Time Crime บทเพลงและกาลเวลา

10.0

เขียนโดย HirariYurari

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 17.25 น.

  15 chapter
  6 วิจารณ์
  18.36K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 กันยายน พ.ศ. 2556 09.24 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) อารมณ์ของท้องฟ้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

-08-

อารมณ์ของท้องฟ้า

 

เพสยังคงเฝ้าแต่วิ่งออกไปหาคุนทาเร่อยู่เรื่อยๆ เขาต้องการเก็บเกี่ยวความทรงจำเกี่ยวกับเธอให้มากกว่านี้...นั่นเพราะในอนาคตที่เขาเคยย้อนกลับมานั้น เขาเคยสูญเสียเธอไปแล้วครั้งหนึ่ง และเขา...ก็ไม่สามารถนำความทรงจำเช่นนั้นกลับมาได้อีกเป็นครั้งที่สองแล้ว...

“ช่วงนี้ลูกไม่เป็นอะไรแน่เหรอ? ออกไปวิ่งเล่นข้างนอกเป็นประจำแต่ไม่เป็นอะไรกลับมาเลย...หรือว่าโรคประจำตัวนั่นจะหายแล้ว...อย่างนั้นเหรอ?” นานๆ ไปเข้าแม่เขาก็เริ่มสงสัย ยามเมื่อเขากลับมาถึงบ้านตอนใกล้ค่ำ แม่เขาก็ได้เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย

ตัวเขาได้หันไปมองแม่ด้วยสีหน้าสับสน ไม่รู้เลยว่าตัวเองควรจะอธิบายเรื่องเหล่านั้นให้แม่ฟังอย่างไร ท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะตามน้ำแม่เขาไป “อ่า...ราวๆ นั้นล่ะมั้งครับ...แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยเป็นอะไรเลย เพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”

“งั้นเหรอ...ถ้าอย่างนั้นแม่ก็ดีใจนะ” แม่ของเขาเผยสีหน้าเป็นกังวลออกมาครู่หนึ่ง ทว่าเมื่อเธอได้เห็นลูกของตนยิ้มออกมา...ออกไปวิ่งเล่นกับคนอื่นได้เหมือนปกติและกลับมาโดยไม่ต้องล้มหมอนนอนเสื่ออีกต่อไปแล้วเธอก็รู้สึกดีใจ...รอยยิ้มดีใจปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างชัดเจนบนใบหน้าของเธอ

แม่เองถึงจะไม่รู้อะไรแต่ก็คงดีใจสินะ...เรื่องที่เราปลอดภัยไม่เป็นอะไรแบบนี้...

ในช่วงแรกที่เขาแอบหนีออกไปนั้น แม้แม่ของเขาจะเป็นห่วงอยู่บ้างแต่หลังจากผ่านไปนานเมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ เธอก็เริ่มเป็นกังวลน้อยลงเรื่อยๆ...จนท้ายที่สุดในตอนนี้เธอก็เลิกเป็นกังวลเรื่องของเขาแล้ว...

เธอบอกว่าดีใจเรื่องที่เขาสามารถวิ่งเล่นได้เหมือนเด็กคนอื่น มันเป็นความฝันหนึ่งที่เธอเองก็ไม่คิดว่าจะกลายมาเป็นจริง ทว่าในตอนนี้มันก็ได้กลายมาเป็นจริงแล้ว...

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้คงทนถาวรก็เถอะ...แต่ยังไงถ้ามันทำให้แม่ของเขาดีใจได้ ปล่อยให้แม่ของเขาเข้าใจไปแบบนี้ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร...

เจโลแทบไม่ได้แวะมาเยี่ยมหาเขาเลย...เธออาจจะแวะมาหาเขาตอนกลางคืนบ้าง...แอบมาพบเขาและอยากขอคืนดีกับเขา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่มีอารมณ์ที่จะคืนดีกับเธอ...

แม่เคยช่วยสานสัมพันธ์ให้พวกเขากลับมาคืนดีกันได้ครั้งหนึ่ง ทว่าตัวเขาก็ได้ปฏิเสธกลับไป...เขายังไม่อยากจะมีปัญหาในตอนนี้...คราวนี้อะไรๆ ก็แลดูดีไปเสียหมด เขายังไม่อยากจะให้เรื่องเหล่านั้นจบลงแต่เพียงเท่านี้...

เจโล...ยังไงฉันก็คงจะให้อภัยเธอไม่ได้อยู่ดี...

แม้ว่าเธอจะไม่รู้เรื่องราวในคราวนั้นก็เถอะ...แต่ยังไงฉันก็ยังคงยกโทษให้เธอไม่ได้...

มันเป็นข้อเสียของเราสินะ? จุดที่ไม่สามารถยกโทษให้ใครได้ง่ายๆ เนี่ย...

แต่ถึงยังไงก็เถอะ...ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร เราก็ได้ตัดสินใจไปแล้วว่ายังไงเราก็คงจะยกโทษให้เธอไม่ได้อยู่ดี...

ตอนนี้ไม่มีใครสังเกตเรื่องของเขาและคุนทาเร่เลย...ทุกคนในหมู่บ้านก็ดีใจที่เขากลับมาแข็งแรงได้เหมือนเดิม ทั้งแม่เองก็ดีใจ รวมทั้งเจโลอีก...เจโลนั้นไม่คิดจะเข้ามาขัดขวางหรือโกหกเรื่องอะไรไร้สาระที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดอีกแล้ว...เพราะฉะนั้นตัวเขาจึงกล้ายืนยันว่าสถานการณ์ในคราวนี้กำลังเข้าข้างเขา และตัวเขาเองก็พอใจกับสถานการณ์เช่นนี้ยิ่งนัก

มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่พอใจ...สิ่งที่ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้...

ความทรงจำของเธอผู้ได้เสียชีวิตไปแล้วคนนั้น...

“วิชาของสายลมน่ะ เป็นวิชาที่สามารถทำอะไรได้หลากหลายเลย รู้บ้างหรือเปล่า?”

“เอ๋?” ในระหว่างที่เขากำลังนั่งเหม่ออยู่บนยอดเขา คุนทาเร่ก็ได้เอ่ยบอกกับเขามาเช่นนั้น ตัวเขารู้สึกตัวขึ้นมาและหันไปมองเขาด้วยความสงสัย เมื่อนั้นตัวเธอจึงเผยสีหน้าไม่พอใจออกมาและหันมาต่อว่าต่อขานเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ “นี่ ฟังอยู่หรือเปล่าน่ะ? นี่ฉันกำลังตั้งใจพูดอยู่เชียวนะ!”

“อ่า...ขอโทษที พอดีเผลอเหม่อไปหน่อยน่ะ ฮะๆๆๆๆ”

“โถ่....” คุนทาเร่ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความไม่พอใจ ส่วนเพสนั้นก็ได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวและส่งเสียงหัวเราะออกมา

พวกเขายังคงมีความสุขอยู่ตรงนี้...ยิ้มให้กันและพูดคุยให้กันอยู่ตรงนี้....ทว่าเธอคนนี้กลับไม่สามารถจดจำเรื่องราวของพวกเขาได้เลย....ไม่มีทาง...จดจำเรื่องราวในวันนั้นได้อีกต่อไปแล้ว...

“แล้วก็นะ เมื่อกี้ที่ฉันพูดเอาไว้น่ะ ว่าวิชาของสายลมน่ะ สามารถทำอะไรได้หลายอย่างเลยนะ...นายอยากรู้หรือเปล่าว่ามันมีอะไรบ้าง?”

“เอ๋.....?” เพสเผยสีหน้าสงสัยออกมาเล็กน้อย หันไปจ้องมองเธอนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง แต่หลังจากนั้นเขาก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา เอ่ยตอบกลับไป “ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันนะว่ามันมีอะไรบ้าง อ่า...ถึงฉันจะเรียนวิชานั้นไม่ได้ก็เถอะ...ช่วยบอกให้ฉันรู้หน่อยได้ไหม? เรื่องวิชาของสายลมนั่นน่ะ”

“อื้ม!! แน่นอนอยู่แล้ว ด้วยความยินดีเลยล่ะ!! เฮะ เฮะ...” คุนทาเร่ส่งเสียงหัวเราะเผลๆ ยกมือขึ้นทุบอกตัวเอง ฉีกยิ้มท่าทางเปรมปรีย์แล้วจึงค่อยหันมาทางเขา

“วิชาสายลมน่ะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดห้าวิชา วิชาหวนคืนสรรพสิ่ง วิชากล่อมสรรพสิ่ง วิชาเชื่อมโยงสรรพสิ่ง วิชาเข้าใจสรรพสิ่ง และวิชาเคลื่อนย้ายสรรพสิ่ง...แต่ตอนนี้ฉันสำเร็จอยู่แค่สามวิชาเท่านั้นนะ มีวิชาหวนคืนสรรพสิ่งหรือก็คือวิชารักษาโรคนั่นแหละที่ยังไม่สมบูรณ์พร้อม...เพราะงั้นตอนนี้สถานะของฉันก็คงจะเป็น สำเร็จพร้อมสอง กำลังฝึกฝนหนึ่ง และยังไม่ได้ฝึกฝนสอง แหละนะ!”

“เห....ชื่อวิชานี่ฟังดูให้ความรู้สึกแปลกๆ ดีเหมือนกันนะ...แต่ว่าห้าวิชางั้นเหรอ...แต่ละวิชานั้นมันเป็นยังไงบ้างล่ะ?” เพสเบิกตากว้างเอ่ยถาม นอกจากวิชาหวนคืนสรรพสิ่งที่เธอเคยบอกและใช้กับเขาแล้ว เขาก็ยังติดใจอีกวิชาหนึ่งคือวิชา ‘เชื่อมโยงสรรพสิ่ง’....เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงรู้สึกเช่นนั้น ทว่าเขารู้สึกเหมือน...เขาอยากจะรู้จักเกี่ยวกับวิชานั้นจริงๆ...

“เอ๋....? ไม่ได้หรอก เรื่องนอกจากนี้เป็นความลับนะ ถ้าอยากจะรู้นายคงต้องไปหาข้อมูลเอาเองแล้วล่ะนะ หุ หุ”

“อ้าว...? ไหงเป็นงั้นล่ะ?” เพสเบิกตากว้าง หน้าเหวอไม่เข้าใจ และแล้วในตอนนั้นคุนทาเร่ก็ได้ส่งเสียงหัวเราะออกมา

เสียงหัวเราะใสๆ ที่ดุจดั่งสายลม...เป็นท่วงทำนองที่คล้ายบทเพลง ทั้งๆ ที่เธอเองก็ยังไม่ได้ใช้บทเพลงของเธอเลย...มันเป็นเพราะอะไรนะ...เป็นเพราะเธอได้ฝึกบทเพลงนั้นจนซึมซับเข้าไปในเสียงของเธอแล้วอย่างนั้นเหรอ?

แต่ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะเหตุใด...เขาก็ยังคงอยากที่จะอยู่ใกล้และมาหาเธอทุกวันเช่นนี้อยู่ดี...

“ว่าแต่...ช่วงนี้รู้สึกเหมือนฟ้าจะค่อนข้างมืดผิดปกตินะ...”

“เอ๋?” ในตอนนั้นเองคุนทาเร่ก็ได้เอ่ยขึ้นมา เพสเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจ และแล้วเขาก็ได้หันกลับไป....เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าตามที่เธอเองก็กำลังมองอยู่

“ฉันชอบฝนนะ ตอนที่ฝนตกลงมานั้นมันให้ความรู้สึกสนุกสนานรื่นเริงดี แต่ตอนที่ฝนกำลังตั้งเค้านั้นฉันไม่ชอบเลย...”

“ทำไมล่ะ?” เพสเบิกตากว้างรู้สึกสงสัย ตัวเขานั้นไม่ได้ชอบฝนอะไรมากมาย...ออกจะเกลียดมันเสียด้วยซ้ำ เกลียดมันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ก็เพราะเรื่องราวในคราวนั้น มันจึงทำให้เขารู้สึกเกลียดฝนมากยิ่งขึ้น

“ก็เพราะ...ตอนฝนตั้งเค้าท้องฟ้าจะมืดครึ้มไป...มีเสียงฟ้าผ่าดังมาอยู่เป็นระยะราวกับกำลังโกรธอยู่...ฉันไม่ชอบความรู้สึกแบบนั้น ถ้าอยากจะร้องไห้ออกมาล่ะก็...ร้องไห้ออกมาเลยเสียยังจะดีกว่า...”

“อ่า....” เพสเบิกตากว้าง เริ่มเข้าใจเรื่องที่เธอต้องการสื่อ...

เธอกำลังสื่อถึงท้องฟ้าเปรียบเสมือนอารมณ์ของบุคคล ยามเมื่อเมฆฝนเริ่มก่อตัวขึ้นมาก็คล้ายอารมณ์ค่อยๆ ขุ่นมัวขึ้น...ในจุดนั้นเป็นจุดที่เธอบอกว่าไม่ชอบ...ทว่าในจุดที่ฝนตกลงมา...ก็เปรียบเสมือนกับจุดที่ได้ปลดปล่อยความรู้สึกออกมาทางคราบน้ำตา...เธอบอกว่าเธอชอบความรู้สึกเช่นนั้น...แม้เขาเองจะไม่เข้าใจเช่นเดียวกันว่าเพราะอะไรเธอจึงได้ชอบความรู้สึกแบบนั้น...

“แต่เวลาคนทั่วไปร้องไห้มันจะน่าหนวกหูไม่ใช่เหรอ? อย่างน้อยคนทั่วไปก็คงไม่ชอบเสียงเด็กร้องไห้ล่ะนะ...”

“หุ หุ หุ....เพสเนี่ย ไม่มีอารมณ์สุนทรีย์เลยนะ...เพราะอย่างนั้นไงเลยไม่เข้าใจความอ่อนไหวในใจผู้หญิง”

“หา?” เพสขมวดคิ้วมุ่น ส่งเสียงร้องออกมาด้วยสีหน้าสงสัย คุนทาเร่ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็เงียบเสียงไป...เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป

“เคยได้ยินคำพูดนี้ไหม...ไม่มีควันไฟในที่ที่ไม่มีเปลวเพลิง...กับโลกมนุษย์เองคงจะไม่ได้ใช้คำพูดแบบนี้แต่ความหมายก็คงจะคล้ายๆ กันล่ะมั้ง...ว่ายังไง เคยได้ยินคำพูดนี้หรือเปล่า?”

“เอ๋....?” เพสขมวดคิ้ว เอียงคอสงสัยไปเล็กน้อย...เขานึกไปถึงคำพูดที่เธอบอกออกมานั่น จะว่าไปเขาเองก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะเคยได้ยินมันมาเหมือนกัน

“....” เขาพยักหน้าตอบเธอไปเงียบๆ เมื่อนั้นเธอจึงเผยยิ้มออกมา “นิสัยของคนเรานั้นแตกต่างกัน...ไม่มีใครเข้าใจความคิดของคนที่มีความคิดตรงกันข้ามได้หรอก...แล้วที่ฉันบอกว่า ‘ไม่มีควันไฟในที่ที่ไม่มีเพลิง’ นั่นก็หมายความว่าถ้าไม่มีเหตุใดเกิดขึ้นมา คนคนนั้นก็คงจะไม่ร้องไห้...นายว่าอย่างนั้นไหม?”

“อ่า...แต่บางทีเด็กเขาก็ร้องไห้ในเรื่องไม่เป็นเรื่องนะ...อย่างเช่นอยากได้ของขวัญอะไรแบบเนี้ย...”

“หุ หุ หุ....นั่นมันก็เป็นปัญหาของตัวผู้ปกครองเองล่ะนะ...เด็กทั่วไปเองก็ต้องมีบ้างที่อยากได้ของขวัญจนร้องไห้ออกมา มันก็แล้วแต่ว่าผู้ปกครองจะจัดการยังไง...ตีเด็กงั้นเหรอ? ตีเพราะอะไร เพราะเด็กดื้อไม่ยอมทำตามงั้นเหรอ? แล้วผลของการตีนั้นจะก่อให้เกิดอะไร...เด็กเป็นเด็กดีขึ้นงั้นเหรอ? หรือท้ายที่สุดเด็กจะไม่เข้าใจแล้วรู้สึกต่อต้านกันแน่? กับอีกรูปแบบหนึ่ง ที่เห็นบ่อยๆ พยายามปลอบแล้วไม่ซื้อ หรือไม่ก็ซื้อให้ทันทีที่เด็กต้องการ...ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ไม่มีอะไรผิด...มีเพียงแค่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นที่จะกำหนดลักษณะนิสัยต่างๆ ของเด็ก....อันที่จริงฉันเองก็แนะนำให้หัดฝึกเหตุผลให้เด็กตั้งแต่เล็กนะ...ไม่อย่างนั้นพอกิเลศครอบงำก็จะกลายเป็นแบบนั้นนั่นแหละ...แต่ที่ฉันต้องการจะบอกน่ะมันไม่ใช่ในกรณีนั้นนะ”

“อ่า....” เพสทำหน้ามึน ลึกๆ เขายังคงไม่เข้าใจเรื่องที่เธอต้องการสื่อ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังทำเป็นเหมือนตัวเองรู้เรื่องและรอฟังเธอพูดต่อไป เธอนิ่งไปชั่วครู่ เขาเองก็ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ จนกระทั่งเธอเผยสีหน้าไม่พอใจและถอนหายใจออกมา เมื่อนั้นเธอจึงเผยยิ้มและเอ่ยพูดต่อ

“ที่ฉันต้องการจะบอกก็คือ...ฉันไม่ต้องการบอกให้นายกล่าวหาว่าพวกที่เอาแต่ร้องไห้นั้นหนวกหูไร้สาระ...ถ้าเขาร้องไห้ด้วยเหตุผลเพียงเด็กๆ นั้นก็ต้องพยายามฝึกเหตุผลกันต่อไป แต่ใครจะไปรู้ว่าเหตุผลที่เขาคนนั้นร้องไห้คืออะไร...อ่า...ฟังดูไม่เข้าใจสินะ...ช่างเถอะ ความรู้สึกของคนทั่วไปน่ะ มันก็อธิบายเป็นคำพูดออกมาไม่ได้หรอก”

“อ่า....” เพสนิ่งเงียบไป คุนทาเร่ได้ก้มหน้านิ่งไปแล้ว เพสเองก็ได้แต่จ้องเธอ นิ่งเงียบไปเช่นเดียวกัน...

เพราะอะไรเธอถึงได้เอ่ยพูดเช่นนี้...เพราะอะไรเธอถึงได้พูดถึงเรื่องอย่ามองคนร้องไห้ไร้สาระขึ้นมา?

ทว่าในตอนนั้นเองเขาก็ได้นึกไปถึง...เรื่องราวที่เธอเคยเล่าให้เขาฟังเมื่ออนาคตที่ห่างไกลออกไปนั้น...เรื่องที่เธอบอกว่าเธอเคยโดนคนอื่นแกล้งมา

“ช่วยบอกฉันหน่อยได้ไหม...ความรู้สึกของคนโดนแกล้งนั่น...?”

“....?” คุนทาเร่เงยหน้าขึ้นมา จ้องหน้าเขาแล้วนิ่งเงียบไป...ท้องฟ้าเริ่มส่งเสียงร้องแห่งความพิโรธออกมา เมื่อนั้นเธอจึงเผยยิ้มแล้วเอ่ยออกมา

“อยากเข้าหาคนอื่น...อยากเป็นเพื่อนด้วย อยากพูดคุยหยอกเล่นสนุกสนานเหมือนที่พวกเขาทำกัน...”

“.....” เพสนิ่งเงียบฟังเรื่องที่เธอพูดโดยไม่พูดอะไร เธอก้มหน้าลงไปกอดเข่าตัวเองอีกครั้ง เขารู้สึกได้...น้ำตาที่คลออยู่ภายในดวงตาคู่นั้น แต่มันก็ไม่ได้ไหลออกมา...

“รู้สึกว่าไม่เหมือนกัน...เข้ากันไม่ได้...ไม่เหมือนตอนคุยกับคนสนิทที่เคยรู้จัก...อยากมีเพื่อน เข้าไปพูดคุยกับเขา...พูดตามเห็นด้วยกับเขาไปทุกอย่างเพราะไม่เข้าใจเรื่องที่เขาพูด...จากนั้นก็ทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง...”

“.....” เพสไม่ทำอะไรเลย ได้จ้องมองเธอนิ่งด้วยสีหน้าที่แสนจะนิ่งสนิท...เกิดเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นมาอีกครั้ง แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นปกคลุมพวกเขาไปชั่วขณะ จากนั้นคุนทาเร่ก็เริ่มต้นเอ่ยออกมาอีกครั้ง

“ถูกเห็นว่าเป็นพวกอ่อนแอ...ถูกแกล้งต่างๆ นาๆ....บีบคอ กระโดดถีบกลางหลัง ผลักหัวไปโขกกำแพง บอกว่าเป็นเพื่อนแล้วบังคับให้ทำ ไม่ทำแล้วก็บอกว่าไม่รักเพื่อน ตะโกนเสียงโหวกเหวกโวยวาย...บอกว่าแล้งน้ำใจ พอไม่มีค่าก็ผลักหัวส่ง พอต้องการตัวเราก็ทำเป็นประคบประหงม เอาของมีค่ามาล่อ...บอกว่าจะช่วยทำอย่างโน้นอย่างนี้ให้ถ้าช่วยเขาทำอย่างนั้นให้เสร็จ แต่หลังจากนั้นพอทำเสร็จแล้วก็ถีบหัวส่ง”

“.....” เพสค่อยๆ เบิกตากว้างขึ้นทีละน้อย เขาไม่รู้เลยว่าในตอนนี้ตัวเขาควรจะพูดอย่างไรออกไปดี สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ มีอยู่เพียงแค่การนิ่งฟังเธออยู่เงียบๆ เท่านั้น...

“ไม่ได้รู้สึกอยากเป็นเพื่อนอีกแล้ว...คิดว่าตัวเองผิดทุกอย่าง...ตัวเองเป็นคนที่ไม่ดี เป็นคนไร้น้ำใจ เป็นคนที่ไม่มีค่า...ทั้งที่คิดว่าจะสามารถพูดกับคนอื่นได้ แต่พอไปยืนหน้าคนอื่นก็แข็งไปหมดพูดอะไรไม่ออกเสียทุกที...กลัวว่าจะทำให้เขาอารมณ์เสียไปหรือเปล่านะ? เขาจะโกรธหรือเปล่านะ? พอพูดออกไปแล้วจะทำให้เขาเกลียดเราที่เป็นแบบนี้หรือเปล่านะ? ได้แต่นิ่งเงียบฟังเขาพูดนิ่งๆ ไป...สุดท้ายถึงรู้ว่าตัวเองเป็นโรคกลัวความคิดมนุษย์เข้าสมองแล้วมันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว...”

“.....” เพสอ้าปากหุบๆ เปิดๆ อยากจะพูดอะไรออกไปแต่สุดท้ายก็พูดไม่ได้เลย...

น้ำตาสายใหญ่ไหลลงมาตามใบหน้าของเธอ แต่สุดท้ายมันก็ได้เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม จางนั้นก็จางหายไปพร้อมเม็ดฝนที่ร่วงโรยลงมา

“แต่ถึงกลัวก็ไม่เป็นไร...ถึงจะกลัวความคิดคนอื่นก็ไม่เป็นไร แค่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกไปแค่นั้นก็ไม่ต้องไปทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นแล้ว...ดูสิ...แค่ยิ้มออกไปทุกคนก็มีความสุขแล้ว...ต่อให้พวกเขาทำผิดอย่างไร แค่ชมออกไปก็จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้ว...ทุกคนก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละ บอกกับคนอื่นว่าไม่เป็นอะไร พูดมาเถอะ ตัวเองรับได้...แต่สุดท้ายพอพูด พอวิจารณ์เรื่องจริงๆ ไปพวกเขากลับโกรธ....ไม่มีใครยอมรับความจริงของตัวเองได้ลงหรอก ไม่มีใครยอมรับเรื่องเหล่านั้นได้!! ถ้าอย่างนั้นแล้วพูดความจริงออกไปจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? ทำดีหรือมอบความหวังดีไปจะมีประโยชน์อะไรล่ะ!? ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครรับได้...ทุกคนต้องการคำโกหกสีขาวที่แสนหวาน....สิ่งที่ทุกคนชอบกินก็คือขนมรสหวานๆ ไม่ใช่ยาขมรักษาได้ทุกโรค...เพราะฉะนั้นฉันถึงยิ้ม...เพราะฉะนั้นฉันถึงโกหก....บอกพวกเขาไปว่า ‘อืม ก็เหมาะดีนะ’ ‘อืม เก่งที่สุดเลย!’ เพราะมันคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่ความจริงเพื่อแก้ไขตัวเองอะไรนั่น แต่เป็นคำโกหกที่ตัวเองต้องการต่างหาก!!”

“พอเถอะ....” ท้ายที่สุดเพสก็สามารถกลั่นกรองคำพูดออกมาได้...ทว่าน้ำเสียงของเขากลับสั่นเทา...ฟังไม่ถูกเลยว่าตัวเขาในตอนนี้กำลังพูดด้วยความรู้สึกโกรธหรือความรู้สึกอะไรกันแน่...?

ทว่าเธอก็ยังไม่ยอมหยุด...

“ฉันพูดเรื่องน้ำตาไปตอนแรกสินะ? คนอื่นๆ ก็เคยบอกว่าฉันน่ะชอบร้องไห้ ขี้แย ร้องไห้อยู่นั่นแหละน่ารำคาญ! แต่ถึงกระนั้นก็ยังชอบแกล้งให้ฉันร้องไห้แล้วบอกว่าขี้แยอีกแล้ว...คิดเหรอว่าฉันอยากร้องไห้? คิดหรือว่าฉันอยากทำแบบนั้น!? ถ้าร้องไห้แล้วมันทำให้คนอื่นรู้สึกเจ็บ รู้สึกไม่พอใจ...ฉันก็ไม่อยากจะร้องหรอก...ตอนใกล้จะร้องทีไรก็พยายามเก็บมันเอาไว้...บอกตัวเองว่า ‘อย่าเพิ่ง....’ ‘ไม่’ ‘อย่าร้องออกมานะ’ แต่คนอื่นก็คงจะมองเห็นว่าฉันกำลังบีบน้ำตาสินะ? ทั้งๆ ที่ไม่ได้อยากร้องไห้อะไรแท้ๆ แต่พอคิดถึงคำพูดของพวกเขาแล้ว...พอคำพูดและการกระทำของพวกเขานั้นดังขึ้นมาในหัวของฉันซ้ำไปซ้ำมาแล้วมันก็ทำท่าจะไหลออกมาเสียทุกที น้ำตานั่น! ถ้าร้องไห้ดังๆ ได้ฉันร้องไห้ไปแล้ว!! ไม่จำเป็นต้องบีบน้ำตาหรอก ฉันร้องไห้ไปตั้งนานแล้ว!!”

“พอเถอะคุนทาเร่! ถ้าไม่อยากเล่าก็อย่าเล่าอีกเลย!!”

“!!” คุนทาเร่สะบัดเพสที่พยายามเข้าไปห้ามออกไป น้ำตาเธอไหลเป็นสายตามใบหน้า ในตอนนี้เธอไม่สามารถคงรอยยิ้มเช่นเดิมได้อีกต่อไปแล้ว...

“เพราะไม่มีใครเข้าใจฉันยังไงล่ะ ฉันถึงพยายามจะเข้าใจว่าทั้งตัวเองและฉันนั้นทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกันแน่...? เพราะอะไรพวกเขาถึงทำอย่างนั้น? เพราะอะไรฉันถึงเป็นแบบนี้? คิดไปคิดมาจนรู้ว่ามันเป็นอย่างไร...ท้ายที่สุดตัวเองก็กลายเป็นคนกลัวคนอื่นไปแล้ว...ถ้าให้พูดคุยกันแบบห่างไกลเช่นส่งจดหมายคุยกันก็คงจะไม่เป็นไรหรอก...แต่ถ้าให้พูดคุยกันต่อหน้าฉันกลัว...กลัวว่าท้ายที่สุดจะทำร้ายคนอื่นไปหรือเปล่า? กลัวว่านิสัยประหลาดๆ ของสัตว์ประหลาดคนนี้จะทำร้ายใครไปหรือเปล่า? ทำให้พวกเขาโกรธไปหรือเปล่า? เพราะฉะนั้นฉันถึงยิ้มไง?”

“พอเถอะ อย่าพูดอีกเลยน่า! มันไม่เป็นไรหรอกน่า!!” ด้วยความตกใจเพสได้พุ่งตรงเข้าไปกอดเธอเอาไว้ เด็กสาวร้องไห้ออกมาท่ามกลางหยาดฝนบ้าคลั่งที่ร่วงโรยลงมา จนกระทั่งท้ายที่สุดเด็กสาวก็สงบสติอารมณ์ลงไปได้

“.....” สายฝนโปรยปรายลงมา ท่ามกลางความหนาวเย็นของสายฝนนั้นความอบอุ่นของเขาเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกสบายใจ...ความสบายใจนั้นได้ไปทำให้เธอรู้สึกตัว ท้ายที่สุดเธอก็พูดอะไรไม่ได้เลยนอกจากก้มหน้าลงไป ซุกหน้าเข้าไปภายในอ้อมกอดของเขานั้นโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย

“ขอโทษนะ เผลอปล่อยอารมณ์ออกไปแบบนั้น”

“เอ๋? อ่า...ไม่เป็นไรหรอก....” เพสได้ยินเสียงนั้นก็ส่งเสียงร้องออกมา เขารู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ กอดเธอให้แน่นเข้าไปอีกแล้วเอ่ยออกมา

“ถึงคนอื่นจะทำแบบนั้นกับเธอก็เถอะ...ถึงพวกเขาจะยอมรับเรื่องของตัวเองไม่ได้ก็เถอะ แต่กับฉันเธอพูดออกมาเถอะ ฉันไม่โกรธหรอก”

“คำว่าไม่โกรธก็คือจะโกรธเมื่อพูด...ไม่มีใครยอมรับเรื่องที่ทำให้ตัวเองรู้สึกเจ็บได้หรอก”

“ฉันยอมรับ!! ยอมรับว่าฉันยอมรับไม่ได้ถ้ามีอะไรมาทำให้ตัวเองเจ็บ...แต่ว่า!! แต่ว่ามันน่าเศร้าไม่ใช่เหรอ...? พูดความรู้สึกตัวเองออกมาไม่ได้แบบนั้นน่ะ...?”

“!?.......” คุนทาเร่เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นเธอก็ค่อยๆ หรี่ตาลงและเผยยิ้มออกมา “อย่ารู้สึกเจ็บและจากไปภายหลังนะ”

“อ่า...ฉันไม่ทำหรอกน่า...เพราะฉะนั้นไม่เป็นไรหรอก...”

“อืม....” คุนทาเร่พยักหน้าเงียบๆ เพียงปล่อยให้สายฝนชำระล้างคราบน้ำตาบนใบหน้าของเธอไป จากนั้นเธอก็ได้เงยหน้าขึ้นมา “อ่า...พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไรแล้วจะเผลอเป็นแบบนี้ทุกทีเลยนะ...ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันนะ...แฮะๆๆ”

“ไม่เป็นไรหรอก...เพราะจากนี้ไปฉันจะไม่ปล่อยให้เธอต้องเสียใจหรอก”

“อืม...ขอบใจนะ” คุนทาเร่เผยยิ้ม เธอยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่สดใสที่สุดอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน...

ในที่สุดเมฆสีดำก็ค่อยๆ จางหายไป...ทว่าฝนก็ยังคงร่วงหล่นลงมาเช่นนั้นอยู่ไม่สร่าง...คุนทาเร่เงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าแล้วเผยยิ้มออกมา เธอผละตัวออกไปจากเขาพร้อมเอื้อมมือมา เผยยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มแสนสดใส “เรามาเต้นรำกันเถอะ! มาเต้นรำกันกลางสายฝนกัน!!”

“หา!? แต่เต้นแบบนี้เดี๋ยวโคลนก็กระเด็นมาเปื้อนเสื้อไม่ใช่เหรอ!?” เพสเบิกตาโพล่ง เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูดเขากลับไม่สามารถทำใจเข้าใจสิ่งที่เธอพูดได้เลย...ทว่าในตอนนั้นเธอก็ได้หัวเราะออกมา...หัวเราะออกมาด้วยเสียงหัวเราะที่แสนจะสดใสเหมือนเช่นเมื่อครู่นี้ “ไม่เป็นไรหรอกน่า! ยังไงซะเสื้อก็เปียกอยู่แล้ว นี่แหละเป็นโอกาสดี!! เรามาเต้นรำกันเถอะ! เต้นรำกันกลางสายฝนนี่กัน!!”

“อะ...อ่า...ถึงจะไม่อยากให้เสื้อเปื้อนก็เถอะ...” เพสเผยสีหน้ายากจะทำใจออกมา ทว่าหลังจากที่ก้มมองและสำรวจตามตัวของตัวเองแล้ว เขาก็ได้ส่งเสียงถอนหายใจออกมาเสียยืดยาว

“เอาไงก็เอา! ถ้าอย่างนั้นในเมื่อฉันเป็นฝ่ายชาย งั้นฉันขอนำก่อนนะ”

“นำให้ดีนะ คุณชายขี้โรค...”

“หนวกหูน่า!!” เพสเอ่ยตอบกลับไปอย่างโกรธเคือง แต่หลังจากนิ่งไปสักพักเขาก็ได้เผยยิ้มออกมาและยื่นมือไปหาเธอ “ขอเต้นรำด้วยได้ไหม?”

“.......” คุนทาเร่ยืนมองมือนั้นนิ่ง เธอนิ่งไปสักพักจากนั้นจึงค่อยเหลือบตาขึ้นมามองเขาด้วยรอยยิ้ม เอ่ยตอบด้วยสีหน้าท่าทางดีอกดีใจ “อื้ม!!”

จากนั้นพวกเขาก็ได้ออกตัวเต้นไป...เต้นไปรอบๆ บริเวณท่ามกลางสายฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมา...

ละอองน้ำจำนวนมากกระเด็นกระดอนขึ้นมาเมื่อพวกเขาก้าวย่ำผ่านเลยไป ทว่าพวกเขาก็ยังคงไม่สนใจ พลิ้วไหวไปมาท่ามกลางสายฝน...

เสต็ปที่พวกเขาเต้นกันอยู่นั้นเป็นเสต็ปสบายๆ...เป็นเสต็ปที่ให้ความรู้สึกสนุกสนานราวสายฝนที่โปรยปรายลงมา เด็กสาวส่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความเบิกบานใจ ตะโกนร้องออกมาอย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน

“เพส!! วันนี้ฉันสนุกมากเลยล่ะ!!”

“อ่า!! ยกเว้นเสียแต่ตอนที่เธอร้องไห้นะ!!”

“โหดร้ายจริงๆ เลยนะเพสเนี่ย!! ปกติผู้หญิงร้องไห้แล้วผู้ชายต้องปลอบสิ!!”

“ฮ่าๆๆๆๆๆ แต่พอพูดคุยหยอกล้อกันเล่นๆ แบบนี้แล้วมันก็ให้ความรู้สึกสนุกไปอีกแบบใช่ไหมล่ะ!!?”

“.....” คุนทาเร่ยิ้ม เธอพลิ้วตัวไปเล็กน้อยตามการเคลื่อนไหวของเขา นิ่งเงียบไปสักพัก จนจากนั้นไม่นาน...เธอก็ได้หัวเราะและส่งเสียงตะโกนเอ่ยตอบออกมา

“สนุกสิ!!”

หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เต้นรำไปด้วยกัน...เต้นรำไปกันจนกระทั่งฝนสร่าง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังไม่หยุดจนกระทั่งฟ้าเริ่มสร่างไป...

คุนทาเร่กับเพสได้หยุดเต้นรำลง...หันมามองหน้ากันแล้วจึงส่งเสียงหัวเราะด้วยกัน...เป็นดั่งสายฝนที่โศกเศร้าเมื่อยามเมฆปกคลุม แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ส่งเสียงหัวเราะด้วยกัน สนุกสนานดั่งเช่นสายฝนที่โปรยปรายลงมาท่ามกลางท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง จนกระทั่งสายฝนได้หยุดไป...

หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้บอกลากัน วันนี้เป็นวันที่ทำให้พวกเขาได้รู้จักกันมาขึ้น...ไม่เพียงแค่ตัวเพสเท่านั้นที่ได้รู้จักเธอมากขึ้น แต่ตัวเธอเองก็ยังได้รู้จักเขามากขึ้นอีกด้วย...

เราจะไม่ปล่อยคืนวันที่แสนสนุกสนานนี้ไปอย่างแน่นอน...ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม!!

เขาปฏิญาณกับตัวเองเช่นนั้นในระหว่างปีนลงจากเขา ท้องฟ้ายามเย็นหลังฝนนั้นปลอดโปร่ง...ราวกับกำลังเป็นใจให้กับความต้องการของเขาอยู่ก็ไม่ปาน...

ทว่า...ใครจะไปคำนึงถึง...ถึงคำพูดที่ว่าเมื่อมีความสุขแล้ว...กระนั้นก็ย่อมต้องมีอะไรบางอย่างที่เป็นการทดแทนเกิดขึ้นตามมาเสมอ...

*************************************************************

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา