เงารัก...อธิษฐาน[อ่านต่อจากตอนที่ 25 นะเออ]

9.8

เขียนโดย บุหงา

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.04 น.

  29 ตอน
  6 วิจารณ์
  35.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 12.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) ตอนที่ 12-100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
~12~
ใช่เธอรึเปล่า
 
หลังจากที่กะดูสถานที่ด้วยสายตา และถ่ายภาพเก็บไว้ ผมก็รีบวางแปลนคราวๆในหัวทันที และยกสมุดพกเล่มเล็กๆขึ้นมาจดรายละเอียดต่างๆ อีกอย่างก็เพื่อกันลืมด้วยนั่นแหละครับ สักพักผมก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ในแคนทีน แต่ก็ต้องชะงักเพราะสายตาของผมบังเอิญมองเห็นดินเข้า ว่าแต่ดินมาทำอะไรที่นี้กันครับ
แต่ช่างเถอะครับ ดินคงมีเหตุผลที่มาที่นี้แหละ ดูท่าทางดินแล้ว เฮ้อ... ผมไม่อยากก้าวกายเรื่องส่วนตัวของเพื่อนสักเท่าไร ไปทำงานของผมดีกว่า
“เฮ้ ซันนายจะรีบไปไหนของนาย ทักฉันก่อนสักหน่อยไม่ได้รึไง...”
เลี่ยงไม่ได้ละครับ เพราะดินเห็นผมก็ตรงมาทักผมเลย
“ฉันเห็นนายกำลังยุ่งๆนี่ ติดสาวที่นี้เหรอ”
ผมพูดแหย่ดินขึ้น...เล่นๆ พร้อมกับมองไปข้างหลังดินที่เห็นน้ำพลอยกำลังยืนทำหน้าแดงๆอยู่  คู่นี้ท่าจะ...ยังไงๆ
อยู่นะครับ เฮ้อผมก็หวังว่าดินมันจะเลิกเกลียดผู้หญิง...จริงๆ เพราะมันเคยลั่นวาจาไว้..หวังว่าน้ำพลอย จะช่วยทำ
ให้มันมองผู้หญิงดีขึ้น ผู้หญิงไม่ได้ไม่ดีกันทุกคนหรอกนะครับ ก็อย่างเช่นดาวของผมไงละ
“คงงั้นมั้ง”
ดินพูดตอบผมด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย ผมมองตาดินแล้วรู้สึกว่ามันกำลังทำเรื่องไม่ดีอยู่ ทำไมรู้เหรอ? ก็ผมคบกับดินมานาน และแน่นอน...ลิงๆอีกสามตัวเหมือนกัน เมื่อก่อนพวกเราห้าคนอยู่ด้วยกันตลอดจนรู้จักกันแทบหมดไส้หมดพุ่งเลยน่ะสิ...
“เหรอ หวังว่านายไม่ทำเรื่องอะไรที่มันร้ายแรงลงไปนะ จะได้ไม่เสียใจทีหลัง เหมือนกับฉัน ขอเตือนนายไว้สักอย่าง ไฟในใจน่ะ ฉันรู้ว่ามันดับเองยาก แต่นายควรจะเลือกดับมันเองจะดีกว่า อย่าเลือกส่งมันออกไปแผดเผาทำร้ายคนอื่น เพราะเมื่อไฟในใจของนายมันดับลงแล้ว นายจะค้นพบว่าไฟน่ะมันไม่ได้เผาคนอื่นอย่างเดียว แต่มันเผานายด้วย”
“หึ นายอย่าห่วงเลยไม่มีทางหรอกไฟในใจของฉันนะ ฉันรู้ดีว่ามันไม่มีทางทำร้ายเจ้าของ ของมันเองแน่”
“เฮ้อ...แล้วฉันจะคอยดู ไปละมีงานต้องทำ งานหนักซะด้วย”
หนักมาก...หนักใจครับ ผมรู้อยู่แล้วว่าผมออกแบบสระไปยังไง ดีเลิศ แปลกประหลาด หวยแตกขนาดไหน คำว่าไม่ผ่านมันก็ประทับตราไว้บนแบบ...ผลงานของผมไว้แล้ว ทั้งๆที่ยังไม่ลงมือวาดเลยด้วยซ้ำ
“อืมโชคดี”
“นายก็เหมือนกัน โชคดี”
หลังจากนั้นผมก็แยกกับดินมา แล้วตรงกลับคอนโดเลย เพราะไม่มีงานอะไรที่บริษัทแล้ว....
 
                “ไม่ชอบ ไปคิดมาใหม่ อ้อถ้าทำไม่ได้ละก็ ลาออกไปสิ ฉันแนะนำ”
                อย่างที่กะไว้เลยละ  แต่ไม่เป็นไรครับผมมีแผนสำรอง ถึงแม้ว่ามันจะไม่ดีสักเท่าไรก็ตาม  แล้วอีกหลายวันผ่านไปงานผมก็ไม่ต้องแก้ไขอะไรทั้งนั้น ก็ถูกใช้เป็นแบบในการสร้างสระรวม อยากรู้เหตุไหมครับ ไม่มีอะไรมาก ท่านประธานช่วยผมไว้น่ะครับ โดยฝีมือการฟ้องของพี่เบล และส่งแบบทางเมลล์ไปให้ท่านประธานดูที่อเมริกา ทุกอย่างก็เลยราบรื่น อันที่จริงผมก็มีส่วนกระตุ้นพี่เบลให้ฟ้องด้วยแหละ...คงต้องขอบคุณพี่เบล และโดยเฉพาะท่านประธาน
                ท่านประธาน?... เฮ้อแล้วผมจะรอคุณอย่างมีความหวัง มันก็เป็นเพียงแต่ความสงสัยของผมเท่านั้น หวังว่าสิ่งที่เป็นเพียงความสงสัยของผมมันจะเป็นจริงในสักวัน
               
                “เฮ้ มีอะไรเหรอทิม นายโทรมามีอะไร โดนหญิงจับแต่งเหรอ”
                [เฮ้ยวอนซะแล้วซัน อย่างฉันนะไม่มีทางพลาดหรอกโว้ย แค่คืนนี้ฉันจะชวนนายมาตะลุ่มตุ่มเฉ่งกันหน่อย ข่าวว่านายได้งานทำแล้วนี่]
                อะไรของมันตะลุ่มตุ่มเฉ่ง  ไอ้นี่ชักจะเพี้ยนเข้าไปทุกที ผมไม่อยากไปเสี่ยงกับความบ้าของมันเลย แต่ถ้าหากปฏิเสธไป ก็เท่านั้น เพราะรับรองยังไงมันก็ต้องมาลากผมไปให้ได้แน่ๆ และแน่นอนพวกบ้าที่เหลืออีกสามคนด้วย  ไอ้ทิมเห็นแบบนี้มันน่ากลัวมากๆเลยละ แต่สำหรับคนอื่นนะ ไม่ใช่สำหรับพวกเรา อ้อ และเฉพาะเหล่าสาวๆด้วยที่ควรจะกลัวและหลบหนีมันไปให้ไกลที่สุด
                “ที่ไหนละ แล้วพวกนั้นไปด้วยรึเปล่า”
                [ที่เดิมละ และอีกอย่างนะพวกนั้นต้องมาดิ ถูกฉันบังคับเอ้ย สัญญากันว่าจะมากันทุกคนแหละ เพราะงั้นนายปฏิเสธไม่ได้]
                ว่าแล้วไหมละ  เคยเดาผิดที่ไหน หึหึ
                “ได้ๆ แล้วเจอกันทุ่มนึง”
                ที่ประจำของพวกผมก็คือที่ผับแห่งหนึ่ง ตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา ปอตรี ปีหนึ่ง กันเลยทีเดียว  หลังจากเรียนจบกันไปตั้งนานแล้ว ผมก็ไม่ได้ไปอีกเลยละ แต่รับรองว่าไอ้ทิมมันคงไปเกือบทุกวันแน่ๆ
                [เออ ไม่มาเจอดีแน่ซัน อย่าหาว่าไม่เตือนนะโวย อั๊วเตือนลื้อแล้ว]
                “เออน่ารับรองไม่ไป เอ๊ยไป..ไป”
                แล้วจากนั้นทิมก็วางสายไปด้วยความหงุดหงิด ก็ผมเผลอพูดว่าไม่ไปน่ะสิ โชคดีพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ เป็นวันหยุดของผมพอดี เพราะไปแบบนี้แล้วรับรองกว่าจะได้กลับคงเป็นเช้าของอีกวัน...
 
                “ทุกคนครับ! สวัสดีครับวันนี้ห้าหนุ่มสุดหล่อ เจ้าเก่าจะมากันครบทุกคนครับ ใครที่คิดถึงและยังจำกันได้ขอเสียงกรี๊ดหน่อยครับ”
                แล้วจากนั้นเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นทุกสารทิศ  เพราะมีไอ้บ้าคนหนึ่งจับไมค์ขึ้นไปพูดอะไรแหย่งๆอยู่บนเวที และไอ้บ้าที่ว่า ผมเอง ‘ซัน’  ไม่หรอก ทุกคนอย่าคิดเป็นอื่น ผมไม่ได้หน้าหนาพอที่จะมาทำอะไรแบบนี้แล้วไม่อายหรอกนะ ตอนนี้ผมอายมาก อายจนไม่รู้จะเอาหัวไปหมุดไว้ท่อยูพีซีที่ไหนแล้ว แต่ที่ผมต้องทำแบบนี้ ฝีมือไอ้ทิมมัน และแน่นอนผมไม่ต้องขึ้นมาพูดก็ได้ถ้าหากมันไม่บอกผมด้วยรอยยิ้มว่า
‘ฉันเจอคู่ขาเก่านายละ นายต้องไปพูดอะไรสักหน่อยแล้วบนเวที ไม่งั้น ฉันจะไปบอกคู่ขานายว่า นายตกหลุมรักเขาเข้าเต็มถุงผงซักฟอกเปา ’
                แล้วแบบนี้มีเหรอที่ผมจะไม่รีบจับไมค์กระโดดขึ้นบนเวที แล้วพูดตามในสิ่งที่ไอ้บ้าทิมมันพูดทุกคำอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะไอ้คำว่าคู่ขาน่ะ มันเป็นอะไรที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด สำหรับผม  เพราะคู่ขาที่ว่ามันเป็นผู้ชายคนหนึ่ง แต่เป็นเพียงแค่ร่าง แต่จิตใจของเขาผิดเพศผิดมนุษย์ วิ่งไล่เกาะแขนผม เป็นตุ๊กแก และคนที่ช่วยผมไว้ก็ไอ้ทิมนั่นแหละ มันเล่นซ้อมเขาจนปางตาย และตบท้ายด้วยคำพูดที่ว่า
‘ไอ้สับประหลาดเอ้ย อย่ายุ่งกับเพื่อนฉัน อย่าหาว่าไม่เตือน คราวหลังเจอมากกว่านี้แน่ฉันรับรอง’ 
ขนาดเตือนนะครับยังโดนขนาดนี้
                “กรี๊ด ซัน จำได้ค่ะ มากันทุกคนเลยเหรอค่ะ แหมหายไปนานเลยนะค่ะ กรี๊ด...คิดถึงค่ะใช่ไหมพวกเรา”
                “ใช่ คิดถึง นั่งตรงไหนค่ะ ที่เดิมรึเปล่าค่ะ กรี๊ด...”
                “กรี๊ดดดด”
                “เอ่อ...”
                แล้วผมก็ชะงัก รู้สึกหนาวเยือกตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เพราะสายตาไปพบกับใครเข้าโดยบังเอิญ เป็นมีนรึเปล่าแต่ทำไมผมเห็นเธอคราวนี้ความรู้สึกมันแตกต่างกันออกไป เธอดูอ่อนหวาน ร่างบอบบาง อ่อนแอ ราวกับถ้าผมหายใจรดเธอทีนึงจะสามารถทำให้เธอปลิวได้อย่างไงยังงั้น และใช่เธอเหมือนดาวผู้อ่อนหวาน อ่อนโยน และอ่อนแอ น่าทะนุถนอมคนนั้น ไม่แข่งกร้าวเหมือนมีนที่ผมเจอ แต่แปลกสายตาของเธอที่จ้องตอบผมมามีแต่ความเจ็บปวดรวดร้าว ทุกข์ระทม  มีนไม่มีสายตาแบบนี้ เธอมีแต่สายตาเกลียดชังส่งมาให้ผม
                สายตาของเธอคนนี้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย และมันก็ดึงดูดให้ผมอยากเข้าใกล้เธอ แต่ผมก็ต้องตกใจเมื่อเธอวิ่งหนีผมไป ใช่เธอต้องหนีผมอยู่แน่ๆ แต่ติดอยู่ที่ว่าตอนนี้ผมกำลังถูกล้อมเลยวิ่งตามเธอไปไม่ได้
                เธอใช่ดาวรึเปล่าในเมื่อจังหวะการก้าวเดิน และวิ่งของเธอเป็นปกติ และคล้ายกันมากในตอนนั้นตอนที่ผมเฝ้ามองดูเธอฝึกซ้อมวิ่งด้วยรอยยิ้ม และความสดใสในสมัยเด็ก ดาว! ใช่เธอคือดาวของผม ผมมั่นใจ
                “ดาวอย่าไป ดาวรอเดี๋ยว!... เอ่อขอทางให้ผมด้วยครับขอร้องละ”
                ผมกล่าวขึ้นอย่างอ้อนวอน ให้กับเหล่าสาวๆที่กำลังล้อมหน้าล้อมหลังผมอยู่ และพวกเธอก็ยอมเปิดทางให้ผม แต่
ก็สายไปเสียแล้วเมื่อผมวิ่งตามเธอออกมา ผมก็พบแต่ความว่างเปล่า ตะโกนเรียกชื่อของเธอเท่าไรก็เจอแต่ความวางเปล่า
หรือผมแค่ตาฝาดกัน ไม่จริงผมไม่ได้ตาฝาด ผมเห็นเธอจริงๆ ผู้หญิงสวมชุดวันพีชสีขาวเหนือเข่าที่ดูอ่อนโยนคนนั้น เธอต้องมีตัวตนจริงๆ
                “เฮ้ยซันเป็นไรวะอยู่ๆก็วิ่งออกมา นายนี้มันปกติเหมือนคนอื่นเขาที่ไหน”
                ดินถามผมขึ้นด้วยน้ำเสียงหอบๆ คงจะวิ่งตามผมมาละมั้ง
                “ไม่มีอะไร ฝากบอกทุกคนด้วยนะว่าฉันกลับแล้ว รู้สึกไม่สบายนะ”
                ผมกล่าวขึ้นพร้อมเดินจากมาเงียบๆ ดินดูเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เลือกที่จะเงียบ ก็คงจะรู้ดีว่าตอนนี้ควรปล่อยผมไปจะดีกว่า
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา