เงารัก...อธิษฐาน[อ่านต่อจากตอนที่ 25 นะเออ]

9.8

เขียนโดย บุหงา

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.04 น.

  29 ตอน
  6 วิจารณ์
  35.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 12.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

29) ตอนที่ 29-100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

~29~

อันตราย...ลักพาตัว

 

                ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ ‘ตะวันเกล้า’ ด้วยหวังเต็มเปี่ยมว่าดาวจะให้อภัยผมในทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเคยทำมา แต่ไม่ต้องให้อภัยก็ได้ ขอแค่ให้ผมได้อยู่ใกล้ๆเธอก็พอ กว่าที่ผมจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้ก็ผ่านไปสามวันเลยทีเดียว เพราะกว่าจะผ่านด้านของปู่ และพ่อของดาวผมก็แทบกระอัก

                “เชิญทางนี้ค่ะ”

                สักพักก็มีหญิงวัยกลางคนเดินมาหาผม และกล่าวขึ้นพร้อมกับผายมือไปยังสวน เธอคงจะเป็นแม่บ้านของที่นี้

                “คุณหนูนั่งอยู่ในสวนไม่ยอมขยับไปไหนเลยค่ะ ช่วยคุณหนูด้วยนะคะ”

                เธอกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าๆ พลอยทำให้ผมรู้สึกเศร้าตามไปด้วย

                “ครับ”

                ผมเดินมาถึง ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งบนม้านั่ง และกำลังนั่งหันหลังให้กับผมอยู่ ใช่เธอก็คือดาวนั่นแหละ

                “ป้าแมวเหรอจ๊ะ  ดาวยังไม่อยากทาน ไม่ต้องยกอาหารมาให้หรอกคะ”

                เธอกล่าวโดยไม่ได้หันหน้ามามอง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางด้านหลัง ซึ่งก็เป็นเสียงฝีเท้าของผมเอง

                “ดาว...”

                ผมเรียกเธอเบาๆ แต่เธอก็ยังสะดุ้งตกใจ ผินหน้ามามองผมด้วยสายตาเจ็บปวด ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี เห็นเธอทำสีหน้าแบบนี้ก็พลอยชะงักไป เหมือนเธอไม่อยากให้ผมเข้าใกล้ เพราะสายตาของเธอก็สื่อออกมาบอกผมว่า

                ‘อย่าเข้ามา’

                 แต่ผมไม่สนใจ ขยับเท้าก้าวเข้าใกล้เธอเรื่อยๆ เหมือนเธออยากวิ่งหนีผม แต่ผมทราบเธอทำไม่ได้ ผมนั่งลงข้างๆเธอ บนม้านั่งตัวเดียวกัน สบตาเธอนิ่ง เธอขยับหนีห่างผมแต่ผมก็เอื้อมมือไปจับมือเธอไว้ ไม่ให้ขยับหนีไปไหนอีก

                “ไปเดินเล่นกันไหม”

                สายตาของเธอไหววูบเมื่อจบคำพูดนี้ของผม

                “ขึ้นหลังซันไปนะ”

                เธอไม่พูดอะไรเอาแต่ก้มหน้าอยู่แบบนั้น  ผมจึงตัดสิ้นใจลงไปนั่งยองๆหันหลังให้ตรงหน้าดาว  ผมรอจนแล้วจนรอดเธอก็ไม่ยอมขึ้นมาบนหลังผมสักที

                “เร็วสิ นั่งแบบนี้นานๆมันเมื่อยนะดาว”

                ผมเร่งแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเธอจะขึ้นมาบนหลังผมสักที

                “จะไปไหม เดินเล่นน่ะ”

                ผมย้ำอีก

                “ขึ้นมา ไม่งั้นทิ้งให้นั่งคนเดียวแบบนี้จริงๆด้วย”

                ผมขู่ แต่ก็ได้ยินเสียงดาวสะอื้นเล็ดลอดออกมา โอเคผมมันน่าตบชะมัดทำเธอร้องให้อีกแล้ว

                “ขอโทษ ขึ้นมาดาว ซันไม่ทิ้งดาวแน่ สัญญา... เชื่อซันนะ”

                กล่าวจบผมก็ได้ยินเสียงเธอสะอื้นมากกว่าเดิมอีก เอาละพูดอะไรก็ผิดไปหมด งั้นไม่พูดแล้วทำเลยดีกว่า ผมหันไปคว้ามือดาวทั้งสองข้างที่วางไว้บนตักของเธอให้มาพาดบ่าทั้งสองของผม และค่อยๆดึงมือดาวเพื่อให้เธอขึ้นมาเกยบนหลังผมช้าๆ  จากนั้นสักพักผมก็ลุกขึ้นเดินออกไปทันที

                “ยกโทษให้ซันนะ”

ผมพูดขึ้นหลังจากที่เดินออกมาจากคฤหาสน์ตะวันเกล้า  ดาวเกร็งตัวบนหลังผมอยู่นานกว่าจะอ่อนลงและซบหน้าลงบนบ่าของผม ซึ่งทำให้ผมใจชื้นขึ้นอีกเล็กน้อย

                “ไม่ยกโทษให้ใช่ไหมเลยไม่ไปตามนัด”

                จบคำพูดนี้ของผมดาวก็จิกเล็บลงบนบ่าผมทันที ผมเจ็บนะแต่ก็ไม่ทักท้วง ปล่อยให้เธอกัด จิกยังไงก็ได้ ดีกว่าเธอไม่แสดงอะไรออกมาให้ผมรับรู้เลย

                “ยกโทษให้เถอะ  ซันรักดาวจริงๆนะตั้งแต่โอ๊ย!”

                ผมพูดได้แค่นั้นก็ต้องร้องออกมา ดาวเพิ่มแรงจิกลงไปอีกนะสิ ตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าเจ็บ แต่ผมก็เลือกที่จะพูดต่อไป และเดินต่อไปเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน

                “รักตั้งแต่เด็กเลยนะ ซันมันงี้เง่าเองแหละ เรื่องน้ำหวานไม่มีอะไรจริงๆ นะ ”

                เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ดาวก็คลายนิ้วที่จิกบนบ่าผม และได้ยินเธอหอบ หายใจถี่ๆ เธอคงจะเหนื่อยแล้วละ ก็ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายนี่นา

                “หายโกรธแล้วเหรอ... โอ๊ย!”

                ผมกล่าวขึ้นเสียงอ่อยแต่ สรุปได้ว่ายังไม่หายโกรธสินะ เพราะเธอเล่นจิกเล็บลงบนบ่าผมอีกแล้ว

‘จะไม่ยอมพูดกับผมจริงๆสินะ  เฮ้อ..ทำยังไงเธอถึงยอมพูดกับผม’

ผมนึกขึ้นเมื่อเดินมาถึงสวนสาธารณะ แล้วก็ตัดสินใจเดินเข้าไป บรรยากาศดีทีเดียว เพราะต้นไม้ที่ให้ร่มเงาและลมที่พัดเอื่อย ๆ ผมพาเธอไปนั่งลงบนม้านั่งในสวนสาธารณะ ส่วนผมเองก็นั่งลงยองๆตรงหน้าเธอ เธอหลุบตาลงมามองผม พอผมเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอบ้าง เธอก็เชิดหน้าขึ้นทันที

                “รอตรงนี้นะเดี๋ยวซันมา”

                เธอทำหน้าอึดอัด เหมือนอยากจะห้ามไม่ให้ผมไป คงกำลังคิดว่าผมพาเธอมาทิ้งไว้แล้วผมจะหนีเธอไปอยู่น่ะสิ

                “เลิกคิดในสิ่งที่กำลังคิดอยู่ตอนนี้นะ แล้วซันจะกลับมา”

                ผมหายไปสักพัก และกลับมาพร้อมกับถ้วยไอศกรีม และดอกไม้ในมือ แต่แล้วผมก็ต้องตกใจโยนไอศกรีมและดอกไม้ในมือทิ้งทันทีและรีบเดินเข้าไปหาดาว เธอร้องไห้ เพราะผมใช่ไหม ผมไม่ได้ทิ้งเธอไปสักหน่อย ทำไมต้องร้องไห้ด้วย  สรุปผมผิดอีกนั่นแหละที่ไปโดยไม่บอกอะไรเธอเลย ผมก็แค่อยากเห็นดาวยิ้มก็เลยไปซื้อไอศกรีมรสวะนิลา กับดอกไม้สีขาวที่ดาวชอบมาให้เท่านั้นเอง

                ง้อยังไงดีละ ตั้งแต่รู้จักกับดาวมาไม่เคยทะเลาะกันเลยด้วย ไม่รู้จะง้อเธอแบบไหน ผมเกาท้ายทอยอย่างเก้อๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งยองๆตรงหน้าเธออีกครั้ง จากนั้นก็ยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้ดาวอย่างเก้กัง ...เฮ้อเคยเช็ดน้ำตาให้ใครเขาที่ไหนละ ถึงแม่ผมเองก็เถอะรายนั้นไม่เคยร้องไห้ให้เห็นเลย

                “งั้นกลับก็ได้อย่าร้องไห้นะ ขอโทษที่มารบกวน ถ้าดาวไม่อยากเห็นหน้าซันอีกก็บอกมาได้เลย ซันจะทำตามที่ดาวบอกทุกอย่าง”

                ผมจำใจบอกออกไป

                “อย่ามาอีก ฮึก”

ผมรู้สึกดีใจและเสียใจไปพร้อมกัน ดีใจที่เธอพูดกับผมแล้ว และเสียใจที่เธอบอกให้ผมอย่ามาพบเธออีก ผมก้มหน้าลงมองดิน สักพักก็นั่งหันหลังให้เธอ

                “ดาวรู้อะไรไหม ว่าซันจะไม่ทิ้งดาว”

                เงียบไปสักพักผมก็พูดขึ้นอีก

                “ขึ้นมาสิเดี๋ยวซันไปส่ง”

                คราวนี้เธอขยับมาอยู่บนหลังผมอย่างว่าง่าย ไม่จำเป็นต้องขู่ หรือว่าอะไรอีก

 

                ตั้งแต่วันนั้น ผ่านมาสามวันแล้วซันก็ไม่มาอีกเลย ฉันน่าจะดีใจที่เขาไม่มาอีก แต่ทำไมถึงยังเฝ้ารอให้เขามาหาทุกวันด้วย แต่พอเขาไม่มาทำไมต้องมานั่งทำหน้าเศร้าด้วยก็ไม่รู้ แล้วเขาไม่รู่รึไงนะว่าคำว่า ‘อย่ามาอีก’ ของผู้หญิงคือให้มาอีกน่ะ

                ฉันคิดขึ้นอย่างหงุดหงิด แล้วเดินกระแผกๆจะกลับเข้าบ้าน เพราะเมื่อกี้ฉันยืนแกร่วอยู่หน้าประตูบ้านหวังว่าซันจะมา แต่ก็ไม่เห็นเขาเลย

                อันที่จริงขาฉันน่ะ มันก็แค่บวมเฉยๆ พอหายบวมก็กลับมาเดินได้ตามปกติเหมือนคราวที่แล้วแหละ แต่ที่ฉันเดินแบบนี้แค่อยากพิสูจน์อะไรบ้างอย่างเพื่อความแน่ใจเท่านั้น ฉันไม่ได้ทำเกินไปใช่ไหม ก็แค่มารยาหญิงน่ะ ก็แค่เรียกร้องความสนใจ

                ฉันคิดว่าตัวเองคงบ้าไปแล้ว ทั้งที่บอกเขาว่าไม่ต้องมา แต่ตัวเองกลับมารอเขาอยู่หน้าบ้านแบบนี้ แล้วฉันก็ต้องชะงักเพราะแรงกระชากจากทางด้านหลัง แขนรู้สึกเจ็บไม่น้อยที่ถูกกระชาก แบบนี้ แล้วจะหันไปต่อว่าคนที่ทำแบบนี้ ก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

                “ไงยัยง่อย!”

                น้ำหวาน! เธอมาได้ยังไง และฉันก็ได้แต่นิ่งค้างด้วยความตกใจ

                “จับตัวยัยพิการนี่ไป”

                จบคำพูดของน้ำหวานก็มีชายสองคนท่าทางน่ากลัวเดินออกมาจากที่ซ่อน และทำตามคำสั่งของน้ำหวานอย่างรวดเร็ว และเงียบเชียบมันรวดเร็วจนฉันไม่อาจอ้าปากร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่บ้านได้เลย รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกมือหนา และใหญ่เอื้อมมาปิดปากและลากฉันออกไปจากรั่วบ้านของตัวเอง โดยไม่มีใครรู้หรือระแคะระคายอะไรเลย

                ฉันร้องอึกอักอยู่ในลำคอ และพยายามดิ้นร้น แต่มันก็ไรผลที่จะหลุดออกจากพันธนาการของผู้ชายตัวโตได้  ในสมองมีแต่คำว่ากลัวบรรจุอยู่เต็มหัวไปหมด มันบดบังสติ และความคิดที่จะหาทางรอดของตัวฉันเองหมดสิ้น

                “เธอจะจับตัวฉันมาทำไม”

                ฉันพูดขึ้นหลังจากที่รู้ตัวว่าตัวเองถูกจับตัวมาไว้ที่โกดังร้างที่ไหนสักแห่ง ฉันไม่รู้ว่าโกดังร้างนี่มันอยู่ที่ไหน เพราะตอนขามาถูกผ้าปิดตาไว้ตลอดทาง

                “เอามาแลกเปลี่ยน ไม่มีอะไรมาก”

                น้ำหวานพูดขึ้นอย่างไม่แยแสพลางยักไหล่ด้วยท่าทางเก๋ๆ แต่ในความคิดของฉันมันบอกว่า ‘น่าเกลียด’

                “เธอก็แค่นั่งนิ่งๆ แล้วจะไม่เจ็บตัวอะไรเลย อ้อแต่ก็ไม่แน่นะ ระวังตัวไว้ละ เผื่อฉันหมั่นไส้เธอขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลแล้วลงไม้ลงมือกับเธอเข้า”

                “เธอมันบ้า”

                ฉันพูดขึ้นอย่างเหลืออด

                “อาฮะ ฉันบ้าแล้วเธออยากฟังนิทานไหม แก้ขัดตอนที่ยังไม่มีอะไรสนุกๆให้ทำน่ะ”

                “ฉันไม่อยากฟัง!”

                ฉันปฏิเสธออกไปเสียงแข็ง

                “แต่ฉันอยากเล่า!”

                น้ำหวานตะโกนขึ้นเสียงดัง ทำให้ฉันสะดุ้งตกใจ

                “กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเจ็ด หรือแปดปีที่แล้วนี่เอง”

                น้ำหวานเกริ่นนำ สักพักก็เผยรอยยิ้มน่าเกลียดออกมา และเริ่มเล่าเรื่องต่อ

                “หนูน้อยหมวกแดงผู้น่ารังเกียจ... แต่ทำไมผู้คนถึงต่างรุมล้อมแต่เธอ ค่อยเอาอกเอาใจแต่เธอ ทั้งดอกไม้ของขวัญต่างๆ จากรุ่นน้อง รุ่นเดียวกัน และต่างรุ่นก็มี”

                น้ำหวานก้มหน้าลงสักพัก จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้น แววตาแปรเปลี่ยนไป  โดยที่มันเปี่ยมไปด้วยความคลั่งแค้นรุนแรง และน้ำหวานก็ส่งมันมาที่ฉัน

                “และหมาป่าตนหนึ่ง เธอผู้ทั้งงดงาม และน่าหลงใหล ทำไม ทำไมถึงไม่มีใครเหลือบแลเธอเลย ทำไมอยากรู้ไหมหนูน้อยหมวกแดงผู้น่ารังเกียจ”

                เธอพูดขึ้นพร้อมส่งสายตาคำถามมาที่ฉัน หรือหนูน้อยหมวกแดงผู้น่ารังเกียจที่เธอว่าจะเป็นฉันกัน อ้อหรือจะเป็นตอนนั้น ตอนแสดงละครเมื่อตอนเด็ก ฉันได้รับเลือกเป็นหนูน้อยหมวกแดง ส่วนน้ำหวานเธอได้รับเลือกเป็นหมาป่า

                “ก็เป็นเพราะเธอยังไงละ เพราะเธอ! เพราะเธอยังไงยัยบ้า!”

                น้ำหวานตะคอกเสียงขึ้น หายใจหอบถี่จนอกกระเพื่อม  ส่วนฉันก็ได้แต่ทำใจแข็งฟังเธอเล่าต่อไปโดยที่ไม่กล้าขัดอะไรเลย

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา