FYC! ค่ายนี้มีแต่...
8.8
เขียนโดย แคมป์
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23.53 น.
14 ตอน
17 วิจารณ์
21.56K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556 21.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) เขาเป็นบ้าอะไร!?
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความFYC 11
“นี่”
ฉันกลั้นใจเรียกเขาด้วยน้ำเสียงกวนหน่อยๆ นายเจซัคหันมาพร้อมกับเลิกคิ้ว
“คุณ...อารมณ์ดีแล้วใช่ป่ะ?”
นายเจซัคยังไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแต่เลิกคิ้วสูงขึ้นไปอีก ความเงียบที่เกิดจากเขาที่ไม่ยอมพูดอะไร นั่นจึงทำให้ฉันรู้สึกเก้อๆ เขินๆ ขึ้นมานิดหน่อยเลยอ่ะ =///= เอ่อ...ไม่น่าถามเล้ยอินฮยองเอ๊ย เฮ้อ!
“ถามทำไม?”
ฉันในตอนนี้จึงเป็นฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นบ้าง เมื่อเขาดันย้อนถามกลับมา แทนที่จะตอบคำถามของฉัน...เอ่อ...นั่นสิ ฉันจะถามทำไมนะ?
“เอ้อ...ก็...เปล่าหรอก ฉันก็แค่...” ฉันเหลือบตามองเขาอย่างหวาดๆ นิดหน่อยก่อนที่จะรีบหลุบตาหนีเมื่อเขาจงใจสบตากับฉัน “เอ่อคือฉัน...ฉันก็แค่...ไม่ชอบคุณเวลาทำหน้าเครียดอ่ะ แค่นี้แหละ - -;;”
“ทำไม ตอนเครียด...หน้าฉันมันดูแย่ขนาดนั้นเลย?” เขาพูดเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆ พอฉันเงยหน้าขึ้นถึงได้รู้ว่าเขายิ้มอยู่ มันเป็นรอยยิ้มของคนอารมณ์ดี ที่ฉัน...ชอบอย่างนี้มากกว่า
เออะ! ชอบเหรอ??? O///O
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำเป็นไม่ได้ยินกับคำถามเมื่อกี้นี้ พลางหันหน้ากลับไปมองนายประธานคนนั้นที่กำลังเดินลงไปจากเวที อ้าว...พูดจบแล้วเหรอ? นี่ฉันยังไม่ทันได้รู้เรื่องเลยนะเนี่ยว่านายนั่นขึ้นมาพูดอะไรบ้างอ่ะ = =lll ตายล่ะ...แล้วถ้าเกิดนั่นมันเป็นเรื่องสำคัญขึ้นมาล่ะ แต่ฉันไม่ได้ฟัง!!! ง...งี้ก็แย่อ่ะดิ!! T0T
“อินฮยอง”
“หะ?”
ฉันหันไปหานายเจซัคที่จู่ๆ ก็เรียกฉันขึ้นมา ตอนนี้สีหน้าของเขากลับมาดูเครียดอีกแล้ว เอ่อ...อะไรของเขาฟะเนี่ย? อารมณ์นี่กะจะเปลี่ยนตลอดทุกห้านาทีเลยใช่มะ = =?
“จำไว้นะ อย่าพยายามแหกกฎเด็ดขาด”
ฉันขมวดคิ้ว มองสีหน้าด้านข้างของเขาแล้วก็ได้แต่ตอบซื่อๆ เพราะไม่เข้าใจว่าเขาจะบอกฉันเรื่องนี้ทำไม
“ไม่อยู่แล้วล่ะ ก็คุณบอกฉันเองว่าถ้าเกิดใครแหกกฎ คนๆ จะต้องถูกลงโทษขั้นรุนแรง L”
เจซัคหันมามองหน้าฉัน พร้อมสีหน้าที่ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย ซึ่งนั่น...นั่นก็ทำให้ฉันกระพริบตาปริบๆ เพราะไม่เข้าใจอีกนั่นแหละว่าสีหน้านั้นมันหมายความว่ายังไง
“ฉันดีใจนะ”
“หา =O=?”
“ที่เธอเริ่มฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว ^^”
“หา!!! =[]=!!!”
……………………………………………………………
ฉันที่กำลังนั่งก้มหน้างุดอยู่บนโต๊ะกลมในห้องรับประทานอาหารของทางโรงแรมที่นี่ ท่ามกลางผู้ชายที่รายล้อมเต็มไปหมด บนโต๊ะนี้มีแต่ฉันเท่านั้นที่เป็นผู้หญิง
“คุณอินฮยองครับ”
ฉันสะดุ้งเฮือก เมื่อจู่ๆ เสียงที่ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ก็ดันเรียกชื่อฉันขึ้นมา พาลทำให้การสนทนาของคนอื่นๆ บนโต๊ะต้องเงียบลงไปด้วย ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา เพราะมัน...มันรู้สึกประหม่ายังไงไม่รู้อ่ะ โดยเฉพาะสายตาแบบนั้น...สายตาน่าเกลียดของนายประธานวอนชุกมินที่ส่งประกายวิบวับแปลกๆ มาให้ฉันน่ะ ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเลย ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากเรียกให้ผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำอะไรสักอย่าง
“คุณอินฮยองครับ คุณไม่คิด...ที่จะเงยหน้าขึ้นมาคุยกับพวกเราเลยเหรอครับ?”
ฉันเกลียดเสียงนี้จัง ให้ตายสิ!
ฉันที่อดทนต่อแรงกดดันต่อไปไม่ไหวก็แอบเอื้อมมือไปกระตุกกางเกง ‘เขา’ เบาๆ ฉันเหลือบเห็นนายนั่นทำแค่หลุบตามองแว้บนึงเท่านั้น
“คุณอิน...”
“นี่คุณวอน ผมว่าช่างเธอเถอะ นี่คุณจะเรียกเธอทำไมนักหนา”
ฉันเบิกตากว้าง แอบเหลือบตามองนายนั่นอย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าพูดจาแบบนั้นออกไป และโดยเฉพาะ...กับท่านประธานแห่งองค์กรเกย์ เอ้ย! องค์กร Y นั่นน่ะ
“หึหึ อะไรกันครับคุณอัลเบ็ท นี่ยังผ่านไปไม่ถึงวันเลยนะครับ”
“แล้วไง?”
น้ำเสียงของสองคนนั้นช่างดูแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เสียงนายวอนฟังดูกวนประสาท ส่วนนายเจซัคก็เหมือนกับไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เพราะหางเสียงเขาสะบัดๆ ฟังดูกระด้างพิกล
“ก็...กิจกรรมของทางเรายังไม่ทันได้เริ่ม อะไรๆ ก็ยังไม่ได้เริ่มทำ ก็แล้วทำไม...ดูคุณทำเหมือนกับว่า...คุณได้ทำมันไปแล้ว?” หางเสียงหัวเราะหยันๆ อย่างน่าเกลียด และบทสนทนาพวกนั้นก็ทำให้ฉันงงงวยมากขึ้นกว่าเก่าหลายเท่า อะไรกันเนี่ย? ทำ...ทำอะไร นายประธานนั่นกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่?
“กรุณาระวังคำพูดหน่อยนะครับคุณวอน นี่คุณคงยังไม่รู้สินะ ว่าอัลเบ็ท...สามารถทำอะไรก็ได้ในโลกนี้”
ฟังดูยิ่งใหญ่จังแฮะ = =;;
พอได้ฟังอย่างนี้แล้วฉันก็รู้สึกภูมิใจขึ้นมาแปลกๆ มันเหมือนกับว่าคนของฉันไม่ใช่เล็กๆ เลยนะ ฮ่าๆๆๆ เออะ...โทษที เขาไม่ใช่คนของฉันสักหน่อย - -;;
“...อ่า...ผมว่านะครับ พวกเราเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า นะครับ ^^”
ในที่สุดก็มีผู้ชายคนหนึ่งในโต๊ะแทรกขัดขึ้นมาได้อย่างถูกจังหวะพอดีเป๊ะ ซึ่งนายเจซัคก็...
“ก็ดี ถ้างั้น...ผมขอตัวก่อนนะครับ เชิญทุกคนตามสบาย”
พูดจบ ร่างสูงของนายเจซัคก็ลุกขึ้นทันที และไม่ลืมที่จะคว้ามือฉันติดตัวไปด้วย ฮะ...เฮ้! นี่คุณจะพาฉันไปไหนวะเนี่ย!?
…………………………………………………………….
“คุณ หยุดก่อน เดี๋ยวๆๆๆ” ฉันฝืนตัวเบรกเอี๊ยดทันทีเมื่อรู้สึกว่าทั้งฉันและเขาก็เดินไกลออกมาพอสมควรแล้ว
นายเจซัคยอมหยุด เขาหันมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“มีอะไร?”
ฉันขมวดคิ้ว สะบัดมือออกอย่างแรงแล้วเปลี่ยนมาเป็นเท้าสะเอว
“นี่คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ยหะ? คุณไม่เห็นคนอื่นเหรอ พวกเขายังไม่มีใครลุกออกจากที่เลยนะ เมื่อกี้คุณรู้มั้ยว่าคุณทำให้ฉันอายขนาดไหนน่ะ”
ว่าแล้วไอ้ภาพนั้นก็ตามมาหลอกหลอนอีกจนได้...ภาพที่พอฉันและนายเจซัคลุกขึ้นจากโต๊ะ และเดินดุ่มๆ ออกไปจากห้องโถงนั้นท่ามกลางผู้คนมากมายที่ยังคงนั่งอยู่กับที่ ทุกคนก็พร้อมใจกันหันมาที่พวกฉันเป็นตาเดียว ฉันที่ถูกลากเอาๆ ก็ได้แต่ก้มหน้างุด รีบเดินตามร่างสูงไปโดยไม่กล้ามองไปทางไหนทั้งสิ้น โดยเฉพาะครูจีซู...เพราะหล่อนเอาแต่จ้องจิกมาทางฉัน หล่อนทำอย่างว่าฉันไปทำเรื่องบาดหมางใจอะไรให้หล่อนอย่างนั้นล่ะ เฮอะ!
“อาย? อายเรื่องอะไร?”
ฉันสะดุ้งนิดๆ ตื่นจากภวังค์ทันทีที่เสียงทุ้มถาม
“เอ้า ก็จู่ๆ คุณกับฉันลุกออกมาแบบนี้ ทุกคนเขาก็เลยมองมาที่เรากันหมด เหมือนพวกเราเป็นแกะดำยังไงไม่รู้อ่ะ คุณไม่น่าทำอย่างนี้เลยรู้มะ”
นายนั่นหน้ายุ่งขึ้นมาทันที
“รึเธออยากจะอยู่ให้มันพูดลดเกียรติเธอไปมากกว่านี้ล่ะ เอามะ! ให้มันพูดแดกดันเธอไปเลยว่าฉันได้กับเธอแล้วน่ะ!”
!!!!!!!
“หึ เอามั้ยล่ะ ถ้าเธอต้องการอย่างนั้น ฉันจะได้รีบพาเธอขึ้นไปหามันเลยไง ป่ะ!”
ไม่ว่าเปล่า เพราะเขากระชากข้อมือฉันให้ตามไปทันทีที่พูดจบ ฉันที่ตกใจกับการกระทำของเขาก็ขืนตัวอย่างแรง สะบัดข้อมือออกแล้วรีบถอยถดไปข้างหลังหลายก้าว
“ไม่ ฉันไม่ไป ฉันไม่ไปหรอก!”
ร่างสูงหันกลับมา มองฉันอย่างรำคาญ
“ทำไม ไม่อยากได้ยินมันพูดเหรอ ไม่อยากให้มันพูดใส่หูเหรอว่าเธอเสียตัวให้ฉันแล้วน่ะ”
“ไม่! ฉันไม่อยากได้ยิน!” ฉันปิดหูตัวเองไว้ น้ำตาเริ่มคลอเบ้าด้วยคำพูดถากถางของเขา เขาจะกดดันฉันทำไม! ก็ฉันไม่รู้! ฉันไม่รู้ว่าคนพวกนั้นกำลังพูดดูถูกฉันอยู่ ก็ฉันไม่รู้นี่!!!
!!!!!
ฉันเบิกตากว้างเมื่อข้อมือของตัวเองถูกกระชากไปอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้พาฉันไปไหน แต่กระชากเข้าหาตัวพร้อมกับส่งสายตาดุร้ายมาให้
“รึว่าเธอชอบ...ชอบให้คนเขาพูดกันว่าเธอได้กับฉันแล้ว ทั้งที่มัน...ก็ไม่ได้เป็นจริงสักหน่อย...”
ฉันส่ายหน้า อีกมือหนึ่งพยายามแกะมือของเขาออกเพราะมันเจ็บ! นี่เขาจะบีบข้อมือฉันทำไม!
“ไม่ชอบเหรอ ที่ส่ายหน้านี่คือไม่ชอบใช่มั้ย?”
ฉันส่ายหน้าอีก ใช่! ฉันไม่ชอบ! แล้วนายก็เลิกบีบข้อมือฉันได้แล้ว ฉันเจ็บ!
“ปล่อย...ฉันเจ็บ” ฉันเบะหน้าร้องไห้ คำขอร้องนั้นสั่นระริกยิ่งกว่าเสียงของคนที่ขอชีวิตให้ตัวเอง
นายเจซัคยังคงนิ่ง เขาเงียบไป...
ก่อนที่มือหนานั้น จะค่อยๆ คลายออก นั่นจึงทำให้ฉันรีบสะบัดออกทันที แล้วถอยตัวให้ยืนห่างจากเขาหลายก้าว
ฉันยืนอยู่ตรงนั้น นิ่ง...นานในความรู้สึก ฉันเอาแต่ยืนก้มหน้ามองเบื้องล่าง มองเห็นเท้าของคนตรงหน้าที่ยังหันมาทางฉัน บ่งบอกให้รู้ว่าเขายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม...และฉันก็ได้ยินเสียงถอนหายใจ
“กลับกันเถอะ”
หงึกๆๆ
ฉันพยักหน้าแต่โดยดี เหลือบตามองเท้าตรงหน้าที่ยืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะออกเดินนำไป ฉันปล่อยให้เขาเดินนำไปก่อน ทิ้งระยะห่างให้มากพอสมควร แล้วฉัน...จึงค่อยเดินตามเขาไปอย่างระวังตัว
“นี่”
ฉันกลั้นใจเรียกเขาด้วยน้ำเสียงกวนหน่อยๆ นายเจซัคหันมาพร้อมกับเลิกคิ้ว
“คุณ...อารมณ์ดีแล้วใช่ป่ะ?”
นายเจซัคยังไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแต่เลิกคิ้วสูงขึ้นไปอีก ความเงียบที่เกิดจากเขาที่ไม่ยอมพูดอะไร นั่นจึงทำให้ฉันรู้สึกเก้อๆ เขินๆ ขึ้นมานิดหน่อยเลยอ่ะ =///= เอ่อ...ไม่น่าถามเล้ยอินฮยองเอ๊ย เฮ้อ!
“ถามทำไม?”
ฉันในตอนนี้จึงเป็นฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นบ้าง เมื่อเขาดันย้อนถามกลับมา แทนที่จะตอบคำถามของฉัน...เอ่อ...นั่นสิ ฉันจะถามทำไมนะ?
“เอ้อ...ก็...เปล่าหรอก ฉันก็แค่...” ฉันเหลือบตามองเขาอย่างหวาดๆ นิดหน่อยก่อนที่จะรีบหลุบตาหนีเมื่อเขาจงใจสบตากับฉัน “เอ่อคือฉัน...ฉันก็แค่...ไม่ชอบคุณเวลาทำหน้าเครียดอ่ะ แค่นี้แหละ - -;;”
“ทำไม ตอนเครียด...หน้าฉันมันดูแย่ขนาดนั้นเลย?” เขาพูดเสียงกลั้วหัวเราะเบาๆ พอฉันเงยหน้าขึ้นถึงได้รู้ว่าเขายิ้มอยู่ มันเป็นรอยยิ้มของคนอารมณ์ดี ที่ฉัน...ชอบอย่างนี้มากกว่า
เออะ! ชอบเหรอ??? O///O
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทำเป็นไม่ได้ยินกับคำถามเมื่อกี้นี้ พลางหันหน้ากลับไปมองนายประธานคนนั้นที่กำลังเดินลงไปจากเวที อ้าว...พูดจบแล้วเหรอ? นี่ฉันยังไม่ทันได้รู้เรื่องเลยนะเนี่ยว่านายนั่นขึ้นมาพูดอะไรบ้างอ่ะ = =lll ตายล่ะ...แล้วถ้าเกิดนั่นมันเป็นเรื่องสำคัญขึ้นมาล่ะ แต่ฉันไม่ได้ฟัง!!! ง...งี้ก็แย่อ่ะดิ!! T0T
“อินฮยอง”
“หะ?”
ฉันหันไปหานายเจซัคที่จู่ๆ ก็เรียกฉันขึ้นมา ตอนนี้สีหน้าของเขากลับมาดูเครียดอีกแล้ว เอ่อ...อะไรของเขาฟะเนี่ย? อารมณ์นี่กะจะเปลี่ยนตลอดทุกห้านาทีเลยใช่มะ = =?
“จำไว้นะ อย่าพยายามแหกกฎเด็ดขาด”
ฉันขมวดคิ้ว มองสีหน้าด้านข้างของเขาแล้วก็ได้แต่ตอบซื่อๆ เพราะไม่เข้าใจว่าเขาจะบอกฉันเรื่องนี้ทำไม
“ไม่อยู่แล้วล่ะ ก็คุณบอกฉันเองว่าถ้าเกิดใครแหกกฎ คนๆ จะต้องถูกลงโทษขั้นรุนแรง L”
เจซัคหันมามองหน้าฉัน พร้อมสีหน้าที่ดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย ซึ่งนั่น...นั่นก็ทำให้ฉันกระพริบตาปริบๆ เพราะไม่เข้าใจอีกนั่นแหละว่าสีหน้านั้นมันหมายความว่ายังไง
“ฉันดีใจนะ”
“หา =O=?”
“ที่เธอเริ่มฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว ^^”
“หา!!! =[]=!!!”
……………………………………………………………
ฉันที่กำลังนั่งก้มหน้างุดอยู่บนโต๊ะกลมในห้องรับประทานอาหารของทางโรงแรมที่นี่ ท่ามกลางผู้ชายที่รายล้อมเต็มไปหมด บนโต๊ะนี้มีแต่ฉันเท่านั้นที่เป็นผู้หญิง
“คุณอินฮยองครับ”
ฉันสะดุ้งเฮือก เมื่อจู่ๆ เสียงที่ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ก็ดันเรียกชื่อฉันขึ้นมา พาลทำให้การสนทนาของคนอื่นๆ บนโต๊ะต้องเงียบลงไปด้วย ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา เพราะมัน...มันรู้สึกประหม่ายังไงไม่รู้อ่ะ โดยเฉพาะสายตาแบบนั้น...สายตาน่าเกลียดของนายประธานวอนชุกมินที่ส่งประกายวิบวับแปลกๆ มาให้ฉันน่ะ ฉันไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเลย ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากเรียกให้ผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำอะไรสักอย่าง
“คุณอินฮยองครับ คุณไม่คิด...ที่จะเงยหน้าขึ้นมาคุยกับพวกเราเลยเหรอครับ?”
ฉันเกลียดเสียงนี้จัง ให้ตายสิ!
ฉันที่อดทนต่อแรงกดดันต่อไปไม่ไหวก็แอบเอื้อมมือไปกระตุกกางเกง ‘เขา’ เบาๆ ฉันเหลือบเห็นนายนั่นทำแค่หลุบตามองแว้บนึงเท่านั้น
“คุณอิน...”
“นี่คุณวอน ผมว่าช่างเธอเถอะ นี่คุณจะเรียกเธอทำไมนักหนา”
ฉันเบิกตากว้าง แอบเหลือบตามองนายนั่นอย่างไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าพูดจาแบบนั้นออกไป และโดยเฉพาะ...กับท่านประธานแห่งองค์กรเกย์ เอ้ย! องค์กร Y นั่นน่ะ
“หึหึ อะไรกันครับคุณอัลเบ็ท นี่ยังผ่านไปไม่ถึงวันเลยนะครับ”
“แล้วไง?”
น้ำเสียงของสองคนนั้นช่างดูแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เสียงนายวอนฟังดูกวนประสาท ส่วนนายเจซัคก็เหมือนกับไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เพราะหางเสียงเขาสะบัดๆ ฟังดูกระด้างพิกล
“ก็...กิจกรรมของทางเรายังไม่ทันได้เริ่ม อะไรๆ ก็ยังไม่ได้เริ่มทำ ก็แล้วทำไม...ดูคุณทำเหมือนกับว่า...คุณได้ทำมันไปแล้ว?” หางเสียงหัวเราะหยันๆ อย่างน่าเกลียด และบทสนทนาพวกนั้นก็ทำให้ฉันงงงวยมากขึ้นกว่าเก่าหลายเท่า อะไรกันเนี่ย? ทำ...ทำอะไร นายประธานนั่นกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่?
“กรุณาระวังคำพูดหน่อยนะครับคุณวอน นี่คุณคงยังไม่รู้สินะ ว่าอัลเบ็ท...สามารถทำอะไรก็ได้ในโลกนี้”
ฟังดูยิ่งใหญ่จังแฮะ = =;;
พอได้ฟังอย่างนี้แล้วฉันก็รู้สึกภูมิใจขึ้นมาแปลกๆ มันเหมือนกับว่าคนของฉันไม่ใช่เล็กๆ เลยนะ ฮ่าๆๆๆ เออะ...โทษที เขาไม่ใช่คนของฉันสักหน่อย - -;;
“...อ่า...ผมว่านะครับ พวกเราเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า นะครับ ^^”
ในที่สุดก็มีผู้ชายคนหนึ่งในโต๊ะแทรกขัดขึ้นมาได้อย่างถูกจังหวะพอดีเป๊ะ ซึ่งนายเจซัคก็...
“ก็ดี ถ้างั้น...ผมขอตัวก่อนนะครับ เชิญทุกคนตามสบาย”
พูดจบ ร่างสูงของนายเจซัคก็ลุกขึ้นทันที และไม่ลืมที่จะคว้ามือฉันติดตัวไปด้วย ฮะ...เฮ้! นี่คุณจะพาฉันไปไหนวะเนี่ย!?
…………………………………………………………….
“คุณ หยุดก่อน เดี๋ยวๆๆๆ” ฉันฝืนตัวเบรกเอี๊ยดทันทีเมื่อรู้สึกว่าทั้งฉันและเขาก็เดินไกลออกมาพอสมควรแล้ว
นายเจซัคยอมหยุด เขาหันมาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“มีอะไร?”
ฉันขมวดคิ้ว สะบัดมือออกอย่างแรงแล้วเปลี่ยนมาเป็นเท้าสะเอว
“นี่คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ยหะ? คุณไม่เห็นคนอื่นเหรอ พวกเขายังไม่มีใครลุกออกจากที่เลยนะ เมื่อกี้คุณรู้มั้ยว่าคุณทำให้ฉันอายขนาดไหนน่ะ”
ว่าแล้วไอ้ภาพนั้นก็ตามมาหลอกหลอนอีกจนได้...ภาพที่พอฉันและนายเจซัคลุกขึ้นจากโต๊ะ และเดินดุ่มๆ ออกไปจากห้องโถงนั้นท่ามกลางผู้คนมากมายที่ยังคงนั่งอยู่กับที่ ทุกคนก็พร้อมใจกันหันมาที่พวกฉันเป็นตาเดียว ฉันที่ถูกลากเอาๆ ก็ได้แต่ก้มหน้างุด รีบเดินตามร่างสูงไปโดยไม่กล้ามองไปทางไหนทั้งสิ้น โดยเฉพาะครูจีซู...เพราะหล่อนเอาแต่จ้องจิกมาทางฉัน หล่อนทำอย่างว่าฉันไปทำเรื่องบาดหมางใจอะไรให้หล่อนอย่างนั้นล่ะ เฮอะ!
“อาย? อายเรื่องอะไร?”
ฉันสะดุ้งนิดๆ ตื่นจากภวังค์ทันทีที่เสียงทุ้มถาม
“เอ้า ก็จู่ๆ คุณกับฉันลุกออกมาแบบนี้ ทุกคนเขาก็เลยมองมาที่เรากันหมด เหมือนพวกเราเป็นแกะดำยังไงไม่รู้อ่ะ คุณไม่น่าทำอย่างนี้เลยรู้มะ”
นายนั่นหน้ายุ่งขึ้นมาทันที
“รึเธออยากจะอยู่ให้มันพูดลดเกียรติเธอไปมากกว่านี้ล่ะ เอามะ! ให้มันพูดแดกดันเธอไปเลยว่าฉันได้กับเธอแล้วน่ะ!”
!!!!!!!
“หึ เอามั้ยล่ะ ถ้าเธอต้องการอย่างนั้น ฉันจะได้รีบพาเธอขึ้นไปหามันเลยไง ป่ะ!”
ไม่ว่าเปล่า เพราะเขากระชากข้อมือฉันให้ตามไปทันทีที่พูดจบ ฉันที่ตกใจกับการกระทำของเขาก็ขืนตัวอย่างแรง สะบัดข้อมือออกแล้วรีบถอยถดไปข้างหลังหลายก้าว
“ไม่ ฉันไม่ไป ฉันไม่ไปหรอก!”
ร่างสูงหันกลับมา มองฉันอย่างรำคาญ
“ทำไม ไม่อยากได้ยินมันพูดเหรอ ไม่อยากให้มันพูดใส่หูเหรอว่าเธอเสียตัวให้ฉันแล้วน่ะ”
“ไม่! ฉันไม่อยากได้ยิน!” ฉันปิดหูตัวเองไว้ น้ำตาเริ่มคลอเบ้าด้วยคำพูดถากถางของเขา เขาจะกดดันฉันทำไม! ก็ฉันไม่รู้! ฉันไม่รู้ว่าคนพวกนั้นกำลังพูดดูถูกฉันอยู่ ก็ฉันไม่รู้นี่!!!
!!!!!
ฉันเบิกตากว้างเมื่อข้อมือของตัวเองถูกกระชากไปอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้พาฉันไปไหน แต่กระชากเข้าหาตัวพร้อมกับส่งสายตาดุร้ายมาให้
“รึว่าเธอชอบ...ชอบให้คนเขาพูดกันว่าเธอได้กับฉันแล้ว ทั้งที่มัน...ก็ไม่ได้เป็นจริงสักหน่อย...”
ฉันส่ายหน้า อีกมือหนึ่งพยายามแกะมือของเขาออกเพราะมันเจ็บ! นี่เขาจะบีบข้อมือฉันทำไม!
“ไม่ชอบเหรอ ที่ส่ายหน้านี่คือไม่ชอบใช่มั้ย?”
ฉันส่ายหน้าอีก ใช่! ฉันไม่ชอบ! แล้วนายก็เลิกบีบข้อมือฉันได้แล้ว ฉันเจ็บ!
“ปล่อย...ฉันเจ็บ” ฉันเบะหน้าร้องไห้ คำขอร้องนั้นสั่นระริกยิ่งกว่าเสียงของคนที่ขอชีวิตให้ตัวเอง
นายเจซัคยังคงนิ่ง เขาเงียบไป...
ก่อนที่มือหนานั้น จะค่อยๆ คลายออก นั่นจึงทำให้ฉันรีบสะบัดออกทันที แล้วถอยตัวให้ยืนห่างจากเขาหลายก้าว
ฉันยืนอยู่ตรงนั้น นิ่ง...นานในความรู้สึก ฉันเอาแต่ยืนก้มหน้ามองเบื้องล่าง มองเห็นเท้าของคนตรงหน้าที่ยังหันมาทางฉัน บ่งบอกให้รู้ว่าเขายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม...และฉันก็ได้ยินเสียงถอนหายใจ
“กลับกันเถอะ”
หงึกๆๆ
ฉันพยักหน้าแต่โดยดี เหลือบตามองเท้าตรงหน้าที่ยืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะออกเดินนำไป ฉันปล่อยให้เขาเดินนำไปก่อน ทิ้งระยะห่างให้มากพอสมควร แล้วฉัน...จึงค่อยเดินตามเขาไปอย่างระวังตัว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ