Sulfur Love (RE-Write)

9.2

เขียนโดย enzang2660

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.57 น.

  57 บท
  25 วิจารณ์
  132.73K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556 17.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

51) [Fic Service] แวมไพร์น้อยน่ารักขอกั๊กหัวใจ...(3)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

+++++ ชี้แจง +++++

ตอนที่ขึ้นต้นด้วยFic Service

ไม่มีส่วนเีกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องเพียงแต่ใช้ตัวละครภายในเรื่อง Sulfur Love

ตอนอยู่บอร์ดเด็กดี-นิยาย ได้เปิดให้มีรีเควสเลือกคู่ที่อยากอ่านและอธิบาย

โครงเรื่องที่ต้องการ  เป็นการคืนกำไรให้คนอ่าน555+

(เกริ่นมาซะดี  รั่วท้ายอีกล่ะ>///<)

 

 

 

Fic service

แวมไพร์น้อยน่ารักขอกั๊กหัวใจนายสุดหล่อ(จบ)

 

 

[ICE]

ผมวิ่งตามแวมไพร์ที่พี่ซีบอกให้ตามมา   ผมใช้ความเพียวกระโดดผ่านช่องตึกแคบๆไปดักหน้ามัน   ใบหน้าบิดเบี้ยวมองผมอย่างตกใจ   มันอ้าปากโชว์เขี้ยวแหลมคมของมันให้ผมดู   กูก็มีเขี้ยวอ่ะสาด-*-

“เข้ามาสิไอ้หนู  แฮ่!”

ผมเอ่ยปากท้าทายสนเท้าผม   เหอะๆใครหนูไม่ทราบ  ผมพุ่งเข้าไปบีบคอมันตามคำขอ   มันก็ยื่นกรงเล็บมาจิกคอผม   มันแยกเขี้ยวขู่ผมแต่พอเหอะน้ำลายมึงจะเข้าหน้ากู  และก็ไม่ได้กลัวเลยแยกเขี้ยวเนี่ยกูก็ทำได้-*-

“ชอบทารุณเหยื่อนักใช่มั้ยมึงเนี่ย  รู้บ้างมั้ยว่าเขาเจ็บ”

ผมเทศน์แล้วกระทุ้งเข่าใส่ศอกจนกระดูกมันหลุด     ผมกระโดดหลบมาปาดเลือดออกจากใบหน้าอยู่อีกมุม   มองดูมันแหกปากดิ้นทุกรนทุกราย   เห็นแล้วอยากราดด้วยแอลกอลฮอล์-..-   ผมเริ่มโรคจิตและโดนคนอื่นSใส่เยอะ  ผมขอS บ้างแล้วกันนะ   ผมยกกระถางต้นไม้ปาใส่หัวมันจนมันลงไปนอนดิ้นเป็นปลิงย่าง   ผมตามไปกระทืบย้ำซ้ำๆหลายๆทีพร้อมกัดกระชากเนื้อมันออกเป็นชินเล็กๆ

 

พรึ่บ!

 

ผมโยนไม้ขีดไฟลงบนหัวร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น   ฆ่าใครตายมันต้องเผาครับแวมไพร์เนี่ย   แต่น่าจะรมควันให้มันสำลักตายอย่างทรมาณก่อนเนอะ-..-

“ไอซ์...”

ผมยืนนิ่งสนิทราวกับถูกคนตอกขาไว้   น้ำเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกผมอย่างขาดห้วงทำเอาดวงตาผมเบิกกว้างขึ้น  

...ความลับไม่มีในโลกจริงๆด้วย...

ผมค่อยๆหันหลังไปหาชายร่างสูงในชุดยาวสีขาว   ดวงตาคมเข้มภายใต้กรอบแว่นนิ่งเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ   ผมกำมือแน่นเม้มปากข่มน้ำตาที่เริ่มตื้นเขินขึ้นมา    ถึงผมจะเป็นพวกนอกรีตแต่ก็ยังศรัทธาพระเจ้า   ผมอ้อนวอนทุกวันว่าอย่าให้ไม่รู้ว่าผมเป็นตัวประหลาด   แต่ทำไมไม่ช่วยผมเลย 

“เทมส์...”

ร่างสูงเมินเฉยต่อเสียงเรียกของผม   มันสะบัดหน้าหันหลังเดินจ้ำหนีผมไป    ...ผมถูกเกลียดแล้วหรอ  หรือเขาจะไปเอาอะไรมาจัดการผม   ผมเดินตามร่างสูงที่มุ่งตรงเข้าไปนโบสถ์สีขาวสว่าง   ผมยืนกลืนน้ำลายเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจก้าวตามมันเข้าไป

 

ชิ้ง!

 

ปลายดาบสีเงินแวววับตวัดจ่ออยู่ตรงหน้าผม   ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ   เทมส์จ้องมองผมด้วยแววตานิ่ง   ใจคอจะฆ่ากันจริงๆใช่มั้ย...

“อย่าให้เลือดที่ติดตัวแกมาเปรอะเปื้อนโบสถ์ที่นี่” เทมส์พูดเสียงเย็น

“...ทำไม  จะฆ่ากูหรือไง..”ผมถาม

“ก็คงอย่างนั้น”

ผมรู้สึกว่าบางอย่างในตัวผมมันบีบรัดแน่น   ถึงหัวใจผมจะตายไปแล้วแต่ความรู้สึกนี่กลับกลับยังอยู่   ความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้ยินคำพูดนั้นหลุดออกมาจากปากของมัน   ผมรู้ว่าผมเล่นของสูง   มาอยู่ใกล้กับคนของพระเจ้าแบบนี้พระเจ้าคงไม่ยอม

“ขอโทษที่กูไม่ได้บอกมึง...เรื่องที่กูเป็น... ”

เทมส์ตีหน้าตายอย่างเยือกเย็น   เป็นครั้งแรกเลยหรือป่าวนะที่ถูกมันแช่แข็งด้วยสายตาแบบนี้   ผมอุส่าห์ปิดบังความลับทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ข้างๆมัน   ผมพยายามฝึกตัวเองให้ควบคุมความหิว   ผมหันไปเสพดอกไม้แทนการฆ่าสัตว์  ที่ผมทำไปทั้งหมดเพื่อให้ตัวผมเองมีความบริสุทธิ์พอที่จะยืนเคียงข้างมัน   แต่วันนี้ที่ทำมามันสูญเปล่า....   แม้แต่ความรักของผมก็ไร้ค่าเช่นกัน

“...ออกไปซะ..”

ผมยกมือปาดน้ำตาแสนน่าอายออกแล้วยื่นมือออกไปกำดาบนั่นไว้    ผมดึงดาบดึงดาบเบี่ยงออกไปอีกข้างแล้วเดินเข้าประใกล้กับร่างสูง    ดวงตาสีดำสนิทเริ่มอ่อนลง   ใจจริงก็ไม่อยากทำใช่มั้ยละ   บางทีมึงอาจคิดว่าถ้าเราไม่เจอกัน  ไม่รักกันตั้งแต่แรกก็คงดี   กูย้อนเวลาให้ก็คงไม่ได้เพราะกูทำไม่เป็นแต่กูสามารถทำให้มึงเริ่มต้นใหม่โดยไม่มีกูได้

“กูอยู่ไม่ได้...ถ้าไม่มีมึง  กูอยู่ไม่ได้...ถ้ามึงเกลียดกู...”

ให้มันลืมผมดีกว่าเจอหน้ากันแล้วมองหน้ากันไม่ได้   กูขอแค่ได้มองมึงกูก็พอใจแล้ว   ไม่ต้องเป็นแฟน  ไม่ต้องเดินควงแขนก็ได้   แต่ขอเหอะ...อย่ารังเกรียจกูเลย....  ผมจ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีมืดชวนดำดิ่ง   ร่างสูงค่อยๆทรุดตัวล้มลงนอนกับพื้น   ผมย่อตัวลงประทับริมฝีปากบนริมฝีปากอุ่นเป็นครั้งสุดท้าย

“..ลาก่อน...”

 

 

 

                บ้านเรามีสมาชิกเพิ่มเข้ามาหนึ่งคน    พี่ต้านั่นเอง  ผมมองใบหน้าสวยที่นิ่งเป็นหุ่นกระบอก   คนเป็นแวมไพร์แรกๆก็แข็งทื่อแบบนี้ทุกคนแหละ   หลายวันมานี้ผมต้องไล่ลบความทรงจำคนอื่นเกี่ยวกับพี่ต้า   ลบความทรงจำพ่อแม่เขาให้จำได้แค่ประโยคสุดท้ายที่ผมบอกคือ “ยกพี่ต้าให้ครอบครัวผมแล้ว” ประมาณนั้น

                “ลืมกระพริบตาอีกแล้วนะครับ”  ไอ้ซอสบอก

                พี่ต้ากระพริบตาตามคำบอกอย่างว่าง่าย   ผิดกับวันแรกที่ตื่นขึ้นมาอาละวาดซะบ้านแทบพัง   แต่เดี๋ยวนี้เริ่มควบคุมตัวเองได้แล้ว

               

                ตุ๊บ!

 

                “ง่า! เจ็บอ่ะT^T”

                ผมเห็นไอ้ซัลเดินเข้าไปในทางโล่งแต่มันกับผงะตัวออกเหมือนชนอะไรบางอย่างเข้า

                “พี่ต้าอย่างใช้พลังมั่วซั่วสิครับT^T”  มันบอก

                “มันควบคุมไม่ได้อ่ะ  ขอโทษทีนะ><”

                Optionเสริมของพี่ต้าก็คือการบิดเบือนมิติทำภาพลวงตา   ผมว่าผมนอนเล่นบนโซฟาน่าจะปลอดภัยที่สุดแล้วละถ้าลุกออกไปตอนนี้อาจจะเผลอตกหลุมอวกาศ-o-;;

                “กินนี่ก่อนนะครับ”

                ไอ้ซอสบอกพลางยื่นแก้วใบใสที่ใส่น้ำสีแดงข้นลงไป

                “ไม่อยากกิน..”  พี่ต้าบ่น

                “อย่าดื้อสิครับ”

                “ก็ไม่อยากกินนี่นา><”

                “ถ้าดื้อนักคงต้อง...”

                ไอ้ซอสยกแก้วดื่มเลือดเข้าไปก่อนจะหันไปประกบปากกับพี่ต้า   พวกมึงอย่ามาสวีทกันแถวนี้   เห็นใจกูบ้าง  กูอิจฉาT^T 

                “อิจฉาก็ไปหาแฟนสิ^^” 

                ไม่อยากด่านะครับ  แต่พี่อย่าอ่านใจคนอื่นเขาได้มั้ย-3-

                “โหดร้าย  ฮ่าๆ”

                ขยันอ่านใจจริงๆ-*-

                “ผมไม่มีแฟนแล้ว”  ผมบอก

                “มันลบความทรงจำไอ้แว่นไปแล้วพี่ซี   เพราะไอ้แว่นดันไปเห็นว่ามันเป็นแวมเข้าซะก่อน”  ไอ้ซัลเล่า

                “ไอ้หา(+l) อย่าดูความทรงจำคนอื่นก่อนได้รับอนุญาตสิวะ-*-” ผมด่ามัน

                “ก็เลยลบความทรงจำไปเลย   ไม่เสียดายหรอ”  พี่ซีถาม

                “...แบบนี้แหละดีแล้ว  ผมยอมอยู่ห่างๆดีกว่าโดนมันเกลียด..”

“เขาอาจจะไม่ได้คิดแบบนั้น”  พี่ซีพูดต่อ

“ช่างมันเถอะครับ  แบบนี้ดีแล้ว”

ผมผลุบหน้ากับหมอนอิง   แบบนี้มันดีแล้วจริงๆ   ผมจะไม่เข้าใกล้มันเกินควรอีก    กลัวว่าผมจะอดใจไม่ได้วิ่งเข้าไปกอดมัน   ผมนอนกอดหมอนแน่นหวังว่าความอุ่นเพียงเล็กน้อยของหมอนจะทดแทนความอบอุ่นของมันได้นะ...

 

 

 

 

 

วันนี้โรงเรียนเราต้องไปทำพิธีไรซักอย่างที่โบสถ์    ไอ้เรื่องนี้ผมไม่ค่อยสนหรอกว่าทำอะไร   ผมแค่เข้าไปนั่งให้ครูเห็นหน้าแล้วค่อยโดดออกมา   บอกตรงๆว่าฟังเสียงสวดแล้วอยากจะลงไปดิ้นตายพวกผมเลยต้องพกที่อุดหูไปด้วย    ผมถอนหายใจเฮือกเงยหน้ามองไม้กางเขนอันใหญ่ที่หน้าโบสถ์    ยอมรับชะตากรรมได้เลยว่าเข้าไปแล้วมันจะร้อนเหมือนโดนข้าวสารเสก(?)    พี่ต้าไม่ได้มาโรงเรียนอีกเป็นเดือนจนกว่าจะควบคุมความหิวได้   พวกผมเลยมากันแค่3คน   

“นั่งหลังๆ>O<”

ไอ้ซัลบอกพลางดึงแขนพี่เซลไว้   โห้-o-  ทำไมแฟนมึงหล่อโลกแตกแบบนี้วะเนี่ย   พอพี่เซลนั่งลงผมก็ขอนั่งกระแซะอีกข้างทำหน้าที่เป็นเมียน้อย   ไอ้ซัลยื่นแขนมาผลักหัวผมออกห่างๆไหล่พี่เซล   หวงจริง-3-

“อยู่ในความสงบนะจ๊ะนักเรียน”

ซิสเตอร์ในชุดขาวบอก   แล้วผู้ชายในชุดแบบบิชอบก็เดินขึ้นมาเป็นแถว   ผมจับตามองคนสุดท้ายที่เดินขึ้นมา   เส้นผมสีดำสนิทที่ตัดกับชุดสีขาวสะอาด   ใบหน้าหล่อที่ปราศจากแว่นเหมือนทุกวันเหลือบยิ้มอ่อนโยนให้กับคนข้างหน้า   ปลายนิ้วยาวกรีดนิ้วเปิดหนังสือปกหนาแล้วก้มหน้าเตรียมอ่าน

....เหมือนตอนนั้น....

ครั้งแรกที่ผมเจอมัน  มันก็อยู่ในชุดยาวสีขาวที่ขอบแขนเสื้อและชายชุดยาวปักด้วยลิ่มสีทองทับด้วยเสื้อคลุมครึ่งตัวที่ยาวแค่ครึ่งต้นแขน    เรือนผมสีดำหลุดรอดออกมาจากหมวกทรงสูงประปราย   รอยยิ้มละไมที่ฉาบอยู่บนใบหน้าหล่อราวกับเทพบุตร     เพราะงั้น...ผมเลยตกหลุมรักมันตั้งแต่แรกเห็น

 

 

 

 

 

พิธีกรรมยาวนานได้จบลง  กว่าจะได้ขึ้นเรียนก็เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมง   พอเรียนเสร็จผมก็แวะเข้า7-11   ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เติมตังค์โทรศัพท์เดี๋ยวโดนตัดเลยต้องมาเติมหน่อย   ผมต่อคิวควักเงินขึ้นมาเตรียมซื้อบัตร

..กระเป๋าตังค์-o-…

ผมล้วงเข้าล้วงออกกระเป๋าข้าง   ล้วงไปในกระเป๋านักเรียนด้วย  ถ้าไม่เกรงใจจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงลิงด้านหลังแล้วนะเนี่ย  อยู่ไหนฟะ>O<!!

..หรือว่า..-o-;;…

ต้องตกอยู่ในโบสถ์แน่เลย  เพราะผมเอามือถือขึ้นมาเล่น  คัวกเข้าควักออกกระเป๋าคงออกมาด้วยแหงๆเลย   กรรมเบยยยย-o-;;    ผมเดินออกจากร้านสะดวกซื้อแต่เหมือนจะรีบไปหน่อยผมเลยเดินเร็วกว่าประตูเปิด

 

ตึก!

 

ผมมองประตูที่แตกในเป็นวงๆเหมือนโดนกระสุนเจาะแล้วรีบวิ่งก่อนเจ้าของร่านจะออกมาด่า   ผมเดินมาที่โบสถ์สีขาวที่ตั้งอยู่ในสวนดอกไม้ใกล้กับโรงเรียน    ผมรีบเปิดประตูเข้าไปสำรวจข้างใน    ผมก้มดูใต้ม้านั่งตัวยาวที่เรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบ  แล้วผมก็เห็นกระเป๋าคิตตี้สีชมพูที่ไอ้เทมส์เคยซื้อให้ตกอยู่บนพื้น    ถ้าผมจะคลานไปตรงนั้นกางเกงผมจะเลอะมั้ยนะ-o-  

 

พรึ่บ!

 

ผมผละตัวถอยหลังเหมือนได้ยินเสียงผ้าสะบัด   ผมก้มมองใต้ม้านั่งอีกรอบคราวนี้ผมเห็นชายแขนเสื้อสีขาวปักขอบด้วยสีทองโผล่ออกมา   อย่าบอกนะว่า...   ผมค่อยๆเดินย่องไปที่ม้านั่งตัวนั้น

....บร๊ะเจ้าโจ๊ก-o-;;;….

ร่างสูงนอนเหยียดยาวอยู่บนม้านั่ง   คนตัวใหญ่พลิกตัวนอนตะแคงทิ้งมือลงไปข้างล่างใกล้กับกระเป๋าผม   ผมค่อยๆคลานเข่าเข้าไปเอื้อมมือหยิบกระเป๋าออกมาจากใต้ม้านั่ง   ผมเงยหน้ามองใบหน้านิ่งเรียบที่หายใจแผ่วๆอยู่ครู่หนึ่ง   ผมไม่ได้เห็นมันใกล้ๆแบบนี้มาหลายอาทิตย์แล้ว   รู้สึก...คิดถึงจัง   ร่างกายผมสั่งการให้ยกมือขึ้นแตะข้างแก้มอุ่นๆ   ผมลูบบหน้ามันเบาๆแล้วน้ำตาผมก็เหมือนจะเริ่มตื้นขึ้นมา

 

หมับ!

 

มือใหญ่ตะบบเข้ามือผมอย่างจัง   ผมตกใจรีบแงะมือออกมาแต่มันกลับบีบไว้แน่น   ดวงตาสีนิลลืมตามองผม   ผมไม่กล้าที่จะสบตาของมันตรงๆจึงได้เบือนหน้าหนี

“ขอโทษครับ  ผม..ผมเห็นมีอะไรเกาะอยู่”

ผมบอกแล้วดึงมือออก

“ฉันฝันเห็นนายอีกแล้ว..”

เทมส์บอก  ถึงจะลบความทรงจำได้  แต่ฝันมันคือจิตใต้สำนึกมันลบไม่ได้

“จำผิดแล้วมั้งครับ^^”  ผมบอกพลางยิ้มแหล

“ไม่ผิดหรอก  ฉันจำได้  ดวงตาคู่นี้...”

มืออุ่นเลื่อนมาจับใบหน้าพลางเกลี่ยนิ้วเบาๆใต้ขอบตาผม   ผมรู้สึกตัวชาวาบนั่งแข็งทื่อเหมือนโดนของ   ผมขยับตัวไปไหนไม่ได้

“ผิวขาวอย่างกับหิมะ....ริมฝีปากแดงสด”

“ผะ...ผมไม่ใช้สโนว์ไวท์นะครับ”

คาดว่ามึงคงจะมาผิดเรื่องแล้วละ-_-   ผมลุกหันหลังเดิน    แต่คำถามของมันทำให้ผมต้องหยุดชะงักอยู่กับที่

“เราเป็นอะไรกันหรอ  ทำไม..ฉันรู้สึกเหมือนว่า..”

“ไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ครับ”  ผมตอบสวนกลับไป

“..งั้นหรอ  แล้วทำไมมือถือฉันถึงมีแต่รูปนายเต็มไปหมดละ”

ลืม..ลืมฟอร์แมตเมมมัน   ยังอุส่าห์เก็บรูปกูไว้อีกนะ   ถามว่ากูลบความทรงจำเครื่องได้มั้ย   กูก็ลบได้เอามือถือมาให้กูฟอร์แมตสิ><

“ขอดูหน่อยได้มั้ย  รูปผมน่ะ”

ผมถามหามือถือของมัน   มือใหญ่ยื่นมือถือจอกว้างมาให้ผมพลางเปิดโชว์รูปคู่ของเราบนหน้าจอ   รูปนั้นผมจำได้ว่าเราถ่ายกันที่ทะเล   ผมยืนชูสองนิ้วทิ่มคางมันพลางหัวเราะอย่างสะใจ   ตอนนั้นมันไม่ยอมถ่ายนี่นา  มันปฏิเสธเสียงแข็ง  พอผมบอกว่าจะหอมแก้มมันทีนึงมันก็ยอมถ่าย

“..เหมือนเป็นแฟนกันเลยนะ  แต่ทำไมฉันจะเรื่องของนายไม่ได้ละ”

เรื่องนั้นก็เพราะกูลบความทรงจำมึงไง

“เราเลิกกันไปนานแล้ว  คุณคงเกลียด...จนลืมผม”

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆพลางเงยหน้ามองเพดานลงลาย   คำว่าเกลียดมันฟังแล้วเสียดแทงใจชะมัด

“งั้นนายคงมีอิทธิพลต่อฉันมากเลยสินะ  ถึงทำให้ฉันช็อคจนลืมเรื่องของคนๆหนึ่งไปได้ทั้งหมด   ไม่เหลือแม้แต่ความทรงจำตอนคบกัน...”

“โทษทีที่กูทำอะไรไม่รอบคอบ  แต่คราวนี้จะทำให้ลืมเรื่องทั้งหมดซะ”

ผมจ้องหน้าคนที่นั่งอยู่   ผมกำมือบดมือถือในมือจนมันแตกย่อยยับไม่เหลือชินดี   เอาไปซ่อมร้านก็ไม่ได้  ส่วนเมมผมก็เผามันทิ้งนกำมือผม

“นาย...เป็นตัวอะไร”  มันถาม

“ก่อนหน้านี้  มึงรู้แล้วว่ากูเป็นอะไร  กูถึงต้องลบความทรงจำมึง”

“คราวนี้ก็จะทำอีกหรอ”

“ก็คงอย่างงั้น”

“ในคอมฉันยังมีรูปนายอยู่อยู่เพียบ  ไม่รู้ว่ามีหมกไว้ตรงไหนอีกหรือป่าว   ต่อห้ลบความทรงจำฉันอีกไม่กลัวว่าฉันจะกลับมาถามคำถามเดิมว่า เราเป็นอะไรกันอีกหรอ”

ไม่หรอก  ถ้าลบไปแล้วผมจะเผาทิ้งทุกอย่าง  ทั้งรูปภาพของทุกอย่างที่มีความทรงจำซ่อนอยู่  และผมก็จะหายไปจากที่นี่ไม่ให้มันกลับมาถามผมได้เด็ดขาด

“ฆ่าฉันไปเลยไม่ง่ายกว่าหรอ”

“..ทะ..ทำไม่ได้หรอก  เรื่องแบบนั้น”

ผมยกมือปิดตาตัวเองที่มีน้ำไหลออกมา   ให้ผมฆ่ามันหรอ  ผมทำไม่ได้หรอก   ให้มันลืมผม...ผมก็ไม่อยากทำ   แต่มันจะเป็นผมไม่อยากให้มันเกลียดผม   ผมปาดน้ำตาบนใบหน้าแล้วเดินไปจับไหล่คนตัวใหญ่ไว้

“ลืมกูซะ..”

ผมจ้องลงไปในแววตานิ่งเรียบ   ใบหน้าหล่อเริ่มปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ   ผมทรุดตัวนั่งลงซบหน้าตักกว้าง   ผมกำมืออุ่นไว้แนบอกตัวเอง   ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเริ่มความสัมพันธ์กันใหม่อีกครั้ง   แต่ผมกลัวว่ามันจะรู้ว่าผมเป็นแวมไพร์อีก   ความลับมันไม่มีในโลก   ผมไม่อยากเจ็บซ้ำสอง..

“คิดว่าลบความทรงจำฉันได้หรอ”

ผมเบิกตากว้างรีบเงยหน้ามองใบหน้าหล่อที่ยักคิ้วขึ้นอย่างเคืองๆ   ทำไมลบไม่ได้ละ   หรือพลังผมไม่พอ!!

“ทำไม...”

“เป็นอย่างที่คิด   น้ำตามันบังตาแกเลยมองฉันไม่ชัดสินะ”

น้ำตา..  ผมรีบปาดน้ำตาออกจากตาตัวเองอีกรอบ   แต่มันไม่หยุดไหลง่ายๆน่ะสิ  ยิ่งปาดยิ่งแสบตา

“รู้หรอกว่ากูลบความทรงจำได้!!”

“ก็เคยเห็นแกทำกับคนอื่นที่เขามาเห็นตอนกำลังกินซากอยู่”

ร้ายกาจ...

“ไม่ฆ่ากูซะละ  กูเป็นแวมนะ!!”

“ทำไมได้หรอก  ถ้าฉันฆ่าแวม...ฉันก็ต้องฆ่าพ่อฉันด้วยสิ”

ไม่รู้ว่าผมตาฝาดหรือยังไง  ถึงเห็นว่าม่านตาของมันหรี่เล็กเหมือนตาแมว   บาทหลวงจะเป็นแวมได้ยังไงกันละ-o-!!

“พ่อมึงเป็น...หรอ  งั้นมึงก็..”

ทำไมผมไม่รู้สึกได้กลิ่นแวไพร์จากมันเลยละ

“ฉันไม่ได้เป็น   ฉันเป็นแบบเรเนสเม่น่ะ”

ผมขอเอ๋อสามชั่วโมง  ใครคือเรเนสเม่วะ-o-?

                “ช่างเถอะ  กูไม่อยากเจอมึง”  ผมบอก

                “จริงหรอ  แล้วร้องไห้ทำไมตอนลบความทรงจำฉัน..”

                นั่นก็เพราะ...

                “ให้มึงลืมกู...ดีกว่าให้มึงเกลียดกู”

                มือใหญ่ดึงตัวผมเข้าไปกอด   วงแขนกว้างบีบรัดพลางลูบหัวปลอบโยนผม   ผมซบหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นกับไหล่หนา  

                “ไม่เคยบอกเลยนะว่าฉันเกลียดแก”

                “ก็..ก็มึงจะเอาดาบฟันกู  ฮือๆ”

                กูก็คิดว่ามึงไม่ต้องการกูแล้ว  มึงคงขยะแขยงกูเลยจะเอาดาบมาฆ่ากู

                “ถ้าฉันไม่ไล่แกไป  แกอาจจะถูกพ่อฉันฆ่าก็ได้   พ่อฉันต่อต้านการกินเลือด   แกในสภาพนั้นถ้าพ่อมาเห็นแกคงไม่รอด...”

                “ช่วยกูหรอ..”

                แล้วกูจะลบความทรงจำมึงทำไม  แล้วไม่บอกกันดีๆ   ผมโอบกอดร่างใหญ่ให้แนบชิดขึ้น   ผมเสียเวลาไปฟรีๆเลยสินะ!!

                “..อะ...กอดแน่นไป”

                “มึงรู้มั้ยกูคิดถึงมึงมากแค่ไหน!!!”

                “รู้แล้ว  คิดถึงเหมือนกัน”

                เสียงกระซิบอ่อนโยนที่ดังแว่วอยู่ข้างหูถูกกลืนหายเข้าไปในริมฝีปากผม   จูบอ่อนโยนที่ผมโหยหาถูกปรนเปรอให้หลังจากห่างหายมานาน    มือใหญ่ไล่ปลดเสื้อผ้าผมออก    แค่เราห่างกันไม่นานก็ทนไม่ได้   ถ้าต้องจากกันทั้งชีวิตจะทนได้มั้ยนะ   ในห้องเงียบสงบมีเพียงเสียงลมหายใจที่ดังสลับไปมา   ผมกอดรับความอบอุ่นจากร่างกายหนาที่ถ่ายทอดมาให้   เพราะเป็นแวมไพร์เลยอยากแสวงหาความอบอุ่น  ถึงเป็นแวมไพร์ผมก็อยากออกไปรับไอแดดจากแสงตะวัน

                “ไอซ์...”

                แต่สิ่งที่ผมต้องการที่สุดก็คือ  ความรักจากคนๆนี้  ก็เท่านั้น...

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา