Time Crime บทเพลงและกาลเวลา
เขียนโดย HirariYurari
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 17.25 น.
แก้ไขเมื่อ 16 กันยายน พ.ศ. 2556 09.24 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ความปรารถนา
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
-06-
ความปรารถนา
เพราะไม่มีพละกำลังพอที่จะขุดหลุมฝังศพให้คุนทาเร่ได้ เพสจึงได้ตัดสินใจที่จะเอาเธอไปทิ้งไว้ในป่า นอนพิงอยู่กับต้นไม้ในบริเวณไม่ไกลจากโขดหินที่พวกเขามักจะนั่งคุยกัน แม้ตัวเขาจะรู้สึกเจ็บปวดใจเสียเท่าไรก็ตาม...
“......ขอโทษนะ....ที่ช่วยอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เลย....” เพสก้มหน้าลงบอกเธอ พึมพำออกมาพลางลุกขึ้น หันกลับไปมองเธอเพียงชั่วพักแล้วจึงกลับหลังหันเดินจากไป
เขาไม่อยากจะเห็นตัวเธออีกแล้ว...ตัวเธอในสภาพเช่นนั้น เขาไม่อยากจะเห็นอีกต่อไปแล้ว.....จากที่กำลังเดินอยู่อย่างเฉยชาก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นการวิ่งเหยาะๆ จากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงสับขาวิ่งตรงไปเบื้องหน้าอย่างไม่คิดชีวิต
ในคราวนี้ไม่มีฝนตกลงมา...ไม่มีสิ่งใดร่วงหล่นลงมาปกปิดตัวเขาเอาไว้....แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ได้
น้ำตาสายเล็กๆ ค่อยๆ หลั่งไหลลงมาตามแก้มของเขา
หลังจากที่วิ่งมาได้สักพักเขาก็ได้มาถึงบริเวณทางลงเขา เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นชั่วครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจสงบสติอารมณ์ปีนลงจากเขาไป มุ่งหน้ากลับไปที่บ้านของตนโดยพยายามไม่ให้มีใครเห็น
ทว่าเมื่อเขากลับมาถึงหมู่บ้าน อะไรๆ ล้วนไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาหวัง
“นี่มัน...อะไรกัน...?” ตัวเขาเบิกตากว้าง เงยหน้าขึ้นจ้องมองภาพเบื้องหน้าด้วยสีหน้าตื่นตะลึง....ไฟในหมู่บ้านนั้นถูกเปิดจนสว่างโร่ไปหมด ทั้งๆ ที่ก่อนเขาออกมาทุกคนต่างก็ได้เข้านอนหมดแล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเช้าที่ทุกคนควรจะตื่นขึ้นมาเลย นี่มัน...เกิดเรื่องอะไรขึ้นมากันแน่...?
“เพส! นั่นเพสใช่ไหม!!?”
“!?” ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียง...เสียงตะโกนร้องของคุณลุงที่ข้างบ้าน เขารู้สึกตกใจมาก ความคิดที่อยากจะหนีผุดขึ้นมาในหัวของเขาเพียงชั่วแวบ แต่กระนั้นร่างกายของเขากลับไม่สามารถทำตามที่เขาครุ่นคิดเอาไว้ได้...
“เพส นั่นมัน!!”
“!?” คุณลุงคนนั้นได้เดินมาจนถึงตัวเขา ใครอีกหลายคนก็ได้เดินตามมาข้างหลังพร้อมเสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เพสไม่เข้าใจว่าพวกเขาเป็นอะไรกัน ทว่าในตอนที่เขาก้มหน้าลงไปมองตัวเองเขาก็เข้าใจ...
เนื้อตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดของคุนทาเร่เต็มไปหมด...
“ปะ....เป็นความจริงอย่างที่เจโลบอกสินะ...เพราะอย่างนั้นช่วงนี้ถึงเห็นเขาวิ่งออกไปนอกบ้านทุกวันสินะ...เป็นอย่างนั้นเองสินะ...”
“.....เอ๋?” เพสไม่เข้าใจอะไรเลย เขาได้ยินชื่อของเจโลดังออกมาจากปากของคุณลุงคนนั้น และสิ่งนั้นก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว
เจโล....เจโลเป็นคนพูดงั้นเหรอ....เธอพูดว่าอะไร?
เจโลรู้เรื่องอะไรกัน...เธอบอกพวกเขาไปว่าอะไร ทำไมพวกเขาถึงได้ทำสีหน้าเช่นนี้...?
ทำไมพวกเขาถึงได้มองเราด้วยสีหน้าหวาดกลัวและเศร้าใจเช่นนี้....?
“ระ....รีบพาตัวเขากลับไปก่อนเถอะ!! อย่าให้เขาได้ออกไปข้างนอกอีกนะ!!”
“คะ...ครับ!!”
“เอ๋?” เพสไม่เข้าใจเลย...เขาไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นแต่เพียงคนมากมายที่วิ่งตรงเข้ามาทางเขา...
จากนั้นตัวเขาก็โดนคนพวกนั้นอุ้มพาไปโดยที่เขาเองก็ยังไม่เข้าใจอะไร
เดี๋ยวก่อน...นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น?
เพสไม่เข้าใจอะไรเลย เขาสับสนไปหมด เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของผู้ที่อุ้มตนอยู่ก็ยิ่งสงสัย...ใบหน้าของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความร้อนใจและหวาดกลัว
“นี่...มันเกิดอะไรขึ้น?” ท้ายที่สุดเพราะความสงสัยเขาจึงได้เอ่ยถามออกไป...พวกผู้ใหญ่เผยสีหน้าตื่นตกใจออกมา หันมาจ้องมองพวกเขาด้วยสีหน้าที่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรถึงต้องโดนจ้องเช่นนั้น
“แม้แต่ความทรงจำก็หายไปเหรอ...น่าสงสารจริงๆ...”
“เอ๋?” เพสเบิกตากว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด ความทรงจำหายไป...ความทรงจำอะไร?
เจโลได้เอาเรื่องอะไรไปพูดกับพวกเขากันแน่...?
หลังจากโดนอุ้มพาและวิ่งมาได้สักพัก ตัวเขาก็ได้มาถึงบ้านที่เขาอาศัยอยู่...เขาเห็นแม่ของเขามายืนรออยู่ที่หน้าบ้านแล้ว และเมื่อแม่ของเขาเห็นเขา เธอก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
“เพส!! เป็นอะไรหรือเปล่าลูก!!”
“?” เขาตกใจ เห็นแม่ของเขาวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าตกใจ...เธอมีสีหน้าคล้ายหวาดกลัว เขาเองก็ไม่เข้าใจอะไรเลย...ทำไม...ทุกคนต้องทำสีหน้าแบบนี้?
“ล็อคประตูขังเขาเอาไว้ให้ดี อย่าให้เขาออกมาได้อีก ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวมันจะต้องเกิดขึ้นอีกแน่”
“!!” ทว่าเมื่อประโยคเช่นนั้นดังหลุดออกมาจากปากของพวกผู้ใหญ่ เข้าสู่ปราสาทรับเสียงของเขา หัวสมองของเขาก็พลันขาวโล่งไปในทันใด
ล็อคเอาไว้....ล็อคอะไร? ขังเขาเอาไว้?
ทำไม...ทำไม...มันเป็นเพราะอะไรกัน?
ทำไม...เพราะอะไร...ไม่อยาก...ไม่อยากโดนขังเอาไว้...
“จะ...จะทำอะไรน่ะ ปล่อยผมนะ!!!”
“คะ...คำสาปมันเริ่มออกฤทธิ์แล้ว เร็วเข้า!! รีบเอาเขาไปขังไว้เร็ว!!”
“!?” ทันทีที่เขาเริ่มออกแรงดิ้นสุดชีวิตเพื่อหนีจากการจับกุมของพวกผู้ใหญ่ พวกผู้ใหญ่ก็เผยสีหน้าตื่นตกใจและยิ่งเข้ามาจับเขาแน่นขึ้นไปอีก
คำสาป...คำสาปอะไร...พวกเขาพูดเรื่องอะไรกัน?
หรือว่าจะเป็น....เรื่องโกหกของเจโลงั้นเหรอ?
“!!” ทันทีที่โดนแบกมาถึงห้องนอนของเขา ตัวเขาก็โดนเขวี้ยงลงไปบนเตียง รู้สึกจุกเสียจนต้องฟุบลงไปเช่นนั้นสักระยะ ทว่าหลังจากนั้นเขาก็ได้หันกลับไปมองเบื้องหลังโดยทันที
ปึ้ง!!
เสียงปิดประตูดังขึ้นทันทีที่เขาหันกลับไป หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงล็อคประตูดังมาจากด้านนอก...เป็นเสียงที่ทำให้เขารู้สึกชาไปทั้งร่างในฉับพลัน
“เดี๋ยวก่อน...นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น?” เพสเงยหน้าขึ้นไป ส่งเสียงร้องครางออกมา หลังจากที่รู้สึกตัวก็รีบตะบี้ตะบันลุกขึ้นไปพยายามจะเปิดประตูออก
ไม่ว่าจะผลักหรือทุบเท่าไรประตูก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปิดออก เมื่อหันกลับไปมองทางหน้าต่างก็พบว่าบานหน้าต่างนั้นได้ถูกปิดเอาไว้อย่างแน่นหนาแล้ว...เขาตัดสินใจลองพุ่งไปดึงกลอนออกแล้วลองผลักเปิดดู ทว่าหน้าต่างกลับไม่ขยับเขยื้อนเลย...ราวกับว่าได้ถูกอะไรบางอย่างขวางเอาไว้ไม่ให้เขาเปิดออกไปได้อย่างไรอย่างนั้น
“นี่มัน...เรื่องอะไรกัน?” เขาพอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่เข้าใจเลยว่ามันเป็นเพราะอะไร...
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะต้องเป็นเพราะคำโกหกของเจโลแน่ๆ แต่เพราะอะไร...เพราะอะไรเธอจึงต้องโกหกพวกเขาเช่นนี้...?
“อ่า...เจโลจัง กลับมาแล้วเหรอ?”
“!?” ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงของพวกผู้ใหญ่ดังมาจากด้านนอกห้อง เขาตกใจ รีบวิ่งตรงเข้าไปด้านหน้าประตูเพื่อฟังเสียงนั้น หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงพูดของเจโลดังขึ้น
“ค่ะ ได้ยินว่าเพสโดนพาตัวกลับมาแล้ว เลยอยากจะมาคุยกับเขาหน่อยค่ะ”
“คุยตอนนี้คงไม่ได้เรื่องอะไรแล้วล่ะมั้ง...สภาพนี้เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดแบบนั้น...เป็นเพราะคำสาปของป่าอย่างที่เจโลพูดสินะ?”
“ค่ะ เพราะมีใครบางคนไปทำลายกฎของป่านั้น เลยทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้นแหละค่ะ”
“!!?” เพสที่เอาหูแนบประตู นั่งฟังทุกสิ่งที่ดังอยู่ด้านนอกถึงกับพูดไม่ออก คำสาปของป่า? อย่าบอกนะว่าจะเป็นเรื่องที่เธอโกหกแม่ไปว่าเขาไปกินผลไม้ประหลาดอะไรในป่านั่น?
ทำไม...ทำไมทุกคนถึงได้เชื่อกันล่ะ...ทำไมทุกคนถึงได้เชื่อคำพูดของเธอง่ายดายขนาดนี้ทั้งๆ ที่มันไม่ได้เป็นความจริงเลย...
“แต่ยังไงก็ตาม...ฉันอยากจะลองคุยกับเขาดูก่อนค่ะ แล้วก็อยากจะคุยกันแบบสองต่อสองด้วย ช่วยออกไปข้างนอกก่อนได้ไหมคะ?”
“อ่า...อย่าเข้าไปในห้องล่ะ เกิดเขาทำอะไรขึ้นมาเดี๋ยวจะเป็นอันตรายเอานะ...ยิ่งไม่รู้อยู่ว่าคำสาปนั้นเป็นคำสาปยังไง เพราะฉะนั้นระวังเอาไว้ด้วยล่ะ”
“ค่ะ ฉันจะคุยอยู่ด้านนอกค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ” เขาได้ยินเสียงเจโลตอบกลับไป หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยความเงียบที่แสนจะน่าอึดอัด ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงถอนหายใจของพวกผู้ใหญ่
“เป็นผู้ใหญ่มาอยู่ฟังเรื่องของเด็กๆ พูดกันนี่มันก็ไม่ค่อยดีเท่าไรด้วย...เราไปกันเถอะ”
“เอ๋? อะ...อืม...” เขาได้ยินเสียงพวกผู้ใหญ่พูดคุยกัน พวกเขาเอ่ยชวนให้ออกไปข้างนอกกัน หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา...
ไม่นานนักเสียงปิดประตูดัง ‘ปึ้ง’ ก็ดังขึ้นมาในที่สุด...
“คงได้ยินทั้งหมดแล้วสินะ...เพส?”
“!!?” หลังจากนั้นเสียงของเจโลก็ดังขึ้น ในคราวนี้แตกต่างไปจากเมื่อครู่ เพราะเสียงนั้นมุ่งเป้ามาที่เขาโดยชัดเจน
“เธอต้องการจะทำอะไรกันแน่?” ตัวเขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เอ่ยถามออกไปด้วยความรู้สึกที่เหมือนอะไรบางอย่างกำลังจะปะทุออกมา ทว่าเจโลก็ยังเอ่ยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ก็ไม่มีอะไรมากนี่ ก็แค่บอกพวกเขาไปตามความจริงก็เท่านั้นเอง”
“โกหก!! ความจริงอะไรกัน ผลไม้อะไรนั่นฉันก็ไม่เคยกินมันเข้าไปเลยด้วยซ้ำ แล้วยังเรื่องคำสาปอะไรนั่นอีก...เธอเป็นคนทำเรื่องทุกอย่างนี้ใช่ไหม!!?” เพสอดรนทนไม่ไหว เขาส่งเสียงตะคอกออกมาสุดกำลังของตน ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าเสียงของเขานั้น จะดังไปเข้าหูใครต่อใครที่อยู่ด้านนอกบ้าง
“.....” หลังจากนั้นทุกอย่างก็ตกอยู่ภายใต้ความเงียบ ไม่มีเสียงใดดังขึ้นมาอีกเลย จนเขาเริ่มรู้สึกสงสัยว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่กันแน่
กึก
“!!” แต่แล้วอยู่ดีๆ เขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามากระแทกบานประตูเบื้องหน้าเขาเล็กน้อย แม้จะเป็นเพียงเสียงเบาๆ เล็กๆ ทว่ามันก็ยังทำให้เขาตกใจ ตัวเธอ...เดินเข้ามาถึงเบื้องหน้าประตูของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ใช่แล้ว...ฉันเป็นคนทำเองแหละ อีกทั้งฉันเอง...ก็เป็นคนฆ่ายัยนั่นด้วย...”
“.........!!” ความจริงที่เปิดเผยออกมาแทบจะทำเอาสติของเขาหลุดลอยหายไป ตัวเขาเบิกตากว้าง ภาพความคิดจางหายไปเสียระยะหนึ่ง
“เธอจะบอกว่าเธอ....ฆ่าคุนทาเร่จริงๆ...งั้นเหรอ?” เขาเอ่ยถามออกไป ไม่เชื่อหูตัวเองว่าเธอจะพูดออกมาแบบนี้ แม้ในคราวแรกเขาจะแอบคิดเช่นนั้นจริงๆ ทว่าเมื่อได้รับรู้ว่าเรื่องที่ตัวเองคิดเป็นความจริง เขาก็ยังอดรู้สึกทำใจไม่ได้อยู่ดี...
“ทำไมล่ะ? ทำใจไม่ได้เหรอ? ถ้าอย่างนั้นนายจะอธิบายเรื่องพวกนี้ยังไงล่ะ? ชาวบ้านออกมากล่าวหาว่านายโดนคำสาปของป่า...จับนายมาขังเอาไว้เพราะกลัวว่าจะโดนป่ากลืนกินเข้าไปหรือวิ่งไปทั่วหมู่บ้านเพื่อทำร้ายคนอื่น...ในขณะเดียวกันภูติที่ตัวเองอยู่ด้วยกันก็ถูกใครบางคนฆ่าตาย...อ้อ! จริงสินะ...ถ้าเกิดคิดแบบนั้นมันก็ได้ผลลัพธ์ไปอีกแบบนี้นา...สามารถอธิบายเรื่องราวที่ไม่เข้าใจอะไรได้ด้วย อธิบายว่าทั้งหมดเป็นเพราะคำสาปของป่า...แล้วคำสาปของป่าก็ได้ฆ่าคุนทาเร่ที่ไปอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน...ฟังดูเข้าท่าดีไหมล่ะ?”
“!!” เพสตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก เขานิ่งเงียบไปเสียพักใหญ่ แต่หลังจากนั้นก็ตัดสินใจเอ่ยถามออกมาได้ “ทั้งหมดนั้น....เป็นเพราะเธอ...สินะ?”
“ใช่แล้ว”
“.......” ทันทีที่ได้ยินคำตอบที่ไร้ซึ่งความรู้สึกผิดเช่นนั้น ภายในอกของเพสก็พลันรู้สึกบีบคั้นขึ้นมาอย่างไม่อาจอธิบายได้...
อยากพุ่งตัวไปทุบประตูบานนั้น...อยากพังมันออกไปแล้วพุ่งเข้าไประบายความโกรธแค้นของตัวเองทั้งหมดลงกับเธอ...อยากพุ่งเข้าไปตบหน้าเธอคนนั้น...แต่ถึงกระนั้นประตูบานนั้นก็ได้ขวางกั้นพวกเขาเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้...
“เธอฆ่าคุนทาเร่ทำไม คุนทาเร่ไปมีความแค้นอะไรกับเธอด้วย!!?”
“อุ๊บ...ถ้านายตะโกนออกมาด้วยเสียงและคำพูดแบบนั้นระวังเดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่านายโดนผืนป่ากลืนกินจนสติแตกเอานะ...”
“......” เพสไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด กลับกันเขายิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุบมือลงไปบนบานประตูอย่างแรงส่งผลให้เกิดเสียงดัง ‘ปั้ง’ ขึ้นกับบานประตูไม้ที่แข็งแกร่งนั่น
“ล้อเล่นน่า...แค่พูดล้อเล่นหน่อยนิดเดียวก็ไม่ได้ นายนี่มันไม่มีอารมณ์สุนทรีย์เอาเสียเลยนะ...”
“.....” เพสไม่พูดอะไร เขาเพียงนั่งนิ่งอยู่เบื้องหน้าประตูบานนั้น พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงไปอย่างใจเย็น เพราะรู้ตัวว่าถึงโมโหออกไปก็คงไม่มีประโยชน์
“รกโลกไงล่ะ เธอคนนั้น”
“!!” คำตอบที่เธอให้เขามาทำเอาเขาตื่นตระหนก หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะใสๆ ดังออกมาจากด้านนอกบานประตู
“ตอนแรกฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่านายคิดอะไรอยู่ แต่ตอนหลังฉันถึงเข้าใจ...ความคิดของนายนั่น...ฉันเห็นนายตามไปหาเธอตอนกลางคืนด้วยนะ เห็นทั้งหมดเลย ได้ยินทุกอย่างที่พวกนายพูดคุยกัน”
“!!” เพสเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ แม้เขาจะเคยคิดว่าเธออาจรู้เรื่องที่พวกเขาไปพบกัน ทว่าเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอจะไม่ยอมเข้ามาถามเขาเอาตามตรง...
ทำไม...เพราะเห็นเขาไปหาเธองั้นเหรอ...? เพราะเราแอบหนีไปหาเธอตอนกลางคืนเธอก็เลยต้องโดนเจโลฆ่าอย่างนั้นเหรอ...?
นี่มันเรื่องอะไรกัน...มันเรื่องอะไรกัน!!?
“.........จากนี้ไป........นายหนีไปจากฉันไม่ได้อีกแล้ว.....”
“?” เพสเงยหน้าขึ้นไปมองบานประตู ได้ยินเสียงเอ่ยเช่นนั้นของเจโลดังผ่านประตูมา ทว่าไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า....ทั้งๆ ที่ประโยคนั้นชวนให้รู้สึกน่าขนลุก....ทว่าน้ำเสียงของเธอนั้น กลับฟังดูแสนจะน่าเศร้าใจอย่างน่าประหลาด...
“ฉันเองก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องพูดอีกแล้วล่ะ...คิดว่ายังไงนายก็คงต้องโดนขังอยู่ในนั้นไปสักระยะล่ะนะ...อ่า...แล้วอย่าคิดอะไรแผลงๆ ดีกว่า จำเอาไว้ว่าจากนี้ต่อไป ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน นายก็จะโดนพวกชาวบ้านจ้องมองว่าเป็นคนที่โดนคำสาปจากผืนป่ามาอยู่ดี”
นั่นหมายความว่า...เราไม่มีทางให้หนีแล้วสินะ....?
เขาได้ยินเสียงหัวเราะของเจโลดังขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอเดินจากเขาไป...เกิดเสียงบานประตูดังเอี้ยดอ้าดขึ้น จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงปิดประตูที่แสนจะเงียบสงบ...
จะทำยังไง...เราควรจะทำยังไงดี?
ในตอนนี้มีสิ่งที่ให้เราแก้ไขได้อยู่งั้นเหรอ...? ในตอนนี้มีอะไรที่พอจะให้เขากลับไปแก้ไขได้บ้างหรือเปล่า?
“......”
ไม่มี....
“ฮึก!!”
ปึ้ง!!
ท้ายที่สุด เขาก็ได้ก้มลงไปทุบมือระบายอารมณ์กับบานประตู ทรุดหน้าลงไปบนบานประตูอย่างช้าๆ หลังจากนั้นก็ร้องไห้ออกมา...
จะโดนขังอยู่ก็ไม่เป็นไร...จะโดนผู้คนมองว่าเป็นคนที่โดนคำสาปจากผืนป่ามาก็ไม่เป็นไร...
แต่ทำไม...คุนทาเร่จะต้องโดนฆ่าไปด้วย?
เพราะอะไร...เป็นเพราะอะไรเธอถึงได้โดนฆ่าแบบนั้น...เพราะอะไร...มันเป็นเพราะอะไรกัน?
“อ้อ...ฉันลืมบอกไปอย่างหนึ่งนะ เพส”
“!!?” ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินเสียงของเจโลดังขึ้นมาจากบริเวณหน้าต่าง เขาสะดุ้งสุดตัว หันไปมองทางหน้าต่างนั้นด้วยความไม่เข้าใจ และแล้วในตอนนั้น เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเธอดังขึ้น...
“คุนทาเร่น่ะ...แท้จริงแล้วโดนฉันฆ่าเพราะเธอไปล่วงละเมิดความสงบสุขของผืนป่านะ....เป็นเพราะเธอ ป่าก็เลยโกรธ จากนั้นนายก็เลยต้องมารับเคราะห์ ต้องเสียสติไปแบบนี้....ถ้าเกิดนายหายจากคำสาปของผืนป่าได้เร็วๆ ก็คงจะดีสินะ....”
เขาได้ยินเสียงหัวเราะนั่น...เสียงหัวเราะของเธอผู้นั้น...เสียงที่คล้ายคลึงกับเสียงของแม่มดร้าย...
อย่างนี้นี่เอง...เท่านี้...เรื่องทุกอย่างก็มาบรรจบกันแล้ว...
“ฮึก!!!”
ปั้ง!!
“!!” ด้วยความโกรธที่พุ่งสูงขึ้นกะทันหัน เขาได้พุ่งตรงเข้าไปทุบบานหน้าต่างนั้นอย่างรุนแรง ได้ยินเสียงร้องแสดงความตกใจของเจโลดังออกมา หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกของพวกชาวบ้านที่ดูเหมือนจะยืนอยู่แถวนั้นดังตามมาด้วย
“คุณป้า...เพสเขาลืมหนูไปแล้วล่ะค่ะ...”
“ไม่เป็นไร....เพสจะต้องไม่เป็นไร....”
“.......” เขาได้ยินเสียงของแม่เขา....เสียงที่เอ่ยบอกว่า ‘ไม่เป็นไร’ ทว่าน้ำเสียงนั้นกลับสั่นเทา ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างกำลังสลายหายไปอย่างช้าๆ...
ไม่....ไม่นะแม่...อย่าไปฟังเจโลนะ...ผมอยู่ตรงนี้ไง?
ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย...ไม่ได้ไปโดนคำสาปของผืนป่านั่นด้วย...เพราะฉะนั้น...ได้โปรด หันกลับมามองผมบ้างเถอะ...
“ปล่อยผมไปเถอะ....” เขาร้องครางออกมา เอนหัวไปพิงกับบานหน้าต่างข้างหน้า แต่ถึงกระนั้นเขากลับได้ยินเสียงแสดงความตื่นตกใจดังขึ้นมา
“อย่าไปฟังนะ นั่นเป็นเสียงของปีศาจร้ายในร่างเขา มันกำลังพยายามใช้เขาหลอกเราให้ตายใจอยู่!!”
“เพส!! ลูกจะต้องไม่เป็นไร...ลูกจะต้องไม่เป็นอะไร!!”
“!!” เสียงตะโกนของแม่เขาทำให้หัวใจของเขากระตุกวูบ....หยาดน้ำตาไหลพรากลงมาอาบใบหน้าของเขา ต่อให้เจาะมือลงไปบนบานหน้าต่างนั้นเสียเท่าไรก็ไม่มีใครสนใจเขา...ไม่มีใคร...เชื่อมั่นในคำพูดของเขาอีกต่อไปแล้ว...
“ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!” ด้วยความกัดกลั้นที่สุมอัดอยู่ในใจของเขา ท้ายที่สุดเขาก็ได้ส่งเสียงตะโกนร้องออกมา ความรู้สึกเสียใจที่อัดอั้นเอาไว้ทั้งหมด...ทุกสิ่งทุกอย่างได้สุมอัดและปลดปล่อยออกมาในคราวเดียว
“ระ...ระวังเอาไว้นะ!! เจ้านั่นจะออกมาแล้ว!!” แต่กระนั้นก็ยังไม่มีใครสนใจเสียงของเขา...ทุกคนมองความหมายความทุกข์ของเขาเป็นอย่างอื่นไปเสียหมด...
ได้โปรด...ปล่อยผมไปเถอะ...ปล่อยผมออกไปเถอะ...
คุนทาเร่....คุนทาเร่อยู่ไหน...? ได้โปรดมารับผมด้วย...
ถ้าเกิด...ถ้าเกิดไม่มีเจโลล่ะก็....ถ้าเกิดไม่ได้เอาเรื่องนั้นไปบอกกับเจโลล่ะก็...
“!!”
ใช่แล้ว...ตั้งแต่คราวแรกถ้าเราไม่เอาเรื่องนั้นไปบอกกับเจโลล่ะก็...เรื่องทุกอย่างก็จะไม่เกิดขึ้น...
เราจะไปหาคุนทาเร่ได้...ไม่จำเป็นต้องโกหกอะไรกับแม่...ไม่จำเป็นต้องเจอเรื่องแบบนี้...แล้วคุนทาเร่ก็ไม่จำเป็นต้องตาย...
“ถ้าเกิด....ไม่ได้บอกเรื่องนั้นออกไปล่ะก็....” เพสได้พึมพำออกมา...ทรุดตัวกลับมาอยู่ที่บนเตียงของตัวเองเช่นเก่า ก้มหน้าแล้วพึมพำออกมา...ความคิดและความต้องการหลากหลายอย่างวนเวียนอยู่ภายในหัวของเขา...
ถ้าเขาไม่ได้บอกเรื่องนั้นกับเจโลล่ะก็....เรื่องราวทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น....ถ้าเขาไม่ได้บอกเรื่องราวเหล่านั้นกับเจโลล่ะก็...คุนทาเร่ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสภาพนั้น...
“......” ท้ายที่สุดเขาก็ได้เงยหน้าขึ้นไปเบื้องบน น้ำตาที่ไหลค้างอยู่ภายในลูกนัยน์ตาค่อยๆ หลั่งไหลออกมาอาบใบหน้าของเขา หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆ หลับตาลง ปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองออกมาเป็นความคิด
ถ้าเราย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องราวในวันนั้นได้ล่ะก็!!
ติ๊ก....ตอก....ติ๊ก...ตอก....
“!?” แต่แล้วชั่ววินาทีที่เขากล่าวความมุ่งมั่นเช่นนั้นออกมาภายในใจตัวเอง เขาก็ได้ยินเสียง...เสียงของนาฬิกาดังก้องอยู่ภายในหูของเขา
อะไร...น่ะ?
เขาไม่เข้าใจอะไรเลย...เสียงเหล่านั้นมาจากไหนเขาเองก็ไม่รู้....เขาหันไปมองทางนาฬิกาเพียงเรือนเดียวที่แขวนอยู่ภายในห้องของเขา ทว่าเสียงนั้นกลับไม่ตรงกับเสียงนาฬิกาที่เขาได้ยินในตอนนี้เลย
หรือว่าจะเป็น....เสียงนั้น?
ในตอนนั้นเขาก็นึกได้...ตัวตนที่แท้จริงของเสียงนาฬิกาที่เขาได้ยิน...
เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาไขลานในกระเป๋าของตัวเองออกมา มันเป็นนาฬิกาพกพาแบบปิดฝาพับได้ที่เขาได้รับมาจากเจโล เสียงที่เขาได้ยินนั้นดังสอดคล้องกับเข็มของนาฬิกาที่ขยับไปบนหน้าปัดพอดี...
“!!” แต่ในทันใดนั้นเอง เข็มนาฬิกาที่เขาเห็นเดินอยู่ตามปกติก็เกิดอาการหมุนคว้างอย่างบ้าคลั่ง แถมยังไม่ใช่การหมุนตามเข็มนาฬิกาตามปกติ แต่เป็นการหมุนทวนเข็มนาฬิกาที่นาฬิกาทั่วไปไม่น่าจะทำได้
นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น....?
เขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งกุมนาฬิกาเรือนนั้นอยู่บนเตียง...ทำอะไรไม่ได้แม้แต่เพียงการเขวี้ยงนาฬิกาเรือนนั้นทิ้งไป
“!!” ภาพเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นลอยผ่านไป...ภาพเหตุการณ์หลากหลายทั้งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้และเมื่อหลายวันก่อน...เรื่องเหล่านั้น...ค่อยๆ ลอยผ่านไปอย่างช้าๆ...
“นี่มัน....” เพสเริ่มเข้าใจเรื่องราวที่ตัวเองกำลังประสบ เขาหวนนึกกลับไปคิดถึงนิทานที่เขาเคยอ่านอยู่เป็นประจำตั้งแต่สมัยเด็ก
หรือว่าตัวเขา...กำลังย้อนเวลาอยู่อย่างนั้นเหรอ?
ภาพของนาฬิกาบิดเบี้ยวที่ถูกเขียนอยู่บนหน้าหนังสือเล่มบางๆ...สถานการณ์ในตอนนี้นั้นเหมือนสิ่งที่เขาเห็นอยู่บนหน้ากระดาษนั้นแทบทุกประการ...
“!!” หลังจากนั้นไม่นานเมื่อเขารู้สึกตัวขึ้นมา เขาก็พบว่าตัวเองนั้นได้กลับมานอนอยู่บนเตียงของตัวเองแล้ว...ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ตัวเขายังนั่งอยู่บนเตียงไม่ได้ขยับไปไหนแท้ๆ อีกทั้งยังไม่มีใครเดินเข้ามาในห้องของเขาเลยอีกด้วย
“นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น?” เขาพึมพำเบาๆ ออกมาด้วยความสงสัย เงยหน้าขึ้นไปมองบานหน้าต่างด้านข้างตน แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามันกำลังเปิดอ้าอยู่
“ข้างนอกไม่มี...ชาวบ้านอยู่?” เขาค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นไปมองนอกหน้าต่าง นอกบ้านที่เขาเห็นนั้นมีอยู่เพียงแค่ทัศนียภาพยามดึกที่เขาเห็นจนชินตาเท่านั้น...ทว่ากลับไม่มีพวกชาวบ้านยืนอยู่เลยแม้แต่คนเดียว...
“.....” เขาได้ยันตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินตรงไปที่บานประตูห้องของเขาในที่สุด เขาเปิดประตูบานนั้นออกไป ได้ยินเสียงเครื่องครัวกระทบกันกับเสียงฉู่ฉี่คล้ายอะไรบางอย่างกำลังถูกความร้อนแผดเผา...เขาเดินตามเสียงนั้นไปเรื่อยๆ อย่างไม่ได้คิดอะไรมาก...เดินตรงไปยังห้องครัวซึ่งน่าจะมีคนอยู่
“อ้าว? เพสตื่นแล้วเหรอ...ลุกออกมาเองแบบนี้ไม่ดีนะ เดี๋ยวร่างกายก็ได้ทรุดลงไปอีกพอดี” ผู้ที่ยืนอยู่ในห้องครัวก็คือแม่ของเขา แม่ของเขาคนเดิมที่หันมายิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มแบบเดิมๆ... แม่ที่อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน กำลังทำอาหารให้เขาอยู่แบบเดิมๆ...
“แม่ครับ...วันนี้วันที่เท่าไหร่น่ะ?”
“เอ๋? เมื่อเช้านี้ลูกก็ถามแม่ไปแบบนี้แล้วนี่นา...”
“?” เขาไม่เข้าใจคำพูดของแม่ไปเสียระยะหนึ่ง แม่ของเขาเองก็หันกลับมาจ้องมองเขาด้วยสีหน้าสงสัย ทว่าหลังจากนั้นแม่ก็ยิ้มและเอ่ยบอกวันที่ออกมา...
วันที่ไม่น่าจะเป็นไปได้...วันก่อนวันที่เขาได้พบคุนทาเร่หนึ่งวัน...
“เจโลล่ะ? ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
“เอ๋? ถ้าเป็นเจโลล่ะก็ตอนนี้น่าจะกลับไปที่บ้านแล้วนะ...” แม่ของเขาพึมพำออกมาพลางหันไปมองนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าภายนอกมืดสนิทไปเรียบร้อยแล้ว....จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แม่ของเขาจะพูดออกมาแบบนี้
“.....ขอบคุณมากครับแม่”
“เดี๋ยวสิเพส! อย่าวิ่งสิ เกิดอาการทรุดลงไปอีกครั้งจะทำยังไงล่ะ!?”
“ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ผมไม่เป็นไรหรอก!!”
“โถ่!!” เขาได้ยินเสียงถอนหายใจของแม่เขา แต่ถึงกระนั้นเขากลับไม่คิดจะสนใจเรื่องเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว...วิ่งตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง ส่งเสียงหอบหายใจออกมาด้วยความตื่นตกใจ หลังจากเปิดประตูออกได้เขาก็ปิดประตูดังปั้ง พุ่งตรงเข้าไปหยิบนาฬิกาไขลานที่วางค้างอยู่บนเตียงตั้งแต่เมื่อครู่ขึ้นมา
เขาย้อนเวลากลับมาแล้ว...เขาย้อนเวลากลับมาแล้วจริงๆ...
“นี่มัน...เรื่องอะไรกัน...?” เขาจ้องมองนาฬิกาเรือนนั้นด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ แต่ถึงกระนั้นนาฬิกาเรือนนั้นกลับไม่อาจให้คำตอบอะไรให้แก่เขาได้เลย...
ตัวเขาในตอนนี้ก็คือเพส...เด็กชายอายุสิบสี่ปีธรรมดา...เขาเป็นเพียงแค่เด็กชายขี้โรคธรรมดา...นั่นคือเรื่องที่แม่และชาวบ้านทุกคนในตอนนี้เข้าใจ...
นั่นก็หมายความว่าตัวเขา...ได้ย้อนกลับมาในช่วงเวลาที่เขายังคงขี้โรคอยู่แล้ว?
“คุนทาเร่...ในที่สุด...เราก็จะได้พบกันอีกครั้ง...” เพสพึมพำออกมา ปากคอสั่นเทาอย่างไม่อาจเข้าใจได้ หลังจากนั้นเขาก็ได้เผยยิ้มออกมา กอดนาฬิกาเรือนนั้นเอาไว้แนบอก หยาดน้ำใสๆ หลั่งไหลออกมาตามใบหน้าของเขา...
แตกต่างจากในคราวแรก นั่นไม่ใช่น้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความดีใจ...แม้จะเป็นเพียงแค่ความฝันก็เถอะ...แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่ความฝันก็เถอะ...
“พรุ่งนี้...พรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอนะ คุนทาเร่...”
***********************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ