Phantom School
เขียนโดย Wondergirl
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.10 น.
แก้ไขเมื่อ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
17) ละครแห่งโศกนาฏกรรม(สงครามของคนเขลา)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากการเกลี่ยกล่อมให้เด็กสาวผู้ถูกเพ่งเล็งอยู่เฉยๆไม่เข้าร่วมการต่อสู้อันไร้ความหวังนี้ได้พวกเขาก็ต้องเปลี่ยนมาวางแผนในการหาทางที่จะลี้ภัยไปยังโลกอื่น โดยที่จะร่ายเวทย์ถ่วงเวลาเอาไวในขณะที่เปิดประตูมิติ ซึ่งนี่เป็นความคิดของมือสังหารผู้เชี่ยวชาญ เธอบอกว่าสามารถผสานประตูมิติ2บานเพื่อการให้บังเกิดผลสำเร็จได้ และนั่นเธอจะเป็นคนทำเอง
เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังกึกก้องไปทั่วแต่พร้อมกับมารและปีศาจน่าเกียจน่ากลัวที่พยายามจะทะลวงอาณาเขตหลากสีที่สร้างขึ้นด้วยพลังมังกรและพลังศักดิ์สิทธิ์ พวกมันสีลักษณะเหมือนซากศพของสัตว์ร้ายที่มีขนสัดำปกคลุมทั้งตัว ดวงตาสีแดงวาวโรยดุร้ายอละไร้เหตุผล คำสั่งเดียวที่มันต้องทำตามคือ 'ฆ่า' เท่านั้น
เซวีและอเล็กซิสทรุดเข่าข้างหนึ่งลงบนขอบของวงข่ายเวทย์แล้วเริ่มถ่ายพลังเวทย์ลงไปเรื่อยๆ ถึงแม้เซวีจะเป็นมนุษย์แต่ทว่าเธอก็ยังคงมีพลังเวทย์ของมังกรอยู่บ้าง ส่วนพลังเวทย์จากมังกรแท้ๆอย่างอเล็กซิสนั้นคงไม่ต้องบอกว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน
เซเรฟและซีโร่เริ่มทำการเขียนวงเวทย์ใหม่ที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกันขึ้น2วง ทั้ง2วงนั้นเชื่อมต่อกันและทั้งมีปลายทางเดียวกัน
"เฮ้ยๆๆๆ จีมันบางตัวสามารถยื่นแขนยื่นขาเข้ามาได้ด้วยนะ!" แจ๊คร้องเตือนเพื่อนที่ยืนสังเกตการอยู่ข้างๆ ที่ศอกของเขามีกระดูกงอกออกมาเป็นวงมีดคมกริบ เขาฟันศอกใส่มือเน่าเฟะ2ข้างที่ยื่นเข้ามาได้จนขาดวิ่นน้ำเหลืองไหลเยิ้ม
ทันทีที่มือทั้งสองหล่นลงพื้นมันก็กลางเป็นฝุ่นผงสีเทา
จีเคขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วชี้นิ้วไปทางกลุ่มฝุ่นผงที่ค่อยๆลอยตัวขึ้น สายฟ้าแล่นผ่านจากปลายนิ้วส่งเสียงดัง 'เปรี๊ยะ' ก่อนที่จะมีไฟเผาไหม้จนฝุนผงนั้นสลายหายไปจนหมด
"มันเป็นพิษ... รุ่นพี่มาช่วยข้าจัดการกับไอฝุ่นนี่ทีถ้าจำเป็น"
"ไม่ฟันไม่ได้หรือไง/ไม่ฟันแล้วได้ไหม?" ไซด์และแจ๊คถามขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
"มันก็ปล่อยมลพิษออกมาใส่เราอยู่ดี"
แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกฟ่ะ แจ๊คและไซด์พร้อมใจกันกำหมัดขึ้นช้าๆแล้วมองแม่คุณหญิงหัวดำที่อยู่ใกล้พวกเขามากที่สุด แต่จะให้พวกเขาเขกหรือ? ไม่ได้หละไม่ดี ใครจะไปอยากตายก่อนวัยอันควรกันหละ
"ประตูเปิดแล้วเลิกเถียงกันสักทีแล้วมาตรงนี้!" คิลล์ระเบิดอารมณืใส่ทั้ง3คนที่ยืนเล่น(?)ไม่เลิกกันอยู่ ที่แรกอเล้กซิสและเซวีก็คัดค้านคำสั่งดังกล่าวแต่เจ้าตัวบอกว่าไม่เป็นไรจึงหยุดถ่ายพลังเวทยืแล้วเดินไปอยู่หน้าหลุมดำกลางอากาศขนาดใหญ่เท่า2คนผ่าน ด้านในนั้นเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆทั้วหมด9สี ซึ่งแต่ละสีก็เป็นสีของเวทย์แต่ละธาตุ
"ท่านพ่อพาท่านแม่ไปก่อนเลยลูกจะตามไปทีหลัง" เด็กสาวผมดำเป็นลอนหันไปบอกผู้เป็นพ่อที่พยายามจะดันลูกตัวเองลงให้ลงไปในหลุมดำก่อนด้วยเกรงว่าเมื่อมีคนลงไปจนหมดแล้วเหลือลูกตัวเองคนเดียว "นี่เป็น 'คำสั่งค่ะพ่อ' เชื่อข้าเถิดหนา" ดวงตาของเธอวาวโรยและแฝงไปด้วยมนต์สะกด
เซเรฟเบิกตากว้างก่อนที่จะพาวิญญาณหญิงสาวเดินเข้าไปในประตูมิติอย่างไม่ขัดขืนแม้แต่นิดน้อย ได้ไง ลูกสั่งพ่อ ฮือๆ ทำไมข้าช่างไร้อำนาจเช่นนี้หนอ
เขาไม่ได้ตั้งใจเดินเข้าไปด้วยตัวเองแต่โดนมนต์ดำสั่งให้เดินเข้าไปมากกว่า นี่คือสิ่งที่อยุ่ในสมองของทุกคน แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังคงเดินเข้าไปในประตูมิติต่อไปโดยที่ส่งสายตาทำนองว่า 'ข้าไปแล้วเจ้าตั้งตามมานะ' ให้มือสังหรสาวเป็นพักๆ จนมาถึงคนสุดท้ายที่ดึงดันจะผ่านประตุไปพร้อมกับเธอ...
"ทำไมไม่ยอมไปพร้อมข้า!" ซีโร่กระชากเสียงอย่างหัวเสีย ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าทำอะไรแต่นั่นต้องไม่ดีเป็นแน่แท้
"ประตูไม่มั่นคงพอ..." คิลล์ตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าจนฟังแทบไม่เป็นศัพท์ "อีกอย่างข้าเป็นคนปิดประตูนะเจ้าโง่ ข้าจะตามไปจริงๆ ข้าสาบาน.." ว่าครั้งนี้ข้าจะโกหกเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ เธอยิ้มอ่อนโยนที่มุมปาก
"จริงๆนะ..."
โฮกกกก!!! เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกับเสียงเปรี๊ยะดังขึ้นบอกให้รู้ว่าอาณาเขตบางๆถูกทำลายจนสิ้นไม่เหลือซาก เหล่าปีศาจที่มีร่างกายอันเนาเฟะกรูกันเข้าใส่ชีวิต2ชีวิตที่อยุ่ท่ามกลางวงล้อมอันหนาแน่นจนแทบไม่มีที่ให้ยืน
"จริงสิเด็กโง่" คิลล์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานให้เด็กหนุ่มฟังเป็นครั้งแรก ถึงแม้เธอจะไม่อยากให้นี่เป็นเพียงครั้งแรกและครั้งสุดท้ายแต่มันคงจะทำได้ยากจริงๆ เธอยิ้มเศร้าๆแล้วเตะปีศาจตัวหนึ่งกระเด็นในขณะที่ใช้มือซ้ายพลันเด็กหนุ่มเข้าไปในประตูที่ปิดลง
"ข้าจะอยู่ในใจเจ้าตราบเท่าที่เจ้าจะรักข้าด้วยใจที่เจ้ามี"
เด็กหนุ่มผมเงินมองดูช่องว่างที่ค่อยๆน้อยลงจนปิดสนิทในขณะที่มือเขาไม่สามารถที่จะเอื้อมไปจับมือที่ผลักเขาลงมาได้ เด็กหนุ่มรู้สึกใจหายเมื่อเขาได้รู้ว่าตัวเองกลับมาสู่พื้นดินแล้ว... พื้นดินเขาไม่สามารถอยู่อย่างมีความสุขได้แสียแล้ว...
ดวงตาสีฟ้าครามเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ใบหน้าฉายแววตระหนกระคนเศร้าสร้อย มือของเขายังคงยื่นค้างไปในอากาศธาตุอ้างว้างเบื้องหน้า หยาดน้ำใสๆเริ่มไหลรวยรินลงอาบแก้มขาวเนียนอย่างแช่มช้า
นางจำข้าได้แล้ว... แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อเราไม่สามารถพบกันได้อีก ทำไมต้องเป้นแบบนี้ เจ้าคนชอบเอาเปรียบ ทำแบบนี้กับข้าได้ยังไง ให้ข้ารัก... และปล่อยให้รักต่อไปในสิ่งที่ไม่รู้ว่าจะได้กลับคืนมาไหม?...
เขาทรุดเข่าลงแล้วกัดริมฝีปากแน่น นำ้เสียงอ่อนหวานอันแผ่วเบาจนแทบจะฟังไม่รุ้เรื่องดังขึ้นในโสตประสาทของเขาว่า 'ข้าจะอยู่ในใจเจ้าตราบเท่าที่เจ้าจะรักข้าด้วยใจที่เจ้ามี'
"ข้ามันไม่ได้เข้มแข็งแบบที่เจ้าบอกสักนิดเลยจริงๆ..."
อีกด้านหนึ่ง สงคราม... ไม่สิควรเรียกว่าการรุมสะกำมหาโหดที่หาที่ไหนดูไม่ได้อีกแล้ว... อสูรน่าขยะแขยงเป้นร้อยๆสู้กับสิ่งมีชีวิตรูปแบบมนุษย์1คน(หรือตน)
"ฮ่าฮ่าฮ่า หลานสาวข้าช่างโง่เง่า เหมือนพ่อเจ้าจริงๆเลย! ตายได้เพื่อรัก ยอมแลกชีวิตอันมีค่าของตัวเองเพื่อคนอื่น!"เสียงทุ้มนุ่มลึกอันเปี่ยมล้นด้วยความบ้าคลั่งดังขึ้นในเวลาเดียวกันนั้นสัตว์อสูรน่าขยะแขยงก็ล้มลงเหมือนตุ๊กตาหุ่นกระบอกที่ถูกตัดเชือกในขณะที่กำลังแสดงอยู่
ร่างหนึ่งในชุดขาวสะอาดเดินออกมาจากด้านหลัง เขาเหยียบย่ำลงบนกองซากของสัตว์อสูรจนเลือดแดงฉานอาบชายผ้าและเท้าเปลือยเปล่าจนกลายเป้นสีแดงสด เส้นผมสีทองอร่ามยาวสยายดั่งหญิงสาว ดวงตาสีแดงฉานอันเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้มขุ่นเคืองต่างจากนัยน์ตาของผู้ที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกันที่ใสสะอาดดั่งทับทิบน้ำดี
เขาแสยะยิ้มเหี้ยมแล้วพูดว่า "ต่างกันตรงทีแกจะตายวันนี้ก็เท่านั้นเอง หลังจากที่ข้าได้พลังที่ควรเป็นของข้ามาแล้ว!"
เขาพูดอะไรหละ... เด็กสาวผมดำรู้สึกเหมือนทุกอย่างพร่าเลือนและโยกไปโยกมาแปลกๆ จนในที่สุดเธอก็มองเห็นเพียงความมืดมิดไร้พรหมแดน เธอรู้สึกเหมือนถูกยกขึ้นและหลังจากนั้นก็สลบไปไม่ได้รับรู้สถานการณ์อะไรอีก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ