Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน

7.3

เขียนโดย LanzaDeLuZ

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.

  67 chapter
  7 วิจารณ์
  65.26K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ...3 พี่น้อง...(3)...(ตรวจความถูกต้อง 100%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

         

======================================================

 

           ....ในช่วงเวลาอาทิตย์อัสดง ของวันเดียวกัน....

 

               เรย์ลาลีนนั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา ซึ่งราโชลีนสั่งให้สาวใช้ปัดกวาดเช็ดถูใหม่จนเรี่ยมเร้เรไรไม่เหลือฝุ่นซักเม็ด ตั้งแต่ก่อนที่เรย์ลาลีนจะได้รับจดหมายของมิลิรินเสียอีก...ราวกับพอจะเดาได้ว่าเรย์ลาลีน ต้องใช้ห้องทำงานนี้เพราะไม่มีโอกาสได้กลับไปประจำการที่เกาะทองคำในเร็ววันแน่ๆ

 

               เขาจมหายไปในเก้าอี้ทำงาน  ดวงตาสีเทาเข้มกวาดไปมาบนแผนที่ขนาดใหญ่แสดงให้เห็นรายละเอียดของทวีปเกียร์ที่กางอยู่บนโต๊ะ โดยมีราชอาณาจักรเซลโลลอร์ เป็นเกาะใจกลางทวีป...ในชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของเขาก็เพ่งจับไปที่เขตชายแดน ระหว่างราชอาณาจักรเซลโลลอร์ และ นครลอยน้ำ สาธารณรัฐ ซีแบทเทิ่ล อันเป็นที่ตั้งของ เกาะทองคำ

 

            ....เกาะทองคำ เป็นเกาะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่คาบเกี่ยวพอดีระหว่างเขตชายแดนของทั้งสองประเทศ ซึ่งที่มาของชื่อเกาะ ไม่ใช่เพราะมีสายแร่ทองคำหรืออัญมณีใดๆ ในเกาะ....แต่เป็นสิ่งที่มีราคาค่างวดสูงกว่านั้นมาก ....มันคือทองคำดำ ! ....หรือน้ำมันดิบที่ฝังลึกอยู่ใต้ดินลงไป ไม่นับรวมก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่อย่างมหาศาล!!...

 

               ในยุคที่น้ำมันมีค่ามากกว่าทอง  ทั้งสองประเทศต่างประกาศสิทธิ์ความเป็นเจ้าของทันที เกิดเป็นสงครามชิงดินแดนยืดเยื้อที่ต่างฝ่ายต่างผลัดกันได้ครอบครองเกาะในช่วงเวลาสั้นๆ โดยที่ ซีแบทเทิ่ล เป็นฝ่ายได้เปรียบกว่าด้วยกองทัพเรือ ที่เกรียงไกรที่สุดในทวีป.......จนกระทั่ง เรย์ลาลีน คอบร้า พร้อมด้วยกองทัพทหารจอมเวทย์ 300 นาย ที่เขาฝึกและคัดสรรเองเป็นอย่างดีเข้าร่วมรบ...พวกเขาสามารถต่อต้านกองเรือนับพันที่ยึดครองเกาะทองคำอยู่ จนกระทั่งเข้าครอบครองเกาะได้...เขาเป็นคนสร้างสถิติใหม่ ด้วยการป้องกันการรุกราน และครอบครองเกาะไว้ได้ถึงเกือบ 2 ปี โดยที่กองเรือซีแบทเทิ่ล ไม่แม้แต่จะสามารถเหยียบขึ้นหาดทรายของเกาะได้อีกเลย

 

               ยิ่งนานวันเข้า ชื่อเสียงของเรย์ลาลีนก็ยิ่งโดงดัง ไม่ใช่แค่ทั้ง 2 ประเทศ แต่เป็นทั้งทวีปที่รู้จักเขาในฐานะ จอมทัพไร้พ่าย ที่ทางซีแบทเทิ่ลต้องตั้งค่าหัวเขาสูงขึ้นทุกครั้งที่กองเรือที่พวกมันภาคภูมิใจ ถูกตีกลับไปในสภาพ หนีตายแบบจมแหล่ไม่จมแหล่ ซะครึ่งนึง....ส่วนอีกครึ่งกลายสภาพเป็นปะการังเทียมประดับชายฝั่ง

 

               ล่าสุด สายของเรย์ลาลีนรายงานว่าค่าหัวของเขาคือ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด บวกกับเงินอัดฉีดอีก 5 ล้านดรากัส (สกุลเงินของสหภาพ ดราโกนีก้า) เลยทีเดียว!!

 

               " เป็นค่าหัว...ที่เย้ายวน จนฉันแทบยากจะเอาหัวของตัวเอง ไปถวายเพื่อรับรางวัลเลยว่ะ! "  เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ พลางหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่ายใจ

 

                " เป็นอย่างที่ราโชลีน พูดไว้ไม่มีผิด... "  เซเรย์ลีนซึ่งไม่รู้ว่าโผล่มาตอนไหน เอ่ยทำลายความเงียบขณะที่ตัวนั่งเอกเขนกอยู่ที่ริมหน้าต่าง ก่อนจะพูดต่อ

 

                " ราโชลีนเดาว่าตอนนี้แกกำลังนั่งจ้องแผนที่ทวีป ด้วยสีหน้าแปลกๆ บางครั้งก็ทำหน้ายุ่ง บางครั้งก็หัวเราะอยู่คนเดียว เหมือนคนบ้าแหงมๆ "

 

                " พูดอย่างนี้ เดี๋ยวก็ได้เหนี่ยวกันเสียเท่านั้น "  เรย์ลาลีนเอ่ยด่าอย่างเบื่อๆ ดูรู้เส้นกันดีจนไม่ตกใจกับการโผล่มาแบบปุบปับเหมือนผีของเซเรย์ลีนเลย

 

                เซเรย์ลีนโดดผลุงเข้ามาเข้ามาในห้องโดยไม่ขออนุญาตอย่างถือสนิทโดยมีเรย์ลาลีนหันมามองอย่างขวางๆ ปากคิดจะด่าอีกรอบแต่ก็รู้ดีว่าด่าไปไอ้คนหน้าหนาอย่างเซเรย์ลีนมันก็ไม่รู้สึกรู้สาอยู่ดี จึงเฉยเสีย และหันไปมองดูแผนที่อีกรอบ

 

                " ไม่เอาน่า...อย่าเมินกันสิเฟ้ย  ปกติเขาต้องบอกว่า ประตูอยู่ทางโน้น! หรือไม่ก็ ห้ามเข้าก่อนได้รับอนญาต! อะไรเทือกนี้ไม่ใช่เหรอ? " 

 

                " ...พูดไปแกก็เข้ามาอยู่ดี ไม่ใช่รึไง... "

 

                " น่าเบื่อ!  ทั้งแกทั้งราโชลีนช่างเป็นคนที่น่าเบื่อเหลือทนจริงๆ  ช่างเป็นพวกที่มืดมนจนใจเหลือจะกล่าว "

 

                เส้นเลือดที่ขมับของเรย์ลาลีน เต้นตุบๆ อย่างน่ากลัวจนสังเกตเห็นได้  เขานับถือราโชลีนเหลือเกิน ที่สามารถรับมือกับความกวนโมโหของเซเรย์ลีนได้ โดยไม่สั่งให้ทหารในสังกัดเก็บมันเสียให้รู้แล้วรู้รอด

 

              " ฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องเกาะทองตำ จากการกระหน่ำบุกของกองเรือ ซีแบทเทิ่ล ซึ่งมีจำนวนมากกว่าถึง 2 เท่า  กลลยุทธ์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเงื่อนไขแห่งชัยชนะ  ฉันจำเป็นต้องมีแผนในการตั้งรับ ไม่ใช่แค่ 1 แต่ต้องมีสำรองถึง 3-4 แผน  ซึ่งตัวฉันก็ไม่ได้เก่งการวางแผนอย่าง ราโชลีน ที่จะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเพื่อซ้อนแผนมากขนาดนั้นได้..."  หลังจากสงบสติอารมณ์ให้ใจเย็นลงได้ เรย์ลาลีนก็พูดเรียบๆ โดยที่สายตายังคงมองไปที่แผนที่เช่นเดิม...

 

              " อ้อ... ไอ้การวิ่งบ้าเข้าไปใจกลางทัพเรือซีแบทเทิ่ลเมื่อคืนก่อน ก็เป็นหนึ่งในแผนการของนายด้วย...งั้นสิ? "  เซเรย์ลีนย้อนถามขำๆ ทำเอาเรย์ลาลีนวางหน้าแทบไม่ถูก

 

              " น..หนวกหูน่า... ตอนนั้นกะตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้วซะหน่อย... "

 

              " นั่นสิเนอะ ..... เมื่อตอนบ่ายได้ ยาดี ไปแล้วนี่ "

 

              " ถามจริงๆ ที่แกมานี่...จุดประสงค์อย่างเดียวคือการมาหาเรื่องกวนโอ๊ยฉันรึไงวะ?? "

 

              " เปล่าเลย...ฉันมายื่นข้อเสนอต่างหาก...เอางี้ไหม...ให้ฉันไปประจำการที่เกาะทองคำแทนแก  ไม่ต้องถึงกับถาวรก็ได้ แค่ซักราว 2-3 อาทิตย์ เพื่อที่แกจะได้พักผ่อน แถมยัง....มีเวลาอยู่คุยกับ...ง่า....รินฯ... มากขึ้นไง "  เซเรย์ลีนเสนอด้วยน้ำเสียงและท่าทางหวังดี เพียงแต่ เรย์ลาลีน กลับตอบรับด้วยการแยกเขี้ยววับ

 

              " ชะ!! น้ำหน้าอย่างแกเรอะ เป็นห่วงฉัน...อย่างแกคงจะแค่อยากไปยืดเส้นยืดสายเสียมากกว่า  แถมถ้าให้แกไป คงได้ตามเก็บศพกันไม่หวาดไม่ไหวแน่ๆ ! " 

 

              " อุวะ!! เกลียดนักเชียวพวกรู้ทันเนี่ย ...ก็มันเบื่อนี่หว่า  อยู่นี่ได้แต่นั่งมองดูสงคราม กลางเมืองของพวกตาแก่ รึไม่ก็เป็นพวกที่นิสัยเหมือนตาแก่อย่าง ราโชฯ  สู้สงครามจริงๆ ไม่ได้ซักอย่าง "

 

              " ขึ้นชื่อว่า สงคราม น่ะ ไม่มีส่วนไหนที่น่าสนุกหรอกนะ เซฯ... การที่ฉันออกรบ ไม่ใช่เพราะฉันชอบ  แต่เป็นเหตุผลที่ว่า หากฉันไม่รบ คนอื่นก็ต้องรบ...และความสูญเสียอาจมากเกินกว่าที่ฉันพยายาม ควบคุม มันอยู่ก็ได้ "  เรย์ลาลีนอธิบายเรียบๆ

 

               เขารู้สึกดีใจมากที่เมื่อ 2-3 เดือนก่อน มีบทความบทหนึ่งถูกตีพิมพ์ขึ้น  เป็นบทความที่ได้จากการรวมรวมข้อมูลทางสถิติต่างๆ ได้ประกาศออกมาว่า  เรย์ลาลีน คอบร้า  เป็นเพียงคนเดียวในสงคราม ที่ยังไม่เคย ฆ่า ใครเลย  เขาอาจจะเป็นผู้ที่จมเรือรบของซีแบทเทิ่ล ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจเป็นคนทำให้ทหารซีแบทเทิ่ล บาดเจ็บมากที่สุด  แต่ยังไม่เคยมีใครที่ ตาย  ด้วยมือของเขา และนั่น เป็นสถิติที่เรย์ลาลีนภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

 

               " แกมันใจดีเกินไป๊...เรย์ฯ ใจดีจนน่าจะสละทางโลก เข้าสู่ทางธรรมเลยทีเดียว...แต่แกก็ควรจะรู้ไว้บ้างว่า ทหารทุกนาย รู้แน่แก่ใจ และพร้อมที่จะสละชีวิตของตนอยู่แล้ว เพื่อชัยชนะของสงคราม  "  เซเรย์ลีนบ่นเบาๆพลางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเรย์ลาลีน

 

               " แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาล่ะ?  ภรรยาและลูกของพวกเขาไม่ได้ยินยอมพร้อมใจที่จะสละเสาหลัก ของครอบครัว...ด้วยชัยชนะจากสงคราม ที่แทบไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลยหรอกนะ ...ลืมไปแล้วรึไง ว่าพวกเราก็เป็น เด็กกำพร้าบ้านแตก ด้วยผลพวงจากสงครามเหมือนกัน "  เขายกเหตุผลที่ทำให้เซเรย์ลีน ถึงกับอึ้ง ก่อนจะก้มหัวลงอย่างจำนนต่อถ้อยคำ

 

               " จริงของนาย .... แถมไม่มีอะไรจะมารับประกันได้ด้วยว่า เด็กๆที่กำพร้าจากสงครามจะโชคดีที่องค์ราชาคาริออส ทรงเก็บมาเลี้ยงอย่างพวกเรา ..........ว่ากันตามจริงนะ ถ้าไม่ได้ท่านพ่อบุญธรรม...ป่านนี้ฉันคงจะเป็นแค่กุลีบ้าพลังในตรอกสลัมซักแห่ง แน่ๆ "

 

               " ส่วนฉัน..............ก็อาจจะเป็นได้แค่ มายากร ข้างถนนทั่วไป "  นึกภาพแล้วเรย์ลาลีน ก็อดหัวเราะในความโชคดีของตนไม่ได้

 

               " ส่วน ราโชฯ.... " เซเรย์ลีนทำหน้าคิดหนัก

               " ก็คงเป็นได้แค่ไอ้หงอกหัวเถิกจริงจังจนเกินเหตุ...ที่มีงานอดิเรกคือ...จ้องมองกระดานหมากรุกอยู่คนเดียว "

 

               " เฮ้ย!  แล้วอีแบบนั้นมันต่างจากตอนนี้ตรงไหนวะ?? "  เรย์ลาลีนตัดมุกราวกับนัดกันไว้ ก่อนที่ทั้งสอง จะประสานเสียงกันหัวเราะดังลั่นห้อง

 

                " ฉันเป็นของฉันยังงี้ แล้วมันแปลกนักรึไงวะ? "

 

                " เฮ้ย !! ราโชฯ !! "

 

 

 

...............................................................

              

 

 

              

 

 


 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา