Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน
เขียนโดย LanzaDeLuZ
วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.
แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) ...3 พี่น้อง...(3)...(ตรวจความถูกต้อง 100%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
======================================================
....ในช่วงเวลาอาทิตย์อัสดง ของวันเดียวกัน....
เรย์ลาลีนนั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา ซึ่งราโชลีนสั่งให้สาวใช้ปัดกวาดเช็ดถูใหม่จนเรี่ยมเร้เรไรไม่เหลือฝุ่นซักเม็ด ตั้งแต่ก่อนที่เรย์ลาลีนจะได้รับจดหมายของมิลิรินเสียอีก...ราวกับพอจะเดาได้ว่าเรย์ลาลีน ต้องใช้ห้องทำงานนี้เพราะไม่มีโอกาสได้กลับไปประจำการที่เกาะทองคำในเร็ววันแน่ๆ
เขาจมหายไปในเก้าอี้ทำงาน ดวงตาสีเทาเข้มกวาดไปมาบนแผนที่ขนาดใหญ่แสดงให้เห็นรายละเอียดของทวีปเกียร์ที่กางอยู่บนโต๊ะ โดยมีราชอาณาจักรเซลโลลอร์ เป็นเกาะใจกลางทวีป...ในชั่วขณะหนึ่ง ดวงตาของเขาก็เพ่งจับไปที่เขตชายแดน ระหว่างราชอาณาจักรเซลโลลอร์ และ นครลอยน้ำ สาธารณรัฐ ซีแบทเทิ่ล อันเป็นที่ตั้งของ เกาะทองคำ
....เกาะทองคำ เป็นเกาะขนาดเล็กที่ตั้งอยู่คาบเกี่ยวพอดีระหว่างเขตชายแดนของทั้งสองประเทศ ซึ่งที่มาของชื่อเกาะ ไม่ใช่เพราะมีสายแร่ทองคำหรืออัญมณีใดๆ ในเกาะ....แต่เป็นสิ่งที่มีราคาค่างวดสูงกว่านั้นมาก ....มันคือทองคำดำ ! ....หรือน้ำมันดิบที่ฝังลึกอยู่ใต้ดินลงไป ไม่นับรวมก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่อย่างมหาศาล!!...
ในยุคที่น้ำมันมีค่ามากกว่าทอง ทั้งสองประเทศต่างประกาศสิทธิ์ความเป็นเจ้าของทันที เกิดเป็นสงครามชิงดินแดนยืดเยื้อที่ต่างฝ่ายต่างผลัดกันได้ครอบครองเกาะในช่วงเวลาสั้นๆ โดยที่ ซีแบทเทิ่ล เป็นฝ่ายได้เปรียบกว่าด้วยกองทัพเรือ ที่เกรียงไกรที่สุดในทวีป.......จนกระทั่ง เรย์ลาลีน คอบร้า พร้อมด้วยกองทัพทหารจอมเวทย์ 300 นาย ที่เขาฝึกและคัดสรรเองเป็นอย่างดีเข้าร่วมรบ...พวกเขาสามารถต่อต้านกองเรือนับพันที่ยึดครองเกาะทองคำอยู่ จนกระทั่งเข้าครอบครองเกาะได้...เขาเป็นคนสร้างสถิติใหม่ ด้วยการป้องกันการรุกราน และครอบครองเกาะไว้ได้ถึงเกือบ 2 ปี โดยที่กองเรือซีแบทเทิ่ล ไม่แม้แต่จะสามารถเหยียบขึ้นหาดทรายของเกาะได้อีกเลย
ยิ่งนานวันเข้า ชื่อเสียงของเรย์ลาลีนก็ยิ่งโดงดัง ไม่ใช่แค่ทั้ง 2 ประเทศ แต่เป็นทั้งทวีปที่รู้จักเขาในฐานะ จอมทัพไร้พ่าย ที่ทางซีแบทเทิ่ลต้องตั้งค่าหัวเขาสูงขึ้นทุกครั้งที่กองเรือที่พวกมันภาคภูมิใจ ถูกตีกลับไปในสภาพ หนีตายแบบจมแหล่ไม่จมแหล่ ซะครึ่งนึง....ส่วนอีกครึ่งกลายสภาพเป็นปะการังเทียมประดับชายฝั่ง
ล่าสุด สายของเรย์ลาลีนรายงานว่าค่าหัวของเขาคือ ตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด บวกกับเงินอัดฉีดอีก 5 ล้านดรากัส (สกุลเงินของสหภาพ ดราโกนีก้า) เลยทีเดียว!!
" เป็นค่าหัว...ที่เย้ายวน จนฉันแทบยากจะเอาหัวของตัวเอง ไปถวายเพื่อรับรางวัลเลยว่ะ! " เขาบ่นกับตัวเองเบาๆ พลางหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
" เป็นอย่างที่ราโชลีน พูดไว้ไม่มีผิด... " เซเรย์ลีนซึ่งไม่รู้ว่าโผล่มาตอนไหน เอ่ยทำลายความเงียบขณะที่ตัวนั่งเอกเขนกอยู่ที่ริมหน้าต่าง ก่อนจะพูดต่อ
" ราโชลีนเดาว่าตอนนี้แกกำลังนั่งจ้องแผนที่ทวีป ด้วยสีหน้าแปลกๆ บางครั้งก็ทำหน้ายุ่ง บางครั้งก็หัวเราะอยู่คนเดียว เหมือนคนบ้าแหงมๆ "
" พูดอย่างนี้ เดี๋ยวก็ได้เหนี่ยวกันเสียเท่านั้น " เรย์ลาลีนเอ่ยด่าอย่างเบื่อๆ ดูรู้เส้นกันดีจนไม่ตกใจกับการโผล่มาแบบปุบปับเหมือนผีของเซเรย์ลีนเลย
เซเรย์ลีนโดดผลุงเข้ามาเข้ามาในห้องโดยไม่ขออนุญาตอย่างถือสนิทโดยมีเรย์ลาลีนหันมามองอย่างขวางๆ ปากคิดจะด่าอีกรอบแต่ก็รู้ดีว่าด่าไปไอ้คนหน้าหนาอย่างเซเรย์ลีนมันก็ไม่รู้สึกรู้สาอยู่ดี จึงเฉยเสีย และหันไปมองดูแผนที่อีกรอบ
" ไม่เอาน่า...อย่าเมินกันสิเฟ้ย ปกติเขาต้องบอกว่า ประตูอยู่ทางโน้น! หรือไม่ก็ ห้ามเข้าก่อนได้รับอนญาต! อะไรเทือกนี้ไม่ใช่เหรอ? "
" ...พูดไปแกก็เข้ามาอยู่ดี ไม่ใช่รึไง... "
" น่าเบื่อ! ทั้งแกทั้งราโชลีนช่างเป็นคนที่น่าเบื่อเหลือทนจริงๆ ช่างเป็นพวกที่มืดมนจนใจเหลือจะกล่าว "
เส้นเลือดที่ขมับของเรย์ลาลีน เต้นตุบๆ อย่างน่ากลัวจนสังเกตเห็นได้ เขานับถือราโชลีนเหลือเกิน ที่สามารถรับมือกับความกวนโมโหของเซเรย์ลีนได้ โดยไม่สั่งให้ทหารในสังกัดเก็บมันเสียให้รู้แล้วรู้รอด
" ฉันมีหน้าที่ต้องปกป้องเกาะทองตำ จากการกระหน่ำบุกของกองเรือ ซีแบทเทิ่ล ซึ่งมีจำนวนมากกว่าถึง 2 เท่า กลลยุทธ์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเงื่อนไขแห่งชัยชนะ ฉันจำเป็นต้องมีแผนในการตั้งรับ ไม่ใช่แค่ 1 แต่ต้องมีสำรองถึง 3-4 แผน ซึ่งตัวฉันก็ไม่ได้เก่งการวางแผนอย่าง ราโชลีน ที่จะใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีเพื่อซ้อนแผนมากขนาดนั้นได้..." หลังจากสงบสติอารมณ์ให้ใจเย็นลงได้ เรย์ลาลีนก็พูดเรียบๆ โดยที่สายตายังคงมองไปที่แผนที่เช่นเดิม...
" อ้อ... ไอ้การวิ่งบ้าเข้าไปใจกลางทัพเรือซีแบทเทิ่ลเมื่อคืนก่อน ก็เป็นหนึ่งในแผนการของนายด้วย...งั้นสิ? " เซเรย์ลีนย้อนถามขำๆ ทำเอาเรย์ลาลีนวางหน้าแทบไม่ถูก
" น..หนวกหูน่า... ตอนนั้นกะตอนนี้มันไม่เหมือนกันแล้วซะหน่อย... "
" นั่นสิเนอะ ..... เมื่อตอนบ่ายได้ ยาดี ไปแล้วนี่ "
" ถามจริงๆ ที่แกมานี่...จุดประสงค์อย่างเดียวคือการมาหาเรื่องกวนโอ๊ยฉันรึไงวะ?? "
" เปล่าเลย...ฉันมายื่นข้อเสนอต่างหาก...เอางี้ไหม...ให้ฉันไปประจำการที่เกาะทองคำแทนแก ไม่ต้องถึงกับถาวรก็ได้ แค่ซักราว 2-3 อาทิตย์ เพื่อที่แกจะได้พักผ่อน แถมยัง....มีเวลาอยู่คุยกับ...ง่า....รินฯ... มากขึ้นไง " เซเรย์ลีนเสนอด้วยน้ำเสียงและท่าทางหวังดี เพียงแต่ เรย์ลาลีน กลับตอบรับด้วยการแยกเขี้ยววับ
" ชะ!! น้ำหน้าอย่างแกเรอะ เป็นห่วงฉัน...อย่างแกคงจะแค่อยากไปยืดเส้นยืดสายเสียมากกว่า แถมถ้าให้แกไป คงได้ตามเก็บศพกันไม่หวาดไม่ไหวแน่ๆ ! "
" อุวะ!! เกลียดนักเชียวพวกรู้ทันเนี่ย ...ก็มันเบื่อนี่หว่า อยู่นี่ได้แต่นั่งมองดูสงคราม กลางเมืองของพวกตาแก่ รึไม่ก็เป็นพวกที่นิสัยเหมือนตาแก่อย่าง ราโชฯ สู้สงครามจริงๆ ไม่ได้ซักอย่าง "
" ขึ้นชื่อว่า สงคราม น่ะ ไม่มีส่วนไหนที่น่าสนุกหรอกนะ เซฯ... การที่ฉันออกรบ ไม่ใช่เพราะฉันชอบ แต่เป็นเหตุผลที่ว่า หากฉันไม่รบ คนอื่นก็ต้องรบ...และความสูญเสียอาจมากเกินกว่าที่ฉันพยายาม ควบคุม มันอยู่ก็ได้ " เรย์ลาลีนอธิบายเรียบๆ
เขารู้สึกดีใจมากที่เมื่อ 2-3 เดือนก่อน มีบทความบทหนึ่งถูกตีพิมพ์ขึ้น เป็นบทความที่ได้จากการรวมรวมข้อมูลทางสถิติต่างๆ ได้ประกาศออกมาว่า เรย์ลาลีน คอบร้า เป็นเพียงคนเดียวในสงคราม ที่ยังไม่เคย ฆ่า ใครเลย เขาอาจจะเป็นผู้ที่จมเรือรบของซีแบทเทิ่ล ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ อาจเป็นคนทำให้ทหารซีแบทเทิ่ล บาดเจ็บมากที่สุด แต่ยังไม่เคยมีใครที่ ตาย ด้วยมือของเขา และนั่น เป็นสถิติที่เรย์ลาลีนภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก
" แกมันใจดีเกินไป๊...เรย์ฯ ใจดีจนน่าจะสละทางโลก เข้าสู่ทางธรรมเลยทีเดียว...แต่แกก็ควรจะรู้ไว้บ้างว่า ทหารทุกนาย รู้แน่แก่ใจ และพร้อมที่จะสละชีวิตของตนอยู่แล้ว เพื่อชัยชนะของสงคราม " เซเรย์ลีนบ่นเบาๆพลางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเรย์ลาลีน
" แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาล่ะ? ภรรยาและลูกของพวกเขาไม่ได้ยินยอมพร้อมใจที่จะสละเสาหลัก ของครอบครัว...ด้วยชัยชนะจากสงคราม ที่แทบไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาเลยหรอกนะ ...ลืมไปแล้วรึไง ว่าพวกเราก็เป็น เด็กกำพร้าบ้านแตก ด้วยผลพวงจากสงครามเหมือนกัน " เขายกเหตุผลที่ทำให้เซเรย์ลีน ถึงกับอึ้ง ก่อนจะก้มหัวลงอย่างจำนนต่อถ้อยคำ
" จริงของนาย .... แถมไม่มีอะไรจะมารับประกันได้ด้วยว่า เด็กๆที่กำพร้าจากสงครามจะโชคดีที่องค์ราชาคาริออส ทรงเก็บมาเลี้ยงอย่างพวกเรา ..........ว่ากันตามจริงนะ ถ้าไม่ได้ท่านพ่อบุญธรรม...ป่านนี้ฉันคงจะเป็นแค่กุลีบ้าพลังในตรอกสลัมซักแห่ง แน่ๆ "
" ส่วนฉัน..............ก็อาจจะเป็นได้แค่ มายากร ข้างถนนทั่วไป " นึกภาพแล้วเรย์ลาลีน ก็อดหัวเราะในความโชคดีของตนไม่ได้
" ส่วน ราโชฯ.... " เซเรย์ลีนทำหน้าคิดหนัก
" ก็คงเป็นได้แค่ไอ้หงอกหัวเถิกจริงจังจนเกินเหตุ...ที่มีงานอดิเรกคือ...จ้องมองกระดานหมากรุกอยู่คนเดียว "
" เฮ้ย! แล้วอีแบบนั้นมันต่างจากตอนนี้ตรงไหนวะ?? " เรย์ลาลีนตัดมุกราวกับนัดกันไว้ ก่อนที่ทั้งสอง จะประสานเสียงกันหัวเราะดังลั่นห้อง
" ฉันเป็นของฉันยังงี้ แล้วมันแปลกนักรึไงวะ? "
" เฮ้ย !! ราโชฯ !! "
...............................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ