบๆ ...แม้ว่าไม่อยากจะยอมรับ แต่เธอก็ต้องยอมรับว่า 3 ปีที่อยู่ที่นี่ มันทำให้เธอมีความสุขมากเหลือเกิน...มีความสุขจนเธอแทบจะอยากลืมเลือนภาระต่างๆ ที่อยู่บนบ่าของเธอไปเสียให้หมดสิ้น
แต่เมื่อเธอก้มลงมองที่ฝ่ามือของตนเอง ภาพของเลือดสีแดงฉานของเหล่าทหารใต้บังคับบัญชาของเธอก็ซ้อนทับขึ้นมาบนฝ่ามือนั้น...มันช่วยเตือนสติให้เธอระลึกถึงภาระที่หนักอึ้งที่เธอต้องรับผิดชอบอีกครั้ง
" เอาล่ะ...ในเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนแล้ว...งั้นพวกเรา? " เซลรีเนียหันมาเลิกคิ้วถามอย่างอารมณ์ดี เรียกสติสัมปชัญญะของเธอให้กลับมาอีกครั้ง...เธอกลับไปฝืนยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
" ไปกันเถอะ...เซลรีเนีย...เราไปจบเรื่องยุ่งยากนี้กัน "
แต่ก่อนที่พวกเธอจะได้ทันก้าวเดินออกไปแม้แต่ซักครึ่งก้าว อยู่ๆ ทั้งราชศาสตรา เคียวทมิฬ - เนเมซิส และทั้งราชศาสตรา ดาบภูติอาถรรพ์ - เอ็กโซซิส ของทั้งสองคนก็กรีดร้องขึ้นมาพร้อมๆ กันดังลั่นราวกับนัดกันไว้ ทำเอาทั้งสองสาวหันมามองหน้ากันอย่างตื่นตะลึง
" เซลรีเนีย?! นี้ฝีมือเธองั้นเหรอ? " คลาเดียถามขึ้นดังลั่น แต่คำตอบที่เธอได้รับ กลับเป็นใบหน้าตกใจสุดขีดที่พบเห็นไม่ได้บ่อยๆ จากจักรพรรดิณีปิศาจสาวตรงหน้า
" ป...เป็นไปไม่ได้!! เสียงร่ำร้องของเหล่าราชศาสตราที่เกิดขึ้นพร้อมกันแบบนี้ มีสาเหตุมาจากเหตุผลเดียว! "
" ??? "
" ผู้ใช้ราชศาสตราคนใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว !! "
......................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ