เงารัก...อธิษฐาน[อ่านต่อจากตอนที่ 25 นะเออ]
เขียนโดย บุหงา
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.04 น.
แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 12.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) ตอนที่ 9-100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ~9~
เรื่องนี้จะหวังได้รึเปล่า
เมื่อผมมานึกๆ ดูแล้ว เธอคนนั้นคงไม่ใช่ดาวเพราะจังหวะการก้าวเดินของเธอปกติ เธอปกติทุกอย่างจนผมต้องบอกกับตัวเองว่าเธอไม่ใช่ และความหวังก็พังทลายลงไป
สิ่งที่แอบคาดหวังว่าดาวยังคงอยู่ เพื่อความผิดบาปในใจของผมมันจะลดน้อยถอยลงบ้าง แต่ตอนนี้ความหวังมันกำลังสูญสลายหายไปทีละน้อยและความผิดบาปมันเข้ามาครอบงำผมเอาไว้มากกว่าเดิมเสียอีก แต่ผมจะหวังได้รึเปล่าในเมื่องานศพของดาวในตอนนั้นมันไม่สมบูรณ์! ใช่เพราะมันไม่มีร่างของเธอ!
ดูท่าทางของเนปจูนเองก็ยังบอกเลยว่านี่ไม่ใช่ดาว ผมรู้ได้ยังไงน่ะเหรอก็ดูสายตามันสิ บ่งบอกเสียอย่างนั้น อีกอย่างผมไม่ได้จะแย่งคนรักของมันซะหน่อยทำหน้าราวหมาหวงก้าง
“หวัดดีเนปจูนไม่เจอกันนานนะ”
ผมตัดสินใจกล่าวทักทายก่อน และหันไปกระโดดลงสระน้ำแบบไม่สนใจใคร และไม่คิดจะเปลี่ยนชุด เพราะตัวผมเปียกอยู่แล้วผมไม่อยากเห็นหน้าเนปจูน...ก็เลยหนีหน้าโดยการกระโดดลงสระ ก่อนที่ผมจะไปตั๊นหน้ามันเหมือนคนบ้า ผมยอมรับผมโกรธเนปจูน และโกรธตัวเอง ถ้าวันนั้นเนปจูนเข้ามาห้ามล่ะก็ ดาวก็คง...แต่มันเกี่ยวอะไรกับเนปจูนละ? มันเกี่ยวกับผมเต็มๆต่างหาก ผมจะไปโทษเนปจูนเหมือนผมพยายามปัดความรับผิดชอบ โทษว่าเป็นความผิดของเนปจูนทีเดียวเลยก็ไม่ได้
ผมนี่มันเลวจริงๆ ผมเกลียดตัวเองซะมัด ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย ผมไม่น่าฟังคำยุยงของน้ำหวานเลย น้ำหวานไม่ได้รักผมหรอก แต่รักเนปจูนต่างหาก ผมบอกแค่นี้หวังว่าคงจะเดากันถูกว่ามันเป็นยังไง...
ผมเกลียดทั้งเนปจูน และน้ำหวานนั้นแหละพวกเขาพรากดาวไปจากผม ก็นะผมเองก็มีส่วนด้วยนั่นแหละ ผมก็เลยเกลียดตัวเองเหมือนกัน
ผมรู้ความจริงจากปากของน้ำหวานหมดแล้ว แต่จะรื้อฟื้นมันไปทำไม ในเมื่อดาวไม่อยู่แล้วละ...จะไปตะคอกเค้นคอให้เนปจูนพูดให้ได้อะไรขึ้นมา ถ้าผมทำแบบนั้นมันคงไม่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นหรอก แต่มันจะทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองนั้นโง่ ใช่ผมมันก็แค่ไอ้หน้าโง่คนหนึ่งเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ
เที่ยงแล้วผมกับเพื่อนๆ ทานข้าวกันที่แคนทีนของ T.G. คลับ โดยแต่ละคนให้เหตุผลว่า ขี้เกียจไปไกล และแขกที่ผมไม่อยากจะรับเชิญก็นั่งร่วมโต๊ะด้วย ผมไม่มีความรู้สึกอยากอาหารเลย รู้สึกอยากเอาหมัดไปประทับรอยไว้บนหน้าของไอ้คนที่นั่งตรงข้ามและกำลังยิ้มหน้าบานอยู่มากกว่า ผมขยับตัวอย่างอึดอัด ก่อนที่ความอดทนจะหมดลงผมก็ลุกขึ้น เดินหนีออกมาซะเฉยๆ
“เฮ้นายจะไปไหนน่ะซัน”
ดินเรียกผมไว้แต่ผมไม่สนใจ ก้าวเดินไปด้วยความขมุกขมัวขุ่นข้องในจิตใจ...ผมนี่ชักจะบ้าเข้าไปทุกที บ้าเหมือนที่พวกดินมันพูดไว้ไม่มีผิดเลย...
“เธอจะกลับมาเดือนหน้าเหรอ ดีจังมีนดีใจจริงๆ เท้าซ้ายหายแล้วใช่ไหมดีเลย เธอกลับมาเดินได้ปกติแบบนี้คุณปู่ต้องดีใจมากแน่ๆ”
แล้วผมก็ต้องชะงักเห็นมีนายืนคุยโทรศัพท์กับใครคนหนึ่งอยู่ ผมคิดว่าเสียมารยาท ทว่าจะเดินออกไปแต่บทสนทนาของเธอมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ เหมือนเธอกำลังคุยเรื่องของผมอยู่อย่างงั้นแหละ
“ฉันเจอเขาคนนั้นแล้วละ...คนที่ทำให้เธอเสียใจไง แล้วฉันจะแก้แค้นให้เอาไหมละ?”
“ทำไมละ ฉันมั่นใจว่าใช่เขาแน่ๆ เพราะรูปเขาที่เธอเคยเอาให้ฉันดู ฉันมั่นใจว่าใช่ และเธออย่าใจอ่อนเด็ดขาดตอนเห็นเขาเมื่อกลับมาจากอเมริกาแล้ว เอาละรักษาตัวให้หายไวไวนะทางนี้ฉันจัดการเอง สวัสดีจ๊ะน้องรัก”
เธอคุยโทรศัพท์กับใครสักคนเสร็จ ก็กำลังจะเดินมาทางผม ผมจึงรีบหลบ ปล่อยให้เธอเดินผ่านไป...เท้าซ้ายหายเหรอ จริงสินะดาวเองก็พิการขาซ้ายเหมือนกัน คงเป็นเรื่องบังเอิญละมั่ง
อยากรู้จังว่าคนที่มีนาคุยโทรศัพท์ด้วยคือใครกัน?... แล้วคำถามนี้ก็ผุดขึ้นมาในจิตใจอันเศร้าหมองของผม
“เฮ้ซันลื้อไปไหนมาวะ ทุกคนเป็นห่วงนะโวย... เฮ้ยไอ้ดินลื้อจะไปไหน”
ทิมถามผมขึ้น แล้วหันไปโว้ยวายใส่ดินที่จู่ๆก็ลุกพรวดพราดออกไป
“ฉันโตแล้ว ไม่จำเป็นต้องรายงานพวกนายนี่ แต่ขอบใจที่เป็นห่วง แล้วดินเป็นอะไรทำไมต้องรีบเดินขนาดนั้น”
“ไม่รู้สิมันบอกว่าเห็นคนรู้จัก แล้ววิ่งออกไปเลย เออเพื่อนอั๊วมีแต่พวกบ้า ๆ จะมีใครดีเหมือนอั๊วสักคนไหมวะ...เฮ้ยไอ้พีลื้ออย่าเอาแต่กินสิวะ ไอ้พัทลื้อด้วย ชวนอั๊วคุยหน่อยไอ้ดินไปแล้วไม่มีคนคุยด้วยวะ”
“โอ๊ย!...ไอ้พีตบหัวอั๊วทำไมวะ”
“ไอ้บ้า เอ็งก็ไม่ได้ดีไปกว่าใครหรอกวะ กินข้าวอยู่จะให้พูดได้ไง ใช่ไหมวะพัท ”
“อืม”
“เออ จริงของลื้อ”
ผมมองพวกนี่เถียงกันก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา แล้วนั่งลงที่เดิม และพอกวาดสายตาดูที่นั่งตรงข้ามเนปจูนก็ไม่อยู่แล้วละ
“เนปจูนไปไหนแล้วละ?”
ผมหันไปถามพัทที่นั่งอยู่ข้างๆผม
“ไปทำงานแล้ว”
พัทหันมาตอบ แล้วก็หันกลับไปสนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้าต่อ พัทคลายดินนะครับ แต่พัทมักจะเงียบเหมือนคนเก็บกด เหมือนมีอะไรบางอย่างครุ่นคิดอยู่ในใจตลอดเวลาอย่างงั้นแหละ
“รอไอ้ดินกลับมาแล้วกลับกันเหอะ ชักเบื่อแล้ววะ”
ทิมกล่าวขึ้นแล้วชักสีหน้าเซ็งๆ แล้วอาการแบบนี้พวกผมรู้ดีว่ามันคงอยากจะไปหาสาวๆของมันแน่ๆ แฮะ ฟังไม่ผิดหรอกครับที่บอกว่าสาวๆนะ ก็มีหลายคนซะเหลือเกินนี่..
เช้าวันใหม่ วันนี้เป็นวันที่สามแล้วละที่ผมมาอยู่ที่นี้ ที่คอนโดไอ้ดินมัน พอดินมาส่งผมที่คอนโดดินก็หายหัวไปเลยตั้งแต่เมื่อคืนตอนนี้ก็ยังไม่กลับ ผมเลยต้องเดินทางไปที่แห่งหนึ่งด้วยตัวเอง...
“กรี๊ด คุณซันเหรอค่ะเนี่ย เพิ่งจะเห็นตัวจริงก็วันนี้ ทำไมไม่ยอมให้ใครถ่ายรูปลงนิตยสารไหนเลยละคะ แหมก็เพิ่งรู้ว่าตัวจริงว่าจะหล่อขนาดนี้”
หลังจากที่ผมยื่นเอกสารบางอย่างให้เธอ เธอก็ร้องกรี๊ดด้วยความยินดีทันที
“ครับผมซัน”
ผมตอบรับเธอด้วยน้ำเสียงเรียบๆ และเสมองสถานที่แห่งนี้ T.G. Sport Club
“ ดีจังเลยค่ะได้พบตัวจริง ฉันเบลคะ เป็นเลขาส่วนตัวของท่านประธานบริษัทตอนนี้เธออยู่ที่อเมริกา ยินดีที่ได้รู้จักคุณซันค่ะ”
“ครับ..ยินดีที่ได้รู้จัก”
“เชิญทางนี้เลยค่ะ ผู้จัดการกำลังรอคุณอยู่พอดีเลยคะ แหมยินดีที่ได้ ทำงานร่วมกันด้วยนะคะ”
“ครับยินดี”
“ยินดีที่ได้ร่วมงานอีกครั้งค่ะ คุณซัน คนที่มากความสามารถอย่างคุณ ทางเรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือคะ”
ผู้จัดการบริษัท T.G. SportClub กล่าวขึ้นด้วยความยินดีอีกครั้งที่ผมตัดสินใจมาทำงานที่นี้ ในตำแหน่งผู้ออกแบบอุปกรณ์ทางการกีฬา
แฮะผมยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่าจริงๆผมจบทางด้านการออกแบบ แทนที่จะเป็นทางสาขาด้านการกีฬา ใช่แล้วละ เมื่อดาวไม่อยู่ความฝันของผม
จึงหันเหแต่ก็ไม่พ้นเกี่ยวกับเรื่องกีฬาอยู่ดีน่ะว่าไหม ผมก็เคยบอกไปแล้วดาวคือทั้งหมดของผม คือลมหายใจของผม จึงยังตัดมันไปจากชีวิต
ไม่ได้เพราะดาวเองก็ชอบมันมากทีเดียว
ผมเดินออกจากบริษัทมาด้วยความหวังที่เต็มเปี่ยม...ความรู้สึกมันบอกเช่นนั้น มันบอกผมว่ากำลังมีหวังจริงๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลจิตดลใจผมให้คิดแบบนั้น แต่ก็ช่างมันสิ มันทำให้ผมรู้สึกดีนี่นา รับรู้เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว พอแล้วจริงๆ...สำหรับคนที่มีความหลังที่เจ็บปวด ความรู้สึกที่รวดร้าว จ่อมจมอยู่กับมันไม่มีวันที่จะดีดดิ้นหลุดพ้นมันไปได้
ผมหวังนะหวังสักวันผมจะหลุดพ้นมันไปได้ แต่ตอนนี้คงต้องจม...อยู่กับความรู้สึกนี้ต่อไปก่อน...ที่บอกว่าหลุดพ้น ไม่ได้หมายความว่าลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับดาวหรอกนะ ดาวจะคงอยู่ในใจของผมเสมอนั่นแหละ แต่หากเพียงความเข็มแข็งที่อาจจะมีในอนาคต มันจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ในเรื่องราวครั้งเก่าก่อนนั้นได้ ทำให้ผมไม่ต้องทรมานอยู่แบบนี้ มันจะมีแต่ความรู้สึกดีที่ผมกับดาวเคยมีให้กันเท่านั้น....
“โจรวิ่งราวช่วยด้วยค่ะ...ช่วยด้วย!”
เสียงที่ดังขึ้นกระทบโสตประสาทอยู่ตอนนี้บ่งได้อย่างดีว่า เป็นเรื่องที่ไม่ดี คนทุกวันนี้เป็นอะไรกันหมดนะ...เมื่อก่อนในประวัติศาสตร์ไทย มีแต่รอยยิ้ม มีแต่น้ำใจ มีให้เห็นอย่างเมื่อก่อนที่ทุกบ้านมีร้านน้ำหน้าบ้าน สำหรับคนที่ร่อนเร่สัญจรไปมาได้พักดื่มกินด้วยความชุ่มฉ่ำในน้ำใจ....
สังคมตอนนี้มันเปลี่ยนไปเกิดการแก่งแย่งชิงดี เพราะเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เกิดความอยากได้อยากมี จึงขนขวยหามันมาทั้งทางที่ถูกต้อง และไม่ถูกต้อง อย่างเช่นชายผู้นี้กำลังปฏิบัติอยู่ตอนนี้
เขากำลังวิ่งมาทางผมด้วยสีหน้าที่อมทุกข์ ลนลาน ดีดดิ้นวิ่งไปเพื่อให้หลุดพ้น สิ่งที่เขาทำมันทำให้เขาเดือดร้อนมันบ่งบอกออกจากสีหน้าเขานั่นไง เขาอาจมีเหตุผลที่ทำแบบนี้ดีกว่าที่ผมคิดก็เป็นได้ แต่เป็นเหตุผลแบบไหนมันก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ