เงารัก...อธิษฐาน[อ่านต่อจากตอนที่ 25 นะเออ]

9.8

เขียนโดย บุหงา

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.04 น.

  29 ตอน
  6 วิจารณ์
  35.17K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 12.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) ตอนที่ 20-100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
~20
ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
 
                “พี่มีน!”
                ฉันเรียกชื่อพี่มีนเสียงดัง ส่วนเจ้าตัวที่ถูกเรียกก็สะดุ้งตกใจจนเผลอเกือบทำกล่องของขวัญที่อยู่ในมือหล่นพื้นแน่ะ ฉันเองก็ได้แต่โทษตัวเองไม่น่าไปแกล้งพี่เขาเลยแฮะๆ
                “ดาว เฮ้อพี่ตกใจหมด”
                “ขอโทษค่ะ”
                ฉันพูดพร้อมก้มหน้าลงสำนึกผิด
                “แล้วพี่มีนมาทำอะไรหน้าห้องฝึกสอนเทควันโดละค่ะ ดาวไปหาที่ห้องไม่เจอก็เลยกะจะมาถามเนปจูนนะคะ”
                “ตามหาพี่แล้วทำไมต้องมาถามเนปจูนด้วยละ?”
                พี่มีนถามขึ้นด้วยอาการตะกุกตะกัก
                “อ้าว ก็ดาวเห็นพี่มีนกับเนปจูนตัวติดกันตลอดนี่คะ ว่าแต่เป็นแฟนกันเหรอ?”
                จบคำถามของฉันหน้าพี่มีนก็ขึ้นสีทันที แฮะๆไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งนะคะ ก็แค่อยากรู้เท่านั้นเอง
                “ว่าแต่ดาวเห็นน้ำหวานหรือยัง? มาสมัครเป็นสาวฟิตเนสน่ะ เห็นว่าจบทางด้านนี่มา แล้วอีกอย่างคนกำลังขาดพอดี เอาไงจะให้พี่รับเข้าทำงานดีไหม?”
                น้ำหวาน?...เห็นแล้วละคะ ทำน้ำพลอยเพื่อนพี่มีนร้องไห้ด้วยละ ก็อยากจะบอกนะแต่ไม่ยุ่งดีกว่า ถ้าหากน้ำพลอยอยากบอกพี่มีน เขาคงบอกเองแหละ
                “แล้วแต่พี่มีนสิค่ะ แต่น้ำหวานเขาเป็นนางแบบไม่ใช่เหรอคะ”
                ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย
                “นางแบบตกกระป๋อง ต่างหากละคนสวย”
                พี่มีนพูดขึ้นพร้อมหัวเราะหึๆในลำคอ ท่าทางน่ากลัว
                “เอาเป็นว่าพี่รับแล้วกัน หึเจอดีแน่”
                สงสัยพี่มีนกำลังวางแผนอะไรอยู่แน่ๆ แต่ต่างคนต่างอยู่ดีกว่านะค่ะ ฉันคิดขึ้นอย่างปลงตก แต่ถ้าหากบอกพี่มีนไปแบบนี้ก็คงไม่ฟังหรอก
                “ว่าแต่พี่มีนมายืนทำอะไรลับๆล่อๆตรงนี้ละคะ มาหาเนปจูนก็เข้าไปสิคะ ทำอย่างกับเป็นคนขายหนังสือพิมพ์แล้วแอบลักลอบเอาหนังสือพิมพ์เข้ามาขายยังไงยังงั้นแหละ”
                คนขายหนังสือพิมพ์ที่ว่าเนี่ยมีจริงนะ ถูกพี่มีนไล่ตะเพิดไป หนีแทบไม่ทัน เรื่องนี้พี่เบลเล่าให้ฟังน่ะ
                “เอ่อเอาของขวัญวันเกิดมาให้เนปจูน แต่พี่ไม่กล้าเข้าไป”
                พี่มีนพูดขึ้นเสียงอ่อย
                “ทีแบบนี้ทำเป็นไม่กล้านะคะ พอขัดใจคุณปู่ทำไมถึงกล้าก็ไม่รู้”
                ฉันพูดขึ้นพร้อมส่ายหน้าไปมา
                “มาค่ะ เดี๋ยวดาวก็จะเข้าไปอวยพรวันเกิดเนปจูนด้วยเหมือนกัน”
                ฉันพูดขึ้นพร้อมฉุดแขนให้พี่มีนเดินตาม แต่อะ วันเกิดของซันอาทิตย์หน้า  สิบหก สิงหาคมน่ะ แล้วนี่ฉันจะไปคิดถึงวันเกิดของซันทำไมละ ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
                “เดี๋ยวพี่ยังไม่พร้อม”
                “ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมค่ะ”
 
                หลังจากที่อวยพรวันเกิดเนปจูนเสร็จ และพี่มีนก็มอบของขวัญให้เนปจูนด้วยท่าทางเขินๆแล้ว สรุปพวกเขาสองคนเป็นแฟนกันเรียบร้อยแล้วละ โฮพี่มีน ปิดเงียบไม่ยอมบอกน้องเลย
                ตอนนี้ฉันลากแขนพี่มีนมาที่แคนทีน อ่าแคนทีนอยู่ใกล้สระว่ายน้ำรูปตัวเอสทางด้านขวา และคนที่ออกแบบก็ไม่ใช่ใครที่ไหนซันเองแหละรู้สึกเหมือนใกล้จะเสร็จแล้วด้วย และคนที่อนุมัติให้สร้างก็ฉันเอง แต่ถ้ารู้ว่าใครออกแบบ ตอนนั้นคงไม่ยอม แต่ถ้าเป็นตอนนี้ก็ไม่รู้สิ ไม่รู้อะไรหรอก
                “มีอะไรเหรอลากพี่มานั่งอยู่นี่นะ”
                “เดือนหน้าเป็นงานจัดแสดงสิ้นค้าค่ะ ดาวก็เลยอยากจะมาปรึกษา”
                “อ่านั้นสินะ แล้วคุณปู่ว่ายังไงละ?”
                “ปู่บอกว่า อยากทำอะไรก็ตามสบายเลยหลานรัก”
                เมื่อนึกถึงคำพูดของปู่ ฉันก็ทำหน้ายู่ทันที ปู่นะปู่จะช่วยกันสักหน่อยก็ไม่ได้ แต่ปู่ก็อายุมากแล้ว ทำอะไรก็คงไม่สะดวกเท่าไร แต่เพราะเพิ่งได้สัญญากับชาวต่างชาติมาด้วยสิ ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำได้ดีเท่าปู่รึเปล่า
                “ถ้าปู่ว่างั้นเราก็ไปจัดที่โรงแรมแล้วกัน จากนั้นก็เชิญพวกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกีฬา หรือฝ่ายต่างๆ มาประมูลสินค้านะ เห็นว่าทำสัญญากับชาวต่างชาติได้ใช่ไหมว่าขอซื้อเสื้อจากนักกีฬาชื่อดังที่เคยใส่แล้วมาประมูล ก็งี้แหละต่อให้เหม็นขี้เต่าขนาดไหนเป็นเสื้อนักกีฬาชื่อดังใครๆก็อยากได้ทั้งนั้น อีกอย่างก็ถือโอกาสโชว์สินค้าของเราไปในตัวด้วย”
                “อ่าเอางั้นก็ได้ค่ะ ท่าทางจะได้รับความสนใจจากหลายๆฝ่าย เพราะเสื้อแต่ละตัวมีลายเซนของเจ้าของเสื้อด้วย”
                “เยี่ยม! ทำได้ดีมาก ไปขอลายเซนมาด้วยได้ยังไง”
                “ถ้าจะมีแต่เสื้อมา คงไม่มีใครเชื่อหรอกค่ะว่าเป็นเสื้อของนักกีฬาชื่อดังจริงๆ พอคิดได้แบบนี้ดาวเลยยื่นขอเสนอไป เขาก็ตอบตกลงทันที”
                “อ่าเก่งจริงๆ น้องพี่ตัวแค่นี้เอง เพราะฉะนั้นมั่นใจตัวเองไว้ ดาวต้องทำได้ดีกว่าปู่แน่ๆ”
                “ค่ะ”
                ฉันตอบรับพร้อมกับยิ้ม เพิ่มกำลังใจให้กับตัวเอง จากนี้ไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะต้องเข้มแข็ง ทำให้ได้เท่าพี่มีน เราเป็นแฝดกันนี่นา พี่มีนทำได้ฉันก็ต้องทำได้ ใช่ไหมละ?
               
                ตกเย็นแม่ฝันของฉันก็โทรมา เฮ้อทำงานจนแทบไม่มีเวลาโทรหาแม่เลยฉันนี่เป็นลูกที่แย่จริงๆ ฉันขอร้องให้ท่านมาอยู่ด้วย แต่คำตอบที่ได้รับก็เหมือนเดิม คุณพ่อก็ไม่เห็นจะทำอะไรเลย ทำไมไม่อธิบายให้คุณแม่เข้าใจนะว่าเรื่องของผู้หญิงคนนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด
                แต่ถ้าเป็นฉันแล้วเห็นภาพแบบนั้นนะ ฉันก็ต้องเข้าใจผิดเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้คุณพ่อผิดเต็มๆ ทั้งที่รู้แบบนี้ก็ยังเฉย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ
                “กลับมาแล้วค่ะ”
                อ้อตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้าน... ตะวันเกล้า และ T.G. ก็ย่อมาจากคำๆนี้แหละ ฉันก็กลายเป็นประกายดาว ตะวันเกล้า เฮ้อ...เหนื่อยกับคุณพ่อจริงๆ ฉันต้องเปลี่ยนนามสกุลตามคำขู่แกมบังคับของคุณพ่อโดยไม่มีทางเลือก แต่แม่ฝันก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่คุณพ่อคงคิดไปไกลแล้วละว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะ
                “กลับมาแล้วเหรอคุณหนูของป้า”
                “ค่ะป้าแมว แล้วคุณพ่อละคะ”
                “อยู่ในห้องทำงานค่ะ”
                “งั้นดาวขอตัวไปพบคุณพ่อนะคะ”
                “ค่ะคุณหนู”
 
                “คุณพ่อ ดาวขอเข้าไปนะคะ”
                ฉันพูดขึ้นหลังจากเคาะประตูหน้าห้องทำงานของคุณพ่อไปสองสามที จากนั้นก็รอสัญญาณจากคนข้างในอนุญาตให้เข้าไปข้างในห้อง
                “เข้ามาสิลูก พ่อไม่ได้ล็อกประตูไว้”
                เมื่อคุณพ่ออนุญาต ฉันจึงเปิดประตูเข้าไปทันที วันนี้ยังไงก็ต้องพูดกันให้รู้เรื่องที่ผ่านมาฉันก็พยายามพูดนะ ไม่ใช่ว่าไม่พูด แต่คุณพ่อบ่ายเบี่ยงตลอด ความดื้อนี่ยกให้คุณพ่อเลยจริงๆ คุณปู่ก็ทั้งขู่ ทั้งบังคับผลที่ตามมาก็ยังเหมือนเดิม
                “มาพูดเรื่องแม่เราอีกละสิ”
                คุณพ่อที่ยังก้มหน้าก้มตามองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะอย่างเอาเป็นเอาตายพูดขึ้น
                “ก็ตามนั้นค่ะ”
                เล่นพูดดักคอกันแบบนี้เลยแฮะ เห็นทีคราวนี้จะปล่อยไปง่ายๆไม่ได้แล้ว
                “ว่ามาสิ คุณแม่เราว่าไงเหรอ”
                “ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอนนะคะ”
                ฉันพูดขึ้น แล้วก็เงียบไป เพราะกำลังจะเรียบเรียงคำพูด พูดเพื่อทำให้คุณพ่อไปรับคุณแม่มาอยู่ด้วยให้ได้ อีกนัยหนึ่งคุณพ่อรีบไปง้อคุณแม่เถอะคะ
                “อืมแม่เราพูดว่างี้เหรอ แล้วไงต่อ”
                คุณพ่อกล่าวพลางเงยหน้าขึ้นสบตากับฉัน แต่ไม่นานก็ก้มลงไปสนใจเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทำงานต่อ
                “เปล่าค่ะ คุณแม่ไม่ได้ว่าอะไรเลย”
                สังเกตได้คำตอบของฉันทำให้คุณพ่อทำสีหน้าเศร้า แต่ท่านก็พยายามปกปิด แต่ก็นะฉันคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มากรับรองปิดฉันไม่ได้หรอก
                “แต่ดาว เป็นคนพูดเอง และมันก็ออกมาจากใจคะ”
                หวังว่าคำพูดครั้งนี้ของฉันมันจะได้ผลสักที นานแสนนานในความคิดของวัยเด็ก ที่ฉันฝันอยากมีครอบครัวที่เต็มบริบูรณ์ พ่อ แม่ และลูก  แล้วตอนนี้สิ่งที่ฉันคิดฉันฝันในตอนนั้น มันมีสิทธิ์ที่จะเป็นจริง ฉันเลยจำเป็นต้องคว้ามันไว้จนสุดแรงมือของฉันนี้แหละ
                ความปรารถนา  เราอ้อนวอน เราอธิษฐาน หวังเพื่อจะได้สิ่งนั้นมา โดยไม่ลงมือทำด้วยตนเอง สิ่งที่ได้มาก็เพียงแค่เงา... เงางี้เง่าในใจของเรา ที่ทำได้เพียงแค่รอ... รอแล้วรอเล่า
                ฉันจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว ฉันจะลงทุน ลงแรง และลงใจของฉันไปด้วย เพื่อจะทำมันให้สำเร็จให้ได้ ในทุกๆเรื่องนั่นแหละ
                “กลับไป กลับไปหาคุณแม่เถอะคะ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป ดาวจะบอกแค่นี้ละคะ หวังว่าคุณพ่อคงเข้าใจในความหมายของมันในหลายๆอย่าง มันเป็นประโยคที่สั้นๆง่ายๆ นะคะ ‘ ก่อนที่จะสายเกินไป’ แต่ความหมายของมันไม่สั้นเลย ไม่สั้นเลยจริง ๆคะ  เพราะหากปล่อยให้มันสายไปแล้ว มันจะเกิดผลกระทบขึ้นมาอีกมากมายหลายอย่าง ความสั้นของมันก็ดูเหมือนจะยาวเหยียดจนน่าใจหาย และตอนนี้คุณพ่อกำลังทำให้มันยาวจนแทบจะไม่ทราบแล้วว่าจุดจบของมันคืออะไรกันแน่”
                หลังจากที่ฉันกล่าวจบคุณพ่อดูเงียบไปถนัดตา สายตาเหม่อลอย ฉันเลยเดินออกมาจากห้องทำงานของคุณพ่ออย่างเงียบๆ ตอนนี้คงต้องปล่อยคุณพ่อให้อยู่คนเดียวเงียบๆ เพื่อท่านต้องการจะคิดทบทวนอะไรบ้างอย่าง
                การที่เราอยู่คนเดียวเงียบๆแล้วคิดอะไรไปเรื่อยๆ เราจะได้อะไรกลับมาหลายอย่างทีเดียว ดีกว่าวันๆ เอาแต่พูดฟุ้งเฟ้ออยู่อย่างเดียวเป็นไหนๆ
                ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมอง เป็นเรื่องราวที่ไม่น่าอภิรมย์เท่าไร แต่ก็จำเป็นต้องคิดเพื่อหาอะไรมารับมือไว้บ้าง จริงไหม? ฉันไม่ใช่คนสมองไวเท่าไรที่เจอเหตุการณ์ร้ายๆตรงหน้าแล้วแก้ปัญหาได้ทันท่วงที  แล้วอีกอย่างฉันไม่เข็มแข็งพอที่จะทนรับสถานการณ์แย่ๆแบบนั้นได้  โดยไม่เตรียมใจอะไรไว้เลย
                คิดไปคิดมาก็ได้แผนการบางอย่างมาเก็บไว้ในใจ และมันก็อยู่กับสถานการณ์ข้างหน้าด้วยแหละว่าจะเป็นแบบไหน เพราะคนธรรมดาสามัญทั่วไปไม่มีใครรู้อนาคตได้หรอก ไม่มีบุญบารมีพอ ที่มีความสามารถเท่าเทียมอาจเอื้อมถึงองค์พระศาสดาของศาสนาพุทธที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือได้หรอก หากเพียงแต่ได้เศษเสียวอันน้อยนิดในปัญญา ความคิดอันประเสริฐของท่านมาก็ถือว่าเป็นที่น่าประหลาดใจมากแล้ว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา