Mummy-shaped Heart - หัวใจรูปมัมมี่

-

เขียนโดย Olette

วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.00 น.

  6 ตอน
  3 วิจารณ์
  9,640 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2556 20.08 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) Chapter 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          เมื่อถึงช่วงพักกลางวัน เซน อิท และเก่งก็มานั่งกินข้าวกันที่ศาลา ณ สวนที่นั่งเล่นเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘สวนศาลาเก่า’ ที่ถัดมาอยู่ด้านบนของตึกหนึ่ง ส่วนถัดมาด้านล่างของตึกหนึ่งจะเป็นลานจอนรถ กั้นระหว่างตึกหนึ่งและตึกสอง จะเป็นสนามบาสและสนามฟุตบอล ถัดลงมาจากตึกสองคือ โรงอาหารซึ่งอยู่ข้างๆ ลานจอดรถ

 

          เว็บขีดเขียน     

          

          “Geography มันจะยากไปไหน เรียนไปยังกะได้ใช้นิ งง” เก่งมาถึงก็บ่นทันทีเมื่อได้นั่ง

         

          “ฮ่าๆ นั่นสิ แต่เราว่าเรียนแล้วสนุกดีนะ” เซนตอบขณะวางจานข้าวไก่เทอริยากิลงบนโต๊ะ

          

          “ว่าแต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปช่วยงานอาจารย์แล้วหรอ ปกติเห็นช่วงกลางวันไม่เคยว่าง” อิทถาม โดยปกติแล้ว จะไม่เห็นเก่งเลยช่วงพักกลางวัน เขาจะไปช่วยงานอาจารย์วุฒิชัยซึ่งเป็นอาจารย์สอน science เสมอ เก่งเป็นคนเรียนเก่งสมชื่อ เขารับสอนนักเรียนประถม หรือบางทีสอนนักเรียนรุ่นเดียวกันก็มี ช่วงนี้เก่งว่างมากขึ้น และมีเวลามานั่งกับเซนและอิท ถึงบางทีเก่งจะชอบบ่นเรื่องเรียน แต่เวลาเกรดออกมาทีไร ได้ทอปคลาสทุกที

          

          “เออ วันนี้ไปดูหนังกันป่าว อิท ไม่รู้เดี๋ยวนี้มีหนังอะไรดูบ้าง แต่ไม่อยากรีบกลับบ้าน” เซนถาม

          

          “ไปเล่นเกมบ้านนายดีกว่า RE เซนมันยังไม่เคลียร์เลย มาเล่นกันป่าว เก่ง คนยิ่งเยอะยิ่งสนุกนะ” อิทชวนเก่งที่กำลังกินแพนงไก่กับข้าวอยู่

          

          “ไม่ได้ ถึงจะว่างขึ้นที่โรงเรียน แต่ก็ยังมีสอนเด็กอยู่ ไว้วันหลังละกัน” เก่งตอบขณะเคี้ยวข้าวไปด้วย

          

          “เคี้ยวให้หมดก่อนก็ได้ และที่บอกวันหลังอะ ไม่รู้ชาติหน้าจะว่างรึป่าวเลย ไม่เคยเห็นว่าง” เซนพูดขึ้นมาระหว่างที่มองเด็ก ม.1 เล่นวิ่งไล่กันอยู่ใต้ตึก

          

          “เออ แล้วที่บอกว่าเดี๋ยวนี้มีเว็บตูนสนุกๆ มีอะไรบ้างอะ ว่างๆ จะได้อ่าน” เก่งถามหลังจากเคี้ยวข้าวเสร็จ

          

          “ถ้าเป็นเว็บตูนนะ ก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่สนุกกว่าเรื่องอื่นๆ ก็ไม่ได้ใหม่นะ ชื่อ Tower of god อะ” เซนตอบ

          

          “พูดถึงเวลาอ่านพวกการ์ตูนพวกนี้ ปกติพวกนายอ่านภาษาอะไรกัน” อิทถามแล้วมองตามสายตาของเซนที่เหมือนจะจ้องอะไรอยู่ “โธ่ นึกว่ามองอะไรอยู่ ที่ไหนได้ มองเด็กเล่นวิ่งเปิดกระโปรงกันเนี่ยนะ”

          

          “ป่าวเฟ้ย! วิ่งไล่กันแล้วกระโปรงมันก็สะบัดขึ้นเอง แล้วเราก็เผลอหันไปมองพอดี” เซนรีบหันกลับมาตอบ และถอดสายตาจากสิ่งที่มองอยู่

          

          “เผลอหันไปจ้องอะสิ ไม่ใช่มอง นี่เด็กนะ เซน” อิทฉวยโอกาสล้อเซนทันที

          

          “อ้าว เดี๋ยวน้องจูดี้รู้ขึ้นมาจะไม่สวยนะ เฮ้ย” เก่งเห็นทีก็เล่นด้วย

          

          เซนหน้าแดงขึ้นมาทันที และรีบพูดว่า “ใครจะไปอยากมอง และจูดี้ก็ไม่ได้ชอบเราซะหน่อย เมื่อกี้ถามว่าอ่านการ์ตูนภาษาอะไรใข่ปะ”

          

          “เปลี่ยนเรื่องทันทีเลยนะ เซน ยิ่งได้ยินชื่อจูดี้นี่ไม่ได้เลยนะ” อิทล้อต่อ และพากันขำกันกับเก่ง

          

          “น่าอย่าน้อยใจน่า ถึงจูดี้ไม่ชอบตอนนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะไม่มีหวังซะหน่อย หน้าตานายก็ไม่แย่นะ เซน” เก่งปลอบใจขณะยังขำอยู่ เซนก็หน้าตาดีพอสมควร หน้าเรียวเล็กน้อย จมูกโด่งแต่ไม่มาก แต่ที่เขาไม่ดึงดูดผู้หญิงก็คงเป็นเพราะเขาเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อย ถ้าไม่ใช่เพื่อนที่รู้จัก หรือสนิทกันหน่อย เขาก็จะไม่เปิดบทสนทนาก่อนซักเท่าไรนัก และบางทีที่เป็นเพื่อนกับอิท เพื่อนบางคนก็จะมองว่าเป็นคนแปลก

          

          “มันคงจะมีหวังหรอก ถ้าเซนจังของเรากล้าหน่อย นี่เจ้าตัวยังไม่เคยคุยกับจูดี้เลยสักคำ” อิทพูดความจริงที่แทงใจเซนขึ้นมา               

          

          “จริงหรอ” เก่งเลิกคิ้วและหันไปมองเซน

          

          “เฮ้อ ชั่งมันเหอะ เปลี่ยนเรื่องๆ ปกติเราอ่านการ์ตูนภาษาอังกฤษนะ อ่านภาษาไทยบางทีมันไม่ได้ใจยังไงไม่รู้” เซนพูดเปลี่ยนหัวข้อมาเรื่องเก่า เขาไม่อยากพูดถึงความคืบหน้าด้านความรักของเขาที่ไม่ได้เขยิบขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย

          

          “หรอ เราอ่านภาษาไทย เคยอ่านภาษาไทยมาแต่แรก ก็เลยติดอ่านไทย” อิทเอ่ยตอบ

          

          “อ่านภาษอังกฤษดีกว่านะ ถ้าชินอ่านอังกฤษ แล้วเดี๋ยวก็ไม่กลับไปอ่านไทยเองแหละ” เก่งเห็นด้วยกับเซน

          

          ตึ่ง ตึง ตึ๊ง “ประกาศๆ ขอเชิญนายองอาจ ชั้น 3A มาพบอาจารย์วุฒิชัยที่ห้องพักครูด้วยค่ะ” ตึ๊ง ตึง ตึ่ง

          

          “เสียงประกาศโรงเรียนเราคล้ายๆ ห้างเลยแฮะ” เซนกล่าว

          

          “เฮ้อ ต้องไปอีกละ นึกว่าช่วงนี้จะว่างซักหน่อย” เก่งถอนหายใจยาวๆ พร้อมลุกขึ้น

          

          “อ้าว กินข้าวยังไม่หมดเลย จะไปแล้วหรอ” อิทถาม

          

          “ไม่เป็นไร กินแค่นี้แหละ ไปก่อนนะ ไว้เจอกันหลังคาบ ICT” เก่งบอกลาเพื่อนๆ และเดินออกไปพร้อมจานข้าวที่ยังกินไม่ถึงครึ่งชาม

           

          “อ้าว แล้วคาบก่อนหน้านั้นอะ ภาษาไทยไม่เรียนหรอ” เซนถามเก่งที่เดินออกไปจากศาลาแล้ว

          

          “คงไม่ได้เรียนอะ คาบนั้น”เก่งหันกลับมาตอบ แล้วก็ก้าวฝีเท้าจากไปเร็วขึ้น

          

          “เหลือแค่สองคนอีกละ” อิทพูดและหันมากินข้าวต่อ

         

          “ก็ยังดีกว่าตอนที่นายชอบหายหัวไปไหนไม่รู้ ไม่เคยบอก และปล่อยให้เราอยู่คนเดียวละกัน” เซนพูดแล้วหันมากินข้าวต่อ

 

 

          วิชาภาษาไทยเป็นวิชาสุดท้ายที่เซนจะเลือกเรียน ถ้าเขามีโอกาสให้เลือก อาจารย์อุทัยที่สอนภาษาไทยเน้นพูดและให้เด็กจดตามลงในสมุด ซึ่งบางทีพี่แกพูดเร็วมาก ถึงจะให้พิมก็คงจดตามไม่ทัน วันไหนมีไทยทีไรต้องมีงานเพิ่มเพราะเซนจดตามอาจารย์พูดไม่ทันทุกที

          

          “เฮ้ยอิท แทนที่จะนอนมาช่วยกันจดได้ปะฟระ” เซนเร่งฝีมือจดอย่างเต็มที่ แต่เขาเป็นคนเขียนช้า เร็วที่สุดของเขายังไงก็จดไม่เคยทัน ในคาบนี้ห้องจะเงียบเว้นแต่เสียงอาจารย์อุทัยที่พูดอย่างไม่เห็นใจเด็ก กับเสียงเครื่องจักร 21 เครื่อง (อิทนอน) ที่กำลังปั่นเขียนตามอย่างใจจดใจจ่อ

          

          “คร่อกฟี้ คร่อกฟี้” อิททำเสียงกรนกวนประสาท และนอนต่อ

          

          “ตื่นมาช่วยเขียนหน่อย เดี๋ยวค่อยนอนก็ได้ ไออิท” เซนเริ่มเขียนตามไม่ทันแล้ว

          

          “มีอะไรหรอคะ พงศกร จะอาสามาพูดแทนครูหรอคะ ยิ่งเจ็บคออยู่” อาจารย์อุทัยหยุดอ่าน และกล่าวขึ้นมาอย่างรำคาญ

          

          ‘ป่าว อยากให้อาจารย์หยุดพูด แล้วหัดใช้เครื่องซีร็อกซ์ให้เป็นประโยชน์บ้าง ดีกว่ามาให้นักเรียนจดจนมือหงิกอย่างนี้’ นี่คือสิ่งที่เซนอย่างพูด แต่เขาก็ต้องจำใจพูดอีกอย่างไป “ป่าวคับ อาจารย์อุทัย” ส่วนอิทก็ยังคงนอนต่อไป

          

          ตอนม.1 ช่วงที่อิทเข้ามาแรกๆ มีนักเรียนสงสัยมากมายว่าทำไมอาจารย์ไม่เคยว่าเขา เวลานอนในคาบ หรือเวลาขาดเรียนบ่อยๆ แต่เวลาถูกถามว่าทำไม อิทก็จะยังตอบอย่างเคยตลอดว่า “โห่ ขอร้อง” เวลามีคนทักอาจารย์ว่าทำไมอาจารย์ไม่เคยตำหนิหรือตักเตือนอิทเลย อาจารย์ทุกท่านก็จะทำเหมือนกันคือ พวกอาจารย์จะบอกไม่อยากสนใจเด็กที่ไม่ใส่ใจเรียน หรือบางคนก็พูดว่าปล่อยเขาไปสิ เธอสนใจเรียนของเธอก็พอแล้ว พวกนักเรียนชั้นเดียวกันก็เลยจะมองอิทเป็นเด็กแปลกๆ และเมื่อเซนสนิทกับอิท พวกเขาก็มองเซนเป็นเด็กแปลกๆ ไปด้วย จึงมีแค่นักเรียนบางคนที่เข้าไปคุยกับอิทและเซน

          

          เซนยอมสละเวลาที่แสนมีค่าเสี้ยววินาทีเพื่อมองว่าจูดี้จดทันไหม เธอดูตั้งใจและขะมักเขม้นมาก เซนเห็นอย่างนั้นก็ตั้งใจจดต่อโดยคิดว่าอยากจดตามให้ทันเหมือนเธอบ้าง แต่เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเซนก็ต้องไปยืมสมุดจากนัทเพราะสุดท้ายเขาก็จดไม่ทัน

          

          “นัท จดไทยไม่ทันอีกแล้ว ยืมสมุดหน่อยดิ” เซนเดินไปหานัดหลังเลิกเรียนและหลังจากเก็บกระเป๋าเป้เสร็จ

          

          “ฮ่าๆ ไม่เคยจะทันเลยนะ แต่จะอ่านที่เราเขียนออกรึป่าวเหอะ ถึงจะจดทันก็จริง แต่ลายมือนี่ยิ่งกว่าไก่เขี่ยอีก” นัทล้วงไปในกระเป๋าและหยิบสมุดภาษาไทยยื่นให้เซน             

          

          “ยืมจนชินแล้วล่ะ คงพอจะแกะภาษาไก่เขี่ยได้อยู่ วันนี้กลับบบ้านด้วยกันป่าวนัท วันนี้กะจะไปเล่นเกมกันต่อที่บ้านเราด้วย สนใจป่าว” เซนถามเมื่อได้สมุดมา และลองเปิดเช็คลายมือนัทวันนี้ดู

          

          “ไม่อะ วันนี้ไอโจ้มันชวนไปแกล้งเด็กม.1 กัน” โจ้เป็นเพื่อนของนัท แต่ตอนนี้ถูกย้ายไปอยู่ห้อง 3B เซนได้ยินอย่างนั้นเลยบอกขอบคุณสำหรับสมุดและเตรียมพร้อมจะกลับบ้าน เขาหันไปมองจูดี้ และในช่วงเวลานั้นเองเหมือนเวลาทุกอย่างหยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง จูดี้ก็หันมามองเซนพอดี และทั้งคู่ก็สบตากัน

          

          “พงศกร” เสียงเรียกชื่อเซนดังมาจากข้างหลัง

          

          เซนตกใจและรีบหันไปตอบเสียงที่มาอย่างรวดเร็ว “คับ!?”

          

          อาจารย์จินดา อาจารย์ประจำชั้นห้อง 3A ยืนอยู่ที่ประตูห้องเรียน “อาจารย์ Max เรียกหาเธออยู่ที่ห้องเก็บอุปกรณ์กีฬา ถ้าเธอเก็บของเสร็จแล้ว ช่วยไปหาเขาหน่อยนะจ๊ะ”

          

          “คับ ได้คับ เดี๋ยวผมลงไป” เซนตอบ และหันกลับมามองจูดี้ แต่เธอก็หันไปคุยกับเพื่อนและกำลังจะเดินออกจากห้องกันไปแล้ว

          

          อาจารย์ Max เป็นอาจารย์สอนพละ เซนสงสัยว่าเขาจะเรียกหาเขาทำไม เมื่อไปถึงห้องเก็บอุปกรณ์กีฬา อาจารย์ Max ก็อธิบายว่าลูกบาสหายไปลูกหนึ่ง และสงสัยว่าเซนรู้รึป่าวว่ามันหายไปไหนเนื่องจากเขาเห็นเซนเล่นบาสกับเพื่อนอยู่เมื่อเช้า

          

          “I don’t know, Mr. Max. I think we already return it.” เซนตอบอาจารย์ Max

          

          “Then I guess maybe I have to go ask class 1A, they also have class today this afternoon.” อาจารย์ Max พูดขึ้นมาพร้อมเกาหัว

          

          “I will help look around, Mr. Max. It might be somewhere around here” เซนกล่าวช่วยอาจารย์ และอาจารย์ Max ก็เดินออกจากห้องอุปกรณ์ไป เซนเริ่มหาลูกบาสที่หายไปหนึ่งลูกตามตะกร้าเก็บบอลต่างๆ แต่ก็หาไม่เจอ แต่ขณะที่กำลังหาอยู่นั่นเอง เซนก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องอุปกรณ์กีฬา เซนที่กำลังก้มงมหาลูกบอลอยู่หันไปมองคนที่เข้ามา จูดี้ยืนอยู่ที่ประตูและมองไปรอบๆ ห้อง แสงที่ส่องผ่านประตูเข้ามา เล่นเอฟเฟคกับแสงและเงา และทำให้ผมสีน้ำตาลของจูดี้ที่โดนแสง มีสีน้ำตาลที่อ่อนขึ้น แสงที่ส่องผ่านประตูเข้ามาสร้างเงาของจูดี้ได้อย่างเพอร์เฟค จูดี้ที่ดูเหมือนนางฟ้าอยู่แล้วยิ่งทำให้เหมือนนางฟ้ามากขึ้นเข้าไปอีก กระบวนการสั่งงานของสมองเซนหยุดทำงานไปชั่วขณะ

          

          “ขอโทษนะ รู้รึป่าวว่าเขาเก็บลูกปิงปองตรงไหน” จูดี้ถามขึ้นมา เซนที่ก้มตัวอยู่ค่อยๆ ยืนตัวตรง และมองไปมองมาเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าจูดี้ไม่ได้คุยกับใครคนอื่นอยู่

          

          “เซน รู้รึป่าวว่าลูกปิงปอง เขาเก็บอยู่ตรงไหน” จูดี้ถามซ้ำ กั้นยิ้มเล็กน้อย

          

          “เอ่อ… เอิ่ม อยู่ตรงนี้ ตรงชั้นวางช่องที่สาม เดี๋ยวเราหยิบให้” เซนเดินไปที่ชั้นวางและเอื้อมมือไปหยิบลูกปิงปองด้านบน

          

          “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราหยิบเองได้” จูดี้เดินไปข้างๆ เซน และเขย่งหยิบลูกปิงปองจากชั้นวางช่องที่สาม “นี่ไง ได้ละ”

          

          จูดี้โชว์ลูกปิงปองที่หยิบมา และยิ้มให้ เซนยิ้มกลับ “เค ไปละ บะบาย” ทั้งสองโบกมือลา และเซนก็มองจูดี้วิ่งออกจากห้องไป

          

          สิบนาทีผ่านไปเซนก็ยังเคลิ้มอยู่ เมื่ออิทโผล่มาที่ประตู “เฮ้ย เซนกลับกันเหอะ Mr. Max หาลูกบาสเจอแล้ว อยู่กับเด็กม.1”

          

          “หรอ อืม ฮะๆ รู้ชื่อเราด้วย” เซนยืมเคลิ้ม หมุนลูกบอลไปมาบนมือ

          

          “เฮ้ยนี่เป็นไรมากปะเนี่ย” อิทเดินเข้ามาโบกมือหน้าใบหน้าของเซน เผื่อสติสตางค์ของเจ้าตัวจะกลับมา

          

          “จูดี้รู้ชื่อเราด้วย ฮะๆ ‘เซน รู้รึป่าวลูกปิงปอง เขาเก็บอยู่ตรงไหน’” เซนพูดแบบเคลิ้มไปเคลิ้มมา อิททำหน้าแบบสมเพชเพื่อนตัวเอง  -_-'' แต่ก็รู้ว่าต้องทำยังไง จึงตะโกนว่า

          

          “จูดี้!!! เซนบอกว่าเธอรู้ชื่อมันด้วย!” ไม่ถึงวินาทีเซนก็ออกจากวิมานบนฟ้า และรีบเอามือปิดปากอิททันที

          

          “เฮ้ย! จะบ้าหรอ เดี๋ยวจูดี้ก็ได้ยินหรอก”

          

          “อาวอือออกไอ” อิทพยายามพูดผ่านมือของเซนที่ปิดปากเขาอยู่

          

          “ถ้าจะให้เอามือออก อย่าตะโกนอีกนะ” เซนมองหน้าอิทเพื่อรอให้เพื่อนสนิทของเขาพยักหน้ารับ แต่อิทกับส่งนัยต์ตายิ้ม และเลียมือเซนแทน

          

          “อี๋ ทำไรฟระ” เซนรีบเอามือออกจากปากอิททันที           

          

          “ก็นายไม่ยอมเอามือออกนิ และอีกอย่างจะกลัวอะไร ถึงโต๊ะปิงปองจะอยู่ใกล้ๆ แต่ตอนนี้เลิกเรียน เสียงเจี๊ยวจ๊าวอย่างนี้ไม่มีใครได้ยินหรอก” แต่ที่จริงแล้ว ทุกคนได้ยินหมดเลยครับ เมื่อเซนกับอิทเดินออกจากห้องเก็บอุปกรณ์และมองไปยังโต๊ะปิงปอง ทุกคนต่างซุบซิบนินทากันอยู่อย่างไม่มีผิด บางคนก็ชี้มาทางเซนกับอิท แต่ทว่าไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายที่เมื่อเซนสังเกตุดู จูดี้ไม่ได้อยู่ตรงนั้น ช่วงนั้นจูดี้ไปเข้าห้องน้ำอยู่นั่นเอง เลยไม่ได้ยินสิ่งอิทตะโกนออกไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา