เงารัก...อธิษฐาน[อ่านต่อจากตอนที่ 25 นะเออ]
เขียนโดย บุหงา
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 22.04 น.
แก้ไขเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2557 12.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) ตอนที่ 13-100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ~13~
การกลับมา...
ทุกอย่างบนโลก...กลมๆใบนี้ มันมีอะไรมากมายให้เราค้นหา และมันก็อยู่ที่ว่าเราสนใจจะค้นหาอะไรด้วย และฉันดาว...กำลังค้นหาหัวใจที่แตกสลายไปแล้วของฉันกลับคืนมา และแน่นอนว่ามันไม่ได้อยู่ที่อเมริกา แต่มันอยู่ที่นี้น่านฟ้าเมืองไทย ที่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของฉันเอง และตอนนี้ฉันอยู่ที่คอนโดที่คุณปู่ซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด อ้อพี่มีนก็ได้เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมาพักหรอก ก็เลยยังไม่มีใครรู้สักคนว่าฉันกลับมาแล้ว
จริงๆกำหนดกลับของฉันมันเดือนหน้า แต่มันก็ไม่มีอะไรแน่นอน เพราะฉันต้องกลับก่อนกำหนด ทำไมนะเหรอ หัวใจมันเรียกร้องมั้ง หึตลกละ
อีกอย่างที่ทุกคนคงสงสัยว่าฉันรอดมาจากอุบัติเหตุครั้งนั้นมาได้ยังไง ก็ตอนนั้นรถทัวร์ที่ฉันโดยสารน่ะมันชนกับรถบรรทุกแก๊สน่ะสิ มันเลยเกิดระเบิดรุนแรงขึ้นทั้งรถทั้งคนที่โดยสารมาถูกไฟไหม้หมดไม่มีเหลือ ฉันที่รอดมาได้เพราะดันเปิดกระจกรถเอาไว้ และแน่นอนบนรถคันนั้นไม่ได้รอดแค่ฉันคนเดียวหรอกมีคนหน้าตาเหมือนฉันรอดมาด้วย ซึ่งมารู้เอาทีหลังว่าคือพี่สาวฝาแฝดของฉันเอง
ฉันคว้ากระเป๋าเป้ที่อยู่บนหลังพี่สาวได้ แล้วตัวพี่เองเลยถูกฉันฉุดออกมาด้วยโชคดีที่แรงปะทะทำให้กระจกมันแตกกว้างเอาไว้แต่แรก เราสองพี่น้องจึงรอดตายมาได้ราวกับ ปาฏิหาริย์
ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะรอดมาได้ และตอนนี้จากที่ไปรักษาตัวที่อเมริกากับหมอรักษากระดูกชื่อดังของที่นั่น ฉันสามารถเดินได้ปกติ แต่ไม่สามารถเดินเร็วๆหรือวิ่งได้ และเมื่อคืนฉันเผลอวิ่งไปแล้วทำให้ตื่นเช้ามาเท้ามันรู้สึกปวดจี๊ดๆ และก็บวมเปล่ง อยู่อย่างตอนนี้ยังไงละ เฮ้อ เหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น ก็เพราะฉันเจอใครบางคนโดยที่ยังไม่เตรียมใจเลย ไม่นึกว่าจะได้เจอเขาเร็วขนาดนี้ ใจของฉันเลยกระตูกวูบ และผลที่แสดงออกมาเพื่อปกป้องหัวใจของตัวเองคือหนี...หนีไปให้ไกลอย่าได้พบหน้าเขาอีก
ฉันสิ้นหวังจริงๆ เขาไม่ได้รักฉันเลย และฉันก็ไม่โทษเขาหรอกที่เขาไม่รักฉัน มันผิดที่ฉันเองที่รักเขา รักมากจนทำใจไม่ได้หัวใจมันเลยเจ็บปวดอยู่แบบนี้ไงละ เขากับผู้หญิงคนนั้นเป็นยังไงบ้างนะ แต่งงานกันรึยัง แต่ความเห็นแก่ตัวของฉันพยายามบอกว่าเขาคงเลิกกันไปแล้ว แล้วนี่ฉันกำลังหวังอะไรอยู่ จำไม่ได้แล้วรึไงว่าเขาทำร้ายตัวเองไว้เจ็บปวดขนาดไหน เฮ้อเจ็บแล้วไม่จำ คงจะทำนองนี้ เศร้าใจกับหัวใจของตัวเองจริงๆ ไม่รักดีเอาซะเลย
แล้วฉันจะทำยังไงกับชีวิตฉันดีในเมื่อหัวใจมันไม่ยอมลืมเขาไปสักที บอกตัวเองทุกครั้งว่าลืมเขาไปซะ... ลืมไปซะ แล้วทำไมฉันไม่ยอมลืมละ ยังจำเรื่องราวต่างๆได้ชัดเจนราวกับเรื่องมันเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
สิ่งที่ฉันเฝ้าอธิษฐานกับดวงดาว สงสัยมันจะเป็นได้เพียงแค่เงาละนะ อธิษฐานไปเท่าไรสิ่งที่ได้กลับมาก็แค่เงา ที่คอยปลอบใจตัวเอง แล้วสิ่งที่เป็นตัวตนจริงๆในสิ่งที่ฉันอธิษฐานไปมันไปอยู่ไหนเสียละ ฉันเลิกอธิษฐานบ้าๆ บอๆ พวกนี้นานแล้วละ เพราะสิ่งที่ได้กลับมาก็แค่เงา พร้อมกับความ งี้เง่าของตัวเองด้วย
แล้วที่ฉันกลับมาโดยไม่บอกใครเลยเนี่ยมันเป็นเรื่องที่ดีรึเปล่านะ รู้สึกแย่จัง ป่านนี้แล้วแม่จะเป็นยังไงบ้างนะไม่มีโอกาสเลยที่จะบอกแม่ว่าฉันยังอยู่ยังไม่ตาย พ่อก็ใจร้ายเสียเหลือเกินที่ทำกับฉันแบบนี้ หลังจากที่ฉันพื้นก็ส่งฉันไปที่นั่นโดยไม่บอกไม่กล่าวกันเลยปล่อยให้แม่เข้าใจผิดคิดว่าฉันตายเสียแล้ว
ฉันก็แอบรู้มานะว่าแม่กับพ่อน่ะ ตั้งกฎขึ้นมา ไม่สิพ่อต่างหากที่คิดกฎนี้ขึ้น โดยให้แยกกันเลี้ยงลูก ก็อย่างที่รู้ๆกันว่าพ่อเลือกที่จะเลี้ยงดูพี่มีน ส่วนฉันแม่ก็เลี้ยงไงละ และถ้าหากใครเลี้ยงลูกได้ไม่ดี คนๆนั้นจะไม่มีสิทธิ์เลี้ยงลูกอีกต้องยกให้อีกฝ่ายเลี้ยงทั้งสองคน และต้องมาคุกเข่าขอโทษอ้อนวอนขอคืนดีด้วย
ซึ่งแม่เข้าใจว่าฉันตาย เลยมาคุกเข่าขอโทษพ่อถึงที่นี้ แต่แม่กลับไม่อ้อนวอนขอคืนดีกับพ่อสักนิด แม่ใจแข็งเหลือเกิน ซึ่งพ่อก็ดูท่าอยากจะคืนดีกับแม่ แต่ก็ทำวางมาด และก็ไม่ยอมบอกด้วยว่าฉันยังไม่ตาย
พี่มีนก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็ได้แต่เที่ยวมาเที่ยวไประหว่างแม่กับพ่อ ก็เพื่อพยายามกล่อมให้คืนดีกันนั่นแหละ แล้วแม่ก็มารู้ที่หลังจากปากพี่มีนว่าฉันยังไม่ตาย เลยมาอาละวาดใส่พ่อ และทำให้ยิ่งโกรธกันไปใหญ่
แต่ก็แปลกนะเวลาพี่มีนไปบ้านแม่ เขาคนนั้นจะไม่เจอพี่มีนเลยรึไง อย่าลืมสิว่าบ้านของแม่กับบ้านของเขาอยู่ติดกัน คำถามนี้ที่ผุดขึ้นมาในหัว ทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิด ฉันกับพี่มีนหน้าเหมือนกันจะตายไป หรือว่าเขาจะลืมฉันไปเสียแล้ว เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ฉันก็ยิ่งเจ็บใจ และเสียใจขึ้นมาเสียดื้อๆ ฉันไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ให้ตายสิ...
ฉันพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน อย่างเช่นเข้าไปด้อมๆมองๆเหล่าผู้คนยังสถานบันเทิงในยามราตรีแห่งนั้นจนเกิดเรื่องให้วิ่งหนีออกมาแทบไม่ทันนั้นเพราะฉันคิดว่า... ทำแบบนี้แล้วความรู้สึกของฉันมันจะเปลี่ยนไปด้วย แต่ไม่เลยมันกลับทำให้ฉันสมเพชตัวเองมากขึ้นต่างหาก...
เข้าวันที่สามขาฉันจึงหายปวด และบวม สามวันมานี้ฉันอยู่ในห้องตลอด และเรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วงฉันตุ่นเอาไว้ตั้งแต่มาที่นี้วันแรกแล้ว ก็ที่ตลาดสดใกล้ๆกับคอนโดที่ฉันอยู่นี้แหละ วันนี้ฉันกะว่าจะไปหาแม่ และทางก็สะดวก เพราะฉันรู้แน่แล้วว่าซันอยู่ที่นี้ ฉันเลยไม่ต้องหาวิธีปลอมตัวเพื่อไปพบแม่ตัวเอง และแน่นอนพาหนะที่จะพาฉันไปที่นั้น รถทัวร์ คราวนี้หวังว่ารถที่ฉันโดยสารไปมันจะไม่ชนกับรถบรรทุกแก๊สอีกนะ เพราะคราวนี้ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าฉันจะรอดเหมือนคราวที่แล้ว...
การเดินทางของฉันราบรื่นดีตลอดทาง ทำให้ฉันได้มายืนอยู่หน้าบ้านของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังจะก้าวเข้าบ้านตัวเองด้วยความรู้สึกยินดี และตื่นเต้นที่ได้กลับมาที่นี้อีก
“อ้าวหนูมีนมาเยี่ยมแม่เหรอจ๊ะ”
เสียงที่ดังขึ้นฉุดเท้าของฉันให้ยืนอยู่ที่เดิม แล้วหันหน้าไปมองตามเสียงที่ได้ยิน
“เอ่อ..สวัสดีค่ะแม่พรึก”
เมื่อฉันกล่าวออกไป ท่านก็ชักสีหน้างุนงง แต่เพียงแวบเดียวก็เปลี่ยนเป็นยิ้มใจดี เป็นรอยยิ้มที่คุ้นเคย ฉันจึงยิ้มตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มหวานเหมือนสมัยเด็กๆ แต่ฉันเห็นแววตาของท่านเปลี่ยนไป และก็ทำให้ฉันตกใจคิดได้ว่าตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่ในฐานะดาวนี่นา ฉันคือพี่มีน แล้วพี่มีนจะวางตัวยังไงต่อหน้าคนๆนี้นะ แน่นอนว่ามันต้องต่างกับที่ฉันทำตอนนี้แน่
“สวัสดีจ๊ะ”
“แม่ไม่อยู่เหรอค่ะบ้านปิดเงียบเชียว”
“เห็นว่าไปทำบุญที่วัด สงสัยจะไปทำบุญให้ดาวละมั้งจ๊ะหนูมีน”
ท่านกล่าวขึ้นพร้อมทำหน้าเศร้าในสาเหตุที่แม่ไปทำบุญที่วัด คงยังไม่ทราบสินะว่าฉันยังไม่ตาย อ้อและแน่นอนลูกชายของเขาก็ต้องยังไม่รู้แน่ๆว่าฉันยังมีชีวิตอยู่
“งั้น ดะ... เอ่อมีนไปหาแม่นะค่ะ”
“จ้ะตามสบายเลยจ๊ะ”
ท่านตอบรับพร้อมยิ้มน้อยๆที่มุมปาก แล้วแววตาบ่งบอกว่ากำลังสงสัยอะไรสักอย่าง.และฉันพยายามที่จะไม่สนใจทางที่จะไปวัดแน่นอนว่ามันต้องผ่านลานกว้าง ที่เป็นความทรงจำที่สวยงามของฉันด้วย ถัดจากลานกว้างก็จะเป็นต้นไม้ใหญ่ ที่ให้ร่มเงา ฉันกับซันในช่วงเวลานั้น เรามักจะมานั่งพักเหนื่อยจากการซ้อมวิ่งที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ ฉันยืนมองสักพักก็ตัดสินใจก้าวเดินต่อไปไม่นานฉันก็มาถึงศาสนสถาน ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชนเล็กๆ ที่เงียบสงบแห่งนี้
ฉันที่กำลังก้าวเดินไปทางศาลาวัดก็ต้องหยุดชะงัก เพราะเสียงนกที่ขับขานดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงบได้อย่างไพเราะราวกับกำลังเรียกร้องให้ฉันเดินตามเสียงใสๆ ไปด้วยความหลงใหลในมนต์เสน่ห์แห่งธรรมชาติ
ฉันก้าวตามไปโดยไม่รู้ตัวสักนิดมารู้ตัวอีกที ฉันก็ยืนอยู่ตรงหน้าเจดีย์หลังหนึ่ง และอย่างที่คิดมันเป็นของฉันเอง เพราะรูปใบเล็กๆที่ซีดจางใต้รูปมีชื่อของฉันเขียนอยู่ นางสาวประกายดาว วงศ์ดิเทพ มันเป็นนามสกุลของแม่ แต่ตอนนี้ฉันใช้นามสกุลของพ่อ
ฉันทรุดตัวลงนั่ง และก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เหรียญทองของใครกัน? เอามาให้ฉันทำไม หรือว่าจะเป็นเขา แล้วน้ำตาฉันก็ไหลรินอาบแก้ม เขายังจำได้จำสัญญาที่เคยไว้ให้กับฉัน... ฉันนึกว่าเขาลืมมันไปแล้วเสียอีก แค่นี้ก็พอแล้วละขอแค่เขาจำสัญญาได้แค่นี้ก็พอแล้วจริงๆสำหรับคนขี้ขลาดอย่างฉัน
ลมพัดมาวูบหนึ่งทำให้ใบ้ไม้สีน้ำตาลแห้งพัดกระจาย เผยให้เห็นสิ่งหนึ่งที่นึกว่าจะไม่มีวันได้เห็น... คำขอโทษจากเขาคนนั้น มันถูกแกะด้วยอะไรสักอย่างบนพื้นปูนที่ฉันกำลังนั่งอยู่ ฉันปัดเศษดินออกไปเพราะดูเหมือนว่ามีอะไรเขียนอยู่อีก แล้วก็อ่านมันออกมาด้วยเสียงเบาติดริมฝีปากว่า
‘ดาว! ซันมันเลวมากใช่ไหม ขอโทษ โปรดอย่า...เข้าใจผมผิด’
ฉันตื่นตะลึงกับสิ่งที่ได้รับรู้ มันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรง แต่แล้วเมื่อคิดได้ว่า เขาก็คงแค่รู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุในการตายของฉันนั่นสินะ เขาคงไม่รู้สึกอะไรกับฉันไปมากกว่านี้เลยจริงๆ ฉันทำหน้าเศร้าหันหลังเดินกลับมาโดยไม่สนใจมันอีกทั้งที่ดูเหมือนข้อความมันจะยังไม่จบหากฉันจะปัดเศษดินที่ติดอยู่ออกไปอีก แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วละ
ปล่อยให้เขาเข้าใจว่าฉันตายไปแล้ว แบบนี้ฉันคิดว่ามันดีแล้วละ สำหรับเราทั้งสองฝ่าย และฉันจะได้ไม่โง่งมเฝ้าอธิษฐานสิ่งที่ได้มาเพียงแค่เงา อีกอย่างเขาขอโทษฉันแล้ว และฉันก็รับรู้แล้ว...ต่อจากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก...
“แม่! แม่จ๋า”
ฉันเรียกแม่ หลังจากมาพบกับท่านพอดีที่ทางเข้า และออกของวัด ท่านดูผอมกว่าเดิมมาก เราสบตากันนิ่ง ท่านชะงักน้ำตาซึม ยกมือข้างหนึ่งปิดปากด้วยความคาดไม่ถึง...
ฉันคิดว่าท่านจำฉันได้ แยกออกว่าฉันเป็นใคร ถึงแม้ว่าจะนานถึงห้าปีแล้วที่เราไม่ได้พบกันเลย ดูเหมือนว่าท่านตกใจจนพูดไม่ออก ฉันเลยโผเข้ากอดท่าน และท่านก็อ้าแขนรับ ซึ่งมันเป็นกิริยาที่เป็นไปโดยอัตโนมัติ
ฉันรู้สึกดีใจที่ได้อยู่ในอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นนี้อีกครั้ง อ้อมกอดที่คอยอ้ารับฉันยามทุกข์ ยามสุข หรือแม้กระทั่งอ้ารับเพื่อป้องกันภัยอันตรายต่างๆให้ฉันรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยทุกครั้ง
“ลูก ดาว!...ดาวลูกแม่”
ท่านกล่าวขึ้นพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาอย่างกับเด็กตัวเล็กๆ และแน่นอนฉันก็เหมือนกัน เมื่อร้องไห้จนพอใจเราสองคนก็จูงมือกันกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม เหมือนเวลาอันเก่าก่อนได้กลับคืนมาอีกครั้ง
ฉันคิดว่าฉันคงจะลืมเขาได้สักวัน ด้วยพลังความรักความอบอุ่นจากแม่ ไม่มีความรักอะไรที่จะยั่งยืน และยิ่งใหญ่ได้เท่ากับความรักของแม่อีกแล้ว....
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ