FYC! ค่ายนี้มีแต่...

8.8

เขียนโดย แคมป์

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 23.53 น.

  14 ตอน
  17 วิจารณ์
  21.51K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556 21.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) อายง่ะ T^T

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

FY10

 

 

 

 

          ฉันบีบตัวเข้าหากันด้วยความหวาดกลัวและตกใจเมื่อนายเจแซคนั้นทำท่าจะพุ่งเข้ามาทำร้ายฉัน แต่ทว่า...

 

          ติ๊ดๆๆๆ...ติ๊ดๆๆๆ

 

          ร่างสูงชะงัก เขาล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูชื่อปลายสาย คิ้วเข้มขมวดมุ่น ใบหน้าคมนั้นเงยหน้าขึ้นมามองฉันพักหนึ่งก่อนที่เขาจะกดรับสาย

 

          “ฮัลโหล”

 

          ฉันจ้องมองปฏิกิริยาของเขาว่ามีท่าทีอย่างไร เผื่อฉันที่นั่งห่อตัวอยู่ตรงนี้จะได้ไหวตัวทัน และรีบลุกขึ้นหนีทันทีหากเขาตรงจะเข้ามาทำร้ายอีกรอบ

 

          “ให้ลงไปเลยใช่มั้ย?”

 

          ฉันขมวดคิ้ว? ลง...ลงไปไหน!?

 

          “โอเค...ได้...แล้วเจอกันข้างล่าง”

 

          ฉันมองเขาที่กดวางสายไปแล้ว สีหน้าของเขาดูเครียดกว่าเดิมจนฉันอดเอใจไม่ได้ว่าเมื่อกี้เขาคุยอะไรกัน?

 

          “ได้เวลาแล้วอินฮยอง”

 

          เขาเงยหน้าขึ้นมาพูดด้วยเสียงเรียบ สีหน้าเรียบนิ่งนั้น...คงลบรอยกังวลของเขาไว้ไม่มิดหรอก

 

          “ได้เวลาอะไร คุณพูดอะไรของคุณ?” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงหาเรื่อง สีหน้าก็หาเรื่องเต็มที่

 

          นายเจแซคถอนหายใจหนักหน่วง ตาคมส่อประกายวาววับดุดัน ติดจะรำคาญนิดๆ พอๆ กับครูฝ่ายปกครองที่ชอบจิกตาดุเด็กที่ทำอะไรขัดใจ

 

          “นี่เธอโง่จริงๆ หรือแกล้งโง่กันเนี่ย หะ?”

 

          เอาอีกแล้ว...โง่อีกแล้ว!

 

          “คำก็โง่! สองคำก็โง่! แล้วใครหน้าไหนมันจะไปฉลาดเหมือนคุณกันล่ะ!”

 

          นายนั่นข่มตากำหมัดแน่นด้วยกำลังข่มโทสะ แต่ทว่ามันคงจะปะทุดุเดือนจนยั้งไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาถึงได้ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง จ้องมาที่ฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อกันได้ ร่างสูงนั้นก้าวฉับๆ เข้ามาถึงตัวก่อนที่จะกระชากให้ฉันลุกขึ้นตามขึ้นมาอย่างแรง

 

          “โอ้ย! ฉันเจ็บนะ!”

 

          “เจ็บสิดี! เธอจะได้ไม่มัวแต่ทำสำออยให้ฉันต้องรำคาญไง เร็ว!”

 

          นายเจแซคไม่ว่าเปล่า เพราะมือเขาได้กระชากข้อมือฉันอย่างแรงจนร่างเซ แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ฉันล้มลงไปกองกับพื้นหรอกนะ เขาเอาแต่กระชากแขน กระชากข้อมือให้ฉันเดินตามไปโดยไม่หันมาสนใจเลยสักนิดว่าฉันจะเดินตามเขาทันหรือเปล่า

 

          ฉันหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเจ็บ เจ็บทั้งข้อมือ เจ็บทั้งไหล่ และไหนจะตรงสะโพกที่เริ่มแสบร้อนขึ้นมาอีกล่ะ! โอ้ย ให้ตายสิ!! นี่เขากะจะดีกับฉันแค่ห้าวินาทีรึไงนะ!!!

 

 

……………………………………………………………….

 

 

          ฉันเดินถลาตามแรงลากนั้นออกมาจนถึงด้านนอก ที่มีผู้คนมากมาย

         

          ฉันเบิกตากว้าง เพราะผู้คนมากมายที่ฉันบอกไปเมื่อกี้นั่นก็คือพวกผู้ชายนับร้อยคน และเพื่อนๆ เกรดสิบสองของฉันที่ต่างยืนกันเป็นคู่ๆ โดยมีโซ่ตรวนที่ล่ามข้อมือทั้งสองของพวกเพื่อนๆ ฉันไว้ มันดูราวกับ...ราวกับสุนัข!!

 

          “อินฮยอง!!!!!”

         

          ฉันหันควับไปตามเสียงเรียกทันที และนั่น...ก็ทำให้ฉันมองเห็นยัยเจบี และยองแอ ที่ต่างก็ถูกล่ามมือไปกับเขาด้วย?

 

          “นี่มันอะไรกัน? พวกคุณคิดจะเล่นบ้าๆ อะไรกับพวกเราอีก?!”

 

          ฉันหันไปถามคนลากที่เอาแต่ลากฉันไปรวมกลุ่มกับพวกนั้นด้วยเสียงอันแข็งกร้าว แต่ทว่าดูเขาแล้ว...จะไม่ได้สนใจกับคำถามของฉันเลย นั่นจึงทำให้ฉันต้องกัดฟันกรอดด้วยความโมโห นี่เขาจงใจที่จะไม่ฟังใช่มะ!?

 

          “คุณเจแซค! ฉันถามว่า...โอ้ย!!!”

 

          ฉันร้องลั่นทันทีที่มือหนานั้นบีบข้อมือฉันอย่างแรงจนฉันน้ำตาเล็ด

 

          เหอะ ก็ได้! ฉันไม่พูดก็ได้!!!!

 

          ฉันกลั้นน้ำตาไว้อย่างพยายามที่สุด มองเขาจากทางด้านหลังด้วยความคับแค้นใจ!!!

 

          ฉันเดินถลาตามเขามาอย่างทะลักทุเล และไม่ทันที่ฉันจะต้องเจอกับอะไรต่อไป...เสียงเรียกสั่นๆ อันคุ้นหูของคนสองคนก็เรียกให้ฉันหันควับไปอีก

 

          “เจบี! ยองแอ!”

 

          “อินฮยอง...ฮือๆๆๆ ฉันอยากกลับบ้าน ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ฮือๆๆๆ”

 

          ฉันเม้มปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้เมื่อเห็นยัยยองแอร้องไห้โฮ เสียงของมันดังระงมกลมกลืนไปกับเสียงร้องไห้ของเพื่อนร่วมชั้นทุกคน...ฉันเลื่อนสายตาไปมองคู่ของมัน...เป็นผู้ชายร่างไม่สูงนัก หน้าตาพอเป็นผู้เป็นคน ผิวสองสี ผู้ชายคนนั้นทำเพียงแค่ยืนหน้านิ่ง เหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งรอบตัวทั้งนั้น ให้ตายสิ! นี่มันคนรึหุ่นยนตร์กันแน่นะ???  

 

          ฉันหันกลับไปมองยัยเจบี...เพื่อนสาวสุดห้าวของฉันที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างไปจากคนอื่น มันร้องไห้สะอึกสะอื้น โดยมีผู้ชายร่างสูงโปร่ง ผิวขาวจัด ผมสีบลอนด์เกือบขาวเป็นคนถือปลายโซ่เอาไว้...ฉันมองที่ข้อมือของพวกมันสองคน และกวาดสายตามองไปที่ข้อมือเพื่อนๆ ทุกคนก็รู้สึกกลัวขึ้นมา ทั้งกลัว ทั้งสมเพชตัวเองอยู่ในใจ!

 

          “ฉันต้องเป็นเหมือนอย่างเพื่อนๆ ใช่มั้ย...”

 

          ฉันถามเขาเสียงเบา เบาจนแทบจะกลืนหายไปกับเสียงร้องไห้ระงมพวกนั้น หากทว่า...ใบหน้าคมเข้มเพียงแค่เลื่อนมือลงมาบีบมือฉันเบาๆ แค่นั้น...แค่นั้นที่ทำให้ฉันรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด มันเหมือนกับว่า...ถึงแม้ว่าฉันจะถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนที่ใหญ่ขนาดไหน จะล่ามไปทั้งตัวเลยก็ตาม...แต่ฉันก็ยังมีเขา เขาที่คงจะคอยอยู่ปกป้องฉันไม่มากก็น้อย...ขอแค่ช่วยบ้าง...ก็พอแล้ว

 

          พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!

 

          ฉันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงคบเพลิงลุกโชติขึ้นอย่างโชติช่วง แสงไฟสีส้มจากคบเพลิงอันใหญ่ที่ตั้งไว้เป็นแนวล้อมรอบสนามปูนนี้ ส่องแสงสว่างจ้า ต่างจากบรรยากาศอันอึมครึมเมื่อครู่นี้ลิบลับ

 

          ฉันแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืนหรือเย็นจัด ที่หม่นสีลงอย่างรวดเร็วไปตามกาลเวลาของมัน ดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบตัดของน้ำทะเล มันค่อยๆ เลื่อนลงหายไปตรงซอกเขาเล็กนั่น  เหลือเพียงแสงอันน้อยนิดที่ทำให้ท้องฟ้านี้ยังคงเป็นสีคราม และแสงจันทร์ดวงน้อยที่ลอยคว้างอยู่กลางนภา คืนนี้ดีหน่อย...ที่ยังมีหมู่ดาวไม่กี่ดวง ส่องแสงระยิบระยับให้เห็นเพื่อคลายกังวล เพราะอย่างน้อย...คืนนี้ที่ฉันเห็นดาวได้ ก็บ่งบอกให้รู้แล้วล่ะว่าคืนนี้คงไม่มีฝนแน่ๆ

 

          “สวัสดียามเย็นค่ะทุกท่าน!”

 

          ฉันสะดุ้ง เสียงร้องไห้ระงมเงียบหายไปในทันที่เมื่อจู่ๆ เสียงแหลมบาดหูของพิธีกรสาวคนนั้นก็ดังแหลมออกมาจากลำโพง ฉันไม่รู้ว่าพิธีชายหายไปไหน ตอนนี้ที่ยืนอยู่บนเวทีก็มีแต่พิธีคนสาวคนนั้นที่คืนนี้แต่งตัวได้แบบ...ฉันว่าอย่าใส่เลยดีกว่า = =;;

 

          “ค่ะ และบัดนี้นะคะ ก็ได้เวลาอันสมควรแล้วที่ท่านประธานแห่งองค์กร Y จะขึ้นมาเปิดงานอย่างเป็นทางการค่ะ ขอเรียนเชิญท่านประธานวอนชุกมินค่ะ”

 

          เสียงปรบมือดังสนั่นมาจากกลุ่มคนด้านหลังที่ใส่ชุดทีมเวิร์ก ส่วนพวกเรานั้น...ฉันเชื่อว่าพวกนักเรียนทุกคนคงตั้งตารอดูหนังหน้าไอ้ประธานองค์กรปัญญาอ่อนเหมือนกันทุกคน! แม้แต่ฉันเองที่ร้องไห้มาก่อนแล้วหน้านี้ก็ขอเงยหน้าขึ้นดูร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่ง ที่คงมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับ...คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉัน

 

          ว่าแล้วฉันก็หันไปมองคนที่ร่างสูงกว่ามาก

 

          “เนี่ยเหรอ คนต้นคิดจัดค่ายนี้?”

 

          เจ้าของร่างไม่ตอบ นอกจากมีสีหน้าครุ่นเครียดกว่าเก่าขณะที่สายตาก็ยังจ้องเขม็งไปยังประธานวอนชุกมินคนนั้น ฉันเองที่ถามไปก็ไม่ได้คำตอบ จึงได้แต่ถอนใจอย่างเคืองๆ และหันกลับไปมองนายประธานจิตวิปริตคนนั้นเหมือนกับคนอื่นๆ

 

          “สวัสดีครับทุกๆ ท่าน ก่อนอื่น...ผมคงต้องแนะนำตัวอย่างเป็นทางการก่อนนะครับ...ครับ ผมวอนชุกมิน เป็นประธานองค์กร Y ที่ใครๆ ต่างก็จักกันดีในนามขององค์หนึ่งของรัฐบาล” นายคนนั้นยิ้มกว้างอย่างมีไมตรีจิตแก่ทุกคน และถ้าฉันตาไม่ฝาด ดูเขาจะหันมามองที่คู่ของฉันเป็นพิเศษ

 

          มองทำไม?

 

          “อ๊ะ?”

 

          ฉันขมวดคิ้ว ก้มมองมือตัวเองที่ถูกมือหนากุมไว้ ตอนนี้มือหนานั้นสั่นน้อยๆ แต่ฉันเจ็บลึก! เฮ้ย จะบีบหาพระแสงอะไรของเขากันเนี่ย!?

 

          ฉันเงยหน้าขึ้นกะจะเอาเรื่องเขา แต่พอเห็นนายชื่อแปลกเอาแต่ทำหน้าเครียด ฉันก็เลยต้องถอยทัพไปก่อน เพราะไม่รู้ว่าถ้าโวยออกไปตอนนี้ ผลลัพธ์ที่อาจจะได้รับกลับมาจะเป็นเช่นไร...ไม่ได้ ฉันต้องระวังไว้ก่อน = =lll

 

          “เจซัค”

 

          เสียงเรียกแหบๆ ของใครบางคนดังมาจากทางด้านข้างของเขา เจแซคเพียงแค่เหลือบตามองเท่านั้น แต่ฉันนี่สิ ตอนแรกก็กะจะไม่หันหรอก เพราะเห็นว่าคงไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉันและนายเจแซค แต่พอชื่อมันคุ้นๆ หู...เจซัค? ฉันถึงได้หันไปแต่แล้วก็หันกลับมาก่อนจะหันกลับไปอย่างงงๆ เอ๋อๆ เฮ้ย นี่ฉันจะเอายังไงกันแน่ฟะเนี่ย สับสนเว้ย =O=;;

 

          “อะไร?”

 

          ทว่าสุดท้ายฉันก็ตัดสินใจทันควันว่าต้องหันไป เมื่ออยู่ดีๆ คนที่ยืนอยู่ข้างฉันก็ถามไปด้วยเสียงราบเรียบ

 

          แต่...

 

          เฮ้ เขาชื่อเจแซคไม่ใช่เหรอ! O_o

 

          “นี่ๆๆ คุณ ตกลงคุ...”

 

          ฉันชะงักไป เมื่อมือหนายกขึ้นปรามเป็นเชิงบอกว่าอย่าเพิ่งถาม โฮ่ย! อะไรกันนักหนาเนี่ย อารมณ์เสียเฟ้ยยยยย!!!! \=[]=/

 

          “ฉันขอบใจนายมากนะ ที่อุตส่าห์มาช่วยฉันน่ะ”

 

          ฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ชะเง้อหน้าไปมองคนพูดที่กลายเป็นนายร่างสูงโปร่ง...คนที่ยืนถือปลายโซ่ของเจบีอยู่ หืม? นี่รู้จักกันด้วยเหรอเนี่ย??? ตอนแรกไม่เห็นทักกันเลยอ่ะ

 

          “นายไม่ต้องพูดเรื่องนั้น ก็อย่างที่ใครบางคนบอก...” เขาเหลือบตามองมาที่ฉัน “ผลประโยชน์ คือสิ่งสำคัญที่สุดของนักธุรกิจ” นายเจแซคบอกเสียงเรียบ ขณะที่สายตาก็ยังมองฉันไม่เลิก ฉันเองสิ ที่ต้องเบือนหน้าหนี เพราะรู้สึกไม่ดีกับสายตาเย็นชานั้นเลย ให้ตาย!

 

          และดูเหมือนว่านายร่างสูงคนนั้นจะไม่มีอะไรพูดแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างเงียบงัน นั่นจึงทำให้ฉันได้ยินเสียงของนายประธานวอนชุกมินอีกครั้ง

 

          “เมื่อกี้เธอจะถามอะไร?”

 

          “หะ?” ฉันหันกลับมามองเขาหน้าเอ๋อ ก่อนที่จะต้องร้องอ้อเมื่อเพิ่งจะนึกขึ้นได้

 

          “คือฉัน...ฉันจะถามคุณอ่ะ ว่าตกลงชื่อคุณ...มัน...ชื่อคุณ...”

 

          “เจซัค...เจซัค  อัลเบ็ท”

 

          “หา =O=;;”

 

          ถ้าฉันตาไม่ฝาด ฉันว่า...ฉันเห็นเขาแอบกระตุกยิ้มขำด้วยแหละ = =;;

 

          หึๆ หึๆ เจซัค? เจซัค!?

 

          ทำไมนายไม่บอกฉันตั้งแต่ทีแรกว้า!!!!!!!!

 

          “อายมะ?”

 

          ฉันปี๊ดแตก ตวัดสายตาขึ้นไปมองคนตัวสูงกว่า ไม่รู้จะทำอะไรเขาดีจึงได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกรอดๆ อยู่แต่ในปาก จงใจจิกเล็บใส่มือเขาแรงๆ จนใบหน้าคมกระตุกเล็กน้อยพองาม นั่นจึงทำให้ฉันเผลอยิ้มสะใจออกมา หึๆ

 

          นายเจแซค...เอ้ย...นายเจซัคส่งสายตาคาดโทษมาให้ฉัน ส่วนฉันก็อวดดียักคิ้วให้เขาอย่างท้าทาย เก่งจริงตู = =;;

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา