Mobile Suilt Gundam UC.0179 New Destiny
-
เขียนโดย ไีรโฮ
วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 11.25 น.
19 ตอน
0 วิจารณ์
24.30K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556 11.27 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) องค์หญิงรัชทายาท
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความประเทศออสเตรเลีย ห้องของแกรนซัน
“ตามที่พวกเราสามารถจับสัญญาญของยานลำนั้นไว้ได้ผ่านดาวเทียมคาดว่า พวกมันจะเดินทางผ่านคาซัคสถาน และทิศทางที่คาดเดาไว้ล่วงหน้าพวกมันน่าจะเดินทางลงไปยัง จีน ครับ”โอเปเรเตอร์รายงานข้อมูลล่าสุดขึ้น
แกรนซันนั่งฟังข้อมูลอยู่ที่โต๊ะทำงานส่วนตัวแล้วพูดขึ้น
“จับตาไว้ให้ดี การที่พวกเราจับสัญญาญของพวกมันได้ง่ายๆแบบนี้ มันแปลกๆ ถ้ามีอะไรผิดปกติให้รีบมาบอกฉันทันที”
“รับทราบครับ”
แล้วโอเปเรเตอร์ก็เดินออกจากห้องไป ขณะนั้นลูซิเฟอร์ ก็เดินนำซิลเวียร์เข้ามาในห้อง
“มีอะไรหรือเปล่า ลูซิเฟอร์ แล้วก็คุณซิลเวียร์”แกรนซันทักทั้งสองขึ้น
“เรื่องโมบิลสูทของซิลเวียร์นะครับ”
“หืม ทำไมกันเหรอลูซิเฟอร์ ผมก็แค่ตกลงอัพเกรดตัวโมบิลสูทของซิลเวียร์ให้นะสิ”
“องค์ชาย และ ซิลเวียร์ ไม่รู้หรอกครับว่าพลังของกันเลโอที่แท้จริง มันเป็นยังไง จะมาอัพเกรดเอาตอนนี้ยังไม่ได้หรอกครับ ถ้ายังไม่ได้เห็นพลังของกันเลโอที่แท้จริง”
“พลังที่แท้จริงเหรอคะ”ซิลเวียร์งุ่นงง
แกรนซันหันไปมองซิลเวียร์แล้วเอ่ยขึ้น
“ออกไปข้างนอกก่อนได้นะครับ คุณซิลเวียร์ตรงนี้ผมขอคุยกับลูซิเฟอร์ก่อน”
ซิลเวียร์ได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไปรอข้างนอก แกรนซันเห็นว่าซิลเวียร์เดินออกไปแล้วจึงถามลูซิเฟอร์ขึ้น
“พลังของกันเลโอเรอะ กันดั้มสีดำนั้นมีความลับซ่อนอยู่งั้นเหรอ”
“ใช้ครับองค์ชาย ตอนนั้นเมื่อตอนที่ลูกศิษณ์ของผมที่ขับกันเลโอ ยังอยู่กับผมได้เปิดเผยพลังขึ้นมาส่วนหนึ่งแต่แวบเดียว นั้นคือ แสงสีทองนั้น ผมคาดว่ามันจะต้องเป็น พลังที่แท้จริงของกันเลโอ และคนที่จะปลุกพลังนั้นมาได้คงมีแค่ ลูกศิษณ์คนนั้น”
“อืม เรื่องนี้ก็น่าตกใจจริง ขอบใจที่บอกน่ะลูซิเฟอร์ แต่ยังไงเราก็คงต้องอัพเกรดโมบิลสูทให้ซิลเวียร์ เหมือนเดิม”
“องค์ชายยังไม่เข้าใจอยู่อีกหรือครับ”
“ฉันเข้าใจตั้งแต่ประโยคแรกแล้ว แต่ว่าผมก็ไม่มีทางเลือกหรอกน่ะถ้าเอาตามจริง ที่น่าจะพอฟัดเหวี่ยงกับกันดั้มสีดำนั้นได้ ก็คงมีแค่ซิลเวียร์”
“องค์ชายจะให้ซิลเวียร์เป็นคนล่อให้กันเลโอ ปลุกพลังขึ้นมาเหรอครับ!?”
“ฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้เท่าไหร่หรอกน่ะ แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าคนที่จะฟัดกับกันดั้มสีดำนั้นได้มีแต่ ซิลเวียร์ เท่านั้น”
ขณะนั้นเองซิลเวียร์ก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ซิลเวียร์ เสียมารยาท”ลูซิเฟอ์หันไปตำหนิ
ซิลเวียร์ไม่สนคำตำหนิแล้วพูดขึ้นทันที
“องค์ชายไม่ต้องลำบากใจหรอกค่ะ! ขอแค่ดิฉันได้สู้กับพี่ ต่อให้เป็นการทดลองหรืออะไรก็ตาม ขอแค่องค์ชายสั่งมาดิฉันจะทำตามค่ะ”
“ขอบใจมากซิลเวียร์”แกรนซันกล่าวขอบคุณ
แคนนาดา
ห้องประชุมสำหรับเดลต้าไคทมี ซิลเวอร์นั่งเครียดอยู่ที่โต๊ะส่วนตัว
“นี้คุณพีเรียสเจ้าซิลเวอร์มันเป็นอะไรของมัน”แฟรงค์ที่นั่งอยู่บนโต๊ะส่วนตัวหันไปถามพีเรียสที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ
“ไม่รู้เหมือนกันน่ะ เห็นเป็นยังงี้ตั้งแต่เช้าแล้ว”
ขณะนั้นเองแม็กซ์ก็เดินเข้ามาในห้อง แล้วเดินเข้าไปหาซิลเวอร์แล้วพูดขึ้น
“ซิลเวอร์ เลิกเครียดได้แล้ว”
“จะไม่ให้ผมเครียดได้ไงละครับ ร้อยโท ประหารยกครอบครัวป่านนี้ไม่รู้ครอบครัวผมจะเป็นยังไงบ้าง”
“เชื่อฉันสิ ครอบครัวนายไม่เป็นอะไรหรอก”
“จะให้ผมเชื่อแบบนั้นได้ไงละครับ ร้อยโท”
“เขารับคำร้องเรียนแล้วน่ะสิ องค์ชายจัดการเองเชียวน่ะ”
“จะ..จริงเหรอครับ!!”ซิลเวอร์ออกอาการดีใจ
“อืม จากสารที่องค์ชายตอบกลับมา เพราะหน่วยของเรามีคุณงามความดีเยอะ ก็เลยจะช่วยเหลือแถมบอกว่าถ้าเหตุการณ์สงบลงหรือเข้าสู่สถาณะปานกลางจะมอบรางวัลให้ทั้งหน่วย”
“เห จริงเหรอค่ะ!!”พีเรียสที่ฟังอยู่พูดแทรกขึ้น
“ฉันจะโกหกไปทำไหม โกหกแล้วได้อะไร ยังไงฉันก็ไม่กล้าอ้างถึงเบื้องสูงหรอกน่ะเดี๋ยวคอหลุด”
“แล้วเรื่องที่ ร้อยโทคุณกับสิบโทเมื่อสักครู่นี้...”
“ใช้ครับคำสั่งประหารครอบครัว แต่ว่าร้อยโทก็ได้ช่วยไว้อีก”ซิลเวอร์พูดขึ้น
แม็กซ์ตบบ่าซิลเวอร์เบ่าๆแล้วพูดขึ้น
“เพื่อนกันก็ต้องช่วยเหลือกันสิ จริงไหม”
แม็กซ์เดินมาหน้าห้อง แล้วพูดขึ้นดังๆ
“ไปพักผ่อนกันเถอะ! ไปเดินเล่นทั่วเมืองกันสักหน่อยวันนี้ถือเป็นวันพักผ่อนหน่อยละกัน”
“จะดีเหรอค่ะร้อยโท”พีเรียสถามขึ้น
“น่า ทำงานหนักกันมาเยอะแล้วก็ต้องพักผ่อนกันสักหน่อยสิ”
“เยี่ยมเลยร้อยโท”แฟรงค์พูดแล้วชูนิ้วโป้งขึ้น
ไวทแองเจิล
เอวิลยืนมองภาพโฮโลแกรมลูกโลกจำลอง ขณะที่ยืนคิดแผนบางอย่างอยู่
‘ใช้แผนแบบนั้นจะดีเรอะ ทั้งๆที่รู้ว่า แต่ละคนดื้อรั้นกันแค่ไหน ถึงจะเป็นผู้ใหญ่แต่ก็ชอบทำตัวเป็นเด็กกันทั้งนั้น เฮ้ย’
เอวิลซูมแผนที่บริเวณทวีปเอเชียขึ้น แล้วสั่งให้ระบบโชวจุดสำคัญๆที่สามารถ จอดยานที่นั้นได้
‘แทบจะไม่มีเลยแฮะ ถึงมีก็ไกลมากจนออกนอกเส้นทาง แต่ถ้าเดินยานแบบนี้ไปเรื่อยๆโดนไม่พักยานก็เป็นผลเสีย จะเอาไงดีล่ะ’
ก็อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เอวิลได้ยินเสียงจึงเดินไปที่ประตูแล้ว กดปุ่มสื่อสารกับด้านนอก
“ใครน่ะ”
“นี้ฉันเองเฟส”เฟสพูดขึ้น
“ขอโทษทีนะครับ ที่ผมไม่ว่างจะคุยด้วยมีธุระอะไรไว้คุยกันทีหลังน่ะครับ”
“แต่ฉันอย่างคุยกับนายจริงๆน่ะเอวิล”
“ผมทราบครับ แต่ผมมีหน้าที่ต้องทำงาน”
“เอวิล เธอมันจะบ้างานเกินไปแล้วน่ะ”เฟสพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
เอวิลเปิดระบบสื่อสารทิ้งไว้ให้พอดียินในห้องแล้ว เดินกลับไปที่ภาพโฮโลแกรมแล้วเริ่มค้นหาจุดที่ปลอดภัยต่อ แต่ยังรอฟังเฟส
“แต่ละคำพูดที่เธอพูดมา มันเย็นชาซะจริงน่ะเอวิล... เธอไม่คิดจะสนใจผู้หญิงคนหนึ่งที่รักเธอบ้างเหรอเอวิล...”เฟสด้วยน้ำเสียงสั่นๆและเริ่มจะร้องไห้ออกมา
เอวิลยืนหน้านิ่งสักพักแล้วรอฟังที่เฟสพูด
“ฉันรู้เอวิล ว่าเธอมีความแค้นต่อพวกศัตรู ที่ฆ่าแม่เธอแต่เธอ ก็น่าจะลดเรื่องนั้นลงบ้างเอวิล ฉันอยากให้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ ค่อยห่วงใยเธอยู่”เฟสพูดทั้งน้ำตา
ขณะนั้นเองแอนนาก็เดินผ่านมาได้ยินเสียงเฟสพูดจึงแอบดักฟัง
“ฉันอยากให้เธอเข้าใจน่ะเอวิล ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหนเอวิล ถึงนี้จะเป็นในช่วงสงครามเธอก็น่าจะหันมารักฉันบ้าง”
เฟสใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา ขณะนั้นเอวิลก็เดินมาที่ประตูแล้วพูดออกไป
“ไม่ต้องพูดแล้วล่ะครับคุณเฟส ผมน่ะละทิ้งความแค้นนี้ไม่ได้จริงๆ จนกว่าจะแก้แค้นให้แม่ได้สำเร็จ”
เฟสเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นทันที แอนนาเดินเข้ามาและประคองเฟสลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรน่ะเฟส ไปๆฉันจะพาไปพักผ่อนก่อน”
แอนนาประคองเฟสเดินออกไปจากสถานที่
“เราทำเกินไปรึเปล่าน่ะ”เอวิลรำพึงกับตัวเอง
ประเทศออสเตรเลีย
ซิลเวียร์ยืนมองนีเมซิสมาคทรีที่กำลังถูกปรับปรุงแก้ไขยกใหญ่
‘ด้วยเจ้าเครื่องนี้ ฉันจะต้องกำจัดพี่ให้ได้’
ขณะนั้นเองแกรนซันก็เดินมายืนข้างๆ ซิลเวียร์แล้วพูดขึ้น
“คิดอะไรอยู่เหรอครับ ซิลเวียร์”
“ไม่มีอะไรค่ะ องค์ชาย”
“เพลาๆเรื่องที่จะจัดการพี่ชาย ลงหน่อยบ้างก็ดีน่ะครับ คิดมากไปก็ไม่มีประโยชณ์”
“ค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“แต่ว่า ทำไหมคุณถึงต้องการจะกำจัดพี่คุณละซิลเวียร์”
“เพราะว่าเขาต่างอุดมการณ์และทางเดินกับดิฉันค่ะ”
“แค่นั้นมันไม่ใช้เหตุผลที่พี่น้องต้องฆ่ากันเลยน่ะ ต่างคนต่างไปก็ยังจะดีกว่าผมว่า สองเรื่องที่คุณพูดมาไม่ใช้ แต่เป็นเรื่องอื่นใช้มั้ย”
“ค่ะ......”
“มันไม่เข้าท่าจริงๆเลยน่ะ ที่พี่น้องต้องมาฆ่ากัน ต่างคนต่างไปตามเส้นทางตัวเองนั้นดีกว่า”
“แต่ถึงยังไงดิฉันก็ต้องสู้กับพี่ชายอยู่ดี เพราะมันเป็นหน้าที่”
“ผมได้ยินเรื่องมากมายบนโลกนี้ สงครามที่ยาวนานที่เรียกว่าสงคราม 1 ปี การก่อกบฏของชายที่ชื่อว่า ชาร์ อัสนาเบิ้ล”
“เรื่องนั้นแม่ของดิฉันก็เคยเล่าให้ฟังค่ะ”
“ผมประทับใจชายที่ชื่อ ชาร์ อัสนาเบิ้ล คนนั้น”
“ทำไมล่ะค่ะ องค์ชาย”
“ไม่รู้สิ แค่ได้รู้ประวัติของชายคนนั้นแล้วประทับใจอย่างบอกไม่ถูก”
อ๊อด!!!! เสียงสัญญาญเตือนภัยดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น”
ขณะนั้นเองทหารนายหนึ่งก็วิ่งมาหาแกรนซันแล้วรายงานขึ้น
“องค์ชายครับ!! พวกกบฏบุกมาที่นี้ครับ!!”
“งั้นเหรอ ไปเตรียมโมบิลสูทของฉันให้พร้อม”
แล้วทหารนายนั้นก็วิ่งออกไป ซิลเวียร์รีบหันไปพูดกับแกรนซัน
“องค์ชายจะออกไปรบเองเหรอค่ะ!?”
“ใช้ แค่นี้ของสบายๆ”
“แต่ว่าไม่ต้องถึงมือองค์ชายก็ได้นี้ค่ะ”
“เอาน่า ฉันอยากยืดเส้นยืดสายสักหน่อยน่ะ”
ขณะนั้นเองบริเวณด้านนอก
เจกันพลัส 20เครื่องตามด้วย ยานรบแอสเทรียจำนวนสองลำ ก็ลำมุ่งหน้าเข้าใกล้
“ถล่มพวกมันให้ราบคาบ!!”ผบ.ยานแอสเทรียออกคำสั่ง
แซ็คจำนวนหนึ่งที่อยู่ภาคพื้นยิงบีมขึ้นไปทันที ปิ้ว! เจกันพลัสทั้ง 20 เครื่องยิงบีมไรเฟิลสวนลงมา บึ้ม! แซ็คระเบิดไปเครื่องหนึ่ง และอีกเครื่องก็ระเบิดตามติดๆ
“พวกมันประมาทพวกเราเกินไปแล้ว วันนี้ล่ะพวกเราจะจัดการพวกมัน!!”
“มันใจจังนะ”แกรนซันติดต่อเข้ามา
“แกเป็นใครกัน!”
“องค์ชายของจักรวรรดิแอมไพร แกรนซัน แอมไพร สำหรับพวกคุณแค่ Gyan(เกียน) เครื่องเดียวก็พอ”
ขณะนั้นเองเกียนก็บินออกมาจากคาตาพอล แล้วบินเข้าหาฝูงเจกันพลัสทั้ง 20 เครื่อง
“แค่เกียนเครื่องเดียวก็พอแล้ว”
เจกันพลัสทั้ง 20 เครื่องกราดยิงบีมไรเฟิลใส่เกียน แกรนซันขับเกียหลบบีมทั้งหมดด้วยความเร็วและเล่งโล่ไปทางเจกันพลัสทั้ง 20 เครื่อง
“อยู่เป็นกลุ่มๆแบบนั้นพลาดแล้วล่ะ”
ซูม! เกียนยิงมิสไซทั้ง 10 ลูกออกจากโล่พุ่งเข้าหากลุ่มเจกันพลัส บึ้ม! เจกันพลัสโดนระเบิดและส่งแรงระเบิดไปทั้งหมด 6 กว่าเครื่อง เจกันพลัสที่เหลือชักบีมเซเบอร์ออกมาแล้วพุ่งเข้าหาเกียน เป้ง! เกียนใช้บีมเซเบอร์รับบีมเซเบอร์ที่เจกันพลัสเครื่องหนึ่งฟันไว้ได้ เกียนใช้โล่กระแทกเข้าที่เจกันพลัสตัวนั้นให้กระเด็นออกแล้วแทงบีมเซเบอร์เข้ากลางค็อกพิท
“มีแค่นี้เองเหรอ”
เจกันพลัสที่เหลือกราดวัลแคนใส่เกียน ขณะที่ยังพุ่งเข้าหาเกียน เกียนเล็งโล่ไปยังเจกันพลัสที่กำลังมุ่งหน้ามาแล้วยิงมิสไซที่เหลือออกไป บึ้ม! เจกันพลัสระเบิดไป 4 เครื่อง
“โมบิลสูทของพวกเราโดนทำลายไป 11 เครื่องแล้วครับ!!!”โอเปเรเตอร์รายงาน
“หึ่ย!!!! จัดการมันให้ได้!!!”ผบ.ออกคำสั่ง
ยานแอสเทรียเล็งบีมแคนนอนไปทางเกียนแล้วยิงออกไป ปิ้ว! ปิ้ว! แกรนซันรีบขับเกียนหลบบีมแคนนอนที่ถูกยิงมาอย่างรวดเร็ว
“เล่นกันอย่างนี้เลยเหรอ”
เกียนพุ่งด้วยความเร็วสูงผ่านเจกันพลัสที่เหลือไปหายานแอสเทรียทั้งสองลำ
“โมบิลสูทศัตรูกำลังมุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วสูงครับ!!!”
“ยิงมันให้ตก!!!”
ยานแอสเทรียทั้งสองลำยิงบีมแคนนอนใส่ เกียนอย่างรวดเร็ว เกียนหลบบีมทั้งหมดที่ถูกยิงมาแล้วพุ่งเข้าไปหายานแอสเทรียลำแรกแล้ว แทงบีมเซเบอร์เข้ากลางห้องบังคับบัญชาการ แล้วพุ่งไปลำสองแล้วใช้โล่กระแทกเข้าห้องบังคับบัญชาการก่อนที่จะปล่อยกับระเบิดออก แล้วรีบบินออกห่างจากยานแอสเทรียลำนั้นทันที 5 วิต่อมา บึ้ม! ยานแอสเทรียลำนั้นระเบิดไปและส่งแรงระเบิดให้อีกลำ
“ถ้าไม่อยากตายก็รีบกลับไปซะ”
เจกันพลัสที่เหลือรีบบินหนีออกจากบริเวณน่านฟ้าทันที เกียนเห็นดังนั้นจึงบินกลับคาตาพอล
“ฝีมือยังไม่ตกสิน่ะ แต่คงต้องฝึกอีก”
อีกด้านไวทแองเจิล
เอวิลเดินออกมาจากห้องด้วยอาการเครียดๆ
‘จะไปหาจุดที่ปลอดภัยยังไงละเนี่ย ความจริงลงจอดที่ไหนก็ปลอดภัยจากพวกแอมไพรอยู่แล้ว แต่พวกกบฏนี้สิตัวปัญหา’
ขณะนั้นเองเบลก็เดินมาหาเอวิล แล้วยืนเท้าสะเอวก่อนที่จะพูดขึ้น
“ก่อเรื่องอีกแล้วใชไหม”
“มีอะไรกันเหรอครับ”
“นายเมินเฉยเฟส จนเฟสเสียใจขนาดร้องไห้เกือบหมดสตินายยังกลับนิ่งเฉยนี้น่ะ”
“ที่ผมเมินเฉย ก็เพราะกำลังหาทางให้ทุกคนปลอดภัย”
“ปลอดภัยอะไรกันของนายเล่า!!”
เบลชกหมัดเข้าหาเอวิล แต่เอวิลเบนตัวหลบได้ แล้วพูดขึ้น
“นี้คือสภาวะสงคราม คุณก็พูดไม่ใช้เหรอ ตอนนี้ผมไม่มีเวลาว่างอะไรทั้งนั้นจนกว่าผมจะหาจุดปลอดภัยสำหรับยานลำนี้ได้”
“แต่นายก็ไม่ควรจะเมินเฉยเฟสเขาน่ะ!!”
“พอเถอะครับสำหรับเรื่องนี้ ผมไม่สนหรอกน่ะว่าใครจะคิดยังไงกับผม”
เอวิลกำลังจะหนีไป เบลกระชากไล่เอวิลไว้ได้แล้ว
“หันสนใจคนอื่นบ้างก็ดีน่ะ!!”
“ก็บอกแล้วไง!! ว่าสิ่งที่ผมสนใจมากที่สุดคือความปลอดภัยของทุกคนบนยาน!!”
เอวิลดึงมือของเบลออกแล้ว เดินต่อไป ทันใดเอวิลก็ล้มลงกับพื้นด้วยอาการหน้ามืด
“เอวิล!!”เบลรีบประคองเอวิลลุกขึ้นมาทันที
ห้องพยาบาล
เอวิลนอนหลับอยู่บนเตียง ขณะนั้นเองเบลก็ยืนคุยกับหมอประจำห้อง
“อืม คนไข้ทำงานหนักมากเกินไปค่ะ ร่างกายไม่ได้พักผ่อนเต็มที่มานานแล้ว ตอนนี้ร่างกายของรับไม่ไหวแล้วเลยเป็นลมไปนะคะ”
“งั้นเหรอค่ะ”
หมอเดินออกไปจากห้องแล้ว เบลก็นั่งลงข้างๆที่เตียง
‘ทาท่าจะจริงอย่างที่เขาว่า เด็กคนนี้ห่วงงานและความปลอดภัยของทุกคนมากกว่าสิ่งใด’
“ซิลเวียร์”เอวิลละเมอขึ้นมา
เอวิลมีเหงื่อตามร่างกาย แล้วละเมอเรียกชื่อซิลเวอร์ออกมา
‘ซิลเวียร์ใครกัน’
“ซิลเวียร์ ทำไหมพี่กับเธอต้องมาเป็นศัตรูกันด้วย ซิลเวียร์”เอวิลยังละเมอ
‘น้องสาวงั้นเหรอ เป็นศัตรูกัน ดูหน้าเศร้างจังเลย’
เบลเดินออกจากห้องไป
ห้องของเฟส
เฟสนั่งร้องไห้อยู่เงียบๆที่โต๊ะของตัวเอง แล้วเบลก็เดินเข้ามา
“เบลเรอะ”เฟสพูดด้วยเสียงสั่นๆ
“เลิกร้องไห้ได้แล้วล่ะเฟส”เบลเดินมานั่งข้างๆเฟส
“ทั้งๆที่ฉันรักเอวิล แต่ทำไหมเขาเมินเฉยฉัน”
“ความยากลำบากที่ผ่านมา”
“เห ความยากลำบากเหรอ”
“ประวัติของเอวิลดูรันทดมากน่ะ ถ้านิสัยเขาจะเป็นอย่างนี้ก็ไม่แปลก เพราะว่าคนรอบตัวเขาตายต่อหน้าต่อตาเขามามากนัก เข้าใจเขาหน่อยเถอะตอนนี้เขาก็ห่วงเธอเหมือนกันนั้นแหละ”
“ห่วงเหรอ?? เขาบอกเธอเหรอ”
“ไม่เขาห่วงทุกคนบนยานลำนี้ เขาทำงานหนักติดต่อกันมานาน ตอนนี้เป็นลมนอนพักอยู่ห้องพยาบาล”
ขณะนั้นเองส้มก็เดินเข้ามาแล้วพูดขึ้น
“เข้าใจหน่อยน่ะว่า เลือดพ่อเขามันแรง”
“ผบ.”เฟสเสร็จน้ำตาแล้วพูด
“พ่อของเขา เป็นหัวหน้าหน่วยงานหนึ่ง ชีวิตทุกชีวิตพ่อของเขาเป็นคนแบกรับไว้ ก็ไม่แปลกที่ลูกจะมีสายเลือดความเป็นผู้นำ จะชอบเขาน่ะก็ต้องเผื่อไว้ด้วยน่ะ หมอนั้นไม่เคยรักใครง่ายๆ เหมือนกับพ่อของเขาแต่ว่า ลองให้เขาได้รักใครสักคนดูสิ เขาทุ่มเทแน่”
“ผบ.รู้จักพ่อเขาดีงั้นเหรอค่ะ”เบลถามขึ้น
“ก็ฉันเป็นลูกบุญธรรมนี้น่า จะไม่รู้จักก็แปลกแล้ว”
อีกด้านห้องพยาบาล
เอวิลค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา แล้วมองไปข้างๆเตียงเห็น นาธานกับชิรานุ นั่งอยู่
“ตื่นแล้วเหรอ เอวิล”นาธานทักขึ้น
“โอ๊ย ผมเป็นอะไรไปนี้ครับ”เอวิลขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
“นายทำงานหนักเกินไปร่างกายมันเลยรับไม่ได้”ชินารุบอกกับเอวิล
“งั้นเหรอครับ ถ้างั้นผมพักผ่อนพอละต้องไปทำงานต่อ”
เอวิลกำลังจะลุก แต่นาธานจับแขนเอวิลไว้แล้วพูดขึ้น
“พอต่อเหอะ สภาพร่างกายแบบนี้ไม่ไหวหรอก”
“ไม่ได้ครับ ผมต้องทำงาน”เอวิลสะบัดแขนออก
เอวิลเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“นิสัยยังไม่เปลี่ยนสิน่ะ”ชินารุพูดขึ้น
“ถึงยังงั้นก็เหอะ แต่ฉันก็ชอบเขาเหมือนเดิมนั้นแหละ”
“สเน่ห์ของหมอนั้น ก็คือการที่ทำงานเพื่อคนอื่นสิน่ะ”
“มั้ง แต่ที่ฉันก็คือความอดทนของเขา เด็กอายุ 19 ตอนนี้ถ้าไม่ใช้นักเรียนนายร้อยก็คงเป็นพวกนักศึกษา ลันล้าไปวันๆสิน่ะ”
“แต่ฉันว่า เพราะสายเลือดของพ่อเขา ยังไงก็ตามหมอนั้นก็ต้องเลือกเส้นทางแห่งความสูญเสีย ที่เรียกว่าทหารอยู่นั้นดีล่ะ”
ขณะนั้นเองโอเปเรเตอร์คนหนึ่งก็เดินเข้ามา
“ร้อยตรีนาธานค่ะ มีของจากยานขนส่ง ส่งมาให้คุณค่ะ”
“จะไปดูเดี๋ยวนี้ล่ะ ชินารุไปดูกับฉันทีสิ”
โรงเก็บโมบิลสูท นาธานและชินารุ ยืนมองโมบิลสูทสีดำมีแถบสีแดง มีผ้าคลุ่มสีดำอยู่ด้านหลังมีตาสองข้างสีเขียวประเภทกันดั้มไทป์
“นี้น่ะเหรอ เบิสจิม”นาธานพูดขึ้น
“แต่มันดูเป็นกันดั้มมากกว่าจิมซะอีกน่ะ”
“จะไม่ให้เหมือนกันดั้มได้ไงล่ะ มันก็กันดั้มนั้นแหละ เบิสจิม ที่เป็นชื่อของมันหมายถึงสุดยอดของโมบิลสูทประเภทจิม ตามข้อมูลที่รู้คราวๆน่ะตัวนี้ติดพาทให้ได้”
“เบิสจิม คงจะเป็นเครื่องของเธอสิน่ะ”
“ถ้าเธอถนัดระยะ กลาง-ไกล ก็ขับสิ”
“ไม่ล่ะ ขอบใจฉันถนัดระยะไกลอย่างเดียว”
หวอ~!!!หวอ~!!! เสียงสัญญาญเตือนภัยดังขึ้น
“สัญญาญเตือนภัยเรอะ!!?”
“ศัตรูจำนวน 10 เครื่องประเภทเจกันพลัส ขอให้สไนเปอร์ทีม เตรียพร้อม”เสียงโอเปเรเตอร์รายงาน
“รีบกันเถอะชินารุ!”
3 นาทีต่อมา จิมสไนเปอร์คัสตอม ของชินารุประจำการอยู่บริเวณคาตาพอลด้านหลังของ ของยานไวทแองเจิลในขณะเตรียมพร้อมยิง
“พวก เจกันพลัส ที่มาจากด้านหลังมี 5 เครื่องสิน่ะ”ชินารุเช็คข้อมูล
“ชินารุ ถ้าเกิดพวกศัตรูเข้ามาในระยะกลาง ปล่อยให้ป้อมปืนจัดการเองน่ะ”นาธานติดต่อเข้ามา
“จะพยายามละกัน”
อีกด้าน เบิสจิมในสภาพถือลองลันเชอร์ขนาดใหญ่ ยืนประจำการอยู่บริเวณคาตาพอลด้านหน้า
“ทางนี้พวกศัตรู 3 เครื่อง”นาธานกำลังเช็คตัวเครื่อของเบิสจิม
ขณะนั้นเองเจกันพลัสจำนวน 3 เครื่องก็บินเข้ามาในระยะการยิง
“ศัตรูเข้ามาในระยะยิงแล้ว จะทำการโจมตีล่ะน่ะ”
“คุณนาธาน!! คุณชินารุ!! อย่าพึ่งยิง!!!”เสียงของเอวิลแทรกเข้ามาในสมองของนาธานและชินารุ
“อะไรกันเอวิล”
“ซูมดูที่เจกันพลัสพวกนั้นสิครับ!! พวกนั้นถือธงขาวมา!”
เบิสจิมซูมระยะไปยังเจกันพลัสสีขาว ที่ถือธงขาวบินมา
“จริงด้วย”
“ตรงนี้ก็ด้วย พวกมันถือธงขาวมา”
“ถึงยานไวทแองเจิล พวกเรามาอย่างเป็นมิตรและต้องการขอพึ่งพาพวกคุณ”เสียงหญิงสาวอ่อนนุ่มติดต่อเข้ามา
“เอาไงดีค่ะผบ.”นาธานติดต่อไปถามส้ม
“เปิดคาตาพอลให้พวกนั้นเข้ามา”ส้มตอบ
10 นาทีต่อมา ห้องประชุมส่วนกลาง
ส้มยืนอยู่หัวห้อง ถัดจากด้านขวาไปก็เป็นสาวๆเซต้าทีม ด้านซ้ายเป็นสาวๆจากสคัลทีมและสไนเปอร์ทีมยืนเรียงกัน ขณะนั้นเอง ประตูก็เปิดออก เด็กสาวผอมสูงผมยาวสีชมพู เดินเข้ามาในห้องโดยมีองค์รักษ์สองคนเดินตามเข้ามา
“ดิฉันขอแนะนำตัว ดิฉันคือ แฟอารี่ รัชทายาทคนต่อไปของแอมไพรค่ะ”เด็กสาวที่ชื่อแฟอารี่แนะนำตัว
“เธอเป็นถึงรัชทายาท แถมก็เป็นฝ่ายศัตรูของพวกเราทำไมถึงกล้ามาหาพวกเรากัน”ส้มถามขึ้น
“นั้นก็เพราะว่า มีเรื่องที่เราต้องขอให้พวกคุณช่วย และคงจะมีแต่พวกคุณเท่านั้นที่ช่วยได้”
“ว่ามา มีเรื่องอะไร”
“เราต้องการขอให้พวกคุณ ช่วยขัดขวางรัชทายาท แกรนซัน ด้วยแกรนซันนั้นได้ให้นักวิทยาศาสตร์ส่วนตัวหลายคนวิจัยเรื่อง พลังของแบล็คโฮลต์ฮาฟ”
“แบล็คโฮลต์ฮาฟ หลุมดำที่ไม่สมบูรณ์งั้นเหรอ”
“ใช้ หลุมดำที่ไม่สมบูรณ์ ถึงจะเป็นหลุมดำที่ไม่สมบูรณ์แต่ถ้าหากถูกวิจัยสำเร็จและไปติดตั้งให้ MS แล้วละก็ มันจะเป็นเส้นทางไปสู่การควบคุมแบล็คโฮลต์ที่สมบูรณ์ที่สุดนั้นและนั้นหมายถึงสงคราม ข้ามกาแล็คซี่ครั้งยิ่งใหญ่ที่จะตามมา”
“หากการวิจัยหลุมดำสำเร็จเสร็จสิ้น แอมไพรก็จะได้รับผลประโยชณ์จำนวนมากในด้านอำนาจทางการเมืองและ การทหาร ซึ่งมันจะเป็นข้อต่อรองชั้นยอดที่จะใช้ยึดอณานิคมแต่ละดวงดาวโดยไม่ต้องใช้กำลังในการเข้ายึดครอง ทำไมคุณถึงได้ต้องการให้พวกเราขัดขวาง”
“เพราะเรายังไม่รู้แน่นอนว่า ข้างในของแบล็คโฮลต์คืออะไร ตามทษฏีของแบล็คโฮลต์ฮาฟ จะสามารถหยิบอาวุธจากหลุมดำขนาดย่อย หรือปล่อยอาวุธออกมาโจมตีได้ ซึ่งก็หมายถึงการเคลื่อนย้ายจากระยะไกลมากๆ ให้ไปถึงเป้าหมายได้ง่ายโดยหลุมดำ ซึ่งถ้าตามทษฏีของนักวิทยาศาสตร์ชาวแอมไพร ได้คาดไว้ว่า แบล็คโฮลต์จะสามารถข้ามไปยังมิติอื่น หากเป็นจริงละก็ จะระเบิดขึ้นเป็นสงครามข้ามมิติ”
“แต่ละอย่างที่พูดมาคุณยังไม่ได้เข้าประเด็น ฉันรู้ว่าคุณเปิดประเด็นมาแล้วว่าต้องการให้พวกเราช่วยหยุดวิทยาการแบล็คโฮลต์ฮาฟ”
“ได้ ซึ่งที่เราต้องการขอร้องจริงๆก็คือ ขอให้พวกคุณทำลายสถานบันวิจัยที่ออสเตรเลียให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะที่นั้นนอกจากจะมีสถาบันวิจัยแล้วยังมีฐานทัพหลักของพวกเราแอมไพร และสิ่งที่คุณคนนั้นกำลังตามหา ก็อยู่ที่นั้น”
“คุณคนนั้นเหรอ”
ขณะนั้นเอง เอวิลก็เดินเข้ามาข้างใน
“ขอโทษที่มาช้าครับ”เอวิลพดขึ้น
แฟอารี่หันไปมองที่มาของเสียงเห็น เอวิลยืนอยู่แล้วพูดขึ้นด้วยความดีใจ
“คุณคนนั้น”
“เธอคนเหมือตอนนั้น”
“รู้จักกันเหรอ”เฟสถามขึ้นด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
“ครับ เธอคือคนที่พาอาจาร์ยมาช่วยฉันงั้นเหรอ แฟอารี่”
“เธอคือคนนั้น ที่ฉันพาลูซิเฟอร์ไปช่วยไว้ และกำลังตามหาแพนโดราบ็อกซ์ เอวิล”
แฟอารี่เดินเข้าไปหาเอวิลแล้วพูดขึ้น
“เรารู้ว่าสิ่งที่คุณตามหาอยู่ที่ไหน”
“เธอรู้เหรอ แพนโดราบ็อกซ์น่ะ”
“ใช้ เราจะเล่าให้ฟังเอง”
“ตามที่พวกเราสามารถจับสัญญาญของยานลำนั้นไว้ได้ผ่านดาวเทียมคาดว่า พวกมันจะเดินทางผ่านคาซัคสถาน และทิศทางที่คาดเดาไว้ล่วงหน้าพวกมันน่าจะเดินทางลงไปยัง จีน ครับ”โอเปเรเตอร์รายงานข้อมูลล่าสุดขึ้น
แกรนซันนั่งฟังข้อมูลอยู่ที่โต๊ะทำงานส่วนตัวแล้วพูดขึ้น
“จับตาไว้ให้ดี การที่พวกเราจับสัญญาญของพวกมันได้ง่ายๆแบบนี้ มันแปลกๆ ถ้ามีอะไรผิดปกติให้รีบมาบอกฉันทันที”
“รับทราบครับ”
แล้วโอเปเรเตอร์ก็เดินออกจากห้องไป ขณะนั้นลูซิเฟอร์ ก็เดินนำซิลเวียร์เข้ามาในห้อง
“มีอะไรหรือเปล่า ลูซิเฟอร์ แล้วก็คุณซิลเวียร์”แกรนซันทักทั้งสองขึ้น
“เรื่องโมบิลสูทของซิลเวียร์นะครับ”
“หืม ทำไมกันเหรอลูซิเฟอร์ ผมก็แค่ตกลงอัพเกรดตัวโมบิลสูทของซิลเวียร์ให้นะสิ”
“องค์ชาย และ ซิลเวียร์ ไม่รู้หรอกครับว่าพลังของกันเลโอที่แท้จริง มันเป็นยังไง จะมาอัพเกรดเอาตอนนี้ยังไม่ได้หรอกครับ ถ้ายังไม่ได้เห็นพลังของกันเลโอที่แท้จริง”
“พลังที่แท้จริงเหรอคะ”ซิลเวียร์งุ่นงง
แกรนซันหันไปมองซิลเวียร์แล้วเอ่ยขึ้น
“ออกไปข้างนอกก่อนได้นะครับ คุณซิลเวียร์ตรงนี้ผมขอคุยกับลูซิเฟอร์ก่อน”
ซิลเวียร์ได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไปรอข้างนอก แกรนซันเห็นว่าซิลเวียร์เดินออกไปแล้วจึงถามลูซิเฟอร์ขึ้น
“พลังของกันเลโอเรอะ กันดั้มสีดำนั้นมีความลับซ่อนอยู่งั้นเหรอ”
“ใช้ครับองค์ชาย ตอนนั้นเมื่อตอนที่ลูกศิษณ์ของผมที่ขับกันเลโอ ยังอยู่กับผมได้เปิดเผยพลังขึ้นมาส่วนหนึ่งแต่แวบเดียว นั้นคือ แสงสีทองนั้น ผมคาดว่ามันจะต้องเป็น พลังที่แท้จริงของกันเลโอ และคนที่จะปลุกพลังนั้นมาได้คงมีแค่ ลูกศิษณ์คนนั้น”
“อืม เรื่องนี้ก็น่าตกใจจริง ขอบใจที่บอกน่ะลูซิเฟอร์ แต่ยังไงเราก็คงต้องอัพเกรดโมบิลสูทให้ซิลเวียร์ เหมือนเดิม”
“องค์ชายยังไม่เข้าใจอยู่อีกหรือครับ”
“ฉันเข้าใจตั้งแต่ประโยคแรกแล้ว แต่ว่าผมก็ไม่มีทางเลือกหรอกน่ะถ้าเอาตามจริง ที่น่าจะพอฟัดเหวี่ยงกับกันดั้มสีดำนั้นได้ ก็คงมีแค่ซิลเวียร์”
“องค์ชายจะให้ซิลเวียร์เป็นคนล่อให้กันเลโอ ปลุกพลังขึ้นมาเหรอครับ!?”
“ฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้เท่าไหร่หรอกน่ะ แต่ผมก็บอกไปแล้วว่าคนที่จะฟัดกับกันดั้มสีดำนั้นได้มีแต่ ซิลเวียร์ เท่านั้น”
ขณะนั้นเองซิลเวียร์ก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ซิลเวียร์ เสียมารยาท”ลูซิเฟอ์หันไปตำหนิ
ซิลเวียร์ไม่สนคำตำหนิแล้วพูดขึ้นทันที
“องค์ชายไม่ต้องลำบากใจหรอกค่ะ! ขอแค่ดิฉันได้สู้กับพี่ ต่อให้เป็นการทดลองหรืออะไรก็ตาม ขอแค่องค์ชายสั่งมาดิฉันจะทำตามค่ะ”
“ขอบใจมากซิลเวียร์”แกรนซันกล่าวขอบคุณ
แคนนาดา
ห้องประชุมสำหรับเดลต้าไคทมี ซิลเวอร์นั่งเครียดอยู่ที่โต๊ะส่วนตัว
“นี้คุณพีเรียสเจ้าซิลเวอร์มันเป็นอะไรของมัน”แฟรงค์ที่นั่งอยู่บนโต๊ะส่วนตัวหันไปถามพีเรียสที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ
“ไม่รู้เหมือนกันน่ะ เห็นเป็นยังงี้ตั้งแต่เช้าแล้ว”
ขณะนั้นเองแม็กซ์ก็เดินเข้ามาในห้อง แล้วเดินเข้าไปหาซิลเวอร์แล้วพูดขึ้น
“ซิลเวอร์ เลิกเครียดได้แล้ว”
“จะไม่ให้ผมเครียดได้ไงละครับ ร้อยโท ประหารยกครอบครัวป่านนี้ไม่รู้ครอบครัวผมจะเป็นยังไงบ้าง”
“เชื่อฉันสิ ครอบครัวนายไม่เป็นอะไรหรอก”
“จะให้ผมเชื่อแบบนั้นได้ไงละครับ ร้อยโท”
“เขารับคำร้องเรียนแล้วน่ะสิ องค์ชายจัดการเองเชียวน่ะ”
“จะ..จริงเหรอครับ!!”ซิลเวอร์ออกอาการดีใจ
“อืม จากสารที่องค์ชายตอบกลับมา เพราะหน่วยของเรามีคุณงามความดีเยอะ ก็เลยจะช่วยเหลือแถมบอกว่าถ้าเหตุการณ์สงบลงหรือเข้าสู่สถาณะปานกลางจะมอบรางวัลให้ทั้งหน่วย”
“เห จริงเหรอค่ะ!!”พีเรียสที่ฟังอยู่พูดแทรกขึ้น
“ฉันจะโกหกไปทำไหม โกหกแล้วได้อะไร ยังไงฉันก็ไม่กล้าอ้างถึงเบื้องสูงหรอกน่ะเดี๋ยวคอหลุด”
“แล้วเรื่องที่ ร้อยโทคุณกับสิบโทเมื่อสักครู่นี้...”
“ใช้ครับคำสั่งประหารครอบครัว แต่ว่าร้อยโทก็ได้ช่วยไว้อีก”ซิลเวอร์พูดขึ้น
แม็กซ์ตบบ่าซิลเวอร์เบ่าๆแล้วพูดขึ้น
“เพื่อนกันก็ต้องช่วยเหลือกันสิ จริงไหม”
แม็กซ์เดินมาหน้าห้อง แล้วพูดขึ้นดังๆ
“ไปพักผ่อนกันเถอะ! ไปเดินเล่นทั่วเมืองกันสักหน่อยวันนี้ถือเป็นวันพักผ่อนหน่อยละกัน”
“จะดีเหรอค่ะร้อยโท”พีเรียสถามขึ้น
“น่า ทำงานหนักกันมาเยอะแล้วก็ต้องพักผ่อนกันสักหน่อยสิ”
“เยี่ยมเลยร้อยโท”แฟรงค์พูดแล้วชูนิ้วโป้งขึ้น
ไวทแองเจิล
เอวิลยืนมองภาพโฮโลแกรมลูกโลกจำลอง ขณะที่ยืนคิดแผนบางอย่างอยู่
‘ใช้แผนแบบนั้นจะดีเรอะ ทั้งๆที่รู้ว่า แต่ละคนดื้อรั้นกันแค่ไหน ถึงจะเป็นผู้ใหญ่แต่ก็ชอบทำตัวเป็นเด็กกันทั้งนั้น เฮ้ย’
เอวิลซูมแผนที่บริเวณทวีปเอเชียขึ้น แล้วสั่งให้ระบบโชวจุดสำคัญๆที่สามารถ จอดยานที่นั้นได้
‘แทบจะไม่มีเลยแฮะ ถึงมีก็ไกลมากจนออกนอกเส้นทาง แต่ถ้าเดินยานแบบนี้ไปเรื่อยๆโดนไม่พักยานก็เป็นผลเสีย จะเอาไงดีล่ะ’
ก็อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น เอวิลได้ยินเสียงจึงเดินไปที่ประตูแล้ว กดปุ่มสื่อสารกับด้านนอก
“ใครน่ะ”
“นี้ฉันเองเฟส”เฟสพูดขึ้น
“ขอโทษทีนะครับ ที่ผมไม่ว่างจะคุยด้วยมีธุระอะไรไว้คุยกันทีหลังน่ะครับ”
“แต่ฉันอย่างคุยกับนายจริงๆน่ะเอวิล”
“ผมทราบครับ แต่ผมมีหน้าที่ต้องทำงาน”
“เอวิล เธอมันจะบ้างานเกินไปแล้วน่ะ”เฟสพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
เอวิลเปิดระบบสื่อสารทิ้งไว้ให้พอดียินในห้องแล้ว เดินกลับไปที่ภาพโฮโลแกรมแล้วเริ่มค้นหาจุดที่ปลอดภัยต่อ แต่ยังรอฟังเฟส
“แต่ละคำพูดที่เธอพูดมา มันเย็นชาซะจริงน่ะเอวิล... เธอไม่คิดจะสนใจผู้หญิงคนหนึ่งที่รักเธอบ้างเหรอเอวิล...”เฟสด้วยน้ำเสียงสั่นๆและเริ่มจะร้องไห้ออกมา
เอวิลยืนหน้านิ่งสักพักแล้วรอฟังที่เฟสพูด
“ฉันรู้เอวิล ว่าเธอมีความแค้นต่อพวกศัตรู ที่ฆ่าแม่เธอแต่เธอ ก็น่าจะลดเรื่องนั้นลงบ้างเอวิล ฉันอยากให้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ ค่อยห่วงใยเธอยู่”เฟสพูดทั้งน้ำตา
ขณะนั้นเองแอนนาก็เดินผ่านมาได้ยินเสียงเฟสพูดจึงแอบดักฟัง
“ฉันอยากให้เธอเข้าใจน่ะเอวิล ว่าฉันรักเธอมากแค่ไหนเอวิล ถึงนี้จะเป็นในช่วงสงครามเธอก็น่าจะหันมารักฉันบ้าง”
เฟสใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา ขณะนั้นเอวิลก็เดินมาที่ประตูแล้วพูดออกไป
“ไม่ต้องพูดแล้วล่ะครับคุณเฟส ผมน่ะละทิ้งความแค้นนี้ไม่ได้จริงๆ จนกว่าจะแก้แค้นให้แม่ได้สำเร็จ”
เฟสเข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นทันที แอนนาเดินเข้ามาและประคองเฟสลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรน่ะเฟส ไปๆฉันจะพาไปพักผ่อนก่อน”
แอนนาประคองเฟสเดินออกไปจากสถานที่
“เราทำเกินไปรึเปล่าน่ะ”เอวิลรำพึงกับตัวเอง
ประเทศออสเตรเลีย
ซิลเวียร์ยืนมองนีเมซิสมาคทรีที่กำลังถูกปรับปรุงแก้ไขยกใหญ่
‘ด้วยเจ้าเครื่องนี้ ฉันจะต้องกำจัดพี่ให้ได้’
ขณะนั้นเองแกรนซันก็เดินมายืนข้างๆ ซิลเวียร์แล้วพูดขึ้น
“คิดอะไรอยู่เหรอครับ ซิลเวียร์”
“ไม่มีอะไรค่ะ องค์ชาย”
“เพลาๆเรื่องที่จะจัดการพี่ชาย ลงหน่อยบ้างก็ดีน่ะครับ คิดมากไปก็ไม่มีประโยชณ์”
“ค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง”
“แต่ว่า ทำไหมคุณถึงต้องการจะกำจัดพี่คุณละซิลเวียร์”
“เพราะว่าเขาต่างอุดมการณ์และทางเดินกับดิฉันค่ะ”
“แค่นั้นมันไม่ใช้เหตุผลที่พี่น้องต้องฆ่ากันเลยน่ะ ต่างคนต่างไปก็ยังจะดีกว่าผมว่า สองเรื่องที่คุณพูดมาไม่ใช้ แต่เป็นเรื่องอื่นใช้มั้ย”
“ค่ะ......”
“มันไม่เข้าท่าจริงๆเลยน่ะ ที่พี่น้องต้องมาฆ่ากัน ต่างคนต่างไปตามเส้นทางตัวเองนั้นดีกว่า”
“แต่ถึงยังไงดิฉันก็ต้องสู้กับพี่ชายอยู่ดี เพราะมันเป็นหน้าที่”
“ผมได้ยินเรื่องมากมายบนโลกนี้ สงครามที่ยาวนานที่เรียกว่าสงคราม 1 ปี การก่อกบฏของชายที่ชื่อว่า ชาร์ อัสนาเบิ้ล”
“เรื่องนั้นแม่ของดิฉันก็เคยเล่าให้ฟังค่ะ”
“ผมประทับใจชายที่ชื่อ ชาร์ อัสนาเบิ้ล คนนั้น”
“ทำไมล่ะค่ะ องค์ชาย”
“ไม่รู้สิ แค่ได้รู้ประวัติของชายคนนั้นแล้วประทับใจอย่างบอกไม่ถูก”
อ๊อด!!!! เสียงสัญญาญเตือนภัยดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น”
ขณะนั้นเองทหารนายหนึ่งก็วิ่งมาหาแกรนซันแล้วรายงานขึ้น
“องค์ชายครับ!! พวกกบฏบุกมาที่นี้ครับ!!”
“งั้นเหรอ ไปเตรียมโมบิลสูทของฉันให้พร้อม”
แล้วทหารนายนั้นก็วิ่งออกไป ซิลเวียร์รีบหันไปพูดกับแกรนซัน
“องค์ชายจะออกไปรบเองเหรอค่ะ!?”
“ใช้ แค่นี้ของสบายๆ”
“แต่ว่าไม่ต้องถึงมือองค์ชายก็ได้นี้ค่ะ”
“เอาน่า ฉันอยากยืดเส้นยืดสายสักหน่อยน่ะ”
ขณะนั้นเองบริเวณด้านนอก
เจกันพลัส 20เครื่องตามด้วย ยานรบแอสเทรียจำนวนสองลำ ก็ลำมุ่งหน้าเข้าใกล้
“ถล่มพวกมันให้ราบคาบ!!”ผบ.ยานแอสเทรียออกคำสั่ง
แซ็คจำนวนหนึ่งที่อยู่ภาคพื้นยิงบีมขึ้นไปทันที ปิ้ว! เจกันพลัสทั้ง 20 เครื่องยิงบีมไรเฟิลสวนลงมา บึ้ม! แซ็คระเบิดไปเครื่องหนึ่ง และอีกเครื่องก็ระเบิดตามติดๆ
“พวกมันประมาทพวกเราเกินไปแล้ว วันนี้ล่ะพวกเราจะจัดการพวกมัน!!”
“มันใจจังนะ”แกรนซันติดต่อเข้ามา
“แกเป็นใครกัน!”
“องค์ชายของจักรวรรดิแอมไพร แกรนซัน แอมไพร สำหรับพวกคุณแค่ Gyan(เกียน) เครื่องเดียวก็พอ”
ขณะนั้นเองเกียนก็บินออกมาจากคาตาพอล แล้วบินเข้าหาฝูงเจกันพลัสทั้ง 20 เครื่อง
“แค่เกียนเครื่องเดียวก็พอแล้ว”
เจกันพลัสทั้ง 20 เครื่องกราดยิงบีมไรเฟิลใส่เกียน แกรนซันขับเกียหลบบีมทั้งหมดด้วยความเร็วและเล่งโล่ไปทางเจกันพลัสทั้ง 20 เครื่อง
“อยู่เป็นกลุ่มๆแบบนั้นพลาดแล้วล่ะ”
ซูม! เกียนยิงมิสไซทั้ง 10 ลูกออกจากโล่พุ่งเข้าหากลุ่มเจกันพลัส บึ้ม! เจกันพลัสโดนระเบิดและส่งแรงระเบิดไปทั้งหมด 6 กว่าเครื่อง เจกันพลัสที่เหลือชักบีมเซเบอร์ออกมาแล้วพุ่งเข้าหาเกียน เป้ง! เกียนใช้บีมเซเบอร์รับบีมเซเบอร์ที่เจกันพลัสเครื่องหนึ่งฟันไว้ได้ เกียนใช้โล่กระแทกเข้าที่เจกันพลัสตัวนั้นให้กระเด็นออกแล้วแทงบีมเซเบอร์เข้ากลางค็อกพิท
“มีแค่นี้เองเหรอ”
เจกันพลัสที่เหลือกราดวัลแคนใส่เกียน ขณะที่ยังพุ่งเข้าหาเกียน เกียนเล็งโล่ไปยังเจกันพลัสที่กำลังมุ่งหน้ามาแล้วยิงมิสไซที่เหลือออกไป บึ้ม! เจกันพลัสระเบิดไป 4 เครื่อง
“โมบิลสูทของพวกเราโดนทำลายไป 11 เครื่องแล้วครับ!!!”โอเปเรเตอร์รายงาน
“หึ่ย!!!! จัดการมันให้ได้!!!”ผบ.ออกคำสั่ง
ยานแอสเทรียเล็งบีมแคนนอนไปทางเกียนแล้วยิงออกไป ปิ้ว! ปิ้ว! แกรนซันรีบขับเกียนหลบบีมแคนนอนที่ถูกยิงมาอย่างรวดเร็ว
“เล่นกันอย่างนี้เลยเหรอ”
เกียนพุ่งด้วยความเร็วสูงผ่านเจกันพลัสที่เหลือไปหายานแอสเทรียทั้งสองลำ
“โมบิลสูทศัตรูกำลังมุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วสูงครับ!!!”
“ยิงมันให้ตก!!!”
ยานแอสเทรียทั้งสองลำยิงบีมแคนนอนใส่ เกียนอย่างรวดเร็ว เกียนหลบบีมทั้งหมดที่ถูกยิงมาแล้วพุ่งเข้าไปหายานแอสเทรียลำแรกแล้ว แทงบีมเซเบอร์เข้ากลางห้องบังคับบัญชาการ แล้วพุ่งไปลำสองแล้วใช้โล่กระแทกเข้าห้องบังคับบัญชาการก่อนที่จะปล่อยกับระเบิดออก แล้วรีบบินออกห่างจากยานแอสเทรียลำนั้นทันที 5 วิต่อมา บึ้ม! ยานแอสเทรียลำนั้นระเบิดไปและส่งแรงระเบิดให้อีกลำ
“ถ้าไม่อยากตายก็รีบกลับไปซะ”
เจกันพลัสที่เหลือรีบบินหนีออกจากบริเวณน่านฟ้าทันที เกียนเห็นดังนั้นจึงบินกลับคาตาพอล
“ฝีมือยังไม่ตกสิน่ะ แต่คงต้องฝึกอีก”
อีกด้านไวทแองเจิล
เอวิลเดินออกมาจากห้องด้วยอาการเครียดๆ
‘จะไปหาจุดที่ปลอดภัยยังไงละเนี่ย ความจริงลงจอดที่ไหนก็ปลอดภัยจากพวกแอมไพรอยู่แล้ว แต่พวกกบฏนี้สิตัวปัญหา’
ขณะนั้นเองเบลก็เดินมาหาเอวิล แล้วยืนเท้าสะเอวก่อนที่จะพูดขึ้น
“ก่อเรื่องอีกแล้วใชไหม”
“มีอะไรกันเหรอครับ”
“นายเมินเฉยเฟส จนเฟสเสียใจขนาดร้องไห้เกือบหมดสตินายยังกลับนิ่งเฉยนี้น่ะ”
“ที่ผมเมินเฉย ก็เพราะกำลังหาทางให้ทุกคนปลอดภัย”
“ปลอดภัยอะไรกันของนายเล่า!!”
เบลชกหมัดเข้าหาเอวิล แต่เอวิลเบนตัวหลบได้ แล้วพูดขึ้น
“นี้คือสภาวะสงคราม คุณก็พูดไม่ใช้เหรอ ตอนนี้ผมไม่มีเวลาว่างอะไรทั้งนั้นจนกว่าผมจะหาจุดปลอดภัยสำหรับยานลำนี้ได้”
“แต่นายก็ไม่ควรจะเมินเฉยเฟสเขาน่ะ!!”
“พอเถอะครับสำหรับเรื่องนี้ ผมไม่สนหรอกน่ะว่าใครจะคิดยังไงกับผม”
เอวิลกำลังจะหนีไป เบลกระชากไล่เอวิลไว้ได้แล้ว
“หันสนใจคนอื่นบ้างก็ดีน่ะ!!”
“ก็บอกแล้วไง!! ว่าสิ่งที่ผมสนใจมากที่สุดคือความปลอดภัยของทุกคนบนยาน!!”
เอวิลดึงมือของเบลออกแล้ว เดินต่อไป ทันใดเอวิลก็ล้มลงกับพื้นด้วยอาการหน้ามืด
“เอวิล!!”เบลรีบประคองเอวิลลุกขึ้นมาทันที
ห้องพยาบาล
เอวิลนอนหลับอยู่บนเตียง ขณะนั้นเองเบลก็ยืนคุยกับหมอประจำห้อง
“อืม คนไข้ทำงานหนักมากเกินไปค่ะ ร่างกายไม่ได้พักผ่อนเต็มที่มานานแล้ว ตอนนี้ร่างกายของรับไม่ไหวแล้วเลยเป็นลมไปนะคะ”
“งั้นเหรอค่ะ”
หมอเดินออกไปจากห้องแล้ว เบลก็นั่งลงข้างๆที่เตียง
‘ทาท่าจะจริงอย่างที่เขาว่า เด็กคนนี้ห่วงงานและความปลอดภัยของทุกคนมากกว่าสิ่งใด’
“ซิลเวียร์”เอวิลละเมอขึ้นมา
เอวิลมีเหงื่อตามร่างกาย แล้วละเมอเรียกชื่อซิลเวอร์ออกมา
‘ซิลเวียร์ใครกัน’
“ซิลเวียร์ ทำไหมพี่กับเธอต้องมาเป็นศัตรูกันด้วย ซิลเวียร์”เอวิลยังละเมอ
‘น้องสาวงั้นเหรอ เป็นศัตรูกัน ดูหน้าเศร้างจังเลย’
เบลเดินออกจากห้องไป
ห้องของเฟส
เฟสนั่งร้องไห้อยู่เงียบๆที่โต๊ะของตัวเอง แล้วเบลก็เดินเข้ามา
“เบลเรอะ”เฟสพูดด้วยเสียงสั่นๆ
“เลิกร้องไห้ได้แล้วล่ะเฟส”เบลเดินมานั่งข้างๆเฟส
“ทั้งๆที่ฉันรักเอวิล แต่ทำไหมเขาเมินเฉยฉัน”
“ความยากลำบากที่ผ่านมา”
“เห ความยากลำบากเหรอ”
“ประวัติของเอวิลดูรันทดมากน่ะ ถ้านิสัยเขาจะเป็นอย่างนี้ก็ไม่แปลก เพราะว่าคนรอบตัวเขาตายต่อหน้าต่อตาเขามามากนัก เข้าใจเขาหน่อยเถอะตอนนี้เขาก็ห่วงเธอเหมือนกันนั้นแหละ”
“ห่วงเหรอ?? เขาบอกเธอเหรอ”
“ไม่เขาห่วงทุกคนบนยานลำนี้ เขาทำงานหนักติดต่อกันมานาน ตอนนี้เป็นลมนอนพักอยู่ห้องพยาบาล”
ขณะนั้นเองส้มก็เดินเข้ามาแล้วพูดขึ้น
“เข้าใจหน่อยน่ะว่า เลือดพ่อเขามันแรง”
“ผบ.”เฟสเสร็จน้ำตาแล้วพูด
“พ่อของเขา เป็นหัวหน้าหน่วยงานหนึ่ง ชีวิตทุกชีวิตพ่อของเขาเป็นคนแบกรับไว้ ก็ไม่แปลกที่ลูกจะมีสายเลือดความเป็นผู้นำ จะชอบเขาน่ะก็ต้องเผื่อไว้ด้วยน่ะ หมอนั้นไม่เคยรักใครง่ายๆ เหมือนกับพ่อของเขาแต่ว่า ลองให้เขาได้รักใครสักคนดูสิ เขาทุ่มเทแน่”
“ผบ.รู้จักพ่อเขาดีงั้นเหรอค่ะ”เบลถามขึ้น
“ก็ฉันเป็นลูกบุญธรรมนี้น่า จะไม่รู้จักก็แปลกแล้ว”
อีกด้านห้องพยาบาล
เอวิลค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา แล้วมองไปข้างๆเตียงเห็น นาธานกับชิรานุ นั่งอยู่
“ตื่นแล้วเหรอ เอวิล”นาธานทักขึ้น
“โอ๊ย ผมเป็นอะไรไปนี้ครับ”เอวิลขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
“นายทำงานหนักเกินไปร่างกายมันเลยรับไม่ได้”ชินารุบอกกับเอวิล
“งั้นเหรอครับ ถ้างั้นผมพักผ่อนพอละต้องไปทำงานต่อ”
เอวิลกำลังจะลุก แต่นาธานจับแขนเอวิลไว้แล้วพูดขึ้น
“พอต่อเหอะ สภาพร่างกายแบบนี้ไม่ไหวหรอก”
“ไม่ได้ครับ ผมต้องทำงาน”เอวิลสะบัดแขนออก
เอวิลเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“นิสัยยังไม่เปลี่ยนสิน่ะ”ชินารุพูดขึ้น
“ถึงยังงั้นก็เหอะ แต่ฉันก็ชอบเขาเหมือนเดิมนั้นแหละ”
“สเน่ห์ของหมอนั้น ก็คือการที่ทำงานเพื่อคนอื่นสิน่ะ”
“มั้ง แต่ที่ฉันก็คือความอดทนของเขา เด็กอายุ 19 ตอนนี้ถ้าไม่ใช้นักเรียนนายร้อยก็คงเป็นพวกนักศึกษา ลันล้าไปวันๆสิน่ะ”
“แต่ฉันว่า เพราะสายเลือดของพ่อเขา ยังไงก็ตามหมอนั้นก็ต้องเลือกเส้นทางแห่งความสูญเสีย ที่เรียกว่าทหารอยู่นั้นดีล่ะ”
ขณะนั้นเองโอเปเรเตอร์คนหนึ่งก็เดินเข้ามา
“ร้อยตรีนาธานค่ะ มีของจากยานขนส่ง ส่งมาให้คุณค่ะ”
“จะไปดูเดี๋ยวนี้ล่ะ ชินารุไปดูกับฉันทีสิ”
โรงเก็บโมบิลสูท นาธานและชินารุ ยืนมองโมบิลสูทสีดำมีแถบสีแดง มีผ้าคลุ่มสีดำอยู่ด้านหลังมีตาสองข้างสีเขียวประเภทกันดั้มไทป์
“นี้น่ะเหรอ เบิสจิม”นาธานพูดขึ้น
“แต่มันดูเป็นกันดั้มมากกว่าจิมซะอีกน่ะ”
“จะไม่ให้เหมือนกันดั้มได้ไงล่ะ มันก็กันดั้มนั้นแหละ เบิสจิม ที่เป็นชื่อของมันหมายถึงสุดยอดของโมบิลสูทประเภทจิม ตามข้อมูลที่รู้คราวๆน่ะตัวนี้ติดพาทให้ได้”
“เบิสจิม คงจะเป็นเครื่องของเธอสิน่ะ”
“ถ้าเธอถนัดระยะ กลาง-ไกล ก็ขับสิ”
“ไม่ล่ะ ขอบใจฉันถนัดระยะไกลอย่างเดียว”
หวอ~!!!หวอ~!!! เสียงสัญญาญเตือนภัยดังขึ้น
“สัญญาญเตือนภัยเรอะ!!?”
“ศัตรูจำนวน 10 เครื่องประเภทเจกันพลัส ขอให้สไนเปอร์ทีม เตรียพร้อม”เสียงโอเปเรเตอร์รายงาน
“รีบกันเถอะชินารุ!”
3 นาทีต่อมา จิมสไนเปอร์คัสตอม ของชินารุประจำการอยู่บริเวณคาตาพอลด้านหลังของ ของยานไวทแองเจิลในขณะเตรียมพร้อมยิง
“พวก เจกันพลัส ที่มาจากด้านหลังมี 5 เครื่องสิน่ะ”ชินารุเช็คข้อมูล
“ชินารุ ถ้าเกิดพวกศัตรูเข้ามาในระยะกลาง ปล่อยให้ป้อมปืนจัดการเองน่ะ”นาธานติดต่อเข้ามา
“จะพยายามละกัน”
อีกด้าน เบิสจิมในสภาพถือลองลันเชอร์ขนาดใหญ่ ยืนประจำการอยู่บริเวณคาตาพอลด้านหน้า
“ทางนี้พวกศัตรู 3 เครื่อง”นาธานกำลังเช็คตัวเครื่อของเบิสจิม
ขณะนั้นเองเจกันพลัสจำนวน 3 เครื่องก็บินเข้ามาในระยะการยิง
“ศัตรูเข้ามาในระยะยิงแล้ว จะทำการโจมตีล่ะน่ะ”
“คุณนาธาน!! คุณชินารุ!! อย่าพึ่งยิง!!!”เสียงของเอวิลแทรกเข้ามาในสมองของนาธานและชินารุ
“อะไรกันเอวิล”
“ซูมดูที่เจกันพลัสพวกนั้นสิครับ!! พวกนั้นถือธงขาวมา!”
เบิสจิมซูมระยะไปยังเจกันพลัสสีขาว ที่ถือธงขาวบินมา
“จริงด้วย”
“ตรงนี้ก็ด้วย พวกมันถือธงขาวมา”
“ถึงยานไวทแองเจิล พวกเรามาอย่างเป็นมิตรและต้องการขอพึ่งพาพวกคุณ”เสียงหญิงสาวอ่อนนุ่มติดต่อเข้ามา
“เอาไงดีค่ะผบ.”นาธานติดต่อไปถามส้ม
“เปิดคาตาพอลให้พวกนั้นเข้ามา”ส้มตอบ
10 นาทีต่อมา ห้องประชุมส่วนกลาง
ส้มยืนอยู่หัวห้อง ถัดจากด้านขวาไปก็เป็นสาวๆเซต้าทีม ด้านซ้ายเป็นสาวๆจากสคัลทีมและสไนเปอร์ทีมยืนเรียงกัน ขณะนั้นเอง ประตูก็เปิดออก เด็กสาวผอมสูงผมยาวสีชมพู เดินเข้ามาในห้องโดยมีองค์รักษ์สองคนเดินตามเข้ามา
“ดิฉันขอแนะนำตัว ดิฉันคือ แฟอารี่ รัชทายาทคนต่อไปของแอมไพรค่ะ”เด็กสาวที่ชื่อแฟอารี่แนะนำตัว
“เธอเป็นถึงรัชทายาท แถมก็เป็นฝ่ายศัตรูของพวกเราทำไมถึงกล้ามาหาพวกเรากัน”ส้มถามขึ้น
“นั้นก็เพราะว่า มีเรื่องที่เราต้องขอให้พวกคุณช่วย และคงจะมีแต่พวกคุณเท่านั้นที่ช่วยได้”
“ว่ามา มีเรื่องอะไร”
“เราต้องการขอให้พวกคุณ ช่วยขัดขวางรัชทายาท แกรนซัน ด้วยแกรนซันนั้นได้ให้นักวิทยาศาสตร์ส่วนตัวหลายคนวิจัยเรื่อง พลังของแบล็คโฮลต์ฮาฟ”
“แบล็คโฮลต์ฮาฟ หลุมดำที่ไม่สมบูรณ์งั้นเหรอ”
“ใช้ หลุมดำที่ไม่สมบูรณ์ ถึงจะเป็นหลุมดำที่ไม่สมบูรณ์แต่ถ้าหากถูกวิจัยสำเร็จและไปติดตั้งให้ MS แล้วละก็ มันจะเป็นเส้นทางไปสู่การควบคุมแบล็คโฮลต์ที่สมบูรณ์ที่สุดนั้นและนั้นหมายถึงสงคราม ข้ามกาแล็คซี่ครั้งยิ่งใหญ่ที่จะตามมา”
“หากการวิจัยหลุมดำสำเร็จเสร็จสิ้น แอมไพรก็จะได้รับผลประโยชณ์จำนวนมากในด้านอำนาจทางการเมืองและ การทหาร ซึ่งมันจะเป็นข้อต่อรองชั้นยอดที่จะใช้ยึดอณานิคมแต่ละดวงดาวโดยไม่ต้องใช้กำลังในการเข้ายึดครอง ทำไมคุณถึงได้ต้องการให้พวกเราขัดขวาง”
“เพราะเรายังไม่รู้แน่นอนว่า ข้างในของแบล็คโฮลต์คืออะไร ตามทษฏีของแบล็คโฮลต์ฮาฟ จะสามารถหยิบอาวุธจากหลุมดำขนาดย่อย หรือปล่อยอาวุธออกมาโจมตีได้ ซึ่งก็หมายถึงการเคลื่อนย้ายจากระยะไกลมากๆ ให้ไปถึงเป้าหมายได้ง่ายโดยหลุมดำ ซึ่งถ้าตามทษฏีของนักวิทยาศาสตร์ชาวแอมไพร ได้คาดไว้ว่า แบล็คโฮลต์จะสามารถข้ามไปยังมิติอื่น หากเป็นจริงละก็ จะระเบิดขึ้นเป็นสงครามข้ามมิติ”
“แต่ละอย่างที่พูดมาคุณยังไม่ได้เข้าประเด็น ฉันรู้ว่าคุณเปิดประเด็นมาแล้วว่าต้องการให้พวกเราช่วยหยุดวิทยาการแบล็คโฮลต์ฮาฟ”
“ได้ ซึ่งที่เราต้องการขอร้องจริงๆก็คือ ขอให้พวกคุณทำลายสถานบันวิจัยที่ออสเตรเลียให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะที่นั้นนอกจากจะมีสถาบันวิจัยแล้วยังมีฐานทัพหลักของพวกเราแอมไพร และสิ่งที่คุณคนนั้นกำลังตามหา ก็อยู่ที่นั้น”
“คุณคนนั้นเหรอ”
ขณะนั้นเอง เอวิลก็เดินเข้ามาข้างใน
“ขอโทษที่มาช้าครับ”เอวิลพดขึ้น
แฟอารี่หันไปมองที่มาของเสียงเห็น เอวิลยืนอยู่แล้วพูดขึ้นด้วยความดีใจ
“คุณคนนั้น”
“เธอคนเหมือตอนนั้น”
“รู้จักกันเหรอ”เฟสถามขึ้นด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
“ครับ เธอคือคนที่พาอาจาร์ยมาช่วยฉันงั้นเหรอ แฟอารี่”
“เธอคือคนนั้น ที่ฉันพาลูซิเฟอร์ไปช่วยไว้ และกำลังตามหาแพนโดราบ็อกซ์ เอวิล”
แฟอารี่เดินเข้าไปหาเอวิลแล้วพูดขึ้น
“เรารู้ว่าสิ่งที่คุณตามหาอยู่ที่ไหน”
“เธอรู้เหรอ แพนโดราบ็อกซ์น่ะ”
“ใช้ เราจะเล่าให้ฟังเอง”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ