Phantom School
8.8
เขียนโดย Wondergirl
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.10 น.
20 บท
2 วิจารณ์
23.72K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) พบเจอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ชายแก่หลังค่อมเดินนำหน้าเด็กหนุ่มสาวทั้ง2ไปยังตัวปราสาทหินสีเทา พวกเขาค่อยๆเดินไปอย่างช้าๆเนื่องจากคนนำทางนั้นขาสั้นเกินกว่าจะเดินเร็วดเท่าพวกเขาทั้ง2คนได้
ท้องฟ้าเริ่มเป็นเป็นสีน้ำเงินอีกครา เรื่องอัศจรรย์เกิดขึ้นต่อหน้าเด็กทั้งสอง ประตูไม้ของปราสาทเปิดออกเองอย่างเชื่องช้า โคมไฟโบราณลอยออกมาเป็นแถวลอยอยู่เหนือเหนือหัวที่2ข้างทางเดินหินอ่อน ด้านในปราสาทถูกเปิดไฟจนสว่างโล่ง วัตถุปริศนาสีขาวและดำลองออกมาหยุดตรงหน้าของเด็กหนุ่มและเด็กสาว
พวกเขาหยุดเดินเพราะตกใจแต่ก็ไมุ่ถึงกับอึ้งจนเป็นลม เพราะโลกที่เวทย์มนต์เช่นนี้อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ที่พวกเขาตกใจเพราะมันเป็นเวทย์มนต์ที่อลังการมากต่างหาก ทั้งเกาะลอยได้ ประตูเปิดเอง โคมไฟลอยได้และนี่ก็... ชุดเครื่องแบบ?
เมื่อคนค่อมเห็นเด็กทั้งสอง... อย่างน้อยก็1คนแหละที่แสดงสีหน้าตกใจนิดๆออกมา เขาก็อมยิ้มนิดๆที่มุมปากตามประสาคนแก่ที่ชอบแกล้งให้เด็กตกใจ เขากระแอ่ม2ทีแล้วจึงอธิบายถึงห่อผ้าทั้ง2ที่ลอยอยู่ตรงหน้า
"นี่คือเครื่องแบบและสมุดพกเวทย์มนต์นะขอรับ สีของเครื่องแบบนั้นมีหลายสี หากพวกคุณไม่พอใจกับสีทางเราจัดมาให้จะเอาไปเปลี่ยนก็ได้นะครับ"เขาิยิ้มกว้างโชว์ฟันผุๆของตัวเองแล้วจึงมองเด็กๆเป็นเชิงถามว่า อยากถามอะไรไหม?
"อ่า... แล้วขนาดตัวหละ?"ซีโร่ถาม
"พวกข้าทำการวัดแล้วขอรับ"คนค่อมพูดอย่างอ่อนน้อมเช่นเคย แต่พอนึกได้ว่าเขาไม่ได้พามาเพียงเด็กหนุ่มคนนี้เขาจึงเรีบแก้ต่างให้ตัวเองอย่างกระวนกระวายด้วยเกรงว่าอาจจะไม่ได้อยู่จนปลดกระเษียณ "อ่า... ข้าไม่ได้วัดตัวท่านด้วยหรอกนะขอรับ เรื่องนั้นให้พวกเอลเวน..."
"ข้าไม่ถือ ไม่เป็นไร..."คิลล์พูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วเตือนสติของชายชราหลังค่อมว่า "ไปกันเถอะ เจารีบอยู่มิใช่รือ" คำพูดที่เธอเปล่งออกมานั้นทำเอาคนถูกเตือนถึงกับสั่นสะท้านไปทั่วกาย เธอดูมีอำนาจและน่าหวาดหวั่นยิ่งนักเมื่ออยุ่ในสถานที่แบบนี้ เพราะเธอดูไร้อารมณ์และไม่รู้สึกอะไรเลย
พวกเขารับเครื่องแบบตรงหน้ามาถือไว้อย่างเงียบแล้วรอฟังคำตอบของคนค่อม
"ขอรับ"เขาตอบรับเสียงดังฟังชัดแล้วรีบวิ่งสุดชีวิตเข้าไปยังตัวปราสาทสีเทา
ซีโร่มองคิลล์ด้วยความสงสัย เขารู้สึกเหมือนเธอกำลังโกรธแค้นเลยยังไงอย่างงั้น แต่เมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตาด้วยเขาก็แกล้งทำเป้นมองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ
ก้าวแรกเมื่อเข้ามายังตัวปราสาท น้ำหนักตัวของพวกเขาก็ถูกรองรับไว้ด้วยพรมกำมหยี่สีน้ำตาลอมส้มผืนใหญ่ที่ถูกปูเอาไว้จนเต็มพื้นที่ห้องโถงด้านหน้า ที่นี่ค่อนข้างมีเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเรียบง่ายและโบราณ แต่ทุกอย่างก็สะอาดสะอ้านดี ด้านข้างทั้งซ้ายและขวาของห้องมีบันไดไม้สำหรับขึ้นไปยังชั้น2 ด้านหลังสุดของห้องมีประตูไม้ทรงรีถูกคล้อยกุญแจไว้ขนาดสูงพอที่ 'คน' จะเดินผ่านได้อยู่
อย่างกับราชวังแหนะ... คิลล์คิดในใจพร้อมกับเดินตามชายชราหลังค่อมไปทางประตูทรงรีซึ่งถูกล็อคเอาไว้ เธอรอให้เขาเปิดมันออกแล้วจึงมองสำรวจโดยคร่าวๆ
ด้านในมีเด็กเต็มไปหมดเลย... เธอคิดขณะเดินเข้าไปยังสถานที่แออัดซึ่งเต็มไปด้วยเด็กๆอายุพอๆกับเธอและซีโร่... หรือบางคนที่โตกว่ามากก็มี ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงล้วนแต่สวมชุดเครื่องแบบ
"กรุณาช่วยเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบนี้ด้วยนะขอรับ... เอ่อ ถ้าเป็นไปได้ช่วยถอดหน้ากากออกด้วยนะขอรับ" ชายชราหลังค่อมผ่ายมือไปทางประดูด้านข้างโถงใหญ่ใหญ่ที่เต็มไปด้วยเด็กๆซึ่งมีอยู่2บาน แยกเป็นหญิงชาย
"อืม เข้าใจแล้ว"คิลล์พยักหน้ารับแล้วเดินหายไปในเงาหนึ่งของห้องโถงก่อนจะปรากฏตัวอีกทีที่หน้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยที่ไม่มีใครสังเกตุเห็นเว้นแต่คนที่จับตาดูธออยู่
เห็นดังนั้นเด็กหนุ่มจึงคิดที่จะไปบ้างแต่ก็ถูกรั้งแขนเอาไว้ข้างหนึ่ง เขาหันไปมองด้วยความสงสัย คนค่อมคนนี้จะรั้งเขาเอาไว้ทำไม?
"อย่ายุ่งกับนางเลยเจ้าชาย... ไม่งั้นพระองค์อาจจะมีภัยได้"เขาพูดแล้วปล่อยมือซีโร่ ชายชราตัวเตี้ยหายวับไปจากสายตาทันทีที่พูดจบปล่อยให้คนถูกเตือนยืนงงอยู่คนเดียวท่ามกลางความวุ่นวาย
มีภัยงั้นเหรอ... ข้าก็ประสบกับภัยมาตั้งนานแล้วนี่ เขาค้านในใจอย่างหงุดหงิดที่ตัวเองไม่เข้าใจสิ่งชายชราหลังค่อมพูดเลย
ณ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้หญิง
เสียงหัวเราะคิกคักของเหล่าเด้กสาวดังขึ้นเบาๆเป้นระยะระหว่างที่พวกเธอกำลังแต่งหน้าทาปากกันอย่างสนุกสนาน บางคนก็ดัดแปลงชุดเครื่องแบบนักเรียนให้ดูเก๋ขึ้นหรือไม่ก็แต่งตัวแต่งหน้าตลกๆเพื่อเอามาล้อเล่นกับเพื่อน...
นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น
แต่ความจริงแล้วตอนนี้... มันเงียบมาก ร่างผอมบางของเด็กสาวซึ่งควรที่จะกำลังแต่งหน้าอยู่นั้น อ่อนยวบและจุ่มหัวลงในอ่างล้างหน้า เครื่องสำอางเลอะเทอะเปรอะเต็มดวงหน้าสีซีดจืดไร้ซึ่งการแต่งแต้ม และอีกหลายๆคนที่สลบอยุ่บนพื้นห้องแต่งตัว ยกเว้นเสียแต่คนก่อเรื่องซึ่งกำลังใส่เครื่องแบบนักเรียนสีดำของตนอยู่
เธอสวมเสื้อโค้ทสีดำยาวลงมาเหนือเข่า ติดกระดุมข้างและเข็มขัดสีขาว บนอกเสื้อด้านซ้ายมีเข็มกลัดสีเงินรูปปีกนกหนึ่งข้างอยู่
เมื่อจัดแจงเสื้อผ้าและอาวุธเสร็จแล้วเธอจึงตัดสินใจปลดหน้ากากออกแล้วซ่อนไว้ใจกระเป๋าเสื้อ แล้วจ้องมองใบหน้าของตนในกระจกด้วยแววตาเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
...นานเพียงใดแล้ว? ที่ไม่ได้มองหน้าตัวเองในกระจก เธอหัวเราะแห้งๆแล้วเดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไป ปล่อยให้ร่างอื่นๆอีกหลายคนในนั้นสลบไสลต่อไป
"ทำไมไปนานจัง"เมื่อเห็นเด็กสาวเดินออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ไร้สิ่งใดบดบัง ซีโร่จึงรีบตรงเข้าไปถามอย่างกระวนกระวายใจนิดๆ
"ทำสิ่งที่ควรจะใหมันเป็นต่อไป"เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนลงจากตอนใส่หน้ากากเล็กน้อย แต่แล้วเธอก็นิ่วหน้าอย่างประหลาดใจ กลิ่นไอเวทย์อีกแล้ว เต็มไปหมด และวินาทีต่อมารอบๆตัวพวกเขาก็ปรากฏเก้าอี้ขึ้น
เด็กสาวนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆแล้วดึงเด็กหนุ่มผมเงินที่ยังออกอาการงงๆอยุ่ให้นั่งลง เขาใส่เครื่องแบบคล้ายๆเธอเพียงแต่ว่าโค้ทนั้นสั้นกว่ามากและสวมกางเกง และมันเป้นสีขาวสะอาดต่างจากเครื่องแบบสีดำของเะอลิบลับ ส่วนเข็ดกลัดก็เป็นสีทอง
"ดูดีขึ้นเยอะเลยเวลาไม่ใส่หน้ากาก"ซีโร่แซวเธอด้วยหวังว่าจะให้เห็นใบหน้าเรียบเฉยนั้นขึ้นสีระเรื่อแบบน่ารักๆเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ
"ขอบใจ"เธอพูดสั้นๆด้วยใบหน้าที่เย็นชาและเรียบเฉยเช่นเคย
ผิดหวังจังแฮะ เฮ้อ เขาลอบถอนหายใจพรางจ้องไปยังเวทีต่างระดับและแท่นบรรยายด้านหน้า เพราะเด็กๆส่วนใหญ่นั่งลงแล้วเขาเลยสามารถมองเ้ห้นได้ชัดยิ่งขึ้น
"สวัสดียามค่ำ เหล่าเด็กผู้ถูกชะตากรรมกลั่นแกล้งให้มายังที่แห่งนี้"เสียงทุ้มเข้มดังไปทั่วทั้งโถงประชุม ตามมาด้วยร่างของเจ้าของเสียงซึ่งค่อยๆปรากฏขึ้นหลังแท่นบรรยาย
เขาเป็นชายผมทองอร่าม ผมยาวๆของเขาถูกรวบไว้เป็นหางม้าหลวมๆ นัยนืตาสีแดงฉานดั่งทับทิบเลอค่า โคร่งหน้าอ่อนหวานคล้ายดั่งสตรี เพียงแต่ว่าเขามีรุปร่างสูงโปร่งและแผ่นอกที่กว้างกว่ามาก เขาสวมชุดสูทโบราณเหมือนแวมไพร์
"ข้าคือผู้อำนวยการของสถานกักกัน... เอ้ย สถานศึกษาแห่งนี้ มีนามว่าเซเรฟขอรับ เด็กน้อยทั้งหลายคงจะสงสัยและรำคาญกระผมอย่างยิ่งแล้ว..."เซเรฟพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่นและน่าหลงใหล "ที่พวกเจ้าทั้งหลายต้องมาอยู่ที่นี่มีเพียงอย่างสองอย่างก็คือ... ความสามารถในการสร้างความหวาดผวาแก่โลกและปีศาจร้ายที่อยู่ในตัวพวกเจ้ายังไงหละ เอาหละ เดี๋ยวพวกเจ้าจะได้ทราบว่าที่พักของตนอยู่ที่ไหนจากสมุดพกเวทย์มนต์ คืนนี้จะมีงานเลี้ยงต้อนรับนักเรียนใหม่ทั้ง..."เขาพูดลากเสียงอีกครั้งแล้วยกกระดาษแผ่นเล็กขึ้นมาดู "อ้อใช่40คน ซึ่งบางส่วนก็อยุ่ในนี้และบางส่วนก็กำลังหลงทางอยู่ในปราสาท ขอเตือนไว้อย่างนะ..."เขาเว้นช่วงแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขามเหมือนการข่มขู่มากกว่าเตือน "อย่าๆได้คิดหนีออกไปจากโรงเรียนแห่งนี้เป็นอันขาด"
สิ้นเสียงของผู้อำนวยการโรงเรียนอันน่าหวาดหวั่น เหล่านักเรียนใหม่มีอยู่ในห้องประชุมแห่งนี้หลายคนต่างก็พากันเป็นลมล้มตึงกันจนแทบไม่เหลือ
เซนทอร์ตัวหนึ่งวิ่งเหยอะๆไปยังแท่นบรรยายแล้วกระซิบกระซากบางอย่างที่ข้างหูของผู้อำนวยการแล้วยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆให้ เซเรฟพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเขาเข้าใจแล้วจึงโบกมือเ้ป็นสัญญาณให้เซนทอร์ตัวนั้นลงไปยืนรอข้างล่าง
"อ้อ มีอีกเรื่องที่ต้องแจ้งให้ทราบ เรื่องหอพักและตำแหน่ง ทุกอย่างจะถูกแจ้งเอาไว้ในสมุดพกเวทย์มนต์ เดี๋ยวรุ่นพี่ผู้แสนใจดีจะขึ้นมาแจกแจงให้ฟัง แล้วก็... อย่าแตกตื่น"พูดจบเขาก้หายไปราวหมอกควัน
ทำไมโรงเรียนนี้เขาชอบหายตัวไปต่อหน้าผู้คนด้วยนะให้ตายเถอะ แล้วจะไม่ให้แตกตื่นยังไงไหว คิลล์บ่นในใจอย่างเหลืออดกับสถานที่และการกระทำเช่นนี้ ตอนนี้คนที่นั่งติดกับเธอนอกจากซีโร่ล้วนแต่เป็นลมจนหมดแล้ว นี่ก็ปอดเกิน
ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าดังสม่ำเสมอดังขึ้นเรียกให้นักเรียนที่เหลือหันไปมองด้วยความสนใจ
รุ่นพี่ผู้แสนดีที่ว่า... หน้าตาเหมือนนักเลงยังไงชอบกลแฮะ หน้าตาท่าหาทางหาเรื่องเป็นบ้า ซีโร่สรรเสริญรุ่นพี่ผมทองที่กำลังยืนอยู่บนแทนบรรยายโดยไม่คิดเลยว่าพี่แกอาจจะเป็นเอสเปอร์เป็นก็ได้
รุ่นพี่ที่ว่านี่เป็นชายหนุ่มผมทองปล่อยยาวระลำคอ นัยน์ตาดุคมสีเดียวกันกับเส้นผม ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย และอย่างที่ซีโร่ว่า ท่าทางหาเรื่องเ้ป็นบ้าเลย แต่ถึงกระนั้นเด็กใหม่และรุ่นน้องของเขาหลายคนก็ยังคงส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดให้เขาโดยไม่กลัวว่าวินาทีต่อมาตัวเองอาจจะได้นอนยาว... เอ้ย นอนห้องพยาบาล
"แสบแก้วหู"คิลล์พึมพำเสียงทุ้มแหบอย่างหงุดหงิดแม้ว่าสีหน้าเธอจะไม่ค่อยเปลี่ยน มือทั้ง2ข้างถูกใช้กุมหูแน่นเพื่อให้ประสาทรับเสียงของเธอรอดปลอดภัยเอาไว้ใช้สำหรับการหลับไปยังโลกเดิม ถ้าข้าหูแตก ข้าจะเอาชีวิตพวกเจ้าทั้งดรงประชุมเลย ให้ตายสิพับผ่า
"เงียบ! แล้วก็หวัสดีทั้งเด็กเก่าและเด็กใหม่ ชื่อของข้าคือไซด์ เดมอน ถ้ามีไอ้งั่งที่รู้จักกับพวกเจ้าคนไหนหลงอยู่ในปราสาทนี้ก็เอาสิ่งที่ข้าประกาศไปบอกด้วยแล้วกัน" พูดจนทั้งห้องประชุมก็ประสบกับความเงียบ
โฉด
นักเรียนหลายๆคนสรรเสริญรุ่นพี่คนนี้ในใจก่อนที่พี่ท่านจะพูดต่อว่า
"ผึ่งหูฟังกันให้ดีๆ ข้าจะอธิบายครั้งเดียว สัญลักษณ์และเรื่องที่จะเรียนของแต่ละหอมีดังนี้!
1.กริฟฟิน หอผู้มีพลังจิต อยู่ทางตะวันออก เกี่ยวกับอำนาจและการควบคุม
2.บาซิลิสก์ หอผู้ลอบสังหาร อยู่ทางตะวันตก เล่ห์เหลี่ยม ยาพิษ อาวุธลับ
3.ยูนิคอร์น หอมนตรา อยู่ทางใต้ เวทย์มนต์ศาสตร์
4.มังกร หออัศวินดำหรือหอมือสังหารทมิฬ อยู่ทางเหนือ ทุกสิ่งที่อยากจะเรียน"
เมื่อพูดจบเขาก็สะบัดหน้าเดินลงจากแท่นบรรยายอย่างไม่ใยดีสายตาขอความช่วยเหลือและอ้อนวอนจากรุ่นน้องเลยแม้แต่น้อง
พวกเขาส่วนใหญ่ไม่อยากรุ้เรื่องนี้ พวกเขาอยากรู้ว่าทำยังไงถึงจะได้กับไปยังพื้นดินต่างหากหละ
ว่าแต่...หออัศวินดำที่ว่าทุกสิ่งที่อยากเรียนนี่... อะไรของพี่ท่านฟ่ะ
คิลล์ล้วงสมุดพกของตัวเองออกมาเปิดดู ในนั้นว่างเปล่าจนถึงเมื่อกี้ แต่ตอนนี้กลับปรากฏข้อมูลของเธอเอาไว้อย่างชัดเจนและ... ข้องข้างจะถูกต้องเสียด้วย ส่วนหอที่เะอได้ก็คือไอ้หอเจ้าปัญหาที่บอกว่า 'ทุกอย่างที่อยากจะเรียน' นี่แหละ ส่วนบรรทัดต่อมาทันทำให้เธอแทบอยากจะหนีไปให้ไกล
ทั้งๆที่ไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนต่อใครไปมากกว่านี้ ไม่อยากจะอยุ่ในที่ที่คนเยอะๆ...
แต่ว่า...
เธอกลับถูกกำหนดให้เข้าร่วมประลองเพื่อคัดเลือกเป็นพวกกรรมการนักเรียนหรืออะไรทำนองนั้นที่เธอไม่เคยคิดอยากจะเป้นเลย
"คิลล์เธออยู่หอไหนเหรอ"ซีโร่ซึ่งกำลังนั่งอ่านสมุดพกอย่างสนอกสนใจเอ่ยถามเธอ
"อัศวินดำ"เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจพรางมองคนในห้องประชุมที่เริ่มทะยอยออกไป ส่วนน้อยพยายามที่จะไปหาทางหนีออกจากเกาะลอยฟ้า เพราะว่าส่วนน้อยที่ว่าคือเด็กใหม่ทั้งหมดที่มีสติและหวาดผวาขวัญอ่อน ปอดแหก
"ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นเราก็อยู่หอเดียวกันสินะ"ซีโร่หัวเราะอย่างร่าเริงแต่ว่าเขาก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะเดินออกจากที่นี่ทั้งๆที่คนออกไปจนหมดแล้วเหลือแค่พวกเขากับเด็กอีกกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ซึ่งซีโร่ไม่ค่อยได้สังเกตอะไรพวกเขานัก จะมีแต่อดีตมือสังหารอย่างคิลล์เท่านั้นแหละที่เหล่มองเป็นระยะๆอย่างหวาดระแวง
เด็กกลุ่มนั้นเดินมายืนข้างหน้าพวกเขาสองคนแล้วกล่าวทักทาย โดยมีแกนนำเป็นเด็กหนุ่มผู้มีตาซ้ายข้างเดียว เขามีผมสีแดงคล้ำตั้งๆเหมือนหนามเม่นแลันียน์ตาสีดำหม่น บนหน้าผากของเขามีผ้าคาดหัวสีเขียวเข้ม ใบหูทั้ง2ข้างถูกเจาะและใส่ห่วงเล็กๆเอาไว้
"หวัดดี ข้าชื่อแจ๊ค เป็นโจรสลัด พวกเจ้าก็อยู่หอทางเหนือสินะ พวกเราก็เหมือนกัน"เขาพูดด้วยท่าทางเป็นมิตรแล้วผ่ายมือไปทางเพื่อนๆอีก2คนซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งคู่ "อ้อลืมไปๆ นี่เซวีเป็นเจ้าหญิงผู้มีความสามารถเทียมเท่าอัศวิน"เขาเริ่มแนะนำจากเด็กที่อยุ่ใกล้มือสุด
เธอเป็นเด็กสาวบอบบาง ผมสีน้ำตาลเข้มของเธอผูกเป็นทรงทวิลเทลผูกด้วยโบว์สีม่วง นัยน์ตาสีดำกลมโตดูเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นเสียจนเหลือเชื่อว่าเป็นเจ้าหญิง และใบหน้าอ่อนหวานน่ารักของเธอก็ทำให้รู้สึกเหลือเชื่อเช่นกันถ้าจะให้คิดวาเธอเป็นอัศวิน
"สวัสดี"เซวีทักทายและยิ้มน้อยๆที่มุมปาก
"ส่วนคนนี้ก็จีเค เป็นอดีตบอดี้การ์ด"แจ๊คแนะนำเพื่อนสาวหน้าดุให้กับพวกเขา
เธอเป็นเด็กสาวที่ดู... ดุและแข็งแรงสมกับที่เป็นบอดี้การ์ด ผมสีดำตรงยาวสลวยและนัยน์ตาสีฟ้าครามดั่งท้องฟ้ายามกลางวัน ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเป็นสิ่งเดียวทำให้เธอดูน่ารัก
"หวัดดี"เธอทักทายสั้นๆด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ซีโร่ยืนขึ้นแล้วสะกิดให้คิลล์ยืนตามซึ่งอีกฝ่ายกำลังนั่งตาปรือเหมือนคนง่วงนอนแถมยังไม่มีทีท่าว่าจะแนะนำตัว เขาถอนหายใจอย่างปลงๆ เจ้าจะแปลกไปถึงไหนกันนะคิลล์ "ข้าชื่อซีโร่ เป็นเจ้าชาย ส่วนเธอคนนี้ชื่อว่าคิลล์ เธอเป็น...เอ่อ"เขารุ้สึกได้ว่าเด้กสาวข้างๆกำลังใช้ข้อศอกจิ้มเข้าอยู่เขาจึงพยายามนึกคำโกงหกที่สมเหตุสมผลให้เร็วที่สุด
"เป็นอะไร?"เซวีคาดคันอย่างนึกสงสัยและหวาดระแวง คงไม่ใช่อะไรที่เลวร้ายหรอกนะ
"ข้าเป็นนักดาบเวทย์รับจ้าง"คิลล์พูดไปด้วยท่าทางไม่รุ้สึกรุ้สาอะไรเหมือนมันเป็นความจริง... โกหกหน้าตายจริงๆเลยนะเรา
"เจ๋ง! งั้นเรา..."แจ๊คดีดนิ้วดังเป๊าะแล้วเดินไปโอบไหล่ซีโร่พยายามจะลากเขาให้เดินไปด้วย
"ข้าไม่ไว้ใจ"จีเคพูดขัดขึ้นอย่างไม่พอใจแล้วพูดต่อว่า "นางดูไม่น่าไว้ใจ แววตาแบบนั้น ท่าทางแบบนั้น แล้วก็สัญชาตญาณอีก ข้าไม่เชื่อว่านางเป็นพวกครึ่งๆกลางๆอย่างนักดาบเวทย์ ถ้าจะให้ข้าเชื่อก็เอาดาบของเจ้าออกมาแล้วมาสู้กับข้า"เธอตวาดใส่คิลล์แล้วชัดดาบยาวออกมาจ่อที่ลำคอขาวผ่องของเด็กสาว
"ไม่..."ซีโร่ค้านด้วยท่าทางกระวนกระวายแต่ก็โดนแจ๊คพูดแทรกเสียงดังอย่างสนุกสนานว่า 'ได้ เย่! ข้าจะดูพวกเจ้าฟัดกัน ข้าจะดูพวกเจ้าฟัดกัน'แถมที่ว่ามานี่เขายังร้องเป็นเพลงอีกต่างหาก
คิลล์ยังคงมองจีเคด้วยใบหน้าที่ไร้วามรู้สึก เธอล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ ซึ่งนั่นทำให้อีกฝ่ายระแวงและกระโดดถอยห่างเว้นระยะออกไป1ช่วงตัว เด็กสาวยิ้มน่ามองที่มุมปากแล้วหยิบปากกาขนนกสีขาวดำออกมา เธอใช้มันเขียนบางอย่างลงในสมุดพกแล้วพูดสั้นว่า "ตามมาสิ"
ท้องฟ้าเริ่มเป็นเป็นสีน้ำเงินอีกครา เรื่องอัศจรรย์เกิดขึ้นต่อหน้าเด็กทั้งสอง ประตูไม้ของปราสาทเปิดออกเองอย่างเชื่องช้า โคมไฟโบราณลอยออกมาเป็นแถวลอยอยู่เหนือเหนือหัวที่2ข้างทางเดินหินอ่อน ด้านในปราสาทถูกเปิดไฟจนสว่างโล่ง วัตถุปริศนาสีขาวและดำลองออกมาหยุดตรงหน้าของเด็กหนุ่มและเด็กสาว
พวกเขาหยุดเดินเพราะตกใจแต่ก็ไมุ่ถึงกับอึ้งจนเป็นลม เพราะโลกที่เวทย์มนต์เช่นนี้อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ที่พวกเขาตกใจเพราะมันเป็นเวทย์มนต์ที่อลังการมากต่างหาก ทั้งเกาะลอยได้ ประตูเปิดเอง โคมไฟลอยได้และนี่ก็... ชุดเครื่องแบบ?
เมื่อคนค่อมเห็นเด็กทั้งสอง... อย่างน้อยก็1คนแหละที่แสดงสีหน้าตกใจนิดๆออกมา เขาก็อมยิ้มนิดๆที่มุมปากตามประสาคนแก่ที่ชอบแกล้งให้เด็กตกใจ เขากระแอ่ม2ทีแล้วจึงอธิบายถึงห่อผ้าทั้ง2ที่ลอยอยู่ตรงหน้า
"นี่คือเครื่องแบบและสมุดพกเวทย์มนต์นะขอรับ สีของเครื่องแบบนั้นมีหลายสี หากพวกคุณไม่พอใจกับสีทางเราจัดมาให้จะเอาไปเปลี่ยนก็ได้นะครับ"เขาิยิ้มกว้างโชว์ฟันผุๆของตัวเองแล้วจึงมองเด็กๆเป็นเชิงถามว่า อยากถามอะไรไหม?
"อ่า... แล้วขนาดตัวหละ?"ซีโร่ถาม
"พวกข้าทำการวัดแล้วขอรับ"คนค่อมพูดอย่างอ่อนน้อมเช่นเคย แต่พอนึกได้ว่าเขาไม่ได้พามาเพียงเด็กหนุ่มคนนี้เขาจึงเรีบแก้ต่างให้ตัวเองอย่างกระวนกระวายด้วยเกรงว่าอาจจะไม่ได้อยู่จนปลดกระเษียณ "อ่า... ข้าไม่ได้วัดตัวท่านด้วยหรอกนะขอรับ เรื่องนั้นให้พวกเอลเวน..."
"ข้าไม่ถือ ไม่เป็นไร..."คิลล์พูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วเตือนสติของชายชราหลังค่อมว่า "ไปกันเถอะ เจารีบอยู่มิใช่รือ" คำพูดที่เธอเปล่งออกมานั้นทำเอาคนถูกเตือนถึงกับสั่นสะท้านไปทั่วกาย เธอดูมีอำนาจและน่าหวาดหวั่นยิ่งนักเมื่ออยุ่ในสถานที่แบบนี้ เพราะเธอดูไร้อารมณ์และไม่รู้สึกอะไรเลย
พวกเขารับเครื่องแบบตรงหน้ามาถือไว้อย่างเงียบแล้วรอฟังคำตอบของคนค่อม
"ขอรับ"เขาตอบรับเสียงดังฟังชัดแล้วรีบวิ่งสุดชีวิตเข้าไปยังตัวปราสาทสีเทา
ซีโร่มองคิลล์ด้วยความสงสัย เขารู้สึกเหมือนเธอกำลังโกรธแค้นเลยยังไงอย่างงั้น แต่เมื่ออีกฝ่ายหันมาสบตาด้วยเขาก็แกล้งทำเป้นมองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจ
ก้าวแรกเมื่อเข้ามายังตัวปราสาท น้ำหนักตัวของพวกเขาก็ถูกรองรับไว้ด้วยพรมกำมหยี่สีน้ำตาลอมส้มผืนใหญ่ที่ถูกปูเอาไว้จนเต็มพื้นที่ห้องโถงด้านหน้า ที่นี่ค่อนข้างมีเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเรียบง่ายและโบราณ แต่ทุกอย่างก็สะอาดสะอ้านดี ด้านข้างทั้งซ้ายและขวาของห้องมีบันไดไม้สำหรับขึ้นไปยังชั้น2 ด้านหลังสุดของห้องมีประตูไม้ทรงรีถูกคล้อยกุญแจไว้ขนาดสูงพอที่ 'คน' จะเดินผ่านได้อยู่
อย่างกับราชวังแหนะ... คิลล์คิดในใจพร้อมกับเดินตามชายชราหลังค่อมไปทางประตูทรงรีซึ่งถูกล็อคเอาไว้ เธอรอให้เขาเปิดมันออกแล้วจึงมองสำรวจโดยคร่าวๆ
ด้านในมีเด็กเต็มไปหมดเลย... เธอคิดขณะเดินเข้าไปยังสถานที่แออัดซึ่งเต็มไปด้วยเด็กๆอายุพอๆกับเธอและซีโร่... หรือบางคนที่โตกว่ามากก็มี ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงล้วนแต่สวมชุดเครื่องแบบ
"กรุณาช่วยเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบนี้ด้วยนะขอรับ... เอ่อ ถ้าเป็นไปได้ช่วยถอดหน้ากากออกด้วยนะขอรับ" ชายชราหลังค่อมผ่ายมือไปทางประดูด้านข้างโถงใหญ่ใหญ่ที่เต็มไปด้วยเด็กๆซึ่งมีอยู่2บาน แยกเป็นหญิงชาย
"อืม เข้าใจแล้ว"คิลล์พยักหน้ารับแล้วเดินหายไปในเงาหนึ่งของห้องโถงก่อนจะปรากฏตัวอีกทีที่หน้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยที่ไม่มีใครสังเกตุเห็นเว้นแต่คนที่จับตาดูธออยู่
เห็นดังนั้นเด็กหนุ่มจึงคิดที่จะไปบ้างแต่ก็ถูกรั้งแขนเอาไว้ข้างหนึ่ง เขาหันไปมองด้วยความสงสัย คนค่อมคนนี้จะรั้งเขาเอาไว้ทำไม?
"อย่ายุ่งกับนางเลยเจ้าชาย... ไม่งั้นพระองค์อาจจะมีภัยได้"เขาพูดแล้วปล่อยมือซีโร่ ชายชราตัวเตี้ยหายวับไปจากสายตาทันทีที่พูดจบปล่อยให้คนถูกเตือนยืนงงอยู่คนเดียวท่ามกลางความวุ่นวาย
มีภัยงั้นเหรอ... ข้าก็ประสบกับภัยมาตั้งนานแล้วนี่ เขาค้านในใจอย่างหงุดหงิดที่ตัวเองไม่เข้าใจสิ่งชายชราหลังค่อมพูดเลย
ณ ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าผู้หญิง
เสียงหัวเราะคิกคักของเหล่าเด้กสาวดังขึ้นเบาๆเป้นระยะระหว่างที่พวกเธอกำลังแต่งหน้าทาปากกันอย่างสนุกสนาน บางคนก็ดัดแปลงชุดเครื่องแบบนักเรียนให้ดูเก๋ขึ้นหรือไม่ก็แต่งตัวแต่งหน้าตลกๆเพื่อเอามาล้อเล่นกับเพื่อน...
นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น
แต่ความจริงแล้วตอนนี้... มันเงียบมาก ร่างผอมบางของเด็กสาวซึ่งควรที่จะกำลังแต่งหน้าอยู่นั้น อ่อนยวบและจุ่มหัวลงในอ่างล้างหน้า เครื่องสำอางเลอะเทอะเปรอะเต็มดวงหน้าสีซีดจืดไร้ซึ่งการแต่งแต้ม และอีกหลายๆคนที่สลบอยุ่บนพื้นห้องแต่งตัว ยกเว้นเสียแต่คนก่อเรื่องซึ่งกำลังใส่เครื่องแบบนักเรียนสีดำของตนอยู่
เธอสวมเสื้อโค้ทสีดำยาวลงมาเหนือเข่า ติดกระดุมข้างและเข็มขัดสีขาว บนอกเสื้อด้านซ้ายมีเข็มกลัดสีเงินรูปปีกนกหนึ่งข้างอยู่
เมื่อจัดแจงเสื้อผ้าและอาวุธเสร็จแล้วเธอจึงตัดสินใจปลดหน้ากากออกแล้วซ่อนไว้ใจกระเป๋าเสื้อ แล้วจ้องมองใบหน้าของตนในกระจกด้วยแววตาเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
...นานเพียงใดแล้ว? ที่ไม่ได้มองหน้าตัวเองในกระจก เธอหัวเราะแห้งๆแล้วเดินออกจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไป ปล่อยให้ร่างอื่นๆอีกหลายคนในนั้นสลบไสลต่อไป
"ทำไมไปนานจัง"เมื่อเห็นเด็กสาวเดินออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ไร้สิ่งใดบดบัง ซีโร่จึงรีบตรงเข้าไปถามอย่างกระวนกระวายใจนิดๆ
"ทำสิ่งที่ควรจะใหมันเป็นต่อไป"เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนลงจากตอนใส่หน้ากากเล็กน้อย แต่แล้วเธอก็นิ่วหน้าอย่างประหลาดใจ กลิ่นไอเวทย์อีกแล้ว เต็มไปหมด และวินาทีต่อมารอบๆตัวพวกเขาก็ปรากฏเก้าอี้ขึ้น
เด็กสาวนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆแล้วดึงเด็กหนุ่มผมเงินที่ยังออกอาการงงๆอยุ่ให้นั่งลง เขาใส่เครื่องแบบคล้ายๆเธอเพียงแต่ว่าโค้ทนั้นสั้นกว่ามากและสวมกางเกง และมันเป้นสีขาวสะอาดต่างจากเครื่องแบบสีดำของเะอลิบลับ ส่วนเข็ดกลัดก็เป็นสีทอง
"ดูดีขึ้นเยอะเลยเวลาไม่ใส่หน้ากาก"ซีโร่แซวเธอด้วยหวังว่าจะให้เห็นใบหน้าเรียบเฉยนั้นขึ้นสีระเรื่อแบบน่ารักๆเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ
"ขอบใจ"เธอพูดสั้นๆด้วยใบหน้าที่เย็นชาและเรียบเฉยเช่นเคย
ผิดหวังจังแฮะ เฮ้อ เขาลอบถอนหายใจพรางจ้องไปยังเวทีต่างระดับและแท่นบรรยายด้านหน้า เพราะเด็กๆส่วนใหญ่นั่งลงแล้วเขาเลยสามารถมองเ้ห้นได้ชัดยิ่งขึ้น
"สวัสดียามค่ำ เหล่าเด็กผู้ถูกชะตากรรมกลั่นแกล้งให้มายังที่แห่งนี้"เสียงทุ้มเข้มดังไปทั่วทั้งโถงประชุม ตามมาด้วยร่างของเจ้าของเสียงซึ่งค่อยๆปรากฏขึ้นหลังแท่นบรรยาย
เขาเป็นชายผมทองอร่าม ผมยาวๆของเขาถูกรวบไว้เป็นหางม้าหลวมๆ นัยนืตาสีแดงฉานดั่งทับทิบเลอค่า โคร่งหน้าอ่อนหวานคล้ายดั่งสตรี เพียงแต่ว่าเขามีรุปร่างสูงโปร่งและแผ่นอกที่กว้างกว่ามาก เขาสวมชุดสูทโบราณเหมือนแวมไพร์
"ข้าคือผู้อำนวยการของสถานกักกัน... เอ้ย สถานศึกษาแห่งนี้ มีนามว่าเซเรฟขอรับ เด็กน้อยทั้งหลายคงจะสงสัยและรำคาญกระผมอย่างยิ่งแล้ว..."เซเรฟพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่นและน่าหลงใหล "ที่พวกเจ้าทั้งหลายต้องมาอยู่ที่นี่มีเพียงอย่างสองอย่างก็คือ... ความสามารถในการสร้างความหวาดผวาแก่โลกและปีศาจร้ายที่อยู่ในตัวพวกเจ้ายังไงหละ เอาหละ เดี๋ยวพวกเจ้าจะได้ทราบว่าที่พักของตนอยู่ที่ไหนจากสมุดพกเวทย์มนต์ คืนนี้จะมีงานเลี้ยงต้อนรับนักเรียนใหม่ทั้ง..."เขาพูดลากเสียงอีกครั้งแล้วยกกระดาษแผ่นเล็กขึ้นมาดู "อ้อใช่40คน ซึ่งบางส่วนก็อยุ่ในนี้และบางส่วนก็กำลังหลงทางอยู่ในปราสาท ขอเตือนไว้อย่างนะ..."เขาเว้นช่วงแล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขามเหมือนการข่มขู่มากกว่าเตือน "อย่าๆได้คิดหนีออกไปจากโรงเรียนแห่งนี้เป็นอันขาด"
สิ้นเสียงของผู้อำนวยการโรงเรียนอันน่าหวาดหวั่น เหล่านักเรียนใหม่มีอยู่ในห้องประชุมแห่งนี้หลายคนต่างก็พากันเป็นลมล้มตึงกันจนแทบไม่เหลือ
เซนทอร์ตัวหนึ่งวิ่งเหยอะๆไปยังแท่นบรรยายแล้วกระซิบกระซากบางอย่างที่ข้างหูของผู้อำนวยการแล้วยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆให้ เซเรฟพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเขาเข้าใจแล้วจึงโบกมือเ้ป็นสัญญาณให้เซนทอร์ตัวนั้นลงไปยืนรอข้างล่าง
"อ้อ มีอีกเรื่องที่ต้องแจ้งให้ทราบ เรื่องหอพักและตำแหน่ง ทุกอย่างจะถูกแจ้งเอาไว้ในสมุดพกเวทย์มนต์ เดี๋ยวรุ่นพี่ผู้แสนใจดีจะขึ้นมาแจกแจงให้ฟัง แล้วก็... อย่าแตกตื่น"พูดจบเขาก้หายไปราวหมอกควัน
ทำไมโรงเรียนนี้เขาชอบหายตัวไปต่อหน้าผู้คนด้วยนะให้ตายเถอะ แล้วจะไม่ให้แตกตื่นยังไงไหว คิลล์บ่นในใจอย่างเหลืออดกับสถานที่และการกระทำเช่นนี้ ตอนนี้คนที่นั่งติดกับเธอนอกจากซีโร่ล้วนแต่เป็นลมจนหมดแล้ว นี่ก็ปอดเกิน
ตึก ตึก ตึก เสียงฝีเท้าดังสม่ำเสมอดังขึ้นเรียกให้นักเรียนที่เหลือหันไปมองด้วยความสนใจ
รุ่นพี่ผู้แสนดีที่ว่า... หน้าตาเหมือนนักเลงยังไงชอบกลแฮะ หน้าตาท่าหาทางหาเรื่องเป็นบ้า ซีโร่สรรเสริญรุ่นพี่ผมทองที่กำลังยืนอยู่บนแทนบรรยายโดยไม่คิดเลยว่าพี่แกอาจจะเป็นเอสเปอร์เป็นก็ได้
รุ่นพี่ที่ว่านี่เป็นชายหนุ่มผมทองปล่อยยาวระลำคอ นัยน์ตาดุคมสีเดียวกันกับเส้นผม ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย และอย่างที่ซีโร่ว่า ท่าทางหาเรื่องเ้ป็นบ้าเลย แต่ถึงกระนั้นเด็กใหม่และรุ่นน้องของเขาหลายคนก็ยังคงส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดให้เขาโดยไม่กลัวว่าวินาทีต่อมาตัวเองอาจจะได้นอนยาว... เอ้ย นอนห้องพยาบาล
"แสบแก้วหู"คิลล์พึมพำเสียงทุ้มแหบอย่างหงุดหงิดแม้ว่าสีหน้าเธอจะไม่ค่อยเปลี่ยน มือทั้ง2ข้างถูกใช้กุมหูแน่นเพื่อให้ประสาทรับเสียงของเธอรอดปลอดภัยเอาไว้ใช้สำหรับการหลับไปยังโลกเดิม ถ้าข้าหูแตก ข้าจะเอาชีวิตพวกเจ้าทั้งดรงประชุมเลย ให้ตายสิพับผ่า
"เงียบ! แล้วก็หวัสดีทั้งเด็กเก่าและเด็กใหม่ ชื่อของข้าคือไซด์ เดมอน ถ้ามีไอ้งั่งที่รู้จักกับพวกเจ้าคนไหนหลงอยู่ในปราสาทนี้ก็เอาสิ่งที่ข้าประกาศไปบอกด้วยแล้วกัน" พูดจนทั้งห้องประชุมก็ประสบกับความเงียบ
โฉด
นักเรียนหลายๆคนสรรเสริญรุ่นพี่คนนี้ในใจก่อนที่พี่ท่านจะพูดต่อว่า
"ผึ่งหูฟังกันให้ดีๆ ข้าจะอธิบายครั้งเดียว สัญลักษณ์และเรื่องที่จะเรียนของแต่ละหอมีดังนี้!
1.กริฟฟิน หอผู้มีพลังจิต อยู่ทางตะวันออก เกี่ยวกับอำนาจและการควบคุม
2.บาซิลิสก์ หอผู้ลอบสังหาร อยู่ทางตะวันตก เล่ห์เหลี่ยม ยาพิษ อาวุธลับ
3.ยูนิคอร์น หอมนตรา อยู่ทางใต้ เวทย์มนต์ศาสตร์
4.มังกร หออัศวินดำหรือหอมือสังหารทมิฬ อยู่ทางเหนือ ทุกสิ่งที่อยากจะเรียน"
เมื่อพูดจบเขาก็สะบัดหน้าเดินลงจากแท่นบรรยายอย่างไม่ใยดีสายตาขอความช่วยเหลือและอ้อนวอนจากรุ่นน้องเลยแม้แต่น้อง
พวกเขาส่วนใหญ่ไม่อยากรุ้เรื่องนี้ พวกเขาอยากรู้ว่าทำยังไงถึงจะได้กับไปยังพื้นดินต่างหากหละ
ว่าแต่...หออัศวินดำที่ว่าทุกสิ่งที่อยากเรียนนี่... อะไรของพี่ท่านฟ่ะ
คิลล์ล้วงสมุดพกของตัวเองออกมาเปิดดู ในนั้นว่างเปล่าจนถึงเมื่อกี้ แต่ตอนนี้กลับปรากฏข้อมูลของเธอเอาไว้อย่างชัดเจนและ... ข้องข้างจะถูกต้องเสียด้วย ส่วนหอที่เะอได้ก็คือไอ้หอเจ้าปัญหาที่บอกว่า 'ทุกอย่างที่อยากจะเรียน' นี่แหละ ส่วนบรรทัดต่อมาทันทำให้เธอแทบอยากจะหนีไปให้ไกล
ทั้งๆที่ไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนต่อใครไปมากกว่านี้ ไม่อยากจะอยุ่ในที่ที่คนเยอะๆ...
แต่ว่า...
เธอกลับถูกกำหนดให้เข้าร่วมประลองเพื่อคัดเลือกเป็นพวกกรรมการนักเรียนหรืออะไรทำนองนั้นที่เธอไม่เคยคิดอยากจะเป้นเลย
"คิลล์เธออยู่หอไหนเหรอ"ซีโร่ซึ่งกำลังนั่งอ่านสมุดพกอย่างสนอกสนใจเอ่ยถามเธอ
"อัศวินดำ"เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจพรางมองคนในห้องประชุมที่เริ่มทะยอยออกไป ส่วนน้อยพยายามที่จะไปหาทางหนีออกจากเกาะลอยฟ้า เพราะว่าส่วนน้อยที่ว่าคือเด็กใหม่ทั้งหมดที่มีสติและหวาดผวาขวัญอ่อน ปอดแหก
"ฮ่าฮ่าฮ่า งั้นเราก็อยู่หอเดียวกันสินะ"ซีโร่หัวเราะอย่างร่าเริงแต่ว่าเขาก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะเดินออกจากที่นี่ทั้งๆที่คนออกไปจนหมดแล้วเหลือแค่พวกเขากับเด็กอีกกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ซึ่งซีโร่ไม่ค่อยได้สังเกตอะไรพวกเขานัก จะมีแต่อดีตมือสังหารอย่างคิลล์เท่านั้นแหละที่เหล่มองเป็นระยะๆอย่างหวาดระแวง
เด็กกลุ่มนั้นเดินมายืนข้างหน้าพวกเขาสองคนแล้วกล่าวทักทาย โดยมีแกนนำเป็นเด็กหนุ่มผู้มีตาซ้ายข้างเดียว เขามีผมสีแดงคล้ำตั้งๆเหมือนหนามเม่นแลันียน์ตาสีดำหม่น บนหน้าผากของเขามีผ้าคาดหัวสีเขียวเข้ม ใบหูทั้ง2ข้างถูกเจาะและใส่ห่วงเล็กๆเอาไว้
"หวัดดี ข้าชื่อแจ๊ค เป็นโจรสลัด พวกเจ้าก็อยู่หอทางเหนือสินะ พวกเราก็เหมือนกัน"เขาพูดด้วยท่าทางเป็นมิตรแล้วผ่ายมือไปทางเพื่อนๆอีก2คนซึ่งเป็นผู้หญิงทั้งคู่ "อ้อลืมไปๆ นี่เซวีเป็นเจ้าหญิงผู้มีความสามารถเทียมเท่าอัศวิน"เขาเริ่มแนะนำจากเด็กที่อยุ่ใกล้มือสุด
เธอเป็นเด็กสาวบอบบาง ผมสีน้ำตาลเข้มของเธอผูกเป็นทรงทวิลเทลผูกด้วยโบว์สีม่วง นัยน์ตาสีดำกลมโตดูเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นเสียจนเหลือเชื่อว่าเป็นเจ้าหญิง และใบหน้าอ่อนหวานน่ารักของเธอก็ทำให้รู้สึกเหลือเชื่อเช่นกันถ้าจะให้คิดวาเธอเป็นอัศวิน
"สวัสดี"เซวีทักทายและยิ้มน้อยๆที่มุมปาก
"ส่วนคนนี้ก็จีเค เป็นอดีตบอดี้การ์ด"แจ๊คแนะนำเพื่อนสาวหน้าดุให้กับพวกเขา
เธอเป็นเด็กสาวที่ดู... ดุและแข็งแรงสมกับที่เป็นบอดี้การ์ด ผมสีดำตรงยาวสลวยและนัยน์ตาสีฟ้าครามดั่งท้องฟ้ายามกลางวัน ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเป็นสิ่งเดียวทำให้เธอดูน่ารัก
"หวัดดี"เธอทักทายสั้นๆด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ซีโร่ยืนขึ้นแล้วสะกิดให้คิลล์ยืนตามซึ่งอีกฝ่ายกำลังนั่งตาปรือเหมือนคนง่วงนอนแถมยังไม่มีทีท่าว่าจะแนะนำตัว เขาถอนหายใจอย่างปลงๆ เจ้าจะแปลกไปถึงไหนกันนะคิลล์ "ข้าชื่อซีโร่ เป็นเจ้าชาย ส่วนเธอคนนี้ชื่อว่าคิลล์ เธอเป็น...เอ่อ"เขารุ้สึกได้ว่าเด้กสาวข้างๆกำลังใช้ข้อศอกจิ้มเข้าอยู่เขาจึงพยายามนึกคำโกงหกที่สมเหตุสมผลให้เร็วที่สุด
"เป็นอะไร?"เซวีคาดคันอย่างนึกสงสัยและหวาดระแวง คงไม่ใช่อะไรที่เลวร้ายหรอกนะ
"ข้าเป็นนักดาบเวทย์รับจ้าง"คิลล์พูดไปด้วยท่าทางไม่รุ้สึกรุ้สาอะไรเหมือนมันเป็นความจริง... โกหกหน้าตายจริงๆเลยนะเรา
"เจ๋ง! งั้นเรา..."แจ๊คดีดนิ้วดังเป๊าะแล้วเดินไปโอบไหล่ซีโร่พยายามจะลากเขาให้เดินไปด้วย
"ข้าไม่ไว้ใจ"จีเคพูดขัดขึ้นอย่างไม่พอใจแล้วพูดต่อว่า "นางดูไม่น่าไว้ใจ แววตาแบบนั้น ท่าทางแบบนั้น แล้วก็สัญชาตญาณอีก ข้าไม่เชื่อว่านางเป็นพวกครึ่งๆกลางๆอย่างนักดาบเวทย์ ถ้าจะให้ข้าเชื่อก็เอาดาบของเจ้าออกมาแล้วมาสู้กับข้า"เธอตวาดใส่คิลล์แล้วชัดดาบยาวออกมาจ่อที่ลำคอขาวผ่องของเด็กสาว
"ไม่..."ซีโร่ค้านด้วยท่าทางกระวนกระวายแต่ก็โดนแจ๊คพูดแทรกเสียงดังอย่างสนุกสนานว่า 'ได้ เย่! ข้าจะดูพวกเจ้าฟัดกัน ข้าจะดูพวกเจ้าฟัดกัน'แถมที่ว่ามานี่เขายังร้องเป็นเพลงอีกต่างหาก
คิลล์ยังคงมองจีเคด้วยใบหน้าที่ไร้วามรู้สึก เธอล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ ซึ่งนั่นทำให้อีกฝ่ายระแวงและกระโดดถอยห่างเว้นระยะออกไป1ช่วงตัว เด็กสาวยิ้มน่ามองที่มุมปากแล้วหยิบปากกาขนนกสีขาวดำออกมา เธอใช้มันเขียนบางอย่างลงในสมุดพกแล้วพูดสั้นว่า "ตามมาสิ"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ