Boy be absurd ซื่อบื้อนัก รักซะเลย !
เขียนโดย The_girl_sama
วันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 21.14 น.
แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556 02.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) ถ้าจะเข้าใจผิดขนาดนี้ล่ะก็! งอนแปป!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนนี้ฉันนั่งอยู่ในห้องตัวเองโดยปล่อยให้เพื่อนคนแรกของฉัน ผู้ชื่อว่าเปเปิ้ล เช็ดแผลให้อย่างถนุถนอม ตอนนี้ฉันก็ยังไม่แน่ใจหรอกว่า ยัยนี่จะมาเป็นเพื่อนที่จริงใจอย่างยัยคัพเค้กได้มั้ย จะว่าไป? ยัยคัพเค้กก็ไม่ค่อยทำอะไรให้ฉันนี่หว้า - -*
“เอาล่ะ เสร็จแล้ว” ฟู่ มีแผลที่ขาและแขนนี่ รู้สึกแย่ชะมัดใส่อะไรก็ไม่สวย ยัยเปเปิ้ลเก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอย่างเบามือ ฉันนั่งมองยัยนั่นอยู่สักพัก จึงถามสิ่งที่ข้องใจ
“เธอไม่กลัวฉันหรอ” ยัยเปเปิ้ลชะงักนิดหน่อยแล้วเก็บอุปกรณ์ต่อ
“ไม่กลัวหรอก เธอทำถูกแล้วล่ะ” ยัยเปเปิ้ลตอบโดยไม่มองหน้าฉัน เอาแต่ก้มหน้าเก็บอุปกรณ์ไปเรื่อยๆ
“แต่ฉันว่า ...” ถ้าเธอรู้ตัวจริงของฉันเธอคงไม่อยากคบฉันเป็นเพื่อน อ๊ากกก!! ฉันไม่กล้าพูด ถ้าพูดฉันอาจจะเสียเพื่อนไปก็ด้ายยยย!!
“ว่าอะไร?” คราวนี้ยัยเปเปิ้ลหันหน้าขึ้นมามองฉัน แต่ฉันดันหลบหน้ามันแทน
“ไม่มีอะไร แล้วเมื่อไหร่เธอจะเก็บของแล้วรีบๆออกไปจากห้องฉันสักที” ไม่ได้ไล่นะ แค่อยากให้รีบๆออกไปซะ
“โอเค ฉันเก็บเสร็จแล้วล่ะ ถ้ามีอะไรมาเคาะห้องฉันได้นะ” เออ ถ้าว่างจะไปเคาะ ตอนนี้ไม่ว่างหายใจอยู่ =.,=
ฉันพยักหน้าตอบตกลงยัยนั่นเบาๆ ยัยเปเปิ้ลกำลังจะเปิดประตูออกไป อยู่ดีๆยัยนั่นก็หันกลับมาแล้วถามว่า
“ฉันชื่อเปเปิ้ล ฉันยังไม่รู้ชื่อเธอเลย” อ้าวหรอ? นี้ฉันยังไม่ได้บอกชื่อหรอเนี้ย
“ฉันชื่อซิน” ฉันตอบไปสั้นๆก็ถามแค่ชื่อนี่ เอาอะไรมาก ยัยนั่นยิ้มนิดหน่อยแล้วก็พูดขึ้น
“คำว่าซิน แปลว่า ชั่วร้ายหรือรุนแรง ตรงกับเธอดีนะ ^^” อยากโดนความรุนแรงนี้ตบไหมล่ะย่ะ = =
แล้วยัยนั่นก็เดินออกไป เห้อ~~ ได้อยู่คนเดียวสักที ทำอะไรดีนะ อืมมม...
‘ก็ขึ้นชื่อว่าความรัก ความรักในชีวิตจริงไม่มีอะไรแน่นอน ใจมันอ่อนแอแพ้ความรัก เพิ่งรู้ว่ารักในชีวิตจริงมันยิ่งกว่าในนิยาย~’ เสียงริงโทนจากโทรศัพท์ฉันดังขึ้น ใครโทรมาฟ่ะ? แล้วทำไมเสียงริงโทนฉันถึงเศร้าแบบนั่น
ฉันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง ตาวินโทรมานี่น่า โทรมาเรื่องอะไรย่ะ แต่ฉันแอบดีใจนิดๆแหะที่ตานี้โทรมา ทำไมก็ไม่รู้ตื่นเต้นที่จะรับสายตาบ้านี่ ><
“ฮัล..ฮัลโหล” อย่าสั่นสิ ฉันเป็นอะไรเนี้ย
‘ฮัลโหลครับ!ซินเป็นอะไรรึเปล่า!?’ เฮ้ๆนายมาแนวไหนเนี้ย ทำไมเสียงดูรีบร้อนจัง แล้วฉันเป็นอะไรล่ะ ฉันกำลังจะตายรึไง ทำไมถามฉันแบบนั่นย่ะ?
“เดี๋ยวๆ..นายพูดถึงอะไร”
‘เจ้าของหอพัก เพื่อนของผมโทรมาบอกว่าซินกำลังมีเรื่อง ผมเลยรีบขับรถมาหาคุณ ตอนนี้ถึงสี่แยกแล้วเลี้ยวซ้ายก็ถึงแล้วครับ!’ นายมาแล้วจะช่วยอะไรได้ย่ะ = = แค่สะหลัดยัยปลิ้งมะตูมนั่นยังไม่ออกเลย
“นายจะมาทำไม มาห้ามหรอ”
‘ก็ใช่สิครับ!!แล้วนี่คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่า พวกเธอทำอะไรคุณบ้าง!?’ อย่ามาทำเสียงเป็นห่วงขนาดนั้นสิย่ะ ฉันตามไม่ทัน
“เอิ่ม...มีแผลที่ขา..” ฉันชี้นิ้วแล้วลูบที่แผลปานโดนมดข่วน ก็นั่นมันแผลจริงๆนี้ ฉันไม่ได้โกหกซะหน่อย
‘ตรงไหนอีก!!’ ขอล่ะ เลิกตะเบ็งเสียงใส่ฉันซะที มันหนวกหู = =
“ตรง....อืม..ตรงแขน” ฉันพูดพร้อมเอามือลูบแผลที่ได้มาจากการโดนปาส้อมใส่ แกปาส้อมมาฉันปามีดล่ะว่ะ
‘ผมขอโทษนะ ผมไม่หน้ารู้ช้าเลย ผมขอโทษที่ให้คุณไปอยู่ในหอพักบ้าๆนั่นผมขอโทษ!’ นายอย่ามาดราม่าแถวนี้เลย แล้วก็เลิกขอโทษฉันซะ ฉันรำคาญเว้ย
“ไม่ต้องขอโทษ ไม่ใช่ความผิดนาย” เป็นความผิดของยัยพวกนั่น และยัยเจ้าของหอ บอกให้ตาวินรู้ทำไมย่ะ ฉันไม่อยากให้ตานี่มาไม่สบายใจแล้วเป็นอันไม่ทำงานหรอกนะ!
‘ผมถึงแล้ว เดี๋ยวคุณช่วยลงมาข้างล่างหน่อยนะ’ แล้วทำไมไม่ขึ้นมาฟ่ะ ...อ่อ..นี้มันหอพักหญิง
“ทำไมไม่ขึ้นมาเอง” ทีเมื่อคืนนายยังอุ้มฉันมาส่งที่ห้องเลย เออะ! ลืมขอบคุณ
‘นี้มันหอพักหญิงนะครับ..แล้วตอนนี้ก็มีผู้หญิงเดินเพล่นพล่านด้วย..’
“ก็ได้ ฉันจะลงไปล่ะ” ฉันวางสายแล้ววิ่งลงไปหาตาวิน ตานั่นโบกมือทักฉันที่กำลังหายใจถี่ นี่ฉันเหนื่อยมากขนาดนั่นเลยหรอ
“คุณเป็นอะไรไหม ไหนมาดู” ตาวินคว้าข้อมือฉันไปดู ตาบ้านี่!! มาแต๊ะอั๋งกันได้ไง! ฉันหุบมือเข้าทันที ตานั่นทำหน้าตางงนิดหน่อยแล้วถามขึ้น
“เป็นอะไรครับ? เจ็บแผลหรอ” เจ็บแผลบ้าอะไรล่ะ นายดันเอามืออันนุ่มนิ่มของนายมาจับมือฉันน่ะสิ =///=
“ปล่าว” ฉันตอบไปสั้นๆแต่ดูตานั่นจะไม่เชื่อกัน
“ไม่เป็นไรนะ ผมจะจับเบาๆ” ตาวินจับมือฉันขึ้นอย่างเบาๆ ฉันไม่ขัดขืนเพราะรู้สึกดีที่เขามาจับมือฉัน รู้สึกเบาหวิวและหัวใจเต้นแรง ป่านนี้หน้าฉันแดงรึยังนะ รู้สึกเขินๆขึ้นมาแล้วสิ ฉันเป็นบ้าอะไรเนี้ย!!!
“พะ..พอ..พอแล้ว ไม่ต้องยุ่งเลย” ฉันฉุดมือเข้าหาตัวเองอย่างรวดเร็ว ตานั่นยิ้มนิดหน่อย ทำเอาซะฉันต้องหันหน้าหนี รอยยิ้มตานั่นน่ารักมากเลย =///=
“ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก แล้วไปทะเลาะกับใครมา?” ทะเลาะกับชะนีมาค่ะ!
“คนในหอน่ะ” แต่ฉันไม่ปากไวกับคนน่ารักหรอก ยอมรับเลยว่าเวลานายนี่ยิ้ม มันช่างน่ารักซะจริงๆ
“ใครกันล่ะ กี่คน?”
“ไม่รู้ชื่อ ไม่รู้จัก ประมาณ 8 คน” ฉันตอบไปตามตรง ตาวินทำตาโตเป็นตูดเด็ก คงไม่เชื่อล่ะสิว่าฉันเก่งมากขนาดไหน ขนาดที่ล้มคนได้ตั้ง 8 คนโดยที่ตัวเองไม่เสียเลือดเสียเนื้อเลย
“จริงหรอครับ!! ถ้าเป็นงั้นจริงคุณมันสุดยอดมาก!!” เอิ่ม ก็ดีใจอยู่นะที่เชื่อกัน แต่ทำไมต้องตะโกนเสียงดังด้วยฟ่ะ!
“อยากเห็นสภาพของแต่ละคนไหมล่ะ?” ฉันพูดขึ้นตาวินพยักหน้าหงึกหงักยั้งอยากรู้ พอดีตอนที่ฉันกำลังวิ่ง ตอนลงบันไดฉันเหลือบไปเห็นยัยพวกชะนีกำลังทำความสะอาดห้องอาหาร จะชะนีที่ไหนล่ะ ก็ยัยชะนีปากดีกลุ่มนั่นล่ะ โฮะโฮะ เห็นแล้วสะใจ!
ตาวินเดินตามฉันเข้ามาในหอ ก่อนจะเข้าหอตานั่นก็ได้ไปขออนุญาติยัยพนักงานหน้าร้านแล้วก็เดินตามตูดฉันมาจนถึงห้องอาหารที่ยัยพวกชะนีอยู่ ยัยพวกนั่นพอเห็นฉันก็เริ่มถือไม้กวาดแล้วจับกันเป็นกลุ่ม ไม่รู้จะกลัวอะไรนักหนา แค่ฉันมองหน้ามันไม่ทำให้พวกแกเป็นหินหรอกนะ
“นี้ไง สภาพของแต่ละคน” ฉันชี้นิ้วไปที่กลุ่มยัยพวกนั่น ตาวินยืนอึ้งแบบบรรยายไม่ออกอยู่นาน ฉันจึงต้องดีดนิ้วให้เขามีสติกลับคืนมา พอสติกลับมา ตานั่นก็รัวคำถามใส่
“อย่าบอกนะว่าคุณเป็นมาเฟีย!รับจ้างฆ่าคนอะไรแบบนี้!ที่คุณหนีออกจากบ้านเพราะคุณถูกพ่อแม่จับได้ว่าฆ่าคนใช่ไหม พ่อแม่คุณไม่รู้เรื่องนี้สินะ คุณมันโหดร้ายเกินไปแล้ว!! ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะสามารถทำร้ายคนได้ขนาดนี้ ดูสิ!มีคนแขนหักด้วย! คุณเป็นคนที่น่ากลัวมากเลยรู้รึเปล่า!”
“เฮ้ยนี่! นายเข้าใจผิดแล้ว” ฉันไม่ได้เป็นมาเฟียแต่เป็นเจ้ซินผู้ยิ่งใหญ่ย่ะ!!
“ผมไม่คิดเลยนะ ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆแบบคุณจะกล้าลงมือได้ขนาดนี่ คุณกำลังทำผมกลัว” ตาวินส่ายหัวรัว ตานี่มันใสซื่อเกินไปรึเปล่า ปฏิกิริยาแบบนี้ ยัยเปเปิ้ลน่าจะเป็นมากกว่านะ พล่ามอะไรไร้สาระอยู่ได้
“นายกำลังเข้าใจผิดนะรู้ไหม! ฉันไม่ได้เป็นมาเฟีย!” แต่เป็นเจ้าแม่ย่ะ!!
“แต่ผมว่าผมคิดไม่ผิด ทำไมคุณถึงโหดร้ายขนาดนี้..”
“นี่นาย กลัวฉันหรอ..” แม้กระทั่งนายก็กลัวฉันหรอ นี้ฉันจะไม่มีใครคบจริงๆล่ะสินะ..
“จะบอกว่าแบบนั้นก็ได้ ผมกลัวคุณ ผมไม่เคยเจอผู้หญิงแบบคุณ คุณป่าเถื่อนเกินไป..”
เพี๊ยะ!! ฉันปรี๊ดแตกใช้ฝ่ามือตบเข้าที่หน้าของนายวิน
“โอ๊ย!! คุณทำอะไรน่ะ” นายวินน้ำตาคลอเบ้า ผู้ชายอะไรอ่อนแอเป็นบ้า แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่..
“อย่ามาว่าฉันป่าเถื่อน!! ถ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฉัน เลิกพูดซะ!!” ฉันตะโกนใส่หน้าตาวิน ทั้งนายวินและยัยชะนีที่มามุงดู(ตอนไหนไม่รู้) สะดุ้งไปตามๆกัน
“อย่าคิดว่านายมีพระคุณต่อฉันแล้วจะพูดอะไรก็ได้นะ!! ฉันก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน แต่ฉันแค่ไม่อยากจะปลดปล่อยมันเฉยๆ! ฉันคิดแค่ว่าการไม่พูดอะไรเลยมันจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า แต่พอไม่พูดก็ไม่เข้าใจ! ต่อจากนี้ไปฉันจะพูดมากให้ดู ถ้านายรับคำของฉันไม่ไหวก็ไปซะ!!” พอฉันด่าเสร็จก็เดินกระฟัดกระเฟียดเบียดทุกคนเดินขึ้นบันไดไป เสียงปิดประตูดังปัง!
ต่อจากนี้ฉันก็ไม่คิดจะออกไปไหนอีกแล้ว เพราะตาบ้านั่นคนเดียว!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ