Phantom School

8.8

เขียนโดย Wondergirl

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.10 น.

  20 บท
  2 วิจารณ์
  24.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) ภูตมังกร(ทำสัญญา)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     แสงแดดยามเช้าลอดผ่านหน้าต่างบานใหญ่เข้ามากระทบลงบนใบหน้าขาวซีดของเด็กสาวผมดำราวรัติกาลอันไร้ดารา  ผิวขาวเนียนละเอียดนั้นยังคงไร้ชีวิตชีวาเช่นเคยไม่ว่าผู้เป็นจำของจะหลับหรือตื่น  ดวงตาทั้งสองที่ปิดสนิทมาเป็นเวลานานพอสมควรจนเจ้าของมิอาจจะทราบวันเดือนปีได้เริ่มมีการตอบสนองต่อแสงอาทิตย์

     แพขนตาดำงอนค่อยๆปรือขึ้นอย่างช้าเผยให้เห็นนัยน์ตาสีดำสนิทเช่นเดียวกับสีผมนั้น  เธอมองสำรวจสถานที่ที่เธอไม่รู้ว่าตัวเองมาได้อย่างไร...

     ห้องรักษาตัวสำหรับผู้ป่วยอาการหนักงั้นเหรอ  เธอสรุปกับตัวเองเบาๆในขณะที่มองห้องโล่งกว้างอันแสนปลอดโปร่งราวกับห้องในโรงแรมหรู  มีระเบียงครึ่งวงกลมยื่นออกไปด้านนอก  โต๊ะเล็กๆสำหรับรับแขกที่มาเยี่ยมและเก้าอี้อีก3ตัว  ซึ่งเธอก็พอเดาได้ว่าเพื่อนที่เหลือของเธออีกคนคงจะงอนหนีหายไปไหนหรือไม่ก็ต้องรักษาตัวเช่นเดียวกับเธอ

     อะไรอยู่ที่มือข้าเนี่ย...  เด็กสาวเหล่มองมือซ้ายของตนซึ่งรู้สึกถึงไออุ่นของมือที่สัมผัสกัน "อีตาบ้า" เธอยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วมองร่างของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินและมือที่จับกับมือเธออยู่แน่นไม่ยอมปล่อย

     เขาสวมชุดเครื่องแบบนักเรียนสีขาวเช่นเคยบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวฝืนไปฝึกและเข้าเรียนในคาบ  เพราะเสื้อโค้ชแขนยาวซึ่งเป็นเครื่องแบบนั้นจึงทำให้มองไม่เห็นบาดแผลทั้งมอง  ที่เห็นจะตาคงจะมีแต่แขนซ้ายที่เข้าเฝือกกับผ้าพันแผลที่แหลมออกมาจากแขนเสื้อข้างขวา  

     "อืม..." ซีโร่ครางเบาๆแล้วค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองหวังจะได้เห็นเด็กสาวลืมตาตื่นมาทักทาย...

     ซึ่งเขาก็ได้เห็น  ใบหน้าของเด็กหนุ่มผมเงินเปลี่ยนจากง่วงซึมเป็นตกตะลึงทันที่ "ข้าไม่ได้ฝันใช่ไหม?" เขาพึมพำประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนคนเพิ่งฟื้นรู้สึกอยากจะสลบอีกรอบ

     ผัวะ  ฝ่ามือหนักๆของคนเพิ่งฟื้นไข้ฟาดลงกลางกะบาลของอีตาคนไม่รู้ว่าอยู่ในความจริงหรือความฝัน  เธออ้าปากถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า "ที่นี่จะตื่นหรือยัง" ที่จริงเธอกะจะบ่นยาวไปเลยแต่ทำไม่ได้เพราะแค่พูดสั้นๆนั่นเธอคอเธอก้แทบจะเป็นผงแล้ว

     "โอย...  บอกกันดีๆก้ได้ข้าไม่ดื้อหรอก" เขาบอกพรางรินน้ำใส่แล้วยื่นให้คนป่วยเสียงอหบ

     คิลล์รับแก้วน้ำมาดื่มรวมเดียวหมดแล้วก้มหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนจะเงยหน้ามองไปหน้าซีดผิดปกติของเด็กหนุ่มผมเงิน "ไม่ดื้อ?  อย่างนี้หนะหรือเรียกว่าไม่ดื้อ?" เธอถามด้วยน้ำเสียงราบแรียบแกมประชดตำหนิทำเอาคนฟังอ้าปากจะเถอียงแต่ก้ต้องหุบสนิททันทีที่เธอพูดต่อ

     "เสี่ยงอันตรายขนาดนี้ยังจะบอกว่าไม่ดื้ออีกเหรอ!?  เจ้าบ้า  เจ้างั่ง  เจ้างี่เง่า  เอานิ้วเท้าคิดหรือไง  เจ้าไม่ดื้อตรงไหนบอกข้าซิ?  เจ้ามันไม่ดื้อตรงไหน!!" เธอตวาดด้วยความเดือดดาลเกรี้ยวกราดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  คงเป้นเพราะอาการบาดเจ็บและสูญเสียพลังไปเยอะจึงทำให้เธอสติหลุดง่ายๆ

     "ข้า..."

     "ไม่ต้องเถียง!  หุบปากแล้วฟังซะ  เจ้ามันดื้อมาก  ดื้อมากเท่าที่ข้าเคยเห็นมาเลย!  ข้าบอกบ้าอะไรตอนที่พวกภุตรับใช้ทมิฬนั่นรุมเจ้าเจ้าจำไม่ได้หรือไง!" เธอพูดขัดไม่ยอมให้เขาเถียง

     "เจ้าไม่เคยเข้าใจข้าเลยสักนิด!" ซีโร่ตวาดกลับบ้างอย่างทนไม่ไหว "เจ้าไม่รู้หรือไง!  ข้าไม่เรียกให้เจ้าช่วยเพราะอะไรไม่เคยรู้หรือไงกัน"

     "รู้"เธอตอบสั้นๆด้วยน้ำเสียงสงบลงเล้กน้อยเพราะเธอเริ่มเหนื่อยเนื่องจากตะคอกไปทั้งๆที่ร่างกายยังไม่พร้อม  และเะอก้ไม่เคยตะคอกใครแบบนี้ด้วย

     เด็กหนุ่มตะลึงงันกับคำถามแล้วคิดทบทวนในใจอย่างสับสน  รู้?  ถ้ารู้แล้วทำไมถึงยังบอกให้ข้าขอความช่วยเหลือจากเจ้า  รู้แล้วทำไมถึงเข้ามาช่วยข้าทั้งๆที่อันตราย?  เขาเริ่มอารมณืเย็นลงและคิดทบทวนอีกหลายหนซึ่งนั่นทำให้คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวเลย 

     "รู้ถึงได้ทำไงไอ้งี่เง่า  ข้าเข้าใจ...  เจ้าก็เข้าใจข้าบ้างเถอะนะ..." คิลล์พูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิวแล้วหลับตาลงเม้มปากแน่น "รู้ไหม?  กฏเหล็กของมือสังหาร 'ห้ามผูกมิตรกับใครหรือทำตามความรู้สึกใดๆ  เพราะมันจะเป็นหนทางแห่งความตาย' การเป็นห่วงใครก็เช่นกันมันเข้าข่ายที่จะผิดกฏ  ดังนั้นข้าจึงตัดทางให้ตัวเองไม่ต้องเป็นห่วงใครโดยการให้เจ้าเรียกทุกครั้งที่รับมือไม่ไหว  เพราะเมื่อยามนั้นมันเป็นหน้าที่ไม่ใช่ความรู้สึก  และข้าอยู่ไม่ได้หากไม่มีการต่อสู้หรือต้องทำเพื่อใครสักคน "

     หมายความว่าไงกัน...

     "ดังนั้นถ้าเดือดร้อนหรือตกอยู่ในอันตรายเรียกข้าเถอะ...  ให้ข้าได้ช่วยเจ้า  ได้ช่วย...  หัวใจอีกดวงของข้า" ใบหน้าของเธอดูอ่อนโยนจนดูราวกับเทพธิดาผุ้ให้ความหวังและแสงสว่างแก่ผู้คน

     เมื่อได้ยินดังนั้นเด็กหนุ่มก็หน้าขึ้นสีอย่างน่ารักน่าแกล้ง "วะ... ว่าไงนะ?" เขาแทบที่จะไม่เชื่อหูตัวเอง  เขาควรจะดีใจดีไหมที่เด็กสาวที่เขามีความรู้สึกดีๆให้ก็รุ้สึกดีต่อเขาเหมือนกัน

     "เอามาใกล้ๆ" เธอถอนหายใจแล้วกวักมือเบาๆเรียกให้อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้

     เด็กหนุ่มขยับตัวเข้าไปใกล้อีกนิด  แต่เด็กสาวก็บอกว่าให้เข้ามาใกล้อีก  เขาก็ขยับเข้าไปจนชิดขอบเตียง  ซีโร่ก้มหน้าไม่กล้าสบตากับดวงตากลมโตสีดำนั้น  ซึ่งทำเอาคนโดนหลบตาขัดใจนิดๆ

     มือเรียวดึงใบหน้าของเด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ใบหน้าหวานสวยแล้วจุมพิตลงบนหน้าผากขาวเนียนของอีกฝ่าย

     เด็กหนุ่มตกใจที่คำตอบเป็นเช่นนี้และด้วยความที่เขาไม่เคยโดนผู้หญิงใดจูบหน้าผากนอกจากผู้เป็นมารดามาก่อนจึงพยายามจะผลักเธอออกเบาแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเขาเหลือมือเดียว  ใบหน้าตื่นตกใจเริ่มสงบลงและขึ้นสีหนักกว่าเก่าด้วยความเขินที่โดนจูบแต่ทำอะไรไม่ได้

     คิลล์ปล่อยมือจากเขาแล้วมองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายขึ้นสีอย่างน่ารักแถมยังทำแก้มป่องงอนเป็นเด็กๆอีก  ยิ่งเพิ่มความหน้าแกล้งให้มากขึ้นเป็นเท่าตัว "เป็นอะไร?  ที่นี่รู้คำตอบชัดเจนยัง?" เธอถามด้วยทีท่าไม่สะทกสะท้านแล้วเอื้อมมือไปหยิกแก้มป่องๆขึ้นสีของอีกฝ่ายอย่างหยอกล้อเด็ก "งอนไปได้  เดี๋ยวก็จับปิดปากซะนิ"

     แล้วคำขู่เธอก็ได้ผล

     เด็กหนุ่มรีบหันไปถลึงตาใส่ทันทีก่อนจะเลิกทำแก้มป่อง "เอาเปรียบกันจริง" เขาพึมพำเบาๆจนแทบจะไม่มีใครได้ยิน..  ใช่แค่แทบจะ  เพราะถึงมือสังหารข้างกายจะบาดเจ็บแต่หูเธอไม่ได้ถูกปิดนี่  ดังนั้นเธอจึงได้ยินอย่างชัดเจน

     คนที่เสียเปรียบมันข้าต่างหากเล่า  ถึงยังไงข้าก็เป็นผู้หญิงนะ  บ่นจริงเชียว  ตกลงใครเป็นผู้หญิงกันแน่เนี่ย "ข้าหลับไปนานเท่าไหร่" คิลล์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าก่อนจะเอนตัวพิงพนักเตียง  สงสัยจะนอนนานไปหน่อย  ร่างกายไม่พร้อมเอาซะเลย  เฮ้อ  ลำบากจริงๆ

     "10วัน"

     "หา!  แล้วสอบหละ  อย่าบอกจนะว่าจะปรับข้าตก" เด็กสาวแทบลุกขึ้นมาบีบคอเด็กหนุ่มทันทีที่ได้ยิน  

     "เปล่าหรอกดพี่ไซด์ไปเขก...  ไปเจรจากับผู้อำนวยการให้ทำให้เธอไม่โดนปรับตกหนะ  แค่จะได้อันดับสุดท้ายเท่านั้นเอง  ไม่ต้องห่วงยังได้อยู่ที่หอเดิมแน่" เขาพูดโดยเลี่ยงที่จะหันไปมองหน้าเธอ  เขาไม่รู้ว่าตัวเองจะได้เจอกับสายตาน่ากลัวจะกินเลือดกินเนื้อหรือว่าสายตาเฉยชาเช่นปกติ

     "ระหว่างที่ข้าหลับมีเรื่องแค่นี้ใช่ไหม?" เธอถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้ความรู้สึกใดๆ  เหนื่อยจริงๆ

     "ก็..."

    ตึง!  ประตูที่น่าสงสารถูกถีบออกอย่างแรงโดยไม่เกรงใจใคร  พร้อมกับร่างอันแสนคุ้นเคยของคนถีบประตู  แจ๊ค  จีแคและเซวีแทบพุ่งเข้ามาในห้องถ้าไม่โดนสายตาขวางๆของคนเฝ้าไข้บอกให้อย่าทำเสียงดังไปมากกว่านี้  เซวีที่เดินรั้งท้ายจึงจำต้องยกประตูขึ้นติดไว้ที่เดิม  เธอยังไม่ลืมลงมนต์เอาไว้กันเสียงและกั้นผุ้คนภายนอกเข้ายกเว้นบางคนที่ตื่นไม่ไหวจึงมาช้า

     "คิลล์ดีจังที่เจ้าตื่นแล้ว  คือว่า..." แจ๊คพุ่งไปนั่งแทรกซีโร่จนฝ่ายนั้นแทบล้มหน้าทิ่ม

     "อีก3วันจะมีการทดสอบคัดเลือกคนที่จะทำหน้าที่ประธานนักเรียน  รองประธานนักเรียน  หัวหน้ากรรมการคุมกฏ  กรรมการคุมกฏ  แล้วก็หัวหน้าหอแล้วก็พวกฝ่ายบริหารงบประมาณสำหรับนักเรียนของแต่ละหอ" เซวีพูดต่อโดยไม่รอให้คนความจำสั้นอย่างโจรสลัดแถวนี้มาพูดให้ยุ่งยากเด็ดขาด "เป็นการคัดเลือกแบบทีม  ให้ทีมหนึ่งมี6คน  ซึ่งเราได้สมาชิกมาแล้ว4คน  อย่างที่เห็น  เจ้าจะร่วมด้วยหรือเปล่า"

     "เฮ้อ..." คิลล์ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหลับตาลงครุ่นคิด "มีสิทธิ์พิเศษที่มีประโยชน์ด้วยใช่ไหม?" เธอถามพร้อมกับหันไปมองใบหน้าหวานของเด็กสาวผมทรงทวินเทล

     "มีสิ  แต่ว่าอย่าฝืนจะดีกว่า...  รู้สึกว่าคุณหมอบอกให้พักไปอีก1อาทิตย์" จีเคตอบด้วยสีหน้าลำบากใจ  เธอไม่ค่อยอยากให้คนป่วยไปต่อสู้เลยจริงๆ  ถ้าทรุดหนักแล้วมันจะแย่  ดีไม่ดีแผลอาจจะไม่ยอมสมานตัวก็เป็นได้

     "ตกลง  และข้าจะหาสมาชิกอีกคนมาให้" เธอตอบด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชาและเกียจคร้าน  คิลล์เลิกผ้าห่มขึ้นแล้วสำรวจร่างกายตัวเองทันที  พบว่าที่ท้องของเธอถูกพันด้วยผ้าพันแผล  นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไร 

     ทุกคนแสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมาอย่างชัดแจ้งดดยเฉพาะแจ๊คซึ่งมีพลังแห่งการรักษา  เขารู้ได้ว่ามันสาหัสกว่าที่เห็นภายนอก "แต่คำสาปที่ตราอยู่บนแผลนั่นยังไม่สามารถคลายได้เลยนะ" 

     "ช่างหัวมันปะไร" คิลล์พูดแล้วลงจากเตียงลุกขึ้นยืนให้พวกเขาดู "คำสาปเพลิงโลกันต์มันไม่ได้หนักหนาอย่างที่เจ้าคิดหรอก" เธอส่ายหน้าเบาๆแล้วคลายผ้าพันแผลออก  เผยให้เห้นหน้าท้องแบนเรียบขาวเนียนไร้ซึ่งรอยแผลไฟไหม้หรือรอยแผลเป้นใดๆ "ข้าถอนรากคำสาปไปแล้ว"

     รากคำสาปนั้นคือพลังมนต์ดำที่ถูกใส่เอาไว้เพื่อให้คำสาปสามารถทำงานต่อไปได้แม้ว่าจะอยู่ไกลผู้ร่ายก็ตาม  ซึ่งถ้าเอาออกแล้วคำสาปจะอยู่ในสภาพจำศีลและไม่สามารถแสดงความสามารถได้จนกว่าผู้ร่ายจะใช้คำสาปซ้ำลงไปหรือไม่ก็ฝังรากคำสาปลงไปใหม่

     "เป็นคนที่อึดเอาการ..." เซวีถึงกำคิ้วกระตุกที่ได้ยินและได้เห็นกับหุกับตาว่าคนป่วยคนนี้ถอนรากคำสาปเองได้โดยไม่ต้องให้ใครช่วยเลย  เก่งเกินมนุษย์ไปไหม?

     "แล้วเรื่องสมาชิกอีกคนหละ"ซีโร่ถาม  เขาสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษเพราะว่านอกจากพวกเขาแล้วแทบจะไม่มีใครไ้ด้คุยกับเด็กสาวเลย  เกิดอาการหวงก้างขึ้นมากระทันหันเลยเชียว

     "ไปที่หอทางตะวันออก  ถ้าจำไม่ผิดหมอนั่นจะชื่อว่าอเล็กซ์  อยู่ชั้นปี1  ถึงภาพมายาจะอ่อนด้อยกว่าข้าแต่นิสัยดีและไว้ใจได้" เธอบอกขมวดคิ้วครุ่นคิดก่อนจะพูดออกไปเมื่อเห้นว่าทุกคนไม่รุ้จัก "เขาคือคนที่มาจีบข้าที่โรงอาหาร  ข้าเคยลองไปเข้าเรียนวิชาครอบงำจิตใจมา  เขาเก่งเอาเรื่องเลยหละ  แถมยังนับถือข้ามาก  ถึงความสามารถทั่วไปเช่นฟันดาบจะกระจอกแต่ถ้าให้เป้นคนสนับสนุนหละก้ใช้งานได้"

     ทุกคนร้อง "อ้อ" ออกมากันใหญ่แล้วพยักหน้าเข้าใจ

 

     ณ  ห้องโถงของหอผู้มีพลังจิตซึ่งเต็มไปด้วยนักเรียนชาย  บางคนก็ล่นไพ่  บางคนก็เล่นหมากรุกพลังจิต  ซึ่งทุกคนล้วนแต่ใส่ชุดลำลองแสนสบายเพราะอยุ่ในช่วงวันหยุด

     ก๊อกๆๆ  เสียงเคาะประตูดังขึ้น3ครั้งโดยที่ไม่มีใครสนใจ

     ผ่านไปไม่นานมันก็ดังขึ้นอีก  ซึ่งก้ยังไม่มีใครสนใจเช่นเคย

     โครม!  กระตูถูกพังเข้ามาทำให้ทุกคนหันไปสนใจ  ซึ่งผุ้หญิงและผู้ชายบางคนต่างก็แทบจะเป็นลมทันทีเพราะเด็กปี1ทั้งห้าซึ่งเป็นข่าวและดังมากกำลังยืนอยู่ตรงนั้น  แต่น่าสงสารประตูจังเลยเพราะไม่มีใครสนใจมันเลยทั้งๆที่มันพังลงยับเยิน

     "ดูนั่นสินั่น  นั่นคิลล์ใช่ไหม?  ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม?" ชายหนุ่มหลายคนต่างก็ตกใจที่ได้เห็น เด็กสาวผมดำลอนสุดสวยหุ่นดีซึ่งหายหน้าหายตาไปนาน

     "อืม  ข้าหายดีแล้ว  ตอนนี้ข้าอยากรู้ว่าอเล็กซ์  อยู่ไหน?" เธอถามเสียงราบเรียบพรางเดินออกมายืนรับหน้า "ข้าอยากจะให้เขาเข้าทีมข้าถ้ายังว่างอยู่" เธอพุดต่อทำเอาชายหนุ่มหลายคนโห่ร้องอย่างเสียดายที่ไม่ใช่ตน

     "คิลล์?" เสียงทุ้มนุ่มอันเต็มไปด้วยความนอบน้อมและไม่ล่วงเกินตามแบบสุภาพบุรุษดังขึ้น  พร้อมกับเจ้าของเสียง  เขาเป็นเด็กหนุ่มผมสีม่วงเข้ม  นัยน์ตาสีแดงดั่งทับทิมเลอค่าดูมีมนต์  ร่างกายสูงโปร่ง  เขาสวมเสื้อเขิ้ตสีแดงทับเสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงยีนขายาว "ที่พูดเมื่อกี่นี้เอาจริงนะ  จริงๆนะ?"เขาถามซ้ำด้วยความตื่นเต้น

     "แน่นอน  พูดแล้วไม่คืนคำ" คิลล์ยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตาเแยชาที่ไม่สามารถอ่านความรุ้สึกนึกคิดได้เช่นเคย

     "โอเค!  ข้ารับคำ" เขาพยักหน้าแรงแล้วยื่นมือไปให้เด้กสาวจับตามมารยาท  ขอย้ำตามมารยาทไม่ได้มีเจตนาลวนลาม

     "ซีโร่ไม่มีปัญหานะ" เธอยื่นมือไปจับกับอีกใฝ่ายอย่างไม่ลังเลแล้วหันไปมองหน้าเด้กหนุ่มข้างๆที่เอาแต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ

    หวงก้าง  ทุกคนต่างคิดพร้อมกีนโดยมิได้นัดหมาย

    "อาๆ  ตามใจเจ้าแล้วกัน  ข้าไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นแล้วนี่  ข้ามันก็แค่เจ้าชายตกกระป๋อง" เด็กหนุ่มผมเงินสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นทำท่าเหมือนผู้หญิงงอนอีก  ซึ่งทำให้ผู้ชายส่วนใหญ่คิดว่าเขาเป็นเก้งกวาง  แตจ่สำหรับผู้หญิงที่เป็นแฟนคลับเขาแล้วพวกเธอกลับรู้สึกว่ามันช่างเป็นท่าทางที่น่ารักเสียนี่กระไร

     "โธ่...  งอนไปได้" อเล็กซ์เดินไปกอดคอซีดร่ซึ่งตัวเตี้ยกว่าตนเล็กน้อยแล้วพูดต่อว่า "ไว้เลิกกันแล้วค่อยว่ากันข้าต่อคิวอยู่" เขาจงใจพูดกวนประสาทอีกฝ่ายเพื่อให้เขาอารมณ์ดีขึ้น  แต่ผลที่ได้กลับสวนทางโดยสิ้นเชิง

     ซีโร่วาดมือขวาออกไปทางอเล็กซ์  พลันเกิดมีดสั้นน้ำแข็งขึ้นในมือเขา  มันทาบอยู่ตรงคอหอยของคนที่เล่นไม่รู้เวลา "ฝันไปเถอะ" เขาพูดเตือนเป็นภาษาเอลฟ์  ซึ่งเด็กหนุ่มแน่ใจว่าอีกฝ่ายฟังออกเพราะพวกที่ใช้วิชาเกี่ยวกับพลังจิตส่วนใหญ่จะสามารถฟังภาษาได้หลากหลาย

     โป๊ก!  หมัดหนักเขกลงกลางกะบาลของเด้กหนุ่มผมเงินทำให้แววตาแข็งกร้าวเปลี่ยนไปเป็นเจ็บจี๊ดและร้องโอดโอยเบาๆ  เล่นซะเห็นดาวตอนกลางวันเลย

     "พอเลย  อเล็กซ์ก็เลิกเล่นได้แล้ว  เดี๋ยวฟ้องเซเลน่า" คิลล์ดีดหน้าผากเขาซ้ำแล้วหันไปดุเด็กหนุ่มหน้าทะเล้นที่กำลังขำคนโดนเขกอย่างออกรส

     อูย...  แรงมาก "ข้า...  ข้าขอโทษ  ขอร้องอย่าฟ้องเซเลน่าเลยนะเดี๋ยวนางหยิกข้าเขียวอีก" อเล็กซ์ทำหน้าท่าอ้อนวอนจนเข่าแทบทรุดลงไปกอดขาเรียวๆ  ดีนะที่อีกฝ่ายพยักหน้ารับก่อน

 

     ป.ล. เซเลน่าที่ว่านี่เป็นพี่สาวบุญธรรมของอเล็กซ์  ดุมาก

 

     หลังจากได้สมาชิกมาครบเรียบร้อยแล้วพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นชุดปกติทุกคนเพื่อเตรียมไปเที่ยว  สงสัยเหรอว่าเอามาจากไหน?  จากที่สมุดพกนักเรียนบันทึกไว้  ทางโรงเรียนจะส่งสัมภาระสำคัญเช่นเสื้อผ้ามาให้ขอแค่เขียนระบุลงในรายการ  แล้วชวนกันไปเที่ยวในเมืองซึ่งอยู่อีก3เกาะถัดไป  แน่นอนว่าพวกเขามีเงินของที่นี่แล้วซึ่งได้จ่กเบี้ยเลี้ยงที่โรงเรียนจากให้นักเรียนที่ไม่คิดจะกลับบ้าน 

     การเดินทางผ่าน3เกาะนั้นจะต้องใช้สัตว์พาหนะเพราะจะเร็วกว่ามาก  พวกเขาจึงต้องแวะที่คอกเก็บสัตว์พาหนะที่เกาะทางใต้ก่อน  โดยทางโรงเรียนจะจัดสรรสัตว์พาหนะเอาไว้ให้เท่ากับจำนวนนักเรียนและมีหลายหลายชนิดให้เลือก  พอเลือกแล้วต้องทำสัญญาณแสดงให้เห็นว่ามีผุ้ครอบครองอยู่  และสัตวืพาหนะตัวเดียวจะสามารถทำสัญญากับเจ้านายได้เพียงคนเดียว

     "ไปเอาสัตว์พาหนะกันเถอะ  ส่วนคิลล์เดี๋ยวลองเดินดูได้เลย  ชอบตัวไหนก้ลองเจรจาแล้วทำสัญญาณเลยนะ" จีเคพูดแล้วเรียกชื่อสัตวืพาหนะของตน "ไลธ์" บนท้องฟ้าปลอดโปร่งพลันเพกาซัสสีขาวสะอาดตาตัวหนึ่งวิ่งลงมาจากในหมู่เมฆสีทอง  ปีกคู่ใหญ่ บนหลังค่อยๆหุบลงเมื่ออยุ่ตรงหน้าจีเค  มันก้มหังและย่อขาอย่างเคารพและเชื่อง "เด็กดี" เธอลูบหัวมันแล้วสั่งให้ไปบินรออยุ่รอบๆก่อน

      ที่ต้องทำเช่นนั้นเพราะว่าเพกาซัสของเธอมักจะไม่ค่อยชอบโดนออกคำสั่งทันทีดังนันต้องให้มันเล่นจนสาใจก่อน

      คิลล์เดินเข้าไปในดรงเก้บสัตว์พาหนะซึ่งมีรูปร่างคล้ายวิหาร  ด้านในไม่ค่อยมีสัตว์ภาหนะเหลือแล้วที่จะมีก็แต่พวกชนิคดุร้ายและไม่ชื่อฟัง  ดังนั้นพวกมันจึงถูกผนึกเป็นหินไว้  เด็กสาวมันไปแล้วก้ไม่รู้สึกต้องตากับตัวไหนเลย  เพราะความเป้นสัตว์ป่าหรือสัญชาตญาณดีเยี่ยมไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ  

     เด็กสาวเดินมาหยุดตรงหน้ารูปปั้นมังกรยักษ์ที่สุดทางเดิน  มันถูกผนึกในสภาพหมอบลงบนพื้นและปีกทั้งสองข้างหุบอยู่ ร่างใหญยักษ์ดูองอาจและน่าเกรงขาม  ฟันใหญ่แหลมคมจำนวนมากในปากของมันสามารถสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้แก่อัศวินผู้ที่คิดจะสยบมัน  ดวงตาคมกร้าวดั่งสัตว์ป่ายังคงความบ้าคลั่งและกระหายเอาไว้แม้จะหลายเป็นหิน

     เด็กสาวผมดำลอนเอื้มมือไปแตะที่อัญมณีตรงหน้าผากมันมันซึ่งถูกสาปจนเป็นหิน "เหงาไหม?  อยู่ตัวคนเดียวมาเนิ่นนาน" เธอเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนแล้วลูบไล้อัญมณีนั้นอย่างเบามือ  ถึงแม้น้ำเสียงจะอ่อนลงและเป็นมิตรแต่ทว่าใบหน้ายังคงไร้ความรุ้สึกเช่นเคย

     ตึกๆ  เสียงหัวใจของเข้ายักษ์ตรงหน้ากระตุกวูลบอกให้รู้ถึงการมีชีวิตอีกครา  คำสาปหินค่อยๆสลายไปโดยเริ่มตั้งแต่อัญมณีที่กลางหน้าผากเผยให้เห็นอัญมณีใสสะท้อนประกายสีดำอันเต็มไปด้วยมนตรา  เกล็ดสีดำทมิฬเป็นมันวาวแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า  นัยน์ตาสีทองส่องประกายวาวด้วยความตะลึงและเกรีเยวกราด  ทันทีที่มันหลุดพ้นจากคำสาปมันก้ยืนขึ้นแล้วคำรามเสียงดังกัมปนาท  แสดงถึงอำนาจเพื่อข่มขู่มนุษย์ตัวจ้อยผู้ปลดปล่อยตน

     "ไม่มีใครจะทำร้ายเจ้าหรอก" คิลล์พูดอย่างใจเย็นและไม่มีทีท่าตื่นกลัว  เธอโดนทำให้กลัวมามากจนเริ่มไม่รู้จักคำว่ากลัวแล้วดังนั้นแค่มังกรทำไมเธอจะต้องกลัว "ข้ามารับเจ้าแล้ว..." เธอพึมพำออกไปโดยที่ไม่รู้ตัว

     ถึงแม้เสียงพึมพำจะเบามากแต่เจ้าอสูรร่างยักษ์ก็ได้ยิน  มันหันลงมองเธอด้วยนัยนสีทองวาว  ร่างของมันค่อยๆหดเล็กลงจนเท่าตัวคน  เป็นชายรูปร่างสูงไม่กำยำมาก  และเมื่อทุกอย่างหยุดเปลี่ยนแปลงมันก็กลายเป็นเพื่อนในกลุ่มของเธอคนหนึ่ง

     อเล็กซ์  เพียงแต่ว่าเขาผมยาวกว่าและใส่ชุดเครื่องแบบของหออัศวินดำแบบเต็มยศ 

     "นายของข้า?" เขาถามด้วยน้ำเสียงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน

     "อธิบายทีสิอเล็กซ์ทำไมเจ้าเป็นมังกร" เ้ด็กสาวถามหน้าเครียดเธอเกรงว่าเจ้ามังกรจะเล่นตลกกับเธอหรือก้อาจจะเป็นคนข้างนอกที่กำลังเล่นละครลิงอยู่...  แต่อย่างหลังมีความเป้นอันตรายกว่ามาก

     "ข้ามิได้ชื่ออเล็กซ์  ข้าชื่ออเล็กซิสต่างหากหละเจ้ามนุษย์  เจ้ามีเพื่อนที่หน้าตาเหมือนข้างั้นเหรอ"  อเล็กซิสถามอย่างงงเพราะถูกผนึกมานานมาก  แต่แล้วเขาก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน "น่ากลัวว่าข้างนอกจะมีอันตรายเกิดขึ้นจริงๆแล้วหละ...  ไอ้บ้านั่น" เขาพูดด้วยน้ำเสียงขรึมขึ้นเล็กน้อยและขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

     "บัดซบ..." คิลล์มองไปออกไปยังด้านนอก  อเล็กซ์กลาย่รางเป็นภูตดินไปแล้ว...  แถมยังกำลังสู้กับพวกนั้น...  น่าห่วงจริงๆ  ภูตแก่นั้นท่าทางจะฤทธิ์เยอะุน่าดู "อเล็กซิสเจ้าโดนมันผนึกสินะ" เธอพอจะเดาเรื่องได้รางๆว่าทำไมทีแรก2คนนี้ถึงหน้าเหมือนกัน

     "อ่านใจข้ารึสาวน้อย  ถ้ารู้แล้วก็ทำสัญญากับข้าซะ  ข้าออกไปจากที่นี่ไม่ได้ถ้าไม่ีมีคนทำสัญญา" เขากัดนิ้วหัวแม่มือยื่นให้เธอ

     คิลล์ทำตามพรางร่ายเวทย์ในใจ  ด้วยอำนวจแห่งข้า  ข้าขอบัญชา  จงผูกพันธกิจเลือดแห่งชีวิตข้าและมังกรนามอเล็กซิส เธอยื่นมือจับมือใหญ่ของอีกฝ่าย   พลันเกิดวงแหวนเวทย์สีขาวที่มีประกายสีดำทมิฬซึ่งเป็นเอกลักษณ์พลังเวทย์ของเธอ  แล้วมันก็ค่อยๆเลือนหายไป  เธอสะบัดมือออกทันทีแล้วกระโดดก้าวยาวๆหายไปในเงามืดและปรากฏตัวอีกทีที่หน้าวิหาร

     อเล็กซิสมองมือของตัวเองที่ได้รับสัมผัสแห่งพลังอันยิ่งใหญ่อย่างตกตะลึง  นานแล้วนะที่ข้าไม่ได้พบกับผู้ที่คู่ควรแก่ข้า  เจ้านาย...  เขาพุ่งตัวออกไปจากวิหารด้วยความเร็วราวกับเหาะ  และนานแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกันไอ้เพื่อนทรยศ  แววตาของเขาวาวรอยแค้นอีกครา...

 

     คราวนี้ไม่ตายไม่เลิกรา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา