เงารัก...อธิษฐาน[อ่านต่อจากตอนที่ 25 นะเออ]
9.8
เขียนโดย บุหงา
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.04 น.
29 ตอน
6 วิจารณ์
35.16K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 12.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
24) ตอนที่ 24-100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ~24~
แต่งงานกันเถอะ
“สวัสดีค่ะ”
ฉันกล่าวสวัสดี และยกมือไหว้ คุณแม่ของนะโมที่ไม่ได้หลับอย่างที่ป้าอิ่มบอกเลยสักนิด
“จ้ะ..สวัสดี กำลังรอหนูดาวอยู่พอดี”
เสียงแหบโหย กอปรไปด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว รอยยิ้มนิดๆประดับที่มุมปากทักทายกลับมา จากนั้นหันไปมองนะโม และเกิดรอยยิ้มเอ็นดูรักใคร่อย่างเปี่ยมล้น
“ขาดเรียนอีกแล้วนะ...โม แม่ไม่สบายใจเลย”
คุณแม่ของนะโมพูดขึ้น และยกมือที่ดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงขึ้นสัมผัสแก้มของนะโมเบาๆ
“ไม่เป็นไรฮะ แม่ของโมสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งนั้น”
“ขอบคุณนะจ๊ะ หนูดาวที่ช่วยลูกชายฉันไว้เมื่อเจ็ดปีก่อน ไม่งั้นฉันคงใจสลาย ฉันเองก็ไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานเท่าไรฉันขอฝากนะโมได้ไหมหนูดาว”
“ไม่เป็นไรค่ะ แม่เมตตา ทำใจให้สบายเถอะคะ ยังไงแม่เมตตาก็ต้องหายป่วยแน่ๆ เดี๋ยวดาวก็จะคอยดูและนะโมให้ด้วยอีกแรงหนึ่งไม่ต้องห่วงนะคะ”
“ฉันรู้ตัวเองดี ว่าคงอยู่...”
“แม่พักผ่อนเถอะฮะ ไม่ต้องพูดอะไรให้เหนื่อยอีกแล้ว แม่ของผมจะได้หายป่วยไวไว...พี่ดาวฮะออกไปข้างนอกกันเถอะแม่ของผมจะได้พักผ่อน”
พูดจบนะโมก็ลุกออกไปเลยอย่างคนดื้อดึงที่ไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้น เขาคงจะรับไม่ได้ เป็นฉัน ฉันก็คงรับไม่ได้เหมือนกันคงพยายามปิดกันทุกสิ่ง หลอกตัวเองอยู่ซ้ำๆ
“ไม่ต้องห่วงค่ะ พักผ่อนนะคะ เดี๋ยวดาวไปดูนะโมให้คะ”
พูดจบฉันก็ลุกออกไปอีกคน
นะโมยืนอยู่แล้วหน้าห้องของแม่เมตตา น้ำตาคลอเต็มเบ้าเสียงสะอื้นน้อยๆเล็ดลอดออกมาจากปากเล็กๆอย่างน่าสงสาร ฉันจึงเอื้อมมือไปกอดนะโมไว้
“ร้องไห้ให้พอจากนั้นก็เข้มแข็งไว้นะ...โมเราต้องเข็มแข็งไม่เช่นนั้นเราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หากมัวแต่อ่อนแอ คนเราน่ะนะต่างก็เศร้า และทุกข์ใจกันทั้งนั้นแหละ”
“แต่ผมรับไม่ได้ ผมไม่เหลือใครแล้วนะพี่ดาว ผมมีแม่คนเดียวญาติที่ไหนก็ไม่มีอีก”
“พี่ดาวไงยังเหลือพี่ดาวทั้งคนโม พี่ดาวสัญญาจะดูแลโมเองนะ”
จากนั้นฉันก็มาอยู่แต่บ้านของนะโม ทั้งพี่มีน แม่ฝัน และแม่พรึกก็พากันมาเยี่ยมแม่เมตตากัน ทำให้บรรยากาศของที่นี้ไม่เงียบเหงาอีกต่อไป...
“ซัน!”
หลังจากเดินกลับจากบ้านของนะโมก็เห็นซันยืนพิงต้นไม้หน้าบ้านของฉัน ชินายจอมเก๊กจะมาทำไมเล่านั้น คิดแบบนั้นทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นวันหยุดของซัน
“แม่ให้มาตาม ไปด้วยกันหน่อยสิ”
ซันพูด และยิ้มให้ ฉันก็ต้องยิ้มตอบไปตามแกน
“อ้อได้..”
จากนั้นฉันก็เดินตามหลังซันต้อยๆ แล้วเขาจะมาที่นี้ทำไมไม่รู้ แต่ทำไมต้องดีใจด้วยนะไม่เข้าใจตัวเองเลย
“อ้าวหนูดาวมาแล้วเหรอจ๊ะ มามะมาทานข้าวกัน”
คุณแม่ และพี่มีนย้ายสำมะโนครัวมาที่บ้านแม่พรึกน่ะ แล้วไอ้คนที่ไม่อยากพบก็กลับบ้านมาตอนนี้ด้วยสิ พี่มีนที่
ขวาง ๆ ซันตลอดก็ทำสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไร ยิ่งแม่ฝันยิ้มงี้สดใสจากท้ายหมู่บ้านถึงหน้าหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้เลยก็
ว่าได้
“ดีเลยวันนี้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา”
แม่พรึกกล่าวขึ้นอย่างอารมณ์ดี ส่วนแม่ของฉันก็ทำทีพยักหน้าเออออเห็นด้วยทันที และหลังจากทานข้าวมื้อเย็นเสร็จ ซันก็ลากฉันมาสวนที่อยู่หลังบ้านของเขา ซึ่งฉันพยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากแม่ กับพี่มีนแล้ว แต่เหมือนทั้งสองคนจะบอกทางสายตากลับมาว่า ‘อย่าหนี แก้ปัญหานี่ให้จบๆไปซะเถอะ’
“นายมีอะไร?”
ฉันถามขึ้นเสียงห้วนพร้อมทำหน้าตาบูดบึ้ง และส่งสายตาไม่พอใจไปให้ด้วย แต่ซันก็ยังนิ่งทำราวกับลากฉันมาเฉยๆ แล้วไม่มีเรื่องอะไรจะคุยด้วยงั้นแหละ
“ไม่มีฉันกลับ”
“เดี๋ยวสิดาว เอ่อคือ...”
ซันคว้าข้อมือฉันไว้จากนั้นทำท่าทางอึกอักอำอึง และดูกระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อย ฉันจึงยังยืนนิ่งนิ่งเพื่อดูว่าเขาจะพูดอะไร
“ดาว....”
สุดท้ายเขาก็ อรัมภบทด้วยชื่อของฉันแล้วเงียบไปสักพักก็เริ่มพูดขึ้นอีก
“แต่งงานกันเถอะ”
ฉันทำหน้าตกใจ ใจก็เต้นระรัวราวกับคนมาเล่นกลองชุดข้างในหัวใจของฉัน แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเขาคงแค่ล้อเล่น เลยปรับสีหน้าเป็นปกติ บีบบังคับให้หัวใจเต้นช้าลง
ลึกๆ แล้วฉันก็รู้แหละว่าเขาพูดจริง แต่ฉันไม่แต่งกับนายง่ายๆหรอกขอเล่นตัวหน่อยก็แล้วกัน และก็อยากรู้ด้วยสิถ้าตอบปฏิเสธไปเขาจะทำหน้ายังไง
เฮ้อ...เห็นสีหน้าดาวแล้วผมคงกินแห้วทั้งสวนแน่ แต่ไม่เป็นไรผมจะพยายามต่อไปถึงแม้มันจะไม่มีหนทางเลยก็ตาม ผมรอคำตอบจากดาวอย่างใจจดใจจ่อ และส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ด้วย
“ฉันไม่แต่ง เพราะมีคนขอฉันแต่งงานก่อนนายแล้ว นายช้าแค่วันเดียวเองฉันกำลังรับพิจารณาอยู่ ว่าจะตอบตกลงเขาดีรึเปล่าอยู่พอดี”
ดาวพูดจบก็เดินจากไปปล่อยให้ผมยืนมึนงงสับสนอยู่พักใหญ่ๆ เพราะผมเอาเรื่องแต่งงานถามแม่ฝันแล้วนะ ประมาณเข้าทางผู้ใหญ่น่ะ รู้จักไหม แม่ฝันบอกผมว่าดาวไม่มีใคร และได้รับการยืนยันจากมีนด้วยอีกคน อ้อปู่ของดาวก็รับรู้แล้วด้วยผมถึงได้มายืนหน้ามึนอยู่นี่ไง แต่ยกเว้นคนเดียวพ่อของดาวเท่านั้นเอง
ผมเดินจ่องๆ คอตกกลับเข้าบ้านตัวเอง และพบแม่พรึกของผมรออยู่ที่ตีนบันได ท่านทำสีหน้ายิ้มแย้มขัดกับอารมณ์ของผมในตอนนี้อยู่อักโข
“ไงโดนเขาปฏิเสธมาละสิ ช่วยไม่ได้นี่น่าทำกับเขาไว้เยอะ เขาก็เลยเล่นตัวบ้าง เป็นไงรู้สึกดีไหมละ?”
รู้สึกดีมากเลยละครับ รู้สึกดีจนจะบ้าตายแล้ว
“โธ่ แม่แทนที่จะอยู่ข้างซันสักวันเหอะ ซันจะตรอมใจตายให้ดู แล้วดูสิคนข้างบ้านเขาจะว่าไงบ้าง”
ผมพูดอย่างตัดพ้อต่อว่าคนที่อยู่ข้างๆบ้าน แต่พอฟังคำพูดของแม่ผมสิเปลี่ยนท่าทีจ่องๆของผมได้ชะงักนัก ไม่ต้องเพิ่งยาผีบอกขนานใดของหมู่บ้านนี่เลย
“ไม่ว่าไงหรอกหนูนะโมเขารับเลี้ยงหนูดาวของแม่แล้วซัน”
“ใครนะแม่นะโม เป็นใครกัน?”
แม่ผมพูดขึ้นพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมก็เลยอดที่จะถามไม่ได้ว่านะโมเป็นใคร หรือจะเป็นคนที่บังอาจมาขอดาว
แต่งงานตัดหน้าผมกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากเห็นหน้าแล้วสิ
ถ้าดาวรัก และนะโมที่ว่ารักดาวจริงผมก็จะยอมถอยออกมา และจากนั้นคงทำได้เพียงเฝ้ามองเหมือนหมาเห่าเครื่องบิน
แต่อีกใจหนึ่งที่ดื้อด้าน บอกว่าแย่งดาวมา กั้นคนที่ชื่อนะโมออกห่างดาวซะ ทำทุกวิถีทางให้นะโมไม่มีทางสมหวังอย่างที่ใจคิด และใจจริงๆผมคงรับไม่ได้ถ้าหากข้างๆดาวจะไม่ใช่ผม เห็นแก่ตัว? ก็แล้วทำไมละความรักมันก็ทำให้คนเราเห็นแก่ตัวแบบนี้ไม่ใช่เหรอ หรือจะเถียงผมกัน อย่าเถียงเลย มันเถียงไม่ออก
“หนุ่มในหมู่บ้านนี่แหละ ทั้งหล่อ ทั้งนิสัยดี แถมฐานะทางบ้านก็ดีด้วย แม่ฝันนี่ก็ปลื้มๆหนูนะโมอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ติดตรงที่ว่า...”
แม่ผมพูดเท่านั้นก็หยุดไป พร้อมทำหน้าโล่งอกเสมือนโล่งใจที่หยุดคำพูดที่ไม่สมควรพูดได้ทันเวลา ผมจึงซักไซให้แม่พูดต่อ แม่เฉไฉ บอกว่าอากาศร้อนไปอาบน้ำนอนดีกว่าเดี๋ยวจะมืดซะก่อน
ส่วนผมก็ยืนอยู่ที่เดิมทำหน้าแห้งๆ เหมือนบะหมี่ไม่มีน้ำ ชะเง้อคอมองข้ามรั้วที่กั้นระหว่างสองบ้านไปอย่างอารมณ์เหงาหงอย หวังสักนิดว่าดาวจะออกมาเดินนอกบ้านมารับลมเย็นๆ ก่อนจะเข้านอน
แล้วความหวังก็เป็นจริง ดาวเดินออกมารับลมหน้าบ้าน ผมก็รีบเดินไปเกาะรั้วระแนงที่สูงเท่าอกของผมทันที
“ดาวนะโมคือใคร?”
ดาวหวีดร้องเบาๆด้วยความตกใจ แล้วเอ็ดผมเบาๆ เพราะกลัวเสียงจะไปรบกวนแม่พรึก แต่ที่เอ็ดมา ผมยังไม่ได้ตรอมใจตายอย่างที่พูดไว้สักหน่อยจะเป็นผีได้ยังไง ผมจึงชักสีหน้าไม่พอใจและเร่งเร้าให้ดาวตอบคำถามของผมสักที
“บอกมานะนะโมคือใคร ซันไม่ยอมจริงๆด้วย ถ้าไม่บอกจะปีนรั้วเข้าไปฉุดเดี๋ยวนี่แหละ”
ได้ผลดาวรีบโพล่งออกมาทันที แต่คำตอบนี่สิอยากจะฉุดจริงๆอย่างที่พูดเลย
“นะโมก็คนที่ขอดาวแต่งงานไง”
ขอแต่งงานเหรอ อ้อจริงสิแม่ผมบอกว่าเป็นคนในหมู่บ้าน ใครกัน?ไอ้ขี้เมาแจ็ก ลูกตาจ่องรึไง เพราะนอกนั้นก็ไม่มีใครแล้วที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับผม และดาว นอกนั้นก็ยังเป็นลูกเล็กเด็กแดงกันทั้งนั้น ผมเลยชักสีหน้าไม่เชื่อจากนั้นก็ทำท่าจะปีนรั้วไปฉุดดาวจริงๆ
“ซันฉันบอกนายแล้ว อย่าปีนรั้วข้ามมานะ”
“อะไรตอนเด็กก็ทำอยู่ออกบ่อย... แล้วตกลงนะโมคือใคร?”
ประโยคแรกผมบ่นอุบอิบ แต่ประโยคต่อมาผมร้องถามด้วยระดับเสียงปกติ
“ไม่บอก!”
เท่านั้นแหละดาวก็วิ่งหายเข้าบ้านไปเลย ผมยืนฮึดฮัดตีโพยตีพ่ายโทษลมโทษแลงอยู่สักพักก็หมายมั่นปั้นมือว่าต้องรู้ให้ได้ว่านะโมคือใครจากนั้นก็เค้นสมองคิดแผนการบ้างอย่าง อย่างรวดเร็ว ไม่ถึงนาทีผมก็เผยรอยยิ้มดีใจ และฮัมเพลงงึมงำเข้าบ้านไปเพราะคิดแก้ปัญหาให้ตัวเองได้แล้ว
ก่อนอื่นคงต้องโทรฯ ลางานบอกว่ามีธุระทางบ้านด่วน ยังไม่สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้ จึงเรียนมาเพื่อทราบพี่เบลที่รัก และสุดท้ายขอรับรองว่าเป็นความจริงทุกประการอย่างไม่มีบิดพลิ้ว แค่นี้แหละแผนการที่เหลือก็คงจะเริ่มขึ้นหลังคืนนี้ไปอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่งงานกันเถอะ
“สวัสดีค่ะ”
ฉันกล่าวสวัสดี และยกมือไหว้ คุณแม่ของนะโมที่ไม่ได้หลับอย่างที่ป้าอิ่มบอกเลยสักนิด
“จ้ะ..สวัสดี กำลังรอหนูดาวอยู่พอดี”
เสียงแหบโหย กอปรไปด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว รอยยิ้มนิดๆประดับที่มุมปากทักทายกลับมา จากนั้นหันไปมองนะโม และเกิดรอยยิ้มเอ็นดูรักใคร่อย่างเปี่ยมล้น
“ขาดเรียนอีกแล้วนะ...โม แม่ไม่สบายใจเลย”
คุณแม่ของนะโมพูดขึ้น และยกมือที่ดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงขึ้นสัมผัสแก้มของนะโมเบาๆ
“ไม่เป็นไรฮะ แม่ของโมสำคัญกว่าสิ่งใดทั้งนั้น”
“ขอบคุณนะจ๊ะ หนูดาวที่ช่วยลูกชายฉันไว้เมื่อเจ็ดปีก่อน ไม่งั้นฉันคงใจสลาย ฉันเองก็ไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานเท่าไรฉันขอฝากนะโมได้ไหมหนูดาว”
“ไม่เป็นไรค่ะ แม่เมตตา ทำใจให้สบายเถอะคะ ยังไงแม่เมตตาก็ต้องหายป่วยแน่ๆ เดี๋ยวดาวก็จะคอยดูและนะโมให้ด้วยอีกแรงหนึ่งไม่ต้องห่วงนะคะ”
“ฉันรู้ตัวเองดี ว่าคงอยู่...”
“แม่พักผ่อนเถอะฮะ ไม่ต้องพูดอะไรให้เหนื่อยอีกแล้ว แม่ของผมจะได้หายป่วยไวไว...พี่ดาวฮะออกไปข้างนอกกันเถอะแม่ของผมจะได้พักผ่อน”
พูดจบนะโมก็ลุกออกไปเลยอย่างคนดื้อดึงที่ไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งนั้น เขาคงจะรับไม่ได้ เป็นฉัน ฉันก็คงรับไม่ได้เหมือนกันคงพยายามปิดกันทุกสิ่ง หลอกตัวเองอยู่ซ้ำๆ
“ไม่ต้องห่วงค่ะ พักผ่อนนะคะ เดี๋ยวดาวไปดูนะโมให้คะ”
พูดจบฉันก็ลุกออกไปอีกคน
นะโมยืนอยู่แล้วหน้าห้องของแม่เมตตา น้ำตาคลอเต็มเบ้าเสียงสะอื้นน้อยๆเล็ดลอดออกมาจากปากเล็กๆอย่างน่าสงสาร ฉันจึงเอื้อมมือไปกอดนะโมไว้
“ร้องไห้ให้พอจากนั้นก็เข้มแข็งไว้นะ...โมเราต้องเข็มแข็งไม่เช่นนั้นเราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หากมัวแต่อ่อนแอ คนเราน่ะนะต่างก็เศร้า และทุกข์ใจกันทั้งนั้นแหละ”
“แต่ผมรับไม่ได้ ผมไม่เหลือใครแล้วนะพี่ดาว ผมมีแม่คนเดียวญาติที่ไหนก็ไม่มีอีก”
“พี่ดาวไงยังเหลือพี่ดาวทั้งคนโม พี่ดาวสัญญาจะดูแลโมเองนะ”
จากนั้นฉันก็มาอยู่แต่บ้านของนะโม ทั้งพี่มีน แม่ฝัน และแม่พรึกก็พากันมาเยี่ยมแม่เมตตากัน ทำให้บรรยากาศของที่นี้ไม่เงียบเหงาอีกต่อไป...
“ซัน!”
หลังจากเดินกลับจากบ้านของนะโมก็เห็นซันยืนพิงต้นไม้หน้าบ้านของฉัน ชินายจอมเก๊กจะมาทำไมเล่านั้น คิดแบบนั้นทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นวันหยุดของซัน
“แม่ให้มาตาม ไปด้วยกันหน่อยสิ”
ซันพูด และยิ้มให้ ฉันก็ต้องยิ้มตอบไปตามแกน
“อ้อได้..”
จากนั้นฉันก็เดินตามหลังซันต้อยๆ แล้วเขาจะมาที่นี้ทำไมไม่รู้ แต่ทำไมต้องดีใจด้วยนะไม่เข้าใจตัวเองเลย
“อ้าวหนูดาวมาแล้วเหรอจ๊ะ มามะมาทานข้าวกัน”
คุณแม่ และพี่มีนย้ายสำมะโนครัวมาที่บ้านแม่พรึกน่ะ แล้วไอ้คนที่ไม่อยากพบก็กลับบ้านมาตอนนี้ด้วยสิ พี่มีนที่
ขวาง ๆ ซันตลอดก็ทำสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไร ยิ่งแม่ฝันยิ้มงี้สดใสจากท้ายหมู่บ้านถึงหน้าหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้เลยก็
ว่าได้
“ดีเลยวันนี้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา”
แม่พรึกกล่าวขึ้นอย่างอารมณ์ดี ส่วนแม่ของฉันก็ทำทีพยักหน้าเออออเห็นด้วยทันที และหลังจากทานข้าวมื้อเย็นเสร็จ ซันก็ลากฉันมาสวนที่อยู่หลังบ้านของเขา ซึ่งฉันพยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากแม่ กับพี่มีนแล้ว แต่เหมือนทั้งสองคนจะบอกทางสายตากลับมาว่า ‘อย่าหนี แก้ปัญหานี่ให้จบๆไปซะเถอะ’
“นายมีอะไร?”
ฉันถามขึ้นเสียงห้วนพร้อมทำหน้าตาบูดบึ้ง และส่งสายตาไม่พอใจไปให้ด้วย แต่ซันก็ยังนิ่งทำราวกับลากฉันมาเฉยๆ แล้วไม่มีเรื่องอะไรจะคุยด้วยงั้นแหละ
“ไม่มีฉันกลับ”
“เดี๋ยวสิดาว เอ่อคือ...”
ซันคว้าข้อมือฉันไว้จากนั้นทำท่าทางอึกอักอำอึง และดูกระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อย ฉันจึงยังยืนนิ่งนิ่งเพื่อดูว่าเขาจะพูดอะไร
“ดาว....”
สุดท้ายเขาก็ อรัมภบทด้วยชื่อของฉันแล้วเงียบไปสักพักก็เริ่มพูดขึ้นอีก
“แต่งงานกันเถอะ”
ฉันทำหน้าตกใจ ใจก็เต้นระรัวราวกับคนมาเล่นกลองชุดข้างในหัวใจของฉัน แต่พอนึกขึ้นได้ว่าเขาคงแค่ล้อเล่น เลยปรับสีหน้าเป็นปกติ บีบบังคับให้หัวใจเต้นช้าลง
ลึกๆ แล้วฉันก็รู้แหละว่าเขาพูดจริง แต่ฉันไม่แต่งกับนายง่ายๆหรอกขอเล่นตัวหน่อยก็แล้วกัน และก็อยากรู้ด้วยสิถ้าตอบปฏิเสธไปเขาจะทำหน้ายังไง
เฮ้อ...เห็นสีหน้าดาวแล้วผมคงกินแห้วทั้งสวนแน่ แต่ไม่เป็นไรผมจะพยายามต่อไปถึงแม้มันจะไม่มีหนทางเลยก็ตาม ผมรอคำตอบจากดาวอย่างใจจดใจจ่อ และส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ด้วย
“ฉันไม่แต่ง เพราะมีคนขอฉันแต่งงานก่อนนายแล้ว นายช้าแค่วันเดียวเองฉันกำลังรับพิจารณาอยู่ ว่าจะตอบตกลงเขาดีรึเปล่าอยู่พอดี”
ดาวพูดจบก็เดินจากไปปล่อยให้ผมยืนมึนงงสับสนอยู่พักใหญ่ๆ เพราะผมเอาเรื่องแต่งงานถามแม่ฝันแล้วนะ ประมาณเข้าทางผู้ใหญ่น่ะ รู้จักไหม แม่ฝันบอกผมว่าดาวไม่มีใคร และได้รับการยืนยันจากมีนด้วยอีกคน อ้อปู่ของดาวก็รับรู้แล้วด้วยผมถึงได้มายืนหน้ามึนอยู่นี่ไง แต่ยกเว้นคนเดียวพ่อของดาวเท่านั้นเอง
ผมเดินจ่องๆ คอตกกลับเข้าบ้านตัวเอง และพบแม่พรึกของผมรออยู่ที่ตีนบันได ท่านทำสีหน้ายิ้มแย้มขัดกับอารมณ์ของผมในตอนนี้อยู่อักโข
“ไงโดนเขาปฏิเสธมาละสิ ช่วยไม่ได้นี่น่าทำกับเขาไว้เยอะ เขาก็เลยเล่นตัวบ้าง เป็นไงรู้สึกดีไหมละ?”
รู้สึกดีมากเลยละครับ รู้สึกดีจนจะบ้าตายแล้ว
“โธ่ แม่แทนที่จะอยู่ข้างซันสักวันเหอะ ซันจะตรอมใจตายให้ดู แล้วดูสิคนข้างบ้านเขาจะว่าไงบ้าง”
ผมพูดอย่างตัดพ้อต่อว่าคนที่อยู่ข้างๆบ้าน แต่พอฟังคำพูดของแม่ผมสิเปลี่ยนท่าทีจ่องๆของผมได้ชะงักนัก ไม่ต้องเพิ่งยาผีบอกขนานใดของหมู่บ้านนี่เลย
“ไม่ว่าไงหรอกหนูนะโมเขารับเลี้ยงหนูดาวของแม่แล้วซัน”
“ใครนะแม่นะโม เป็นใครกัน?”
แม่ผมพูดขึ้นพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมก็เลยอดที่จะถามไม่ได้ว่านะโมเป็นใคร หรือจะเป็นคนที่บังอาจมาขอดาว
แต่งงานตัดหน้าผมกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากเห็นหน้าแล้วสิ
ถ้าดาวรัก และนะโมที่ว่ารักดาวจริงผมก็จะยอมถอยออกมา และจากนั้นคงทำได้เพียงเฝ้ามองเหมือนหมาเห่าเครื่องบิน
แต่อีกใจหนึ่งที่ดื้อด้าน บอกว่าแย่งดาวมา กั้นคนที่ชื่อนะโมออกห่างดาวซะ ทำทุกวิถีทางให้นะโมไม่มีทางสมหวังอย่างที่ใจคิด และใจจริงๆผมคงรับไม่ได้ถ้าหากข้างๆดาวจะไม่ใช่ผม เห็นแก่ตัว? ก็แล้วทำไมละความรักมันก็ทำให้คนเราเห็นแก่ตัวแบบนี้ไม่ใช่เหรอ หรือจะเถียงผมกัน อย่าเถียงเลย มันเถียงไม่ออก
“หนุ่มในหมู่บ้านนี่แหละ ทั้งหล่อ ทั้งนิสัยดี แถมฐานะทางบ้านก็ดีด้วย แม่ฝันนี่ก็ปลื้มๆหนูนะโมอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ติดตรงที่ว่า...”
แม่ผมพูดเท่านั้นก็หยุดไป พร้อมทำหน้าโล่งอกเสมือนโล่งใจที่หยุดคำพูดที่ไม่สมควรพูดได้ทันเวลา ผมจึงซักไซให้แม่พูดต่อ แม่เฉไฉ บอกว่าอากาศร้อนไปอาบน้ำนอนดีกว่าเดี๋ยวจะมืดซะก่อน
ส่วนผมก็ยืนอยู่ที่เดิมทำหน้าแห้งๆ เหมือนบะหมี่ไม่มีน้ำ ชะเง้อคอมองข้ามรั้วที่กั้นระหว่างสองบ้านไปอย่างอารมณ์เหงาหงอย หวังสักนิดว่าดาวจะออกมาเดินนอกบ้านมารับลมเย็นๆ ก่อนจะเข้านอน
แล้วความหวังก็เป็นจริง ดาวเดินออกมารับลมหน้าบ้าน ผมก็รีบเดินไปเกาะรั้วระแนงที่สูงเท่าอกของผมทันที
“ดาวนะโมคือใคร?”
ดาวหวีดร้องเบาๆด้วยความตกใจ แล้วเอ็ดผมเบาๆ เพราะกลัวเสียงจะไปรบกวนแม่พรึก แต่ที่เอ็ดมา ผมยังไม่ได้ตรอมใจตายอย่างที่พูดไว้สักหน่อยจะเป็นผีได้ยังไง ผมจึงชักสีหน้าไม่พอใจและเร่งเร้าให้ดาวตอบคำถามของผมสักที
“บอกมานะนะโมคือใคร ซันไม่ยอมจริงๆด้วย ถ้าไม่บอกจะปีนรั้วเข้าไปฉุดเดี๋ยวนี่แหละ”
ได้ผลดาวรีบโพล่งออกมาทันที แต่คำตอบนี่สิอยากจะฉุดจริงๆอย่างที่พูดเลย
“นะโมก็คนที่ขอดาวแต่งงานไง”
ขอแต่งงานเหรอ อ้อจริงสิแม่ผมบอกว่าเป็นคนในหมู่บ้าน ใครกัน?ไอ้ขี้เมาแจ็ก ลูกตาจ่องรึไง เพราะนอกนั้นก็ไม่มีใครแล้วที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับผม และดาว นอกนั้นก็ยังเป็นลูกเล็กเด็กแดงกันทั้งนั้น ผมเลยชักสีหน้าไม่เชื่อจากนั้นก็ทำท่าจะปีนรั้วไปฉุดดาวจริงๆ
“ซันฉันบอกนายแล้ว อย่าปีนรั้วข้ามมานะ”
“อะไรตอนเด็กก็ทำอยู่ออกบ่อย... แล้วตกลงนะโมคือใคร?”
ประโยคแรกผมบ่นอุบอิบ แต่ประโยคต่อมาผมร้องถามด้วยระดับเสียงปกติ
“ไม่บอก!”
เท่านั้นแหละดาวก็วิ่งหายเข้าบ้านไปเลย ผมยืนฮึดฮัดตีโพยตีพ่ายโทษลมโทษแลงอยู่สักพักก็หมายมั่นปั้นมือว่าต้องรู้ให้ได้ว่านะโมคือใครจากนั้นก็เค้นสมองคิดแผนการบ้างอย่าง อย่างรวดเร็ว ไม่ถึงนาทีผมก็เผยรอยยิ้มดีใจ และฮัมเพลงงึมงำเข้าบ้านไปเพราะคิดแก้ปัญหาให้ตัวเองได้แล้ว
ก่อนอื่นคงต้องโทรฯ ลางานบอกว่ามีธุระทางบ้านด่วน ยังไม่สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้ จึงเรียนมาเพื่อทราบพี่เบลที่รัก และสุดท้ายขอรับรองว่าเป็นความจริงทุกประการอย่างไม่มีบิดพลิ้ว แค่นี้แหละแผนการที่เหลือก็คงจะเริ่มขึ้นหลังคืนนี้ไปอย่างไม่ต้องสงสัย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ