Phantom School

8.8

เขียนโดย Wondergirl

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.10 น.

  20 บท
  2 วิจารณ์
  23.72K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ฝันร้ายที่อยู่เบื้องหน้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
     หลังจากหมดวันที่2ของการเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ไป  ทุกๆคนก็ต้องเริ่มตั้งใจศึกษาและหาทางรอด(สำหรับคนอยากหนี)มากขึ้น  ไม่เว้นแม้แต่เด็กของหอทางเหนือที่ได้รับสิทธิพิเศษในการเลือกเรียนหรือเรียนเองได้  พวกเขาก็ต้องไปหาความรู้เช่นกัน  ดังเช่นเด็กใหม่5คนของหอนี้...
     คิลล์และจีเคนั้นแทบที่จะเข้าไปใช้ชีวิตในหอสมุดกลางซึ่งใหญ่จนกินพื้นที่1เกาะลอยฟ้า  พวกเธอขลุกอยู่กับหนังสือแทบทุกประเภทในห้องสมุดเลยก็ว่าได้  ทุกครั้งที่ซีโร่  แจ๊คและเซวีมาหาบางครั้งยังห้องลองขุดดูในกองหนังสือหรือตามซอกมุม  เพราะสองคนนี้ไม่ชอบความอึกทึกจึงต้องหนีมานั่นที่มุมเล็กๆมองเห็นยาก
     ส่วนเด็กสาวอีกคน 'เซวี' จะโดนรุ่นพี่แสนดี(?)ลากไปช่วยงานเอกสารที่กองกลางแทบทุกวันตั้งแต่เวลาเที่ยงเป็นต้นไป  บางวันก็เสร็จตอนเย็นบางวันก็เสร็จตอนดึกดื่นหัวค่ำ  เพราะรุ่นพี่บอกว่าไม่มีคนช่วยทำจึงต้องมาลากรุ่นน้องที่พอจะรู้งานรู้การไปช่วยทำ  และเป้นเช่นนี้อยุ่ได้3วันพวกเขาก็โดนเอาไปเล่าเป็นข่าวลือต่างๆนานาที่แน่นอนว่ามีแต่เสียหาย
     ซีโร่กับแจ๊คนั้นส่วนใหญ่จะลงเรียนวิชาศิลปะป้องกันตัวหรือไม่ก็ศาสตร์เวทย์สลับกันไป  เพราะซีโร่อยากเรียนเวทย์ส่วนแจ๊คจะลงไปฟัดกับพวกนักเรียนคนอื่นๆ  พวกเขาสามารถทำได้ดีทีเดียวสำหรับ2วิชานี้  แต่ก็คงไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่เพราะเขาไม่ค่อยได้เรียนอะไรใหม่ๆเลย
 
     ทุกคนมีกิจกรรมเช่นนี้อยู่ได้ประมาณ1อาทิตย์  โรงเรียนก็ประกาศว่าจะสอบอีกใน1อาทิตย์  ซึ่งทำเอาชุลมุนกันจริงๆ  แต่ก็ยังดีที่ให้สอบแค่คนละ1สาขาประจำที่เรียน  แต่หออัศวินดำนี่สิ  เขาบอกว่าจะลงสอบวิชาอะไรก็สอบแต่ต้องสอบ  จะบ้าตาย...  
     เมื่อเหลือเวลาอีกเพียง1อาทิตย์ทุกคนย่อมต้องรีบๆอ่านหนึงสือกันอย่างหนัก  แต่มีอยุ่กลุ่มหนึ่งซึ่งเรียนกันอย่างหนักมาแล้ว1อาทิตย์  ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะพัก1อาทิตย์ให้สมองและร่างกายได้ผ่อนคลายบ้าง
 
    ในเวลาเย็นของวันหยุด  ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มไล่ระดับเข้มขึ้นจนเปลี่ยนเป็นสีม่วง  เหล่าสัตว์ปีกทั้งหลากต่างก็เริ่มออกไปหากินรวมทั้งสัตว์เจ้าเวหาอย่างมังกรซึ่งบางตัวก้ออกจากถ้ำมาหาอาหารหรือบางตัวก็กำลังสำรวจดินแดนบนผืนฟ้าของตน  ทุกดูปกติสุขสำหรับโลกบนผืนฟ้านี้  แต่นั่นก็ใช่ว่านักเรียนของโรงเรียนเพียงหนึ่งเดียวของบนนี้จะผ่อนคลายกับความปกติสุขนั้น  แต่ก็ใช่ว่าก็ยังคงเหลืออยู่บ้างบางคน
     ตุ๊ม  เสียงหินหล่นลงน้ำดังขึ้นท่ามกลางความสงบภายในผืนป่ารอบๆทะเลสาบบนเกาะลอยฟ้าแห่งหนึ่ง
     เด็กหนุ่มผมสีเงินนั่งอยู่ใต้โคนต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ  เส้นผมสีเงินต้องแสงอาทิตย์ยามเย็นสะท้อนประกายสีทองออกมาดูราวกับแพรไหมที่ถูกถักทอด้วยด้ายทอง  เขาควานหาก้อนหินใกล้ตัวแล้วปาออกไปกล่งทะเลสาบจนเกิดเสียง 'ตุ๊ม' พร้อมกับน้ำที่ตีตัวออกเป็นวงกว้างตามแรง
     ซวบซาบ  เสียงของบางอยบ่างดังขึ้นพร้อมกับร่างบางเพรียวลมของหญิงสาวนางหนึ่ง  เธอเอื้อมมือขาวเรียวมารวบมือของซีโร่เอาไว้ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงเนื่องจากอุณหภูมิร่างกายที่เย็นเฉียยบราวน้ำแข็งของอีกฝ่าย
     เขาหันไปมองหน้าเธอและก็ถึงกับตกตะลึง
     ใบหน้าขาวซีดที่เต็มไปด้วยความขี้เล่นและอ่อนโยนทรงเสน่ห์  นัยน์ตาสีเดียวกับเขานั้นดูลุ่มลึกและอ่อนหวาน  เส้นผมสีเงินยวงยาวสยายระลงมาคลอเคลียข้างแก้มผ่องใสนั้นทำให้เธอดูราวกับเทพธิดาก็ไม่ปาน  เรียวปากอิ่มแดงระเรื่อแย้มยิ้มบางๆด้วยความเอ็นดู
     "ท่าน...แม่" เขาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเบาๆด้วยความตกตะลึงที่ยังคงไม่หายไป "ทำไม...  เดี๋ยว  แม่หายไปไหนมาตั้งนาน"
     "แม่อยู่ในที่แสนไกล  ดีจังที่ได้พบเจ้าอีกครา  แก้วตาของข้า" นางเขยิบมานั่งข้างๆแล้วลูบเส้นผมสีเงินเฉกเช่นเดียวกับนางอย่างทนุถนอม "เด็กดี...  เจ้าคงจะสบายดีนะ" นางถามด้วบความห่วงใยราวกับว่าไม่ได้เจอกันนานเป็นแรมปี
     "ข้าสบายดี  ท่านแม่  ข้าสบายดี..." เขาพูดอย่างสุภาพอ่อนโยน  ท่านแม่...  ถ้านี่ไม่ใช่ฝันข้าจะดีใจมาก  ถ้ามันไม่ใช่...  เขาพึมพำในใจอย่างโศกเศร้า  แม่ที่เขารักมากที่สุดกำลังอยู่กับเขาแล้ว  ถึงจะตายเขาก็จะต้องทำให้นางอยู่กับเขาต่อ
     นางสวมกอดเขาด้วยความโหยมาถึงแม้นว่ามันจะไม่ใช่อ้อมกอดที่อบอุ่นก็ตามที  แล้วนางก็ล้มลงบนตักของเด็กหนุ่ม  ลูกศรซึ่งเป็นต้นเหตุทอประกายสีทองอยู่กลางหลังของนาง  อาภรณ์สีขาวและเรือนผมสีเงินถูกย้อมด้วยสีแดงฉานดั่งกุหลายแย้มบาน  ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกใจหายใจและอยากกรีดร้องเหลือบรรยาย
     แต่ถึงจะทำกระนั้นไปมารดาก็มิอาจฟื้นคืน  เขาจึงเพียงข่มตาลงหวังจะให้ภาพตรงหน้าเลือนหายไป  
 
     เด็กหนุ่มผมเงินสะดุ้งโหยง  เขาเบิกตาโพลนด้วยความตกใจขวัญหาย  แผ่นอกที่ไม่กว้างมากกระเพือมขึ้นลง  ขึ้นลง  อย่างรวดเร็วราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งมารธอนมาอย่างไรอย่างนั้น  มือและใบหน้าของเขาเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ
     ฝัน...  เขาสรุปกับตัวเองเบาๆในใจแล้วจึงเงยหน้ามองแผ่นฟ้าที่บัดนี้ถูกเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำเรียบร้อยแล้ว  ดีแล้ว...  เป็นฝันหนะดีที่สุดแล้ว  เขาปลอบตัวเองแล้วจึงจัดท่านั่งให้ดีดังเดิม  แล้วจ้องมองทะเลสาบที่สะท้อนภาพดวงดาวพราวระยับบนผืนฟ้ายามราตรี  คลื่นน้ำลูกน้อยทำให้ภาพดวงดาวบนฟากฟ้าดูราวกับกำลังเต้นรำ  และเรียกร้องเพลงของภูตหิ่งห้อยยามค่ำคือบทเพลงที่วิจิตและไพเราะที่สุด
     ดอกตูมของต้มไม้ที่เขาพิงอยู่ค่อยๆแย้มบานออก  ผลขนาดใหญ่เท่ากำปั้นด้านในส่องแสงสีฟ้าอ่อนๆ  ทำให้พื้นที่ตรงบริเวณนั้นมีแสงสลัวๆเพียงพอต่อการมองเห็น
     ในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังเหม่อมองความงามอันแสนสงบรอบกาย  ร่างในชุดคลุมรุ่มร่ามแบบพ่อมดก็ปรากฏขึ้นทำเอาเขาสะดุ้งนิด  แต่ก็กลับมาเยือกเย็นได้โดยเร็ว
     "เจ้าเป็นใคร?" ซีโร่ถามอย่างสุภาพนุ่มนวล
     "คนตายไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อของข้าหรอกขอรับ" มันตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบเหี้ยมพร้อมกับปล่อยเปลวเพลิงสีเขียวสดใส่เขาทันที
     ซวยแล้วไง!  เขาคิดที่จะกลิ้งหลบแต่ด้วยร่างกายที่ไม่ตื่นตัวทำให้เขาเกือบโดนไฟประหลาดนั่นเผาเป็นจุณ  ซีโร่ควบคุมน้ำในทะเลสาบให้กลายเป็นคลื่นยักษ์แล้วโถมมันใส่ร่างปริศนาอย่างรวดเร็ว  สำเร็จไหม?  เขาลุกขึ้นยืนแล้วมองมวลน้ำที่ม้วนตัวเป็นเกลียวบดขยี้ร่างนั้น
     ตูม!   เกลียวคลื่นถูกระเบิดออกและกระเซ็นไปทั่ว
     เด็กหนุ่มรุ้คำตอบได้ทันที  เขาจึงใช้เวทย์แช่แข็งน้ำพวกนั้นจนกลายเป็นลิ่มน้ำแข็งแล้วสั่งให้มันพุ่งใส่ร่างสีดำที่ยังคงยืนอยุ่ที่เดิมไม่ไหวติง  
     ซึ่งครานี้เขาไม่ยอมให้ตัวเองโดนโจมตี  บุคคลปริศนาสร้างม่านพลังเปลวเพลิงขึ้นแล้วทำให้ลิ่มน้ำแข็งละลายและระเหยไปเอง "ดื้อด้านจริงๆนะขอรับ" เขาพูดขึ้นอีกแล้วสะบัดมือไปทางเด็กหนุ่ม  พลันเกิดเกลียวเพลิงขนาดใหญ่ขึ้น  มันถาโถมใส่ร่างของเขา
     "แล้วมันจะทำไม!" ซีโร่คำรามตอบแล้วสร้างม่านพลังด้วยเวทย์น้ำแข็งขึ้น  ถึงแม้มันจะถูกเปลวเพลิงเผาจนละลายไปบางส่วนแต่เขาก้ใช้ประโยชน์จากความชื้นในอากาศรอบตัวเข้าเสริมทันที  นี่มันไฟอะไรเนี่ย  ร้อนชะมัดเลย!
     เคร้ง!  เสียงโลหะกระทบของแข็งดังขึ้น  เปลวเพลิงสลายไปปรากฏให้เห็นร่างในชุดคลุมสีดำ  ดาบใหญ่ที่เต็มไปด้วยอัขระเวทย์ในมือเขาฟาดลงบนเกราะน้ำแข็งอีกครั้งจนมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ  เขาแย้มยิ้มเหี้ยมภาพใต้ผ้าคลุมสีดำแล้วเงื้อดาบขึ้นอีกครั้งหมายบั่นคอเด็กหนุ่มตรงหน้า
     อาวุธสลายอาคม!  ซีโร่เบิกตากว้างแล้วร่ายเวทย์ป้องกันชั้นสูงขึ้น  เกราะแห่งแสงบางขั้นกลางระหว่างเขากับบุคคลปริศนา  เขาไม่สามารถใช้เวทย์โจมตีไปพร้อมกับเวทย์ป้องกันระดับนี้ได้  มันเสี่ยงต่อพลังชีวิตเขา  แถมอีกฝ่ายยังแข้งแกร่งมาก  ถ้าไม่สำเร็จขึ้นมาเขาจะแย่
     ดาบใหญ่ฟาดใส่บาเรียแสงอย่างไม่หวาดหวั่น  พ่อมดเจ้าของดาบเร่งพลังเวทย์ให้สูงขึ้นทำให้เกราะเริ่มปริแตก
     ชิ!  เด็กหนุ่มผมเงินสลายอาคมแล้วกระโดดหลบอย่างรวดเร็วจนหลังชนกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง  แต่ดาบใหญ่ก็ตามมาติดๆทำให้เขาต้องสร้างบาเรียขึ้นป้องกันอีกครั้ง  แต่มันจะไม่จบแค่นั้น  เขาเสี่ยงใช้เวทย์2ประเภทพร้อมกันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน  
     กิ่งก้านของต้นไม้ด้านหลังเขางอกยาวขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วจับดาบใหญ่เอาไว้ไม่ให้สามารถเคลื่อนไหวได้
     พ่อมด...  ไม่สิ  ควรเรียกว่านักดาบเวทย์  รู้สึกตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด  เขาสลายอาคมแล้ววาดดาบฟันกิ่งไม้จนหัก  ดาบใหญ่เงื้อขึ้นหมายปลิดชีพอีกครา
     "ข้าขอบัญชา  ศาสตราแห่งความตายอันหนาวเหน็บ  เหมันต์นิรันดร!" ซีโร่พึมพำเบาๆ  ดาบคริสตัลสีฟ้าใสปรากฏขึ้น  เขาหมุนตัวหลบแล้วฟาดดาบเข้าปะทะทันที
     เมื่อดาบของทั้งสองสัมผัสกันไอเย็น  ดาบของซีโร่ก็ส่งไอเย็นเข้าไปแทรกแซงอัขระเวทย์บนตัวดาบทันทีทำให้เวทย์เสื่อมสลายอาคมเสื่อมลงไประดับหนึ่ง
     บัดนี้ใบหน้าของเด็กหนุ่มไร้ซึ่งความรู้สึกโดยสิ้นเชิงราวกับคนละคน  เขาวาดมือซ้ายไปด้านข้าง  พลันปรากฏลูกไฟนัดสิบดวงขึ้น  เขาสั่งให้มันโจมตีใส่นักดาบเวทย์ทันทีทำให้เกิดการระเบิดแล้วควันหนา
      และไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้แล้วสวนกลับ  เขาเรียกคทาเวทย์ออกมาแล้วปักมันลงบนพื้นทันที  หัวลูกแก้วสีขาวหม่นที่ดูราวกับมีหมอกหนาปกคลุมอยู่ด้านในส่องแสงสว่างวาบ  เถาวัลย์หนามมากมายปรากฏขึ้นแล้วพุ่งเข้าใ่ในกลุ่มควันหมายจับอริของผู้เป็นนาย 
      "เล็งไปทางไหนกันหรือขอรับ?" เสียงแห้งเหี้ยมดังขึ้น จากด้านหลังของเขา ร่างนั้นถูกไฟเผลจนผ้าคลุมหายไปกว่าครึ่ง  ตามแขนขาเกิดแผลพุพองและแผลน้ำแข็งกัดจำนวนหนึ่ง  บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งออกมาได้ก่อนที่เขาจะใช้เวทย์สร้างเถาวัลย์ออกมาพันธนาการ "อ่อนหัดนัก!"
     ดาบใหญ่ตวัดขึ้นอีกครั้ง  มันอาบไปด้วยเพลิงสีเขียวสดที่ลุกโชน  
     ใกล้เกินไป!   เขาเบิกตากว้าง ถึงแม้ติดที่จะยกดาบขึ้นต่อกรแต่คงจะยากเกินไป  เขาหมดพลังไปกับเวทย์ต่อเนื่องนั้นจนแทบไม่เหลือแรงใช้พลังแช่อีกฝ่ายแล้ว 
     เคร้ง!  มีดซัดสีเงินถูกปาออกมาขัดขวางการปลิดชีพเด็กหนุ่มเอาไว้ทำให้เจ้ของดาบใหญ่รุ้สึกเดือดดาลที่เวทย์ของเขาสลายไปเพียงเพราะมีดเล่มเดียว
     "ใครบังอาจมาขัดขวางข้า!"เขาตะโกนถามอย่างเดือดดาล
     "ก่อนจะถามข้าหนะ  ก้มมองเหยื่อตัวเองก่อนเถอะ"เสียงอันเย็นชาของหญิงสาวดังตอบคำถามนั้นด้วยคำเตือน  ทำให้นักดาบเวทย์ต้องก้มลงมอง
     หายไปแล้ว!  เขาตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นใกล้ตัว  เขาไม่รู้สึกเลยว่ามีสิ่งมีชีวิตเข้าใกล้เขา
     ฉึก!  มีดซัดเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาปักที่กลางหลังของเขาพร้อมกับความรุ้สึกเจ็บแปลบและชาไปหมด  พิษงั้นเหรอ!  เขาคิดแล้วดึงมีดซัดนั้นออก  ความหวาดกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเขา  เขาไม่อาจจะจับสัมผัสของมครได้เลยไม่ว่า  ของเด็กหนุ่มหรือของคนที่โจมตีเขา  และด้วยความหวาดผวานั้นทำให้เขาต้องตวัดดาบใหญ่ในมือไปในทิศทางที่มีดซัดพุ่งออกมาซึ่งน่าจะเป็นทิศที่มีคนมากที่สุด
     ตึ้ง  เสียงต้นไม้ใหญ่ล้มลง
     ไม่มี!  นักดาบเวทย์มองผ่านซากต้นไม้ไปแต่ก็ไม่พบร่างใดอยู่เลย  จิตสังหาร!  เขาหันไปด้านมองด้านหลัง  แล้วใช้ดาบใหญ่ตั้งรับดาบสั้นเล่มเล็กที่ทอประกายเย็นเฉียบ  ร่างเจ้าของดาบนั้นเป็นเด็กสาวร่างเบาบางผู้มีเส้นผมสีดำลอนและนัยน์ตาสีรัติกาล
      "เด็ก?"
      "ผิดแล้วนะลุง..."เธอพูดด้วย้ำเสียงไร้เดียงสาแล้วเอียงคออย่างน่ารัก  ก่อนจะเปลี่ยนมันเป้นยิ้มเหี้ยม "มือสังหารอาชีพต่างหาก" เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วใช้ดาบสั้นที่ซ่อนไว้ในอีกมือตวัดฟันขวางใส่ท้องเขา  แต่โชคดีที่ลุง...  เอ้ย  นักดาบเวทย์คนนี้มีประสบการณืดีเขาจึงหลงได้อย่างเฉียดฉิว  แต่ก็โดนฟันไปจนเลือดออกใช้ได้แหละ
      "หน็อย" นักดาบเวทย์ใช้ดาบเพลิงเข้าห้ำหั่นอย่างดุดันและเอาจริงมากกว่าเดิมทำให้ความร้อนเพิ่มขึ้นจนดาบสั้นบิ่นจนหากไป  เขาอาศัยโอกาสนั้นตวัดดาบฟันใส่ท้องของเด้กสาวอย่างรวดเร็ว  ทำให้เสื้อบริเวณนั้นถูกเผาหายไปเป้นรอยเฉียงและมีแผลพุพองเลือดคั่งอยู่ด้านใน
      "อ๊ากกกกกกก" เธอครางหนักๆแล้วกุมแผลที่ท้องเอาไว้
 
      เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเด้กสาวปลุกให้เด็กหนุ่มผมเงินตื่นจากการสลบไสล  เขาพยายามลุกขึ้นแต่ทำไมไม่ได้  ทำได้เพียงลืมตามองภาพตรงหน้า  เด็กสาวผมลอนกำลังถือดาบหักเข้าต่างกรกับนักดาบเวทย์ระดับสูง  เสื้อขาดไปเป็นแนวยาว  ผิวหนังบริเวณนั้นเป้นแผลพุพองยาวใหญ่อาการสาหัสเอาการ
      คิลล์!!!  เขาอ้าปากพยายามจะตะโกนเรียกอีกฝ่ายแต่ทำไม่ได้  เขาขยับปากพูดแต่กลับไม่มีเสียงใดออกมาเลย  บอกให้รู้ว่าเขาถูกผนึกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว  
     ทำไม!  ทำไมถึงต้องทำอะไรแบนี้ด้วย  คิลล์เจ้าทำไปทำไม!  ถึงแม้จะเป็นเสียงในความคิดแต่มันกลับชัดเจนและก้องกังวานในห้วงความคิดของเด็กสาวผู้บาดเจ็บ
 
     "ทำไมหนะเหรอ?" คิลล์คำรามเสียงทุ้มต่ำอย่างเย็นชา  เธอไม่ได้คุยกับคุ่ต่อสุ้แต่กำลังพูดกับเด็กหนุ่มที่เธอกำลังปกป้องเอาไว้ "เพราะสำคัญยังไงเล่า  ไอ้งั่งเอ้ย!" เธอคำรามขึ้นฟ้าราวกับคนบ้าเสียสติแล้วจ้องมองนักดาบเวทย์ตรงหน้าอย่างเคียดแค้นราวกับเขาฆ่าบุพการีเธอยังไงอย่างงั้น "และแกก็บังอาจมาก  จงสิ้นชีพแทบเท้าข้าซะ  เจ้ามนุษย์ต่ำต้อย!" คิลล์พูดด้วยน้ำเสียงไร้สงบราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆก่อนจะถอยหายเข้าไปในความมืด
     แล้วสัมผัสของเธอก็หายไปอีกครั้ง
     มันจะมาทางไหน?  ข้างหลัง...  ซ้ายหรือขวา  หรือด้านหน้า?  นักดาบเวทย์กวาดตามองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง
     "ข้างล่างต่างหากหละ"เสียงหวานเย็นเฉียบดังก้องขึ้นในโสตประสาทของเขาทำให้เขาเผลอไผลตามนั้นแล้วก้มลงมองใต้เท้าตัวเองจนลืมระวังภัยเบื้องหน้าไป
     เก่ง
     ...แต่ซื่อไป!
     มีดซัดหลายสิบเล่มพุ่งออกมาจากรอบทิศทางโดยเป้าของมันคือชายปริศนาผู้ยืนอยู่ใกล้ทะเลสาบ  แต่น่าเสียดาบที่เหยื่อของพวกมันเกินฉลาดขึ้นมากระทันหัน  เขาจึงกระโดดหลบขึ้นไปด้านบน...  แต่แน่นอนว่ามันไม่อยุ่นอกเหนือแผนการของเจ้าของอาวุธลับทั้งหลายแน่นอน
     "ซื่อบื้อ" คำสบประมาทด้วยน้ำเสียงเย็นชาอันแฝงด้วยความคลั่งดังขึ้น  จนทำให้คนโดนว่าต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
     ยืนบนฟ้าได้!  ทำไม?  ก้มันซ่อนไอ้หนูนั่นอยู่ไม่ใช่เหรอ  ทำไมถึงใช้เวทย์ได้?  นักดาบเวทย์เกิดอาการลนลานเล็กๆ  เขารีบก้มลงมองเบื้องล่างทันทีว่าอีกฝ่ายมีแผนอะไรวางไว้ข้างล่างหรือไม่
     "ฮึๆ  ก็จริงว่าเวทย์หนะใช้ไม่ได้  แต่ก็แค่ตอนปกติเท่านั้นแหละ..." เธอพูดแล้วแล้วโฉบลงไปคว้าคอเสื้อของชายปริศนาเอาไว้ไม่ให้เขาตกลงไปตามแรงดน้มถ่วง "มาใช้หนี้ให้ข้าซะดีๆ" คิลล์จับเขาเหวี่ยงไปในอากาศแล้วทุ่มลงบนพื้มอย่างแรงแล้วค่อยๆปล่อยให้ตัวเองล่วงลงไป  แต่เมื่อเธอถึงพื้นยังไม่ทันที่จะได้ตั้งหลักให้ดีก็มีเกลียวเพลิงสีเขียวพุ่งเข้าใส่เธอ
     เวรแล้วไง...  เธอสูดหายใจเข้าปอดลึก  ลมหายใจเหมันต์ทมิฬ  เธอท่องชื่อเวทย์ในใจแล้วป้องปากพ่นลมหายใจออกไป  เปลวเพลิงนั้นค่อยๆถูกล้อมด้วยคริสตัลสีใสที่มีอุณหภูมิเย็นยะเยือก  น้ำแข็งที่ถูกเธอสร้างขึ้นนั้นไม่ได้ทำให้เพลิงมอดไฟแต่อย่างได้เพียงแค่กักขังเอาไว้เท่านั้น  ซึ่งที่จริงเวทย์นี้เอาไว้ใช้ในการลงโทษสถานหนักที่ถึงตายก้ชดใช้ไม่ได้
     แต่ไม่ทันทีเธอจะได้รวบรวมพลังให้กลับคือสภาพเดิมดาบใหญ่ก็พุ่งเข้าใส่เธอ  สันดาบถูกกระแทกซ้ำเข้าที่แผลเดิม  ทำให้ซี่โครงหักและอวัยวะภายในบอบช้ำถึงขั้นสาหัส
     ชิ!  เธอจับตัวดาบเอาไว้แล้วหักทิ้งเอาดื้อๆ  คิลล์มองอาการหืดหอบของอีกฝ่ายด้วยความเย็นชา  เด็กสาวซัดมืดสั้นอาบด้วยเพลิงสีขาวใส่อีกฝ่าย  เธอจงใจเล็งที่ฮู้ดเพื่อที่เธอจะได้หมายหัวถูกคน
     เขาปัดมีดของเธอออกแล้วใช้มือหนึ่งบดบังใบหน้าเอาไว้  ส่วนอีกมือก้รวมพลังเวทย์  เขาคิดจะเผาเะอให้เป็นจุณ
     "ไซด์  ทางนี้  เร็ว!" เสียงของเซวีดังขึ้นด้วยความร้อนรนจากอีกฝั่งของป่า
     "ชิ!" นักดาบเวทย์ส่งเสียงอย่างไม่พอใจแล้วใช้เวทย์ไฟสร้างควันขึ้นมาพรางตัวแล้วหายตัวไปทันที
 
      ทางด้านของซีโร่  ภาพตรงหน้านั้นเขาเห็นเต็มตา  เด็กสาวต่อสู้สุดกำลังโดยไม่ยอมใช้เวทย์มนต์เพียงช่วยเขาเอาไว้  แล้วร่างของเธอก็ล้มลง  ผนึกจึงถูกคลายออก  ความรู้สึกอันซับซ้อนผสมปนเปกันจนยุ่งเหยิง  มันเหมือนตอนไหนนะ?
      ตอนที่แม่ของเขาเอาชีวิตตัวเองมาแลกชีวิตเขายังไงหละ  เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังโกรธหรือเสียใจแต่สิ่งเดียวที่แน่นอนคือเขาจะต้องไปช่วยรักษาเธอเดี๋ยวนี้
      เด็กหนุ่มรีบวิ่งออกไปประคองเด็กสาวทีี่มีสภาพสะบักสะบอมในนอนหนุนตักเขาแล้ววางมือเหนืออกซ้ายของเด็กสาว  พลังเวทย์สีทองถูกถ่ายเข้าไปในร่างนั้นทันที
      "ซีโร่  คิลล์!"เซวีวิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกับแจ๊คและไซด์  ส่วนจีเคนั่นออกมาจากป่าอีกด้านซึ่งซีโร่เคยถูกจับผนึกเอาไว้ชั่วคราว
      วิ่งมาถึงเธอกก้ลากแจ๊คมาดูอาการของทั้งสอง  ซึ่งโจรสลัดหนุ่มก็ทำหน้าที่และวินิจฉัยอย่างกับแพทย์มืออาชีพ  
      เขาก็ให้เซวีช่วยรักษาให้ด้วยเวทย์ธาตุแสงซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อ  เขาทำให้ซีโร่ตกใจอีกครั้งเมื่อเขาเป็นคนรักษาบาดแผลภายนอกให้คิลล์จนหายสนิท  ส่วนบาทแผลพุพองนั้นมีพลังเวทย์คลุมอยู่เขายังไม่มีฝีมือถึงขั้นแก้ได้ดังนั้นจึงอาสาเป็นคนแบกเด้กสาวไปห้องพยาบาล  
     ส่วนซีโร่นั้นก็ดดนรุ่นพี่หนุ่มบังคับจับพยุงไม่ยอมให้เดินเองเพราะเกรงว่ารุ่นน้องจะเป้นลมไปเสียก่อน
     และในระหว่างทางไปห้องพยาบาลไซด์ก็แอบกระซิบถามเด็กหนุ่มผมเงินเกี่ยวกับเหตุการที่เกิดขึ้น  ซึ่งเขาก็ตกใจเป้นพักๆแต่ก็ไม่ได้พุดขัดอะไร  หลังจากฟังจนจบรุ่นพี่หนุ่มก็มีท่าทางเคร่งเครียด อย่างมาก  แล้วเขาก็พึมพำเบาๆว่า 'มันกลับมาแล้ว'
 
     ไม่มีใครล่วงรุ้เลยว่า 'มัน' ยกเว้นเหล่าอาจารย์และรุ่นพี่ผมทองคนนี้เท่านั้น  ซึ่งคนที่รุ้ดีที่สุดก้คงไม่พ้นไปจากผู้อำนวยการ
      

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา