Sulfur Love (RE-Write)

9.2

เขียนโดย enzang2660

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14.57 น.

  57 บท
  25 วิจารณ์
  132.29K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556 17.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

50) [Fic Service] แวมไพร์น้อยน่ารักขอกั๊กหัวใจ..(2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

+++++ ชี้แจง +++++

ตอนที่ขึ้นต้นด้วยFic Service

ไม่มีส่วนเีกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องเพียงแต่ใช้ตัวละครภายในเรื่อง Sulfur Love

ตอนอยู่บอร์ดเด็กดี-นิยาย ได้เปิดให้มีรีเควสเลือกคู่ที่อยากอ่านและอธิบาย

โครงเรื่องที่ต้องการ  เป็นการคืนกำไรให้คนอ่าน555+

(เกริ่นมาซะดี  รั่วท้ายอีกล่ะ>///<)

 

 

Fic service

แวมไพร์น้อยน่ารักขอกั๊กหัวใจนายสุดหล่อ(ต่อ) 

 

[Sauce]

    

     ~ One a lass met a lad

You’re a gentle one,said she

In my heart I’d be glad

If you loved me for me

You say your love is ture

And I hope that it will be ~

ผมก้าวเท้าเดินตามเสียงเปียโนหวานที่ดังออกมาจากห้องดนตรี    ผมบิดลูกบิดประตูเบาๆก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องนั้น    ผมจ้องมองใบหน้าสวยที่หลับตาพริ้มปลดปล่อยอารมณ์ไปตามบทเพลง   เสียงใสกังวาลทำเอาผมเผลอยืนนิ่งราวกับต้องมนต์สะกดของคนตรงหน้า   พี่เขาก็แค่ผู้ชายธรรมดาไม่น่าเอาใจ  หัวรั้น  ปากแข็ง   แต่เพราะอย่างนี้ผมถึงรักเขาเพราะเขาไม่เหมือนใคร

~I’d be sure,if I knew

That  you loved me for me~

ผมร้องต่อ   ใบหน้าสวยหันมามองผมอยากตกใจ   พี่เขารีบปิดฝาเครื่องเปียโนลงแล้วก้มหน้าหลบซ่อนความเขินอาย   ผมยิ้มบางๆเหมือนได้เห็นข้างแก้มขาวขึ้นสีแดง   เวลาพี่เขาเขินน่ารักมากครับผมแทบจะเขินตามแล้ว

“บะ..บอกแล้วไงว่าห้ามเข้ามา-////-”

พี่ต้าพยายามตีหน้านิ่งดุผม  ฮ่าๆ  น่ารักชะมัด

“ขอโทษครับ^^”

“คราวหน้าถ้าเข้ามาอีกพี่จะ...-o-”

“จะทำไมละครับ^^”

ผมถามแล้วเดินไปกอดเอวบางๆจากด้านหลังแถมวางหัวพาดบนไหล่พี่ต้าด้วย   ใบหน้าสวยหันควับอ้าปากจะด่าผมที่บังอาจลวมลามพี่เขาแต่ผมไม่ให้ด่าผมหรอก

“ไอ้..อุ๊บ!”

ผมปิดริมฝีปากบางด้วยปากผม   ผมค่อยๆบดขยี้ริมฝีปากน่าหลงใหลนั่นหนักขึ้นๆ   แรงต่อต้านขัดขืนของพี่ต้าเริ่มลดลงทุกครั้งที่ผมดูดกลืนริมฝีปากเขาเข้ามา   

“ก่อนกลับบ้าน...ขอนะครับ”

ฟังดูเป็นคำของ่ายๆแต่ผมดีใจที่พี่ต้าไม่คิดจะปฏิเสธ   หรืออาจจะคิดแต่ต่อต้านผมไม่ไหวกันนะ   ผมเริ่มแทะเล็มไปตามผิวขาวเนียนละเอียด   มือก็ไล่ดึงเสื้อผ้าที่เกะกะออกให้พ้นทาง   ผมช้อนตัวพี่ต้าวางบนเปียโนตัวใหญ่ก่อนจะเริ่มทำเรื่องเคยๆกับแฟนตัวเอง

“แฮ่กๆ..อื้ม! อย่า!”

ห้ามไปผมก็ไม่ฟังหรอก   ผมบดเบียดร่างให้แนบสนิทยิ่งขึ้น...ยิ่งขึ้น   ภายในช่องแคบอุ่นนั่นมันบีบรัดผมซะจนผมหลุดครางออกมาไม่เป็นภาษาผิดกลับคนข้างหน้าที่พยายามสงบปากไม่ยอมให้เสียงลอดออกมา   เห็นแบบนี้แล้วมันขัดๆผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่   เดี๋ยวจะแกล้งให้ร้องดังๆซะเลย

“อ๊ะๆ ระ...เร็วไปแล้ว  อ๊า!”

ผมเร่งจะหวะสอดใส่ให้เร็วขึ้นจนพี่เขาร้องออกมาอย่างที่ผมต้องการ   จริงๆแล้วชอบแบบนี้สินะ   ผมโน้มตัวลงกกกอดร่างบางๆไว้   ผมไล้จมูกพ่นลมหายใจไปตามเรือนร่างสวยที่บิดไปมาเร้าๆด้วยเพลิงตัณหา   ก็ไม่ใช่ว่าผมจะหื่นอะไรมากมายเปิดมาก็ทำเลย   แต่ผมแค่อยากให้กลิ่นของผมติดตัวพี่เขาไว้จะได้ปลอดภัยจากไอ้พวกนั้น   แต่กลิ่นเลือดหอมๆจากพี่ต้ามันน่าอร่อยซะเหลือเกินแม้แต่ผมยังทนตัวเองแทบไม่ได้    เพราะแบบนี้ผมยิ่งต้องระวังไม่ให้ใครแย่งไป

 

 

 

 

“เดินไหวมั้ยครับ^^”

ผมถามคนข้างๆที่ก้าวขาทีละคืบๆ   แบบนี้จะถึงบ้านมั้ยเนี่ยให้ผมอุ้มไปดีกว่ามั้ง   ดวงตาสีน้ำทะเลจ้องผมเขม็ง   ปากคู่สวยก็เบะออกเล็กน้อยแบบไม่พอใจผม

“ลองโดนบ้างมั้ยละ^^+” 

รอยยิ้มดูอาฆาตแค้นยังไงชอบกลนะครับ^^;

“ไม่ละครับ  นั่งก่อนมั้ย”

ผมประคองพี่ต้าให้นั่งแต่พี่เขายื่นมือออกมาดันตัวผม   ดื้อจริงๆเลยนะ   เจ็บขนาดนี้ยังหยิ่งได้อีก  มันน่าจัดซักอีกยก!

“เดี๋ยวไปซื้อน้ำให้นะครับ^^”  ผมบอก

ใบหน้าสวยพยักหน้าเชิดๆประมาณว่ามึงจะไปไหนมึงก็ไปเถอะ    ผมมองคนสวยที่นั่งเมินหน้าผม   ในสายตาคนอื่นอาจจะมองว่าพี่ต้าดูหยิ่งๆแต่สำหรับผมแล้วนี่มันราชินีชัดๆ   เพราะงั้นผมเลยยอมเป็นเบี้ยล่างให้ไง^^   ผมเดินไปที่ร้านขายน้ำเล็กๆที่ตั้งอยู่ใกล้ๆแล้วสั่งน้ำกระป๋องเขียวมาให้พี่ต้า

“ไม่ต้องทอนครับ^^”  ผมยื่นแบงค์ยี่สิบให้

“ใจดีจังเลยนะคะ  ทิปให้ด้วย>///<”

แม่ค้าสวยบอก   ป่าวหรอกครับ   ผมแค่ไม่อยากให้ใครมาเนียนแต๊ะอั๋งมือผมเพราะคนข้างหลังผมมองอยู่   เดี๋ยวว่ามาซื้อนานผมรีบกลับดีกว่า   ผมหันหลังเดินไปซักพักก็ต้องกำมือแน่นพลางกัดฟันกรอดๆ   ผมเห็นพี่ต้าถูกไอ้ผู้ชายคนนึงดึงข้อมือไว้    ส่วนพวกที่เหลืออีกสี่คนก็ยืนล้อมแฟนผมอยู่

 

โพ๊ะ!

 

“ปล่อย...เดี๋ยวนี้”

ผมพูดเสียงเย็นๆหลังจากบีบกระป๋องเละคามือ   คนที่จับแขนพี่ต้าหันหน้ามามองผม

“ของแกหรอ”  มันถาม

“ใช่..”  ผมตอบหน้านิ่ง

“ท่าทางจะรสชาติดี  ถ้าแบ่งให้ฉันๆจะยอมจ่ายเงินก้อนงามๆให้แกก็ได้นะ”

แววตาสีดำเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงสดราวกับมีเลือดอาบย้อมในดวงตา   ผมกระชากร่างบอบบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนพลางหมุนหน้าพี่ต้าเข้ามาซบอกผม

...พวกแกสินะที่เข้ามาหากินที่นี่...

ผมส่งกระแสจิตทางสายตาถามมัน   มันพยักหน้าแล้วหัวเราะลั่น

“ชักสนใจเหยื่อของแกแล้วสิ  ฮ่าๆ”

ไอ้พวกตาแดงเริ่มเดินตามไอ้หัวโจกที่ยืนหัวเราะเมื่อกี้     ร่างดื้อดึงในอ้อมแขนผมดันตัวออกมารับอากาศด้านนอกตามเดิม

“หะ...หายใจไม่ออกนะเว้ย>O<”  พี่ต้าโวย

“โทษทีครับ  ไม่เป็นไรใช่มั้ย”

ผมถามพลางปัดปลายผมด้านหน้าที่บดบังความสวยงามของพี่ต้าออก

“ไม่นี่..-///-”

พี่ต้าก้มหน้าก้มตาแล้วยกมือดึงมือผมออก   กลิ่นของผมมันกลบกลิ่นของพี่เขาไม่ได้จริงๆ    ผมอยากอ่านอนาคตของพี่ต้าตอนนี้แต่ผมไม่มีสมาธิพอจะทำแบบนั้น   ในหัวผมมันยิ่งกังวลไปหมด...ทุกอย่าง   ไอ้พวกนั้นมันล่าคนอย่างโหดเหี้ยมและกัดกินอย่างทารุณ   ผมกลัว....กลัวว่าพี่ต้าจะมีอันตราย

“ไม่มีอะไรแล้ว  ไม่ต้องทำหน้ากังวลขนาดนั้นหรอก...”

มือสวยกำเสื้อผมไว้แน่น   ก็รู้...แต่อดกังวลไม่ได้

“ผมรักพี่นะ”

ผมสวมกอดคนตรงหน้า    ผมไม่รู้ควรทำยังไงดีสมองผมมันตื้อไปหมด   ผมรวบรวมสมาธิไม่ได้   มือสวยลูบหลังปลอบประโลมผมๆยิ่งกอดรัดร่างบอบบางนั่นไว้   ผมจะไม่ปล่อยให้พี่ต้ามีอันตรายเด็ดขาด!!

 

 

 

 

 

“ผมเจอแล้ว  ไอ้พวกนั้นน่ะ”  ผมบอกพี่ซีนอน

“อืม   ดูเหมือนพวกนั้นจะมีมากกว่าเรา”  พี่ซีเสริม

“ผมไม่กลัว!”

“อ่า  วันนี้ดูอารมณ์ไม่ดีเลยนะ”

“........”

“ไปพักผ่อนก่อนไป”

จะให้อารมณ์ดีได้ยังไงกันละก็พี่ต้าเป็นเหยื่อพี่ไอ้พวกนั้นมันเพ่งเล็งอยู่   ผมเลือกโดดออกจากหน้าต่างแล้ววิ่งไปหน้าบ้านพี่ต้าแทนการไปพัก    ผมกระโดดขึ้นต้นไม้ต้นใหญ่ที่ทอดกิ่งไปยังหน้าต่างบนสวย    ผมทอดมองคนข้างในที่นั่งเล่นกับแมวอยู่บนเตียง    กลิ่นสบู่ที่โชยมาจากกายของเจ้าของห้องคนสวยทำเอาร่างกายผมปั่นป่วนไปหมด    อยากจะกระโจนเข้าไปฝังเขี้ยวบนข้างคอขาวนั่นซะ   พี่เขาจะได้เป็นของผมโดยสมบูรณ์  

“พี่ต้า...”

ผมจะคลั่งตายเพราะพี่น่าแหละ!!   ใบหน้าสวยหันซ้ายหันขวามองไปมองอย่างลอกแลก   เห็นผมหรือป่าวเนี่ย   ใบหน้าสวยก้มมองที่มือถือตัวเอง   มือสวยลูบแก้มตัวเองเบาๆก่อนจะกดนิ้วจิ้มลงบนโทรศัพท์   เสร็จแล้วพี่เขาก็เอาหน้าซุกหมอนทันที    ทำอะไรละนั่น-o-?

 

ครืด~

 

ผมหยิบวัตถุที่สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดู   ผมกดเปิดข้อความที่ถูกส่งเข้ามาพลางยิ้มชื่นใจ  ก็แค่คำว่า “ฝันดี”  แค่นั้นแหละ   ผมกดตอบข้อความกลับไปเสร็จแล้วก็ยัดมือถือใส่กระเป๋ารอดูท่าทีของพี่เขา

“เฮือก!”

พี่ต้าสะดุ้งเฮือกรีบเปิดดูข้อความ   ดวงตาสวยเบิกกว้างขึ้ยชั่วครู่   ใบหน้าสวยคลายยิ้มบางเบาแล้วเอนตัวลงนอนซบหมอนพลางขยับปากบ่นอุบอิบด้วยท่าทีเขินอาย

“..ระ..รักนะอะไรเล่า  ไอ้บ้า>////<”

....น่ารักเกินไปแล้วครับพี่  ><….

 

 

                วี๊~

 

                เสียงคลื่นดังเข้าหูผม   ผมปิดหูตัวเองแน่นแต่เสียงมันก็ยังดังอยู่    ผมรู้สึกเหมือนสมองของผมมันกำลังถูกบีบอยู่

 

วี๊~

 

ผมดิ้นทุรนทุรายตกจากกิ่งไม้   เสียงบ้าอะไรวะทำไมมันปวดแบบนี้!!

“ซอส!!”

ผมได้ยินเสียงพี่ต้าตะโกนเรียกผม

“หึๆ  ขอบใจนะที่ล่อเหยื่อออกมาให้”

น้ำเสียงชวนแสยะดังผ่านเข้ามาในหูผม   ผมเงยหน้ามองขึ้นไปบนระเบียงสีขาวที่มีพี่ต้ายืนอยู่   ใบหน้าสวยฉายแววกังวลเขาก้มมองผมที่อยู่ข้างล่างโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีมือสกปรกยื่นออกมาจากความมืดที่อยู่รอบข้างพี่เขา

“ไม่!!  อ๊ากกกกก!!”

“ซอส!!”

ผมดิ้นไปมาเจียนจะขาดใจ   เสียงนี่มันรบกวนผม!!

“ขอรับไปละนะ^^”

ชายชุดคลุมสีดำขยับยิ้มพลางตวัดลิ้นเลียริมฝีปาก   มันยื่นมือมาคว้าร่างพี่ต้าลอยขึ้นฟ้า   ผมได้แค่เพียงเอื้อมมือคว้าอากาศ   ผมพยายามรวมรวบกำลังตัวเองต่อต้านกับเสียงที่รบกวน   ถึงแม้สมองผมจะต้องแหลกผมก็ต้องไปช่วยพี่ต้าให้ได้!!

 

 

 

ผมSOSไปหาพี่ซีไม่นานพี่ซี  ซัลและก็ไอซ์ก็ตามมาสบทบ   ผมไม่รู้ว่ามันพาพี่ต้าไปไว้ไหน   ผมพยายามนึกอนาคตของพี่ต้าที่กำลังจะเกิดขึ้น   แต่มันต้องมองลงไปในแววตาเท่านั้นถึงจะเห็น  โธ่เว้ย!!!   จะไปทำได้ยังไง  

“เชี่ย! แค่เสื้อนี่หว่า!!”

ไอซ์กรนด่า   พอเราวิ่งตามกลิ่นมาเราก็ไม่พบอะไรนอกจากเสื้อผ้าของพี่ต้าที่มันโปรยล่อเราให้ไปอีกทาง   ผมชกกำแพงระบายความอัดอั้น   ทำไมผมหาไม่เจอซะที!!

“ลองอ่านอนาคตดูซิซอส”  พี่ซีบอก

“ผม..ผมทำไม่ได้  ถ้าไม่เห็นเขา..ผม”

“ลองนึกว่าเขาอยู่กับนายสิ  แล้วมองตาเขาซะ”

ให้นึกว่าอยู่ใกล้ๆหรอ   ผมหลับตาลงจินตนาการใบหน้าคุ้นเคย   ใบหน้าสวยที่แสดงท่าทีเขินอาย  ขัดขืน  ดื้อด้านกับแววตาที่ดูมุ่งมั่น   ผมจ้องลึกลงไปในแววตาคู่นั้น   ภาพต่างๆก็พลันแล่นเข้ามาอยู่ในหัวผม   ภาพสถานที่ร้างเก่าๆ   ป่ารกทึบ   ไม้กางเขนที่หักเป็นสองท่อน   ภาพใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยน้ำตา   เสียงกรีดร้องที่ดังโหยหวนและคราบเลือดที่มุมปากของ.......ผม

“ซอส!!!”

ผมสะดุ้งตัวหลุดออกจาห้วงความคิด   ซัลเขย่าตัวผมแรงๆอีกครั้งเพื่อเรียกสติผม

“อยู่ที่โบสถ์เก่า”ผมบอก

“เข้าใจแล้วไปกันเถอะ!”

พี่ซีหันไปเรียกซัลกับไอซ์   ผมรีบวิ่งสุดแรงเกิดไปที่โบสถ์หลังเก่าที่ถูกทิ้งร้าง     โบสถ์เก่าที่บ้านไอ้เทมส์มันเคยดูแลน่ะแหละ   ผมยกเท้าถีบประตูบานเก่าหลุดออกจากบานพับ  กลุ่มสัตว์หิวกระหายหันมามองแขกไม่ได้รับเชิญอย่างพวกผม    ไอ้หัวโจกหน้าตายียวนกวนสนหันมามองทางผมแล้วยักคิ้วกวนโทสะผม    พวกมันเปิดทางให้ผมได้เห็นร่างบอบบางที่นอนนิ่งสนิท   ใบหน้าสวยตาเหลือกโพรงอ้าปากพยายามจะพูดกับผม

“กร๊าซซซซซซซซ!!!!”

ผมร้องคำรามลั่นแล้ววิ่งเข้าไปกระชากตัวไอ้หัวโจกนั่นโยนใส่กำแพง   ผมกางเล็บฝังลงไปบนลำคอขาวซีดแล้วขย้ำ

“แอ่ก! หึ  อร่อยจริงๆเลยนะ....”

ผมเตรียมเด็ดหัวมันเต็มที่แต่ถูกมันจับอัดกำแพงซะก่อน   

 

ตึง!

 

ผมลุกขึ้นมาจากเศษซากกำแพงที่พังลงมา    ผมเดินตรงเข้าไปหักคอมัน   ต้องหักคอมันทิ้ง!!

“แกคิดว่าแกสู้ฉันได้หรอ”

พวกมันอีกสองคนรุมเข้ามาดึงแขนผมไว้   ผมคำรามร้องพลางดิ้นตะเกียดตะกาย   ผมดึงไอ้สองคนด้านข้างมาโหม่งหัวกัน     ผมสลัดพันธนาการบนแขนผมเสร็จผมก็กลับไปชำระความกับเจ้าของเดิม  

“....ตามึงแล้ว!”

ผมบอกแล้วจ้ำเท้าเข้าหามัน   ใบหน้ายโสเมื่อครู่ถูกเปลี่ยนเป็นความตื่นตะหนกหวาดกลัว    ร่างในชุดคลุมยาวก้าวเท้าวิ่งหนีอย่างน่าสมเพช   รับรองว่ามันไม่ได้ตายดีแน่ๆ

 

หมับ!

 

“ปล่อยนะเว้ย!!  พวกแกมาช่วยกันหน่อยสิวะ!!”

ไอ้จอมอวดดีแหกปากร้องขอความช่วยเหลือ   ถ้าเพื่อนมึงกำลังสนุกกับเพื่อนกูอยู่อย่าไปขัดเลย   ผมจิกหัวลากร่างแห้งก้างไปตามพื้น   ผมลากมันไปที่เตาพิงไฟที่อยู่อีกห้องนึง

“แก...แกจะทำอะไรน่ะ!!”

ผมเหลือบตามองเตาพิงไฟ    ผมจินตนาการให้ไฟสีแดงฉานติดขึ้นบนกองขี้เถ้ามอดๆนั่น

 

พรึ่บ!

 

ผมแสยะยิ้มมองกองไฟที่ลุกโหมขึ้นสูง   ไอ้หัวโจกเริ่มตะเกียดตะกายหนีออกจากเงื้อมือผม    ผมบรรจงกระทืบเท้าลงกลางตัวมัน

 

กึบ!

 

“อ๊ากกกกก  มายยยย!!”

ผมยังไม่สะใจกับเสียงร้องแค่นี้หรอก   มันต้องมากกว่านี้!!    ผมจับแขนทั้งสองข้างมันบิดออก   เสียงสีแดงข้นกระเด็นเลอะเสื้อผมเต็มไปหมด    ผมดึงแขนรุ่งริ่งที่ใช้การอะไรไม่ได้ของมันทิ้งเข้ากองไฟ

“ม่ายยยย!!  อย่าทำอะไรฉันเลย!!  อย่า!!”

สภาพที่ไม่ต่างกับหนอนพยายามร้องขอชีวิตจากผม

“แล้วพี่ต้ามีโอกาสได้ขอร้องชีวิตจากมึงมั้ย...”

ผมพูดเสียงเย็นก่อนจะดึงหน้ามันเข้าไปในกองไฟร้อนๆ

“ไม่!!  อย่า!!!”

ผมยกมือสับคอมันออก   ศีรษะของมันกระเด็นเข้าไปในกองไฟ   ใบหน้าเจ็บปวดกรีดร้องลั่น   ดวงตาที่เบิกกว้าง   ปากที่อ้าร้องค่อยๆถูกเปลวไฟเผาไหม้ไปในพริบตา    ผมรีบวิ่งกลับไปที่แท่นบูชาอีกครั้ง

“พี่ต้า...”

ผมลูบใบหน้าสวยที่ดูหวาดกลัว    มือที่ยื่นออกมาหาผมตอนนั้นยังคงค้างแนบอยู่ข้างคอ   ปากที่อ้าร้องเรียกผมยังเปิดอยู่   ผมจับร่างกายบอบบางที่เคยอบอุ่นแต่ตอนนี้มันกลับเย็นยะเยือกไม่ต่างอะไรกับร่างกายผม    ผมมองไปตามข้อมือที่ถูกกรีดเป็นทางยาว   ลำคอสวยที่ถูกของมีคมแทงลงไปอย่างไม่ปราณี   ช่างเป็นการกระทำที่โหดร้ายกว่าการกัดกินกันสดๆซะอีก    มันคงตั้งใจจะรีดเลือดออกจากตัวโดยปล่อยให้ทรมาณตายอย่างช้าๆ

“ผมขอโทษ...”

ผมสวมกอดร่างไร้วิญญาณพลางพร่ำขอโทษซ้ำไปซ้ำมา    ถ้าผมมาเร็วกว่านี้เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้!!  ถ้าผมมีสมาธิมากกว่านี้ผมคงหาพี่เขาเจอและช่วยเอาไว้นานแล้ว!!  

                ....ผมขาดพี่ไม่ได้นะ  พี่รู้มั้ย....

                “ไอ้ซอส!!//ไอ้ซอส!!”

                ซัลกับไอซ์ตะโกนเสียงดังอย่างตกใจเมื่อเห็นผมโชว์เขี้ยวออกมา    พี่ซียกมือเป็นเชิงบอกให้พวกนั้นไม่ต้องวิ่งเข้าชาร์ตตัวผม   พี่เขาคงรู้ว่าผมจะทำอะไร   กฎของบ้านเราคือห้ามทำให้ใครกลายเป็นแวมไพร์เด็ดขาด   เพราะเราไม่อยากให้พวกเขาต้องมาใช้ชีวิตแบบพวกเรา

                ....แต่มันช่วยไม่ได้  อนาคตของพี่ต้าอยู่ที่การตัดสินใจของผม....

                ...และผมก็เลือกแบบนี้....

 

                งับ!

 

                ผมฝังเขี้ยวลงไปบนลำคอสวย   ผมอดไม่ได้ที่จะดื่มเลือดรสหวานที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา    ผมคายริมฝีปากออกก่อนจะเช็ดเลือดที่มุมปาก   อีกไม่กี่ชั่วโมงเขาจะเป็นแบบผม    ผมขอโทษที่ต้องทำแบบนี้   แต่...  

                “ผมรักพี่นะ...”

               

                ตึกๆๆๆ

 

                เสียงกงเท้าที่ตะกุยดินดังใกล้เข้ามาเรื่อย    หมาป่าตัวใหญ่กระโจนเข้ามาหาผม   ผมรีบคว้าตัวพี่ต้าเข้ามากอดไว้  

 

                ตุ้บ!

 

                หมาตัวใหญ่แยกเขี้ยวใส่ผม   พวกแวมไพร์ต่างถิ่นพอเห็นว่าพวกหมาป่าบุกเข้ามาก็เริ่มกระโดดหนี

                “ไอซ์! ซัล! ตามพวกมันไป!!”

                พี่ซีสั่ง   ไอ้ดูโอพยักหน้ารับก่อนจะแยกย้ายกระโดดตามไปจัดการไอ้แวมไพร์ต่างถิ่น   

                “ซอสพาแฟนหนีไปก่อน” พี่ซีบอก

                “ไม่ครับ!”

                “ไป!!”

                พี่จะรับมือกับหมาป่าเกือบสิบตัวนี่หรอ   พวกมันจ้องเราตาเขม็งแล้วพุ่งเข้ามางับผมกับพี่ซี   แต่โชคดีที่ยังหลบกันทัน  ยกเว้นก็แต่ไอ้แวมอีกตัวที่ยืนสะเหร่อให้พวกหมาเด็ดหัวไปง่ายๆ     ดูก็รู้ว่ากำลังเข้าใจผิดว่าพวกเราผิด   เราไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย

                “หนีไป!!”  พี่ซีย้ำ

                “ไม่ครับ”

               

                พรึ่บ!

 

                เสียงลมกระพือสั่นไหว   ผมเงยหน้ามองเพดานที่ทะลุกจนเห็นขอบฟ้า   ปีกสีดำสยายอยู่ราวหกคู่     แวมไพร์พวกนี้มาจากไหนก็อีกเนี่ย

                “ไหนๆ  ขอดูวาระสุดท้ายของเจ้าชายน้อยหน่อยสิ  คิกๆ”

                ไม่ผิดแน่  พวกมีปีกพวกนี้เป็นพวกเลือดบริสุทธิ์   และคนที่มันพูดถึงก็คือพี่ซี!!

               

                อาฮู้~

 

                เสียงสัญญาณจากหัวหน้าหน่วยหมาป่าออกมาแล้ว   มันเป็นสัญญาณให้กำจัดแวมไพร์ทุกตัวทิ้ง!!

               

 

 

 

 

[View]

                “ดูเหมือนพวกแวมไพร์จะออกอาละวาด” 

ผมเปรยบอก   ผมได้รับข่าวจากสมาชิกมาว่ามีแวมไพร์กัดกินเหยื่อไม่เลือกแถมทิ้งซากเกลื่อนเลยด้วย   ที่น่าสลดกว่านั้นคงจะเป็นการที่มันทรมาณเหยื่อเพื่อรีดเลือดน่ะแหละ    ตอนนี้พวกหมาป่าเลยต้องจับตาดูครอบครัวแวมไพร์ครอบครัวนึงที่อาศัยอยู่ที่นี่

“งั้นหรอ”

ไอ้เทมส์ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือไม่สะทกสะท้านใดๆ

“กูมาบอกเพื่อขอให้มึงช่วยจัดการ-*-”

“บ้านฉันไม่ได้รับไล่ผีนะ”  ไอ้แว่นตอบ

“มึงไมคิดจะปกป้องคนในเมืองนี้บ้างหรือไง”

“ทุกคนมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย มันเป็นเรื่องธรรมดา”

“มึงอยู่พุทธ-o-”

“ไม่จำเป็นว่าอยู่ศาสนาอะไรต้องเชื่อฟังแต่ศาสนานั้น   ถ้าคำสอนที่อื่นดีเราก็ควรรับเอาไว้ใส่สมอง”

“สรุปไม่ช่วยว่างั้น  เปลืองน้ำลายกูจริงๆ”         

ผมเดินเมินไอ้แว่นออกมากโบสถ์  ให้มันได้อย่างนี้ดิพึ่งพาเชี่ยไรไม่ได้เลย-*-   ผมเดินเตะกระป๋องไปพลางๆแก้เซ็ง   ผมไม่คิดหรอกนะว่าพวกบ้านไอ้ซอสจะก่อเรื่องวุ่นวายขึ้นมาแบบนี้   การกินแล้วทิ้งแบบเนี่ยคงจะเป็นแผนล่อพวกชอบเรื่องลึกลับออกมากินได้   หมู่นี้ก็มีคนแห่มาที่นี่เพื่อหาตัวแวมไพร์เยอะขึ้นด้วย

 

โฮ่ง! โฮ่ง!

 

ผมหยุดชายตามองมาในตรอกเล็กๆที่แข่งกันเห่าใส่ผม   พวกสัตว์มันไม่ค่อยเข้าใกล้ผมหรอก   สงสัยเห็นเป็นหมาตัวใหญ่ละมั้งมันเลยรีบเห่าไล่ผม

“คริสติน่าอย่าเห่าใส่คนอื่นแบบนั้นสิ”

ร่างสูงโปร่งเข้ามาล็อคคอหมาที่ยืนเห่าผม   ใบหน้าหล่อยิ้มละมุนอย่างเป็นมิตรพลางลูบหัวไอ้หมาตัวนั้น   เขายืนขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาผม   มือใหญ่แบมือออกให้เห็นเม็ดอาหารสีน้ำตาลที่อยู่ในมือ

“กินมั้ย^^”

ไอ้เวรนี่!!-*-

“อย่าด่ากันสิ  ล้อเล่นน่า^^” 

ระ...รู้ได้ไงวะ-o-;;

“ก็ฉันอ่านใจได้น่ะสิน้องหมา^^”

ใครเป็นน้องหมามึงวะ>O<!!

“ฮ่าๆ  มานี่มา”

มือใหญ่ดึงข้อมือผมให้เดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ   พวกหมาจรจัดในนั้นส่งเสียงเห่าผมอีกรอบ   แต่พอไอ้แวมตัวนี้หันไปจุ๊ปากเบาๆพวกนั้นกับเลิกเห่าและนิ่งสงบลงอย่างว่าง่าย     ผมงงกับเหตุการณ์ข้างหน้า   ปกติแล้วพวกสัตว์ก็กลัวแวมไพร์ไม่ใช่หรอ   

“หึๆ^^”

อ่านใจกูอีกแล้วละสิ-*-   ไอ้แวมพาผมมาหยุดอยู่ใต้บันไดนอกตึก    เขาก้มลงหยิบลูกหมาตัวเล็กๆออกมาอุ้มไว้    ผมก็อยากทำแบบนั้นบ้างนะ   แต่ไอ้พวกนี้มันวิ่งหนีผมอย่างเดียวเลย   ดูเหมือนว่าเจ้าลูกหมาน้อยก็เริ่มได้กลิ่นผมแล้ว  มันเลยส่งเสียงขู่ตัวสั่นเกร็งแบบนั้น

“ลองอุ้มดูมั้ย^^”

“ไม่ละครับ  ผมจะกลับแล้ว”  ผมบอก

“ไม่ใช่ว่าพวกมันไม่อยากเข้าใกล้นายหรอกนะ   หมาพวกนี้ต้องการคนคอยดูแลทั้งนั้นแหละ”

ผมก้มหน้าเล็กน้อย   ถึงอย่างนั้นก็เหอะมันคงไม่เข้าใกล้ผมอยู่ดี

“จะให้สัตว์ยอมเชื่อใจเราง่ายๆคงเป็นไปไม่ได้หรอกนะ   มันต้องใช้เวลาถ้าเราใช้เวลาร่วมกับเขาเราจะรู้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับเขา    เมื่อคุ้นเคยกันแล้วเราก็สามารถแตะต้องเขาได้”

ไอ้แวมไพร์ดึงมือผมไปให้ลูกหมาตัวนั้นดมซักพักก็วางมือผมลงบนขนนุ่มนิ่ม     มันไม่กลัวผมแล้วหรอ    มันไม่เห็นขู่เลย   ผมลูบมือไปตาลำตัวเล็กๆของลูกหมานั่น   นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่ผมได้สัมผัสพวกสัตว์แบบนี้

“ตอนยิ้มก็น่ารักดีนะ  ดีกว่าทำหน้ามุ่ยอีก  ฮ่าๆ”

ยิ้ม?  ผมน่ะหรอ?   พอรู้ตัวผมก็เก็บปากกลับสภาพเดิม

“ทำไมไอ้พวกนี้ไม่กลัวคุณละ”

ผมลองถาม   เทียบกันแล้วพวกแวมไพร์มีกลิ่นเลือดคลุ้งจะตาย   สัตว์ไม่น่ากล้าเข้าใกล้

“เพราะพวกนี้เห็นตัวตนแท้จริงของฉันละมั้ง”

....ตัวตนที่แท้จริง....

“เคยฟังนิทานเรื่องแมวหนูไก่มั้ย”  เขาถาม

“อืม”

“ไก่ถึงแม้จะดูหน้าตาน่ากลัวไม่น่ารักเหมือนแมว   แต่พวกมันก็ไม่กินหนู”

“อ่า  มันก็กินหนอนนะ”

“ฮ่าๆ  เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่ามองคนที่ภายนอก  ถึงภายนอกจะดูโหดร้าย  น่ากลัว   แต่ภายในเขาอาจจะใจดีก็ได้”

“มั้ง”

ผมตอบส่งๆ  แวมไพร์ก็เป็นแวมไพร์วันยังค่ำ  ถ้าเกิดหิวขึ้นมาก็คงจับไอ้พวกนี้กิน   ร่างสูงวางลูกหมาคืนให้แม่หมาตามเดิมก่อนจะเดินไปล้างมือ   ผมหันหลังจะกลับบ้านแต่ก็โดนเรียกซะก่อน

“ว่างๆก็แวะมาให้อาหารมันบ้างนะ  ฉันมาทุกวันไม่ได้น่ะ”

“ครับ”  ผมตอบ

“เลิกทำหน้าหมาหงอยได้แล้วน่า”

“ผมทำตอนไหน-*-”

“ชอบแบบนี้มั้ย^^”

ไอ้แวมนั่นพูดจบก็วางมือลูบหัวผม

“ทำบ้าไรเนี่ย-*-”

ถึงจะเป็นหมาแต่ผมไม่ชอบแบบนี้นะ

“ไม่ชอบจริงหรอ^^”

อ่านใจอีกแล้ว   ผมพยายามปัดมือบนหัวตัวเองออกมันก็เลื่อนมาเกาสีข้างผมแทน

“อ๊ะ! อย่า!”

ผมเริ่มดิ้นหยุกหยิกๆ   อยากลงไปนอนกลิ้งกับพื้นจังเลย   มันจั๊กจี๋อ่ะ!  

“ชอบใช่มะ^^”

“ไม่ อื้มมมม><”

อย่าเกาคออย่าเกาคอ  อ๊ากกกก   ผมหลับตาพลางเงยหน้าขึ้นให้คนข้างหน้าเกาคอให้   มันรู้สึกดีแปลกๆ   ทำไมกูเหมือนหมาแบบนี้วะ    ผมอยากจะต่อต้านแต่ก็ทำไม่ได้  

“ฮะๆ  น่ารักจัง  ขอมือหน่อย^^”

 

แป๊ะ!

 

-o-!

ผมวางมือลงบนฝ่ามือเย็นๆตามคำสั่ง

อ๊ะ!  ไม่นะ-o-!!!

ไอ้หล่อหัวเราะเบาๆส่วนผมหน้าเหวอไปเรียบร้อย   กูทำอะไรลงปายยยย>O<!!   ผมรีบชักมือกลับแล้วเดินหนี   จู่ๆร่างกายมันก็ไปเองอ่ะ   เวรกรรมจริงๆถูกมันหัวเราะเยาะแบบนี้   น่าอายชิบหายเลย  ว้ากกกก!!!

 

 

 

 

“สายรายงานมาว่าพวกแวมไพร์ไปชุมนุมกันที่โบสถ์เก่า   เราต้องรีบไปเดี๋ยวนี้”

พวกผมพยักหน้ารับคำสั่ง   ก่อนจะกระโจนลงจากระเบียงวิ่งมุ่งตรงไปยังโบสถ์หลังเก่าที่อยู่ในดงรกร้าง    ผมตะกายถีบเท้าส่งตัวเองให้วิ่งไปข้างหน้าอย่างไว   หน้าที่ของพวกผมคือป้องกันไม่ให้พวกแวมไพร์หาเหยื่อกิน    เมื่อผมมาถึงที่หมายผมก็ต้องตกตะลึง   ผมมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา   ใบหน้าใสเงยขึ้นมาจากร่างไร้วิญญาณที่นอนแน่นิ่ง   ไอ้ซอสปาดมุมปากเช็ดเลือดเบาๆ   ดวงตาสีแดงน่ากลัวเหลือบมามองหัวหน้าหมู่ของผมที่กระโจนเข้าไปหามัน

“ไอซ์! ซัล! ตามพวกมันไป!   ซอสพาแฟนหนีไปก่อน!”

                ชายหนุ่มรูปงามที่ผมเคยเจอที่บ้านไอ้ปากหมานั่นออกปากสั่ง   ร่างสูงทรงตัวยืนอย่างโซเซ

                “ไม่ครับ!”  ไอ้ซอสตอบ

                “ไป!!”  แวมไพร์ตนนั้นสั่งซ้ำ

                “หนีไป!!” 

                “ไม่ครับ”

                เงาสีดำเริ่มเข้ามาปกคลุมพื้นที่ๆเรายืนอยู่    ผมเงยหน้ามองแวมไพร์อีกกลุ่มที่บินอยู่เหนือหัวเรา   กลิ่นมันชัดเจนมาก    พวกนี้คงเป็นพวกเลือดบริสุทธ์!!

“ไหนๆ  ขอดูวาระสุดท้ายของเจ้าชายน้อยหน่อยสิ  คิกๆ”

                ใบหน้าหล่อที่เคยยิ้มแย้มตอนนี้กลับตีหน้าเรียบเฉย    ว่าแล้วว่ามันต้องเป็นเลือดบริสุทธ์   กลิ่นมันถึงแรงกว่าคนอื่น

 

อาฮู้~

 

เสียงสัญญาณเริ่มขึ้นพวกคนในกลุ่มผมแยกย้ายกันไปไล่จับพวกที่บินอยู่บนฟ้า   ส่วนผม....

“แง๊งงงงง”

ผมกระโดดตะปบร่างสูงโปร่งที่ยืนอยู่    มือใหญ่ยกขึ้นปัดปากผมที่พยายามจะกัดหน้ามัน

“ไอ้วิวมันไม่ใช่อย่างที่แกคิดนะเว้ย!!   พวกเราไม่ได้ทำอะไรนะ   พวกเราแค่มาช่วยพี่ต้า!!”

ช่วยโดยการแด กเขางั้นหรอ!!!

“ซอสเมื่อไหร่จะไป!!!”

ร่างทุ้มโวยลั่น   ไอ้ซอสเม้มปากก่อนจะกระโดดหนีไป

“พวกนายถอยกลับไปดีกว่า   พวกนายสู้พวกนั้นไม่ได้หรอก”

ผมตะกุยกรงเล็บตบร่างสูงกลิ้งกระเด็นไปอีกทาง   ยังจะมีหน้ามาพูดอีกนะ 

“พวกนายฆ่าพวกนั้นไม่ได้หรอก   เรื่องนี้ฉันจัดการเอง”

ผมรีบวิ่งตามร่างสูงที่วิ่งเข้าป่าไป   มันจะไปจัดการพวกบริสุทธิ์หรอ   บ้าหรือไงเป็นแวมไพร์เหมือนกันแต่กลับมาจัดการกันเองงั้นหรอ   เรื่องแบบนี้ผมไม่เคยเจอ   ผมวิ่งตามมันมาถึงทุ่งหญ้าโล่งกว้าง

 

ฟิ้ว~ ควับ!

 

                ผมมองปลายโซ่ห้อยสมออันใหญ่ที่เหวี่ยงตวัดไปมารัดร่างของไอ้แวมพี่ไอ้ซัล    ร่าสูงโปร่งถูกยกตรึงแขนขาอยู่กลางอากาศ   พวกญาติๆผมมองภาพข้างหน้าอย่างงงๆ   เหมือนพวกแวมไพร์มันจะฆ่ากันเองเลย

                “ไร้น้ำยา!”

                ผู้หญิงข้างบนที่ยืนสยายปีกอยู่บนฟ้าตวัดพัดไปมา   เธอเหยียดริมฝีปากออกอย่างดูแคลนคนที่ถูกตรึง

                “ลองมั้ยละครับ^^”

 

 

ควับ!

 

เพี๊ยะ!

 

ผู้หญิงที่ด่าหมอนั่นเมื่อกี้ตวัดพัดฟาดลงบนใบหน้าหล่อ   เลือดสีแดงกระเซ็นตกลงสู่พื้น    ผู้ชายคนนั้นหันมาหน้ากลับมาแสยะยิ้มน่ากลัวให้ผู้หญิงคนนั้น    ดวงตาสีแดงที่ดูขี้เล่นแปรเปลี่ยนเป็นแววตาโหดเหี้ยม     บรรยากาศเยือกเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาทำให้รองหัวหน้าหมู่ของผมสั่งให้ถอยหลังก่อน

“หึ.....เตรียมใจมาแล้วสินะ”

เสียงหัวเราะดังออกมาจากลำคอ

“วิว  บอกให้พวกนายถอยออกไปจากป่านี้ซะ”

ถอยออกไป   ทำไม?  เอ้า  อ่านสิวะกูพูดในร่างนี้ไม่ได้  เห่าได้อย่างเดียว

“ไปเถอะน่า  อย่าถามมากสิ”

กูสงสัยไงประเด็น-*-

 

โฮ่ง!

 

เสียงใหญ่เห่าออกมา  รองหมู่ให้เราถอยหลังวิ่งโดยเร็ว   พวกผมรีบวิ่งตามคำสั่ง   ผมหันหลังกลับไปมองร่างสูงโปร่งที่ถูกทิ้งอยู่คนเดียว    ผมกำลังจะปล่อยให้เขาถูกรุมจากแวมไพร์สินะ   ผมไม่อยากทำอย่างนั้นเลย 

 

....เจ้านั้นจะใช้เลือดตัวเองทำเป็นฝนพิษ....

 

รองหมู่ที่วิ่งอยู่ข้างๆผมบอกผม   พวกเราสื่อสารกันทางสายตาได้   ใช้เลือดตัวเองงั้นหรอ   สภาพร่อแรแบบนั้นเนี่ยนะ   ผมหันหลังวิ่งกลับไปอีกรอบ

 

หมับ!

 

รองหมู่กระโดดกัดคอดึงผมไว้ไม่ให้วิ่งกลับไป

 

....ให้มันสละตัวเองแบบนั้นก็ดีแล้ว  เราจะได้ไม่ต้องเสียใครไปอีก!!....

ดวงตาสีเหลืองสว่างจ้องมองผม   สิ่งที่เขาบอกมามันก็ถูก   เพราะพวกไอ้ซัลบ้านเราเลยต้องเสียคุณป้าไป   แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ....หมอนั่นอาจจะไม่ได้เป็นคนเลวอย่างที่คิดก็ได้!!

 

โฮ่ง!!

 

รองหมูรีบวิ่งตามผมที่วิ่งกลับไปหาไอ้แวมนั่น

 

ซ่า!!

 

สายฝนที่ตกลงมาจากฝากฟ้า   หยาดน้ำสีแดงที่ไหลลงมาบนใบไม้เริ่มกัดกร่อนใบสีเขียวขจีจนต้นไม้หายไปเป็นแถบๆ   รองหมู่กระโจนคาบคอผมลากออกไปจากป่า    ผมดิ้นพลางร้องไปมา   ผมมองภาพสาฝนที่ตกลงมาอย่างมากมาย   นี่มันต้องใช้เลือดตัวเองไปแค่ไหนถึงจะทำให้ฝนตกลงมาเยอะขนาดนี้นะ

 

พรึ่บ!

 

รองหมู่เหวี่ยงตัวผมลงกับพื้นพลางหายใจเหนื่อยหอบ

“ไอ้วิว  พี่ซีละ!!”

ไอ้ซัลตะโกนแล้ววิ่งโร่เข้ามาเขย่าตัวผม   ใบหน้ามันตื่นตะหนกรอลุ้นคำตอบจากปากผม

...แปปนะ  เปลี่ยนร่างก่อน-o-…

“ถ้าหมายถึงแวมไพร์แท้ตัวนั้นละก็  อาจจะตายไปแล้วละ” รองหัวหมู่บอก     

“ไม่...ไม่จริง”

ไอ้ซัลส่ายหน้าไปมา   น้ำใสๆเริ่มหยดออกมาจากดวงตากลมโตคู่นั้น

“เขาเปลี่ยนเลือดตัวเองเป็นฝนกรด”  รองหมู่บอกต่อ

“ทำไมพี่ซีถึงทำแบบนั้น!!  ฮือๆ  บ้าที่สุด!!”

ไอ้ซัลโวยวายพลางทุบพื้นแรงๆ

“ดูเหมือนฝนนั่นจะไม่มีผลกับหมาป่า  ตอนฉันโดน....ก็ไม่เห็นเป็นอะไร”

หมอนั่นจงใจจะฆ่าแค่แวมไพร์พวกนั้นจริงๆ   ไม่ได้ตั้งใจจะเหมารวมเราไปด้วย   ผมเตะเท้าแรงๆ   ทำแบบนั้นเพื่อช่วยพวกเราหรอ   ไม่เห็นต้องสละตัวเองแบบนั้นเลย   พวกผมไปเพื่อฆ่าเขานะ!!

“เราเข้าใจเรื่องหมดแล้ว  คงต้องขอโทษที่ช่วยพี่ชายของนายไม่ได้   แต่ฉันจะให้คนไปเอาศพเขาออกมา  ถ้ายังไม่สลายร่างไปซะก่อนนะ”

หัวหน้าบอกแล้วย่อตัวลงตบไหล่บอบบางของคนที่นั่งร้องไห้อยู่กับพื้น   หัวหน้าเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ไอ้ซัลบอกให้พวกเราฟัง

...ถ้าพวกเรามองออกตั้งแต่แรกว่าเป็นฝีมือของใคร  ไม่เหมารวมว่าพวกแวมไพร์เป็นเหมือนกันหมด   เขาอาจจะไม่ต้องตาย....

“ผมจะเข้าไปเอาศพเขาออกมาเอง”

ผมบอกแล้ววิ่งกลับเข้าไปทางเดิม   ผมหวังแค่ว่าให้ได้เจอแค่ซากของเขาก็ยังดี   ดีกว่าให้กลับไปมือเปล่า   ผมหลับตานึกถึงสัมผัสของมือเย็นเฉียบที่เคยลูบหัวผม   ทั้งที่เขาอ่อนโยนขนาดนั้นแต่ทำไมผมยังอคติคิดว่าเขาเป็นแวมไพร์ชั่วร้ายอยู่   ทั้งที่มือคู่นั้นก็มีความอบอุ่นอยู่.....ความอบอุ่นที่จากจากจิตใจอันอ่อนโยน

“แค่กๆ ยัง..อุส่าห์มาอีก..นะ”

รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเช่นเคย   ผมรีบวิ่งเข้าไปหาคนที่นั่งพิงต้นไม้อย่างรวดเร็ว    ความรู้สึกของผมตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับหมาที่ได้เจอเจ้าของ   ผมแทบจะกระโดดฟัดร่างกายสะบักสะบอมนั่น   ผมเลียใบหน้าเปื้อนเลือดที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากเลือดของตัวเอง   มือใหญ่ลูบเส้นขนผมไปมาเบาๆ

“ทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้แน่ะ...ไม่ต้องร้องนะ”

ผมสูดหายใจแล้วพยักหน้ารับ   ผมตะกายาหน้าโอบคนตรงหน้าไว้   ไม่รู้เพราะอะไร   แค่เห็นว่าเขายังมีชีวิตอยู่หัวใจผมก็เต้นสั่นระรัวแล้ว   ผมดีใจยิ่งกว่าตอนได้รับปอกคอซะอีก   ผมค่อยๆเปลี่ยนตัวเองกลับสภาพเดิมแล้วกอดคนข้างหน้าแน่นๆ

“กินเลือดผมสิ”

ผมบอก   เลือดผมมันช่วยให้เขาขยับตัวได้แน่ๆ   เชิญกินให้หน่ำใจ  จะสูบจนหมดตัวเลยก็ได้

“ทำแบบนั้นนายจะโดนพิษของฉันเอานะ...”

เสียงทุ้มเอ่ยบอก   มือใหญ่ลูบหัวผมไปเรื่อยๆ   ไม่มีทางจะช่วยเขาได้เลยหรอ   ผมจะให้เขามาตายที่นี่ไม่ได้หรอก  ยังมีหมาในตรอกนั้นรอคอยอาหารจากเขาอยู่   ลูกหมาที่กำลังจะลืมตาขึ้นมาอาจจะอยากเห็นหน้าพ่อทูนหัวของมันก็ได้

...บางทีอาจต้องใช้วิธีนี้.....

ผมช่างใจกับตัวเองเล็กน้อยก่อนจะถอนหญ้าออกมาสานกันเป็นวงแหวนเล็กๆพอดีนิ้วสองอัน   ผมยื่นแหวนก้านหญ้าวงนึงให้แวมไพร์ตัวนั้น  

“ไม่ต้องช่วยฉันหรอก  เลือดนายคาวจะตาย ฮะๆ”

“พูดมากน่า!!”

ผมตวาด  หัดจริงจังซะบ้างนี่ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะ   ตัวเองจะตายอยู่แล้วเลิกห่วงคนอื่นได้แล้ว

  “หัดรักตัวเองบ้างสิ...”

ผมพูดเสียงแผ่วเบา   ใบหน้าหล่อฉายแววสำนึกผิด   นิ้วเรียวยาวสวมแหวนวงนั้นใส่นิ้วนางข้างซ้ายของผม    ผมก็สวมให้เขาเหมือนกัน   มือใหญ่แทรกนิ้วเข้ามาประสานมือกับผม

“ฉันสัญญาว่าจะรักและดูแลนายตลอดไป....วิว”

“ผมก็เหมือนกัน...”

การแต่งงานข้ามเผ่าพันธุ์จะทำให้เราสามารถแลกกันดื่มเลือดได้โดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายนึงถูกพิษของฝ่ายตรงข้าม   แต่เงื่อนไขการดื่มเลือดก็คือ  ต้องกลายเป็นหนึ่งเดียวกันซะก่อน...

“วิว...”

ริมฝีปากเย็นเฉียบครอบคลุมริมฝีปากของผม   วงแขนใหญ่รั้งตัวผมให้ขึ้นไปนั่งทับบนตัก   ผมเปิดปากรอลิ้นซุกซนที่แทรกเข้ามาดูดกลืนเรี่ยวแรงของผม   ผมตวัดลิ้นโต้ตอบอย่างไม่ประสา   ลมหายใจหอบถี่ที่พ่นอยู่ข้างแก้มผมทำเอาร่างกายผมเร่งสูบฉีดเลือดขึ้นมา    มือใหญ่สอดเข้ามาใต้เสื้อยืดของผมก่อนจะพามันออกไปจากปลายแขนของผม   ปลายนิ้วเย็นสะกิดยอดอกผมเบาๆ   ผมไล้มือจิกไหลกว้างแรงๆ   นิ้วเย็นที่ลากวนไปทั่วร่างทำให้ผมต้องดิ้นบิดกายไปมาด้วยความรู้สึกเสียววาบตามตัว

“เหนื่อยจัง...แฮกๆ..”

ไม่ทันไรไอ้แวมบ้านี่ก็หายใจหอบซบหน้าลงกับไหล่ผมแล้ว  แล้วกูต้องเป็นคนทำเอง....สินะ-o-;;;

“ไปตอนนี้ยังทันนะ  บางทีทำๆไปฉันอาจจะช็อคตายคาอกก็ได้”

-*-

“งั้นก็ตายคาอกไปเลยไป-*-”

ผมจัดการงานทุกอย่างที่ต้องทำด้วยสองมือ   ผมสลัดความเขินอายทิ้งตอนนี้ต้องรีบทำเวลาไม่ให้เขาไปเยือนยมบาลก่อนเวลาอันควร   เมื่อมาถึงจุดยากลำบากผมก็ต้องฝืนนั่งลงไปให้ได้   ผมกัดปากตัวเองแน่นผมพยายามฝืนรับอะไรบางอย่างเข้ามาในตัว

“ขอโทษนะ....เจ็บมากมั้ย”

ผมพยักหน้าหน่อยๆ   รู้สึกว่ามันฉีกแล้วข้างหลังผมรู้สึกแสบมาก   มือใหญ่โอบกอดพลางลูบหัวปลอบโยนผม    ผมขยับตัวช้าๆอย่างเจ็บปวด  ผมซบหน้าลงบนไหล่กว้างพลางขูดเล็บไปมาบนแผ่นหลัง    ถ้ารู้ว่าเจ็บขนาดนี้จะปล่อยให้ตายไปเลย....

“..กัดสิ..”

ผมบอก  ผมจิกเล็กเลียเลือดที่หัวไหล่หนาพร้อมกับคนตัวใหญ่ที่ฝังเขี้ยวลงที่ข้างคอผม   ผมเอียงคอกัดฟันแน่น  เจ็บใช่ย่อยเลย  ไม่รู้ว่ามันกินไปเยอะแค่ไหนแต่ผมรุ้สึกหน้ามืดแปลกๆ  ใบหน้าหล่อละออกจากคอผม 

“มาทำต่อให้เสร็จเลยละกัน”

ผมพยักหน้าอย่างอ่อนแรง  ร่างสูงเริ่มขยับตัวเบียดเข้ามาหาผมอีกครั้ง   ผมปล่อยให้ร่างสูงเป็นคนนำทางบ้าง   ผมยกมือลูบใบหน้าหล่อที่กลับมาใสกิ้งเหมือนเดิมก่อนจะผลุบตัวหลับคาตัวเขาแบบนั้น

“พี่ซี...”

“กว่าจะเรียกได้นะ  หมาน้อย”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา