ดาวเสี่ยงเธียร(ปาฏิหาริย์รักในคืนฝนดาวตก)
8.1
เขียนโดย มะมาย
วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 11.02 น.
8 ตอน
5 วิจารณ์
12.91K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 18.34 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) สถานที่ต้องห้ามกับเรื่องวุ่นวายชวนปวดหัว
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบ้านสหสมุทร
ที่นี่มีพื้นที่กว้างขวางแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจนจะเรียกคฤหาสน์ก็ว่าได้เพราะนอกจากความใหญ่โตโอ่โถงยังเงียบได้โล่เชียวล่ะ คุณกานดา เธอเป็นแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่และเธอก็เป็นคนที่พาฉันเที่ยวชมภายในบ้านแทบทุกซอกตรอกซอยอย่างเป็นกันเองกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ชั้นสองของบ้าน เธอแนะนำที่ทางที่ฉันควรจะสิงสถิตอยู่ฉันหมายถึงห้องนอน นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือป้าแกจงใจจะให้ห้องของฉันอยู่ตรงข้ามกับห้องของหมอนั่นo_o; แต่ก็ดีเหมือนกันฉันจะได้จับตาดูพฤติกรรมของเขาไม่ให้คาดสายตา ไม่เท่านั้นเธอยังย้ำแบบเอาจริงเอาจังอีกว่าห้ามขึ้นไปยุ่งวุ่นวายที่ห้องบนชั้นสามโดยเด็ดขาด โดยให้เหตุผลว่าคุณเธียรทัดลูกชายเจ้าของบ้านเธอไม่ชอบ
“คุณดาวมีอะไรก็เรียกป้าได้ทุกเวลาไม่ต้องเกรงใจนะคะ”
“ขอบคุณค่ะคุณกานดา”
หลังจากบอกรายละเอียดต่างๆในการใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้เรียบร้อยแล้วเธอจึงส่งมอบกุญแจและห้องให้กับฉันต่อไป ว้าว!ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้จะได้มีโอกาสสัมผัสห้องหรูๆบรรยากาศดีๆ เตียงนุ่มๆ เฟอร์นิเจอร์ทันสมัย แถมมีเครื่องอำนายความสะดวกครบครัน แล้วนี่ฉันมัวแต่จะมาคิดเพ้อเจ้อเรื่องไร้สาระอยู่ได้ถึงเวลาปฏิบัติการอย่างจริงจังแล้วล่ะ ว่าแล้วฉันจึงแอบเข้าไปทำการสำรวจห้องของเป้าหมายก่อนเพื่อดูเชิง สภาพห้องของเขาทำเอาฉันตกใจใครจะไปคิดว่าผู้ชายอย่างเขาดูแลห้องได้เป็นระเบียบร้อยถึงเพียงนี้เรียกได้ว่าผู้หญิงอย่างฉันยังต้องอาย>o< สอดแนมได้ไม่เท่าไหร่ดูเหมือนว่าด้านนอกจะมีเสียงฝีเท้ากำลังเดินเนิบเข้ามาใกล้ เสียงประตูถูกเปิดเข้ามา ส่วนหญิงสาวก็ยืนรอประจันหน้าอยู่ มาแล้วสินะนายเธียร
“เธอ!มาที่นี่ได้ยังไง!!”OoO;
ชายหนุ่มตกใจยิ่งกว่าเห็นผีอีกที่เห็นประกายดาวยืนอยู่ในห้อง
“ฉันก็เปิดประตูเข้ามาสิถามแปลกๆ”
“ฉันไม่รู้ว่าที่เธอมาที่นี่ต้องการอะไรแต่ที่สำคัญเธอควรออกไปจากห้องนี้ ตอนนี้!”
“ฉันไปแน่แต่ก่อนจะไปฉันจะบอกอะไรให้นายรู้ว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะเป็นคนคอยดูแลนายทุกเรื่อง และนายเองก็จะต้องทำตามคำสั่งฉันทุกอย่าง...เข้าใจไหม”
ฉันทำท่าวางอำนาจใส่ดูเหมือนว่าจะข่มเขาได้เต็มเปาแต่เพียงเสี้ยวอึดใจเดียวสีหน้าที่ฉันเพิ่งจะฆ่ามันตายก็กลับฟื้นคืนชีพอย่างไม่น่าไว้วางใจ
“เมื่อกี๊เธอบอกว่าจะดูแลฉันทุกเรื่อง”
“นั่นแหละคือหน้าที่ของฉัน”
“งั้นก็คงจะรวมถึงเรื่องนี้ด้วยสิ”
ว่าแล้วเขาจึงปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด โดยที่ไม่ให้ฉันได้ตั้งตัวสักนิด
“จะทำอะไร!” เธอขยับถอยห่าง
“แล้วเธอคิดว่า ผู้หญิง กับ ผู้ชาย ที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องนอน เขาควรจะทำอะไรกันดีล่ะ”
สายตากรุ่มกริ่มของเขาประกอบกับการเริ่มรุกล้ำเข้ามาใกล้ฉันทุกทีทุกที
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ฉันออกไปก็ได้แล้วก็รีบทำธุระของนายให้มันไวๆฉันจะรอคุยกับนายอยู่หน้าห้อง หวังว่าพูดแค่นี้คงเข้าใจ”
เมื่อชักเริ่มเสียเปรียบเธอจึงถอยออกมารอนอกห้อง หญิงสาวชักเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าใครกันแน่ที่จะเละ นั่งรอก็แล้ว ยื่นรอก็แล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองรอมานานเท่าไหร่แต่รู้แค่ว่านานมาก-o-^ กระทั่ง
“ให้ฉันรอนานขนาดนี้คิดจะแกล้งกันใช่ไหม”
“ฉันไม่เสียเวลาทำอะไรไร้สาระแบบนั้นหรอก แล้วก็ไม่ต้องตามฉันมาชั้นสามเขตหวงห้ามคงมีคนบอกเธอแล้วเธอคงฉลาดพอที่จะรู้ว่าไม่ควรเสนอหน้าขึ้นไปบนนั้น”
พูดจบก็เดินฉิวไม่ทันที่จะให้ฉันอ้าปากพูดอะไร ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆคนก่อนหน้านี้ถึงรีบลาออกไปคงเพราะทนกับไอ้การมีโลกส่วนตัวสูงของเขาไม่ได้นี่เอง ถึงจะโมโหจนแทบทนไม่ได้แต่ประกายดาวไม่กล้าตามไปแต่ติดว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดคุยด้วยให้ได้จึงทำได้แค่หย่อนก้นนั่งบนโซฟาเฝ้ารอเวลาที่ชายหนุ่มจะกลับลงมาอีกครั้ง ส่วนเธียรทัดก็กำลังวุ่นยุ่งอยู่กับงานศิลปะรายรอบตัวเหมือนปกติทุกครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมตัวทำงานสำคัญในวันพรุ่งนี้จนลืมหญิงสาวได้ไปในชั่วขณะ กระทั่งกลางดึกหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจก็กลับลงมาอีกครั้งแล้วก็พบว่าหญิงสาวคอยเขาจนเผลอหลับไปซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขา
ยามสายของวันต่อมา คราวนี้ประกายดาวเตรียมมาดักรอเธียรทัดถึงที่เพื่อไม่ให้พลาดเหมือนเมื่อวานแล้วก็เป็นไปตามคาดหมายแต่ชายหนุ่มกลับเดินผ่านไปโดยไม่สนใจเธอที่ยืนกอดอกรอคุยด้วยสักนิดทำอย่างกลับว่าเธอไม่มีตัวตนงั้นแหละ ไม่รอช้ารีบวิ่งตามไปขวาง
“พอทีเลิกหลบหน้ากันได้แล้ว!”
หล่อนยืนเท้าสะเอวชายตามองผู้อยู่ตรงหน้าอย่างหัวเสียที่เขาปล่อยให้เธอคอยอยู่ทั้งคืน
“ฉันไม่สนว่านายจะพร้อมหรือไม่แต่ยังไงวันนี้เราก็ต้องคุยกันรู้เรื่อง! พรุ่งนี้นายต้องเข้ารับการอบรมคอร์สสำหรับผู้บริการหน้าใหม่”
ว่าพลางชูใบกำหนดการขึ้นมาชี้ให้เห็นกันชัดๆทำให้ชายหนุ่มที่มองหน้าหล่อนอย่างใจเย็นเลื่อนมามองสิ่งที่อยู่ในมือหล่อนแทนก่อนจะปัดทั้งคนทั้งกระดาษจนกระเด็นถอยออกไป ประกายดาวถอนหายใจยาวๆพยายามระงับอารมณ์แล้วจึงก้าวยาวๆตามไปเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเดินตรงไปที่รถหล่อนจึงถือวิสาสะเปิดประตูรถขึ้นมานั่งข้างคนขับหน้าตาเฉยท่ามกลางสายตาแห่งความไม่พอใจของชายหนุ่มทว่าตอนนี้เขาก็ยังคิดหาวิธีจัดการกับเธอไม่ได้จึงปล่อยให้หญิงสาวติดสอยห้อยตามไปด้วย
มหาลัยชื่อดัง ประกายดาวเดินตามเธียรทัดไม่ยอมห่างกระทั่งทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องแห่งหนึ่งซึ่งมีชายหนุ่มอีกคนคอยนั่งเฝ้าอยู่ ว่าแล้วเขาจึงยื่นบัตรแสดงสิทธิ์เพื่อเข้าห้องซึ่งแน่นอนว่าประกายดาวไม่มีดังนั้นเธอจึงตามเขาต่อไปไม่ได้
‘อย่างนี้เองสินะเขาถึงยอมให้ฉันตามมาด้วย’ หล่อนบ่นอยู่ในใจ เธียรทัดส่งยิ้มบางๆแล้วเดินหายเข้าห้องไปโดยไม่สนใจว่าประกายดาวจะเป็นตายร้ายดียังไง หญิงสาวไม่รู้จะไปทางไหนจึงนั่งรอที่หน้าห้องมองผู้คนเดินผ่านไปผ่านมากระทั่งนั่งๆอยู่ก็มีหญิงสาววัยกลางคนเดินตรงเข้ามาทักด้วยท่าทีหุนหัน
“ทำไมถึงไม่รีบเข้าไปอีกล่ะ”
ประกายดาวขมวดคิ้ว หันมองสองข้างไม่มีใครจึงแน่ใจว่าหล่อนพูดกับเธอแน่
“มาเถอะสายมากแล้ว”
ว่าพลางดึงมือเธอไปทีแรกกะรีบปฏิเสธแต่เมื่อเหลือบเห็นป้ายที่ห้อยบนคอเจ้าหล่อนซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับของเธียรทัดแล้วเธอก็พอจะนึกออกว่าเธอจะเข้าไปที่ห้องนั้นได้อย่างไร
ภายในเป็นห้องประชุมขนาดย่อมๆระหว่างที่เธียรทัดตรวจดูความเรียบร้อยอยู่เขาก็ได้รับข่าวร้ายทางโทรศัพท์ว่านางแบบที่เขานัดเอาไว้เกิดท้องเสียกะทันหันจึงมาไม่ได้ แต่อยู่ๆ อาจารย์ทองอุไร (หญิงคนเดียวกันกับที่ทักประกายดาว) ก็เดินเข้ามาบอกข่าวว่านางแบบที่นัดไว้มาถึงแล้วและเธอก็กำลังนั่งรออยู่ที่ห้องแต่งตัว ไม่รอช้าชายหนุ่มรีบตามไปดูแต่พอมาถึงกลับพบเพียงประกายดาวนั่งอยู่
“คุณเธียร”+o+/
ประกายดาวถึงกลับลุกขึ้นทันทีที่พบหน้าชายหนุ่มเธอดีใจมาก ทีแรกคิดว่าตัวเองคงไม่มีทางได้เจอเขาแล้วซะอีกเพราะถูกจับให้มานั่งรออยู่ในห้องที่มีบรรยากาศหน้าอึดอัดนี้
“เข้ามาได้ยังไง” นั่นเป็นคำถามแรกที่เขาอยากรู้
“เรื่องมันยาวน่ะแต่ฉันว่าตอนนี้นายรีบพาฉันออกไปจากที่นี่ด่วนเลย”
ประกายดาวรู้สึกไม่ค่อยดีนักก็ในห้องน่ะสิมีคนอยู่เต็มไปหมดทั้งช่างหน้า ช่างผม คอสตูม
ชายหนุ่มยืนนิ่ง “เธอยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“ทำไมล่ะ?” สายตาสงสัยทวงถามถึงเหตุผล
“ว่าไงนะ!นายจะให้ฉันมาเป็นแบบให้เด็กๆนักศึกษาพวกนั้นน่ะหรอ ไม่เอาด้วยหรอก” เธอส่ายหน้ายิกๆ
“ความจริงต้องโทษเธอมากกว่าที่ทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นนางแบบที่ฉันจ้างมา”
“นายหมายถึง…..ผู้หญิงหน้าป้าๆแต่งตัวเฉิ่มๆใส่แว่นหนาเตอะน่ะหรอ” เธอก็พอจะนึกออกอยู่บ้าง
“อืม”
“แต่ก็นั่นแหละ แล้วนางแบบนายล่ะ”
“ถ้าเขามาได้ฉันคงไม่ต้องมาขอร้องเธออยู่แบบนี้หรอก”
“แต่ว่า…”
หญิงสาวเตรียมอ้าปากปฏิเสธทว่าชายหนุ่มยื่นข้อเสนอให้บางอย่างอุดปากหล่อนไว้ได้ทัน
“ถ้าเธอตกลงพรุ่งนี้ฉันจะยอมเข้าอบรมตามที่เธอต้องการ แต่ถ้า…”
“ตกลง” ข้อเสนอที่ว่าทำให้เธอเปลี่ยนใจขึ้นมา
เกือบสองชั่วโมงผ่านไป ประกายดาวก็ถูกเปลี่ยนโฉมใหม่จนจำแทบไม่ได้ หญิงสาวในชุดไทยจักรพรรดิงามสะพรั่งดั่ง
บุปผา การปรากฏตัวของเธอสะกดสายตาทุกคนไว้แม้แต่เธียรทัดกว่าชายหนุ่มจะถอนตัวออกมาได้ก็เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ ทั้งสองอยู่ใต้วงล้อมของนักศึกษาว่าแล้วจึงลงมืออธิบายการสเก็ตภาพลายเส้นภาพเหมือนมนุษย์ในมุมต่างๆซึ่งการที่เขาต้องใกล้ชิดเธอมากขนาดนี้ทำให้เขาเองก็เพิ่งจะรู้ว่าประกายดาวก็สวยและมีเสน่ห์ไม่เบา ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีจนจบทั้งคู่ก็เลยได้คำชื่นชมจากอาจารย์และนักศึกษากันยกใหญ่ ดูท่าชายหนุ่มจะพอใจกับผลงานดังกล่าวมาก
ระหว่างทางกลับบนรถ
เธียรทัดสังเกตเห็นว่าหญิงสาวหันมองรูปเธอที่เขาวาดอยู่ตลอด
“อยากได้หรอ”
ได้ยินแบบนั้นก็ตาลุกวาวแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปตามตรงมีเพียงแต่รอยยิ้มหวานซึ่งชายหนุ่มดูออก^-^
“ฉันให้เอาไปสิ”
“จริงนะ” หญิงสาวยิ้มจนตาปิดว่าแล้วจึงเอี้ยวตัวเอื้อมไปหยิบรูปที่ว่ามาชื่นชมใกล้ๆ
“เรานี่ก็สวยเหมือนกันนะ”
หล่อนพูดเบาๆกับตัวเองไม่ทันได้คิดว่าคนข้างๆจะหูไวได้ยินเช่นกัน ชายหนุ่มยิ้มบางๆส่ายหน้าให้กับอาการหลงตัวเองดังกล่าว(- - “ )
เช้าวันต่อมา ประกายดาวทวนความเรียบร้อยของเอกสารซึ่งเธอเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีอะไรที่เธอต้องเป็นกังวลอีกนอกซะจากคนที่จะเข้ารับการอบรม เธอจะไปดูเขาสักหน่อยเผื่อเจ้าตัวเกิดเปลี่ยนใจเบี้ยวขึ้นมากลางครัน พอมาถึงเขาก็เปิดประตูสวนออกมาราวกลับรู้ว่าเธอจะมางั้นแหละ หญิงสาวกวาดตามองไปทั่วทั้งตัวชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“นี่นายที่ที่เราจะไปมีแต่ลูกนักธุรกิจรวยๆแต่งตัวดีๆแล้วนี่อะไรเสื้อยืดกางเกงยีนส์”
หล่อนยืนกอดอกวิพากษ์วิจารณ์การแต่งกายเฉยๆของชายหนุ่ม
“อย่าเรื่องมากไปหน่อยเลยจะชุดไหนก็เหมือนกันนั่นแหละน่า”
พูดจบก็เตรียมขยับเดินต่อทว่าหญิงสาวกางแขนขวางประตูเอาไว้
“เราจะไปกันก็ต่อเมื่อนายกลับเข้าไปแล้วเปลี่ยนเป็นชุดสูทเท่านั้น”
“งั้นฉันคงไปกับเธอด้วยไม่ได้” เธียรทัดหันกลับเดินเข้าห้อง
“ทำไมล่ะ? แค่ใส่ชุดสูทมันจะยากตรงไหน”
“มันไม่ยากหรอกแต่ฉันไม่มี”
“สักตัวเดียวก็ไม่มีหรอ”
เธอถามย้ำให้แน่ใจจะเป็นไปได้ยังไงที่ลูกชายนักธุรกิจไม่มีชุดสูทสักตัวแต่เพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้โกหกฉันคงต้องขอค้นตู้เสื้อผ้า หลังจากหาอยู่พักใหญ่ก็ต้องเลิกล้มความตั้งใจ
“ว่าไงเจอหรือเปล่า” เขาถามทั้งๆที่น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วก็ประชดนั่นแหละ
“เหลือเชื่อเลยว่านายจะไม่มีจริงๆหรือว่านายแอบซุกเอาไว้ที่ไหนหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะนายไม่มีก็ซื้อใหม่ได้เรายังพอมีเวลา”
ชายหนุ่มถึงกลับส่ายหน้าให้กับความพยายามของหล่อน ทีแรกเขาคิดว่าจะรอดแล้วซะอีก
ห้าง ร้านเสื้อผ้าผู้ชาย ประกายดาวเดินเลือกอย่างคล่องแคล่วหยิบมาหลายชุดแล้วยื่นให้ชายหนุ่มเข้าไปเปลี่ยนออกมาให้ดู ระหว่างที่เดินเลือกต่อหญิงสาวบังเอิญเห็นคนรู้จักคนหนึ่ง
“เสี่ยประยูร!”
ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่หญิงสาวเอ่ยถึงเขาก็อยู่ในร้านเดียวกันกับเธอด้วยเพียงแต่คนละมุมเท่านั้นและหญิงสาวก็ไม่ต้องการให้เขารู้ว่าเธออยู่ที่นี่เพราะถ้าเกิดเขาพบเธอเข้าล่ะก็ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ ขณะที่คิดว่าจะหลบด้วยวิธีไหนดีเธียรทัดก็เปิดประตูออกมา ไม่เหลือเวลาให้เธอได้ตัดสินใจแล้วเพราะเสี่ยประยูรกำลังเดินเนิบเข้ามาใกล้ว่าแล้วจึงดันชายหนุ่มให้เข้าไปข้างในก่อนจะพาตัวเองเข้าไปพร้อมๆกัน
“เข้ามาทำไม!” เธียรทัดขมวดคิ้ว
“ก็…ก็ช่วยนายเปลี่ยนไง”
เธอพยายามทำแบบนั้นแต่ก็ถูกเขาผลักไสไล่ให้ออกไปแต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเธอจะต้องยื้อเวลาให้ได้นานที่สุดและหวังว่าก่อนที่จะถูกชายหนุ่มไล่ให้ออกไปจริงๆเสี่ยประยูรจะไม่อยู่แล้ว พอเห็นชายหนุ่มเอื้อมมือจะเปิดประตูเธอก็ดึงเอาไว้
“เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ย!”
เสียงเอะอะทำให้พนักงานของร้านเอะใจมาเคาะประตูเรียก “เป็นอะไรกันหรือเปล่าคะ”
“ปล่อย”
เขาลากน้ำเสียงยาวเตือนให้ประกายดาวปล่อยแขนและเธอก็ต้องจำยอม หญิงสาวหลับตาปี๋เมื่อประตูเปิดออก
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
หญิงสาวพนักงานมองหน้าทั้งสองแปลกๆราวกลับว่าทั้งคู่เข้าไปทำอะไรต่อมิอะไร….
“ไม่ครับ”
ประกายดาวถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่พบเสี่ยประยูร
สถานที่จัดอบรม ประกายดาวไม่สามารถตามเธียรทัดเข้าไปด้วยได้ฉะนั้นเพื่อป้องกันการไม่ตั้งใจฟังของอีกฝ่ายเธอจึงยื่นสมุดหนึ่งเล่มกับปากกาอีกหนึ่งด้ามให้เพื่อใช้จดข้อมูลต่างๆ
“หวังว่าพอกลับออกมาฉันคงไม่เห็นแค่กระดาษเปล่านะ”
หญิงสาวแกล้งขู่เอาไว้ก่อน ชายหนุ่มขี้เกียจฟังต่อจึงหยิบของเหล่านั้นในมือหล่อนเตรียมขยับเดินให้ไกลจากหญิงสาว
“เดี๋ยวววว”
หล่อนเรียกให้เขาหยุดแล้วตรวจดูความเรียบร้อยของชุดที่ใส่แล้วจึงหยิบน้ำหอมมาฉีดพ้นไปให้ทั่วตัวของชายหนุ่มเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้เขาอีกนิดเป็นอันเรียบร้อย
“โอเคนายไปได้”
หญิงสาวยิ้มจนเห็นฟันที่เรียงตัวสวยแล้วโบกไม้โบกมือให้ทว่าชายหนุ่มกลับทำหน้าเบื่อหน่าย
หลายชั่วโมงที่รอ ในที่สุดการอบรมก็จบลงหญิงสาวเดินมารอรับ เพียงแค่ได้เห็นว่าเขาเดินปะปนออกมากับนักธุรกิจรายอื่นๆเธอก็ดีใจมากแล้วเพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้หนีไปกลับไปไหนก่อน ‘นั่งฟังอยู่ซะหลายชั่วโมงยังไงก็ต้องได้อะไรบ้างล่ะน่า’ เธอบอกกับตัวเอง พอเข้าถึงตัวเธอก็รีบขอดูสมุดที่ให้เขาไปเธอแบมือรอรับแล้วรีบเปิดดูผลงานของชายหนุ่มอย่างตื่นเต้นมือไม้สั่นทว่ารอยยิ้มค่อยๆเลือนไปจากใบหน้า เธอไม่พบว่าจะมีข้อมูลอะไรที่เป็นความรู้นอกซะจากรูปล้อเลียนผู้ร่วมงานคนอื่นๆ หญิงสาวเตรียมรีบวิ่งตามไปเอาเรื่อง
“เนี่ยน่ะหรอสิ่งที่นายได้จากที่นี่”
เธอพูดต่อว่าพลางกลางหลัดฐานให้ดู
“ใช่ เธอจะเอาอะไรอีกในเมื่อฉันก็ทำตามสัญญาแล้ว”
พูดจบก็เดินต่อ ประกายหมดความอดทนกะจะฟาดสมุดนั่นใส่สักหน่อยแต่เขาดันรู้ทันหันมาชี้หน้าเชิงเตือนว่า อย่าเด็ดขาด เธอเลยไม่กล้าทั้งที่อยากจะเอามีดมาแทงเขาใจจะขาดจึงหันมาใส่อารมณ์กับสมุดในมือแทน เดินมาเกือบถึงรถเขาก็หยุดเพื่อจะบอกอะไรบางอย่าง
“…เราแยกกันตรงนี้แหละ”
“แยกกัน? นายหมายความว่ายังไง”
“ฉันก็หมายความว่าเธอไปตามทางของเธอ ฉันไปตามทางของฉัน”
“แล้วนายจะไปไหน”
ชายหนุ่มถอนหายใจยาวๆนี่เขาจะต้องรายงานเธอทุกเรื่องหรือไง-o-a
“ฉันจะไปพักผ่อน”
พักผ่อน?
ที่นี่มีพื้นที่กว้างขวางแบ่งเป็นสัดส่วนชัดเจนจะเรียกคฤหาสน์ก็ว่าได้เพราะนอกจากความใหญ่โตโอ่โถงยังเงียบได้โล่เชียวล่ะ คุณกานดา เธอเป็นแม่บ้านเก่าแก่ของที่นี่และเธอก็เป็นคนที่พาฉันเที่ยวชมภายในบ้านแทบทุกซอกตรอกซอยอย่างเป็นกันเองกระทั่งมาหยุดอยู่ที่ชั้นสองของบ้าน เธอแนะนำที่ทางที่ฉันควรจะสิงสถิตอยู่ฉันหมายถึงห้องนอน นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือป้าแกจงใจจะให้ห้องของฉันอยู่ตรงข้ามกับห้องของหมอนั่นo_o; แต่ก็ดีเหมือนกันฉันจะได้จับตาดูพฤติกรรมของเขาไม่ให้คาดสายตา ไม่เท่านั้นเธอยังย้ำแบบเอาจริงเอาจังอีกว่าห้ามขึ้นไปยุ่งวุ่นวายที่ห้องบนชั้นสามโดยเด็ดขาด โดยให้เหตุผลว่าคุณเธียรทัดลูกชายเจ้าของบ้านเธอไม่ชอบ
“คุณดาวมีอะไรก็เรียกป้าได้ทุกเวลาไม่ต้องเกรงใจนะคะ”
“ขอบคุณค่ะคุณกานดา”
หลังจากบอกรายละเอียดต่างๆในการใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้เรียบร้อยแล้วเธอจึงส่งมอบกุญแจและห้องให้กับฉันต่อไป ว้าว!ไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้จะได้มีโอกาสสัมผัสห้องหรูๆบรรยากาศดีๆ เตียงนุ่มๆ เฟอร์นิเจอร์ทันสมัย แถมมีเครื่องอำนายความสะดวกครบครัน แล้วนี่ฉันมัวแต่จะมาคิดเพ้อเจ้อเรื่องไร้สาระอยู่ได้ถึงเวลาปฏิบัติการอย่างจริงจังแล้วล่ะ ว่าแล้วฉันจึงแอบเข้าไปทำการสำรวจห้องของเป้าหมายก่อนเพื่อดูเชิง สภาพห้องของเขาทำเอาฉันตกใจใครจะไปคิดว่าผู้ชายอย่างเขาดูแลห้องได้เป็นระเบียบร้อยถึงเพียงนี้เรียกได้ว่าผู้หญิงอย่างฉันยังต้องอาย>o< สอดแนมได้ไม่เท่าไหร่ดูเหมือนว่าด้านนอกจะมีเสียงฝีเท้ากำลังเดินเนิบเข้ามาใกล้ เสียงประตูถูกเปิดเข้ามา ส่วนหญิงสาวก็ยืนรอประจันหน้าอยู่ มาแล้วสินะนายเธียร
“เธอ!มาที่นี่ได้ยังไง!!”OoO;
ชายหนุ่มตกใจยิ่งกว่าเห็นผีอีกที่เห็นประกายดาวยืนอยู่ในห้อง
“ฉันก็เปิดประตูเข้ามาสิถามแปลกๆ”
“ฉันไม่รู้ว่าที่เธอมาที่นี่ต้องการอะไรแต่ที่สำคัญเธอควรออกไปจากห้องนี้ ตอนนี้!”
“ฉันไปแน่แต่ก่อนจะไปฉันจะบอกอะไรให้นายรู้ว่านับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะเป็นคนคอยดูแลนายทุกเรื่อง และนายเองก็จะต้องทำตามคำสั่งฉันทุกอย่าง...เข้าใจไหม”
ฉันทำท่าวางอำนาจใส่ดูเหมือนว่าจะข่มเขาได้เต็มเปาแต่เพียงเสี้ยวอึดใจเดียวสีหน้าที่ฉันเพิ่งจะฆ่ามันตายก็กลับฟื้นคืนชีพอย่างไม่น่าไว้วางใจ
“เมื่อกี๊เธอบอกว่าจะดูแลฉันทุกเรื่อง”
“นั่นแหละคือหน้าที่ของฉัน”
“งั้นก็คงจะรวมถึงเรื่องนี้ด้วยสิ”
ว่าแล้วเขาจึงปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด โดยที่ไม่ให้ฉันได้ตั้งตัวสักนิด
“จะทำอะไร!” เธอขยับถอยห่าง
“แล้วเธอคิดว่า ผู้หญิง กับ ผู้ชาย ที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องนอน เขาควรจะทำอะไรกันดีล่ะ”
สายตากรุ่มกริ่มของเขาประกอบกับการเริ่มรุกล้ำเข้ามาใกล้ฉันทุกทีทุกที
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ฉันออกไปก็ได้แล้วก็รีบทำธุระของนายให้มันไวๆฉันจะรอคุยกับนายอยู่หน้าห้อง หวังว่าพูดแค่นี้คงเข้าใจ”
เมื่อชักเริ่มเสียเปรียบเธอจึงถอยออกมารอนอกห้อง หญิงสาวชักเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าใครกันแน่ที่จะเละ นั่งรอก็แล้ว ยื่นรอก็แล้ว ไม่รู้ว่าตัวเองรอมานานเท่าไหร่แต่รู้แค่ว่านานมาก-o-^ กระทั่ง
“ให้ฉันรอนานขนาดนี้คิดจะแกล้งกันใช่ไหม”
“ฉันไม่เสียเวลาทำอะไรไร้สาระแบบนั้นหรอก แล้วก็ไม่ต้องตามฉันมาชั้นสามเขตหวงห้ามคงมีคนบอกเธอแล้วเธอคงฉลาดพอที่จะรู้ว่าไม่ควรเสนอหน้าขึ้นไปบนนั้น”
พูดจบก็เดินฉิวไม่ทันที่จะให้ฉันอ้าปากพูดอะไร ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆคนก่อนหน้านี้ถึงรีบลาออกไปคงเพราะทนกับไอ้การมีโลกส่วนตัวสูงของเขาไม่ได้นี่เอง ถึงจะโมโหจนแทบทนไม่ได้แต่ประกายดาวไม่กล้าตามไปแต่ติดว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องพูดคุยด้วยให้ได้จึงทำได้แค่หย่อนก้นนั่งบนโซฟาเฝ้ารอเวลาที่ชายหนุ่มจะกลับลงมาอีกครั้ง ส่วนเธียรทัดก็กำลังวุ่นยุ่งอยู่กับงานศิลปะรายรอบตัวเหมือนปกติทุกครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมตัวทำงานสำคัญในวันพรุ่งนี้จนลืมหญิงสาวได้ไปในชั่วขณะ กระทั่งกลางดึกหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจก็กลับลงมาอีกครั้งแล้วก็พบว่าหญิงสาวคอยเขาจนเผลอหลับไปซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขา
ยามสายของวันต่อมา คราวนี้ประกายดาวเตรียมมาดักรอเธียรทัดถึงที่เพื่อไม่ให้พลาดเหมือนเมื่อวานแล้วก็เป็นไปตามคาดหมายแต่ชายหนุ่มกลับเดินผ่านไปโดยไม่สนใจเธอที่ยืนกอดอกรอคุยด้วยสักนิดทำอย่างกลับว่าเธอไม่มีตัวตนงั้นแหละ ไม่รอช้ารีบวิ่งตามไปขวาง
“พอทีเลิกหลบหน้ากันได้แล้ว!”
หล่อนยืนเท้าสะเอวชายตามองผู้อยู่ตรงหน้าอย่างหัวเสียที่เขาปล่อยให้เธอคอยอยู่ทั้งคืน
“ฉันไม่สนว่านายจะพร้อมหรือไม่แต่ยังไงวันนี้เราก็ต้องคุยกันรู้เรื่อง! พรุ่งนี้นายต้องเข้ารับการอบรมคอร์สสำหรับผู้บริการหน้าใหม่”
ว่าพลางชูใบกำหนดการขึ้นมาชี้ให้เห็นกันชัดๆทำให้ชายหนุ่มที่มองหน้าหล่อนอย่างใจเย็นเลื่อนมามองสิ่งที่อยู่ในมือหล่อนแทนก่อนจะปัดทั้งคนทั้งกระดาษจนกระเด็นถอยออกไป ประกายดาวถอนหายใจยาวๆพยายามระงับอารมณ์แล้วจึงก้าวยาวๆตามไปเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มเดินตรงไปที่รถหล่อนจึงถือวิสาสะเปิดประตูรถขึ้นมานั่งข้างคนขับหน้าตาเฉยท่ามกลางสายตาแห่งความไม่พอใจของชายหนุ่มทว่าตอนนี้เขาก็ยังคิดหาวิธีจัดการกับเธอไม่ได้จึงปล่อยให้หญิงสาวติดสอยห้อยตามไปด้วย
มหาลัยชื่อดัง ประกายดาวเดินตามเธียรทัดไม่ยอมห่างกระทั่งทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องแห่งหนึ่งซึ่งมีชายหนุ่มอีกคนคอยนั่งเฝ้าอยู่ ว่าแล้วเขาจึงยื่นบัตรแสดงสิทธิ์เพื่อเข้าห้องซึ่งแน่นอนว่าประกายดาวไม่มีดังนั้นเธอจึงตามเขาต่อไปไม่ได้
‘อย่างนี้เองสินะเขาถึงยอมให้ฉันตามมาด้วย’ หล่อนบ่นอยู่ในใจ เธียรทัดส่งยิ้มบางๆแล้วเดินหายเข้าห้องไปโดยไม่สนใจว่าประกายดาวจะเป็นตายร้ายดียังไง หญิงสาวไม่รู้จะไปทางไหนจึงนั่งรอที่หน้าห้องมองผู้คนเดินผ่านไปผ่านมากระทั่งนั่งๆอยู่ก็มีหญิงสาววัยกลางคนเดินตรงเข้ามาทักด้วยท่าทีหุนหัน
“ทำไมถึงไม่รีบเข้าไปอีกล่ะ”
ประกายดาวขมวดคิ้ว หันมองสองข้างไม่มีใครจึงแน่ใจว่าหล่อนพูดกับเธอแน่
“มาเถอะสายมากแล้ว”
ว่าพลางดึงมือเธอไปทีแรกกะรีบปฏิเสธแต่เมื่อเหลือบเห็นป้ายที่ห้อยบนคอเจ้าหล่อนซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับของเธียรทัดแล้วเธอก็พอจะนึกออกว่าเธอจะเข้าไปที่ห้องนั้นได้อย่างไร
ภายในเป็นห้องประชุมขนาดย่อมๆระหว่างที่เธียรทัดตรวจดูความเรียบร้อยอยู่เขาก็ได้รับข่าวร้ายทางโทรศัพท์ว่านางแบบที่เขานัดเอาไว้เกิดท้องเสียกะทันหันจึงมาไม่ได้ แต่อยู่ๆ อาจารย์ทองอุไร (หญิงคนเดียวกันกับที่ทักประกายดาว) ก็เดินเข้ามาบอกข่าวว่านางแบบที่นัดไว้มาถึงแล้วและเธอก็กำลังนั่งรออยู่ที่ห้องแต่งตัว ไม่รอช้าชายหนุ่มรีบตามไปดูแต่พอมาถึงกลับพบเพียงประกายดาวนั่งอยู่
“คุณเธียร”+o+/
ประกายดาวถึงกลับลุกขึ้นทันทีที่พบหน้าชายหนุ่มเธอดีใจมาก ทีแรกคิดว่าตัวเองคงไม่มีทางได้เจอเขาแล้วซะอีกเพราะถูกจับให้มานั่งรออยู่ในห้องที่มีบรรยากาศหน้าอึดอัดนี้
“เข้ามาได้ยังไง” นั่นเป็นคำถามแรกที่เขาอยากรู้
“เรื่องมันยาวน่ะแต่ฉันว่าตอนนี้นายรีบพาฉันออกไปจากที่นี่ด่วนเลย”
ประกายดาวรู้สึกไม่ค่อยดีนักก็ในห้องน่ะสิมีคนอยู่เต็มไปหมดทั้งช่างหน้า ช่างผม คอสตูม
ชายหนุ่มยืนนิ่ง “เธอยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“ทำไมล่ะ?” สายตาสงสัยทวงถามถึงเหตุผล
“ว่าไงนะ!นายจะให้ฉันมาเป็นแบบให้เด็กๆนักศึกษาพวกนั้นน่ะหรอ ไม่เอาด้วยหรอก” เธอส่ายหน้ายิกๆ
“ความจริงต้องโทษเธอมากกว่าที่ทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นนางแบบที่ฉันจ้างมา”
“นายหมายถึง…..ผู้หญิงหน้าป้าๆแต่งตัวเฉิ่มๆใส่แว่นหนาเตอะน่ะหรอ” เธอก็พอจะนึกออกอยู่บ้าง
“อืม”
“แต่ก็นั่นแหละ แล้วนางแบบนายล่ะ”
“ถ้าเขามาได้ฉันคงไม่ต้องมาขอร้องเธออยู่แบบนี้หรอก”
“แต่ว่า…”
หญิงสาวเตรียมอ้าปากปฏิเสธทว่าชายหนุ่มยื่นข้อเสนอให้บางอย่างอุดปากหล่อนไว้ได้ทัน
“ถ้าเธอตกลงพรุ่งนี้ฉันจะยอมเข้าอบรมตามที่เธอต้องการ แต่ถ้า…”
“ตกลง” ข้อเสนอที่ว่าทำให้เธอเปลี่ยนใจขึ้นมา
เกือบสองชั่วโมงผ่านไป ประกายดาวก็ถูกเปลี่ยนโฉมใหม่จนจำแทบไม่ได้ หญิงสาวในชุดไทยจักรพรรดิงามสะพรั่งดั่ง
บุปผา การปรากฏตัวของเธอสะกดสายตาทุกคนไว้แม้แต่เธียรทัดกว่าชายหนุ่มจะถอนตัวออกมาได้ก็เมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ ทั้งสองอยู่ใต้วงล้อมของนักศึกษาว่าแล้วจึงลงมืออธิบายการสเก็ตภาพลายเส้นภาพเหมือนมนุษย์ในมุมต่างๆซึ่งการที่เขาต้องใกล้ชิดเธอมากขนาดนี้ทำให้เขาเองก็เพิ่งจะรู้ว่าประกายดาวก็สวยและมีเสน่ห์ไม่เบา ทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดีจนจบทั้งคู่ก็เลยได้คำชื่นชมจากอาจารย์และนักศึกษากันยกใหญ่ ดูท่าชายหนุ่มจะพอใจกับผลงานดังกล่าวมาก
ระหว่างทางกลับบนรถ
เธียรทัดสังเกตเห็นว่าหญิงสาวหันมองรูปเธอที่เขาวาดอยู่ตลอด
“อยากได้หรอ”
ได้ยินแบบนั้นก็ตาลุกวาวแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปตามตรงมีเพียงแต่รอยยิ้มหวานซึ่งชายหนุ่มดูออก^-^
“ฉันให้เอาไปสิ”
“จริงนะ” หญิงสาวยิ้มจนตาปิดว่าแล้วจึงเอี้ยวตัวเอื้อมไปหยิบรูปที่ว่ามาชื่นชมใกล้ๆ
“เรานี่ก็สวยเหมือนกันนะ”
หล่อนพูดเบาๆกับตัวเองไม่ทันได้คิดว่าคนข้างๆจะหูไวได้ยินเช่นกัน ชายหนุ่มยิ้มบางๆส่ายหน้าให้กับอาการหลงตัวเองดังกล่าว(- - “ )
เช้าวันต่อมา ประกายดาวทวนความเรียบร้อยของเอกสารซึ่งเธอเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีอะไรที่เธอต้องเป็นกังวลอีกนอกซะจากคนที่จะเข้ารับการอบรม เธอจะไปดูเขาสักหน่อยเผื่อเจ้าตัวเกิดเปลี่ยนใจเบี้ยวขึ้นมากลางครัน พอมาถึงเขาก็เปิดประตูสวนออกมาราวกลับรู้ว่าเธอจะมางั้นแหละ หญิงสาวกวาดตามองไปทั่วทั้งตัวชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
“นี่นายที่ที่เราจะไปมีแต่ลูกนักธุรกิจรวยๆแต่งตัวดีๆแล้วนี่อะไรเสื้อยืดกางเกงยีนส์”
หล่อนยืนกอดอกวิพากษ์วิจารณ์การแต่งกายเฉยๆของชายหนุ่ม
“อย่าเรื่องมากไปหน่อยเลยจะชุดไหนก็เหมือนกันนั่นแหละน่า”
พูดจบก็เตรียมขยับเดินต่อทว่าหญิงสาวกางแขนขวางประตูเอาไว้
“เราจะไปกันก็ต่อเมื่อนายกลับเข้าไปแล้วเปลี่ยนเป็นชุดสูทเท่านั้น”
“งั้นฉันคงไปกับเธอด้วยไม่ได้” เธียรทัดหันกลับเดินเข้าห้อง
“ทำไมล่ะ? แค่ใส่ชุดสูทมันจะยากตรงไหน”
“มันไม่ยากหรอกแต่ฉันไม่มี”
“สักตัวเดียวก็ไม่มีหรอ”
เธอถามย้ำให้แน่ใจจะเป็นไปได้ยังไงที่ลูกชายนักธุรกิจไม่มีชุดสูทสักตัวแต่เพื่อพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้โกหกฉันคงต้องขอค้นตู้เสื้อผ้า หลังจากหาอยู่พักใหญ่ก็ต้องเลิกล้มความตั้งใจ
“ว่าไงเจอหรือเปล่า” เขาถามทั้งๆที่น่าจะรู้คำตอบดีอยู่แล้วก็ประชดนั่นแหละ
“เหลือเชื่อเลยว่านายจะไม่มีจริงๆหรือว่านายแอบซุกเอาไว้ที่ไหนหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะนายไม่มีก็ซื้อใหม่ได้เรายังพอมีเวลา”
ชายหนุ่มถึงกลับส่ายหน้าให้กับความพยายามของหล่อน ทีแรกเขาคิดว่าจะรอดแล้วซะอีก
ห้าง ร้านเสื้อผ้าผู้ชาย ประกายดาวเดินเลือกอย่างคล่องแคล่วหยิบมาหลายชุดแล้วยื่นให้ชายหนุ่มเข้าไปเปลี่ยนออกมาให้ดู ระหว่างที่เดินเลือกต่อหญิงสาวบังเอิญเห็นคนรู้จักคนหนึ่ง
“เสี่ยประยูร!”
ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่หญิงสาวเอ่ยถึงเขาก็อยู่ในร้านเดียวกันกับเธอด้วยเพียงแต่คนละมุมเท่านั้นและหญิงสาวก็ไม่ต้องการให้เขารู้ว่าเธออยู่ที่นี่เพราะถ้าเกิดเขาพบเธอเข้าล่ะก็ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ ขณะที่คิดว่าจะหลบด้วยวิธีไหนดีเธียรทัดก็เปิดประตูออกมา ไม่เหลือเวลาให้เธอได้ตัดสินใจแล้วเพราะเสี่ยประยูรกำลังเดินเนิบเข้ามาใกล้ว่าแล้วจึงดันชายหนุ่มให้เข้าไปข้างในก่อนจะพาตัวเองเข้าไปพร้อมๆกัน
“เข้ามาทำไม!” เธียรทัดขมวดคิ้ว
“ก็…ก็ช่วยนายเปลี่ยนไง”
เธอพยายามทำแบบนั้นแต่ก็ถูกเขาผลักไสไล่ให้ออกไปแต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเธอจะต้องยื้อเวลาให้ได้นานที่สุดและหวังว่าก่อนที่จะถูกชายหนุ่มไล่ให้ออกไปจริงๆเสี่ยประยูรจะไม่อยู่แล้ว พอเห็นชายหนุ่มเอื้อมมือจะเปิดประตูเธอก็ดึงเอาไว้
“เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ย!”
เสียงเอะอะทำให้พนักงานของร้านเอะใจมาเคาะประตูเรียก “เป็นอะไรกันหรือเปล่าคะ”
“ปล่อย”
เขาลากน้ำเสียงยาวเตือนให้ประกายดาวปล่อยแขนและเธอก็ต้องจำยอม หญิงสาวหลับตาปี๋เมื่อประตูเปิดออก
“มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
หญิงสาวพนักงานมองหน้าทั้งสองแปลกๆราวกลับว่าทั้งคู่เข้าไปทำอะไรต่อมิอะไร….
“ไม่ครับ”
ประกายดาวถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่พบเสี่ยประยูร
สถานที่จัดอบรม ประกายดาวไม่สามารถตามเธียรทัดเข้าไปด้วยได้ฉะนั้นเพื่อป้องกันการไม่ตั้งใจฟังของอีกฝ่ายเธอจึงยื่นสมุดหนึ่งเล่มกับปากกาอีกหนึ่งด้ามให้เพื่อใช้จดข้อมูลต่างๆ
“หวังว่าพอกลับออกมาฉันคงไม่เห็นแค่กระดาษเปล่านะ”
หญิงสาวแกล้งขู่เอาไว้ก่อน ชายหนุ่มขี้เกียจฟังต่อจึงหยิบของเหล่านั้นในมือหล่อนเตรียมขยับเดินให้ไกลจากหญิงสาว
“เดี๋ยวววว”
หล่อนเรียกให้เขาหยุดแล้วตรวจดูความเรียบร้อยของชุดที่ใส่แล้วจึงหยิบน้ำหอมมาฉีดพ้นไปให้ทั่วตัวของชายหนุ่มเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้เขาอีกนิดเป็นอันเรียบร้อย
“โอเคนายไปได้”
หญิงสาวยิ้มจนเห็นฟันที่เรียงตัวสวยแล้วโบกไม้โบกมือให้ทว่าชายหนุ่มกลับทำหน้าเบื่อหน่าย
หลายชั่วโมงที่รอ ในที่สุดการอบรมก็จบลงหญิงสาวเดินมารอรับ เพียงแค่ได้เห็นว่าเขาเดินปะปนออกมากับนักธุรกิจรายอื่นๆเธอก็ดีใจมากแล้วเพราะอย่างน้อยเขาก็ไม่ได้หนีไปกลับไปไหนก่อน ‘นั่งฟังอยู่ซะหลายชั่วโมงยังไงก็ต้องได้อะไรบ้างล่ะน่า’ เธอบอกกับตัวเอง พอเข้าถึงตัวเธอก็รีบขอดูสมุดที่ให้เขาไปเธอแบมือรอรับแล้วรีบเปิดดูผลงานของชายหนุ่มอย่างตื่นเต้นมือไม้สั่นทว่ารอยยิ้มค่อยๆเลือนไปจากใบหน้า เธอไม่พบว่าจะมีข้อมูลอะไรที่เป็นความรู้นอกซะจากรูปล้อเลียนผู้ร่วมงานคนอื่นๆ หญิงสาวเตรียมรีบวิ่งตามไปเอาเรื่อง
“เนี่ยน่ะหรอสิ่งที่นายได้จากที่นี่”
เธอพูดต่อว่าพลางกลางหลัดฐานให้ดู
“ใช่ เธอจะเอาอะไรอีกในเมื่อฉันก็ทำตามสัญญาแล้ว”
พูดจบก็เดินต่อ ประกายหมดความอดทนกะจะฟาดสมุดนั่นใส่สักหน่อยแต่เขาดันรู้ทันหันมาชี้หน้าเชิงเตือนว่า อย่าเด็ดขาด เธอเลยไม่กล้าทั้งที่อยากจะเอามีดมาแทงเขาใจจะขาดจึงหันมาใส่อารมณ์กับสมุดในมือแทน เดินมาเกือบถึงรถเขาก็หยุดเพื่อจะบอกอะไรบางอย่าง
“…เราแยกกันตรงนี้แหละ”
“แยกกัน? นายหมายความว่ายังไง”
“ฉันก็หมายความว่าเธอไปตามทางของเธอ ฉันไปตามทางของฉัน”
“แล้วนายจะไปไหน”
ชายหนุ่มถอนหายใจยาวๆนี่เขาจะต้องรายงานเธอทุกเรื่องหรือไง-o-a
“ฉันจะไปพักผ่อน”
พักผ่อน?
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ