Phantom School
8.8
เขียนโดย Wondergirl
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.10 น.
20 บท
2 วิจารณ์
23.72K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) ฝันร้ายที่อยู่เบื้องหน้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากหมดวันที่2ของการเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ไป ทุกๆคนก็ต้องเริ่มตั้งใจศึกษาและหาทางรอด(สำหรับคนอยากหนี)มากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่เด็กของหอทางเหนือที่ได้รับสิทธิพิเศษในการเลือกเรียนหรือเรียนเองได้ พวกเขาก็ต้องไปหาความรู้เช่นกัน ดังเช่นเด็กใหม่5คนของหอนี้...
คิลล์และจีเคนั้นแทบที่จะเข้าไปใช้ชีวิตในหอสมุดกลางซึ่งใหญ่จนกินพื้นที่1เกาะลอยฟ้า พวกเธอขลุกอยู่กับหนังสือแทบทุกประเภทในห้องสมุดเลยก็ว่าได้ ทุกครั้งที่ซีโร่ แจ๊คและเซวีมาหาบางครั้งยังห้องลองขุดดูในกองหนังสือหรือตามซอกมุม เพราะสองคนนี้ไม่ชอบความอึกทึกจึงต้องหนีมานั่นที่มุมเล็กๆมองเห็นยาก
ส่วนเด็กสาวอีกคน 'เซวี' จะโดนรุ่นพี่แสนดี(?)ลากไปช่วยงานเอกสารที่กองกลางแทบทุกวันตั้งแต่เวลาเที่ยงเป็นต้นไป บางวันก็เสร็จตอนเย็นบางวันก็เสร็จตอนดึกดื่นหัวค่ำ เพราะรุ่นพี่บอกว่าไม่มีคนช่วยทำจึงต้องมาลากรุ่นน้องที่พอจะรู้งานรู้การไปช่วยทำ และเป้นเช่นนี้อยุ่ได้3วันพวกเขาก็โดนเอาไปเล่าเป็นข่าวลือต่างๆนานาที่แน่นอนว่ามีแต่เสียหาย
ซีโร่กับแจ๊คนั้นส่วนใหญ่จะลงเรียนวิชาศิลปะป้องกันตัวหรือไม่ก็ศาสตร์เวทย์สลับกันไป เพราะซีโร่อยากเรียนเวทย์ส่วนแจ๊คจะลงไปฟัดกับพวกนักเรียนคนอื่นๆ พวกเขาสามารถทำได้ดีทีเดียวสำหรับ2วิชานี้ แต่ก็คงไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่เพราะเขาไม่ค่อยได้เรียนอะไรใหม่ๆเลย
ทุกคนมีกิจกรรมเช่นนี้อยู่ได้ประมาณ1อาทิตย์ โรงเรียนก็ประกาศว่าจะสอบอีกใน1อาทิตย์ ซึ่งทำเอาชุลมุนกันจริงๆ แต่ก็ยังดีที่ให้สอบแค่คนละ1สาขาประจำที่เรียน แต่หออัศวินดำนี่สิ เขาบอกว่าจะลงสอบวิชาอะไรก็สอบแต่ต้องสอบ จะบ้าตาย...
เมื่อเหลือเวลาอีกเพียง1อาทิตย์ทุกคนย่อมต้องรีบๆอ่านหนึงสือกันอย่างหนัก แต่มีอยุ่กลุ่มหนึ่งซึ่งเรียนกันอย่างหนักมาแล้ว1อาทิตย์ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะพัก1อาทิตย์ให้สมองและร่างกายได้ผ่อนคลายบ้าง
ในเวลาเย็นของวันหยุด ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มไล่ระดับเข้มขึ้นจนเปลี่ยนเป็นสีม่วง เหล่าสัตว์ปีกทั้งหลากต่างก็เริ่มออกไปหากินรวมทั้งสัตว์เจ้าเวหาอย่างมังกรซึ่งบางตัวก้ออกจากถ้ำมาหาอาหารหรือบางตัวก็กำลังสำรวจดินแดนบนผืนฟ้าของตน ทุกดูปกติสุขสำหรับโลกบนผืนฟ้านี้ แต่นั่นก็ใช่ว่านักเรียนของโรงเรียนเพียงหนึ่งเดียวของบนนี้จะผ่อนคลายกับความปกติสุขนั้น แต่ก็ใช่ว่าก็ยังคงเหลืออยู่บ้างบางคน
ตุ๊ม เสียงหินหล่นลงน้ำดังขึ้นท่ามกลางความสงบภายในผืนป่ารอบๆทะเลสาบบนเกาะลอยฟ้าแห่งหนึ่ง
เด็กหนุ่มผมสีเงินนั่งอยู่ใต้โคนต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ เส้นผมสีเงินต้องแสงอาทิตย์ยามเย็นสะท้อนประกายสีทองออกมาดูราวกับแพรไหมที่ถูกถักทอด้วยด้ายทอง เขาควานหาก้อนหินใกล้ตัวแล้วปาออกไปกล่งทะเลสาบจนเกิดเสียง 'ตุ๊ม' พร้อมกับน้ำที่ตีตัวออกเป็นวงกว้างตามแรง
ซวบซาบ เสียงของบางอยบ่างดังขึ้นพร้อมกับร่างบางเพรียวลมของหญิงสาวนางหนึ่ง เธอเอื้อมมือขาวเรียวมารวบมือของซีโร่เอาไว้ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงเนื่องจากอุณหภูมิร่างกายที่เย็นเฉียยบราวน้ำแข็งของอีกฝ่าย
เขาหันไปมองหน้าเธอและก็ถึงกับตกตะลึง
ใบหน้าขาวซีดที่เต็มไปด้วยความขี้เล่นและอ่อนโยนทรงเสน่ห์ นัยน์ตาสีเดียวกับเขานั้นดูลุ่มลึกและอ่อนหวาน เส้นผมสีเงินยวงยาวสยายระลงมาคลอเคลียข้างแก้มผ่องใสนั้นทำให้เธอดูราวกับเทพธิดาก็ไม่ปาน เรียวปากอิ่มแดงระเรื่อแย้มยิ้มบางๆด้วยความเอ็นดู
"ท่าน...แม่" เขาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเบาๆด้วยความตกตะลึงที่ยังคงไม่หายไป "ทำไม... เดี๋ยว แม่หายไปไหนมาตั้งนาน"
"แม่อยู่ในที่แสนไกล ดีจังที่ได้พบเจ้าอีกครา แก้วตาของข้า" นางเขยิบมานั่งข้างๆแล้วลูบเส้นผมสีเงินเฉกเช่นเดียวกับนางอย่างทนุถนอม "เด็กดี... เจ้าคงจะสบายดีนะ" นางถามด้วบความห่วงใยราวกับว่าไม่ได้เจอกันนานเป็นแรมปี
"ข้าสบายดี ท่านแม่ ข้าสบายดี..." เขาพูดอย่างสุภาพอ่อนโยน ท่านแม่... ถ้านี่ไม่ใช่ฝันข้าจะดีใจมาก ถ้ามันไม่ใช่... เขาพึมพำในใจอย่างโศกเศร้า แม่ที่เขารักมากที่สุดกำลังอยู่กับเขาแล้ว ถึงจะตายเขาก็จะต้องทำให้นางอยู่กับเขาต่อ
นางสวมกอดเขาด้วยความโหยมาถึงแม้นว่ามันจะไม่ใช่อ้อมกอดที่อบอุ่นก็ตามที แล้วนางก็ล้มลงบนตักของเด็กหนุ่ม ลูกศรซึ่งเป็นต้นเหตุทอประกายสีทองอยู่กลางหลังของนาง อาภรณ์สีขาวและเรือนผมสีเงินถูกย้อมด้วยสีแดงฉานดั่งกุหลายแย้มบาน ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกใจหายใจและอยากกรีดร้องเหลือบรรยาย
แต่ถึงจะทำกระนั้นไปมารดาก็มิอาจฟื้นคืน เขาจึงเพียงข่มตาลงหวังจะให้ภาพตรงหน้าเลือนหายไป
เด็กหนุ่มผมเงินสะดุ้งโหยง เขาเบิกตาโพลนด้วยความตกใจขวัญหาย แผ่นอกที่ไม่กว้างมากกระเพือมขึ้นลง ขึ้นลง อย่างรวดเร็วราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งมารธอนมาอย่างไรอย่างนั้น มือและใบหน้าของเขาเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ
ฝัน... เขาสรุปกับตัวเองเบาๆในใจแล้วจึงเงยหน้ามองแผ่นฟ้าที่บัดนี้ถูกเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำเรียบร้อยแล้ว ดีแล้ว... เป็นฝันหนะดีที่สุดแล้ว เขาปลอบตัวเองแล้วจึงจัดท่านั่งให้ดีดังเดิม แล้วจ้องมองทะเลสาบที่สะท้อนภาพดวงดาวพราวระยับบนผืนฟ้ายามราตรี คลื่นน้ำลูกน้อยทำให้ภาพดวงดาวบนฟากฟ้าดูราวกับกำลังเต้นรำ และเรียกร้องเพลงของภูตหิ่งห้อยยามค่ำคือบทเพลงที่วิจิตและไพเราะที่สุด
ดอกตูมของต้มไม้ที่เขาพิงอยู่ค่อยๆแย้มบานออก ผลขนาดใหญ่เท่ากำปั้นด้านในส่องแสงสีฟ้าอ่อนๆ ทำให้พื้นที่ตรงบริเวณนั้นมีแสงสลัวๆเพียงพอต่อการมองเห็น
ในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังเหม่อมองความงามอันแสนสงบรอบกาย ร่างในชุดคลุมรุ่มร่ามแบบพ่อมดก็ปรากฏขึ้นทำเอาเขาสะดุ้งนิด แต่ก็กลับมาเยือกเย็นได้โดยเร็ว
"เจ้าเป็นใคร?" ซีโร่ถามอย่างสุภาพนุ่มนวล
"คนตายไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อของข้าหรอกขอรับ" มันตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบเหี้ยมพร้อมกับปล่อยเปลวเพลิงสีเขียวสดใส่เขาทันที
ซวยแล้วไง! เขาคิดที่จะกลิ้งหลบแต่ด้วยร่างกายที่ไม่ตื่นตัวทำให้เขาเกือบโดนไฟประหลาดนั่นเผาเป็นจุณ ซีโร่ควบคุมน้ำในทะเลสาบให้กลายเป็นคลื่นยักษ์แล้วโถมมันใส่ร่างปริศนาอย่างรวดเร็ว สำเร็จไหม? เขาลุกขึ้นยืนแล้วมองมวลน้ำที่ม้วนตัวเป็นเกลียวบดขยี้ร่างนั้น
ตูม! เกลียวคลื่นถูกระเบิดออกและกระเซ็นไปทั่ว
เด็กหนุ่มรุ้คำตอบได้ทันที เขาจึงใช้เวทย์แช่แข็งน้ำพวกนั้นจนกลายเป็นลิ่มน้ำแข็งแล้วสั่งให้มันพุ่งใส่ร่างสีดำที่ยังคงยืนอยุ่ที่เดิมไม่ไหวติง
ซึ่งครานี้เขาไม่ยอมให้ตัวเองโดนโจมตี บุคคลปริศนาสร้างม่านพลังเปลวเพลิงขึ้นแล้วทำให้ลิ่มน้ำแข็งละลายและระเหยไปเอง "ดื้อด้านจริงๆนะขอรับ" เขาพูดขึ้นอีกแล้วสะบัดมือไปทางเด็กหนุ่ม พลันเกิดเกลียวเพลิงขนาดใหญ่ขึ้น มันถาโถมใส่ร่างของเขา
"แล้วมันจะทำไม!" ซีโร่คำรามตอบแล้วสร้างม่านพลังด้วยเวทย์น้ำแข็งขึ้น ถึงแม้มันจะถูกเปลวเพลิงเผาจนละลายไปบางส่วนแต่เขาก้ใช้ประโยชน์จากความชื้นในอากาศรอบตัวเข้าเสริมทันที นี่มันไฟอะไรเนี่ย ร้อนชะมัดเลย!
เคร้ง! เสียงโลหะกระทบของแข็งดังขึ้น เปลวเพลิงสลายไปปรากฏให้เห็นร่างในชุดคลุมสีดำ ดาบใหญ่ที่เต็มไปด้วยอัขระเวทย์ในมือเขาฟาดลงบนเกราะน้ำแข็งอีกครั้งจนมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาแย้มยิ้มเหี้ยมภาพใต้ผ้าคลุมสีดำแล้วเงื้อดาบขึ้นอีกครั้งหมายบั่นคอเด็กหนุ่มตรงหน้า
อาวุธสลายอาคม! ซีโร่เบิกตากว้างแล้วร่ายเวทย์ป้องกันชั้นสูงขึ้น เกราะแห่งแสงบางขั้นกลางระหว่างเขากับบุคคลปริศนา เขาไม่สามารถใช้เวทย์โจมตีไปพร้อมกับเวทย์ป้องกันระดับนี้ได้ มันเสี่ยงต่อพลังชีวิตเขา แถมอีกฝ่ายยังแข้งแกร่งมาก ถ้าไม่สำเร็จขึ้นมาเขาจะแย่
ดาบใหญ่ฟาดใส่บาเรียแสงอย่างไม่หวาดหวั่น พ่อมดเจ้าของดาบเร่งพลังเวทย์ให้สูงขึ้นทำให้เกราะเริ่มปริแตก
ชิ! เด็กหนุ่มผมเงินสลายอาคมแล้วกระโดดหลบอย่างรวดเร็วจนหลังชนกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แต่ดาบใหญ่ก็ตามมาติดๆทำให้เขาต้องสร้างบาเรียขึ้นป้องกันอีกครั้ง แต่มันจะไม่จบแค่นั้น เขาเสี่ยงใช้เวทย์2ประเภทพร้อมกันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
กิ่งก้านของต้นไม้ด้านหลังเขางอกยาวขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วจับดาบใหญ่เอาไว้ไม่ให้สามารถเคลื่อนไหวได้
พ่อมด... ไม่สิ ควรเรียกว่านักดาบเวทย์ รู้สึกตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด เขาสลายอาคมแล้ววาดดาบฟันกิ่งไม้จนหัก ดาบใหญ่เงื้อขึ้นหมายปลิดชีพอีกครา
"ข้าขอบัญชา ศาสตราแห่งความตายอันหนาวเหน็บ เหมันต์นิรันดร!" ซีโร่พึมพำเบาๆ ดาบคริสตัลสีฟ้าใสปรากฏขึ้น เขาหมุนตัวหลบแล้วฟาดดาบเข้าปะทะทันที
เมื่อดาบของทั้งสองสัมผัสกันไอเย็น ดาบของซีโร่ก็ส่งไอเย็นเข้าไปแทรกแซงอัขระเวทย์บนตัวดาบทันทีทำให้เวทย์เสื่อมสลายอาคมเสื่อมลงไประดับหนึ่ง
บัดนี้ใบหน้าของเด็กหนุ่มไร้ซึ่งความรู้สึกโดยสิ้นเชิงราวกับคนละคน เขาวาดมือซ้ายไปด้านข้าง พลันปรากฏลูกไฟนัดสิบดวงขึ้น เขาสั่งให้มันโจมตีใส่นักดาบเวทย์ทันทีทำให้เกิดการระเบิดแล้วควันหนา
และไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้แล้วสวนกลับ เขาเรียกคทาเวทย์ออกมาแล้วปักมันลงบนพื้นทันที หัวลูกแก้วสีขาวหม่นที่ดูราวกับมีหมอกหนาปกคลุมอยู่ด้านในส่องแสงสว่างวาบ เถาวัลย์หนามมากมายปรากฏขึ้นแล้วพุ่งเข้าใ่ในกลุ่มควันหมายจับอริของผู้เป็นนาย
"เล็งไปทางไหนกันหรือขอรับ?" เสียงแห้งเหี้ยมดังขึ้น จากด้านหลังของเขา ร่างนั้นถูกไฟเผลจนผ้าคลุมหายไปกว่าครึ่ง ตามแขนขาเกิดแผลพุพองและแผลน้ำแข็งกัดจำนวนหนึ่ง บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งออกมาได้ก่อนที่เขาจะใช้เวทย์สร้างเถาวัลย์ออกมาพันธนาการ "อ่อนหัดนัก!"
ดาบใหญ่ตวัดขึ้นอีกครั้ง มันอาบไปด้วยเพลิงสีเขียวสดที่ลุกโชน
ใกล้เกินไป! เขาเบิกตากว้าง ถึงแม้ติดที่จะยกดาบขึ้นต่อกรแต่คงจะยากเกินไป เขาหมดพลังไปกับเวทย์ต่อเนื่องนั้นจนแทบไม่เหลือแรงใช้พลังแช่อีกฝ่ายแล้ว
เคร้ง! มีดซัดสีเงินถูกปาออกมาขัดขวางการปลิดชีพเด็กหนุ่มเอาไว้ทำให้เจ้ของดาบใหญ่รุ้สึกเดือดดาลที่เวทย์ของเขาสลายไปเพียงเพราะมีดเล่มเดียว
"ใครบังอาจมาขัดขวางข้า!"เขาตะโกนถามอย่างเดือดดาล
"ก่อนจะถามข้าหนะ ก้มมองเหยื่อตัวเองก่อนเถอะ"เสียงอันเย็นชาของหญิงสาวดังตอบคำถามนั้นด้วยคำเตือน ทำให้นักดาบเวทย์ต้องก้มลงมอง
หายไปแล้ว! เขาตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นใกล้ตัว เขาไม่รู้สึกเลยว่ามีสิ่งมีชีวิตเข้าใกล้เขา
ฉึก! มีดซัดเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาปักที่กลางหลังของเขาพร้อมกับความรุ้สึกเจ็บแปลบและชาไปหมด พิษงั้นเหรอ! เขาคิดแล้วดึงมีดซัดนั้นออก ความหวาดกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเขา เขาไม่อาจจะจับสัมผัสของมครได้เลยไม่ว่า ของเด็กหนุ่มหรือของคนที่โจมตีเขา และด้วยความหวาดผวานั้นทำให้เขาต้องตวัดดาบใหญ่ในมือไปในทิศทางที่มีดซัดพุ่งออกมาซึ่งน่าจะเป็นทิศที่มีคนมากที่สุด
ตึ้ง เสียงต้นไม้ใหญ่ล้มลง
ไม่มี! นักดาบเวทย์มองผ่านซากต้นไม้ไปแต่ก็ไม่พบร่างใดอยู่เลย จิตสังหาร! เขาหันไปด้านมองด้านหลัง แล้วใช้ดาบใหญ่ตั้งรับดาบสั้นเล่มเล็กที่ทอประกายเย็นเฉียบ ร่างเจ้าของดาบนั้นเป็นเด็กสาวร่างเบาบางผู้มีเส้นผมสีดำลอนและนัยน์ตาสีรัติกาล
"เด็ก?"
"ผิดแล้วนะลุง..."เธอพูดด้วย้ำเสียงไร้เดียงสาแล้วเอียงคออย่างน่ารัก ก่อนจะเปลี่ยนมันเป้นยิ้มเหี้ยม "มือสังหารอาชีพต่างหาก" เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วใช้ดาบสั้นที่ซ่อนไว้ในอีกมือตวัดฟันขวางใส่ท้องเขา แต่โชคดีที่ลุง... เอ้ย นักดาบเวทย์คนนี้มีประสบการณืดีเขาจึงหลงได้อย่างเฉียดฉิว แต่ก็โดนฟันไปจนเลือดออกใช้ได้แหละ
"หน็อย" นักดาบเวทย์ใช้ดาบเพลิงเข้าห้ำหั่นอย่างดุดันและเอาจริงมากกว่าเดิมทำให้ความร้อนเพิ่มขึ้นจนดาบสั้นบิ่นจนหากไป เขาอาศัยโอกาสนั้นตวัดดาบฟันใส่ท้องของเด้กสาวอย่างรวดเร็ว ทำให้เสื้อบริเวณนั้นถูกเผาหายไปเป้นรอยเฉียงและมีแผลพุพองเลือดคั่งอยู่ด้านใน
"อ๊ากกกกกกก" เธอครางหนักๆแล้วกุมแผลที่ท้องเอาไว้
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเด้กสาวปลุกให้เด็กหนุ่มผมเงินตื่นจากการสลบไสล เขาพยายามลุกขึ้นแต่ทำไมไม่ได้ ทำได้เพียงลืมตามองภาพตรงหน้า เด็กสาวผมลอนกำลังถือดาบหักเข้าต่างกรกับนักดาบเวทย์ระดับสูง เสื้อขาดไปเป็นแนวยาว ผิวหนังบริเวณนั้นเป้นแผลพุพองยาวใหญ่อาการสาหัสเอาการ
คิลล์!!! เขาอ้าปากพยายามจะตะโกนเรียกอีกฝ่ายแต่ทำไม่ได้ เขาขยับปากพูดแต่กลับไม่มีเสียงใดออกมาเลย บอกให้รู้ว่าเขาถูกผนึกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ทำไม! ทำไมถึงต้องทำอะไรแบนี้ด้วย คิลล์เจ้าทำไปทำไม! ถึงแม้จะเป็นเสียงในความคิดแต่มันกลับชัดเจนและก้องกังวานในห้วงความคิดของเด็กสาวผู้บาดเจ็บ
"ทำไมหนะเหรอ?" คิลล์คำรามเสียงทุ้มต่ำอย่างเย็นชา เธอไม่ได้คุยกับคุ่ต่อสุ้แต่กำลังพูดกับเด็กหนุ่มที่เธอกำลังปกป้องเอาไว้ "เพราะสำคัญยังไงเล่า ไอ้งั่งเอ้ย!" เธอคำรามขึ้นฟ้าราวกับคนบ้าเสียสติแล้วจ้องมองนักดาบเวทย์ตรงหน้าอย่างเคียดแค้นราวกับเขาฆ่าบุพการีเธอยังไงอย่างงั้น "และแกก็บังอาจมาก จงสิ้นชีพแทบเท้าข้าซะ เจ้ามนุษย์ต่ำต้อย!" คิลล์พูดด้วยน้ำเสียงไร้สงบราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆก่อนจะถอยหายเข้าไปในความมืด
แล้วสัมผัสของเธอก็หายไปอีกครั้ง
มันจะมาทางไหน? ข้างหลัง... ซ้ายหรือขวา หรือด้านหน้า? นักดาบเวทย์กวาดตามองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง
"ข้างล่างต่างหากหละ"เสียงหวานเย็นเฉียบดังก้องขึ้นในโสตประสาทของเขาทำให้เขาเผลอไผลตามนั้นแล้วก้มลงมองใต้เท้าตัวเองจนลืมระวังภัยเบื้องหน้าไป
เก่ง
...แต่ซื่อไป!
มีดซัดหลายสิบเล่มพุ่งออกมาจากรอบทิศทางโดยเป้าของมันคือชายปริศนาผู้ยืนอยู่ใกล้ทะเลสาบ แต่น่าเสียดาบที่เหยื่อของพวกมันเกินฉลาดขึ้นมากระทันหัน เขาจึงกระโดดหลบขึ้นไปด้านบน... แต่แน่นอนว่ามันไม่อยุ่นอกเหนือแผนการของเจ้าของอาวุธลับทั้งหลายแน่นอน
"ซื่อบื้อ" คำสบประมาทด้วยน้ำเสียงเย็นชาอันแฝงด้วยความคลั่งดังขึ้น จนทำให้คนโดนว่าต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
ยืนบนฟ้าได้! ทำไม? ก้มันซ่อนไอ้หนูนั่นอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงใช้เวทย์ได้? นักดาบเวทย์เกิดอาการลนลานเล็กๆ เขารีบก้มลงมองเบื้องล่างทันทีว่าอีกฝ่ายมีแผนอะไรวางไว้ข้างล่างหรือไม่
"ฮึๆ ก็จริงว่าเวทย์หนะใช้ไม่ได้ แต่ก็แค่ตอนปกติเท่านั้นแหละ..." เธอพูดแล้วแล้วโฉบลงไปคว้าคอเสื้อของชายปริศนาเอาไว้ไม่ให้เขาตกลงไปตามแรงดน้มถ่วง "มาใช้หนี้ให้ข้าซะดีๆ" คิลล์จับเขาเหวี่ยงไปในอากาศแล้วทุ่มลงบนพื้มอย่างแรงแล้วค่อยๆปล่อยให้ตัวเองล่วงลงไป แต่เมื่อเธอถึงพื้นยังไม่ทันที่จะได้ตั้งหลักให้ดีก็มีเกลียวเพลิงสีเขียวพุ่งเข้าใส่เธอ
เวรแล้วไง... เธอสูดหายใจเข้าปอดลึก ลมหายใจเหมันต์ทมิฬ เธอท่องชื่อเวทย์ในใจแล้วป้องปากพ่นลมหายใจออกไป เปลวเพลิงนั้นค่อยๆถูกล้อมด้วยคริสตัลสีใสที่มีอุณหภูมิเย็นยะเยือก น้ำแข็งที่ถูกเธอสร้างขึ้นนั้นไม่ได้ทำให้เพลิงมอดไฟแต่อย่างได้เพียงแค่กักขังเอาไว้เท่านั้น ซึ่งที่จริงเวทย์นี้เอาไว้ใช้ในการลงโทษสถานหนักที่ถึงตายก้ชดใช้ไม่ได้
แต่ไม่ทันทีเธอจะได้รวบรวมพลังให้กลับคือสภาพเดิมดาบใหญ่ก็พุ่งเข้าใส่เธอ สันดาบถูกกระแทกซ้ำเข้าที่แผลเดิม ทำให้ซี่โครงหักและอวัยวะภายในบอบช้ำถึงขั้นสาหัส
ชิ! เธอจับตัวดาบเอาไว้แล้วหักทิ้งเอาดื้อๆ คิลล์มองอาการหืดหอบของอีกฝ่ายด้วยความเย็นชา เด็กสาวซัดมืดสั้นอาบด้วยเพลิงสีขาวใส่อีกฝ่าย เธอจงใจเล็งที่ฮู้ดเพื่อที่เธอจะได้หมายหัวถูกคน
เขาปัดมีดของเธอออกแล้วใช้มือหนึ่งบดบังใบหน้าเอาไว้ ส่วนอีกมือก้รวมพลังเวทย์ เขาคิดจะเผาเะอให้เป็นจุณ
"ไซด์ ทางนี้ เร็ว!" เสียงของเซวีดังขึ้นด้วยความร้อนรนจากอีกฝั่งของป่า
"ชิ!" นักดาบเวทย์ส่งเสียงอย่างไม่พอใจแล้วใช้เวทย์ไฟสร้างควันขึ้นมาพรางตัวแล้วหายตัวไปทันที
ทางด้านของซีโร่ ภาพตรงหน้านั้นเขาเห็นเต็มตา เด็กสาวต่อสู้สุดกำลังโดยไม่ยอมใช้เวทย์มนต์เพียงช่วยเขาเอาไว้ แล้วร่างของเธอก็ล้มลง ผนึกจึงถูกคลายออก ความรู้สึกอันซับซ้อนผสมปนเปกันจนยุ่งเหยิง มันเหมือนตอนไหนนะ?
ตอนที่แม่ของเขาเอาชีวิตตัวเองมาแลกชีวิตเขายังไงหละ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังโกรธหรือเสียใจแต่สิ่งเดียวที่แน่นอนคือเขาจะต้องไปช่วยรักษาเธอเดี๋ยวนี้
เด็กหนุ่มรีบวิ่งออกไปประคองเด็กสาวทีี่มีสภาพสะบักสะบอมในนอนหนุนตักเขาแล้ววางมือเหนืออกซ้ายของเด็กสาว พลังเวทย์สีทองถูกถ่ายเข้าไปในร่างนั้นทันที
"ซีโร่ คิลล์!"เซวีวิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกับแจ๊คและไซด์ ส่วนจีเคนั่นออกมาจากป่าอีกด้านซึ่งซีโร่เคยถูกจับผนึกเอาไว้ชั่วคราว
วิ่งมาถึงเธอกก้ลากแจ๊คมาดูอาการของทั้งสอง ซึ่งโจรสลัดหนุ่มก็ทำหน้าที่และวินิจฉัยอย่างกับแพทย์มืออาชีพ
เขาก็ให้เซวีช่วยรักษาให้ด้วยเวทย์ธาตุแสงซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อ เขาทำให้ซีโร่ตกใจอีกครั้งเมื่อเขาเป็นคนรักษาบาดแผลภายนอกให้คิลล์จนหายสนิท ส่วนบาทแผลพุพองนั้นมีพลังเวทย์คลุมอยู่เขายังไม่มีฝีมือถึงขั้นแก้ได้ดังนั้นจึงอาสาเป็นคนแบกเด้กสาวไปห้องพยาบาล
ส่วนซีโร่นั้นก็ดดนรุ่นพี่หนุ่มบังคับจับพยุงไม่ยอมให้เดินเองเพราะเกรงว่ารุ่นน้องจะเป้นลมไปเสียก่อน
และในระหว่างทางไปห้องพยาบาลไซด์ก็แอบกระซิบถามเด็กหนุ่มผมเงินเกี่ยวกับเหตุการที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาก็ตกใจเป้นพักๆแต่ก็ไม่ได้พุดขัดอะไร หลังจากฟังจนจบรุ่นพี่หนุ่มก็มีท่าทางเคร่งเครียด อย่างมาก แล้วเขาก็พึมพำเบาๆว่า 'มันกลับมาแล้ว'
ไม่มีใครล่วงรุ้เลยว่า 'มัน' ยกเว้นเหล่าอาจารย์และรุ่นพี่ผมทองคนนี้เท่านั้น ซึ่งคนที่รุ้ดีที่สุดก้คงไม่พ้นไปจากผู้อำนวยการ
คิลล์และจีเคนั้นแทบที่จะเข้าไปใช้ชีวิตในหอสมุดกลางซึ่งใหญ่จนกินพื้นที่1เกาะลอยฟ้า พวกเธอขลุกอยู่กับหนังสือแทบทุกประเภทในห้องสมุดเลยก็ว่าได้ ทุกครั้งที่ซีโร่ แจ๊คและเซวีมาหาบางครั้งยังห้องลองขุดดูในกองหนังสือหรือตามซอกมุม เพราะสองคนนี้ไม่ชอบความอึกทึกจึงต้องหนีมานั่นที่มุมเล็กๆมองเห็นยาก
ส่วนเด็กสาวอีกคน 'เซวี' จะโดนรุ่นพี่แสนดี(?)ลากไปช่วยงานเอกสารที่กองกลางแทบทุกวันตั้งแต่เวลาเที่ยงเป็นต้นไป บางวันก็เสร็จตอนเย็นบางวันก็เสร็จตอนดึกดื่นหัวค่ำ เพราะรุ่นพี่บอกว่าไม่มีคนช่วยทำจึงต้องมาลากรุ่นน้องที่พอจะรู้งานรู้การไปช่วยทำ และเป้นเช่นนี้อยุ่ได้3วันพวกเขาก็โดนเอาไปเล่าเป็นข่าวลือต่างๆนานาที่แน่นอนว่ามีแต่เสียหาย
ซีโร่กับแจ๊คนั้นส่วนใหญ่จะลงเรียนวิชาศิลปะป้องกันตัวหรือไม่ก็ศาสตร์เวทย์สลับกันไป เพราะซีโร่อยากเรียนเวทย์ส่วนแจ๊คจะลงไปฟัดกับพวกนักเรียนคนอื่นๆ พวกเขาสามารถทำได้ดีทีเดียวสำหรับ2วิชานี้ แต่ก็คงไม่ค่อยพัฒนาเท่าไหร่เพราะเขาไม่ค่อยได้เรียนอะไรใหม่ๆเลย
ทุกคนมีกิจกรรมเช่นนี้อยู่ได้ประมาณ1อาทิตย์ โรงเรียนก็ประกาศว่าจะสอบอีกใน1อาทิตย์ ซึ่งทำเอาชุลมุนกันจริงๆ แต่ก็ยังดีที่ให้สอบแค่คนละ1สาขาประจำที่เรียน แต่หออัศวินดำนี่สิ เขาบอกว่าจะลงสอบวิชาอะไรก็สอบแต่ต้องสอบ จะบ้าตาย...
เมื่อเหลือเวลาอีกเพียง1อาทิตย์ทุกคนย่อมต้องรีบๆอ่านหนึงสือกันอย่างหนัก แต่มีอยุ่กลุ่มหนึ่งซึ่งเรียนกันอย่างหนักมาแล้ว1อาทิตย์ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะพัก1อาทิตย์ให้สมองและร่างกายได้ผ่อนคลายบ้าง
ในเวลาเย็นของวันหยุด ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มไล่ระดับเข้มขึ้นจนเปลี่ยนเป็นสีม่วง เหล่าสัตว์ปีกทั้งหลากต่างก็เริ่มออกไปหากินรวมทั้งสัตว์เจ้าเวหาอย่างมังกรซึ่งบางตัวก้ออกจากถ้ำมาหาอาหารหรือบางตัวก็กำลังสำรวจดินแดนบนผืนฟ้าของตน ทุกดูปกติสุขสำหรับโลกบนผืนฟ้านี้ แต่นั่นก็ใช่ว่านักเรียนของโรงเรียนเพียงหนึ่งเดียวของบนนี้จะผ่อนคลายกับความปกติสุขนั้น แต่ก็ใช่ว่าก็ยังคงเหลืออยู่บ้างบางคน
ตุ๊ม เสียงหินหล่นลงน้ำดังขึ้นท่ามกลางความสงบภายในผืนป่ารอบๆทะเลสาบบนเกาะลอยฟ้าแห่งหนึ่ง
เด็กหนุ่มผมสีเงินนั่งอยู่ใต้โคนต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ เส้นผมสีเงินต้องแสงอาทิตย์ยามเย็นสะท้อนประกายสีทองออกมาดูราวกับแพรไหมที่ถูกถักทอด้วยด้ายทอง เขาควานหาก้อนหินใกล้ตัวแล้วปาออกไปกล่งทะเลสาบจนเกิดเสียง 'ตุ๊ม' พร้อมกับน้ำที่ตีตัวออกเป็นวงกว้างตามแรง
ซวบซาบ เสียงของบางอยบ่างดังขึ้นพร้อมกับร่างบางเพรียวลมของหญิงสาวนางหนึ่ง เธอเอื้อมมือขาวเรียวมารวบมือของซีโร่เอาไว้ทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงเนื่องจากอุณหภูมิร่างกายที่เย็นเฉียยบราวน้ำแข็งของอีกฝ่าย
เขาหันไปมองหน้าเธอและก็ถึงกับตกตะลึง
ใบหน้าขาวซีดที่เต็มไปด้วยความขี้เล่นและอ่อนโยนทรงเสน่ห์ นัยน์ตาสีเดียวกับเขานั้นดูลุ่มลึกและอ่อนหวาน เส้นผมสีเงินยวงยาวสยายระลงมาคลอเคลียข้างแก้มผ่องใสนั้นทำให้เธอดูราวกับเทพธิดาก็ไม่ปาน เรียวปากอิ่มแดงระเรื่อแย้มยิ้มบางๆด้วยความเอ็นดู
"ท่าน...แม่" เขาเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเบาๆด้วยความตกตะลึงที่ยังคงไม่หายไป "ทำไม... เดี๋ยว แม่หายไปไหนมาตั้งนาน"
"แม่อยู่ในที่แสนไกล ดีจังที่ได้พบเจ้าอีกครา แก้วตาของข้า" นางเขยิบมานั่งข้างๆแล้วลูบเส้นผมสีเงินเฉกเช่นเดียวกับนางอย่างทนุถนอม "เด็กดี... เจ้าคงจะสบายดีนะ" นางถามด้วบความห่วงใยราวกับว่าไม่ได้เจอกันนานเป็นแรมปี
"ข้าสบายดี ท่านแม่ ข้าสบายดี..." เขาพูดอย่างสุภาพอ่อนโยน ท่านแม่... ถ้านี่ไม่ใช่ฝันข้าจะดีใจมาก ถ้ามันไม่ใช่... เขาพึมพำในใจอย่างโศกเศร้า แม่ที่เขารักมากที่สุดกำลังอยู่กับเขาแล้ว ถึงจะตายเขาก็จะต้องทำให้นางอยู่กับเขาต่อ
นางสวมกอดเขาด้วยความโหยมาถึงแม้นว่ามันจะไม่ใช่อ้อมกอดที่อบอุ่นก็ตามที แล้วนางก็ล้มลงบนตักของเด็กหนุ่ม ลูกศรซึ่งเป็นต้นเหตุทอประกายสีทองอยู่กลางหลังของนาง อาภรณ์สีขาวและเรือนผมสีเงินถูกย้อมด้วยสีแดงฉานดั่งกุหลายแย้มบาน ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกใจหายใจและอยากกรีดร้องเหลือบรรยาย
แต่ถึงจะทำกระนั้นไปมารดาก็มิอาจฟื้นคืน เขาจึงเพียงข่มตาลงหวังจะให้ภาพตรงหน้าเลือนหายไป
เด็กหนุ่มผมเงินสะดุ้งโหยง เขาเบิกตาโพลนด้วยความตกใจขวัญหาย แผ่นอกที่ไม่กว้างมากกระเพือมขึ้นลง ขึ้นลง อย่างรวดเร็วราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งมารธอนมาอย่างไรอย่างนั้น มือและใบหน้าของเขาเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ
ฝัน... เขาสรุปกับตัวเองเบาๆในใจแล้วจึงเงยหน้ามองแผ่นฟ้าที่บัดนี้ถูกเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มจนเกือบดำเรียบร้อยแล้ว ดีแล้ว... เป็นฝันหนะดีที่สุดแล้ว เขาปลอบตัวเองแล้วจึงจัดท่านั่งให้ดีดังเดิม แล้วจ้องมองทะเลสาบที่สะท้อนภาพดวงดาวพราวระยับบนผืนฟ้ายามราตรี คลื่นน้ำลูกน้อยทำให้ภาพดวงดาวบนฟากฟ้าดูราวกับกำลังเต้นรำ และเรียกร้องเพลงของภูตหิ่งห้อยยามค่ำคือบทเพลงที่วิจิตและไพเราะที่สุด
ดอกตูมของต้มไม้ที่เขาพิงอยู่ค่อยๆแย้มบานออก ผลขนาดใหญ่เท่ากำปั้นด้านในส่องแสงสีฟ้าอ่อนๆ ทำให้พื้นที่ตรงบริเวณนั้นมีแสงสลัวๆเพียงพอต่อการมองเห็น
ในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังเหม่อมองความงามอันแสนสงบรอบกาย ร่างในชุดคลุมรุ่มร่ามแบบพ่อมดก็ปรากฏขึ้นทำเอาเขาสะดุ้งนิด แต่ก็กลับมาเยือกเย็นได้โดยเร็ว
"เจ้าเป็นใคร?" ซีโร่ถามอย่างสุภาพนุ่มนวล
"คนตายไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อของข้าหรอกขอรับ" มันตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหบเหี้ยมพร้อมกับปล่อยเปลวเพลิงสีเขียวสดใส่เขาทันที
ซวยแล้วไง! เขาคิดที่จะกลิ้งหลบแต่ด้วยร่างกายที่ไม่ตื่นตัวทำให้เขาเกือบโดนไฟประหลาดนั่นเผาเป็นจุณ ซีโร่ควบคุมน้ำในทะเลสาบให้กลายเป็นคลื่นยักษ์แล้วโถมมันใส่ร่างปริศนาอย่างรวดเร็ว สำเร็จไหม? เขาลุกขึ้นยืนแล้วมองมวลน้ำที่ม้วนตัวเป็นเกลียวบดขยี้ร่างนั้น
ตูม! เกลียวคลื่นถูกระเบิดออกและกระเซ็นไปทั่ว
เด็กหนุ่มรุ้คำตอบได้ทันที เขาจึงใช้เวทย์แช่แข็งน้ำพวกนั้นจนกลายเป็นลิ่มน้ำแข็งแล้วสั่งให้มันพุ่งใส่ร่างสีดำที่ยังคงยืนอยุ่ที่เดิมไม่ไหวติง
ซึ่งครานี้เขาไม่ยอมให้ตัวเองโดนโจมตี บุคคลปริศนาสร้างม่านพลังเปลวเพลิงขึ้นแล้วทำให้ลิ่มน้ำแข็งละลายและระเหยไปเอง "ดื้อด้านจริงๆนะขอรับ" เขาพูดขึ้นอีกแล้วสะบัดมือไปทางเด็กหนุ่ม พลันเกิดเกลียวเพลิงขนาดใหญ่ขึ้น มันถาโถมใส่ร่างของเขา
"แล้วมันจะทำไม!" ซีโร่คำรามตอบแล้วสร้างม่านพลังด้วยเวทย์น้ำแข็งขึ้น ถึงแม้มันจะถูกเปลวเพลิงเผาจนละลายไปบางส่วนแต่เขาก้ใช้ประโยชน์จากความชื้นในอากาศรอบตัวเข้าเสริมทันที นี่มันไฟอะไรเนี่ย ร้อนชะมัดเลย!
เคร้ง! เสียงโลหะกระทบของแข็งดังขึ้น เปลวเพลิงสลายไปปรากฏให้เห็นร่างในชุดคลุมสีดำ ดาบใหญ่ที่เต็มไปด้วยอัขระเวทย์ในมือเขาฟาดลงบนเกราะน้ำแข็งอีกครั้งจนมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาแย้มยิ้มเหี้ยมภาพใต้ผ้าคลุมสีดำแล้วเงื้อดาบขึ้นอีกครั้งหมายบั่นคอเด็กหนุ่มตรงหน้า
อาวุธสลายอาคม! ซีโร่เบิกตากว้างแล้วร่ายเวทย์ป้องกันชั้นสูงขึ้น เกราะแห่งแสงบางขั้นกลางระหว่างเขากับบุคคลปริศนา เขาไม่สามารถใช้เวทย์โจมตีไปพร้อมกับเวทย์ป้องกันระดับนี้ได้ มันเสี่ยงต่อพลังชีวิตเขา แถมอีกฝ่ายยังแข้งแกร่งมาก ถ้าไม่สำเร็จขึ้นมาเขาจะแย่
ดาบใหญ่ฟาดใส่บาเรียแสงอย่างไม่หวาดหวั่น พ่อมดเจ้าของดาบเร่งพลังเวทย์ให้สูงขึ้นทำให้เกราะเริ่มปริแตก
ชิ! เด็กหนุ่มผมเงินสลายอาคมแล้วกระโดดหลบอย่างรวดเร็วจนหลังชนกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แต่ดาบใหญ่ก็ตามมาติดๆทำให้เขาต้องสร้างบาเรียขึ้นป้องกันอีกครั้ง แต่มันจะไม่จบแค่นั้น เขาเสี่ยงใช้เวทย์2ประเภทพร้อมกันอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
กิ่งก้านของต้นไม้ด้านหลังเขางอกยาวขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วจับดาบใหญ่เอาไว้ไม่ให้สามารถเคลื่อนไหวได้
พ่อมด... ไม่สิ ควรเรียกว่านักดาบเวทย์ รู้สึกตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด เขาสลายอาคมแล้ววาดดาบฟันกิ่งไม้จนหัก ดาบใหญ่เงื้อขึ้นหมายปลิดชีพอีกครา
"ข้าขอบัญชา ศาสตราแห่งความตายอันหนาวเหน็บ เหมันต์นิรันดร!" ซีโร่พึมพำเบาๆ ดาบคริสตัลสีฟ้าใสปรากฏขึ้น เขาหมุนตัวหลบแล้วฟาดดาบเข้าปะทะทันที
เมื่อดาบของทั้งสองสัมผัสกันไอเย็น ดาบของซีโร่ก็ส่งไอเย็นเข้าไปแทรกแซงอัขระเวทย์บนตัวดาบทันทีทำให้เวทย์เสื่อมสลายอาคมเสื่อมลงไประดับหนึ่ง
บัดนี้ใบหน้าของเด็กหนุ่มไร้ซึ่งความรู้สึกโดยสิ้นเชิงราวกับคนละคน เขาวาดมือซ้ายไปด้านข้าง พลันปรากฏลูกไฟนัดสิบดวงขึ้น เขาสั่งให้มันโจมตีใส่นักดาบเวทย์ทันทีทำให้เกิดการระเบิดแล้วควันหนา
และไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้แล้วสวนกลับ เขาเรียกคทาเวทย์ออกมาแล้วปักมันลงบนพื้นทันที หัวลูกแก้วสีขาวหม่นที่ดูราวกับมีหมอกหนาปกคลุมอยู่ด้านในส่องแสงสว่างวาบ เถาวัลย์หนามมากมายปรากฏขึ้นแล้วพุ่งเข้าใ่ในกลุ่มควันหมายจับอริของผู้เป็นนาย
"เล็งไปทางไหนกันหรือขอรับ?" เสียงแห้งเหี้ยมดังขึ้น จากด้านหลังของเขา ร่างนั้นถูกไฟเผลจนผ้าคลุมหายไปกว่าครึ่ง ตามแขนขาเกิดแผลพุพองและแผลน้ำแข็งกัดจำนวนหนึ่ง บอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งออกมาได้ก่อนที่เขาจะใช้เวทย์สร้างเถาวัลย์ออกมาพันธนาการ "อ่อนหัดนัก!"
ดาบใหญ่ตวัดขึ้นอีกครั้ง มันอาบไปด้วยเพลิงสีเขียวสดที่ลุกโชน
ใกล้เกินไป! เขาเบิกตากว้าง ถึงแม้ติดที่จะยกดาบขึ้นต่อกรแต่คงจะยากเกินไป เขาหมดพลังไปกับเวทย์ต่อเนื่องนั้นจนแทบไม่เหลือแรงใช้พลังแช่อีกฝ่ายแล้ว
เคร้ง! มีดซัดสีเงินถูกปาออกมาขัดขวางการปลิดชีพเด็กหนุ่มเอาไว้ทำให้เจ้ของดาบใหญ่รุ้สึกเดือดดาลที่เวทย์ของเขาสลายไปเพียงเพราะมีดเล่มเดียว
"ใครบังอาจมาขัดขวางข้า!"เขาตะโกนถามอย่างเดือดดาล
"ก่อนจะถามข้าหนะ ก้มมองเหยื่อตัวเองก่อนเถอะ"เสียงอันเย็นชาของหญิงสาวดังตอบคำถามนั้นด้วยคำเตือน ทำให้นักดาบเวทย์ต้องก้มลงมอง
หายไปแล้ว! เขาตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นใกล้ตัว เขาไม่รู้สึกเลยว่ามีสิ่งมีชีวิตเข้าใกล้เขา
ฉึก! มีดซัดเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาปักที่กลางหลังของเขาพร้อมกับความรุ้สึกเจ็บแปลบและชาไปหมด พิษงั้นเหรอ! เขาคิดแล้วดึงมีดซัดนั้นออก ความหวาดกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเขา เขาไม่อาจจะจับสัมผัสของมครได้เลยไม่ว่า ของเด็กหนุ่มหรือของคนที่โจมตีเขา และด้วยความหวาดผวานั้นทำให้เขาต้องตวัดดาบใหญ่ในมือไปในทิศทางที่มีดซัดพุ่งออกมาซึ่งน่าจะเป็นทิศที่มีคนมากที่สุด
ตึ้ง เสียงต้นไม้ใหญ่ล้มลง
ไม่มี! นักดาบเวทย์มองผ่านซากต้นไม้ไปแต่ก็ไม่พบร่างใดอยู่เลย จิตสังหาร! เขาหันไปด้านมองด้านหลัง แล้วใช้ดาบใหญ่ตั้งรับดาบสั้นเล่มเล็กที่ทอประกายเย็นเฉียบ ร่างเจ้าของดาบนั้นเป็นเด็กสาวร่างเบาบางผู้มีเส้นผมสีดำลอนและนัยน์ตาสีรัติกาล
"เด็ก?"
"ผิดแล้วนะลุง..."เธอพูดด้วย้ำเสียงไร้เดียงสาแล้วเอียงคออย่างน่ารัก ก่อนจะเปลี่ยนมันเป้นยิ้มเหี้ยม "มือสังหารอาชีพต่างหาก" เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วใช้ดาบสั้นที่ซ่อนไว้ในอีกมือตวัดฟันขวางใส่ท้องเขา แต่โชคดีที่ลุง... เอ้ย นักดาบเวทย์คนนี้มีประสบการณืดีเขาจึงหลงได้อย่างเฉียดฉิว แต่ก็โดนฟันไปจนเลือดออกใช้ได้แหละ
"หน็อย" นักดาบเวทย์ใช้ดาบเพลิงเข้าห้ำหั่นอย่างดุดันและเอาจริงมากกว่าเดิมทำให้ความร้อนเพิ่มขึ้นจนดาบสั้นบิ่นจนหากไป เขาอาศัยโอกาสนั้นตวัดดาบฟันใส่ท้องของเด้กสาวอย่างรวดเร็ว ทำให้เสื้อบริเวณนั้นถูกเผาหายไปเป้นรอยเฉียงและมีแผลพุพองเลือดคั่งอยู่ด้านใน
"อ๊ากกกกกกก" เธอครางหนักๆแล้วกุมแผลที่ท้องเอาไว้
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเด้กสาวปลุกให้เด็กหนุ่มผมเงินตื่นจากการสลบไสล เขาพยายามลุกขึ้นแต่ทำไมไม่ได้ ทำได้เพียงลืมตามองภาพตรงหน้า เด็กสาวผมลอนกำลังถือดาบหักเข้าต่างกรกับนักดาบเวทย์ระดับสูง เสื้อขาดไปเป็นแนวยาว ผิวหนังบริเวณนั้นเป้นแผลพุพองยาวใหญ่อาการสาหัสเอาการ
คิลล์!!! เขาอ้าปากพยายามจะตะโกนเรียกอีกฝ่ายแต่ทำไม่ได้ เขาขยับปากพูดแต่กลับไม่มีเสียงใดออกมาเลย บอกให้รู้ว่าเขาถูกผนึกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ทำไม! ทำไมถึงต้องทำอะไรแบนี้ด้วย คิลล์เจ้าทำไปทำไม! ถึงแม้จะเป็นเสียงในความคิดแต่มันกลับชัดเจนและก้องกังวานในห้วงความคิดของเด็กสาวผู้บาดเจ็บ
"ทำไมหนะเหรอ?" คิลล์คำรามเสียงทุ้มต่ำอย่างเย็นชา เธอไม่ได้คุยกับคุ่ต่อสุ้แต่กำลังพูดกับเด็กหนุ่มที่เธอกำลังปกป้องเอาไว้ "เพราะสำคัญยังไงเล่า ไอ้งั่งเอ้ย!" เธอคำรามขึ้นฟ้าราวกับคนบ้าเสียสติแล้วจ้องมองนักดาบเวทย์ตรงหน้าอย่างเคียดแค้นราวกับเขาฆ่าบุพการีเธอยังไงอย่างงั้น "และแกก็บังอาจมาก จงสิ้นชีพแทบเท้าข้าซะ เจ้ามนุษย์ต่ำต้อย!" คิลล์พูดด้วยน้ำเสียงไร้สงบราบเรียบไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆก่อนจะถอยหายเข้าไปในความมืด
แล้วสัมผัสของเธอก็หายไปอีกครั้ง
มันจะมาทางไหน? ข้างหลัง... ซ้ายหรือขวา หรือด้านหน้า? นักดาบเวทย์กวาดตามองไปรอบๆอย่างระแวดระวัง
"ข้างล่างต่างหากหละ"เสียงหวานเย็นเฉียบดังก้องขึ้นในโสตประสาทของเขาทำให้เขาเผลอไผลตามนั้นแล้วก้มลงมองใต้เท้าตัวเองจนลืมระวังภัยเบื้องหน้าไป
เก่ง
...แต่ซื่อไป!
มีดซัดหลายสิบเล่มพุ่งออกมาจากรอบทิศทางโดยเป้าของมันคือชายปริศนาผู้ยืนอยู่ใกล้ทะเลสาบ แต่น่าเสียดาบที่เหยื่อของพวกมันเกินฉลาดขึ้นมากระทันหัน เขาจึงกระโดดหลบขึ้นไปด้านบน... แต่แน่นอนว่ามันไม่อยุ่นอกเหนือแผนการของเจ้าของอาวุธลับทั้งหลายแน่นอน
"ซื่อบื้อ" คำสบประมาทด้วยน้ำเสียงเย็นชาอันแฝงด้วยความคลั่งดังขึ้น จนทำให้คนโดนว่าต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
ยืนบนฟ้าได้! ทำไม? ก้มันซ่อนไอ้หนูนั่นอยู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงใช้เวทย์ได้? นักดาบเวทย์เกิดอาการลนลานเล็กๆ เขารีบก้มลงมองเบื้องล่างทันทีว่าอีกฝ่ายมีแผนอะไรวางไว้ข้างล่างหรือไม่
"ฮึๆ ก็จริงว่าเวทย์หนะใช้ไม่ได้ แต่ก็แค่ตอนปกติเท่านั้นแหละ..." เธอพูดแล้วแล้วโฉบลงไปคว้าคอเสื้อของชายปริศนาเอาไว้ไม่ให้เขาตกลงไปตามแรงดน้มถ่วง "มาใช้หนี้ให้ข้าซะดีๆ" คิลล์จับเขาเหวี่ยงไปในอากาศแล้วทุ่มลงบนพื้มอย่างแรงแล้วค่อยๆปล่อยให้ตัวเองล่วงลงไป แต่เมื่อเธอถึงพื้นยังไม่ทันที่จะได้ตั้งหลักให้ดีก็มีเกลียวเพลิงสีเขียวพุ่งเข้าใส่เธอ
เวรแล้วไง... เธอสูดหายใจเข้าปอดลึก ลมหายใจเหมันต์ทมิฬ เธอท่องชื่อเวทย์ในใจแล้วป้องปากพ่นลมหายใจออกไป เปลวเพลิงนั้นค่อยๆถูกล้อมด้วยคริสตัลสีใสที่มีอุณหภูมิเย็นยะเยือก น้ำแข็งที่ถูกเธอสร้างขึ้นนั้นไม่ได้ทำให้เพลิงมอดไฟแต่อย่างได้เพียงแค่กักขังเอาไว้เท่านั้น ซึ่งที่จริงเวทย์นี้เอาไว้ใช้ในการลงโทษสถานหนักที่ถึงตายก้ชดใช้ไม่ได้
แต่ไม่ทันทีเธอจะได้รวบรวมพลังให้กลับคือสภาพเดิมดาบใหญ่ก็พุ่งเข้าใส่เธอ สันดาบถูกกระแทกซ้ำเข้าที่แผลเดิม ทำให้ซี่โครงหักและอวัยวะภายในบอบช้ำถึงขั้นสาหัส
ชิ! เธอจับตัวดาบเอาไว้แล้วหักทิ้งเอาดื้อๆ คิลล์มองอาการหืดหอบของอีกฝ่ายด้วยความเย็นชา เด็กสาวซัดมืดสั้นอาบด้วยเพลิงสีขาวใส่อีกฝ่าย เธอจงใจเล็งที่ฮู้ดเพื่อที่เธอจะได้หมายหัวถูกคน
เขาปัดมีดของเธอออกแล้วใช้มือหนึ่งบดบังใบหน้าเอาไว้ ส่วนอีกมือก้รวมพลังเวทย์ เขาคิดจะเผาเะอให้เป็นจุณ
"ไซด์ ทางนี้ เร็ว!" เสียงของเซวีดังขึ้นด้วยความร้อนรนจากอีกฝั่งของป่า
"ชิ!" นักดาบเวทย์ส่งเสียงอย่างไม่พอใจแล้วใช้เวทย์ไฟสร้างควันขึ้นมาพรางตัวแล้วหายตัวไปทันที
ทางด้านของซีโร่ ภาพตรงหน้านั้นเขาเห็นเต็มตา เด็กสาวต่อสู้สุดกำลังโดยไม่ยอมใช้เวทย์มนต์เพียงช่วยเขาเอาไว้ แล้วร่างของเธอก็ล้มลง ผนึกจึงถูกคลายออก ความรู้สึกอันซับซ้อนผสมปนเปกันจนยุ่งเหยิง มันเหมือนตอนไหนนะ?
ตอนที่แม่ของเขาเอาชีวิตตัวเองมาแลกชีวิตเขายังไงหละ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังโกรธหรือเสียใจแต่สิ่งเดียวที่แน่นอนคือเขาจะต้องไปช่วยรักษาเธอเดี๋ยวนี้
เด็กหนุ่มรีบวิ่งออกไปประคองเด็กสาวทีี่มีสภาพสะบักสะบอมในนอนหนุนตักเขาแล้ววางมือเหนืออกซ้ายของเด็กสาว พลังเวทย์สีทองถูกถ่ายเข้าไปในร่างนั้นทันที
"ซีโร่ คิลล์!"เซวีวิ่งเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกับแจ๊คและไซด์ ส่วนจีเคนั่นออกมาจากป่าอีกด้านซึ่งซีโร่เคยถูกจับผนึกเอาไว้ชั่วคราว
วิ่งมาถึงเธอกก้ลากแจ๊คมาดูอาการของทั้งสอง ซึ่งโจรสลัดหนุ่มก็ทำหน้าที่และวินิจฉัยอย่างกับแพทย์มืออาชีพ
เขาก็ให้เซวีช่วยรักษาให้ด้วยเวทย์ธาตุแสงซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเนื้อ เขาทำให้ซีโร่ตกใจอีกครั้งเมื่อเขาเป็นคนรักษาบาดแผลภายนอกให้คิลล์จนหายสนิท ส่วนบาทแผลพุพองนั้นมีพลังเวทย์คลุมอยู่เขายังไม่มีฝีมือถึงขั้นแก้ได้ดังนั้นจึงอาสาเป็นคนแบกเด้กสาวไปห้องพยาบาล
ส่วนซีโร่นั้นก็ดดนรุ่นพี่หนุ่มบังคับจับพยุงไม่ยอมให้เดินเองเพราะเกรงว่ารุ่นน้องจะเป้นลมไปเสียก่อน
และในระหว่างทางไปห้องพยาบาลไซด์ก็แอบกระซิบถามเด็กหนุ่มผมเงินเกี่ยวกับเหตุการที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาก็ตกใจเป้นพักๆแต่ก็ไม่ได้พุดขัดอะไร หลังจากฟังจนจบรุ่นพี่หนุ่มก็มีท่าทางเคร่งเครียด อย่างมาก แล้วเขาก็พึมพำเบาๆว่า 'มันกลับมาแล้ว'
ไม่มีใครล่วงรุ้เลยว่า 'มัน' ยกเว้นเหล่าอาจารย์และรุ่นพี่ผมทองคนนี้เท่านั้น ซึ่งคนที่รุ้ดีที่สุดก้คงไม่พ้นไปจากผู้อำนวยการ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ