เงารัก...อธิษฐาน[อ่านต่อจากตอนที่ 25 นะเออ]
เขียนโดย บุหงา
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.04 น.
แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 12.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
28) ตอนที่ 28-100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ~28~
ความรู้สึกกลัวที่เกิดขึ้น
ผมควบคุมดูแลจัดการงานแสดงสิ้นค้าจนไม่มีเวลาพักเอาเสียเลย อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ผมยังไม่ได้เจอหน้าดาวเลยนะ ปล่อยให้นะโมมันระรื่นไปก่อนเหอะ...แต่พรุ่งนี้คงได้เจอแหละเพราะงานจัดแสดงสิ้นค้าวันพรุ่งนี้แล้ว วันนี้ผมมาดูแลงานจัดแสดงสิ้นค้าที่โรงแรมไอ้ดินมันเป็นวันสุดท้าย เพื่อนผมคนนี้ทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรม อู่ซ่อมรถ แถมยังเป็นนักวิเคราะห์เครื่องยนต์ แล้วไหนจะเป็นนักแข่งรถมือฉกาจอีก ผมไม่ค่อยไปดูดินแข่งหรอกเคยไปแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้นแหละ
ช่างเรื่องของดินก่อนเถอะ มาว่าเรื่องของผมกันดีกว่า ก็ไม่มีอะไรมากผมแค่จะส่งจดหมายน้อยให้บอส ผ่านทางพี่เบลน่ะ แต่จะบอกว่านี่ยุคอะไรแล้วครับเขามีเครื่องมือสื่อสารมากมายทำไมไม่ใช้ละ ?
แต่การสื่อสารไหนบ้างที่ไม่ต้องเห็นหน้าและได้ยินเสียง ก็ส่งจดหมายนี่แหละ ใครจะบอกว่าผมโบราณก็เถอะ วิธีนี้พ่อผมใช้จีบแม่ผมสำเร็จมาแล้วนะ เฮอะ...แล้วจะให้ผมทำยังไงละในเมื่อผมเจอหน้า หรือแม้กระทั่งแค่ได้ยินเสียงของดาวเท่านั้นผมก็พูดอะไรไม่ออก แล้วอย่างนี้ผมจะบอกดาวว่าก่อนงานเปิดมาเจอผมที่ประตูปีกซ้ายของห้องโถงจัดแสดงสิ้นค้าหน่อยได้ไหม ผมขอร้องละ ผมมีเรื่องจะบอกดาว
แบบนี้ผมจะพูดได้ยังไง ใช่ผมมันขี้ขลาดกลัวดาวจะปฏิเสธ แต่ถ้าหากส่งจดหมายแบบนี้ยังๆดาวก็ต้องออกมาพบผมแน่ๆ ผมมั่นใจ
วันนี้เป็นงานจัดแสดงสิ้นค้าแล้วละ งานเริ่มตอนเก้าโมงครับ แต่ผมมารอดาวที่จุดนัดพบก่อนเก้าโมงสามสิบนาที สักพักผมก็ต้องหน้าเสีย เพราะน้ำหวานชูจดหมายน้อยของผมในมือเธอให้ผมดู และเดินเข้ามาหา
ผมทำหน้าสลด และคิดว่าน้ำหวานเอาจดหมายนี้มาได้ยังไง ในจดหมายไม่ได้บอกชื่อผู้รับด้วยสิบอกแต่ชื่อผู้ส่ง แล้วนี่พี่เบลทำงานพลาดเหรอไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนะครับ
“ซัน เรากลับมาคบกันเหมือนเดิมได้ไหม”
น้ำหวานถามผมขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียบเย็นแต่แฝงไปด้วยความอ้อนวอน ให้ผมกลับไปคบกับเธอน่ะเหรอ แล้วสิ่งที่ผมสร้างมันมาทั้งหมดตอนนี้ระหว่างผมกับดาวจะปล่อยมันไปอย่างว่างเปล่ารึยังไง
‘ไม่มีทาง!!!’
ผมทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ฟ้าให้โอกาสผมอีกครั้ง โดยที่นำพาผมมาพบเจอกับดาวอีก แล้วจะให้ทิ้งมันไปทั้งที่ผมเฝ้ารอมันมานานแล้วอย่างงั้นเหรอ น้ำหวานเธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ เรื่องนี้เธอน่าจะรู้ดี..
“เราตกลงกันแล้วนี่น้ำหวานว่าเธอจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องของฉัน กับดาวอีก”
ผมกล่าวขึ้นเสียงราบเรียบ แต่ภายในใจกลับไม่สงบเลยมันอึดอัด ผมไม่ยอมโดนหลอกใช้ และยอมให้เธอบีบบังคับผมให้ทำตามคำสั่งของเธออีกแน่ เพราะผมจะปกป้องดาวเอง
“กลับไปคิดให้ดีๆนะ ความผิดครั้งก่อนผมไม่ได้บอกดาวเลย และผมยอมเป็นคนรับผิดคนเดียวอย่างที่เคยพูดไว้
คุณเองก็ควรจะทำตามที่คุณได้สัญญากับผมไว้บ้าง อย่ายุ่งกับดาวอีก ไม่อย่างนั้นก็อย่าหาว่าผมไม่เตือน”
“ไม่!”
“งั้นคุณไปเถอะ ผมนัดกับดาวไว้ ผมคงคุยกับคุณไม่รู้เรื่องแล้ว”
“ไม่!”
ผมไปเองก็ได้ ผมว่าผมเดินตามหาดาวเอง ดีกว่ามายืนคุยกับผู้หญิงจิตไม่ปกติ และผมก็กำลังจะก้าวเดินจากไปแต่ก็ถูกน้ำหวานคว้าข้อมือเอาไว้ จากนั้นเธอก็พลั่กผมไปอัดกำแพงเต็มแรง ยังไม่ทันตั้งตัวเธอก็โน้มคอผมลงมาจูบ
ผมไม่ได้จูบตอบเธอ แต่ยืนมองการกระทำของเธออย่างเฉยชา ยิ่งผมเฉยเธอก็ยิ่งบดจูบรุ่นแรงมากขึ้น ผมคิดผิดจริงๆว่าหากยืนเฉยๆเธอจะเป็นฝ่ายผละจากไปเอง ผมจึงพลั่กเธอออก และใช่จังหวะที่เธอเซล้มลงไปกับพื้นเดินจากมาอย่างไม่ใยดี
ใช่ผมเป็นผู้ชาย และเธอเป็นผู้หญิง มันน่าเกลียดที่ผมทำอะไรกับเธอรุ่นแรงโดยพลั่กเธอจนล้มและคงเจ็บน่าดู แต่ผมเจ็บปวดมามากแล้วกับผู้หญิงคนนี้ อ่าถือว่าผมเอาคืนให้ดาวแล้วกัน เหมือนตอนนั้นไงตอนผมอายุสิบแปด หน้าโรงเรียน และก็ฝนตก
ฉันเดินออกมาจากงานจัดแสดงที่ไม่ค่อยมีคนพลุ่งพล่าน อย่างเหม่อลอย ว่างเปล่า นี่ซันนัดเจอฉันเพราะให้ฉันมาพบกับภาพแบบนี้เหรอ เขาจะบอกกับฉันอ้อมๆรึไง ว่าเขากับน้ำหวานกลับมาคบกับกันอีก อ้อฉันเห็นพวกเขาสองคนจูบกันน่ะ พวกเขาเล่นตลกอะไรกับฉัน บอกฉันมาตรงๆเลยดีกว่า ทำแบบนี้รู้ไหมว่ามันเจ็บปวดยิ่งกว่านะ ซันใจร้าย!
“กรี๊ด!”
ตุบ!
“ดาว!”
ฮึก ฉันมันงี้เง่า เดินเหม่อจนตกบันได หรือเป็นเพราะร้องเท้าส้นสูงที่ไม่เคยสวมกันแน่ ฉันพลาดท่าตอนถึงบันไดขั้นที่สามหากนับมาจากข้างบน และบันไดมีทั้งหมดสิบสี่ขั้น ตอนนี้ฉันรู้สึกปวดหนึบที่หัว และขาซ้ายของฉันก็ชาจนไร้ความรู้สึก พยามยามลุกขึ้นแต่มันก็ไร้ผล
“ดาวเจ็บตรงไหนบ้าง ไม่เป็นไรนะ!”
เนปจูนที่เดินมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดีถามฉันขึ้นอย่างตกใจ ตอนที่อยู่เหนือบันไดเขาพยายามคว้าตัวฉันไว้แล้ว แต่มันก็ไม่ทัน
“เนปจูน ขาดาว เดินไม่ได้แล้ว เดินไม่ได้แล้ว”
ฉันพูดพลางสะอื้นออกมา
“ไม่หรอก ผมจะพาดาวไปโรงพยาบาลเองนะ เชื่อเนปจูนสิว่ามันจะต้องไม่เป็นไร”
เขาปลอบ และพยายามจะอุ้มฉัน แต่ฉันปฏิเสธ ร่างกายของฉัน ฉันรู้ดีว่ามันเป็นยังไง ฉันจะเดินไม่ได้ ซึ่งมันทำให้ฉันกลัว เพราะขาฉันเป็นแบบนี้ไม่ใช่รึไง ซันถึงไม่สนใจฉัน นี่ฉันจะกลับมาเป็นยัยง่อยอีกแล้ว เขาต้องไม่มองหน้าฉันอีกแน่ๆ ฉันจะไม่ให้เขารู้เด็ดขาด ฮึก..ฉันกลัว กลัวจริงๆ แม่ พี่มีน คุณปู่ พ่อค่ะ ดาวกลัว ฮึกนี่ฉันหวังพึ่งคนอื่นอีกแล้วเหรอ
ไหนเคยบอกกับคุณปู่ว่าจะสู้ไง
“ดาวเดินไม่ได้!”
ฉันกล่าวขึ้นอย่างดื้อรั้น
“ไม่เป็นไร ผมจะอุ้มดาวไปเองนะ เชื่อสิว่าต้องไม่เป็นไร”
“แต่งานจัดแสดงสิ้นค้า”
ฉันทักท้วงขึ้นอย่างใจเสีย หากฉันไม่อยู่ในงานคงน่าเกลียดน่าดูเลย
“ไม่ต้องห่วง มีนคงจัดการได้ เราไปโรงพยาบาลกันเถอะนะดาว เดี๋ยวเนปจูนจะโทรบอกมีนเองไม่ต้องห่วง”
เนปจูนพูดขึ้นแบบนั้นฉันจึงพยักหน้าตกลงแต่โดยดี ใช่พี่มีนเก่งคงจัดการได้ทุกอย่าง แต่ฉันสิ... ฉันช่างอ่อนแอสิ้นดี ผ่านไปสองวันหลังจากที่แม่ฝันรู้เรื่องของฉัน ก็รีบเดินทางมาหาฉันทันที ตอนที่ฉันพบหน้าแม่ฝันท่านตาแดงๆ และมองฉันด้วยความสงสารจับใจ มือของท่านลูบหัวฉันด้วยมืออันสั่นเทา และปล่อยโฮออกมาทันที
พี่มีนต้องปลอบอยู่นานกว่าจะเงียบ ฉันเองก็ยอมรับสภาพของตัวเองแล้วละเลยไม่รู้สึกเสียใจเท่าไร เพราะตัวเองก็เคยมีสภาพแบบนี้กลับไปเป็นอีก มันจะเป็นอะไรเล่า
แล้วอีกอย่างนะดีออกที่ฉันตกบันไดครั้งนี้ เพราะทำให้พ่อกับแม่คืนดีกันได้ ปรับความเข้าใจกัน และมันทำให้ฉันรู้สึกว่าความครัวของฉันมันเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์กับเขาจริงๆสักที
วันนี้ดาวของผมไม่มาทำงานอีกแล้ว ผมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย ลางสังหรณ์ของผมบอกว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับดาวแน่ๆในวันงานเปิดตัวสิ้นค้าของ TG Sport หลังจากที่ผมหลุดออกมาจากน้ำหวานได้ ผมก็ตามหาดาวไปทั่วงาน แต่ไม่พบแม้แต่เงาของเธอเลย จะเห็นก็แต่มีนที่แฝงตัวเป็นดาวยืนกล่าวเปิดงานอยู่บนเวที ทุกคนในงานเข้าใจว่าเธอเป็นดาว แต่ผมทราบว่านั่นไม่ใช่ดาว
ผมร้อนรนแทบทำใจนั่งนิ่งๆแล้วทำงานไม่ได้ และอาการกระสับกระส่ายของผมทำให้พี่เบลอดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำถาม เพื่อถามผม
“เป็นอะไรค่ะน้องซัน ลุกลี้ลุกล่นเชียว”
“ ดาว..เอ่อบอสไปไหนเหรอครับพี่เบล ทำไมวันนี้ไม่มาทำงานละครับ”
ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงร้อนรน แต่คำตอบของเธอก็ทำให้ผมผิดหวัง
“ไม่ทราบค่ะ แต่บอสระดับบึกมาเองเลยคะ ท่านอยู่ที่ห้องทำงาน พี่เบลก็กะจะถามถึงบอสกับท่านเหมือนกันแต่ เหมือนมีรังสีความเครียดแผ่คุกครามยังไงก็ไม่รู้ ก็เลยไม่กล้าค่ะ”
พี่เบลพูดขึ้นติดตลก แต่ผมคิดว่ามันไม่ตลกเลยสักนิด
“คงถึงเวลาของผมแล้วมั้งครับพี่เบล และมันอาจเป็นโอกาสสุดท้ายของผม ถ้าผมทำไม่สำเร็จทุกอย่างก็คงจบ และผมจะไม่มีโอกาสได้พบกับเธออีกเลย”
ผมกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตัวเอง ในใจก็พร่ำบอกตัวเองว่ายังไงมันก็ ต้องสำเร็จ!
“ผมขอเข้าพบท่านประธานใหญ่ครับพี่เบล บอกท่านว่าผมมีเรื่องจะเรียนให้ท่านทราบ”
พี่เบลเธอมองหน้าผมด้วยสีหน้าสีตาสงสัย แต่เธอก็ไม่กล่าวอะไรตามลักษณะนิสัยของตัวเองที่ไม่ชอบถามอะไรให้มากความ หากแต่เลือกที่จะเอื้อมมือไปกดปุ่ม Radial บนโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอแทน
“ท่านประธานค่ะ มีคนขอเข้าพบคะ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ