ObserveR “คุณมึงครับ มาเลียกูซิ!”
เขียนโดย nooonaa
วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 16.21 น.
แก้ไขเมื่อ 25 มกราคม พ.ศ. 2557 23.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) "คุณมึงครับ มาเลียกูซิ!" 05 : ยอมสักครั้ง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความBy nooonaa
"คุณมึงครับ มาเลียกูซิ!" 05 : ยอมสักครั้ง
+ผงฝุ่น+
แม่.งเอ้ย! แค่คิดก็ยังอารมณ์เสียไม่หาย
มันยังติดหูอยู่เลยครับ ไอ้คำว่าอ่อนแอเนี่ย แค่ผมอ่อนแอแล้วมันไปหนักหัวใครมากรึไง แล้วคิดว่าเด็กผู้ชายอย่างผมอยากนั่งข้างสนามเหมือนพวกตุ๊ดรึไง ผมก็อยากจะลงไปวิ่งกับเพื่อนๆคนอื่นเหมือนกันนั่นแหละ แต่มันก็ทำไม่ได้ เพราะผมมีร่างกายไม่สมประกอบ หรือเรียกว่ายๆว่าอ่อนแอนั่นแหละ
แล้วมันผิดมากใช่มั้ย
พอผมบอกกับพี่ถ่านเสร็จว่าให้มารับผมที่โรงเรียน ผมก็ลากพี่มันกลับทันที พี่มันก็ดูงงแต่ก็ไม่ถามหรือรั้งอะไร เพราะพี่มันดูออกว่าสภาพผมตอนนี้...ห้ามเข้ามายุ่ง
แล้วทำไมผมต้องมานั่งคิดเรื่องบ้าบอนี่ด้วย พอเถอะฝุ่น มึงคิดไปก็ทำให้ความรู้สึกมันกลับมาไม่ได้ แค่ต่อจากนี้ไปมึงอย่าไปยุ่งกับไอ้เหี้.ยนั่นเป็นพอ
ผมจัดการอาบน้ำอาบท่าล้างกลิ่นควันออกจากตัวแล้วกลับมานั่งทำการบ้าน แต่ก่อนทำก็ขอหยิบโทรศัพท์มาเช็คความคืบหน้าในเฟสบุ๊คสักนิด แล้วมันก็มีคนส่งข้อความในแชทมาให้ แต่คนส่งมานี่ผมไม่คุ้นเลยสักนิด ชื่อเฟสกับรูปโปรไฟล์ก็แทบจะไม่คุ้นจริงๆ ผมเลยเปิดอ่านโดยไม่คิดอะไร เพราะคิดว่าเป็นเพื่อนที่เปลี่ยนชื่อเฟส
'หกโมงครึ่งมาปลุกที่บนเตียงกูด้วย'
ชัดเลย แค่ประโยคเดียวก็ทำให้ผมมั่นใจว่าเป็นมัน...ไอ้เฮียร์เหี้.ย!(มันเป็นคำสร้อยครับ)
มันคงจะแอดเฟสบุ๊คตอนที่มันยึดโทรศัพท์ไป ผมเลยเช็คดูทั้งทวิตเตอร์ อินตาแกรม ไลน์ ทุกโปรแกรมที่ผมมี ก็พบว่ามีมันกับผมเป็นเพื่อนกันเรียบร้อยทุกโปรแกรม
เยี่ยม!
คราวนี้กูจะหนีมึงพ้นมั้ย มึงเล่นดักกูทุกทางแบบนี้
ผมเลยจัดการลบมันเป็นเพื่อนทั้งหมดแล้วก็ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น แต่มันก็ยังคงส่งข้อความมาอีก
'ถ้ากูไม่เห็นมึงกูก็จะไม่ไปโรงเรียน'
ช่างมึงสิ มึงไม่ไปเรียนกูเรื่องของมึง เพราะกูบอกแล้ว...จะไม่ยุ่งกับมึงอีก
ผมเลนโยนโทรศัพท์ทิ้งไว้บนเตียงก่อนจะหันมาทำการบ้าน นี่แค่เปิดเทอมยังไม่ถึงอาทิตย์ก็มีแทบท่วมหัว สั่งไปก็ไม่รู้ว่าจะตรวจรึป่าว แต่ขอให้ได้สั่งเถอะ แค่นั้นพวกท่านก็ฟินย์และ
TRrrrrr
เสียงโทรศัพท์ดังสนั่นเล่นเอาใจหายวาบ ผมถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเดินไปรับมัน
ไม่ได้เมมเบอร์ด้วย
"ครับผม" ผมทักไปที่ปลายสายอย่างสุภาพ แต่พอได้ยินคนที่โทรมานั้นตอบกลับ ผมก็แทบจะเขว้งมันทิ้งกับพื้น
(หยิ่งหรอสัด ทักไปไม่ตอบ) แล้วมึงจะมายุ่งอะไรกับกูอีกวะ
"......."
(เงียบทำไมวะ ถามกูตอบสิ)
"ก็กูไม่อยากจะคุยกับมึง แค่นี้มันชัดมั้ยห๊ะ!" ไม่รู้ทำไมผมถึงกล้าที่จะพูดแบบนั้น หรือเพราะว่าผมรู้สึกไม่กลัวมันอีก
(กวนตีนกูนะมึง แล้วพรุ่งนี้มาปลุกกูด้วย หกโมงครึ่ง ห้ามสาย!) เสียงมันดูจริงจังจนน่าหมันไส้
ยังจะกล้ามาสั่งกูอีกรึไง
"......"
(ไอ้ฝุ่น! ที่เงียบนี่มึงคิดจะกวนประสาทกูใช่มั้ย!)
มันบ้าแล้วแน่
ติ๊ด
ผมตัดสินใจตัดสายมันทิ้งแล้วปิดเครื่องหนีทันที กะว่ามันไม่มีทางมากวนประสาทผมอีกได้แน่ พอนั่งพักตั้งสติได้ก็เริ่มกลับไปอ่านหนังสือ ชีวิตที่ซ้ำๆซากๆจนผมเริ่มเบื่อ แล้วยิ่งมีไอ้เฮียร์เข้ามาอีก มันทำให้ผมเบื่อเจ้าไปใหญ่ แต่อีกปีเดียวผมก็จะได้เข้ามหาลัยแล้ว มันคงจะดีขึ้นมั้ง
แต่ตอนนี้ขอเอาฟิสิกส์ให้รอดก่อนเถอะ แม่.ง...ยากชิบหาย
"เย็นนี้ให้พี่มารับกี่โมง"
"สามโมงนะพี่ถ่าน ผมเลิกก็จะได้กลับเลย"
"อืมๆ เดี๋ยวพี่มารอ" แล้วผมก็ลงจากรถเพื่อเข้าโรงเรียน แต่ผมก็รู้สึกโหวงๆแปลกๆนะ เหมือนรู้สึกแย่อะไรสักอย่าง
แต่ช่างมันเถอะ ไปหาไอ้เป๋าดีกว่า
ผมเดินไปที่สนามบาสแล้วก็พบไอ้แซมนั่งเป็นยักษ์เฝ้าวัด ตากลมโตน่ารักเอาแต่จับจ้องไปที่ไอ้เป๋าที่ถูกแฟนคลับสาวๆเช็ดเหงื่อให้ ไอ้เป๋าเองก็ทำได้แค่ยิ้มแล้วปล่อยให้ทำ ไอ้นี่มันเป็นคนใจดีครับ ใครว่ายังไงหรือทำอะไรมันไม่เคยปฏิเสธ ถึงจะถูกเอาเปรียบก็เอาแต่ยิ้ม มันเลยเป็นขวัญใจสาวๆในโรงเรียน ทั้งหน้าตาดี เรียนเก่ง กีฬาก็ดีเริ่ด ถือว่าเป็นคู่แข่งด้านดีของไอ้เฮียร์...เฮียของโรงเรียนและเฮียด้านความชั่ว ใครชอบสไตล์อบอุ่นก็กรี๊ดไอ้เป๋า ใครชอบเลวๆแบดบอยก็หันมากรี๊ดอาเฮียอย่างไอ้เหี้.ยนั่น
"ไอ้แซม หึงผัวอ่อ" แล้วนี่ก็เป็นความลับที่ผมรู้อยู่คนเดียว
ไอ้แซมแอบรักไอ้เป๋า
ตอนแรกก็อึ้งนะ ตอนที่มันร้องไห้ที่เห็นไอ้เป๋ามีแฟน มันเลยทำให้ผมต้องเค้นความจริงจนมันยอมสารภาพ มันเลยขอให้ผมช่วยมันปิดความลับ เพราะมันกลัวไอ้เป๋ารู้ แล้วความเป็นเพื่อนจะกลายเป็นความเกลียดชัง
"ป่าว...กูแค่คิดว่าทำไมกูถึงตัดใจไม่ได้ ทั้งๆที่มันก็เหมาะกับผู้หญิงน่ารักๆแบบนั้น...มากกว่ากู" น้ำเสียงดูเจ็บปวดมากเลยวะ กูสงสารมึงจริงๆ อย่างนี้ใช่มั้ยที่เขาเรียกว่า...
ความเจ็บปวดจากความรักของเพศเดียวกัน
เพราะมันเป็นไปไม่ได้
"มึงไม่เคยได้ยินรึไง ว่าขอแค่ให้ได้รักก็พอใจแล้ว" ที่จริงผมก็ไม่อยากให้มันมีความหวัง แต่การที่จะให้ผมเห็นเพื่อนตัวเองเจ็บปวดผมก็ทำไม่ได้ เดี๋ยวสักวันมันก็จะตัดใจไปได้เอง...สักวัน
ถึงมันจะนานก็เถอะ
"ก็เพราะอย่างนั่นแหละ กูถึงต้องมานั่งน้อยใจอยู่แบบนี้...กูอยากจะเป็นยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่คนอื่น"
เจ็บมากสินะ
"ไม่เอาน่า สักวันมันต้องเป็นของเรา" แล้วาักวันมึงจะทำใจได้
"อืม...ขอบใจ" เพียวแค่เสียงที่เคยใสกลับมาขุ่นจนน่าใจหาย ผมเลยดึงตัวมันมากอดแล้วลูบหลังมันเบาๆ
"อย่าคิดมากสิวะ ยังไงมึงกูมีกูนะ"
ตุบ!
เห้ย!
อยู่ๆลูกบาสก็กระเด็นมาโดนเก้าอี้บนอัศจรรย์ข้างหน้าผมอย่างแรง ผมกับไอ้แซมเลยรีบผละออกจากกัน ก่อนจะเห็นไอ้เป๋ากับคนในทีมบาสยืนมองพวกเราอยู่
"เราไปกันเถอะไอ้แซม กูรู้สึกแปลกๆวะ" ผมไม่รู้ว่าพวกมันมองพวกผมทำไม แต่มันรู้สึกแปลกๆพิลึก
ผมกับไอ้แซมเลยลุกขึ้นแล้วเดินออกจากสนามบาส แต่เสียงเรียกไอ้แซมก็ดังขัดขึ้นมาก่อน
"แซม...มานี่หน่อย" เสียงไอ้เป๋านี่เอง มันดูหน้าบึ้งๆเหมือนไม่ถูกใจอะไรสักอย่าง ผมเลยพยักหน้าให้แซมมันก่อนจะเดินออกมาจากสนาม แต่ยังเดินไม่ถึงตึกเรียนเสียงไอ้เจมส์ก็เรียกผมจากโต๊ะม้าหินที่มีคนในแก๊งมันนับสิบคนอยู่เต็มโต๊ะ ตอนแรกผมก็หันไปมองนะ แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินผ่านไป
"ฝุ่น"
"...."
"เดินหนีกูนะมึง" จะอะไรกับกูนักหนาเนี่ย
"มีไร" ผมหันไปตอบด้วยใบหน้าไร้อารมณ์สุดๆ
"ไอ้เฮียร์ล่ะ มึงมาถึงแล้วไอ้เฮียร์อยู่ไหน"
ไอ้เฮียร์หรอ
"ไม่รู้"
"ไม่รู้ได้ไง มึงต้องไปปลุกมันไม่ใช่รึไง" แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม บอกแล้วไงว่าจะไม่ยุ่งกับมันอีก
"กูไม่ได้ไป"
"เห้ย มึงกล้าขัดคำสั่งมันรึไง วอนหาตีนนะมึงไอ้ฝุ่น"
หึ...แค่ตีนกูก็ไม่กลัวแล้วล่ะ ถ้าเทียบกับคำหยาบคายแบบนั้น
"กูไม่กลัวหรอก"
"อย่าคิดว่าอาเฮียจะปกป้องมึงได้ตลอดนะ ถ้ากวนตีนมากๆเดี๋ยวกูอดไม่ไหวแล้วมึงจะเจอกู" อยู่ๆเพื่อนมันในกลุ่มก็โผงขึ้นมา ผมก็มองเฉยๆ ถึงเพื่อนมันจะดูหน้าโหดก็เถอะ แต่มันจะทำอะไรผมได้ นอกจากขู่
ผมก็ลูกมีพ่อมีแม่เหมือนกัน
"กูขอเตือนนะไอ้ฝุ่น อย่าขัดใจไอ้เฮียร์มาก ถ้ามันเลิกยุ่งกับมึง มึงนั่นแหละที่จะซวย"
หมายความว่าไง ถ้ามันเลิกยุ่งกับผมก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง แล้วทำไมผมถึงจะซวยอีกล่ะ
"เรื่องของมัน" แล้วผมก็เดินเข้าตึกเรียนไปเลย ไม่คิดจะถามอะไร เพราะฟังยังไงก็ดูแปลกๆ แค่การที่ผมไม่ไปปลุกมันแล้วเรื่องมันจะวุ่นวายขนาดนั้น ก็ช่างมันเถอะ มันไม่ใช่เด็กๆแล้วที่ต้องมีคนมาปลุก
แต่ผมคงคิดผิดไป เพราะวันนี้ทั้งวัน...มันไม่มา
ผมเริ่มคิดหนักเมื่อมันทำแบบนี้ มันทำให้ผมคิดหนักว่ามันเป็นความผิดของผมที่ทำให้มันขาดเรียน แต่ช่างมันเถอะ ชีวิตมันนิ ถ้าคิดได้เท่านั้นก็ไม่มีใครช่วยมันได้หรอก
พอวันต่อมาผมก็มาเรียนตามปกติ พี่ถ่านก็มาส่งเหมือนเดิม แล้วที่เหมือนเดิมอีกอย่างก็คงเป็นเรื่องที่ไอ้เฮียร์มันไม่มาโรงเรียนอีกแล้ว นี่มันเอาจริงใช่มั้ย
"ทำไมอาเฮียไม่มาโรงเรียนวะ สองวันแล้ว" ไอ้แซมถามผมเมื่อเราลงมาทานข้าวกลางวันกัน ผมก็ไม่รู้จะตอบอะไรเลยทำได้แค่นิ่ง
ในโรงเรียนนี้มีแค่ผมกับไอ้เจมส์มั้งครับที่เรียกไอ้บ้านั้นด้วยชื่อเล่น ส่วนคนอื่นจะเรียกมันว่าอาเฮีย ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงยกมันให้เป็นเฮียคุมโรงเรียนแบบนั้น มันก็แค่เด็กคนหนึ่งเหมือนเราๆ ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษสักหน่อย ก็แค่...เรียนเก่ง หล่อ รวย ก็แค่นั่นเอง
"เขาไม่สบายป่าวไอ้ฝุ่น" ไอ้แซมยังคงถาม
"แล้วมาถามอะไรกูวะ กูก็อยู่กับมึงเนี่ย" ทำอย่างกับกูตัวติดกับมันอย่างนั้นแหละ
"ก็มึงเป็นทาสอาเฮียเขาอยู่ไม่ใช่รึไง"
"ไม่ได้เป็นเว้ย กูฟรีอยู่ตอนนี้" เลิกเป็นตั้งแต่เมื่อวานซืนตอนหกโมงกว่าๆแล้ว ดังนั้นอย่ามาเรียกกูว่าทาสมันนะมึง
เดี๋ยวกูขึ้น!
"อ่าว เขาเลิกหมายหัวมึงแล้วหรอ" ไอ้นี่ถามมากจังวะ
"ไอ้เป๋า...หุบปากเมียมึงหน่อยดิ๊ ถามมากจริง" พอไอ้เป๋าได้ยินก็ขำในลำคอเล็กน้อยก่อนจะยื่นแก้วน้ำแดงของโปรดไอ้แซมให้ดื่ม คนตัวเล็กก็หน้าหยิกใส่ผมแต่ก็ก้มดูดน้ำในแก้วนั้น
เหมือนผัวเมียกันมากเลยวะ
"สวีตกันไปนะพวกมึง รำคาญวะ" ผมแซวจนใบหน้าน่ารักของไอ้แซมแดงระเรื่อ ผมเองก็ขำที่มันแสดงออกมาซะชัด แต่ไอ้เป๋าก็ยังโง่อยู่ได้
"ไม่สบายหรอแซม" ไม่สบายบ้านพ่อมึงดิไอ้เป๋า เขาเรียกว่าเขินเว้ย
โง่จริง
แต่ไอ้ที่ว่ามันไม่มาโรงเรียนเพราะไม่สบายยังคงคาใจผมอยู่ มันไม่สบายจริงหรือว่ามันกำลังประชดผมที่ไม่ยอมไปรับ
โอ๊ย! หาเรื่องให้กูนะมึง
เดี๋ยวเย็นนี้แวะไปดูหน่อยก็ได้
พอเลิกเรียนผมก็โทรหาพี่ถ่านว่าไม่ต้องมารับ จะกลับบ้านเอง พี่เขาก็ถามใหญ่ว่าทำไม ผมก็เลยโกหกไปว่าจะไปทำรายงานบ้านเพื่อน พี่ถ่านเลยยอม
ผมเดินไปหามันที่บ้านด้วยความเครียดแปลกๆ ใจก็ไม่อยากจะไป แต่ก็ไม่อยากงี้เง้าเป็นต้นเหตุให้มันหยุดเรียน
จะยอมมึงสักครั้งละกัน
พอถึงหน้าบ้านผมก็หากุญแจบ้านมันที่ผมใส่ไว้ในกระเป๋าออกมาไข เปิดประตูรั้วเข้าไปก่อนจะไขประตูบ้านอีกครั้ง แต่เพียงแค่ผมไขประตู เสียงลูกชายไอ้เฮียร์ก็เห่าระงม ผมเลยรีบจุ๊เสียงให้มันเงียบซึ่งมันก็ยอมหยุดง่ายๆ
"เงียบก่อนตัวเล็ก พ่อแกอยู่ไหน" ผมบอกแค่นั้นเจ้าหมาหน้าโง่ตัวใหญ่ก็รีบวิ่งนำผมไปที่ห้องๆหนึ่ง บ้านมันน่ารักมากเลยครับ แถมสะอาดเกินกว่าเด็กวัยรุ่นผู้ชายจะอยู่
แล้วผมก็มาหยุดหน้าห้องๆหนึ่ง ไอ้ตัวเล็กก็วิ่งดันประตูเข้าไปจนเผยข้างในห้องและร่างสูงใหญ่ชัดเจน
มันใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวนอนอยู่บนเตียงกว้างหลังใหญ่โดยมีลูกชายมันนั่งมองอยู่ข้างเตียง ลิ้นฉ่ำเองก็เลียมือพ่อเพื่อปลุกให้ตื่น แต่อีกคนกลับดึงมือตัวเองกลับแล้วพลิกตัวหนี
"ตัวเล็ก อย่ามากวน พ่อขอนอนหน่อย" นี่มันจะสี่โมงเย็นแล้วนะ ยังจะนอนอยู่อีก มึงนี่นอนกินบ้านกินเมืองจริงๆ
"ตัวเล็ก ออกมาเถอะ ปล่อยให้พ่อเขานอน เดี๋ยวพี่พาไปเดินเล่น"
โฮ่งๆ
"เห้ย!" แต่แล้วร่างสูงใหญ่ก็กระเด้งลุกขึ้นมานั่งอย่างตกใจก่อนจะมองผมตาโต
"ตกใจไร!" ผมด่ามันก่อนตัวเล็กจะคาบสายจูงมาหาผม มันคงเข้าใจความหมายว่าผมจะพามันไปเดินเล่นเลยเอาสายจูงมาให้ ผมเลยลูบหัวนิ่มนั้นหนักๆก่อนจะคล้องสายที่ปลอกคอมัน
โฮ่งๆ
น่ารักวะ...กูเริ่มรักมึงและไอ้ตัวเล็ก
"จะไปไหน" เสียงทุ้มถามผมพอเห็นผมจูงตัวเล็กออกจากห้อง ผมชะงักเท้าลงก่อนจะหันไปมอง
"ก็พ่ออย่างมึงจะนอนไม่ใช่รึไง เดี๋ยวกูดูแลมันเอง"
"เดี๋ยวสิ" เพียงแค่นั้นร่างหนาก็วิ่งมากันประตูไว้ไม่ให้ผมออก ผมเลยรีบถอยหลังกู่ก่อนจะตั้งการ์ดพร้อมสู้
นี่ผมไม่ได้กลัวนะ แค่ป้องกันตัวเท่านั้น
"มีไร"
"จะพาลูกกูไปไหน"
"ไปเดินเล่น" ก็บอกอยู่ ยังจะถามอีก
"งั้นกูไปด้วย" เป็นอะไรของมันวะ ผมเลยพยักหน้ารับก่อนมันจะวิ่งไปสวมเสื้อและกางเกง
ทำไมหุ่นมึงดีจังวะ
กล้ามเนื้อเป็นลอนสวย แถมมีทิวขนตั้งแต่สะดือจนหายเข้าไปในร่มผ้า ทำไมมันเซ็กซี่ขนาดนี้
"ปะ..." เสียงทุ้มดึงสติผมให้หยุดคิดก่อนจะแย่งสายจูงลูกชายมันมาถือเอง
พวกเราเดินพามันไปถึงสนามเด็กเล่นของหมู่บ้านก่อนจะปล่อยให้ตัวเล็กไปวิ่งเล่น ส่วนมันเองก็หายไปปล่อยให้ผมนั่งรออยู่ตรงชิงช้า ไม่นานร่างสูงก็เดินกลับมาก่อนจะยื่นแก้วน้ำให้
"อะ" ผมรับมันมาแบบงงๆก่อนที่มันจะนั่งลงข้างๆ
"ทำไมไม่ไปเรียน" ผมเริ่มถามเมื่อรอบตัวเริ่มเงียบ มันเองก็มองผมเล็กน้อยแล้วควักบุหรี่ขึ้นมาสูบ
"ก็มึงไม่มาปลุก"
เพราะกู?
"แล้วตื่นเองไม่ได้รึไง" นึกว่ามึงไม่สบายซะอีก
"ก็มึงไม่มาปลุก"
หาเรื่องนี่หว่า
"เออๆ กูผิดเอง" สุดท้ายก็ต้องยอม แล้วเราสองคนก็เงียบ ไม่นานตัวเล็กก็วิ่งมาหาพวกเราก่อนจะเอาคางมาวางบนหน้าขาผม ทั้งๆที่พ่อมันก็นั่งอยู่ข้างๆ ผมเองก็เริ่มเอ็นดูมันเลยลูบหัวให้
โฮ่งๆ
น่ารักวะ
ที่จริงผมชอบพันธุ์เซ็นเบอร์นาดมากนะครับ มีอยู่ช่วงหนึ่งผมแวะไปที่ร้านขายสุนัขบ่อยๆ ถ้านับก็น่าจะตอนผมอยู่มอสี่ ผมเข้าไปเล่นกับลูกหมาพันธุ์นี้ที่นั่นตลอด มันเพิ่งคลอดใหม่ๆด้วย เลยทำให้ยิ่งน่ารักมากๆ แล้วยิ่งมีอยู่ตัวหนึ่งมีลักษณะสีคล้ายตัวเล็กเลยครับ ผมถูกชะตามันมาก เลยลองอ้อนพ่อให้ซื้อให้ แต่ผมมีร่างกายที่อ่อนแอเลยอยู่ในที่สกปรกไม่ได้ พ่อกับพี่ถ่านเลยค้านที่จะให้ผมเลี้ยงหมา ผมก็เข้าใจนะ เพราะทุกคนทำเพื่อผม เอาไว้ค่อยมีตอนที่แข็งแรงกว่านี้ดีก็ได้ แต่พอผมกลับไปที่ร้านอีกวัน ลูกหมาตัวนั้นก็ถูกซื้อไป ผมเลยไม่กลับไปอีกเลย เพราะผมคิดว่าผมผูกพันกับมันนะ เลยรู้สึกแย่นิดหน่อย แล้วก็คิดถึงมันด้วย
แต่จะว่าไป...ตัวเล็กผมก็เอ็นดูมัน แล้วถ้าผมขอเลี้ยงมันบ้างจะได้มั้ยนะ
"เอาพี่เป็นพ่อบุญธรรมมั้ยตัวเล็ก พี่อยากเป็น" ผมถามหมาติดตลกโดยไม่ได้คิดอะไรจริงจัง แต่พ่อตัวจริงกลับด่าผมเสียงขุ่น
"ใครอนุญาต!"
"หวงหรอวะ งั้นเลี้ยงเองเลย" ผมพลิกขาตัวเองหนีไม่ให้มันวางคางต่อ ก่อนไอ้ตัวเล็กจะลุกขึ้นยืน
ไม่ต้องมามองกู กูเกลียดพ่อมึง!
นี่ผมพาลหมาหรอวะเนี่ย
"ไอ้นี่กวนตีน! "
"เรื่องของกู" มึงก็กวนตีนเหมือนกันแหละวะ
"กลับกันเถอะ" อยู่ๆมือใหญ่ก็ดึงคอเสื้อผมให้ลุกขึ้นตามก่อนจะลากกลับบ้านมัน นี่มันคิดบ้างมั้ยเนี่ยว่าผมเคืองมันอยู่ ก็คงไม่สิเนอะ มึงมันอันตพาลนี่หว่า
"เห้ยๆ เบาๆสิวะ" มึงนี่เคยคิดว่ากูเป็นเพื่อนมึงมั้ยเนี่ย ดูทำแต่ละอย่าง
พอถึงบ้านผมก็หยิบกระเป๋าตัวเองแล้วจะเดินกลับบ้าน แต่เจ้าตัวเล็กกลับมากันผมไว้ที่หน้าประตูบ้านแล้วเห่าใส่อย่างเกี้ยวกราด
โฮ่งๆๆๆ!!
เห้ยๆ
มันแยกเขี้ยวด้วยอะ
"ไอ้เฮียร์ มาเอาลูกมึงคืนไปเลย" ผมรีบควักมือเรียกไอ้เฮียร์แต่อีกคนกลับยืนนิ่ง ผมเลยต้องถอยหลังแล้ววิ่งหนีไปหลบข้างหลังเจ้าของมัน
ทำไมเขี้ยวมันใหญ่ขนาดนั้น
"ดีมากลูกพ่อ เพราะทาสพ่อยังกลับตอนนี้ไม่ได้"
ยังคิดว่าผมเป็นทาสอีกหรอ
รู้สึกไม่ดีเลยวะ
"ทำไม มึงจะเอาอะไรอีก"
"หิวข้าว ไปทำข้าวให้กินหน่อยดิ๊"
"ไม่เอา กูทำไม่เป็น" ผมไม่ได้ตอแหลนะ ก็ผมร่างกายอ่อนแอ พวกพ่อกับพี่ก็เลยให้ผมอยู่เฉยๆ รอกินอย่างเดียว แล้วทุกอย่างทุกคนก็จัดการให้ผมหมด
"อะไรวะ หน้าตาก็ไม่น่าง้าวนี่หว่า"
เห้ยๆ มึงหาว่ากูโง่อ่อ
"มาต่อยกันเถอะมามึง กูเริ่มทนไม่ไหวแล้วนะ" ผมเคว้งกระเป๋าลงพื้นแล้วจ้องตามันเขม็ง ใจอยากจะซัดให้หน้าหล่อๆมันยับไปข้าง แต่ถ้าสู้กันผมก็ตายแน่
"อะไรวะ นิดๆหน่อยๆก็ทนไม่ไหว" มันบ่นกระปอดกระแปดอย่างน่าหมันไส้ ก่อนมันจะเดินออกไปข้างนอก
"มาดิ ไปตลาดกัน"
"เรียกกูอย่างหมาเลยนะมึง"
"มั๊วๆ มาๆผงฝุ่น มาหาพ่อมา"
"ไอ้สัดเฮียร์! ลามปามนะมึง!!" ผมแทบคว้าโคมไฟข้างตัวฟาดใส่หน้ามัน แต่มันเพียงแค่ยืนมองผมนิ่งๆไม่แสดงอาการอะไร ก็ทำให้ผมไม่กล้าที่จะทำ เหมือนกับถ้าผมทำ มันก็จะฟาดคืน
ไอ้นี่แม่งโหด
"มึงลองสิ พ่อจะซัดให้กรามหักเลยมึง" มันกัดฟันพูดจนผมต้องวางโคมไฟกลับดีก่อนจะเปลี่ยนคำพูดแบบฉับพลัน
"มึงหาอะไรกินเองไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอาโจ๊กมาฝาก กูต้องรีบกลับบ้านเดี๋ยวพี่กูด่าเอา"
"คนที่มึงไปกินหมูกะทะนั้นรึป่าว...พี่มึง" อยู่ๆเสียงมันก็โหดเข้มเล่นเอาขนหัวลุก ผมก็งงอารมณ์มันจริง เปลี่ยนแปลงเร็วมาก
"เออ! แล้วกูไปได้ยัง"
"ใครล่ามโซ่มึงล่ะ"
อื่ย!
ดูปากมันดิ
"แล้วอย่ามารั้งกูไว้ละกันไอ้คนมีลูกเป็นหมา" ผมด่ามันเสร็จก็รีบชิ่งหนีออกจากบ้าน กลัวมันเตะครับ ยิ่งไม่รู้มันอยู่อารมณ์ไหนอยู่ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินออกจากประตูบ้านมันก็ควักมือเรียกให้ผมเดินไปหา ผมเองก็ทำตามง่ายๆโดยไม่คิดอะไรมาก
"มานี่ก่อนดิ๊"
"อะไรมึง"
"กูโทรไปก็หัดรับสายด้วย ข้อความก็หัดตอบกลับซะ ถ้ามึงปล่อยให้กูรอเกินสามนาทีมึงตาย"
นี่มึงขู่กูเรอะ!
แต่เพียงแต่ผมจะเถียงมันก็ชี้หน้าขัดไว้จนผมต้องรีบวิ่งไปทางประตู
"ฝากไว้ก่อนเถอะมึง!"
อย่าคิดว่ากลัวมึงนะเว้ย
"หึ กูรอมึงได้เสมอ"
ความหมายคำว่ารอของมันคืออะไรวะ ทำไมผมรู้สึกแปลกๆ
รอมึงได้เสมอ
ตึกตักๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++
131103
ช้าๆแต่งงๆนะคะ 555 รู้สึกตอนนี้แปลกๆไงไม่รู้ ไงก็ฝากด้วยนะ เอาพันเม้นเลยนร้า จุบๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ