เงารัก...อธิษฐาน[อ่านต่อจากตอนที่ 25 นะเออ]
เขียนโดย บุหงา
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.04 น.
แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 12.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) ตอนที่ 10-100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ~10~
เธอยังไม่จากผมไปใช่ไหม
“หลบไปอย่ายืนขวาง อยากตายรึไง...”
เขากล่าวขึ้นพร้อมกับควักมืดพกในกระเป๋ากางเกงมาถือไว้ในมือเพื่อข่มขู่ ผมมองด้วยสายตาเฉยชาไม่สะทกสะท้าน เหมือนไม่กลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บหรือต้องตายเลย
ถามผมกลัวความตายไหม ถ้าหากจะตอบว่าไม่กลัวก็คงจะโกหก คนทุกคนก็รักชีวิตของตนทั้งนั้นต่อให้รักกันมากเท่าใด หากให้คีบถ่านไฟร้อนๆสีแดงไว้บนตักคู่รักทั้งสองคน คนหนึ่งถูกจับมัดมือไว้ อีกคนไม่มีเชือกพันธนาการใดใดทั้งสิ้น คุณคิดว่าเขาจะปัดถ่านที่อยู่บนตักของตัวเองก่อนหรือปัดถ่านที่อยู่บนตักของคนรักที่ถูกจับมัดมือไว้ก่อนละ?
ใช่แล้วร้อยทั้งร้อยก็ต้องปัดถ่านที่อยู่บนตักตัวเองก่อน แล้วค่อยปัดถ่านที่อยู่บนตักของคนรักออกอีกทีเป็นแน่ จะมีสักกี่คนกันที่คิดถึงคนที่รักก่อนตัวเองเสมอ พร้อมที่จะหยิบถ่านร้อนๆนั้นออกไปให้ก่อน แล้วค่อยหยิบออกจากตักตัวเอง ถ้าคุณมีคนรักแบบนี้คุณคือบุคคลที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก ถึงแม้เขาจะไม่ใช่เจ้าชาย ไม่ใช่บุคคลที่หล่อเหลา / สวยงาม ร่ำรวยเฟอร์เฟกซ์ไปซะทุกเรื่องคุณก็ยังน่าอิจฉาอยู่ดีนั่นแหละ
“หลบไปสิวะ อย่าได้ยุ่งเรื่องของคนอื่นน่า”
ผมเบี่ยงตัวหลบ อะอย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าผมรักตัวกลัวตายนะ แค่อยากทดสอบเท่านั้นว่านักแข่งวิ่งระดับชนะกีฬาโอลิมปิกอย่างผมมันจะมีน้ำยาวิ่งแข่งกับผู้ชายคนนี้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นโจร และจนตรอกรึเปล่า ผมปล่อยให้เขาวิ่ง
ผ่านไป ได้ราวห้าเมตรและวิ่งตามไปด้วยแรงกำลัง และความเร็วทั้งหมด ไม่นานผมก็คว้าคอเสื้อของเขาจากทางด้านหลังได้ และ ใช่สันมือสับมือด้านที่จับมีดของชายผู้นี้ มีดหลุดออกจากมือ ตกลงกระทบฟุตบาท ผมก็หันไปกระชากกระเป๋าในมือของเขา โฮะแบรนด์ดังซะด้วยครับ...ผมได้กระเป๋าคืนก็ปล่อยให้เขาเป็นอิสระ เขาตั้งตัวได้ก็วิ่งหนีออกไปทันที ด้วยท่าทางร้อนรนทุรนทุราย
“จับมันไว้สิคุณ ฉันจะส่งมันเข้าคุก”
หญิงมีอายุราวสี่สิบได้ตะโกนขึ้นพร้อมกับอาการกระหืดกระหอบวิ่งเข้ามา ท่าจะเป็นเจ้าของกระเป๋า ผมยื่นกระเป๋าคืนให้เธอ และเดินจากมาเงียบๆ แต่ก็ยังได้ยินหญิงผู้นั้นตะโกนขึ้นไม่หยุดปากด้วยความอาฆาตแค้น
ก็ได้กระเป๋าคืนแล้วนี่นาทำไมต้องตะบี้ตะบัน ห้ำหั่นจับเขาเข้าคุกด้วย...เชิญจับเองเถอะถ้าหากมันจะสนองตอบความสะใจ ดับความโมโหของคุณถ้าคุณจับเขาเข้าคุกได้ก็เชิญตามสบาย...ผมไม่ขอยุ่งเกี่ยว และเพราะผมเคยเป็นแบบนี้ไงละ ผมถึงได้สูญเสียหัวใจของตัวเองไป โดยไม่มีวันจะได้มันคืนกลับมา....ตอนนั้นที่ผมทำเรื่องชั่วช้าลงไปเพียงแค่สนองตอบอารมณ์โมโหของตัวเองเท่านั้น เท่านั้น..จริงๆ ซึ่งมันดูไร้ค่าเหลือเกิน
พรุ่งนี้ต้องไปทำงานงั้นวันนี้ไปหาที่อยู่ อยู่สักที่แล้วกัน ผมไม่คิดจะพึ่งไอ้ดินมันตลอดหรอกนะ เงินรางวัลที่ได้จากการแข่งขัน และทุกสิ่งทุกอย่างผมยกให้แม่หมดแล้วละ แต่ก็พอมีเงินติดตัวอยู่บางพอจะใช่เช่าคอนโดอยู่ที่ไหนสักแห่งได้สบายๆ แต่ไอ้ดินมันไม่ยอม บอกว่าอยู่กับมันนี้แหละจะเช่าให้เปลืองทำไม และไม่ต้องเกรงใจ ฉันก็เคยอาศัยฝากท้องไว้กับฝีมืออาหารแม่นายอยู่บ่อยๆเหมือนกัน...แต่ผมก็อยากจะอยู่คนเดียวสงบๆนี่นา...
เอาสถานที่ ที่ใกล้ที่ทำงานของผมแล้วกัน ท่าจะสะดวกดี ผมคิดพร้อมกับจ้องมองสิ่งต่างๆรอบตัว เพื่อมองหาสิ่งที่กำลังคิดอยู่ตอนนี้ง่ายดายจัง ผมเจอแล้วละ มีป้ายแผ่นโตๆติดประกาศไว้...ผมก้าวเข้าไปโดยไม่ลังเล เพราะดูบรรยากาศรอบข้างแล้วเหมาะมากจริงๆ มีร้านสะดวกซื้อตั้งอยู่ข้างๆ ฝั่งซ้าย ฝั่งขวาก็เห็นป้ายติดไว้ว่าเป็นตลาดสด เดินลึกเข้าไปในซอยอีกสองเมตรก็ถึงเป็นสถานที่ ที่ดี และเหมาะมากจริงๆนั่นแหละ...ผมคิดขึ้นด้วยสีหน้าระบายด้วยรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก หวังว่าการตัดสินใจของผมในครั้งนี้มันจะไม่ผิดพลาดเหมือนในครั้งอดีตอีก
“ดาว!”
นี่ผมพลั่งปากไปอีกแล้ว เดี๋ยวได้โดนแห้วใส่อีกแน่...เฮ้อไม่ไหวจริงๆ
“ฉันไม่ใช่ดาว แล้วอีกอย่างนายไม่มีสิทธิ์เรียกชื่อนี้แม้แต่คิด ก็ห้าม!”
นั่นว่าแล้วไหมละ?...เอ ไม่มีสิทธิ์เรียก ทำไม...ทำไมพูดเหมือนกับรู้จักดาวอย่างนั่นแหละ ผมไม่ได้คิดไปเองใช่
ไหม ใช่ดาวคนเดียวกันรึเปล่า ผมชักสงสัยแล้วสิ ดาวยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม เมื่อคิดได้ดังนั้นก้อนเนื้อที่เคยเฉยชามานานในอก
ข้างซ้ายของผมกระตุกวูบด้วยความรู้สึกยินดี
“ไม่มีสิทธิ์เรียก? ทำไมผมถึงไม่มีสิทธิ์ คุณเอาอะไรมาตัดสิน หรือว่าคุณ...”
“เฮอะ! ฉะ..ฉันก็ไม่ได้เอาอะไรมาตัดสินหรอกนะ แต่ดาวได้ตายไปแล้ว ตายไปแล้วจำใส่สมองนายไว้ด้วย”
มีนรีบพูดขึ้นด้วยอาการตะกุกตะกัก เหมือนพยายามปิดบังอะไรสักอย่าง พูดจบก็สะบัดหน้าหนีเดินจากไปด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ...
เธอต้องรู้จักดาวแน่ๆ...ผมต้องรู้ให้ได้ว่าเธอรู้จักดาวจริงๆ แล้วผมจะถามเรื่องนี้กับใครดีละ มันต้องมีสักคนสิน่าที่รู้เรื่องนี้แต่เมื่อมานึกถึงคำพูดของมีน ผมก็ชะงัก ตายแล้วเหรอ...ใช่ดาวไม่อยู่แล้วก็เห็นอยู่ แต่ผมกลับหวัง และก็ต้องผิดหวัง
ทุกครั้งทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าหวังไปก็เท่านั้นแหละ เฮ้อ...ผมเป็นแบบนี้เรื่อยแหละ แต่ก็ยังไม่ชินกับมันเสียที มันเจ็บนะทั้งที่หวังไว้แต่ก็ต้องผิดหวังอยู่ร่ำไป ผิดหวังมันซ้ำๆแบบนี้ทุกครั้ง มันทำให้คนเรารู้สึกอ่อนแอได้นะ
ผมหันไปนั่งประจำโต๊ะทำงานของตัวเอง วันนี้เป็นวันแรกที่ผมมาทำงานที่นี้ คงสงสัยละสิครับว่าทำไมผมถึงเจอมีน ไม่มีอะไรมากเธอแค่เป็นหลานเจ้าของบริษัทเท่านั้นเอง เป็นเรื่องบังเอิญละมั้ง...แต่จริงๆคุณเบลบอกว่าเธอดูแล ศูนย์สุขภาพ T.G. SportClub คนดูแลบริษัท T.G. SportClub จริงๆเป็นหลานอีกคนของเจ้าของบริษัท เธอกำลังรักษาตัวอยู่ที่อเมริกา เพราะเกิดอุบัติเหตุทางรถทัวร์ ผมก็รู้มาแค่นี้แหละ...เฮ้อทำงานของผมดีกว่าครับ
“คุณปู่ ทำไมคุณปู่ ต้องรับไอ้โรคจิ..เอ๊ยคุณซันมาทำงานที่นี้ด้วยค่ะ มันไม่ปลอดภัยสำหรับดาวเลยนะค่ะคุณปู่”
ฉันอยากจะบ้าตายหากดาวกลับมาแล้วมาเจอนายโรคจิตนี่ที่นี้แย่แน่ ฉันก็เพิ่งจะรู้เมื่อตะกี้แหละเพราะเจอกับนายโรคจิตนั่งทำงานอยู่หน้าห้องทำงานของดาวติดกับโต๊ะทำงานของพี่เบลเลขาส่วนตัวของดาว แบบนี้ต้องแย่แน่เลย
ในฐานะพี่สาวฉันก็อยากจะปกป้องน้องสาวคนเดียวของฉัน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้ไอ้หมาบ้านี่กระเด็นออกจากบริษัทภายในเดือนนี้ให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ไม่อยากจะคิดเลยว่าดาวจะเป็นยังไงจะเจ็บปวดไหม แค่คิดฉันก็ทรมานแทนแล้ว
จากที่เห็นหน้านายโรคจิตนั่นครั้งแรกฉันแทบคลั่ง นายมันทำร้ายดาวน้องสาวของฉันที่ฉันไม่มีโอกาสจะดูแลดาวในวัยเด็กเลย...เราห่างไกลกันเพราะปัญหาทางครอบครัวแตกร้าวพ่อไปทางแม่ไปทาง ในเมื่อตอนนี้ฉันมีโอกาสที่จะทำหน้าที่เป็นพี่สาวที่ดี ฉันจะทำให้ถึงที่สุด ปกป้องดาวให้ได้ใครหน้าไหนก็อย่าหวังมาทำร้ายน้องสาวฉันได้อีก ฉันจะฆ่ามันแน่ เชื่อฉันสิว่าฉันสามารถทำได้
“ทำไมต้องไม่ปลอดภัยกับดาวด้วย บอกปู่มาสิ แล้วปู่จะทำตามความต้องการของหลาน”
“ก็เพราะนายซันนั่นมัน!”
ไม่ได้บอกไม่ได้ เราสัญญากับดาวแล้วนี่นา เฮ้อ....
“เพราะเขา เป็นโรคจิตคะคุณปู่”
ฉันคิดหาเหตุผลใหม่มาอ้างทันควัน พร้อมตอบไปด้วยสีหน้าจริงจัง
“ปู่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะโรคจิตตรงไหน แถมยังมากด้วยความสามารถ ต้องเรียกอัจฉริยะมากกว่าจะเรียกว่าโรคจิตได้ เอาละเหตุผลแค่นี้ปู่คงทำตามความต้องการของมีนไม่ได้หรอก”
“คุณปู่ค่ะ เขาเป็นโรคจิตจริงๆนะคะ ปู่เชื่อมีนสิ มีนไม่ได้พูดล้อเล่นนะคะ คุณปู่ก็คิดดูให้ดีนะหมอนั่นเป็นโรคจิต แล้วทำมิดีมิร้ายกับดาว ที่บอบบางขนาดนั้น เข้า แล้วจะทำยังไงละคะคุณปู่”
“เฮ้อ...เอาละ ๆ ถ้าเขาเป็นโรคจิตขึ้นมาจริงๆอย่างหลานว่า ถึงคราวนั้นปู่จะพิจารณาอีกที แต่ตอนนี้ปู่ไม่เห็นเค้า
รางโรคจิตของเขาตรงไหน ก็ปล่อยเขาไปก่อนแล้วกัน เอาละเราก็ไปทำงานได้แล้วไป ปู่ก็จะทำงานของปู่เหมือนกัน”
“อะไรกัน ไม่เห็นปู่จะทำอะไรเลยนี่”
ฉันบ่นอุบอิบ ด้วยความหงุดหงิด พร้อมกล่าวลาคุณปู่แล้วเดินออกจากห้องทำงานของดาวที่ท่านผู้บริหารใหญ่รักษาการแทนให้ชั่วคราวก่อนจะลาวงการ การทำงานไปจริงๆเมื่อดาวกลับมา...เฮ้อ!คุณปู่นะคุณปู่ ไม่ช่วยมีนก็หาเรื่องไล่นายนั่นออกเองก็ได้
“เรื่องแค่นี้เองฉันถนัดละ”
ฉันบ่นพึมพำขึ้นด้วยความแน่วแน่ว่าต้องหาทางไล่โรคจิตอย่างนายซันออกไปจากชีวิตดาวให้ได้ อีกอย่างยังมีเวลาตั้งเกือบเดือน ยังมีเวลา ฉันยังมีเวลา...
“ถนัดอะไรเหรอค่ะคุณมีน”
“ถนัดไล่คนออก เฮ้ย! พี่เบลอะไรเนี่ย จะไปทำอะไรก็ทำสิค่ะ มากวนอะไรมีนละ”
พี่เบลเนี่ยจริงๆเลย...ทำเอาตกอกตกใจหมด แหมจะไม่ให้ตกใจได้ยังไง คนที่กำลังคิดแผนร้ายอยู่ในใจ และจู่ๆก็มีคนเข้ามาพูดแทรกความคิดแบบนี้จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง ว่าแผนร้ายจะไม่รั่วไหล
“ไม่อะ คุณมีนบอกว่าจะไล่พี่เบลออกนี่คะ ทำไมคุณมีนใจร้ายจังเลย พี่เบลจะฟ้องคุณดาว ฮื่อๆ พี่เบลจะฟ้องจริงๆด้วย”
พี่เบลกล่าวขึ้นพร้อมทำท่ากระเหงากระงอดได้น่าหมั่นไส และก่อนที่พี่เขาจะออกอาการมากกว่านี้ฉันจึงต้องรีบพูดเป็นการห้ามทัพไว้ก่อน
“โธ่ พี่เบล พอเถอะค่ะที่บอกจะไล่ออกน่ะไม่ใช่พี่หรอก แต่เป็นคนบางคนน่ะ ไปทำงานเถอะค่ะ ”
ฉันกล่าวขึ้นพร้อมปรายตามองคนบางคนที่นั่งทำงานอยู่ ด้วยใบหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ยังดี ตรงที่ฉันยืนอยู่ ห่างจากโต๊ะทำงานนายโรคจิต ไม่เช่นนั้นคงสงสัยแน่ๆว่าดาวคนที่พี่เบลจะฟ้องนั้นเป็นใคร
“จริงเหรอคะ แหมพี่เบลตกใจแทบแย่”
พี่เบลกล่าวขึ้นพลางยกมือขึ้นลูบอกด้วยความโล่งใจ
“พี่เบลค่ะ มีนขอร้องสักอย่างนะคะ เวลามีใครถามถึงดาวก่อนที่ดาวจะกลับมา พี่เบลห้ามพูดเด็ดขาดนะคะ มีนข้อร้อง”
ฉันพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง เลยส่งผลให้คนตรงหน้าพลอยทำหน้าจริงจังตามไปด้วย เพราะคนที่ใกล้ชิดกับฉันรู้ดีว่าฉันทำหน้าแบบนี้แล้วมันต้องเป็นเรื่องที่ซีเรียสเอามากๆ ก็จะมีแต่คุณปู่เท่านั้นแหละที่ทำใส่แล้วไม่ยักจะซีเรียสตามไปด้วยเลย
“ทำไมเหรอคะ? เฮ้อ..ช่างเถอะพี่เชื่อว่าน้องมีนคงมีเหตุผล อ๊ายจริงด้วยสิคนที่ T.G. SportClub คลับสุขภาพน่ะค่ะโทรมาบอกว่ามีปัญหาอะไรนี่แหละค่ะ ให้คุณมีนไปจัดการด่วนๆเลย อย่าช้านะคะ ไม่งั้นพี่เบลจะฟ้องคุณดาว”
ฉันส่ายหัวด้วยความระอาที่พี่เบลกล่าวถึงน้องสาวสุดที่รักเพราะคงจะกลัวฉันจะไล่เธอออกจริงๆ แล้วฉันก็เดินจากมาด้วยอาการรีบเร่ง... มีปัญหาอะไรอีกนะ แย่จริงๆเลย...เฮ้อ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ