Revamp ศึกนางฟ้าสยบทวยเทพ

8.2

เขียนโดย CyCloEclipse

วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.32 น.

  24 ตอน
  4 วิจารณ์
  31.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 13.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) ทางเลือกที่หมดปัญญา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     การเดินทางของบุตรสาวแห่งทูตสวรรค์และบุตรสาวแห่งเทพตกสวรรค์ยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่าทั้งสองจะได้รับรู้สถานภาพที่กำลังจะเปลี่ยนไประหว่างกันแล้วก็ตาม... เรอาที่เปรียบเสมือนกับหอกข้างแคร่ของเทวทูตแห่งสรวงสวรรค์ก็ยังคงสนิทสนมกับคู่ปรับทางสายเลือดของเธอเป็นอย่างดี แม้ว่าจะมีการเหม็นขี้หน้าทั้งก่อนหน้านี้และในขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่นี้ก็ตาม


     ส่วนเมโรเน่นั้นหลังจากที่เอาชนะสองนางฟ้าตกสวรรค์ที่ปรากฏตัวขึ้นมารบกวนการเดินทางเพื่อไปปราบอสูรแวมไพร์เพื่อที่จะได้แยกทางกับเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอที่กลายมาเป็นศัตรูชั่วชีวิตโดยเร็วที่สุดนั้นก็เริ่มตีตัวออกห่างจากเรอาราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน...




     "นี่ๆ..! ถ้ายังไงเธอก็มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เร่งพลังได้เทียบเคียงกับอัครเทพเซราฟิมอยู่กับตัวแล้ว แบบนี้ตอนที่สู้กับพวกปีศาจหรือเทพตกสวรรค์ระดับสูงก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วน่ะสิ!!"




     เรอาใช้เสียงที่แสนสดใสในการเซ้าซี้เมโรเน่ที่เชิดหน้าใส่มาตลอดทางนับตั้งแต่การต่อสู้กับสองนางฟ้าตกสวรรค์ยุติลงเพื่อให้กลับมาคุยกับเธออย่างเพื่อนสาวที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่เด็กเช่นแต่ก่อน

     ซึ่งการที่เรอาเข้ามากระซิกใกล้ตัวเมโรเน่ราวกับหลงลืมจุดยืนของตัวเธอเองไปจนหมดสิ้นแล้วนั้นได้ทำให้สาวน้อยเทวทูตเกิดหงุดหงิดขึ้นมาจนเกือบจะชักปลายดาบขึ้นจ่อลำคอของเธอแล้ว




"ก็บอกไปตั้งหลายรอบแล้วไงว่าฉันทำแบบนั้นไม่ได้... เมื่อไหร่เธอจะเข้าใจความหมายที่ฉันพูดสักทีเนี่ย ยัยเทพตกสวรรค์"


"ไม่เอาน่า...ยัยเทพตกสวรรค์อะไรกัน!? ฉันก็ยังเป็นเรอา เพื่อนสนิทที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วของเธอไม่ใช่หรือไง แล้วว่าแต่ทำไมถึงใช้ไม่ได้ล่ะ..!?"




     เมโรเน่ส่ายหัวซ้ายทีขวาทีราวกับหน่ายใจที่ระดับความสามารถในการทำความเข้าใจของเด็กสาวที่เธอรู้จักมาตั้งแต่เล็กยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำติดดินเช่นเดิม ถึงอย่างนั้นเมโรเน่ก็ระงับอีกอาการหนึ่งที่พยายามดึงมือที่กุมดาบศักดิ์สิทธิ์อยู่ไม่ให้ยกขึ้นมาเสียบเข้าที่ร่างของเรอาที่สร้างความรำคาญให้อย่างไม่หยุดหย่อนได้


     แม้ว่าขีดจำกัดความอดทนของเธอจะค่อยๆลดลงตามจำนวนครั้งที่เรอาพูดออกมาก็ตามที...




     "จะให้ฉันบอกไหมล่ะ... ก็เพราะเรื่องที่ฉันอยู่ด้วยกันกับเธอนี่ไงทำให้ฉันสวดถวายอัครเทพไม่ได้"




     "ฟังนะ..! การที่เทวทูตระดับล่างๆที่มีสายเลือดของมนุษย์อยู่ในร่างอย่างฉันจะเร่งพลังได้ในระดับอัครเทพผู้มีปีกสามคู่ได้น่ะจำเป็นที่จะต้องสวดถวายความเคารพแด่ท่านเหล่านั้นเป็นกลอนยาวมหาบรรลัยที่ต้องท่องมาตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ครั้งนั้นเลย เพื่อที่ท่านอัครเทพจะได้ส่งอำนาจศักดิ์สิทธิ์มาเป็นของตอบแทนแก่ความพยายามนั้น"


     นางฟ้าผมเหลืองเริ่มพูดถึงความศักดิ์สิทธิ์ของอัครเทพผู้สูงส่งในบรรดาเทวทูตด้วยกัน แม้ว่าในคำพูดของเธอจะเต็มไปด้วยความรู้สึกคับคั่งใจก็ตามที


     "แต่เพราะเมื่อท่านอัครเทพรู้เรื่องที่ฉันร่วมมือกับเทพตกสวรรค์อย่างเธอ...แม้จะเป็นเทพตกสวรรค์ระดับล่างที่ไร้พลังต่อกรก็เถอะ แต่เพราะเรื่องนั้นแหละที่ทำให้จุดยืนของฉันกลายเป็นหอกข้างแคร่ของเหล่าทวยเทพ แถมฉันก็เพิ่งจะถูกขับไล่ออกมาจากบัญญัติสวรรค์เมื่อไม่นานมานี้เอง"



     "บรรยายซะยาวเลยนะ... แล้วมันจะเป็นยังไงล่ะ!? ถ้าหากว่าถูกขับไล่ออกมา..."



     "เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ... การที่เทวทูตมีสายเลือดของมนุษย์อยู่ในร่างก็เป็นที่รังเกียจของเหล่าเทพมากพออยู่แล้ว และยิ่งฉันร่วมมือกับเธอในการต่อสู้ครั้งนั้นก็ยิ่งทำให้จุดยืนของฉันย่ำแย่ลงไปอีกจนเหล่าเทพแห่งสวรรค์ไม่ยอมรับฉันในฐานะเทวทูต เพราะงั้นต่อให้ฉันสวดอวยพรให้ท่านอัครเทพมากเท่าไหร่...ท่านก็จะไม่มีวันมอบอำนาจศักดิ์สิทธิ์ให้ฉันอีกแน่ หรือก็คือ...จากนี้พวกเราจะต้องต่อสู้ด้วยพลังที่ตัวเองมีอยู่เท่านั้นแล้วล่ะ!"



     เรอาพยักหน้าเหมือนกับกำลังทำความเข้าใจในทุกระเบียดคำพูดของเมโรเน่ทั้งที่แทบจะไม่มีอะไรหลุดเข้าไปในสมองที่แม้แต่เรื่องที่เทพตกสวรรค์และเทพแห่งสวรรค์เป็นศัตรูกันก็ยังไม่เข้าใจ ซึ่งเรื่องนี้เมโรเน่ก็เข้าใจดีและยิ่งทำให้ความหงุดหงิดภายในใจของเธอพุ่งขึ้นสูงและระเบิดออกมาเป็นการสยายปีกแห่งเทวทูตนั่นเอง



     "งั้นเองเหรอ... การที่เธอมาร่วมเดินทางกับเทพตกสวรรค์อย่างฉันถือเป็นเรื่องต้องห้ามของเผ่าพันธุ์เธอสินะ!?"


     "ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วสินะ! แต่ว่านะ... ต่อให้พวกเราจะแยกทางกันไปตามทางของตัวเอง จุดยืนของฉันก็ยังไม่เปลี่ยน และเมื่อความตึงเครียดของเหล่าเทพอัดแน่นถึงขีดสุด...ตอนนั้นแหละที่ทางสวรรค์จะส่งเทวทูตระดับสูงลงมาจัดการฉัน-"



     "แบบเดียวกับที่เทพตกสวรรค์ส่งสองคนนั่นมาจัดการฉันน่ะเหรอ!?"



     เรอารู้ดีว่าเมโรเน่เป็นคนที่พูดน้อย แต่หากว่ามีเครื่องกระตุ้นให้เธอต้องพูดแล้วจะจ้อไม่หยุดเหมือนเขื่อนที่กักเก็บน้ำเอาไว้ทำเกษตรกรรม หากแต่เพราะคำพูดเดียวของคนที่พูดไม่หยุดอย่างเรอานั้นกลับมีพลังที่มากพอที่จะสะกดความแตกกระเจิงของระบบสมองของเมโรเน่เอาไว้ได้



     "เอาจริงๆไหมล่ะ..! จุดยืนของฉันก็ไม่ได้ต่างไปจากเธอนักหรอก... การที่ฉันคบค้าสมาคมกับทูตสวรรค์อย่างเธอมันก็ไม่ต่างอะไรกับหอกข้างแคร่ของเทพตกสวรรค์นักหรอก และยิ่งการที่ฉันเป็นบุตรสาวของเทพตกสวรรค์ที่ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับมหาเทพตกสวรรค์ 'อาสทารอธ' ก็ยิ่งทำให้ฉันตกเป็นเป้าที่ต้องกำจัดทิ้งในเร็ววันของเหล่าเทพตกสวรรค์ด้วย เพราะงั้นฉันกล้ารับประกันเลยว่าหากพวกเราแยกจากกันตามที่เธออยากจะสื่อจริงๆ...พวกเราคงมีชีวิตรอดได้ไม่เกินแสงอรุณของวันพรุ่งนี้แน่!"



     สายตาที่สื่อถึงความตั้งใจและความมั่นใจที่เป็นของจริงของเรอานั้นทำให้เมโรเน่ไม่สามารถเอ่ยคำพูดที่เธอต้องการจะปล่อยออกไปตั้งแต่แรกได้อีกต่อไปแล้ว สรุปก็คือ...หากเธออยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อที่จะบรรลุจุดมุ่งหมายของเธอตั้งแต่แรก ทูตสวรรค์อย่างเธอจำเป็นที่จะต้องร่วมเดินทางกับเทพตกสวรรค์ที่มีจุดยืนและสถานภาพเดียวกันจริงๆเหรอเนี่ย!?




     เมโรเน่ทำปากสั่นราวกับมีคำพูดที่อยากจะสื่อออกมาให้เพื่อนคนสำคัญ...หรือเคยสำคัยของเธอได้รับรู้ซึ่งก้ไม่ค่อยจะมีความกล้าสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นเรอาก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากนัก เพราะเหตุมาจากการต่อสู้กับนางฟ้าตกสวรรค์เมื่อสองวันก่อนนั้นได้ทำให้ม้าของทั้งคู่แตกตื่นและวิ่งหนีไปจนตามกลับมาไม่ทัน และเช่นนั้นเองที่ทำให้ทั้งสองยังเดินทางไปไม่ถึงจุดหมายสักที...




     "ก็ได้..! ฉันจะเดินทางไปกับเธอด้วยก็ได้!! เห็นแก่ที่เธอไม่ฆ่าฉันเลยตลอดสองวันมานี่แล้วกัน!!"


     คำพูดของเมโรเน่ที่พูดกับเรอานั้นฟังดูไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่ ราวกับว่าเมโรเน่ไม่ค่อยอยากจะเดินทางไปด้วยกันกับมือปราบมารที่ไม่มีจุดมุ่งหมายในตัวเองเป็นแผนสองแผนสามรองรับสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างสุดขีดเพื่อปกป้องตัวเองและเพื่อนร่วมเดินทางเลย

     ราวกับว่าหากเมโรเน่ร่วมเดินทางไปกับเรอาแล้วจะได้พบกับความตายที่เลวร้ายยิ่งกว่าถูกทูตสวรรค์ด้วยกันฆ่าทิ้งอย่างนั้นแหละ...



     "ฉันจะร่วมเดินทางไปกับเธอด้วย!! จนกระทั่งพวกเราเอาชนะเจ้าแวมไพร์นั่นได้แล้วค่อยแยกทางกัน!! แบบนี้โอเคใช่ไหมล่ะ!!!"



     ท่าทีของเมโรเน่ที่ตอบคำถามของเธออย่างไม่เต็มปากเต็มคำนั้นทำให้เรอาได้แต่หัวเราะในความลังเลที่ตัดไม่ขาดของเพื่อนสาวของเธอ ถึงอย่างนั้นเรอาก็หันกลับมาถามความตั้งใจจริงๆของเมโรเน่ด้วยใบหน้าที่กลั้นรอยยิ้มเอาไว้อย่างสุดความสามารถ



     "สรุปแล้วเธอจะเอายังไง..!? ถ้าเธอตัดสินใจจะอยู่กับฉันแล้ว...ดีไม่ดีคืนนี้อาจจะมีทูตสวรรค์ลงมาจัดการเธอเลยก็ได้นะ คิดดูให้ดีๆ..."




     "ฉันตัดสินใจดีแล้วน่า!! ว่าฉันจะเดินทางไปปราบแวมไพร์นั่นหาความดีความชอบเข้าตัว...ถึงตอนนั้นแล้วท่านอัครเทพคงจะยอมให้อภัยฉันแล้วลงมาจัดการเธอแค่คนเดียวก็ได้!!
เตรียมตัวมองความสง่างามของท่านอัครเทพเวลาที่ท่านใช้พลังศักดิ์สิทธิ์จัดการเทพตกสวรรค์อย่างเธอให้ดีๆแล้วกัน!!"








     และแล้วการเดินทางเพื่อปราบมอนสเตอร์ของสองสาวที่มีความขัดแย้งกันมาตั้งแต่แรกเห็นก็ได้เริ่มขึ้นด้วยสนธิสัญญายินยอมว่าจะไม่แยกจากกัน,ไม่ทำร้ายกัน และไม่ทอดทิ้งกันเวลาเผชิญหน้ากับปีศาจที่แข็งแกร่งกว่าหลายเท่าตัว

     และด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ทั้งสองมีโดยไม่จำเป็นต้องสวดอวยพรแด่พระผู้เป็นเจ้า...หรือจริงๆคือสวดให้ไม่ได้นั้นก็ทำให้ทั้งสองคนที่ไม่ปรารถนาจะเป็นมือปราบมารมาตั้งแต่แรกนั้นสามารถช่วยเหลือผู้คนได้เป็นจำนวนมาก


          
          แม้ว่าแต่ละคนนั้นจะมีความบื้อในแบบฉบับของตัวเองก็ตามที...



                         "ฮ่าห์...!!!"



     คมดาบและขอบโล่ที่ประจุไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งเทวทูตและเทพตกสวรรค์ทั้งสองซึ่งหลอมรวมเป็นหนึ่งนั้นได้ฟาดฟันทำลายความชั่วร้ายที่ปกคลุมดินแดนที่เคยอบอวลไปด้วยแสงตะวันที่แรงกล้านี้จนย้อมแผ่นดินไปด้วยประกายแสงสีเหลือง
     
     และเพราะการปรากฏตัวขึ้นของสองมือปราบมารที่เดินทางด้วยเท้าราวกับวีรบุรุษแห่งแดนตะวันตกที่เต็มไปด้วยทะเลทรายนั้นเองจึงทำให้ทั่วทุกพื้นที่ที่ทั้งสองผ่านไปนั้นสามารถกลับมาสัญจรได้อย่างสะดวกดังเดิม แม้ว่ามันจะแลกมาด้วยเลือดเนื้อก็ตามที...



     "เมโรเน่..!! จัดการมันเลย!!!" เสียงหญิงสาวตะโกนลั่นให้เพื่อนของเธอใช้การโจมตีปิดฉากการรุกรานของปีศาจ


     "รับทราบ!! ยัยเทพตกสวรรค์!!!"



     ลำแสงสีเหลืองที่แสดงถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่กล้าแข็งเท่าทวยเทพแห่งสวรรค์นั้นถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามือที่เหยียดออกเป็นแพของเมโรเน่เข้าจู่โจมร่างของปีศาจวัวที่ครอบครองขวานที่ทรงพลังอย่างหนักหน่วงจนเจ้าของร่างไถลไปกับพื้นเป็นระยะทางพอที่จะเปิดถนนอีกเส้น มันแผดเสียงร้องอย่างโมโหในขณะที่ทูตสวรรค์ดังกล่าวรามือจากมันอย่างช่วยไม่ได้




     "ยังมีแรงดีอยู่สินะ...คุณมิโนทอร์ที่รักของชาวบ้าน ถ้าอย่างนั้นลองวางมือจากทูตสวรรค์มาเล่นกับฉันบ้างดีกว่านะ!"



     ทันทีที่ปีศาจที่โกรธอย่างสุดขีดดันตัวลุกขึ้นมาจากพื้นด้วยบาดแผลที่เกิดจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังยิ่งกว่ามือปราบมารทั่วๆไปจะมีนั้นเอง... สายตาของมันก็มองเห็นขนนกสีดำลอยไปทั่วบริเวณรอบตัวของมัน ก่อนที่ร่างของนางฟ้าอีกคนหนึ่งจะค่อยๆลอยลงมาจากท้องฟ้ามาอยู่ตรงหน้ามันอย่างใจเย็น



                      โฮกกกก.....!!! 




     "ดูเหมือนว่าโลกใต้พิภพจะเลี้ยงดูแกมาดีนะ แกถึงได้แข็งแกร่งและมีกล้ามเป็นมัดๆแบบนี้... ที่จริงแล้วฉันก็มีชีวิตอยู่บนพื้นดินไม่ได้อยากรู้หรอกว่าโลกที่แกมามันเป็นยังไง"


     ในมือของเรอาที่กำลังชวนมิโนทอร์พูดคุยอย่างสงบเสงี่ยมนั้นมีลูกพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างมากกว่าเมื่อครั้งที่ต่อสู้กับนางฟ้าตกสวรรค์ หลังจากที่ผ่านการต่อสู้ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมามาก เธอก็ได้พัฒนาการรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ขึ้นจนเริ่มจะใกล้เคียงกับแบบที่เมโรเน่ทำได้ขึ้นมาแล้ว แม้ว่ามันจะยังห่างชั้นกันอยู่มากก็ตาม...




     "แต่สิ่งที่ฉันพอจะทำให้แกได้ก็มีแต่...ส่งแกกลับไปยังที่ๆแกจากมาเท่านั้นแหละ!!"



     รอยยิ้มที่แฝงด้วยความอำมหิตในแบบฉบับของเทพตกสวรรค์ที่เรอาเผยให้ปีศาจร่างใหญ่นั้นได้เห็นถูกชักกลับเป็นจังหวะเดียวกับคลื่นพลังศักดิ์สิทธิ์สีม่วงที่ปลดปล่อยออกมาจู่โจมร่างของมิโนทอร์จนแผดเสียงร้องดังลั่นออกมาก่อนจะสลายไป พร้อมกับชัยชนะอันแสนยากเย็นจะถูกยื่นเข้ามาในกำมือของเหล่านางฟ้าทั้งสองโดยไม่มีผู้ใดคิดจะแย่งชิงมันไปแม้แต่น้อย





     และหลังจากที่ทั้งสองกลับไปยังหมู่บ้านที่ถูกปีศาจสังหารหมู่จนเหลือผู้คนเพียงครึ่งเพื่อยืนยันชัยชนะจนกลับออกมาจากสถานที่ที่มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งโดยไม่รับของตอบแทนใดๆแล้ว ทั้งสองก็ปรึกษากันเรื่องข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้... ซึ่งก็เห็นกันจะๆอยู่แล้ว



     "เรอา... เมื่อกี้พลังของเธอยังไม่เสถียรดีเท่าที่ควรนะ ระดับแค่นั้นยังดึงเอาพลังทั้งหมดของเธอออกมาไม่ได้หรอก"


     "นั่นน่ะสินะ..! ไว้คราวหน้าจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นแล้วกัน ว่าแต่ไอ้การที่จะรักษาพลังที่ปล่อยออกมาเป็นลูกบอลกลมๆนั่นมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ!?"



     "สำคัญสิ! อันที่จริงพลังศักดิ์สิทธิ์ของฉันกับเธอก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่...สามารถใช้จัดการพวกปีศาจได้เหมือนกัน เพียงแต่ถ้าเอาพลังที่เธอมีหน่วงให้เป็นลูกพลังได้แล้วปล่อยออกไป มันจะมีพลังทำลายที่สูงขึ้นมากเลยล่ะ!"



     เรอาก้มลงมองมือขวาของตัวเองที่มีสัญลักษณ์ที่เขียนด้วยน้ำมันดิบเป็นจุดสนใจเพียงหนึ่งเดียวในการรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างให้กระจุกตัวอยู่ในที่ๆเดียว แม้ว่ามันจะผ่านมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วก็ยังฝึกไม่สำเร็จก็ตามที...


     "ถ้างั้นฉันคงต้องออมพลังลงหน่อยแล้วล่ะ...ถ้าทำแบบนั้นมันจะหน่วงพลังได้ง่ายกว่าปล่อยออกมารวดเดียวหมด"



     "ทำงั้นไม่ได้นะ!! ในการที่จะรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์น่ะต้องปล่อยออกมารวดเดียวแล้วค่อยหน่วง!! ไม่เชื่อเธอลองดูนี่..."



     เมโรเน่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาแล้วปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เธอมีออกมาพร้อมกันทั้งสองข้าง ซึ่งในมือข้างหนึ่งจะมีละอองพลังกระจุกตัวอยู่เป็นจำนวนมากคล้ายกับที่เรอาทำมาเมื่อก่อนหน้านี้ ส่วนที่มืออีกข้างหนึ่งมีเพียงลูกพลังสีเหลืองลูกเล็กๆลอยอยุ่เหนือฝ่ามือในขนาดเท่าหัวเข็มหมุดเท่านั้น


     "ในมือขวาของฉันที่เห็นเป็นละอองแสงคือแบบที่ออมพลังเอาไว้แล้วค่อยหน่วงตามที่เธอตั้งใจจะทำ ส่วนที่มือซ้ายจะเป็นแบบที่ฉันทำเป็นประจำ... ฉันจะแสดงให้เธอเห็นถึงความแตกต่าง"



     เมโรเน่หันไปยังโขดหินที่ตั้งอยู่คู่กันท่ามกลางทะเลทรายร้างเพื่อให้เรอาสามารถเปรียบเทียบสิ่งที่เธอพูดออกมาเมื่อก่อนหน้านี้ได้อย่างสะดวก



     "ก่อนอื่นฉันจะใช้พลังที่มือขวาโจมตีหินก้อนนั้นก่อน... เธอลองจับตาดูให้ดีๆก็แล้วกัน!"


     หลังจากที่พูดจบ เมโรเน่ก็เหวี่ยงแขนขวาปล่อยละอองแสงไปยังโขดหินที่อยู่ทางซ้ายอย่างรวดเร็ว ซึ่งพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เมโรเน่ปล่อยออกไปนั้นเมื่อกระทบกับโขดหินนั้นก็กัดเซาะพื้นผิวของมันไปเรื่อยๆจนเหลือเพียงเศษกรวดเล็กๆเท่านั้น


          "สุดยอด..."


     "ทีนี้ฉันจะใช้พลังที่มือซ้าย...ดูให้ดีๆล่ะ!!"



     ยังไม่ทันที่ละอองแสงที่โขดหินก้อนแรกจะสลายไปหมด เมโรเน่ก็ชี้แขนไปยังโขดหินทางด้านขวาพร้อมกับปล่อยลูกพลังแสงไปยังเป้าหมายตรงหน้าในทันที ซึ่งเรอาสัมผัสได้ว่าในการโจมตีครั้งที่สองของเมโรเน่นั้นมีพลังแฝงอยู่น้อยกว่าคลื่นแสงครั้งแรกเสียอีก ดูยังไงมันก็ไม่น่าจะทำลายโขดหินหนาได้เลยแท้ๆ...



                      โครม...!! 



     "ทีนี้เห็นแล้วหรือยัง...ความแตกต่างของการหน่วงที่สมบูรณ์น่ะ!?"



     เรอาไม่อยากจะเชื่อในสายตาของตัวเอง เพียงสัมผัสแรกที่พลังศักดิ์สิทธิ์ที่อัดแน่นเป็นก้อนกลมของเมโรเน่กระทบเข้ากับผิวก้อนหินนั้น มันก็ออกแรงปะทะที่รุนแรงจนทะลวงโขดหินนั้นเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ในทันที ราวกับว่ามันมีพลังแฝงที่สูงกว่าคลื่นละอองแสงเมื่อครู่นี้เสียอีก


     "เมื่อกี้ฉันออมๆพลังเอาไว้หน่อยน่ะ...ถ้าฉันเอาจริงทะเลทรายทั้งแถบคงได้หายไปแล้ว"



     สุดๆไปเลย..! ขนาดเมโรเน่ออมพลังเอาไว้นิดหน่อยจนการหน่วงพลังมีจุดที่ไม่เสถียรนิดหน่อยยังทำได้ขนาดนี้ ขนาดละอองพลังที่ใช้พลังมากกว่ายังทำได้แค่กัดเซาะ...แต่ของยัยนี่เล่นเอาทะลุไปถึงอีกด้าน ถ้าตอนนั้นเราต้องสู้กับเมโรเน่ตรงๆคงไม่ต่างอะไรกับโขดหินเมื่อกี้นี้แน่!!






"เอาล่ะ..! จะไปกันได้หรือยัง!? นี่ขนาดพวกเราเดินเท้ามาตั้งหลายอาทิตย์แล้วยังไปไม่ถึงหมู่บ้านที่ว่านั่นเลย... เจ้าแวมไพร์นั่นใช้ความเร็วในการเดินทางเท่าไหร่กันนะ"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา