Revamp ศึกนางฟ้าสยบทวยเทพ
เขียนโดย CyCloEclipse
วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 16.32 น.
แก้ไขเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ. 2556 13.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ราตรีที่ขนนกสีดำลอยล่อง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ "เธอคิดว่าพวกเราจะจัดการเด็กสองคนนั้นยังไงดี...เมร่า!?"
"นั่นสินะ...แล้วแต่เธอแล้วกัน เทสล่า"
ตรงหน้ามือปราบมารสาวมือใหม่ทั้งสองที่หันกลับมามองในตำแหน่งเดียวกันหลังจากที่สังเกตเห็นสิ่งแปลกปลอมที่ตกลงมาจากฟากฟ้าที่ถูกแสงจันทร์เปิดเผยรูปลักษณ์ของมันจนเห็นเด่นชัดจรดปลายเส้นขน เจ้าบางอย่างที่คล้ายกันเศษผงที่ร่วงลงมาจากข้างบนเพดานม่านฟ้านั้นดูเป็นสิ่งที่เมโรเน่คลุกคลีอยู่กับมันอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ของที่เธออยู่เคียงใกล้นั้นมีสีที่ต่างออกไปคนละโทน มันช่างเป็นสีที่โสโครกราวกับอีกาไม่มีผิด
"จำที่ฉันบอกได้หรือเปล่าว่าพวกที่ได้รับพลังของพระจันทร์เต็มดวงจนแข็งแกร่งขึ้นไม่ได้มีแค่พวกปีศาจเท่านั้น..."
"อืม... ก็จำได้อยู่แล้วล่ะ เธอเพิ่งจะพูดเมื่อกี้ไม่ใช่เหรอ!?"
"นั่นสินะ..! ยัยป้าสองคนนี้แหละคืออีกสิ่งหนึ่งที่ฉันพูดถึงเมื่อกี้..."
สิ่งที่ตกลงมาจากท้องฟ้ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเรอาสองต่อสองนั้นคือ ผู้หญิงรูปร่างน่ารักน่าครอบครองสองคนที่มีลักษณะคล้ายๆกับเมโรเน่ ปีกทั้งสองข้างที่สยายออกกว้างบนบดบังแสงจันทร์ที่ส่องลงมานั้นก็เหมือนกับของเมโรเน่ เพียงแต่ขนที่ปกคลุมมันเอาไว้นั้นกลับเป็นสีดำสนิทราวกับถูกย้อมด้วยกิเลสอันยากจะต่อต้าน และสีผมดวงตาสีดำสนิทนั้นสะท้อนประกายเย็นยะเยือกกับแสงจันทร์วันเพ็ญจนดูน่ากลัวผิดกับเมโรเน่ที่ประกายดูอ่อนโยนกว่ามาก
หรือว่าเป็นเพราะสีผมของเมโรเน่เป็นสีเหลืองกันนะ...
"เทพตกสวรรค์...งั้นเหรอ!?"
ความรู้สึกของเรอาที่กำลังถือดาบเผชิญหน้ากับนางฟ้าสองคนที่อยู่ตรงหน้านั้นราวกับถูกสูบเอาความกล้าหาญในใจออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุดไม่มีผิด และขณะที่สายตาที่จ้องเขม็งไปข้างหน้าของเมโรเน่นั้นกลับดูแข็งกร้าวมากยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อครั้งที่อสูรแวมไพร์ได้ฝากรอยเขี้ยวเอาไว้ที่ต้นคอของเธอ
"ไม่เห็นต้องทำสายตาแบบนั้นเลยนี่...บุตรสาวแห่งเทวทูตผู้นำดวงวิญญาณผ่านประตูนรก ลูกครึ่งสายเลือดอันโสมมแห่งเหล่าเทวทูต เมโรเน่"
"แล้วก็...ฉันไม่ได้เห็นเธอมานานแค่ไหนแล้วนะ บุตรสาวแห่งวาเรียผู้หาญกล้ายืนหยัดต่อหน้าท่านอาสทารอธโดยไร้หยดเหงื่อ เรอา..."
เหล่านางฟ้าตกสวรรค์สองคนทำการเท้าภูมิหลังโดยย่อของสาวน้อยทั้งสองที่กำลังหันอาวุธเข้าหาพวกเธออย่างไม่มีผิดเพี้ยน เว้นเพียงแต่หญิงสาวผู้มีใจกล้ายิ่งกว่าสตรีใดในโลก "วาเรีย" อันเป็นมารดาที่แท้จริงของเรอาที่พ่อของเธอเคยเล่าให้เธอฟังเท่านั้น ซึ่งด้วยวีรกรรมที่เกินกว่าผู้หญิงจะทำได้นั้นได้ทำให้เรอายกย่องแม่ของเธอว่าเป็น'มือปราบมารที่เก่งกล้าที่สุด'ตามการปรุงแต่งของเธอเอง
ซึ่งวาเรียที่กล่าวมานั้นเป็นเพียงมนุษย์ผู้หญิงธรรมดาที่เสียชีวิตจากการยืนหยัดต่อต้านกองทัพอสุรกายบ้าเลือดอย่างสุดกำลังเพื่อซื้อเวลาให้ชาวเมืองในเมืองของเธอย้ายถิ่นฐานมายังที่อยู่ปัจจุบันให้ได้นานที่สุดแม้จะเป็นเพียงผู้หญิงที่ไร้พลังเท่านั้น แล้วอาสทารอธที่ว่านั้นเป็นถึง...
"พวกแกว่าอะไรนะ..!? พวกแกพูดว่าแม่ฉันกล้ายืนหยัดต่อสู้กับ'อาสทารอธ' หนึ่งในผู้นำของเหล่าเทพตกสวรรค์ผู้เป็นรองเพียงมหาเทพตกสวรรค์ 'อาซาเซล' คนนั้นน่ะเหรอ!"
เรอาตะโกนถามนางฟ้าตกสวรรค์ที่เปิดประเด็นไม่น่าไว้วางใจเมื่อครู่นี้ด้วยความกระหายคำตอบอย่างสุดชีวิต แต่เมโรเน่ก็ได้เข้ามาเตือนสติที่แตกกระเจิงของเธอให้กลับคืนมาดังเดิมก่อนที่จะเกิดการสูญเสียโดยไม่จำเป็น
"เธอคิดจะทำอะไร เมโรเน่..!? ฉันยังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าพวกนั้นอีกเป็นกองเลยนะ!!"
"เธอนั่นแหละคิดจะทำอะไรกันแน่!! เรื่องที่แม่ของเธอเคยทำวีรกรรมอะไรเอาไว้กับพวกเทพตกสวรรค์น่ะเอาไว้จัดการพวกนั้นได้แล้วค่อยถามก็ได้ไม่ใช่เหรอ!!!"
และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาและกำลังรบโดยไม่คำนึงถึงความต่างชั้นของมนุษย์และนางฟ้า เมโรเน่ได้มอบโล่ศักดิ์สิทธิ์ของเธอแก่เรอาก่อนจะบุกเข้าไปปะทะหมัดกับเหล่านางฟ้าตกสวรรค์ทั้งสองอย่างรวดเร็วจนเรอายังสามารถทำได้เพียงรับโล่ที่เมโรเน่โยนเข้ามาเท่านั้น
"สมแล้วที่เป็นถึงนางฟ้าตกสวรรค์เลือดแท้... พละกำลังเหลือร้ายจริงๆ เมร่า!!"
เมโรเน่ออกแรงดันหมัดของตัวเองอย่างสุดกำลังกับนางฟ้าตกสวรรค์ที่มีการแบ่งหน้าที่กันเป็นอย่างดี ซึ่งในระหว่างที่เมร่ากำลังต้านทางเมโรเน่เอาไว้นั้น เทสล่าก็พุ่งเข้าไปจัดการเรอาที่ไม่ทันตั้งตัวแล้ว...
"เร่งพลังดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือสิ!! เรอา!!!"
"เอาเพิ่งออกคำสั่งฉันตอนนี้สิฟะ!! ฉันทำอะไรไม่ถูกนะเฟ้ย!!!"
เรอาที่ตะโกนเถียงกับเมโรเน่โดยไม่ดูสถานการณ์ที่เป็นอันตรายอยู่ตลอดเวลานั้นได้ทำตามคำแนะนำของเธอจนสามารถรับหมัดที่ปล่อยออกมาอย่างสุดแรงของนางฟ้าที่บุกเข้ามาเล่นงานได้ทันท่วงที หลังจากที่ได้จับดาบจนถนัดมือขึ้นมาแล้ว เรอาก็ตวัดดาบออกจนนางฟ้าตกสวรรค์ต้องถอยออกไปตั้งหลักก่อนจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อไม่ให้เรอาตามเธอขึ้นไปได้
"อย่าบินขึ้นไปสิฟะ!! ลงมาเล่นกับฉันตัวต่อตัวเลยเซ่!!!" เรอาตะโกนขึ้นฟ้าอย่างหงุดหงิด ซึ่งเทสล่าก็ยิ้มรับไว้
"งั้นฉันจะลงไปล่ะนะ!"
สิ้นเสียงพูดที่บอกถึงสิ่งที่เจ้าตัวกำลังจะลงมือทำ เทสล่าก็รวบรวมพลังเอาไว้ที่มือขวาเป็นลูกพลังสีดีแกมม่วงเล็กๆพร้อมปล่อยออกไปหาเรอาที่ไม่มีปีกตามเธอขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยใบหน้าที่ดูแคลนมนุษย์เดินดินที่ไร้พลัง ลูกพลังของเธอเมื่อหลุดออกจากมือแล้วก็พุ่งตรงไปเป็นเส้นตรงที่มีความเร็วสูงจนสายตามนุษย์ธรรมดามองตามแทบไม่ทัน
"ย้าก!!!!!!!!!!!"
ราวกับรู้ว่าควรจะทำอะไรต่อ เรอาที่เพิ่งจะได้ทดลองใช้โล่ศักดิ์สิทธิ์ของเมโรเน่ได้เร่งพลังศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงอยู่ในโล่ที่มือซ้ายของเธอขึ้นจนมีออร่าแสงขยายออกจากพื้นผิวต้านการโจมตีของเทสล่าเอาไว้ได้อย่างพอดิบพอดี ราวกับสายตาของเรอานั้นได้เปลี่ยนมาจากเหยี่ยวที่ร่อนอยู่บนท้องฟ้าสูงอย่างนั้น...
"รับไปเลย..!! พลังแห่งโล่ศักดิ์สิทธิ์...เอลเกีย!!!"
และเมื่อเรอาเร่งพลังของโล่นั้นขึ้นไปอีก ที่ด้ามจับโลหะของโล่ศักดิ์สิทธิ์นั้นก็ได้เปลี่ยนสภาพไปเป็นแสงสีเหลืองที่ยืดยาวออกไปได้ไร้ขีดจำกัด สาวน้อยจับด้ามแสงของโล่เอาไว้พร้อมกับออกแรงเหวี่ยงโว่ที่เชื่อมติดกับอาวุธของเธอไปรอบบริเวณเพื่อช่วยเมโรเน่ต่อสู้ด้วย ซึ่งทั้งเทสล่าและเมร่าก็สามารถหลบการโจมตีครั้งนั้นของเรอาได้อย่างสบายเพราะความเร็วที่ยังด้อยของเธอ ซึ่งเรอาก็หวังให้มันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว...
"โล่ของเธอ เธอก็ต้องใช้ถนัดมือกว่าจริงไหม!!"
และในที่สุดอาวูุธที่เป็นได้ทั้งเครื่องป้องกันและอุปกรณ์โจมตีของเมโรเน่ก็ได้กลับคืนสู่เจ้าของเดิมของมันในสภาพที่พลังศักดิ์สิทธิ์ได้พุ่งขึ้นสูง ซึ่งเมโรเน่ก็ได้อัดพลังในร่างเข้าไปเสริมจนโล่นั้นเปล่งประกายแสงสีทองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่วนคมที่มีเพียงความแหลมคมของอาวุธได้ถูกประกายแสงล้อมรอบและอัดแน่นจนกลายเป็นคมแสงที่สามารถบั่นทุกสิ่งลงได้เพียงการสัมผัสที่บางเบา
"เรอา...พลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอมันก็แค่ระดับพื้นฐานถ้าเทียบกับเทวทูตที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวอย่างไร้ขีดจำกัดอย่างพวกเรา แต่เพลงดาบของเธอร้ายกาจกว่าฉันมากนะ... ลองเพ่งสมาธิและพลังศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ที่จุดๆเดียวดูสิ"
คิดว่าอย่างเรอาจะทำตามคำแนะนำของเมโรเน่อย่างนั้นเหรอ...ทำสิ! เมื่อเรอาทำการเพ่งสมาธิเอาไว้ที่ปลายดาบเพียงตำแหน่งเดียว พลังแสงที่โอบล้อมดาบเล่มนั้นอยู่ก็ย้ายไปกระจุกตัวอยู่ที่ส่วนแหลมเพียงตำแหน่งเดียวจนยืดยาวออกเป็นหอกแห่งแสงที่สามารถทะลวงได้แม้แผ่นเหล็กแข็งกร้าว
หากแต่อีกฝ่ายเป็นถึงนางฟ้าที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์อยู่ในกายเช่นเดียวกับเทวทูตอย่างเมโรเน่ และยิ่งมีความแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าเมื่อเทียบกันทางสายเลือดแท้และเลือดผสม
"แล้วยังไงต่อ..!? คิดว่าแค่จับจุดของพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างมนุษย์ได้แล้วมันจะสักเท่าไหน่กันเชียว... ในเมื่อพวกเรามีพลังเพิ่มขึ้นจากแสงจันทร์..."
นางฟ้าตกสวรรค์ทั้งสองสยายปีกลอยขึ้นไปกลางท้องฟ้าทันทีเมื่อรู้ว่าคู่ต่อสู้ของพวกเธอเริ่มชำนาญในการควบคุมพลังศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทีละนิดแล้ว ซึ่งจุดประสงค์ของพวกเธอนั้นไม่ได้มีเพียงการบินขึ้นไปให้พ้นจากระยะแทงของดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือของเรอาเท่านั้น ยังมีอีกอย่างเพื่อรับพลังจากแสงจันทร์ที่ส่องลงมาอีกด้วย
แต่แล้วสิ่งที่ทั้งสองไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้นเมื่อแสงจันทร์เริ่มจางลงทีละนิดจนเริ่มสังเกตได้ชัดเจน
"ทำไมแสงจันทร์ถึงได้...ทั้งๆที่คืนนี้ก็ไม่ได้มีเมฆสักหน่อย อะ!!"
และเมื่อเหล่านางฟ้าทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่อยู่ด้านบนก็เข้าใจเหตุผลในทันที สิ่งที่ทำให้แสงจันทร์เริ่มจางลงเมื่อครู่นี้ไม่ได้มาจากก้อนเมฆที่เคลื่อนตัวเข้ามาบดบังดวงจันทร์ดังเช่นปกติ หากแต่เป็นเงาดำของโลกต่างหากที่เข้าไปบดบังแสงจันทร์จนจางหายไปไม่ว่าจะมองจากตำแหน่งใดของโลกในช่วงค่ำคืนต่างหาก...
"ใช่..! จันทรคราส! ดูเหมือนพวกเธอคงต้องรีบฆ่าฉันให้ได้โดยเร็วแล้วล่ะ... ไม่อย่างนั้นฉันนี่แหละที่จะเป็นคนฆ่าพวกเธอเอง"
เรอากล่าวคำพูดท้าทายเหล่านางฟ้าตกสวรรค์ก่อนจะกวักนิ้วเรียกพวกเธอเข้ามาหาด้วยตัวเองเป็นการท้าทายอำนาจมืดอย่างที่ไม่น่าให้อภัยอย่างที่สุด
"จะเอาอย่างนั้นเหรอเจ้ามนุษย์..! เอางั้นก็ได้!! ฉันจะฆ่าแกโดยไม่ให้มีเสียงร้องออกมาเลยสักแอะ"
เทสล่าและเมร่ารวบรวมพลังความมืดเข้าจู่โจมเรอาที่ปักหลักอยู่บนพื้นโดยมีเมโรเน่ช่วยใช้พลังศักดิ์สิทธิ์คอยสกัดกั้นพลังของนางฟ้าตกสวรรค์เอาไว้ให้ ซึ่งลูกพลังที่หลุดรอดออกมาซึ่งเมโรเน่สกัดไม่ทันนั้นก็ถูกดาบศักดิ์สิทธิ์ที่อาบลำแสงจากร่างของเรอาจัดการผ่าออกจนหมด
เป็นจังหวะเดียวกับที่ความมืดซึ่งกลืนกินแสงจันทร์ไปเรื่อยๆนั้นค่อยๆขยายอาณาบริเวณกว้างขึ้นจนบดบังแสงจันทร์เกือบทั้งหมดเอาไว้ และแล้วในที่สุด...จันทรคราสเต็มดวงก็ได้ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าจนได้!!
"หึๆ..! ฉันบอกพวกแกไปแล้วนะว่าให้รีบๆฆ่าฉันก่อนที่จันทรคราสจะครอบคลุมดวงจันทร์ทั้งหมด ทีนี้ก็ถงตาฉันเล่นพวกแกบ้างล่ะนะ!"
"อย่าโอหังนักเจ้ามนุษย์..!! กับแค่แสงจันทร์หายไปก็ไม่ได้ทำให้พลังที่พวกเรามีหายไปเลยสักนิด และเมื่อดวงจันทร์ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง...คราวนี้แหละที่พวกเราจะจัดการพวกแกขั้นเด็ดขาดไปเลย!!"
"ก็...ถ้าพวกแกมีโอกาสได้ฆ่าฉันน่ะนะ!"
นางฟ้าตกสวรรค์ทั้งสองยิ้มกริ่มในความคิดที่ไร้การสร้างสรรค์ของเรอาที่คิดจะเอาชนะพวกเธอเมื่อแสงจันทร์เลือนหายไป เพราะเพียงแค่พวกเธอยังคงลอยอยู่กลางท้องฟ้า...คู่ต่อสู้ของพวกเธอก็มีเพียงเมโรเน่ที่เป็นเทวทูตเท่านั้น และพวกเธอไม่มีทางแพ้ในการต่อสู้รุมสองแบบนั้นแน่... แต่แล้วทั้งสองก็ได้รู้ว่าพวกเธอคิดผิดอย่างมหันต์!
"เมโรเน่... เธอรู้จัก'วาเรีย'มากแค่ไหนเหรอ!?"
เรอาเผยรอยยิ้มออกมาหลังจากที่สัมผัสได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นตั้งแต่ที่จันทรคราสเกิดขึ้นจนกลายเป็นจนทรคราสเต็มดวง และเมื่อแสงจันทร์ปรากฏขึ้นมากลางท้องฟ้าอีกครั้งหนึ่ง...ทั่วร่างของเรอาก็มีแสงสีม่วงกระจายออกมาจนเมโรเน่รู้สึกได้ถึงความรังเกียจที่มีมากขึ้นกว่าเดิมอัดแน่นอยู่ภายในอก
"วาเรีย... แม่ของฉันที่ว่าก็คล้ายๆกับแม่ของเธอนั่นแหละ เพียงแต่ต่างกันนิดหน่อย..."
เรอาเผยรอยยิ้มที่เหมือนกับมีน้ำตาแฝงอยู่จนเมโรเน่รู้สึกสังหรณ์ไม่ดี ในตอนนั้นเองที่แผ่นหลังของเรอาก็มีสิ่งแปลกปลอมงอกออกมาจนทะลุเสื้อเป็นรูขนาดใหญ่ พร้อมกับขนนกที่สะท้อนประกายเยือกเย็นดุจแสนจันทร์
"ที่ฉันกับเธอจะเกลียดกันตั้งแต่แรกก็ไม่แปลกหรอก เพราะฉันคือ...บุตรสาวแห่งเทพตกสวรรค์ไงล่ะ!"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ