Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน
7.3
เขียนโดย LanzaDeLuZ
วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.
67 chapter
7 วิจารณ์
64.15K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ...3 พี่น้อง...(2)...(ตรวจความถูกต้อง 100%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ=======================================================
....เรย์ลาลีน นีโอ คอบร้า ในชุดเครื่องแบบทหารจอมเวทย์ระดับสูงสุดเต็มยศ เดินผ่านเหล่านางกำนัลในราชวังหลวงฝ่ายในด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใบหน้าซึ่งบัดนี้ไร้หนวดเคราทำให้ดูอ่อนกว่าอายุจริงไปหลายปี ผมยาวสีเทาถูกมัดไว้อย่างปราณีตทำให้เขาดูเหมือนราชนิกูลชั้นสูงมากกว่าทหารเจนศึก แหวนนำเวทย์และไม้เท้าเวทย์อันเป็นอาวุธประจำกายถูกฝากไว้กับเหล่าโขลน(ทหารองครักษ์หญิง) หน้ากำแพงราชฐาน ตามกฎมณเฑียรบาลที่ห้ามไม่ให้นำอาวุธเข้ามาไม่ว่าจะกรณีใดๆทั้งสิ้น....
อันที่จริงเขาเป็นหนึ่งในผู้ชายไม่กี่คนที่ได้รับอนุญาตโดยตรงจากองค์ราชาให้มีอาญาสิทธิ เข้านอกออกในวังหลวงได้ตามใจชอบ และดูเหมือนเหล่านางกำนัลจะชอบใจสิทธิของเรย์ลาลีนเป็นพิเศษ
...เมื่อเทียบกันระหว่างพี่น้องบุญธรรมทั้ง 3 คน ราโชลีนผู้เป็นพี่ใหญ่ออกจะเข้าข้างเข้าถึงตัวยาก ด้วยนิสัยและท่าทางการวางตัวที่แก่เกินอายุ ทำให้ทำให้เขามีกำแพงที่ไม่อาจข้ามผ่านได้กั้นอยู่ระหว่างเขากับคนอื่น ในขณะที่น้องเล็กอย่างเซเรย์ลีนก็ไม่อยู่ในข่ายบุคคลที่น่าคบซักเท่าไหร่ ไม่ใช่ที่นิสัยหรือหน้าตา แต่อยู่ตรงที่เขาไม่เคยปิดบังหรือกลบจิตฆ่าฟันที่แข็งกร้าวของตัวเองเลย ( ว่ากันตามจริง ต่อให้คิดจะปกปิดก็คงทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ) แม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้เขาแข็งแกร่งที่สุดในหมู่พี่น้อง หรืออาจจะพูดได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในราชอาณาจักร แต่นั่นก็ทำให้คนปกติธรรมดารู้สึกอึดอัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อสนทนากับเขา...
ตรงกันข้ามกับเรย์ลาลีนผู้เป็นเสมือนพี่น้องคนกลาง เขาเป็นกันเองกับทุกชนชั้น และปิดกั้นจิตฆ่าฟันได้อย่างมิดชิด เหลือเพียงไอเวทย์ที่ทำหน้าที่ราวกับสายลมอันสดชื่นแก่ทุกคนที่อยู่ใกล้เคียง และด้วยตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารจอมเวทย์ในวัยเพียง 22 ปี ทำให้มีหญิงสาวมากมายที่ต้องการจะ ตกถังข้าวสาร จนกลายเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่เขาขอย้ายตัวเองไปประจำการ ณ ชายแดนศึก
เรย์ลาลีนพยายามไม่สนใจเสียงกระซิบกระซาบอย่างปลาบปลื้มของเหล่านางกำนัลรายทาง เขากำลังเดินผ่านซุ้มประตูของราชอุทยานหลวง โดยใช้เสียงของไวโอลินที่ดังแว่วมาตามสายลมนำทาง...ผ่านหมู่ไม้ใหญ่น้อย ยิ่งเสียงไวโอลินดังขึ้นเท่าไหร่ ใจของเขาก็ยิ่งเต้นระส่ำมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งเขามาถึงไทรใหญ่ใจกลางอุทยาน สายตาเขาก็พบกับ หญิงสาวคนหนึ่งนั่งสีไวโอลินอยู่บนรากไทร...รายล้อมด้วยเหล่าปักษานานาพันธุ์ ตั้งแต่นกกระจิบตัวเล็กๆ ไปจนถึงเหยี่ยวตัวมหึมา ทุกตัวต่างนั่งหมอบด้วยอาการสงบราวกับตั้งใจฟังบทเพลงที่หญิงสาวผู้นี้ขับกล่อมบรรเลง
เรย์ลาลีนค่อยๆ ย่องเข้าไปทางด้านหลังของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา หวังจะแกล้งทำให้หญิงสาวผู้นี้ตกใจเล่น แต่ก่อนจะถึงตัวหญิงสาวเพี่ยง 2 ก้าว เธอก็เอ่ยทักขึ้นโดยไม่ได้หันมามองว่า
" ในที่สุด...ก็มาจนได้นะคะ พี่เรย์ฯ "
เรย์ลาลีนถอนหายใจเฮือกอย่างเสียดาย
" ทั้งๆที่ปิดกั้นทั้งไอเวทย์และจิตสังหารจนมิดแล้วแท้ๆ ทำไมเธอถึงรู้และจำได้ว่าเป็นพี่เนี่ย? "
" กลิ่น...มั้งคะ? ถ้าหากพี่ราโชฯ มีกลิ่นของม้วนกระดาษและน้ำหมึก พี่เซฯ มีกลิ่นของดิน และเหล็ก กลื่นของพี่...พี่เรย์ฯ ก็เป็นกลิ่นของสายลมเย็นหลังฝนตกไม่มีผิดเพี้ยนเลย "
คำพูดของหญิงสาวทำเอาเรย์ลาลีนต้องก้มดมสาบเสื้อของตัวเองก่อนจะหัวเราะเบาๆ
" ให้ตายสิ...ถ้าหากเธอเอาดีด้านฝึกยุทธ์ พวกพี่คงตกงานกันเป็นแถวๆแน่ "
หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าคือ มิลิริน หรือ มกุฎราชกุมารี มิลิริน แห่งราชวงศ์ นีโอ คอบร้านั่นเอง...มิลิรินวางไวโอลินลง ก่อนจะหันมายิ้มให้กับผู้เป็นเสมือนพี่ชายบุญธรรม
...ใบหน้าสวยเล็กได้รูป เข้ากันเป็นอย่างดีผมยาวสีน้ำตาลเข้ม ประดับรัดเกล้ามรกตน้ำงาม จมูกโด่งรั้นแสดงให้เห็นถึงความเอาแต่ใจ รับกับริมฝีปากสีกลีบกุหลาบบางเฉียบอันบ่งบอกว่าเป็นคนเก็บอารมณ์ แม้ว่าจะยังคงยิ้มแย้มอยู่ก็ตาม น่าเสียดายที่สุดที่ดวงตาอันเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดบนดวงหน้ากลับ ว่างเปล่า ไร้ประกาย คล้ายกลับลูกแก้วสีเขียวใสเท่านั้น...อันแสดงให้เห็นว่าหญิงสาวผู้นี้ดวงตาบอดแต่กำเนิด...
" นี่แน่ะ! พี่เรย์ฯ หนูอยากจะรู้นัก ว่าถ้าหากหนูไม่ใช้อำนาจในนามของ มกุฎราชกุมารี พี่ยังจะมาพบหน้าหนูแบบที่พี่กำลังทำอยู่นี่อีกไหม? " เธอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่พวกเขามักจะเรียกกันเล่นๆว่า รอยยิ้มประหาร
เรย์ลาลีนอึกอัก ไม่เคยมีการโกหกใดๆ ของเขาที่หลุดรอดสายตาของมิลิรินไปได้...แม้ว่าหล่อนจะมองไม่เห็นก็ตามที
" อย่าลืมสิ...มิลิริน ตอนนี้ สถานภาพของเธอไม่ใช่องค์หญิงน้อย ผู้เป็นน้องสาวของพวกพี่อีกแล้ว เธอคือ มกุฎราชกุมารีแห่งราชอาณาจักรเซลโลลอร์นะ "
" แล้วพี่คิดว่านั่นจะเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างหนูกับพี่ได้...งั้นเหรอคะ? "
" ได้ไม่ได้มันต่างกันตรงไหนล่ะ? ไม่ช้าก็เร็วเธอจะกลายเป็นจักรพรรดิณี ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องของเราก็ต้องถูกพับลงหีบ~~ "
" พี่สนใจคำพูดของพวก ปากหอยปากปู มากกว่าน้องสาวของพี่คนนี้เชียวเหรอคะ? " มิลิรินชิงถามอีกครั้งจนเรย์ลาลีนต้องเกาหัวแกรกๆ เขาชักรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนจำเลยที่อยู่ในคอกและกำลังโดนทนายฝ่ายโจทก์ซักจนจะจนมุมอยู่ไม่มีผิดเพี้ยน
" พี่จะไม่เถียงกับเธอเรื่องนี้อีก... " เขาพูดพลางหันหลังกลับ
" จะหนีอีกแล้วเหรอคะ?...พี่ก็เป็นแบบนี้ประจำเวลาจำนนต่อถ้อยคำ! "
คำพูดของมิลิรินทำเอาเรย์ลาลีนถึงกับชักสีหน้า แต่พริบตาเดียวก็กลับมาเป็นเช่นเดิม....แม้ว่าที่ดวงตาจะเฉยเมยลงกว่าเดิมก็ตาม
" ในค่ำวันนี้ พี่จะกลับมาอีกครั้ง...แต่ในฐานะของ ผู้บัญชาการทหารจอมเวทย์ มาเพื่อรายงานสถานการณ์ศึก แก่องค์ราชาคาริออส และ มกุฎราชกุมารี มิลิริน... "
" เรย์ลาลีน นีโอ คอบร้า ! "
" พี่อยู่ตรงนี้... "
" ข้าพูดกับท่านใน ฐานะ ของมกุฎราชกุมารี มิลิริน ! "
" หม่อมฉันรอรับพระราชเสาวนีย์อยู่ ณ เบื้องพระพักตร์ท่านแล้ว ท่านหญิง แม้รับสั่งของท่านจะเป็นการสั่งให้ข้าพระบาทคนนี้ ปลิดชีพ ตัวเองในวินาทีนี้เลยก็ตามที! " เรย์ลาลีนคุกเข่า ก้มหน้าลงพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการที่สุด แต่นั่นทำให้มิลิรินถึงกับผงะ รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เธอได้พูดออกไปด้วยอารมณ์
" ...พ...พี่... "
" ... "
" ด...ได้โปรด หนูผิดไปแล้ว...ได้โปรด...พูดกับหนู ในฐานะพี่ชายคนเดิมของหนูได้ไหม?... " เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับเตรียมร้องไห้อย่างเต็มที่
...ภายในราชอุทยานโดยรอบเงียบงันลงอย่างประหลาด ราวกับกำลังรอฟังคำตอบของเขาเพียงผู้เดียว.................ในที่สุด เรย์ลาลีนก็ไม่สามารถทนใจแข็งได้อีกต่อไป เขาถอนหายใจเฮือกอย่างสมเพชตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้น และลูบผมมิลิรินอย่างแผ่วเบาทะนุถนอม...
" เธอกำลังจะทำให้พี่เดือดร้อน...กำลังบังคับให้พี่ต้องอาญาฟันคอริบเรือนจริงๆเสียแล้ว... ข้อหา กินบนเรือนขี้รดหลังคา ราชาคาริออส ค่าที่บังอาจ หลงรัก ลูกสาวคนเดียว ของผู้มีพระคุณสูงสุดของพี่ "
เรย์ลาลีนบรรจงจูบหญิงสาวอย่างแผ่วเบา เธอสะท้านไปทั้งกาย ก่อนจะโอนอ่อนด้วยยอมจำนนในความปรารถนาของกันและกัน...
...สายลมอ่อนๆ ในยามบ่าย โชยหอบเอากลิ่นของต้นปักษาสวรรค์ หอมหวลไปทั่วทั้งราชอุทยาน เหล่านกน้อยใหญ่พากันประสานเสียงร้องขับขานราวกับทำนองเพลง บรรยากาศ โดยรอบดูเหมือนจะโอบอุ้ม หนึ่ง ว่าที่จักพรรดิณีผู้สูงศักดิ์ และ หนึ่ง สามัญชนผู้เจียมตัวไว้ ราวกับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน...
...เป็นความฝัน ที่ทั้งคู่ไม่อยากตื่นจากนิทราอีกเลย...ไปตลอดกาล...
.......................................................
...เรย์ลาลีน คอบร้า เดิดผ่านประตูทางเข้าราชอุทยานออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนตอนเข้าไป มีเพียงดวงตาสีเทาเข้มเท่านั้น ที่ส่อแววยุ่งยาก ก่อนจะถอนหายใจเฮือก สบถพึมพำอย่างสมเพชในความใจอ่อนไม่เข้าเรื่องของตัวเอง ที่กำลังจะนำพาหายนะมาสู่เขาจริงๆ เสียแล้ว...
" จะทำตัวลับๆล่อๆ อีกนานไหม?...เซเรย์ลีน! " เขาพูดเรียบๆ
บนต้นไม้ใหญ่ ใบหนาทึบที่อยู่เบื้องหลังเรย์ลาลีนปรากฎเสียงหัวเราะเบาๆ ก่อนร่างของ เซเรย์ลีนจะทิ้งตัวลงมาจากคาคบไม้ด้วยสีหน้าทะเล้นจนน่าหมั่นไส้
" ตามกฎมณเฑียรบาล แห่งราชอาณาจักรเซลโลลอร์...มันผู้ใดบังอาจแตะต้องพระวรกาย ของเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงฝ่ายอิสตรี โดยเฉพาะมกุฎราชกุมารี มีโทษถึงประหาร 7 ชั่วโคตร " เซเรย์ลีนแกล้งท่องกฎมณเฑียรบาลยิ้มๆ ซึ่งก็ได้ผล เพราะเรย์ลาลีนถึงกับกัดฟันกรอด
" ซักวันฉันจะสาปไอ้ตาช่างสอดรู้สอดเห็นของแก ให้เป็นต้อกระจกเสียให้รู้แล้วรู้รอด ให้รากเลือดลงแดงสิ!! " เรย์ลาลีนสบถสาบานอย่าเดือดดาล
เซเรย์ลีนไม่สนใจคำขู่แม้แต่น้อย เขาเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่วนมองรอบๆ ตัวเรย์ลาลีน พลางลูบคางอย่างทำเป็นครุ่นคิด จนเรย์ลาลีนยกเท้าถีบอย่างหมั่นไส้ แต่ก็วืดไปตามระเบียบเพราะผู้เป็นเสมือนน้องชายนกรู้ ถอยฉากพ้นรัศมีเท้าไปเสียก่อน
" ....ไง...แล้วเป็นไงต่อ?? "
" เป็นไงห่า อะไร? "
" ซาปาดาเฮ้ กันไปแล้ว'ยัง?? ...........จ๊ากกก!!! " เซเรย์ลีนร้องลั่น หลบเวทย์โจมตีชนิดถึงหยอดน้ำข้าวต้มของเรย์ลาลีน ไปหวุดหวิด
" ก็ดูอยู่ตลอดไม่ใช่รึไง! ถามคำถามห่าเหวอะไรบ้าๆ!! "
" เฮ้ยๆๆๆๆ เห็นงี้ฉันก็เป็นนักแอบดูที่รู้กาลเทศะนา.... ที่แอบดูก็เพราะกลัวว่าแก หรือ มิลิรินจะทำอะไรบ้าๆ ฉันจะได้อยู่ในรัศมีที่พอจะห้ามปรามได้ทัน พอนาย กับ รินฯ.......ง่า........ สมัครสมานสามัคคี กัน ฉันก็ถอยออกมา..............แถมตรงที่ฉันแอบอยู่ดันเป็นรังมดแดงเสียฉิบไม่งั้นก็กะจะถ้ำมองให้จบเสียให้รู้แล้วรู้รอดเหมือนกัน " เซเรย์ลีนบอกปัดได้อย่างหมดจดจริงๆ ถ้าไม่นับประโยคหลังนั่น แถมยังกระแซะถามต่อ
" แล้วไง?....ตอนนี้ฉันควรเรียก รินฯ ว่า น้องสาว หรือ พี่สะใภ้ ดี? "
เรย์ลาลีนเหลือบมองเซเรย์ลีน ที่ถือสนิทเข้ามากอดคอซุบซิบก่อนจะหัวเราะ หึๆ เขาฉุนจนกระทั่งกลายเป็นความขันไปเสียแล้ว เพราะเปล่าประโยชน์ที่เขาจะทำอะไรเซเรย์ลีนที่มี เกราะจิต อันแข็งแกร่งคุ้มครองอยู่ เว้นแต่จะหักกันชนิดถึงเลือดถึงเนื้อกันจริงๆ
" ก็เรียกว่า มกุฎราชกุมารี รินเล็ต เหมือนเดิมน่ะสิ...ถามอะไรบ้าๆ! "
" ว่าวุ้ย!...จืดจางสิ้นดี...ไม่หนุกเบย...Boooo!! " เซเรย์ลีนโห่อย่างไม่พอใจ ก่อนจะถูกเรย์ลาลีนผลักหัวจนเซหลุนๆไป
" ระวังขี้กลากจะขึ้นหัวเข้าซักวัน ค่าที่เล่นอะไรไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง " เขาปรามเบาๆ
" เรืองนี้ถ้าถึงหูราโชฯ เมื่อไหร่ มีหวังได้เต้นเป็นเจ้าเข้าแหงมๆ "
" นกกับต้นไม้พูดไม่ได้...มิลิรินก็ไม่ใช่คนปากโป้ง ส่วนฉันก็ยังไม่คิดจะพูดอะไรเพื่อฆ่าตัวตายตอนนี้....เพราะงั้น ขอแค่แกไม่ปากสว่างซักคน ราโชฯ มันจะเอาอะไรมารู้วะ? " เรย์ลาลีนแดกดันด้วยน้ำเสียงส่อเค้าเริ่มหงุดหงิดอีกครั้งในขณะที่เซเรย์ลีนอ้าปากหัวเราะเบาๆ
" โบราณเขาว่า กำแพงมีหูประตูมีช่อง นะเว้ย! อีกอย่าง ราโชฯก็มีหูตาเป็นสับปะรด สายข่าวในวังก็ไม่ใช่น้อยๆ แถมที่ร้ายที่สุดแค่เขามองพฤติกรรมของแก เขาก็เดาอะไรต่อมิอะไรออกไปกว่าครึ่งแล้ว ไม่งั้นไม่อยู่เป็นพี่ใหญ่ของพวกเราได้ถึงวันนี้หรอก " เขาเตือนด้วยความหวังดี ซึ่งเรย์ลาลีนก็ทราบแก่ใจอยู่แล้ว เขาจึงถอนหายใจเฮือกอย่างแก้ไม่ตก
" หรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉัน กับ รินฯ จะเป็นเรื่องที่ไม่สมควรจริงๆ "
" ฉันก็ไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อย เฮ้ย! ถ้าเป็นสมัยก่อนล่ะก็อาจจะใช่ แต่นี่มันยุคเสรีแล้วนะเฟ้ย... ไอ้เรื่องรักคุดเพราะความต่างชั้นทางสังคมน่ะ มันมีแค่ในนิยายน้ำเน่าประโลมโลกเท่านั้นแหละ...แถมแกก็ใช่ว่าจะเป็นสามัญชนคนเดินดินกับเขาที่ไหนกัน นอกกำแพงวังตลอดจนถึงชายแดน ชื่อเสียงของแกดังกว่าพวกฉันซะอีก ในฐานะวีรบุรุษไร้พ่ายแห่งเกาะทองคำเชียวนะ...ที่ฉันบอกว่าไม่ให้ ราโชฯ รู้เพราะเจ้าหงอกบ้านั่นมันหัวโบราณเข้าขั้นดึกดำบรรพ์ตะหากเล่า! ฉันขี้เกียจฟังมันบ่นอะไรไร้สาระตอนแกไม่อยู่อีก "
" ใครบ่นอะไรไร้สาระนะ?? "
" ก็จะมีใครซะอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่....เฮ้ยยย!! ราโชฯ?! " เซเรย์ลีนร้องจ๊าก ตกใจจนหัวใจแทบกระดอนออกจากปาก เมื่อราโชลีนโผล่มาถามแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง ในขณะที่เรย์ลาลีนยืนช็อคอยู่กับที่กลายเป็นรูปปั้นหินไปเรียบร้อยแล้ว
" เออ...ฉันเอง...ตกลงใครบ่นอะไรไร้สาระนะ? ตะกี๊จับหางเสียงได้ไม่ค่อยถนัด " ราโชลีนถามอีกครั้ง ขณะแบกม้วนเอกสารกองใหญ่มาด้วย
" ฮ..เฮ้ยๆ เปล่าๆ...ฉันก็แค่บ่นไปตามเรื่องตามราวเท่านั้นเอง ว่าแต่นายเถอะ โผล่มาได้ไงเนี่ย? ฉันไม่รู้สึกถึงจิตคุกคามเลย อ๊ะ!! หรือว่าที่อยู่นี่คือวิญญาณ ส่วนกายหยาบใหลตายคากองม้วนรายงานไปเรียบร้อยแล้ว?! "
เซเรย์ลีนพูดไม่ทันจบดีก็ถูกราโชลีนเอาม้วนกระดาษขนาดใหญ่ตีเปรี้ยงเขาที่หัว ข้อหาปากเสียไม่เข้าเรื่อง แต่นั่นก็เท่ากับทำให้เขากับเรย์ลาลีน เอาตัวรอดจากสถานการณ์ คับขัน ไปได้อย่างหวุดหวิด
" อย่าเอาคนธรรมดาอย่างฉันไปรวมกับพวก ยอดมนุษย์ อย่างพวกนายสิฟะ! จะได้มีจิตคุกคาม หรือ ไอเวทย์ แผ่ไปทั่วแบบนี้ .... ฉันเอาม้วนสรุปรายงานที่แปลเป็นอักษรเบลล์ มาให้มิลิรินน่ะ ... แต่ไม่รู้เจ้าตัวไปอยู่ไหนซะด้วยสิ? " เขาพูดเป็นเชิงถามกลายๆ
" อ๋อ...รินฯ น่ะหรอ? ตะกี๊อยู่ที่ไทรใหญ่ใจกลางราชอุทยานน่ะ แต่ตอนนี้คงกลับไปที่ปราสาทแล้วมั้ง ...สงสัยจะสวนกับนายแล้วล่ะ " เรย์ลาลีนตอบไปตามซื่อ ก่อนที่วินาทีต่อมาเขาจะรู้ตัวว่าตน ได้พลาดเหยียบลงไปบนกับระเบิดที่ราโชลีน บรรจงวางไว้อย่างแนบเนียนที่สุดเสียแล้ว เมื่อเขาได้สบตาคมกริบสีฟ้า ที่จ้องมองเขานิ่งอย่างจับพิรุธได้ ก่อนผู้เป็นเสมือนพี่ชายคนโตจะหัวเราะหึๆ ในลำคออย่างรู้ทัน
" เท่าที่ฉันจำได้....นายไม่เคยเรียก มิลิริน ว่า รินฯ อย่างถือสนิทมาตั้งเกือบ 2 ปี ตั้งแต่ที่มิลิริน เข้ารับตำแหน่ง มกุฎราชกุมารี เลยมั้ง? ...นี่แค่เข้ามาในวังได้ไม่ถึงครึ่งวัน .....หึๆๆๆๆๆๆ ....แสดงว่าเคลียร์ปัญหา คาใจ กันเรียบร้อยแล้วสิ?? " ราโชลีนแทงโดนใจดำของเรย์ลาลีนเข้าเต็มเท้าจนเรย์ลาลีนถึงกับออกอาการราวกับถูกยิงด้วยกระสุนปืน
" เอาเถอะ ....ไอ้ฉันก็ไม่ได้อยากจะยุ่มย่ามในเรื่องที่ถือเป็น เรื่องส่วนตัว ของนาย ตราบเท่าที่เรื่องส่วนตัวของนายยังไม่เอาความเดือดร้อนมาฝากฉัน ..... เรื่องระหว่างนาย กับ มิลิริน ฉันว่านายลองไปคุยกับ ท่านพ่อบุญธรรมของพวกเราเอาเองล่ะกัน องค์ราชาคาริออสของเราก็ไม่ใช่คนใจจืดใจดำ หรือ เห็นศักดินาบ้าบออะไรเป็นเรื่องใหญ่ มากกว่าความรูสึกของลูกสาวตัวเอง กับลูกชายบุญธรรมอย่างนายหรอก....เชื่อฉันสิ.... "
ราโชลีนพูดพลางตบไหล่เรย์ลาลีนเบาๆ ราวกับจะให้กำลังใจ โดยไม่สนใจสีหน้าของเรย์ลาลีนที่ปั้นยากที่สุด ราวกับโดน หมัดน๊อค เข้าเต็มปลายคางไปเรียบร้อยแล้ว
เมื่อราโชลีนเดินจากไป ปรากฎเสียงหัวเราะเบาๆ จากเซเรย์ลีน ซึ่งจับกระแสไม่ได้ว่า สงสาร หรือ สมน้ำหน้า ...หรืออาจจะทั้งสองอย่างปนเปไปก็ยากจะเดา
" พึ่งเตือนไปหยกๆ ว่าอย่าประมาทราโชลีนแท้ๆ ...แกรู้ไหมว่าแกพึ่งพูดแบบ ฆ่าตัวตาย ตามที่แกแดกดันฉันไว้แบบเป๊ะๆ เลยว่ะ "
" เออ! " เรย์ลาลีนกระแทกเสียงหนักๆ " คน ห่า อะไรพรรค์นี้วะ...ฉลาดบรรลัยจักร แค่พลาดไปประโยคเดียวพวกไม่ยอมปล่อยผ่านเลย แถมปากคมอย่างกะ กรรไกรโรง'บาล ...ผ่าเหอะ " เขาบ่นพลางทรุดลงนั่งที่พุ่มไม้อย่างหมดแรง
"เอาน่า... อย่างน้อยๆ เจ้าราโชฯมันก็ไม่ได้หัวโบราณเกินไปซะหน่อย แค่ไม่อยากหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวแบบ แก เท่านั้นเอง "
"แกมีความสุขมากนักรึไงวะ...ที่ได้กัดฉันแบบนี้? "
" ฮ่าๆๆๆ เอาน่าๆ ...แต่ฉันก็เห็นด้วยกะแกนะที่ว่ามันฉลาดเป็นกรด แถมปากคมบรรลัยจักร เพราะงี้ไง เวลาประชุมขุนนางแต่ละทีถึงมีแต่คนเกลียดมัน ใครมีชนักปักหลังยี่แทบเข้าหน้ามันไม่ติดเลยล่ะ " เซเรย์ลีนพูดพลางนึกถึงตอนประชุมสภาขุนนางประจำไตรมาส ราโชลีนกลายเป็นคนที่ไม่มีคนคบไปเลย แม้แต่พวกราชสกุล วัตเจตต์ ที่มีอำนาจเป็นรองแค่ราชวงศ์ นีโอ คอบร้า ยังขยาดแทบไม่อยากลุกขึ้นคัดง้างอะไรด้วยเลย
" ไอ้เรื่องจำอวดโต้วาทีของพวกคนแก่น่ะปล่อยไปเหอะ..พวกนั้นก็เป็นแค่หมาจิ้งจอก หวงอำนาจที่ไม่ชอบเห็นใครได้ดีกว่า แต่พอมีเรื่องก็ไม่กล้าออกหน้าด้วยตัวเอง จะว่าไปพวกเราก็ต้องขอบใจราโชลีน ที่คอยออกหน้าให้พวกเรามาตลอด เวลาที่ไอ้พวกจิ้งจอกนั่นหาเรื่องพวกเรา....ไม่งั้น.... " เรย์ลาลีนยักไหล่ราวกับไม่จำเป็นต้องพูดถึงผลที่ตามมา ซึ่งเรย์ลาลีนก็ยิ้มรับแห้งๆ
...เอาเข้าจริง เขาก็เดาไม่ถูกเหมือนกันว่าถ้าหากไม่มี ราโชลีน ซักคน พวกเขาทั้งคู่ จะเป็นยังไง...
......................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ