Revamp ศึกนางฟ้าสยบทวยเทพ

8.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.32 น.

  24 ตอน
  4 วิจารณ์
  31.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 13.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) อย่าดื้อกับพ่อเขานะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ลักษณะทางสายเลือดของเหล่าเทพแห่งสรวงสวรรค์กับเหล่าเทพตกสวรรค์นั้นก็แทบจะไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ รูปร่างภายนอกและลักษณะของอวัยวะส่วนที่เพิ่มขึ้นมาจากพวกมนุษย์เดินดินนั้นก็แทบจะไม่ได้ต่างกันเลย ที่จริงแล้วเหล่าเทพตกสวรรค์นั้นแต่เดิมก็เป็นหนึ่งในเหล่าเทพแห่งสรวงสวรรค์

     เพียงแต่ภายในจิดใจที่ควรจะบริสุทธิ์นั้นกลับถูกย้อมสีไปด้วยความต้องการส่วนบุคคลซึ่งเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจในบรรดาเทพเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น และเพราะความไม่บริสุทธิ์นั้นเองที่ทำให้พวกเขาต้องถูกพระผู้เป็นเจ้าขับไล่ลงมาจากสรวงสวรรค์ลงมายังโลกมนุษย์ในที่สุด




     และเนื่องด้วยสังคมของเหล่ามนุษย์เบื้องล่างนั้นเต็มไปด้วยกิเลสตัณหาและอีกสารพัดที่เป็นเหมือนกับแหล่งมั่วสุมของความชั่วร้ายนั้นก็ยิ่งทำให้จิตใจที่ถูกกิเลสบางเบากัดกินของเหล่าเทพตกสวรรค์ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจนรูปลักษณ์ที่เคยงดงามเปลี่ยนไปจนคล้ายกับอสุรกายจากสรวงสวรรค์ที่ไม่สามารถถูกลบล้างไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ได้


     และเพราะพวกเขาถูกปฏิบัติโดยเหล่าเทพแห่งสรวงสวรรค์เยี่ยงสัตว์เดรัจฉานที่ไร้ค่านั้นเองจึงทำให้เหล่าเทพตกสวรรค์โกรธแค้นและหาทางโค่นล้มพระผู้เป็นเจ้าที่ทำให้ตนต้องมาประสบชะตากรรมที่เลวร้ายเช่นนี้...



     แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเทพตกสวรรค์จำนวนหนึ่งที่สามารถปรับตัวอาศัยอยู่กับเหล่ามนุษย์อย่างมีความสุข แม้ว่าสำหรับเหล่าเทพพวกนั้นแล้วมนุษย์ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากเศษโคลนที่ด้อยค่าก็ตาม แต่พวกเขาก็ยอมรับสถานภาพของมนุษย์

     
     และยิ่งเทพตกสวรรค์บางคนได้เปรียบเทียบวิถีชีวิตของมนุษย์ที่ไร้พลังและมีอายุขัยที่สั้นมากเมื่อเทียบกับพวกเขาว่าน่าอิจฉามากในสายตาของเหล่าเทพ และด้วยแนวคิดเช่นนี้เองจึงทำให้ความขัดแย้งภายในระหว่างเหล่าเทพตกสวรรค์ที่มีแนวคิดในการยึดครองโลกเหนือพิภพของเหล่ามนุษย์เพื่อใช้เป็นถิ่นฐานในการที่จะสะสมกำลังพลเพื่อประกาศศึกกับเหล่าเทพแห่งสรวงสวรรค์อีกครั้ง



และหนึ่งในแกนนำเหล่าเทพตกสวรรค์ที่ประกาศตนว่าจะปกป้องเหล่ามนุษย์ก็คือ... หัวหน้าแห่งเหล่าเทพตกสวรรค์ระดับล่างผู้เป็นมารดาของเรอา 'วาเรีย' นั่นเอง!





     "ไม่ไหวแน่!! ถ้าเกิดยังเป็นแบบนี้ต่อไป...พวกเราทั้งหมดคงถูกกองทัพของท่านอาสทารอธฆ่าตายหมดแน่ๆเลยครับ!! จะเอายังไงดีขอรับท่านวาเรีย!!!"


     "ฟังฉันให้ดีนะ..!! ตอนนี้พวกเราประกาศจุดยืนของตัวเองแล้วว่าจะต่อต้านกองกำลังของเหล่าเทพตกสวรรค์เพื่อปกป้องเหล่ามนุษย์...เพราะงั้นตอนนี้เราไม่จำเป็นที่จะต้องเรียกเจ้าเทพตกสวรรค์ผู้มีปีก5คู่คนนั้นว่า 'ท่าน' อีกต่อไปแล้ว!! แล้วก็พวกเธอไม่จำเป็นต้องเรียกฉันว่าท่านก็ได้ เพราะในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกบรรดาศักดิ์กันอีกต่อไปแล้ว!!!"



     เมื่อการต่อสู้ครั้งใหญ่ในชุมชนย่านที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองหลวงมากจนผู้คนไม่สามารถอพยพได้ทันก่อนที่กองทัพของเทพตกสวรรค์ระดับสูง 'อาสทารอธ' จะบุกเข้าทำลายเมืองที่ผู้คนยินยอมให้เหล่าเทพตกสวรรค์ใช้เป็นที่อยู่ชั่วชีวิตจนกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง เปลวไฟจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่นำมาใช้อย่างผิดจุดประสงค์ของเหล่าสิ่งมีชีวิตที่รูปร่างเหมือนมนุษย์ที่มีปีกสีดำวิ่นๆปล่อยออกมานั้นได้ลุกโหมเข้าทำลายที่อยู่อาศัยที่เคยอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะจนแปนเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้อง


     การต่อสู้ระหว่างฝ่ายเดียวกันที่มีความเห็นขัดแย้งกันดำเนินมาเป็นเวลาเพียงไม่กี่นาทีเพราะความต่างชั้นของพลังแห่งเทพตกสวรรค์ผู้มีปีกคู่เดียวกับเทพตกสวรรค์ที่มีปีก3คู่นั้นทำให้ฝ่ายศัตรูสามารถเข่นฆ่าคนที่ต่อต้านได้อย่างสบายๆ
     

     แต่ถึงอย่างนั้นก็มีเพียงเทพตกสวรรค์หญิงที่เป็นหัวหน้าของเหล่าเทพตกสวรรค์และมือปราบมารชั้นยอดสองคนนี้เท่านั้นที่สามารถประมือกับคู่ต่อสู้ได้อย่างสูสี ทั้งสองสามารถเอาชนะเหล่าเทพตกสวรร์ไปได้หลายตนจนสามารถถ่วงเวลาให้ผู้คนสามารถลี้ภัยไปได้มากขึ้น



          แต่แล้วเรื่องทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่คาดเอาไว้...




                                                เปรี้ยง....!!!!!!!!!!




     เสียงเทพตนหนึ่งปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ดังขึ้นมาก่อนเสียงระเบิดและเสียงกรีดร้องของผู้คนที่ดังขึ้นมาทางด้านหลังของกองกำลังต่อต้านนั้นได้ทำให้ความหวาดหวั่นในใจของผู้กล้าที่แข็งแกร่งทั้งสองและเหล่าเทพตกสวรรค์ฝ่ายเดียวกันที่เหลือรอดอยู่เพียง3-4คนปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว



          "เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ...ก็กองกำลังของอาสทารอธบุกมาจากด้านหน้าไม่ใช่เหรอ!!"


          "แย่แล้วค่ะท่านวาเรีย...ท่านเรอาซัส!! ดูเหมือนพวกเราถูกตลบหลังเข้าซะแล้วค่ะ!!"


     เทพตกสวรรค์ตนหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากระยะห่างที่มากเกินพอที่จะไม่ได้รับอันตรายจากการโจมตีที่ทรงพลังของศัตรูที่วกเข้ามาทางด้านหลังมากเท่าไหร่นำข้อเท็จจริงของสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้มารายงานให้ทั้งสองคนที่เธอยอมรับว่าเป็นผู้นำของเธอได้ทราบ ซึ่งในขณะนี้ทั้งวาเรียและเรอาซัสไม่ต้องการรับรู้อะไรมากไปกว่าความปลอดภัยของเหล่าเทพตกสวรรค์และประชาชนที่ยังลี้ภัยไปไม่หมด



"ใจเย็นๆนะเกรมอรี่..! ใครเป็นคนทำแบบนี้เหรอ!?"


"แรงระเบิดเมื่อครู่นี้เป็นฝีมือของมันค่ะ..!! หนึ่งในสองผู้นำแห่งเหล่าเทพตกสวรรค์ที่รับคำสั่งจากท่านอาซาเซลมาโดยตรง... แม่ทัพที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งเทพตกสวรรค์..."


     ยังไม่ทันที่เทพตกสวรรค์สาวจะรายงานจนจบ ร่างของเธอก็ถูกลำแสงสีเหลืองที่ฉาบด้วยความชั่วร้ายทะลวงเข้าจากกลางแผ่นหลังจนทะลุ และลำแสงที่คล้ายกับพลังศักดิ์สิทธิ์ของมหาเทพแห่งสรวงสวรรค์นั้นก็ยังพุ่งต่อไปจนเฉือนเอาลำขาซ้ายของเรอาซัสจนขาดกระเด็นอีกด้วย!!



"อ๊าก!!!!!!!!!!"


"เรอาซัส!!!!!!!"



     วาเรียหันกลับไปดูอาการของผู้เป็นสามีของเธออย่างเป็นห่วง ซึ่งความเจ็บปวดที่ชายหนุ่มได้รับนั้นไม่ใช่เล่นๆเลย เลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากท่อนขาที่ขาดตามแรงสูบฉีดของหัวใจราวกับโลหิต และสีหน้าของเรอาซัสได้บ่งบอกว่าเขาไม่เคยได้รับรู้ความเจ็บปวดที่หนักเท่านี้มาก่อนในชีวิต


     ถึงอย่างนั้นผู้นำระดับล่างแห่งเทพตกสวรรค์ก็ไม่มีเวลาเป็นห่วงมือปราบมารด้านหลังมากเท่าไหร่...เพราะตัวต้นเหตุแห่งความหายนะครั้งนี้ได้ลอยมาอยู่ตรงหน้าแล้ว!!



"ไง... ไม่ได้เห็นใบหน้าที่เลอโฉมของเจ้ามานานแค่ไหนแล้วนะ จะว่าไปแล้วใบหน้าของเจ้าตอนโกรธนี่ช่างดูงดงามเสียยิ่งกว่าตอนที่มีความสุขเสียอีกนะ... แม่ทัพแห่งเหล่าเทพตกสวรรค์ชั้นต่ำ เทพธิดาผู้บันดาลให้เกิดความดื้อรั้น วาเรีย"


"อย่างแกน่ะไม่มีสิทธิ์ที่จะมาพูดแบบนั้นกับฉัน!! หนึ่งในสองแม่ทัพใหญ่แห่งเหล่าเทพตกสวรรค์ผู้รับบัญชาจากอาซาเซล อาสทารอธ!!!"




     เบื้องหน้าของเทพตกสวรรค์ที่รู้สึกได้ถึงความเคียดแค้นแบบเดียวกับที่เธอรู้สึกได้เมื่อหลายพันปีที่แล้วนั้นปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่งที่น่าจะมีอายุมากกว่าเธอหลายสิบเท่ากำลังสยายปีกสีดำที่มีอยู่ถึงห้าคู่ออกมาราวกับกำลังจะข่มขู่เหล่าเทพที่มีศักดิ์และพลังที่ด้อยกว่าให้สยบอยู่แทบเท้าของตน

     ซึ่งในขณะนั้นวาเรียก็ได้ยืนเผชิญหน้าอาสทารอธอย่างไม่เกรงกลัวพร้อมทั้งกางแผ่นปีกสีดำที่มีอยู่เพียงสองคู่เป็นการยืนยันจุดยืนของตัวเองให้อดีตหัวหน้าของตนได้รับรู้



ต่อหน้าสายตาที่กำลังใจแห้งเหือดของเรอาซัสที่กำลังจับตาดูการประชันกำลังด้วยสายตาของทั้งสองอย่างไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม...


"ดูเหมือนว่าเทพตกสวรรค์ที่แม้แต่พรของมหาเทพมิคาเอลยังสยบความดื้อรั้นในใจไม่ได้จะยอมหยุดพยศแล้วนะ... ฝีมือของมนุษย์ที่อยู่ด้านหลังที่เจ้ากำลังปกป้องอยู่หรือเปล่า!?"


     วาเรียบดเท้าลงไปด้านหลังเป็นสัญญาณว่าตนพร้อมจะสู้กับอีกฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าหลายเท่าทันทีหากอาสทารอธพูดจากวนประสาทเธออีกแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งมหาเทพตกสวรรค์ตรงหน้าก็พูดแบบนั้นออกมาจริงๆ...



"หรือว่า...ผู้ที่ทำให้เจ้าสงบความบ้าระห่ำของตัวเองลงได้จะเป็นบุตรสาวของเจ้าที่กำลังนอนหลับอย่างสบายใจอยู่ในม่านคุ้มกันของเจ้ากันแน่นะ!?"



     ด้วยคำพูดของอาสทารอธที่ควรจะทำให้สาวน้อยเทพีตกสวรรค์บุกเข้าใส่เมื่อสักครู่นี้นั้นกลับมีพลังที่ทำให้เธอหยุดการกระทำทั้งหมดเอาไว้ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล่าทวยเทพแห่งสรวงสวรรค์ในมือของอาสทารอธหยุดเธอเอาไว้กันนะ!?


     "ฉันขอท้าเธอเลยนะ...ระหว่างจะบุกเข้ามาหาฉันเพื่อที่เธอจะได้เห็นมนุษย์ที่เธอรักถูกฆ่าตายต่อหน้า หรือจะยืนอยู่กับที่เพื่อให้เธอได้เห็นบุตรสาวของเธอถูกฆ่าตายต่อหน้าเธอ จากนี้ฉันจะทดสอบเธอเอง"



     แววตาที่อาสทารอธจ้องมายังวาเรียที่ตะลึงในคำพูดเมื่อก่อนหน้านี้ของมันนั้นเป็นสายตาที่เอาจริง ถ้าหากว่าวเรียก้าวไปข้างหน้าเพื่อต่อสู้กับอาสทารอธจริงๆ...เทพตกสวรรค์ผู้ชั่วร้ายนั้นก็จะปล่อยพลังสังหารเรอาซัสที่บาดเจ็บหนักจนลุกเข้าหลบไม่ได้อย่างแน่นอน หรือถ้าเธอเลือกที่จะถอยหลังเพื่อปกป้องชีวิตของเรอาซัสตามคำแนะนำของอาสทารอธ...ผู้ที่จะต้องตายก็คือบุตรสาวที่รักที่สุดเพียงคนเดียวของเธอ



               "เรอา..." 


     วาเรียชายตามองไปยังบ้านที่ถูกม่านพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอครอบเอาไว้เพื่อปกป้องเด็กสาวคนนั้นจากการรุกรานของเหล่าเทพตกสวรรค์ใต้อาณัติของแม่ทัพแห่งความชั่วร้าย ซึ่งภายในนั้นมีเรอาในวัยทารกกำลังนอนหลับอยู่โดยไม่รู้เรื่องราวที่เกิดภายนอกแม้แต่น้อย ทั้งนี้เพราะวาเรียคาดการณ์เอาไว้แล้วว่ากองทัพของอาสทารอธอาจจะลอบตลบหลังกองกำลังเทพตกสวรรค์ที่มีเพียงสิบของเธอได้

          ถ้าจะมีสิ่งที่ผิดไปก็เพียงเรื่องที่อาสทารอธเป็นผู้เปิดฉากการโจมตีระลอกที่สองด้วยตัวเองเท่านั้น!




                                                      "ตายไปซะแก!!!!"



วาเรียได้ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดแล้วว่าจะยอมเสียสละสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อที่จะโค่นอาสทารอธลงให้ได้ ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ... มนุษย์ที่วันๆเอาแต่กวนประสาทเทพตกสวรรค์อย่างเธอจนไม่ได้ทำอะไรนอกจากตอบโต้กลับจนบังเอิญได้เรอามาเป็นของแถมเท่านั้น



"สรุปแล้วคือเธอเลือกที่จะสละชายผู้เป็นที่รักของเธอสินะ... ย่อมได้! งั้นฉันจะพรากสิ่งสำคัญที่สุดของเธอไปเอง!!"



     และแล้วสิ่งที่อาสทารอธเลือกที่จะพรากมันไปจากสาวน้อยผู้เป็นทั้งภรรยาและมารดาในเวลาเดียวกันนั้นก็คือ... ทางเลือกที่เธอต้องการจะปกป้องนั่นเอง ลำแสงสีทองที่อัดแน่นไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์แรงกล้าของเทพตกสวรรค์ระดับปีกห้าคู่นั้นพุ่งตรงไปยังเป้าหมายของมันโดยไม่สนใจเสียงร้องของวาเรียแม้แต่น้อย


                    "เรอา!!!!!!!"



     หลังสิ้นเสียงระเบิดที่ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณนั้น หัวใจของวาเรียก็แทบสลายเมื่อเห็นม่านพลังของเธอถูกทำลายลงอย่างง่ายดายก่อนที่จะตามมาด้วยบ้านที่เคยอบอวลไปด้วยเสียงหยอกล้อของเธอและเรอาซัส รวมไปถึงเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและความปิติเมื่อได้เห็นใบหน้าของลูกสาวคนแรกของเธอเมื่อออกมาดูโลกในอ้อมกอดของเทพตกสวรรค์และมนุษย์ที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขเช่นกัน



"อาสทารอธ!!!!!!!!!!!!!!!!"


     "ว่ากันว่าการที่ผู้เป็นแม่เมื่อได้เห็นลูกของตัวเองถูกสังหารไปต่อหน้าต่อตาย่อมต้องรู้สึกเจ็บปวดราวหัวใจแทบสลาย ตอนนี้ฉันอยากจะเห็นจิตใจของเทพตกสวรรค์ที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของความรู้สึกผู้อื่นอย่างเธอจริงๆว่ามันจะเป็นยังไง"



ไม่จริง...ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดเช่นนี้!? ทำไมตอนนั้นเราถึงได้เลือกทางที่มันบ้าอย่างนั้นออกไปด้วยนะ... เพราะเราเลือกทางผิด เรอาถึงได้...




          "เฮ้ย!!! ยัยเทพตกสวรรค์!!! เธอจะมัวมาก้มหน้ามองพื้นไปถึงเมื่อไหร่กันน่ะ!!!!"


     ท่ามกลางเศษซากปรักหักพังของบ้านที่ถูกลำแสงทำลายล้างของเทพตกสวรรค์ระดับสูงทำลายจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมให้จดจำได้เลยนั้น ปรากฏร่างของเรอาซัสกำลังกุมดาบศักดิ์สิทธิ์ของวาเรียด้วยท่วงท่าที่ปักหลักยืนด้วยขาข้างเดียว พร้อมกันนั้นที่ด้านหลังของเขามีร่างของเด็กทารกผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอยู่ในการดูแลของเทพตกสวรรค์ผู้เป็นลูกน้องใต้อาณัติของวาเรียอย่างไร้รอยขีดข่วน



"ฉันเข้าใจนะว่าเธอกำลังเจ็บปวดที่เรอาจะถูกฆ่า..!! ฉันเองเมื่อกี้ก็เจ็บจนทนไม่ไหวเหมือนกัน... แต่ว่าฉันคงรู้สึกเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมแน่ถ้าเธอต้องตายไปเพราะเอาตัวเข้ามาปกป้องฉันน่ะ!!!"


"คระ...ใครว่าฉันกำลังปกป้องนายกันยะ!! คนที่ฉันจะปกป้องมีแค่ลูกน้องของฉันและเรอาที่เป็นลูกสาวของฉันเท่านั้น!!! อย่างนายน่ะไม่มีทาง..."



"ยังเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจเหมือนเดิมเลยนะ... ยัยบ้านี่"



     วาเรียมีใบหน้าที่แดงขึ้นมาเล็กน้อยจากการสูบฉีดของหัวใจที่ดีเกินไปจนเรอาซัสแอบหัวเราะออกมาเล็กน้อยแม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้ายจนหัวเราะไม่ออกก็ตาม ทั้งอย่างนั้นวาเรียก็ยังไม่หมดธุระกับอาสทารอธ ร่างของเธอที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าอดีตหัวหน้าของเธอได้หายไปอย่างรวดเร็วราวกับเธอสามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยความเร็วเหนือเสียง



"อะไร..!"


"รับไปเลย!!! อาสทารอธ!!!!!"


     ยังไม่ทันผ่านไปถึงวินาที ร่างของวาเรียก็ปรากฏอยู่ด้านหลังของมหาเทพตกสวรรค์ในตำแหน่งที่พร้อมจะปล่อยลำแสงในมือขวาใส่คู่ต่อสู้ของเธอแล้ว แม้ว่าด้วยความต่างชั้นของพลังระหว่างทั้งสองจะมากก็ตาม...แต่ด้วยความเร็วนั้นทำให้เธอสามารถเข้าประชิดตัวอาสทารอธจากด้านหลังได้อย่างง่ายดาย



                                      หมับ..!



"แก...ยังไม่ยอมหยุดอีกเหรอ!? ทั้งที่เป็นเทพตกสวรรค์ระดับล่างแท้ๆ..."


     ดวงตาของวาเรียและเรอาซัสเบิกโพลงออกมาพร้อมกัน ในชั่วพริบตาก่อนที่การโจมตีของวาเรียจะถูกปล่อยออกมานั้น...ลูกพลังในมือของเธอก็ถูกฝ่ามือของอาสทารอธหยุดเอาไว้ได้พร้อมทั้งยังสามารถออกแรงดันกลับไปได้อีกด้วย ที่น่าแปลกคืออาสทารอธสามารถมองตามความเร็วที่สูงที่สุดในบรรดาเทพตกสวรรค์ด้วยกันออกอย่างง่ายดายพร้อมทั้งรับการโจมตีของเธอได้โดยไม่ต้องหันไปมอง



"ทำไมกัน...ทำไมเทพระดับสูงอย่างพวกแกถึงได้มีจิตใจที่ชั่วช้าเช่นนี้!! ทำไมพวกแกถึงต้องเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ด้วย!!!"




"นั่นสินะ... ในเมื่อเธออุตส่าห์ถามฉันแบบนี้..."



     คลื่นพลังของวาเรียที่ควรจะหันคมไปยังคู่ต่อสู้ตรงหน้าในขณะนี้กลับเข้าทำร้ายร่างของเธอเองอย่างรุนแรงจนปีกคู่ล่างของเธอขาดวิ่น ร่างของเธอค่อยๆร่วงลงสู่พื้นดินด้านล่างอย่างช้าๆโดยมีลูกพลังของอาสทารอธตามเธอไปติดๆ เรอาซัสที่เหลือขาเพียงข้างเดียวนั้นทำได้เพียงส่งเสียงตะโกนเตือนวาเรียที่หมดสติไปจากพลังทำลายที่ย้อนกลับมาทำร้ายตัวเธอเองเท่านั้น



"อย่าประมาทฉันนักสิ...เจ้าบ้า!"



                 ฉึก..!!




     ในจังหวะเดียวกับที่ร่างของวาเรียตกลงถึงพื้นด้านล่างนั้นเอง เธอก็ฟื้นคืนสติพร้อมทั้งกระพือปีกหลบออกจากรัศมีระเบิดของลูกพลังนั้นได้อย่างพอดิบพอดี เป็นจังหวะเดียวกับที่สิ่งแปลกปลอมอย่างหนึ่งไปเสียบเข้าที่ลำขาของเรอาซัสจนล้มลงไปอีกครั้ง ซึ่งเจ้าสิ่งนั้นคือท่อนไม้ซึ่งเขาสามารถใช้เป็นขาเทียมได้โดยแลกกับความเจ็บปวดที่สุดจะทนได้



"เรอาซัส!!! รีบพาเรอาหนีไปจากที่นี่ซะ!!!"



     เสียงตะโกนที่ดังมาจากสาวน้อยที่กำลังหันหลังให้มนุษย์หนุ่มนั้นทำให้เรอาซัสถึงกับต้องทวนความจำเรื่องเมื่อครู่นี้อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าวาเรียไม่ได้บอกให้เขาหนีไปจากที่นี่เพียงคนเดียว ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคำพูดคำอื่นไปได้อีกแล้ว...



"เธอหมายถึงอะไร..."


"เธอไม่ต้องสู้กับอาสทารอธอีกต่อไปแล้ว!! รีบพาตัวเรอาออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!!! แล้วจงเลี้ยงดูเธอให้ดี...อย่าให้ยัยนั่นโตมาเป็นเด็กดื้อแบบฉันนะ! เรอาซัส..."



     เรอาซัสไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของเทพตกสวรรค์ที่พูดออกมาเมื่อครู่นี้แม้แต่น้อย เพียงวาเรียและเหล่าเทพตกสวรรค์ของเธอไม่มีทางที่จะเอาชนะเทพตกสวรรค์ระดับสูงอย่างอาสทารอธได้แน่ๆ แล้วจะให้เขาหนีไปจากที่นี่โดยทิ้งเธอเอาไว้ข้างหลังได้ยังไง...




"ยัยบ้า!! เธอพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า!! ฉันไม่มีวันทิ้งเธอเอาไว้ที่นี่แน่...เพราะงั้นเธอรีบมากับฉัน-"


"เป็นไปไม่ได้หรอก...เพราะยังไงอาสทารอธก็ไม่มีทางปล่อยพวกเรามีชีวิตรอดไปได้เกินสามย่างก้าวแน่ๆ และถึงพวกเราจะหนีไปได้...ยังไงหัวหน้าเทพตกสวรรค์อีกตนหนึ่งก็ต้องตามมาฆ่าเราอยู่ดี ถ้าให้เธอหนีไปคนเดียว เรอาก็มีโอกาสรอดมากกว่าให้ฉันพาตัวออกไปเองอยู่แล้ว"



     เรอาซัสไม่ยอมรับสิ่งที่ตัวเองต้องเสียไปอย่างแน่นอน แม้ว่าที่หลังของเขาจะมีร่างของเรอาที่หลับสนิทซึ่งลูกน้องของวาเรียเป็นผู้พาตัวมาเองก็ตามที ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรสาวของตัวเองให้เติบโตมาเป็นผู้หญิงที่ดีได้อย่างแน่นอนหากไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากผู้หยิงด้วยกัน



"ไม่มีทางหรอก..! ยังไงเธอก็ต้องไปด้วยกันกับฉัน!! ต่อให้พวกเทพตกสวรรค์จะมาฆ่าเธอ ฉันก็จะปกป้องเธอกับเรอาเอง เพราะงั้น!?"



"หัดยอมรับความจริงซะบ้าง!! ไอ้มนุษย์!!!"


ยังไม่ทันทีเรอาซัสจะพูดจบ ร่างของเขาก็ถูกคลื่นพลังซัดออกไปจากจุดที่วาเรียอยู่ราวๆหลายสิบเมตร



     "มนุษย์อย่างเธอน่ะไม่มีทางที่จะต่อสู้กับเทพตกสวรรค์ได้แน่!! รวมถึงสภาพร่างกายแบบนั้นยิ่งแล้วใหญ่!! กองกำลังของเทพตกสวรรค์น่ะแข็งแกร่งมากนะ...โดยเฉพาะของเจ้าอาสทารอธและอาสโมดิอุส! ฉันมั่นใจได้เลยว่าอย่างเธอไม่มีทางเอาชนะได้ตั้งแต่'สเปลเบีย'หรือ'โรเซเออร์'แล้ว!!!"



"ถ้าอย่างนั้น..."



"แต่เธอจงเชื่อใจในลูกของพวกเราดูสิ! เรอาน่ะมีพลังในตัวที่แข็งแกร่งกว่าฉัน...ไม่แน่นะว่าสักวันเธอจะเป็นผู้ชี้ชะตาของเหล่าเทพตกสวรรค์แทนอาซาเซลก็ได้!! เพราะงั้นรีบไปซะ!!!"



     เรอาซัสไม่รอให้วาเรียพูดซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง ทันทีที่ภรรยาของเขาพูดจบร่างของเรอาซัสก็ถูกพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอโอบล้อมเอาไว้ก่อนจะพาตัวออกไปจากที่นั่นโดยที่อาสทารอธไม่สามารถตามไปได้เพราะวาเรียและเหล่าเทพตกสวรรค์ตนอื่นๆที่ยังเหลือรอดได้ช่วยกันสกัดเอาไว้ให้ แม้ว่ายิ่งสู้กันแล้วกำลังของพวกเธอจะยิ่งลดลงก็ตามที...




"ในที่สุดก็ไปแล้วสินะคะ... น่าเสียดายนะที่พวกเราจะไม่ได้เห็นท่านเรอาเติบโตเป็นสาว ฉันมั่นใจเลยล่ะว่าท่านเรอาจะต้องเติบโตเป็นเด็กสาวที่สวยและร่าเริงยิ่งกว่าพวกเราแน่ๆ"


"พูดเป็นเล่นน่า...ไม่มีวันที่จะมีใครสวยเกินหน้าเกินตากว่าพวกเธอไปได้หรอก โดยเฉพาะยัยเรอาที่ยังเป็นเด็กไม่รู้ประสีประสาน่ะ"


"ทำไมถึงมั่นใจอย่างนั้นล่ะคะ ท่านวาเรีย... ท่านที่เป็นเทพตกสวรรค์ที่สวยที่สุดย่อมต้องมีลูกสาวที่สวยยิ่งกว่าแน่นอนเลยล่ะ"



     "ไม่มีทางหรอก... เพราะเรอาน่ะจะเติบโตมาโดยไม่มีแม่คอยแนะนำความสวยในแบบของผู้หญิงให้เป็นตัวอย่าง อย่างน้อยเรอาซัสก็คงจะพอทำได้แค่ให้เธอโตมาเป็นสาวที่น่ารักได้เท่านั้นแหละ!"



"นั่นน่ะสิคะ... ถ้าแบบนั้นสิ่งที่พวกเราต้องทำคืออะไรล่ะคะ!?"



     วาเรียยิ้มออกมาที่มุมปากอย่างรู้ดี ในขณะที่เหล่านางฟ้าตกสวรรค์ชุดสุดท้ายที่เป็นลูกน้องใต้อาณัติของเธอต่างก็มองตาซึ่งกันและกันราวกับรู้ความในใจของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี...




     "ในเมื่อเรอาจะเติบโตมาโดยไม่มีแม่คอยสอนความสุขในชีวิต... พวกเราก็จะแสดงให้เห็นว่าแม้เธอจะไม่มีแม่ให้คอยระบายความทุกข์ในใจ พวกเราก็ยังเป็นคนที่ทำให้เด็กคนนั้นได้รู้จักกับความทุกข์ในชีวิตได้ไม่ใช่เหรอ!!!!"




     เหล่านางฟ้าตกสวรรค์ที่ยินดีพร้อมจะยืนหยัดต่อสู้กับมหาเทพตกสวรรค์ระดับผู้นำภายใต้การนำของวาเรียก็ได้เร่งเร้าพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อสำแดงให้อาสทารอธได้เห็นว่าแม้ตนจะเป็นเพียงเศษโคลนในสายตาของมัน อย่างน้อยเศษโคลนนั้นก็สามารถเปล่งแสงระยับได้ยิ่งกว่าดวงดาวทมิฬอย่างมัน


     และในขณะเดียวกันนั้นอาสทารอธก็ได้ปล่อยลูกบอลพลังขนาดยักษ์ออกมาต้านทานพลังของสามนางฟ้าเอาไว้อย่างสบายๆ ลูกพลังที่ประจุพลังจากทั้งร่างของพวกเธอได้ถูกดูดกลืนเข้าไปในลูกพลังของอาสทารอธจนหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันพุ่งเข้าหาเหล่านางฟ้าตกสวรรค์อย่างไม่หยุดหย่อน



          "จริงสิคะ..! ถ้าหากว่าในตอนนั้นท่านวาเรียเป็นผู้พาตัวท่านเรอาออกไปเอง...ท่านจะบอกกับเธอว่าอะไรเมื่อเธอโตขึ้นเหรอคะ!?"


          "นั่นสินะ... ฉันยังไม่ได้คิดเลยนี่นา"



     ในจังหวะที่ลูกพลังของอาสทารอธเคลื่อนตัวลงมาถึงจุดที่นางฟ้าตกสวรรค์ทั้งสามยืนอยู่นั้น มันก็ได้กลืนกินสองนางฟ้าที่เป็นลูกน้องของวาเรียเข้าไปราวกับเครื่องดูดฝุ่นที่มีพลังบดขยี้ทุกสิ่งที่ดูดเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่วาเรียได้ใช้พลังเฮือกสุดท้ายของจริงในการบินขึ้นไปหาอาสทารอธเพื่อทำในสิ่งที่เธออยากจะทำมาแต่เนิ่นนานมาแล้ว




          "คำพูดที่ฉันจะพูดกับลูกสาวน่ะเหรอ...มันก็แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ!!!"



     ชั่วพริบตาที่อาสทารอธจะรู้สึกตัวนั้น เสียงตะโกนที่อัดแน่นไปด้วยความอิจฉาและความคับแค้นใจที่วาเรียเคยมีเมื่อก่อนหน้านี้ก็ได้หายไปสิ้น ในจังหวะเดียวกันนั้น...ปีกสีดำที่เหลือเพียงคู่เดียวของเธอก็ได้งอกกลับคืนมาราวกับตอบสนองต่อความปรารถนาของเธอเป็นปีกเท่าที่ควรจะมีดังเดิม และสีของมันทั้งสี่ก็ได้เปลี่ยนไปเป็นสีขาวบริสุทธิ์ดุจเทพแห่งสรวงสวรรค์...


          แต่ภายใต้ความสง่างามของแผ่นปีกทั้งหมดนั้นเอง มันได้กลายเป็นความรุงรังจากจำนวนที่มากเกินกว่าเหล่าเทวทูตทั่วๆไปเสียเอง




            เปรี้ยงงง..!!!!!!!!!!!!



     และในที่สุดหมัดตรงที่อัดแน่นไปด้วยพลังทั้งหมดของเธอก็ปะทะเข้ากับใบหน้าของอาสทารอธอย่างจังจนเกิดเป็นรอยแผลสีแดงขนาดใหญ่ที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งการที่เทพระดับต่ำกว่าอย่างวาเรียทำร้ายร่างกายเทพที่มีระดับสูงกว่านั้นถือเป้นบาปมหันต์ ทั้งอย่างนั้นใบหน้าของสาวน้อยก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่เหมือนกับได้ทำบาปที่ร้ายแรงที่สุดลงไปเลย







     สิ้นเสียงระเบิดดังกึกก้อง ลูกพลังแสงที่โอบล้อมเรอาซัสและเรอาเอาไว้ก็สลายไปจนผู้ที่อยู่ภายในสามารถออกมาเห็นโลกภายนอกได้อย่างชัดเจน ในขณะนี้ทั้งสองได้อยู่ห่างจากเมืองที่พวกเขาน่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตามที่เคยได้วาดฝันกันเอาไว้เป็นระยะทางที่จะพอมองเห็นได้เพียงประกายแสงสีดำที่อาสทารอธปล่อยออกมาปิดฉากคู่ต่อสู้ตรงหน้าเท่านั้น


     ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะเรอามีสังหรณ์ดีกว่าคนทั่วไปหรืออย่างไร... เมื่อครั้งที่ลูกพลังที่โอบล้อมเธอเอาไว้ยังคงอยู่ เรอายังคงมีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ทันทีที่ลูกพลังนั้นสลายไป...เธอกลับส่งเสียงร้องไห้ออกมาราวกับเด็กแรกเกิดที่ตื่นนอนขึ้นมาแล้วไม่เห็นแม่ของตนที่เคยนอนอยู่ข้างๆไม่มีผิด




     หลังจากที่แสงสว่างที่เจิดจ้าขึ้นมาโดยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ปราศจากความบริสุทธิ์นั้นดับลง ภายในสายลมที่พัดออกมาจากตำแหน่งที่เมืองแห่งนั้นเคยตั้งอยู่ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาหินสีแดงอิฐไปแล้วนั้นได้มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาแผ่วๆซึ่งแฝงไปด้วยความอ่อนโยนดุจเทพแห่งสรวงสวรรค์


     ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกใช้ในการกักเก็บเสียงนั้นให้คงอยู่ได้ทำให้เรอายังคงร้องไห้ต่อไป... ส่วนเรอาซัสนั้นก็เริ่มรู้สึกแสบตาขึ้นมาบ้างแล้ว





                              "เรอา... แม่น่ะอยากให้ลูกโตมาเป็นเด็กดีนะ!"






     "ถ้าเธออยากจะให้ยัยนี่โตมาเป็นเด็กดี... ทำไมเธอถึงไม่มาทำตัวเป็นแบบอย่างให้เองเล่า!"


     เรอาซัสเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาตามสายลมที่พัดโชยมา ซึ่งเขาไม่ได้ต้องการอะไรอีกแล้วนอกจากสิ่งที่ปลิวออกมาตามแรงลมนั้นมายังจุดที่เขายืนอยู่ให้เก็บเอาไว้ให้เรอาได้ใช้แทนมารดาของเธอ...


          ขนนกสีดำสลับขาวขาวที่หลุดออกมาจากปีกของวาเรียนั่นเอง




                    "ยัยเทพตกสวรรค์บ้าเอ๊ย!!!!!!!!!!!!!!ยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา