Sulfur Love (RE-Write)

9.2

เขียนโดย enzang2660

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.57 น.

  57 บท
  25 วิจารณ์
  132.31K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556 17.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

53) [Fic Service] Behind

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
+++++ ชี้แจง +++++
ตอนที่ขึ้นต้นด้วยFic Service
ไม่มีส่วนเีกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องเพียงแต่ใช้ตัวละครภายในเรื่อง Sulfur Love
ตอนอยู่บอร์ดเด็กดี-นิยาย ได้เปิดให้มีรีเควสเลือกคู่ที่อยากอ่านและอธิบาย
โครงเรื่องที่ต้องการ  เป็นการคืนกำไรให้คนอ่าน555+
(เกริ่นมาซะดี  รั่วท้ายอีกล่ะ>///<)

 
 
 
 Fic service 
Behind
 
 
                “ไม่เอา!  ผมไม่ให้พี่ไป ฮือๆ”
                ใบหน้าสวยหน้าเสียทันทีเมื่อเห็นเจ้าลูกลิงน้อยร้องไห้โฮออกมา   นิ้วเล็กๆกำชายเสื้อคนตัวสูงกว่าไว้แน่นไม่ยอมปล่อย   
                “ไม่เอาไม่ร้องนะ  พี่ไปแปปเดียวเอง”
                ใบหน้าสวยคลายยิ้มให้เด็กตัวน้อยที่เกาะติดเขา   เด็กน้อยยังคงร้องไห้งอแงแต่ไม่หยุด   คนสวยหน้าซีดอีกรอบ   เขาจะทำยังไงดีนะ
                “อย่าร้องสิซอส  ไปแค่ 7 ปีเองนะ”  เสียงหวานเอ่ยพลาลูบหัวเด็กตัวเล็ก
                “ไม่ๆๆๆ  ผมไม่ให้ไป!”  เด็กดื้อยังคงค้านต่อ
                “ขอโทษนะแต่พี่ต้องไปแล้ว...”
                มือสวยละออกไปจากคนข้างหน้า   ร่างบางหันหลังมุ่งไปยังรถสีบรอนซ์คันงาม    ดวงตาใสเบิกกว้ามองคนตรงหน้าที่เดินจากไป     มือเล็กพยายามไขว้คว้ามืออบอุ่นคู่นั้นแต่ถูกผู้เป็นแม่รั้งไว้
                “พอน่าซอส  พี่เขาไปเรียนเดี๋ยวก็กลับมาแล้ว”
                เสียงแหลมปรามแล้วดึงตัวลูกชายไว้
                “ผมจะโกรธพี่!  ถ้าพี่ไม่กลับมาแต่งงานกับผม!!”
                เจ้าตัวเล็กโก่งคอตะเบ็งสุดเสียง   ร่างบางชะงักปลายเท้าหันกลับมามองเด็กตัวน้อยที่จ้องมองมายังเขา
                “อืม  งั้นเป็นเด็กดีรอพี่ซัก 7 ปีนะ”
                ใบหน้าสวยคลายยิ้มอีกรอบ
                “ถ้าไม่กลับมาละก็ผมจะไม่ยุ่งกับพี่ตลอดชีวิตเลย!!”
                คนสวยไม่ตอบเพียงแต่หัวเราะเล็กน้อยกับคำพูดของเด็กน้อย   ดวงตาสีฟ้าเหม่อมองไปบนท้องฟ้าสดใส    จากนี้ไปตลอด 7 เขาคงไม่ได้มายืนอยู่ที่นี่อีก   เพราะฉะนั้นถ้ากลับมาเมื่อไหร่...
                ...ฉันจะแต่งงานกับนายก็ได้....
 
 
 
 
[Cheetah]
                ผมรู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยน   ผมมองไปตามแนวทางเดินในบ้านหลังคุ้นเคยที่ตอนเด็กๆผมเคยมาวิ่งเล่นบ่อยๆตอนนี้มันถูกปรับเปลี่ยนให้ดูโมเดิร์นขึ้นด้วยหินสีขาวและประตูกระจกโปร่งๆ   ผมเดินตามผู้หญิงรูปร่างดีถึงแม้อายุจะไม่ใช่น้อยๆแล้วแต่ยังรักษาเนื้อรักษาตัวดีอยู่   
 
                ปัง!
 
                บานประตูลายสวยถูกเปิดออกคนในห้องนั้นต่างเริ่มขยับเนื้อขยับตัวตื่น   ผมมองเสื้อผ้าที่ถูกทิ้งเรี่ยราดอยู่บนพื้น  กางเกงจีสติงตัวจิ๋วที่วางแหมะอยู่บนเตียงนั่นทำให้คุณน้าข้างหน้าผมถึงกลับปรี๊ดแตก
                “ออกไปจากบ้านฉันได้แล้วยัยพวกผู้หญิงหน้าด้าน!!”
                คนตัวใหญ่ที่นอนอยู่บนเตียงปรือตาขึ้นพลางยกมือโอบกอดร่างเล็กๆของผู้หญิงที่นอนขนาบข้างไว้เชิงปกป้อง
                “โวยวายแต่เช้าเลยนะครับ  ผมบอกแล้วไงว่าอย่าขึ้นมา”
                เสียงทุ้มตอกกลับ   สาวๆด้านข้างยังทำหน้าไม่อายเอาอกแน่นยวบเบียดเข้าไปที่ท่อนแขนใหญ่
                “จินนี่กลัวแม่ซอสจังเลยอ่ะค่ะ><”
                เสียงแสบแก้วหูชะมัด-*-
                “ฉันนับ1-10  ถ้าพวกเธอยังไม่ออกไปฉันจะเรียกรปภ.มาลากลงไป!!”
                พวกผู้หญิงทำท่าฟึดฟัดรีบใส่เสื้อผ้า(ต่อหน้าผมเลย-////-)    ผมมองไอ้หนุ่มหัวแดงอย่างกับพริกสดที่นั่งเกาหัวแกร็กๆ    ดวงตาคมจ้องมองมาที่ผมแว้บนึงมันก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ
                ...เห็นหน้ากูแล้วปวดขี้ว่างั้น-*-....
                “ซอส!!  รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วตามไปพบแม่ข้างล่างด้วย”  คุณน้าสั่ง
                “ง่วง!จะนอน”  เสียงใหญ่ตะโกนออกมา
                “แม่ให้เวลา15นาทีไม่งั้นจะให้พ่อขึ้นมาตาม!”
                “รู้แล้วน่า!”
                ผมลงไปนั่งรอข้างล่าง   ผ่านมา 10กว่าปีแล้วบางทีเขาคงจำผมไม่ได้แล้วละ   ก็ดูไม่เห็นตื่นเต้นอะไรเลยนี่นาตอนที่เห็นผม   ทั้งที่ผมก็ยังเหมือนเดิมผมไม่ได้ย้อมดำตาก็ยังสีฟ้า   หรือเขาจะลืมเรื่องสมัยเด็กไปแล้วนะ...   นั่นสิใครจะบ้ามานั่งจำละว่าขอแต่งงานกับผู้ชาย   ตอนนี้ก็โตๆกันแล้วด้วย   แต่ว่าซอสเปลี่ยนไปมากกว่าที่ผมคิด..   ผมนึกว่าจะโตขึ้นมาเป็นเด็กดี  สุขุมอะไรประมาณนี้  ไหงเป็นแบบนั้นไปได้  
 
                พรุบ!
 
                เสียงเก้าอี้ยวบลงไป   ผมมองสายตาคมที่ดูไม่แยแสอะไรแม้จะเห็นว่าพ่อแม่ผมก็นั่งอยู่ด้วย
                “ในเมื่อมากันครบแล้วผมก็ขอพูดเลยแล้วกัน   ทุกคนคงรู้แล้วว่าคุณปู่ของต้าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน   และคำสั่งเสียของคุณปู่ที่ทำสัญญาไว้กับปู่ของเจ้าซอสก็คือให้หลานแต่งงานกัน”  พี่ซอสพูด
                “ผมไม่ยอมรับเรื่องแบบนั้นหรอกนะ  ผู้ชาย...จะแต่งงานกันได้ไง”
                เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น   ทุกคนหันหน้าไปมองคนที่โตแต่ตัวแต่ยังทำท่าทีเหมือนเด็กๆ
                “อีกอย่างไม่ใช่ปู่ผมซะหน่อย”
                “ซอส!”
                “ช่างเถอะครับ  เขาคงไม่อยากมาเสียประวัติโดยการแต่งงานกับผู้ชายอย่างผม”  ผมพูดกลับไป
                “ยังไงก็ต้องหมั้น  ตั้งแต่วันนี้ไปให้ต้าไปนอนห้องเจ้าซอสซะ!!”
                ผมก็ไม่ได้ตกจอะไรหรอกก็แค่นอนกับน้องที่เคยเลล่นด้วยกันตอนเด็กๆ   แต่หมอนี่คงไม่ปลื้มหรอกถ้าผมจะไปนอนห้องเขา   เฮ้อ  ทำไงละเนี่ย-*-
                “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับ^^”  ผมบอก
                คุณน้าชายเดินมาหาผม  มือใหญ่บีบไหล่ผมแรงๆ
                “ฝากซอสด้วยนะต้า   พ่อไม่อยากให้มันทำตัวเหลวแหลก..”
                ผมก้มหน้ายอมรับ   เข้าใจแล้วครับ  แต่จะให้ผมไปควบคุมเด็กดื้อพรรค์นั้นผมจะทำได้หรอ   ตอนนี้ผมบอกอะไรไปเขาคงไม่เชื่อผมเหมือนเมื่อก่อน    มันโตแล้วคงไม่อยากให้ใครจูงจมูก  แต่ว่า...
                “ครับ  ผมจะดูแลเขาเอง”
 
 
 
 
                ผมกลับมาที่บ้านของ..ซอส...   เหมือนจะโดนตัดขาดจากทางบ้านไปแล้วเรียบร้อยแล้วสินะผมเนี่ย    เสื้อผ้าข้าวของต่างๆของผมถูกย้ายมาที่นี่หมดแล้ว   และผมก็ไม่รู้ว่าไอ้เด็กนั่นจะถล่มของผมไปแล้วหรือยัง
 
                แกร๊ก!
 
                ผมค่อยๆเปิดบนประตูเข้าไป    ชายหนุ่มผมซอยรากไทรระต้นคอ    ผมสีแดงตัดกับสีผิวค่อนข้างขาว   ดวงตาสีเปลือกไม้มองดูรูปในกรอบลายทางเล็กๆ   ใบหน้าหล่อสงบนิ่งไม่แสดงท่าทีอะไร   แต่หมอนั่นกลับดูเหมือนกำลังจมลึกอยู่ในห้วงความคิด   ผมเปิดประตูเข้ามาแล้วมันยังไม่รู้ตัวเลย
                “อย่าหยิบของๆคนอื่นมั่วซั่วสิ-*-”  ผมดุ
                “...กลับมาแล้วหรอ...”
                หัวใจผมกระตุกวูบแค่ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยประโยคนี้   เหมือนผมเห็นภาพซ้อนทับของเด็กน้อยเมื่อวันวาน   เด็กน้อยที่ใบหน้าเจิ่งนองไปด้วยน้ำตา   คนที่รอคอยการกลับมาของผม...
                “หึ! กลับมาเร็วดีนี่   ไม่มาให้ช้าๆหน่อยละ”
                “ประชดหรอ-*-”  ผมถาม
                “ใครประชด  ผมไม่นอนกับพี่หรอกนะเชิญยึดห้องไปเลยผมจะไปนอนบ้านเพื่อน”
                “...ตามใจ...”
                เขี้ยวสีขาวขบกัดริมฝีปากตัวเองเหมือนเด็กถูกขัดใจ    ผมทำอะไรผิดอีกละ   สนเท้าหนากระแทกเท้าตึงตังออกไปนอกห้อง    ผมโยนกระเป๋าเอกสาร  โน้ตบุ๊คทิ้งลงเตียงก่อนจะเดินไปอาบน้ำคลายความหนักอึ้งในหัว   ไหนจะเรื่องงาน  ไหนจะเรื่องไอ้เด็กบ้านี่   ผมกลัวมันโกรธผมจัง
               
                ซ่า~
 
                ผมหันหลังพิงกำแพงปล่อยให้น้ำรดอยู่บนหัว    ผมไม่รู้ว่ามันจะโกรธที่ผมกลับมาช้ามั้ย...  ผมหมายถึงเรื่องที่ผมเคยบอกมันตอนเด็กๆว่าผมจะไปเรียนต่างประเทศซัก 7 ปีแต่มันไม่ใช่....   มันเกิดเรื่องนิดหน่อยเลยทำให้ผมต้องอยู่รักษาตัวที่นั่นอีกเกือบ 4 ปี
 
                พรึ่บ!
 
                ห้องสีขาวมืดดับสนิท   ผมมองหลอดไฟที่มีแสงค้างอยู่เล็กน้อย   ผมถอยตัวชิดเข้ามุมกำแพงแล้วนั่งกอดเข่าตัวเองเอาไว้   
                “..ทำไมไฟต้องมาดับตอนนี้ด้วยนะ..”
                ผมบ่นพร้อมลืมตาโพรงท่ามกลางความมืด    ผมไม่ชอบความมืดเลย...   เพราะเวลาเรามองอะไรไม่เห็นมันจะทำให้เราระแวง    ผมกลัวที่จะต้องกลับไปอยู่ใน “ความมืด” อีกครั้ง
 
                ตึกๆ
 
                เสียงฝีเท้าบนพื้นดังใกล้เข้ามา   ผมหดขาพลางปิดปากไม่ให้เสียงหายใจหอบถี่ของผมเล็ดลอดออกไป   ใครกำลังเข้ามา!!   เขาจะมาทำร้ายผมมั้ย!!   หรือจะเข้ามาทำแบบนั้น..กับผมเหมือนที่เคยเกิดขึ้นตอนนั้น  
                ...ไม่..ไม่ๆๆ...
                “พี่ต้า!!!”
                หรือว่าคนๆนั้นจะตามมาทำร้ายผม!!
                “เปิดประตูสิ  เป็นอะไรหรือป่าว!”
                ผมนั่งกอดเข่านั่งตัวสั่นเทา    ผมปิดหูป้องกันเสียงรบกวนที่แทรกเข้ามาในหูผม   ผมไม่อยากได้ยินเสียงหัวเราะชั่วร้ายของ “คนๆนั้น”อีก   แต่ทุกอย่างมันก็ยังตามมาหลอกหลอนผมอยู่ดี    ผมจะทำยังไงดี...ใครก็ได้พาผมออกไปจากความมืดนี่ที!!!
 
                ปัง!
 
                “พี่ต้า”
                แสงไฟจากจอมือถือสาดเข้าตาผม    มือใหญ่ดึงผ้าขนหนูมาคลุมตัวผม    ผมมองใบหน้าหล่อที่ลอยอยู่ไม่ไกล   เขามาช่วยผมหรอ...    ผมเม้มปากกลั้นน้ำตาแห่งความหวาดกลัวเอาไว้ภายใน   ดวงตาคมมองหน้าผมด้วยแววตาเป็นกังวล
                “พี่เป็นอะไร.....ตกใจที่ไฟดับหรอ”
                ผมส่ายหน้าไปมาเบาๆ
                “ไฟมันตกน่ะเดี๋ยวก็มา”
 
                ปริ๊บ!
 
                แสงไฟเจิ้ดจ้าส่องสว่างไปทั่วห้อง    ผมค่อยๆชันตัวลุกขึ้นยืนแล้เดินออกไปแต่งตัวข้างนอก    พอผมหันหลังมาอีกทีผมก็ไม่เห็นชายผมแดงนั่นอีกแล้ว   ผมล้มตัวนอนบนเตียงทั้งที่ยังเปิดไฟสว่างโร่   ผมนอนไม่ได้ในความมืด...ผมกลัว
หวังว่าวันนี้ผมจะข่มตาหลับได้อีกวันนะ   ขออย่าให้ฝันร้ายมาหลอกมาหลอนผมอีกเลย
 
 
 
                ร่างสูงโปร่งนั่งลงข้างเตียงนอนใหญ่ที่มีเจ้าของใบหน้าสวยงามราวกับภาพวาดนอนหลับใหลอยู่     คิ้วโก่งสวยขมวดชนเข้ามากันแม้แต่ยามหลับ     มือใหญ่นึกอยากช่วยจึงพยายามดันคิ้วนั่นออกแต่ดูจะไม่เป็นผล    
                “เครียดเรื่องอะไรนักหนานะ”
                เสียงทุ้มบ่นอุบพลางลูบมือไปตาเส้นผมสลวยราวกับเส้นไหม   เขาชอบสีผมของคนตรงหน้า    มันดูเหมือนเป็นของล้ำค่าน่าครอบครอง    แต่การที่จะได้ครอบครองคงไม่ใช่เรื่องง่ายในเมื่อเจ้าของเส้นผมนุ่มสวยนี้วางมาดราวกับราชินีที่ปิดกั้นตัวเองออกจากคนอื่น    ภายใต้ใบหน้าสวยนี่ซ่อนอะไรไว้หลายอย่างที่เขาอยากรู้   และอีกเรื่องที่เขาอยากรู้ก็คือ...
                “ทำไมพี่ถึงผิดสัญญา...ไหนบอกว่า 7ปีไง  แล้ว..ทำไมปล่อยให้ผมรอนานแบบนี้....” 
               
               
 
                “ระวังนะครับคุณต้า”
                เสียงใสๆเอ่ยบอกผม  มือเล็กๆประคองตัวผม
                “ผมไม่ได้พิการขาหักนะครับ^^”
                ผมบอกพลางเจือยิ้มที่ใบหน้า    ผมไม่รู้ว่าบุรุษพยาบาลที่มาดูแลผมทำสีหน้าอย่างไร  รู้แต่เพียงว่าเขาส่งเสียงหัวเราะเขินๆก็เท่านั้น     ผมคล้ำมือสะเปะสะปะไปตามผ้าเนื้อเรียบ    ผมคลานขึ้นไปนั่งพิงหมอนที่อยู่หัวเตียง
                “ผมนวดให้มั้ยครับ  ผมนวดเก่งน้า~”
                เสียงน่ารักยังคงพูดต่อ   มือเล็กดึงแขนผมไปบีบเล่น   ไอ้นี่เขาเรียกนวดจริงหรอ-.-    
                “ถ้าเสร็จแล้วก็ไปรอที่รถ   อย่ารบกวนคุณต้าเขาได้มั้ย”
                เสียงเข้มดุเบาๆ   ผมจำได้ว่าเป็นเสียงของคุณหมอที่คอยดูแลผม   
                “มึงมาเสือกอะไรด้วย!”
                คนตัวเล็กบ่นพรึมพรำเบาๆ
                “ถ้านวดน่ะ  เอาไว้ทำกับฉันคนเดียวก็พอ  กลับไปจะให้นวดให้พอเลย”คุณหมอพูด
                “คนละนวดกันแล้ว  มึงมาพูดไรต่อหน้าคนอื่นเขาเนี่ยยยย”
                “ไปได้แล้ว  คนไข้ต้องการพักผ่อน”
                “มึงอ่ะ!”
                “ไอซ์...”
                “ก็ได้  แม่ ง”
                ถึงคุณบุรุษพยาบาลพยายามจะด่าคุณหมอเบาๆไม่ให้ผมได้ยินถ้อยคำหยาบคาย   แต่ผมได้ยินทุกคำเลย
                “อีกสองวันก็เปิดตาได้แล้วนะครับ”
                ผมพยักหน้ารับเบาๆ   อีกแค่สองวันผมก็จะกลับมามองเห็นอีกครั้ง!!     ผมยกมือแตะบนผ้ากร๊อซเบาๆพลางอมยิ้มเล็กน้อย     ผมประสบอุบัติเหตุรถชนแล้วก็ตาบอด    วันแรกที่ผมรู้ว่าผมไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีกผมก็โวยวายลั่น
แต่ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี     คุณพ่อกับคุณแม่ช่วยหาแพทย์คนไทย(+แถมเพื่อนคุณหมอ  น้องไอซ์)ที่ทำงานที่นี่มาคอยรักษาผม   มาอยู่เป็นเพื่อนโดยการจ้างให้มาทำการรักษาต่อถึงที่บ้าน
                “ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ”  ผมบอก
                “ยินดีครับ”  คุณหมอบอก
                “เอ๋~   คุณต้าจะมองเห็นแล้วหรอ    อายจังเลยยยย   อย่างนี้ก็เห็นผมได้แล้วสิ”  เสียงน่ารักดังขึ้นมาอีกรอบ
                “น้องไอซ์ต้องน่ารักมากแน่ๆเลย^^”
                “แหมมม  ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ  อิ อิ”
                “ไปข้างล่างได้แล้ว!”
                หวงเพื่อนจังเลยนะคุณหมอเนี่ย^^;
                “ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”  คุณหมอบอก
                “ครับ”
                ผมบอก   เสียงสนเท้าหนักเบาลงไปตามมาด้วยเสียงปิดประตูเบาๆ   ผมเอนตัวลงนอนหนุนหมอน      ผมไม่อยากคิดเลยว่ามันเป็นเวลากลางคืน   พอคิดว่าต้องอยู่คนเดียวมันก็รู้สึกหลอนๆเหมือนจะเจอผีขึ้นมา   ภาพหนังเก่าๆที่น่ากลัวๆมันมักจะผุดขึ้นมา   ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงลืมตาไล่ภาพพวกนั้นโดยการมองไปที่อื่น    แต่ตอนนี้จะลืมตาหรือไม่ลืมตาก็ค่าเท่ากัน-o-;    สิ่งที่ทำให้ผมหายหวาดกลัวได้ก็คือ..การคิดถึงหน้าของเด็กคนนั้น...   ถึงแม้ภาพจะเลือนรางเพราะผ่านมาหลายปี    แต่ผมก็หวังจะรีบกลับไปเจอเขาโดยเร็ว
 
                แกร๊ก!
 
                ผมขยับตัวเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู    เสียงฝีเท้าหนักเดินมาหยุดลงที่ข้างเตียงผม    ผมอ้าปากจะถามว่าใช่คุณหมอเทมส์หรือป่าวแต่ผมก็ต้องเงียบปากลง   มืออุ่นสากๆลากไปตามท่อนแขนผม   ลมหายใจร้อนๆเบาลงข้างคอผมเบาๆ   ผมได้ยินเสียงหายใจหอบแปลกๆที่ข้างหู
                “ฮ้า...คุณหนู..”
                ขนแขนผมลุกเกรียวไปหมด   อะ...ไอ้พ่อบ้าน    มือหยาบยังคงละลาบละล้วงเข้าไปใต้ชายเสื้อผม     ผมจะทำยังไงดี!!     ผมรวบรวมสติตัวเองไม่ให้กระเจิง    ถ้าผมพอมองเห็นผมคงรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนี   แต่พอเป็นแบบนี้ผมก็ขอระลึกทางไปประตูก่อนละกัน
 
                พลั่ก!
 
                “คุณหนู!!”
                ผมผลักร่างใหญ่ที่ลวนลามผมออกแล้ววิ่งหนี    ผมรู้สึกหัวชนเข้ากับประตูอย่างจังจนมึนไปหมดแต่ผมก็ต้องรีบควานหาลูกบิดเพื่อเปิดมันออกไป
                “ออกไปนะ!!   ใครอยู่ที่นี่บ้าง!!   ออกมาช่วยฉันที!!”
                ผมตะโกนลั่นบ้าน    เสียงเท้าหนักๆที่วิ่งไล่ผมมาทำให้ผมต้องเร่งสปีดตัวเองขึ้น    ด้วยความที่ผมมองไม่เห็นทางผมเลยวิ่งชนโน่นชนนี่แถมยังล้มอีก   แต่ที่หนักกว่านั้น...
 
                วูบ!!
 
                ผมวิ่งก้าวเหยียบอากาศ   ตัวผมตกกลิ้งลงมาจากบันไดไม้หลายขั้น     ผมจับหลังตัวเองที่ถูกขั้นบันไดกระแทกจนเจ็บไปหมด   
                “คุณหนูอย่าหนีผมเลย….ผมรักคุณหนูนะครับ”
                น้ำเสียงน่าขยะแขยงดังมาจากข้างบน    ผมลุกขึ้นวิ่งต่ออย่างไร้ทิศทาง    ลมเย็นจากข้างนอกปะทะเข้าตัวผม    ผมหวังว่าผมจะวิ่งออกไปนอกรั้วได้   แต่รั้วบ้านมันอยู่ตรงไหนกันละ!!
 
                ตู้ม!
 
                อะ!...ไม่!!
                ของเหลวเย็นๆโอบรอบตัวผม    ผมตะกายตัวขึ้นเหนือผิวน้ำเพื่อหายใจแต่กางเกงที่อุ้มน้ำของผมมันถ่วงตัวผมไว้      ถ้าผมขึ้นไปก็เจอไอ้พ่อบ้านโรคจิตนั่น   อยู่ในน้ำก็คงไม่รอด    สมองผมมันเริ่มเบลอๆคิดแต่จะเอาชีวิตตัวเองให้รอดขึ้นไปจากสระน้ำจนลืมวิธีการว่าย   ได้แต่ตะกายพื้นน้ำเย็นๆ
                ...ใครก็ได้ช่วยฉันที....
 
                “เฮือก!!”
                ผมสปริงตัวขึ้นมาจากเตียง    ผมกุมหน้าผากตัวเองที่อาบโชกไปด้วยเหงื่อเย็นๆ   ผมฝันร้ายอีกแล้ว....ผมฝันถึงเรื่องนั้นอีกแล้ว
                “อื้ออ...”
                ผมได้ยินเสียงครางหือเบาๆเหมือนคนใกล้ตื่น    ผมมองหาต้นต่อของเสียง    ใบหน้าหล่อหลับพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราว    มือใหญ่กำมือผมไว้แน่นจนเปียกไปหมด    ผมเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะยกมือลูบไปตามใบหน้าคมคาย     ในที่สุดผมก็ได้มาเจอเขาซักที....คนที่ผมรัก     ผมไม่เคยลืมว่าเขาเคยพร่ำบอกรักผมเมื่อยังเด็ก   เขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรแต่สำหรับผม.....ผมกลับอยากให้เรารักกันจริงๆ   แต่มันคงเป็นไปไม่ได้...    ผมแงะมือตัวเองออกแล้วเดินไปอาบน้ำเตรียมตัวออกไปทำงานข้างนอกเหมือนอย่างเคย
 
 
 
 
 
                “จะไปไหนน่ะ-o-!”
                ผมเรียกคนตัวสูงข้างหน้าที่แต่งตัวหล่อล่อเกย์   ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด    ผมปรับสีหน้าเป็นเรียบนิ่งไม่แสดงความอยากรู้อยากเสื อกแบบเมื่อกี้
                “ถ้าคุณน้าถามฉันจะได้รายงานถูก.....ก็แค่นั้น”  ผมบอกต่อ
                “ห่วงตัวเองจะโดนแม่ผมว่าสินะ”
                “ก็คงงั้น”
                ผมตอบพลางยักไหล่
                “ไม่ต้องห่วงหรอกผมกลับมาก่อนแม่กลับบ้านอยู่แล้ว”
                “ฉันไม่ได้ห่วงนาย”
                ผมบอก    ใบหน้าหล่อจ้องหน้าผมนิ่ง    ผมยืนพิงขอบประตูพลางเบือนหน้าเหมือนไม่แยแสอะไรในตัวเขา    ผมก็ไม่ได้อยากให้เขาลำบากใจถ้าผมแสดงตัวว่าชอบเขาเกินหน้าเกินตาจนเขาจับได้     ดูจากหน้าแล้วคงไม่ชอบผู้ชายแน่ๆยิ่งพาสาวมานอนด้วยบ่อยๆผมก็รู้แล้วว่าเขาคงรับไม่ได้ถ้าผมจะบอกว่าชอบเขา...
                “ถ้าไม่ห่วงก็ไม่ต้องถามหรอก  เปลืองน้ำลายพี่ป่าวๆ”
                ร่างสูงหันหลังเดินออกจากประตูไป    เมื่อรถคันสวยเคลื่อนตัวออกไปผมก็รูดหลังนั่งลงกับพื้น    เขาคงไม่อยากเห็นหน้าผมเลยสินะทุกๆคืนเลยต้องออกไปท่องราตรีแบบนี้   
               
                ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!
               
                ผมพิมพ์ข้อความส่งไปให้ไอ้หนุ่มหัวแดงนั่น   บอกตรงๆว่าผมไม่สบายใจที่เขาทำท่าทีแบบนี้ใส่ผม    ผมจะดูเป็นเด็กไปรือป่าวนะถ้าผมจะบอกว่าอยากให้เขาสนใจผมบ้าง   เราเป็นคู่หมั้นกันนะ....คู่หมั้นน่ะในอนาคตก็ต้องแต่งงานกันไม่ใช่หรอ    อนาคตของฉันมีแต่นาย.....แต่อนาคตของนายจะมีฉันอยู่ด้วยหรือป่าว   จริงๆแล้วนายคงต้องการแบบนี้สินะ
 
                                .....ฉันจะถอนหมั้น.....
                                                ชีต้า
 
 
 
                ภายในห้องสีเขียวอ่อนแลดูชุ่มชื่นแต่ใบหน้าคนใบห้องกลับเหี่ยวแห้งซะเหลือเกิน   ผู้อวุโสที่สุดมองหน้าผมสลับกับใบหน้าหล่อที่ดูเงียบขรึม
                “...จะถอนหมั้นเรอะ..”
                เสียงแหบสั่นๆดังลอดออกมาจากริมฝีปากหนา   ใบหน้าหย่อยคล้อยทอสายตามองผมเหมือนอยากให้ผมตอบว่า “ไม่” ออกไป
                “..ครับ”
                ผมตอบ   ทุกคนในห้องต่างผงะหลังชนพนักพิง     ยกเว้นก็แค่ชายหนุ่มผมแดงที่ไม่แม้แต่จะมองหน้าผม    แบบนี้มันดีแล้วสินะ
                “นั่นสินะ....ผู้ชายจะแต่งกันได้ยังไง...”  เสียงสั่นๆเอ่ยต่อ
                “ผมทำตามความต้องการของปู่แล้วนะครับ   เพราฉะนั้นผมว่าพอแค่นี้ดีกว่า   ผมขอตัวก่อนนะครับ”
 ผมบอกก่อนจะลุกขึ้นอย่างเสียมารยาทต่อหน้าผู้ใหญ่หลายคน     ผมหวังให้มีเสียงเรียกของใครสักคนฉุดรั้งผมไว้ไม่ให้ออกไปจากที่นี่      ผมเหลือบหางตามองใบหน้าหล่อที่ยิ่งคงนิ่งไม่แสดงอาการใดๆ
 
พรึ่บ!
 
ร่างสูงลุกขึ้นกะทันหัน    คนตัวใหญ่เดินผ่านผมไปอย่างรวดเร็วไม่หันมาแยแสผมซักนิด...     มันคงรอวันนี้มานานแล้วละมั้ง   วันที่จะหมดพันธะผูกรัดแบบนี้    ผมเดินก้าวฉับๆเบี่ยงไปอีกทาง    ผมจะไม่กลับมาที่นี่อีก!!   พอกันทีบ้านหลังนี้   ถ้ามีหมอนั่นอยู่ละก็ผมจะไม่มาเหยียบ....ให้เขารำคาญใจอีก!!
 
วืด~
 
เหมือนแรงโน้มถ่วงฉุดตัวผมให้หน้าขมำ    ผมคุกเข่าชั้นตัวลุกขึ้นช้าๆ   ผมยกมือประคองศีรษะที่โอนเอนไปมา   ผมพยายามลืมตามองภาพเลือนลางข้างหน้า   แต่ตอนนี้มันมีNosieอัดเต็มไปหมด   ไม่ต่างกับจอทีวีที่ไม่มีเสารับสัญญาณ    ผมขยับตัวนั่งพักริมทางเดิน    แดดคงจะร้อนเกินไปเลยทำให้ผมหน้ามืด    ผมหลับตาหวังให้คลายอาการนั้น    แต่เมื่อผมลืมตาขึ้น
....ผมกลับพบแต่ความมืด....
 
 
 
 
ตึง!
 
ผมชะงักตัวเองเมื่อเดินชนขอบโต๊ะเป็นรอบที่ร้อยของวัน   บ้านตัวเองแท้ๆแต่ผมกลับจำไม่ได้ว่าของอะไรอยู่ตรงไหน
“เป็นอะไรหรือป่าวลูก  เดินชนโน่นชนนี่ทั้งวันเลย”
พ่อถามผม    ผมพยายามหันหาต้นต่อเสียงแล้วเงยหน้าขึ้นหวังให้ตาผมสบตาพ่อพอดี    ผมไม่สามารถมองเห็นหน้าเขาชัดๆได้    ก็ตอนนี้...ผมมองอะไรไม่เห็น    ผมยังไม่อยากบอกเรื่องนี้เพราะกลัววาพ่อกับแม่จะกังวลเรื่องผมอีก
“ชีต้า....”  พ่อเรียกผม
“ครับ?  ผมไม่เป็นไรหรอก”  ผมตอบพลางยิ้มแห้งๆ
“ลูกมองไปทางไหนน่ะ”
!!!
ก็เสียงอยู่ตรงนี้ไม่ใช่หรอ    ผมลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ   มือใหญ่ดึงมือผมไปกุมไว้   อีกข้างก็ลูบข้างแก้มผมเบาๆ   แต่มันนั้นมันช่างสั่นเทาซะจนผมอดหวั่นไม่ได้ว่าบางที....
“...ลูกมองไม่เห็นพ่อหรอ...”
นั่นสินะ....คนตาบอดคงทำให้เหมือนคนมองเห็นไม่ได้     ผมก้มหน้านิ่งแต่น้ำตาก็พาลไหลออกมา    ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้   ผมยังอยากเห็นแสงสว่าง   แต่ก็ทำไม่ได้แล้ว....  ผมไม่อยากให้พ่อแม่ต้องทุกข์กับเรื่องของผมอีก     ผมรู้สึกถึงอ้อมกอดอันอ่อนโยนที่โอบรัดร่างกายอ่อนแอของผมไว้
“ไม่เป็นไรนะลูก...พ่อจะทำให้ลูกกลับมามองเห็นให้ได้”
แต่ผมว่าบางทีเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน.....แต่ไม่ดีตรงที่ภาพของคนๆนั้นมันฝังอยู่ในหัวผม   และดูเหมือนจะไม่หลุดออกไปง่ายๆซะด้วย   ฉันปล่อยนายไปแล้วนายก็เลิก...รังควานหัวใจฉันซะทีได้มั้ย..?
               
 
 
 
[Sauce]
     …หนีไปอีกแล้ว....
                ...นี่พี่จะไปจากผมทำไม  ทั้งที่ได้เจอกันแล้วแต่กลับ.....
                ...จากกัน  อีกแล้ว...
                ผมนั่งจุ่มนิ้วลงในแก้วน้ำรสซ่าไม่ได้สนใจฟังไอ้คุณเพื่อนที่นั่งพร่ามอะไรบางอย่างอยู่   สมองผมแค่คิดเรื่องพี่ต้าก็ไม่มีที่ให้คิดเรื่องอื่นแล้ว!!    กว่าจะเจอกันต้องรอสิบกว่าปีแล้วนี่อยู่ด้วยกันไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์!!   พี่ก็หนีผมไปอีกแล้ว!!    ผมหยิบมือถือมาเปิดข้อความครั้งสุดท้ายที่พี่ต้าส่งให้ผม
                ...ถอนหมั้นงั้นหรอ....
                นึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป   ทำไมพี่เป็นแบบนี้ละ    แล้วยังท่าทีเมินเฉยที่ทำเหมือนผมไม่มีตัวตน   ไม่สำคัญสำหรับพี่..... มีแค่ผมสินะที่ชอบพี่ข้างเดียว   แค่ผมคนเดียว...
                “เฮ้อ  คนไข้ดื้อหมอก็ซวยโดนด่ายับ  เวรกรรม-*-”
                ไอ้คุณหมอใส่แว่นนั่งหน้านิ่วบ่นให้ผมฟังเป็นรอบที่ 3
                “กูรู้ละ”  ผมบอก
                “แทนที่คนไข้จะบินไปหาหมอ  แต่หมอต้องบินมาหาคนไข้ซะงั้น   ไม่รวยจริงทำไม่ได้นะเนี่ย><”  ไอ้คนแคระที่นั่งเล็มไอติมบอกต่อ
                ไอ้เทมส์มันต้องบินมารักษาลูกไฮโซที่ไทยครับ   ผมก็เลยมีโอกาสได้มานั่งกินข้าวด้วยกัน   
                “พี่ต้าเขาไม่น่ารีบกลับมาทำงานเลยเนอะ   รออีกซักปีให้มองเห็นชัวว์ๆแล้วค่อยไปทำงานดีกว่า   คอมมันทำให้สายตาเสียอ่า-o-”  ไอ้ไอซ์บอก
                “กีต้าร์?”  ผมเดาชื่อ
                “ชีต้าเฟ้ยยย>O<”
                ผมถึงกับสตั้น 3 วิ  ชีต้าหรอ?  บางทีอาจจะเป็นชื่อโหลก็ได้ละมั้ง...
แต่ถึงอย่างนั้นก็อดคิดไม่ได้
                “มีประวัติคนไข้มึงมั้ย  คนที่ตาบอด..”  ผมถาม
                “ประวัติคนไข้ถือเป็นความลับ”  ไอ้เทมส์บอกพลางดันแว่นขึ้น
                “ไอซ์!”
                ผมเรียกคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆไอ้เทมส์
                “พอมีรูปอยู่  แต่ประวัติไม่มีอ่ะ-o-”
                “ขอดูหน่อยได้มั้ย” ผมถาม
                มือเล็กยื่นหน้าจอมือถือกรอบเหลี่ยมให้ผมดู     ภาพใบหน้าสวย    นัยน์ตาว่างเปล่าสีท้องฟ้าทอดมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย    เส้นผมสีทองยาวปะบ่าระเกะระกะอยู่รอบใบหน้าปิดบังความงามไว้ไม่หมด    ผมเองจำได้ว่าใบหน้านี้เป็นของใคร
                “กูไปก่อนนะ!”
                ผมลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้แล้วรีบก้าวเท้าไปที่ลานจอดรถ    พี่ต้าตาบอดหรอ!   แล้วไม่ได้บอดครั้งแรกด้วยนี่มันรอบที่2แล้ว!!   ที่พี่กลับมาตามสัญญาไม่ได้เพราะเรื่องนี้หรอ   แล้วทำไมไม่บอกผมซักคำ!    แค่บอกว่าให้ผมรอ....อีกสองสามปี   ผมก็รอพี่ได้เสมอ....ตลอดชีวิตก็ย่อมได้     ขอแค่พี่เอ่ยปากมาบ้างซักนิด   หัดทำตัวน่ารักๆซะบ้างสิ    ขนาดผมงอนพี่ที่กลับมาช้าพี่ยังไม่ง้อผมเลย!    ทำไมถึงชอบเมินใส่ผมนัก....
                ....หรือจริงๆแล้วพี่ก็ไม่ได้อยากจะเจอผม...
                ก็แค่อยากทำให้คุณปู่พี่พอใจ   เลยกลับมาหาผม    ผมนั่งคิดในรถเงียบสงบเพียงลำพัง     ผมอยากเจอเขา...แต่เขาจะอยากเจอผมมั้ย   ผมออกรถไปบ้านคนที่ผมอยากพบมากที่สุด    ตอนนี้ผมไปเขาคงไม่เห็นผมหรอก    จะบอดไม่หรือไม่บอดก็ไม่เคยเห็นผมอยู่ในสายตาอยู่แล้ว   ผมก้าวเท้าลงจากรถแล้วเปิดประตูรั้วไม้ระแนงเข้าไปด้านใน     ผมรีบเดินไปที่บ้านหลังเล็กที่อยู่ในสวน      ผมมองลอดเข้าไปในบ้านกระจกที่ห้อมล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่    ร่างสูงบอบบางนอนหลับเอนกายบนเก้าอี้โยกตัวใหญ่    ผมถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้านหลังเล็กทั้งที่เจ้าของกำลังนอนหลับอยู่     ผมยืนมองใบหน้าสวยที่หลับตาพริ้มดูน่ารักไม่หยอก   ผมเลยอดไม่ได้ที่จะยกมือลูบข้างแก้มสีชมพูจางๆเบาๆ
                “ใครน่ะ!”
                เจ้าของใบหน้าหวานสะดุ้งตัวตื่นพยายามถดตัวถอยหนี
                “ใครอนุญาตให้เข้ามา  ออกไปนะ!!”
                ไม่รู้ว่าพี่ต้ากำลังไล่ใครแต่ผมไม่ไปแน่ๆ
                “ฉันถามว่าใคร!”
                ผมยืนนิ่งมองใบหน้าสวยที่ขมวดคิ้วเข้าหากัน    มือขาวคว้าเสื้อผมไว้อีกมือก็จับไล่ขึ้นมาจนถึงใบหน้าผม    นิ้วเรียวสวยไล้ไปตามขอบตา  แก้มและปากของผม    เมื่อพี่ต้ารู้แล้วว่าผมเป็นใครเขาก็มีท่าทีจะหนีจากผมไป
 
                หมับ!
 
                ผมคว้าข้อมือนั่นไว้  ผมตวัดลากร่างผอมบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน    ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองผมถึงดวงตาจะไม่ได้สบกันโดยตรงแตผมก็รู้ว่าเขามองผมอยู่
                “จะหนีผมไปไหนอีก”  ผมถาม
                “ไม่ได้หนีซะหน่อย  มีธุระอะไร”
                ผมเกลียดคำถามแบบตีตัวออกห่างแบบนี้จัง
                “ไม่มี”  ผมตอบ
                “งั้นก็ปล่อยได้แล้ว”
                มือสวยดันตัวผมออก   แต่ผมไม่ยอมง่ายๆหรอก
                “สัญญาไว้แล้วไม่ใช่หรอว่าจะแต่งงานกับผม”
                หวังว่าคงไม่ลืมหรอกนะ     พี่ต้าเอียงหน้าหลบข้างเล็กน้อย     คนปากแข็งปิดปากเงียบไม่ตอบอะไร    ไม่ทราบว่าจะยั่วให้ผมโมโหหรือไงกันครับ!
                “อยู่ๆก็ถอนหมั้นถามผมบ้าง...”
                “นายก็ไม่ค้านอยู่แล้วนี่!!”
                พี่ต้าตะโกนเสียงดังใส่หน้าผม    มือสวยขยุ้มเสื้อผมแน่น   นิ้วสวยจิกเข้ามาในเนื้อผม   ร่างบอบบางเริ่มสั่นเทาขึ้นเรื่อยๆ
                “...นายไม่สนอยู่แล้วไม่ใช่หรอ....เรื่องแบบนี้น่ะ   นายไม่ไม่สนใจฉัน...ไม่เคย”
                ร่างสูงบางทรุดตัวลงอย่างไร้เรี่ยวแรง    มือสวยประกบมือปิดบังใบหน้าที่เอ่อนองไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย    ผมน่ะหรอไม่สนใจพี่   ในหัวผมมีแต่เรื่องของพี่แท้ๆนะครับ   คนที่เมินผมน่ะมันพี่ต่างหาก
                “ไปได้แล้ว...ฉันอยากอยู่คนเดียว..”
                ไม่หนี....ก็ไล่   ผมไม่ไปแล้ว   ผมไม่ไปจนกว่าพี่จะเลิกเข้าใจผิด     ผมนั่งลงจับไหล่คนข้างหน้า   มือสวยตวัดปัดมือผมออก    แต่ผมก็จับใหม่และบีบไว้แน่นกว่าเดิม
                “ในหัวผมมีแต่พี่..”  ผมบอก
                “ออกไป!”
                “เลิกไล่ผมซะทีผมอยากอยู่กับพี่นะ!!”
                ผมตวาดลั่น   ผมรอมานานแล้วนะ   ...รอพี่คนเดียว   ได้โปรดเลิกผลักไสผมไปซะทีและก็อย่าหนีผมไปไหนด้วย    ผมโอบกอดร่างสั่นไหวพลางซบใบหน้าลงบนไหล่เนียนสวย
                “...ฉันไม่ต้องการ...นาย”
                เหมือนมีใครควักหัวใจผมออกไปบีบเล่น    ตัวผมชาวาบไร้ความรู้สึกไปชั่วครู่     คำสั้นๆที่ฟังแล้วเหมือนโดนฟ้าผ่าทำให้ผมต้องปล่อยมือออกจากเขา
                “ไปซะ!!”
                พี่รู้มั้ยผมไม่เคยเข้าใจพี่เลย...พี่บอกให้ผมไปแต่สายตาพี่กลับอ้อนวอนของร้องให้ผมอยู่ต่อ    
                “ช่วยพูดความรู้สึกตรงๆของพี่ออกมาได้มั้ย”  ผมบอก
                “...ไปซะ”
                “ผมรักพี่นะ....ผมอยากอยู่ข้างๆพี่..ได้มั้ย”
                ผมคิดกับพี่แบบนี้มาตลอด   ถึงพี่ไม่ตอบรับความรู้สึกของผม...ก็ไม่เป็นไร     แต่ขอให้ผมมีโอกาสได้เข้าใกล้พี่บ้างผมก็พอใจแล้ว
                “....ไม่ต้องมาดูแลฉันหรอก  เก็บความรักของนายไปให้คนอื่นดีกว่า   ต่อให้นายมาทำดีกับฉันๆก็คง....มองไม่เห็น  ก็ฉันตาบอด..”
                เรื่องแบบนี้ไม่เกี่ยวกันหรอก   ต่อให้พี่พิการ  ขาหัก  หรือเป็นเจ้าชายนิทราผมก็จะขอรักพี่แบบนี้     ผมรักพี่ต่อให้พี่เป็นยังไงผมก็จะรัก
                “พี่ไม่จำเป็นต้องเห็น   แค่รู้ว่าผมมีตัวตนก็พอ”
                ผมจับมือขาวซีดขึ้นมาทาบบนแก้มผม
                “ผมอยู่ตรงนี้   ข้างๆพี่....และจะอยู่แบบนี้ตลอดไป”
                ผมสัญญาว่าจะไม่ไปไหน
                “..ไม่ว่ายามแข็งแรงหรือยามเจ็บไข้     ไม่ว่ายามทุกข์หรือสุข  ยามมีหรือจน   ..จะขอรัก   ให้เกียรติ  ปลอบโยนและช่วยเหลือกัน  ตราบสิ้นลมหายใจ....”
                ...ขอให้เชื่อมั่นในตัวผม...  
“ผมขอสัญญา....”
สายลมบางเบาไม่อาจกลบเสียงที่ผมตั้งใจพูดออกไปได้     ใบหน้าสวยซอบลงบนอกผม     เสียงร่ำไห้แผ่วเบาปนเสียงสะอึกสะอื้นไม่รู้ว่าเสียใจที่ผมจะคอยราวีตลอดไปหรือป่าว    ผมกุมมือสวยไว้บอกให้รู้ว่าผมจะอยู่ตรงนี้   อยู่ข้างๆพี่ทุกเวลา    โลกของพี่อาจจะมืดมนแต่ผมสัญญาว่าผมจะนำพาแสงสว่างกลับมาหาพี่ให้ได้
....ผมจะไม่มีวันปล่อยมือคู่นี้ไปอีกเด็ดขาด....
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา