มิติรัก ของยัยนักเขียน LOVE WRITER
9.3
เขียนโดย SmileAlive
วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 20.32 น.
3 ตอน
9 วิจารณ์
7,249 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 19.37 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) การเดินทางครั้งใหม่ 2
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ"ทำไมคุณถึงบอกว่าคุณออกมาจากสมุดเล่มนี้ละ”
“ผมนะหรอ ก็ก่อนที่ผมจะออกมาจากสมุดนั่น มีเสียงกระซิบบอกผมว่า มานี่เถิด มานี่เถิด ผมจำได้ว่าผมเดินตามเสียงนั้นมา และรู้สึกตัวอีกทีก็ มาโผ่ลอยู่ที่บ้านคุณเนี่ยละ”
“แล้วที่ ที่คุณอยู่ที่ไหนหรอ แล้วทำมันคุณช่างเหมือนกับตัวละครที่ฉันจินตนาการขึ้นละ”
“เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างทำให้ผมมาอยู่ที่นี่ได้ละกัน คุณเอาแต่ถามผมอยู่ฝ่ายเดียว ผมขอถามคุณบ้างนะ แล้วทำไมคุณถึงวาดรูปผมขึ้นมาได้ละ เอ้ย! ไม่ใช่สิ ทำไมคุณถึงจินตนาการเจ้าตัวที่เหมือนผมขึ้นมาได้ละ เอิบไม่ใช่สิ จินตนาการผม เอ้ย ไม่ใช่อีกละ...”
“พอๆ ยิ่งพูดยิ่งทำให้ฉันงง เอาเป็นว่าตัวละครที่ฉันจินตนาการขึ้นเขาชื่อ วีนัส โลวีน่า ดูแปลกๆพิกลใช่ไหมละ แต่เอาเถอะ เขาเป็นถึงกับเจ้าชายเชียวนะ แต่น่าเสียดาย เป็นเจ้าชายที่ตกอับนะสิ โดนกลั่นแกล้งสารพัดจากพี่น้องสายโลหิตเดียวกัน จนต้องออกจากเมืองมาอยู่กระท่อมกลางป่า ซึ้งแน่นอนไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรทั้งสิ้น เจ้าชายวีนัสต้องเผชิญหน้ากับ สิงสาลาสัตว์นับไม่ถ้วน ทั้งมีพิษ ไม่มีพิษ แต่เขาก็อยู่รอดมาได้ จนวันหนึ่งเขาได้เจอกับ ผู้วิเศษ ที่ผู้คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า เทพเจ้า เทพเจ้าองค์นี้ได้เห็นถึงความยากลำบากของเจ้าชายผู้น่าสงสาร เลยให้เจ้าชายวีนัสขอพรได้ หนึ่งข้อ เจ้าชายวีนัสจึงขอให้ตนเอง สามารถที่จะหายตัวไปที่ไหนก็ได้ โดยไม่มีผู้ใดพบเห็น เทพเจ้าจึงประทานพรแก่เจ้าชายวีนัส นับจากนั้นเป็นต้นมา จึงไม่มีใครได้พบเห็นเจ้าชายวีนัสอีกเลย”
“โอ้โห ผมเนี่ยเหมือนกับเจ้าชายวีนัสเลยหรอ งั้นผมก็ต้องหายตัวไปไหนก็ได้นะสิ อย่างเช่น ผมมาที่บ้านของคุณ โดยบังเอิญแบบ คิดผิดอะไรประมาณนี้”
.”คิดผิดเลยหรอ..ถ้าคุณคือเจ้าชายวีนัสจริงๆอะนะ ฉันขอกลับไปแต่งนิยายเรื่องนี้ใหม่ให้เจ้าชายสิ้นพระชนม์เสียตั้งแต่พบเจอสิ่งสาลาสัตว์ซะดีกว่า ” -0-
“อ่าว! ผมพูดอะไรผิด ผมแค่บอกว่า คิดผิดที่มาบ้านคุณ ถ้าเกิดว่าผมไม่มาที่นี่ คุณจะได้ไม่ต้องมาตะโกนใส่หูสองข้างผม ตอนนี้ขี้หูผมคงเต้นระบำกันสนุกสนานเพราะเสียงของคุณแล้วละ”
“นี่!!! คุณ!! ว่าฉันหรอ เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวสมองกลับหรอก ว่าแต่คุณชื่ออะไร”
“ผมนะหรอชื่อเฟรนชี่ ชื่อเดียวไม่มีใครเหมือน ส่วนคุณชื่อเฮเซล สพริ้น สินะ”
เฮเซลสงสัยเมื่อตอนแรกที่ตนเองถามเฟรนชี่ว่าเขาคือใคร แต่เฟรนชี่กับบอกว่าเขาไม่รู้ว่าเขาคือใคร จึงทำให้เฮเซลตะโกนใส่หูเฟรนชี่อีกครั้ง เพราะเหตุที่เขาโกหกเฮเซล เฟรนชี่ถึงกับนำมือทั้งสอข้างมาอุดหูแทบไม่ทัน
หลังจาที่เสียงของเฮเซลสงบลงเฟรนชี่จึงหยิบสมุดนิยายของเฮเซลขึ้นมาพร้อมกับเปิดอ่านโดยไม่ขออนุญาตเฮเซลก่อนเลย เฟรนชี่อ่านไปขำไปกับลายมือของเฮเซล ที่เข้าขั้นว่าแย่มากๆ เพราะนี่เป็นเพียงฉบับร่างของนิยายเรื่องนี้ ลายมือคงไม่ได้สวยเลิศเลออะไร และก็คงไม่ต่างอะไรกับหลักศิลาที่จารึกเอาไว้
“เป็นไงนิยายฉัน สุดยอดไปเลยใช่ไหมละ”
“เฮเซล.....” เฟรนชี่พูดชื่อเฮเซลเบาพร้อมกับทำสีหน้าแปลกประหลาด
“ว่าไง มีอะไรหรอ?”
“นิยายของคุณที่คุณแต่ง ทำไมช่างเหมือนกับชีวิตของผมเหลือเกินละ ผมคิดว่าเจ้าชายวีนัสจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วทำไมมีการพูดถึงเขาต่ออีกละ เรื่องที่ต่อจากการหายตัวไป นั้นมันเหมือนกับชีวิตของผม เป๊ะๆ”
ทั้งคู่นั่งมองหน้ากัน เฮเซลได้ขอให้เฟรนชี่ เล่าชีวิตของเขาให้ฟัง เฟรชชี่บอกว่า เขาก็ไม่รู้ต้นกำเนิดของเขาอย่างแท้จริง พ่อและแม่บุญธรรมของเฟรนชี่ได้พบเฟรนชี่ที่กระท่อมกลางป่า ตอนนั้นเฟรชชี่ป่วยและนอนหมดสติอยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น สายน้ำตามลำธารไหลเชี่ยวสีน้ำเป็นสีเขียวอมฟ้า พ่อและแม่บุญธรรมของเฟรนชี่ได้พาเฟรนชี่กลับมายังบ้านหลังเล็กๆของเขา มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพียงไม่กี่อย่าง แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ อุปกรณ์เหล่านั้นสามารถทำงานเองได้โดยไม่ต้องมีสิ่งใดมาควบคุม พ่อและแม่บุญธรรมของเฟรนชี่ ได้สอนสิ่งที่สามารถป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายและเวทย์มนต์คาถาให้กับเฟรนชี่ เพราะตอนนั้นเฟรนชี่โตมากพอที่จะเรียนรู้เรื่องพวกนี้ได้แล้ว จนเขาได้ออกมาเดินเล่นที่ป่าใหญ่ ได้ยินเสียงหญิงสาวเรียกเขาให้ มานี่เถิด มานี่เถิด เฟรนชี่จึงเดินตามเสียงนั้นมาและมาโผ่ลที่บ้านของเฮเซล
“แปลว่านายก็ มีส่วนคล้ายกับเจ้าชายวีนัสอีกนะสิ ถ้าฉันจำไม่ผิดเจ้าชายวีนัสก็มีชีวิตหลังจากหายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอยแบบคุณ”
“คุณเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนไหม แบบคุณแต่งนิยายเรื่องไหน เรื่องนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ก็มีส่วนที่คล้ายกันมากๆแบบนี้”
“ไม่ๆ ฉันไม่เคย ตั้งแต่เกิดมาบนโลกนี้ก็พึ่งเคยพบเจอเรื่องแบบนี้วันนี้ละ”
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังสนทนาเรื่องการมาของเฟรนชี่และนิยายของเธอที่กลายเป็นเรื่องจริง บรรยากาศรอบๆทั้งสองคนเริ่มเปลี่ยนไป มีแสงสีขาวเกิดขึ้นรอบๆตัวเฮเซลและเฟรนชี่ ทันใดนั้นสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเขาทั้งสองก็เปลี่ยนไป เป็นปราสาทใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยทอง ทั้งคู่ได้อยู่ในห้องนอนขนาดใหญ่ ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นห้องของผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ สิ่งของที่อยู่ภายในห้องตกแต่งไปด้วยทอง ทั้งสองยืนมองรอบห้องพร้อมกับเดินสำรวจบริเวณต่างๆภายในห้อง ระหว่างนั้นมีเสียงคนเดินมาในระยะไกล และส่งเสียงมาภายในห้องเรียกหาเจ้าชาย วีนัส ทั้งคู่รู้ทันทีว่าต้องเป็นคนที่คอยปรนนิบัติเจ้าชายวีนัส เฮเซลได้สะกิดให้เฟรนชี่ มานั่งที่เตียงนอน และเฮเซลได้หลบเข้าไปอยู่หลังม่านทึบขนาดใหญ่สีแดงเป็นผ้ากำมะหยี่ มันช่างคันยิ่งนักสำหรับเฮเซลเธอจะมีอาการคันทุกทีเมื่อได้สัมผัสกับผ้ากำมะหยี่ เฮเซลรู้ทันทีเลยว่า เรื่องที่จะดำเนินต่อไปนี้เป็นตอนหนึ่งในนิยายที่เธอแต่งขึ้นนั้นเอง ที่มีชื่อตอนว่า “การกลับมาของเจ้าชายจอมเวทย์”
โปรดติดตามตอนต่อไป...
“ผมนะหรอ ก็ก่อนที่ผมจะออกมาจากสมุดนั่น มีเสียงกระซิบบอกผมว่า มานี่เถิด มานี่เถิด ผมจำได้ว่าผมเดินตามเสียงนั้นมา และรู้สึกตัวอีกทีก็ มาโผ่ลอยู่ที่บ้านคุณเนี่ยละ”
“แล้วที่ ที่คุณอยู่ที่ไหนหรอ แล้วทำมันคุณช่างเหมือนกับตัวละครที่ฉันจินตนาการขึ้นละ”
“เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างทำให้ผมมาอยู่ที่นี่ได้ละกัน คุณเอาแต่ถามผมอยู่ฝ่ายเดียว ผมขอถามคุณบ้างนะ แล้วทำไมคุณถึงวาดรูปผมขึ้นมาได้ละ เอ้ย! ไม่ใช่สิ ทำไมคุณถึงจินตนาการเจ้าตัวที่เหมือนผมขึ้นมาได้ละ เอิบไม่ใช่สิ จินตนาการผม เอ้ย ไม่ใช่อีกละ...”
“พอๆ ยิ่งพูดยิ่งทำให้ฉันงง เอาเป็นว่าตัวละครที่ฉันจินตนาการขึ้นเขาชื่อ วีนัส โลวีน่า ดูแปลกๆพิกลใช่ไหมละ แต่เอาเถอะ เขาเป็นถึงกับเจ้าชายเชียวนะ แต่น่าเสียดาย เป็นเจ้าชายที่ตกอับนะสิ โดนกลั่นแกล้งสารพัดจากพี่น้องสายโลหิตเดียวกัน จนต้องออกจากเมืองมาอยู่กระท่อมกลางป่า ซึ้งแน่นอนไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรทั้งสิ้น เจ้าชายวีนัสต้องเผชิญหน้ากับ สิงสาลาสัตว์นับไม่ถ้วน ทั้งมีพิษ ไม่มีพิษ แต่เขาก็อยู่รอดมาได้ จนวันหนึ่งเขาได้เจอกับ ผู้วิเศษ ที่ผู้คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า เทพเจ้า เทพเจ้าองค์นี้ได้เห็นถึงความยากลำบากของเจ้าชายผู้น่าสงสาร เลยให้เจ้าชายวีนัสขอพรได้ หนึ่งข้อ เจ้าชายวีนัสจึงขอให้ตนเอง สามารถที่จะหายตัวไปที่ไหนก็ได้ โดยไม่มีผู้ใดพบเห็น เทพเจ้าจึงประทานพรแก่เจ้าชายวีนัส นับจากนั้นเป็นต้นมา จึงไม่มีใครได้พบเห็นเจ้าชายวีนัสอีกเลย”
“โอ้โห ผมเนี่ยเหมือนกับเจ้าชายวีนัสเลยหรอ งั้นผมก็ต้องหายตัวไปไหนก็ได้นะสิ อย่างเช่น ผมมาที่บ้านของคุณ โดยบังเอิญแบบ คิดผิดอะไรประมาณนี้”
.”คิดผิดเลยหรอ..ถ้าคุณคือเจ้าชายวีนัสจริงๆอะนะ ฉันขอกลับไปแต่งนิยายเรื่องนี้ใหม่ให้เจ้าชายสิ้นพระชนม์เสียตั้งแต่พบเจอสิ่งสาลาสัตว์ซะดีกว่า ” -0-
“อ่าว! ผมพูดอะไรผิด ผมแค่บอกว่า คิดผิดที่มาบ้านคุณ ถ้าเกิดว่าผมไม่มาที่นี่ คุณจะได้ไม่ต้องมาตะโกนใส่หูสองข้างผม ตอนนี้ขี้หูผมคงเต้นระบำกันสนุกสนานเพราะเสียงของคุณแล้วละ”
“นี่!!! คุณ!! ว่าฉันหรอ เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวสมองกลับหรอก ว่าแต่คุณชื่ออะไร”
“ผมนะหรอชื่อเฟรนชี่ ชื่อเดียวไม่มีใครเหมือน ส่วนคุณชื่อเฮเซล สพริ้น สินะ”
เฮเซลสงสัยเมื่อตอนแรกที่ตนเองถามเฟรนชี่ว่าเขาคือใคร แต่เฟรนชี่กับบอกว่าเขาไม่รู้ว่าเขาคือใคร จึงทำให้เฮเซลตะโกนใส่หูเฟรนชี่อีกครั้ง เพราะเหตุที่เขาโกหกเฮเซล เฟรนชี่ถึงกับนำมือทั้งสอข้างมาอุดหูแทบไม่ทัน
หลังจาที่เสียงของเฮเซลสงบลงเฟรนชี่จึงหยิบสมุดนิยายของเฮเซลขึ้นมาพร้อมกับเปิดอ่านโดยไม่ขออนุญาตเฮเซลก่อนเลย เฟรนชี่อ่านไปขำไปกับลายมือของเฮเซล ที่เข้าขั้นว่าแย่มากๆ เพราะนี่เป็นเพียงฉบับร่างของนิยายเรื่องนี้ ลายมือคงไม่ได้สวยเลิศเลออะไร และก็คงไม่ต่างอะไรกับหลักศิลาที่จารึกเอาไว้
“เป็นไงนิยายฉัน สุดยอดไปเลยใช่ไหมละ”
“เฮเซล.....” เฟรนชี่พูดชื่อเฮเซลเบาพร้อมกับทำสีหน้าแปลกประหลาด
“ว่าไง มีอะไรหรอ?”
“นิยายของคุณที่คุณแต่ง ทำไมช่างเหมือนกับชีวิตของผมเหลือเกินละ ผมคิดว่าเจ้าชายวีนัสจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วทำไมมีการพูดถึงเขาต่ออีกละ เรื่องที่ต่อจากการหายตัวไป นั้นมันเหมือนกับชีวิตของผม เป๊ะๆ”
ทั้งคู่นั่งมองหน้ากัน เฮเซลได้ขอให้เฟรนชี่ เล่าชีวิตของเขาให้ฟัง เฟรชชี่บอกว่า เขาก็ไม่รู้ต้นกำเนิดของเขาอย่างแท้จริง พ่อและแม่บุญธรรมของเฟรนชี่ได้พบเฟรนชี่ที่กระท่อมกลางป่า ตอนนั้นเฟรชชี่ป่วยและนอนหมดสติอยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น สายน้ำตามลำธารไหลเชี่ยวสีน้ำเป็นสีเขียวอมฟ้า พ่อและแม่บุญธรรมของเฟรนชี่ได้พาเฟรนชี่กลับมายังบ้านหลังเล็กๆของเขา มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพียงไม่กี่อย่าง แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ อุปกรณ์เหล่านั้นสามารถทำงานเองได้โดยไม่ต้องมีสิ่งใดมาควบคุม พ่อและแม่บุญธรรมของเฟรนชี่ ได้สอนสิ่งที่สามารถป้องกันตัวเองจากภัยอันตรายและเวทย์มนต์คาถาให้กับเฟรนชี่ เพราะตอนนั้นเฟรนชี่โตมากพอที่จะเรียนรู้เรื่องพวกนี้ได้แล้ว จนเขาได้ออกมาเดินเล่นที่ป่าใหญ่ ได้ยินเสียงหญิงสาวเรียกเขาให้ มานี่เถิด มานี่เถิด เฟรนชี่จึงเดินตามเสียงนั้นมาและมาโผ่ลที่บ้านของเฮเซล
“แปลว่านายก็ มีส่วนคล้ายกับเจ้าชายวีนัสอีกนะสิ ถ้าฉันจำไม่ผิดเจ้าชายวีนัสก็มีชีวิตหลังจากหายตัวไปอย่างไร้ร่อยรอยแบบคุณ”
“คุณเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนไหม แบบคุณแต่งนิยายเรื่องไหน เรื่องนั้นจะมีอยู่จริงหรือไม่ก็มีส่วนที่คล้ายกันมากๆแบบนี้”
“ไม่ๆ ฉันไม่เคย ตั้งแต่เกิดมาบนโลกนี้ก็พึ่งเคยพบเจอเรื่องแบบนี้วันนี้ละ”
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังสนทนาเรื่องการมาของเฟรนชี่และนิยายของเธอที่กลายเป็นเรื่องจริง บรรยากาศรอบๆทั้งสองคนเริ่มเปลี่ยนไป มีแสงสีขาวเกิดขึ้นรอบๆตัวเฮเซลและเฟรนชี่ ทันใดนั้นสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเขาทั้งสองก็เปลี่ยนไป เป็นปราสาทใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยทอง ทั้งคู่ได้อยู่ในห้องนอนขนาดใหญ่ ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นห้องของผู้ที่มียศถาบรรดาศักดิ์ สิ่งของที่อยู่ภายในห้องตกแต่งไปด้วยทอง ทั้งสองยืนมองรอบห้องพร้อมกับเดินสำรวจบริเวณต่างๆภายในห้อง ระหว่างนั้นมีเสียงคนเดินมาในระยะไกล และส่งเสียงมาภายในห้องเรียกหาเจ้าชาย วีนัส ทั้งคู่รู้ทันทีว่าต้องเป็นคนที่คอยปรนนิบัติเจ้าชายวีนัส เฮเซลได้สะกิดให้เฟรนชี่ มานั่งที่เตียงนอน และเฮเซลได้หลบเข้าไปอยู่หลังม่านทึบขนาดใหญ่สีแดงเป็นผ้ากำมะหยี่ มันช่างคันยิ่งนักสำหรับเฮเซลเธอจะมีอาการคันทุกทีเมื่อได้สัมผัสกับผ้ากำมะหยี่ เฮเซลรู้ทันทีเลยว่า เรื่องที่จะดำเนินต่อไปนี้เป็นตอนหนึ่งในนิยายที่เธอแต่งขึ้นนั้นเอง ที่มีชื่อตอนว่า “การกลับมาของเจ้าชายจอมเวทย์”
โปรดติดตามตอนต่อไป...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ